Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๒. อนุสฺสติวโคฺค
2. Anussativaggo
๑. ปฐมมหานามสุตฺตํ
1. Paṭhamamahānāmasuttaṃ
๑๑. เอกํ สมยํ ภควา สเกฺกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมิํ นิโคฺรธาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู ภควโต จีวรกมฺมํ กโรนฺติ – ‘‘นิฎฺฐิตจีวโร ภควา เตมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’ติฯ อโสฺสสิ โข มหานาโม สโกฺก – ‘‘สมฺพหุลา กิร ภิกฺขู ภควโต จีวรกมฺมํ กโรนฺติ – ‘นิฎฺฐิตจีวโร ภควา เตมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’’ติฯ
11. Ekaṃ samayaṃ bhagavā sakkesu viharati kapilavatthusmiṃ nigrodhārāme. Tena kho pana samayena sambahulā bhikkhū bhagavato cīvarakammaṃ karonti – ‘‘niṭṭhitacīvaro bhagavā temāsaccayena cārikaṃ pakkamissatī’’ti. Assosi kho mahānāmo sakko – ‘‘sambahulā kira bhikkhū bhagavato cīvarakammaṃ karonti – ‘niṭṭhitacīvaro bhagavā temāsaccayena cārikaṃ pakkamissatī’’’ti.
อถ โข มหานาโม สโกฺก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข มหานาโม สโกฺก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต – ‘สมฺพหุลา กิร ภิกฺขู ภควโต จีวรกมฺมํ กโรนฺติ – นิฎฺฐิตจีวโร ภควา เตมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติฯ เตสํ โน, ภเนฺต, นานาวิหาเรหิ วิหรตํ เกนสฺส 1 วิหาเรน วิหาตพฺพ’’นฺติ?
Atha kho mahānāmo sakko yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho mahānāmo sakko bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bhante – ‘sambahulā kira bhikkhū bhagavato cīvarakammaṃ karonti – niṭṭhitacīvaro bhagavā temāsaccayena cārikaṃ pakkamissatī’ti. Tesaṃ no, bhante, nānāvihārehi viharataṃ kenassa 2 vihārena vihātabba’’nti?
‘‘สาธุ สาธุ, มหานาม! เอตํ โข, มหานาม, ตุมฺหากํ ปติรูปํ กุลปุตฺตานํ, ยํ ตุเมฺห ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุเจฺฉยฺยาถ – ‘เตสํ โน, ภเนฺต, นานาวิหาเรหิ วิหรตํ เกนสฺส วิหาเรน วิหาตพฺพ’’’นฺติ? สโทฺธ โข, มหานาม, อาราธโก โหติ, โน อสฺสโทฺธ; อารทฺธวีริโย อาราธโก โหติ, โน กุสีโต; อุปฎฺฐิตสฺสติ อาราธโก โหติ , โน มุฎฺฐสฺสติ; สมาหิโต อาราธโก โหติ, โน อสมาหิโต; ปญฺญวา อาราธโก โหติ, โน ทุปฺปโญฺญฯ อิเมสุ โข ตฺวํ, มหานาม, ปญฺจสุ ธเมฺมสุ ปติฎฺฐาย ฉ ธเมฺม อุตฺตริ 3 ภาเวยฺยาสิฯ 4 ‘‘อิธ ตฺวํ, มหานาม, ตถาคตํ อนุสฺสเรยฺยาสิ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติฯ ยสฺมิํ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมิํ สมเย ราคปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ, น โมหปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ; อุชุคตเมวสฺส ตสฺมิํ สมเย จิตฺตํ โหติ ตถาคตํ อารพฺภฯ อุชุคตจิโตฺต โข ปน, มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํฯ ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อยํ วุจฺจติ, มหานาม, อริยสาวโก วิสมคตาย ปชาย สมปฺปโตฺต วิหรติ, สพฺยาปชฺชาย ปชาย อพฺยาปโชฺช วิหรติ, ธมฺมโสตสมาปโนฺน พุทฺธานุสฺสติํ ภาเวติฯ
‘‘Sādhu sādhu, mahānāma! Etaṃ kho, mahānāma, tumhākaṃ patirūpaṃ kulaputtānaṃ, yaṃ tumhe tathāgataṃ upasaṅkamitvā puccheyyātha – ‘tesaṃ no, bhante, nānāvihārehi viharataṃ kenassa vihārena vihātabba’’’nti? Saddho kho, mahānāma, ārādhako hoti, no assaddho; āraddhavīriyo ārādhako hoti, no kusīto; upaṭṭhitassati ārādhako hoti , no muṭṭhassati; samāhito ārādhako hoti, no asamāhito; paññavā ārādhako hoti, no duppañño. Imesu kho tvaṃ, mahānāma, pañcasu dhammesu patiṭṭhāya cha dhamme uttari 5 bhāveyyāsi. 6 ‘‘Idha tvaṃ, mahānāma, tathāgataṃ anussareyyāsi – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti. Yasmiṃ, mahānāma, samaye ariyasāvako tathāgataṃ anussarati, nevassa tasmiṃ samaye rāgapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti, na dosapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti, na mohapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti; ujugatamevassa tasmiṃ samaye cittaṃ hoti tathāgataṃ ārabbha. Ujugatacitto kho pana, mahānāma, ariyasāvako labhati atthavedaṃ, labhati dhammavedaṃ, labhati dhammūpasaṃhitaṃ pāmojjaṃ. Pamuditassa pīti jāyati, pītimanassa kāyo passambhati, passaddhakāyo sukhaṃ vediyati, sukhino cittaṃ samādhiyati. Ayaṃ vuccati, mahānāma, ariyasāvako visamagatāya pajāya samappatto viharati, sabyāpajjāya pajāya abyāpajjo viharati, dhammasotasamāpanno buddhānussatiṃ bhāveti.
‘‘ปุน จปรํ ตฺวํ, มหานาม, ธมฺมํ อนุสฺสเรยฺยาสิ – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม สนฺทิฎฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก 7 ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหี’ติฯ ยสฺมิํ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก ธมฺมํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมิํ สมเย ราคปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ, น โมหปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ; อุชุคตเมวสฺส ตสฺมิํ สมเย จิตฺตํ โหติ ธมฺมํ อารพฺภฯ อุชุคตจิโตฺต โข ปน, มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํฯ ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อยํ วุจฺจติ, มหานาม, อริยสาวโก วิสมคตาย ปชาย สมปฺปโตฺต วิหรติ, สพฺยาปชฺชาย ปชาย อพฺยาปโชฺช วิหรติ, ธมฺมโสตสมาปโนฺน ธมฺมานุสฺสติํ ภาเวติฯ
‘‘Puna caparaṃ tvaṃ, mahānāma, dhammaṃ anussareyyāsi – ‘svākkhāto bhagavatā dhammo sandiṭṭhiko akāliko ehipassiko opaneyyiko 8 paccattaṃ veditabbo viññūhī’ti. Yasmiṃ, mahānāma, samaye ariyasāvako dhammaṃ anussarati, nevassa tasmiṃ samaye rāgapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti, na dosapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti, na mohapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti; ujugatamevassa tasmiṃ samaye cittaṃ hoti dhammaṃ ārabbha. Ujugatacitto kho pana, mahānāma, ariyasāvako labhati atthavedaṃ, labhati dhammavedaṃ, labhati dhammūpasaṃhitaṃ pāmojjaṃ. Pamuditassa pīti jāyati, pītimanassa kāyo passambhati, passaddhakāyo sukhaṃ vediyati, sukhino cittaṃ samādhiyati. Ayaṃ vuccati, mahānāma, ariyasāvako visamagatāya pajāya samappatto viharati, sabyāpajjāya pajāya abyāpajjo viharati, dhammasotasamāpanno dhammānussatiṃ bhāveti.
‘‘ปุน จปรํ ตฺวํ, มหานาม, สงฺฆํ อนุสฺสเรยฺยาสิ – ‘สุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ, อุชุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ, ญายปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ, สามีจิปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฎฺฐ ปุริสปุคฺคลา, เอส ภควโต สาวกสโงฺฆ อาหุเนโยฺย ปาหุเนโยฺย ทกฺขิเณโยฺย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญเกฺขตฺตํ โลกสฺสา’ติฯ ยสฺมิํ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก สงฺฆํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมิํ สมเย ราคปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ, น โมหปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ; อุชุคตเมวสฺส ตสฺมิํ สมเย จิตฺตํ โหติ สงฺฆํ อารพฺภฯ อุชุคตจิโตฺต โข ปน, มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํฯ ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อยํ วุจฺจติ, มหานาม, อริยสาวโก วิสมคตาย ปชาย สมปฺปโตฺต วิหรติ, สพฺยาปชฺชาย ปชาย อพฺยาปโชฺช วิหรติ, ธมฺมโสตสมาปโนฺน สงฺฆานุสฺสติํ ภาเวติฯ
‘‘Puna caparaṃ tvaṃ, mahānāma, saṅghaṃ anussareyyāsi – ‘suppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho, ujuppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho, ñāyappaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho, sāmīcippaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho, yadidaṃ cattāri purisayugāni aṭṭha purisapuggalā, esa bhagavato sāvakasaṅgho āhuneyyo pāhuneyyo dakkhiṇeyyo añjalikaraṇīyo anuttaraṃ puññakkhettaṃ lokassā’ti. Yasmiṃ, mahānāma, samaye ariyasāvako saṅghaṃ anussarati, nevassa tasmiṃ samaye rāgapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti, na dosapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti, na mohapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti; ujugatamevassa tasmiṃ samaye cittaṃ hoti saṅghaṃ ārabbha. Ujugatacitto kho pana, mahānāma, ariyasāvako labhati atthavedaṃ, labhati dhammavedaṃ, labhati dhammūpasaṃhitaṃ pāmojjaṃ. Pamuditassa pīti jāyati, pītimanassa kāyo passambhati, passaddhakāyo sukhaṃ vediyati, sukhino cittaṃ samādhiyati. Ayaṃ vuccati, mahānāma, ariyasāvako visamagatāya pajāya samappatto viharati, sabyāpajjāya pajāya abyāpajjo viharati, dhammasotasamāpanno saṅghānussatiṃ bhāveti.
‘‘ปุน จปรํ ตฺวํ, มหานาม, อตฺตโน สีลานิ อนุสฺสเรยฺยาสิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิญฺญุปฺปสตฺถานิ อปรามฎฺฐานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิฯ ยสฺมิํ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก สีลํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมิํ สมเย ราคปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ, น โมหปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ; อุชุคตเมวสฺส ตสฺมิํ สมเย จิตฺตํ โหติ สีลํ อารพฺภฯ อุชุคตจิโตฺต โข ปน, มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํฯ ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อยํ วุจฺจติ, มหานาม, อริยสาวโก วิสมคตาย ปชาย สมปฺปโตฺต วิหรติ, สพฺยาปชฺชาย ปชาย อพฺยาปโชฺช วิหรติ, ธมฺมโสตสมาปโนฺน สีลานุสฺสติํ ภาเวติฯ
‘‘Puna caparaṃ tvaṃ, mahānāma, attano sīlāni anussareyyāsi akhaṇḍāni acchiddāni asabalāni akammāsāni bhujissāni viññuppasatthāni aparāmaṭṭhāni samādhisaṃvattanikāni. Yasmiṃ, mahānāma, samaye ariyasāvako sīlaṃ anussarati, nevassa tasmiṃ samaye rāgapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti, na dosapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti, na mohapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti; ujugatamevassa tasmiṃ samaye cittaṃ hoti sīlaṃ ārabbha. Ujugatacitto kho pana, mahānāma, ariyasāvako labhati atthavedaṃ, labhati dhammavedaṃ, labhati dhammūpasaṃhitaṃ pāmojjaṃ. Pamuditassa pīti jāyati, pītimanassa kāyo passambhati, passaddhakāyo sukhaṃ vediyati, sukhino cittaṃ samādhiyati. Ayaṃ vuccati, mahānāma, ariyasāvako visamagatāya pajāya samappatto viharati, sabyāpajjāya pajāya abyāpajjo viharati, dhammasotasamāpanno sīlānussatiṃ bhāveti.
‘‘ปุน จปรํ ตฺวํ, มหานาม, อตฺตโน จาคํ อนุสฺสเรยฺยาสิ – ‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, โยหํ มเจฺฉรมลปริยุฎฺฐิตาย ปชาย วิคตมลมเจฺฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสามิ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต’ติฯ ยสฺมิํ, มหานาม , สมเย อริยสาวโก จาคํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมิํ สมเย ราคปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ, น โมหปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ; อุชุคตเมวสฺส ตสฺมิํ สมเย จิตฺตํ โหติ จาคํ อารพฺภฯ อุชุคตจิโตฺต โข ปน, มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํฯ ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อยํ วุจฺจติ, มหานาม, อริยสาวโก วิสมคตาย ปชาย สมปฺปโตฺต วิหรติ, สพฺยาปชฺชาย ปชาย อพฺยาปโชฺช วิหรติ, ธมฺมโสตสมาปโนฺน จาคานุสฺสติํ ภาเวติฯ
‘‘Puna caparaṃ tvaṃ, mahānāma, attano cāgaṃ anussareyyāsi – ‘lābhā vata me, suladdhaṃ vata me, yohaṃ maccheramalapariyuṭṭhitāya pajāya vigatamalamaccherena cetasā agāraṃ ajjhāvasāmi muttacāgo payatapāṇi vossaggarato yācayogo dānasaṃvibhāgarato’ti. Yasmiṃ, mahānāma , samaye ariyasāvako cāgaṃ anussarati, nevassa tasmiṃ samaye rāgapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti, na dosapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti, na mohapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti; ujugatamevassa tasmiṃ samaye cittaṃ hoti cāgaṃ ārabbha. Ujugatacitto kho pana, mahānāma, ariyasāvako labhati atthavedaṃ, labhati dhammavedaṃ, labhati dhammūpasaṃhitaṃ pāmojjaṃ. Pamuditassa pīti jāyati, pītimanassa kāyo passambhati, passaddhakāyo sukhaṃ vediyati, sukhino cittaṃ samādhiyati. Ayaṃ vuccati, mahānāma, ariyasāvako visamagatāya pajāya samappatto viharati, sabyāpajjāya pajāya abyāpajjo viharati, dhammasotasamāpanno cāgānussatiṃ bhāveti.
‘‘ปุน จปรํ ตฺวํ, มหานาม, เทวตา อนุสฺสเรยฺยาสิ – ‘สนฺติ เทวา จาตุมหาราชิกา, สนฺติ เทวา ตาวติํสา, สนฺติ เทวา ยามา, สนฺติ เทวา ตุสิตา, สนฺติ เทวา นิมฺมานรติโน, สนฺติ เทวา ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน, สนฺติ เทวา พฺรหฺมกายิกา, สนฺติ เทวา ตตุตฺตริฯ ยถารูปาย สทฺธาย สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถูปปนฺนา , มยฺหมฺปิ ตถารูปา สทฺธา สํวิชฺชติฯ ยถารูเปน สีเลน สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถูปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปํ สีลํ สํวิชฺชติฯ ยถารูเปน สุเตน สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถูปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปํ สุตํ สํวิชฺชติฯ ยถารูเปน จาเคน สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถูปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูโป จาโค สํวิชฺชติฯ ยถารูปาย ปญฺญาย สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถูปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปา ปญฺญา สํวิชฺชตี’ติฯ ยสฺมิํ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก อตฺตโน จ ตาสญฺจ เทวตานํ สทฺธญฺจ สีลญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมิํ สมเย ราคปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ, น โมหปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ; อุชุคตเมวสฺส ตสฺมิํ สมเย จิตฺตํ โหติ เทวตา อารพฺภฯ อุชุคตจิโตฺต โข ปน, มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํฯ ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อยํ วุจฺจติ, มหานาม, อริยสาวโก วิสมคตาย ปชาย สมปฺปโตฺต วิหรติ, สพฺยาปชฺชาย ปชาย อพฺยาปโชฺช วิหรติ, ธมฺมโสตสมาปโนฺน เทวตานุสฺสติํ ภาเวตี’’ติฯ ปฐมํฯ
‘‘Puna caparaṃ tvaṃ, mahānāma, devatā anussareyyāsi – ‘santi devā cātumahārājikā, santi devā tāvatiṃsā, santi devā yāmā, santi devā tusitā, santi devā nimmānaratino, santi devā paranimmitavasavattino, santi devā brahmakāyikā, santi devā tatuttari. Yathārūpāya saddhāya samannāgatā tā devatā ito cutā tatthūpapannā , mayhampi tathārūpā saddhā saṃvijjati. Yathārūpena sīlena samannāgatā tā devatā ito cutā tatthūpapannā, mayhampi tathārūpaṃ sīlaṃ saṃvijjati. Yathārūpena sutena samannāgatā tā devatā ito cutā tatthūpapannā, mayhampi tathārūpaṃ sutaṃ saṃvijjati. Yathārūpena cāgena samannāgatā tā devatā ito cutā tatthūpapannā, mayhampi tathārūpo cāgo saṃvijjati. Yathārūpāya paññāya samannāgatā tā devatā ito cutā tatthūpapannā, mayhampi tathārūpā paññā saṃvijjatī’ti. Yasmiṃ, mahānāma, samaye ariyasāvako attano ca tāsañca devatānaṃ saddhañca sīlañca sutañca cāgañca paññañca anussarati, nevassa tasmiṃ samaye rāgapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti, na dosapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti, na mohapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti; ujugatamevassa tasmiṃ samaye cittaṃ hoti devatā ārabbha. Ujugatacitto kho pana, mahānāma, ariyasāvako labhati atthavedaṃ, labhati dhammavedaṃ, labhati dhammūpasaṃhitaṃ pāmojjaṃ. Pamuditassa pīti jāyati, pītimanassa kāyo passambhati, passaddhakāyo sukhaṃ vediyati, sukhino cittaṃ samādhiyati. Ayaṃ vuccati, mahānāma, ariyasāvako visamagatāya pajāya samappatto viharati, sabyāpajjāya pajāya abyāpajjo viharati, dhammasotasamāpanno devatānussatiṃ bhāvetī’’ti. Paṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑-๒. มหานามสุตฺตทฺวยวณฺณนา • 1-2. Mahānāmasuttadvayavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๔. ปฐมมหานามสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-4. Paṭhamamahānāmasuttādivaṇṇanā