Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๓. สรณานิวโคฺค
3. Saraṇānivaggo
๑. ปฐมมหานามสุตฺตํ
1. Paṭhamamahānāmasuttaṃ
๑๐๑๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สเกฺกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมิํ นิโคฺรธาราเมฯ อถ โข มหานาโม สโกฺก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข มหานาโม สโกฺก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิทํ, ภเนฺต, กปิลวตฺถุ อิทฺธเญฺจว ผีตญฺจ พาหุชญฺญํ อากิณฺณมนุสฺสํ สมฺพาธพฺยูหํฯ โส ขฺวาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ วา ปยิรุปาสิตฺวา มโนภาวนีเย วา ภิกฺขู สายนฺหสมยํ กปิลวตฺถุํ ปวิสโนฺต; ภเนฺตนปิ 1 หตฺถินา สมาคจฺฉามิ ; ภเนฺตนปิ อเสฺสน สมาคจฺฉามิ; ภเนฺตนปิ รเถน สมาคจฺฉามิ; ภเนฺตนปิ สกเฎน สมาคจฺฉามิ; ภเนฺตนปิ ปุริเสน สมาคจฺฉามิฯ ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, ตสฺมิํ สมเย มุสฺสเตว 2 ภควนฺตํ อารพฺภ สติ, มุสฺสติ 3 ธมฺมํ อารพฺภ สติ, มุสฺสติ สงฺฆํ อารพฺภ สติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, เอวํ โหติ – ‘อิมมฺหิ จาหํ สมเย กาลํ กเรยฺยํ, กา มยฺหํ คติ, โก อภิสมฺปราโย’’’ติ?
1017. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sakkesu viharati kapilavatthusmiṃ nigrodhārāme. Atha kho mahānāmo sakko yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho mahānāmo sakko bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘idaṃ, bhante, kapilavatthu iddhañceva phītañca bāhujaññaṃ ākiṇṇamanussaṃ sambādhabyūhaṃ. So khvāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ vā payirupāsitvā manobhāvanīye vā bhikkhū sāyanhasamayaṃ kapilavatthuṃ pavisanto; bhantenapi 4 hatthinā samāgacchāmi ; bhantenapi assena samāgacchāmi; bhantenapi rathena samāgacchāmi; bhantenapi sakaṭena samāgacchāmi; bhantenapi purisena samāgacchāmi. Tassa mayhaṃ, bhante, tasmiṃ samaye mussateva 5 bhagavantaṃ ārabbha sati, mussati 6 dhammaṃ ārabbha sati, mussati saṅghaṃ ārabbha sati. Tassa mayhaṃ, bhante, evaṃ hoti – ‘imamhi cāhaṃ samaye kālaṃ kareyyaṃ, kā mayhaṃ gati, ko abhisamparāyo’’’ti?
‘‘มา ภายิ, มหานาม, มา ภายิ, มหานาม! อปาปกํ เต มรณํ ภวิสฺสติ อปาปิกา กาลํกิริยา 7ฯ ยสฺส กสฺสจิ, มหานาม, ทีฆรตฺตํ สทฺธาปริภาวิตํ จิตฺตํ สีลปริภาวิตํ จิตฺตํ สุตปริภาวิตํ จิตฺตํ จาคปริภาวิตํ จิตฺตํ ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ, ตสฺส โย หิ ขฺวายํ กาโย รูปี จาตุมหาภูติโก 8 มาตาเปตฺติกสมฺภโว โอทนกุมฺมาสูปจโย อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธโมฺมฯ ตํ อิเธว กากา วา ขาทนฺติ คิชฺฌา วา ขาทนฺติ กุลลา วา ขาทนฺติ สุนขา วา ขาทนฺติ สิงฺคาลา 9 วา ขาทนฺติ วิวิธา วา ปาณกชาตา ขาทนฺติ; ยญฺจ ขฺวสฺส จิตฺตํ ทีฆรตฺตํ สทฺธาปริภาวิตํ…เป.… ปญฺญาปริภาวิตํ ตํ อุทฺธคามิ โหติ วิเสสคามิฯ
‘‘Mā bhāyi, mahānāma, mā bhāyi, mahānāma! Apāpakaṃ te maraṇaṃ bhavissati apāpikā kālaṃkiriyā 10. Yassa kassaci, mahānāma, dīgharattaṃ saddhāparibhāvitaṃ cittaṃ sīlaparibhāvitaṃ cittaṃ sutaparibhāvitaṃ cittaṃ cāgaparibhāvitaṃ cittaṃ paññāparibhāvitaṃ cittaṃ, tassa yo hi khvāyaṃ kāyo rūpī cātumahābhūtiko 11 mātāpettikasambhavo odanakummāsūpacayo aniccucchādanaparimaddanabhedanaviddhaṃsanadhammo. Taṃ idheva kākā vā khādanti gijjhā vā khādanti kulalā vā khādanti sunakhā vā khādanti siṅgālā 12 vā khādanti vividhā vā pāṇakajātā khādanti; yañca khvassa cittaṃ dīgharattaṃ saddhāparibhāvitaṃ…pe… paññāparibhāvitaṃ taṃ uddhagāmi hoti visesagāmi.
‘‘เสยฺยถาปิ, มหานาม, ปุริโส สปฺปิกุมฺภํ วา เตลกุมฺภํ วา คมฺภีรํ อุทกรหทํ โอคาหิตฺวา ภิเนฺทยฺยฯ ตตฺร ยา อสฺส สกฺขรา วา กฐลา 13 วา สา อโธคามี อสฺส, ยญฺจ ขฺวสฺส ตตฺร สปฺปิ วา เตลํ วา ตํ อุทฺธคามิ อสฺส วิเสสคามิฯ เอวเมว โข, มหานาม, ยสฺส กสฺสจิ ทีฆรตฺตํ สทฺธาปริภาวิตํ จิตฺตํ…เป.… ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ ตสฺส โย หิ ขฺวายํ กาโย รูปี จาตุมหาภูติโก มาตาเปตฺติกสมฺภโว โอทนกุมฺมาสูปจโย อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธโมฺม ตํ อิเธว กากา วา ขาทนฺติ คิชฺฌา วา ขาทนฺติ กุลลา วา ขาทนฺติ สุนขา วา ขาทนฺติ สิงฺคาลา วา ขาทนฺติ วิวิธา วา ปาณกชาตา ขาทนฺติ; ยญฺจ ขฺวสฺส จิตฺตํ ทีฆรตฺตํ สทฺธาปริภาวิตํ…เป.… ปญฺญาปริภาวิตํ ตํ อุทฺธคามิ โหติ วิเสสคามิฯ ตุยฺหํ โข ปน, มหานาม, ทีฆรตฺตํ สทฺธาปริภาวิตํ จิตฺตํ…เป.… ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ ฯ มา ภายิ, มหานาม , มา ภายิ, มหานาม! อปาปกํ เต มรณํ ภวิสฺสติ, อปาปิกา กาลํกิริยา’’ติฯ ปฐมํฯ
‘‘Seyyathāpi, mahānāma, puriso sappikumbhaṃ vā telakumbhaṃ vā gambhīraṃ udakarahadaṃ ogāhitvā bhindeyya. Tatra yā assa sakkharā vā kaṭhalā 14 vā sā adhogāmī assa, yañca khvassa tatra sappi vā telaṃ vā taṃ uddhagāmi assa visesagāmi. Evameva kho, mahānāma, yassa kassaci dīgharattaṃ saddhāparibhāvitaṃ cittaṃ…pe… paññāparibhāvitaṃ cittaṃ tassa yo hi khvāyaṃ kāyo rūpī cātumahābhūtiko mātāpettikasambhavo odanakummāsūpacayo aniccucchādanaparimaddanabhedanaviddhaṃsanadhammo taṃ idheva kākā vā khādanti gijjhā vā khādanti kulalā vā khādanti sunakhā vā khādanti siṅgālā vā khādanti vividhā vā pāṇakajātā khādanti; yañca khvassa cittaṃ dīgharattaṃ saddhāparibhāvitaṃ…pe… paññāparibhāvitaṃ taṃ uddhagāmi hoti visesagāmi. Tuyhaṃ kho pana, mahānāma, dīgharattaṃ saddhāparibhāvitaṃ cittaṃ…pe… paññāparibhāvitaṃ cittaṃ . Mā bhāyi, mahānāma , mā bhāyi, mahānāma! Apāpakaṃ te maraṇaṃ bhavissati, apāpikā kālaṃkiriyā’’ti. Paṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑-๒. ปฐมมหานามสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-2. Paṭhamamahānāmasuttādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑-๒. ปฐมมหานามสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-2. Paṭhamamahānāmasuttādivaṇṇanā