Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๗. ปฐมมหาปญฺหสุตฺตวณฺณนา

    7. Paṭhamamahāpañhasuttavaṇṇanā

    ๒๗. สตฺตเม วุเจฺจถาติ วุเจฺจยฺยฯ ทุติยปเทปีติ ‘‘อนุสาสนิยา วา อนุสาสนิ’’นฺติ เอวํ ทุติยวาเกฺยปิฯ เต กิร ภิกฺขูฯ น เจว สมฺปายิสฺสนฺตีติ น เจว สมฺมเทว ปกาเรหิ คเหสฺสนฺติ ญาเปสฺสนฺติฯ เตนาห ‘‘สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติฯ ยสฺมา อวิสเย ปญฺหํ ปุจฺฉิตา โหนฺติ, ตสฺมา วิฆาตํ อาปชฺชิสฺสนฺตีติ โยชนาฯ อญฺญถา อาราธนํ นาม นตฺถีติ อิมินา สปจฺจยนามรูปานํ ยาถาวโต อวโพโธ เอว อิโต พาหิรกานํ นตฺถิ, กุโต ปเวทนาติ ทเสฺสติฯ อาราธนนฺติ ยาถาวปเวทเนน จิตฺตสฺส ปริโตสนํฯ

    27. Sattame vuccethāti vucceyya. Dutiyapadepīti ‘‘anusāsaniyā vā anusāsani’’nti evaṃ dutiyavākyepi. Te kira bhikkhū. Na ceva sampāyissantīti na ceva sammadeva pakārehi gahessanti ñāpessanti. Tenāha ‘‘sampādetvā kathetuṃ na sakkhissantī’’ti. Yasmā avisaye pañhaṃ pucchitā honti, tasmā vighātaṃ āpajjissantīti yojanā. Aññathā ārādhanaṃ nāma natthīti iminā sapaccayanāmarūpānaṃ yāthāvato avabodho eva ito bāhirakānaṃ natthi, kuto pavedanāti dasseti. Ārādhananti yāthāvapavedanena cittassa paritosanaṃ.

    เอโก ปโญฺหติ เอโก ปญฺหมโคฺค, เอกํ ปญฺหคเวสนนฺติ อโตฺถฯ เอโก อุเทฺทโสติ เอกํ อุทฺทิสนํ อตฺถสฺส สํขิตฺตวจนํฯ เวยฺยากรณนฺติ นิทฺทิสนํ อตฺถสฺส วิวริตฺวา กถนํฯ เหตุนาติ ‘‘อนฺตวนฺตโต อนจฺจนฺติกโต ตาวกาลิกโต นิจฺจปฺปฎิเกฺขปโต’’ติ เอวมาทินา นเยน ยถา อิเม สงฺขารา เอตรหิ, เอวํ อตีเต อนาคเต จ อนิจฺจา สงฺขตา ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมาติ อตีตานาคเตสุ นเยนฯ

    Eko pañhoti eko pañhamaggo, ekaṃ pañhagavesananti attho. Eko uddesoti ekaṃ uddisanaṃ atthassa saṃkhittavacanaṃ. Veyyākaraṇanti niddisanaṃ atthassa vivaritvā kathanaṃ. Hetunāti ‘‘antavantato anaccantikato tāvakālikato niccappaṭikkhepato’’ti evamādinā nayena yathā ime saṅkhārā etarahi, evaṃ atīte anāgate ca aniccā saṅkhatā paṭiccasamuppannā khayadhammā vayadhammā virāgadhammāti atītānāgatesu nayena.

    สเพฺพ สตฺตาติ อนวเสสา สตฺตาฯ เต ปน ภวเภทโต สเงฺขเปเนว ภินฺทิตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘กามภวาทีสู’’ติอาทิมาห ฯ พฺยธิกรณานมฺปิ พาหิรตฺถสมาโส โหติ ยถา ‘‘อุรสิโลโม’’ติ อาห ‘‘อาหารโต ฐิติ เอเตสนฺติ อาหารฎฺฐิติกา’’ติฯ ติฎฺฐติ เอเตนาติ วา ฐิติ, อาหาโร ฐิติ เอเตสนฺติ อาหารฎฺฐิติกาติ เอวํ วา เอตฺถ สมาสวิคฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อาหารฎฺฐิติกาติ ปจฺจยฎฺฐิติกา, ปจฺจยายตฺตวุตฺติกาติ อโตฺถฯ ปจฺจยโตฺถ เหตฺถ อาหารสโทฺท ‘‘อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาทายา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๓๒) วิยฯ เอวญฺหิ ‘‘สเพฺพ สตฺตา’’ติ อิมินา อสญฺญสตฺตา ปริคฺคหิตา โหนฺติฯ สา ปนายํ อาหารฎฺฐิติกตา นิปฺปริยายโต สงฺขารธโมฺมฯ เตนาหุ อฎฺฐกถาจริยา ‘‘อาหารฎฺฐิติกาติ อาคตฎฺฐาเน สงฺขารโลโก เวทิตโพฺพ’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑ เวรญฺชกณฺฑวณฺณนา; วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๖)ฯ ยทิ เอวํ ‘‘สเพฺพ สตฺตา’’ติ อิทํ กถนฺติ? ปุคฺคลาธิฎฺฐานเทสนาติ นายํ โทโสฯ เตเนวาห – ‘‘เอกธเมฺม, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน สมฺมา วิรชฺชมาโน สมฺมา วิมุจฺจมาโน สมฺมา ปริยนฺตทสฺสาวี สมฺมทตฺถํ อภิสเมจฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ กตมสฺมิํ เอกธเมฺม? สเพฺพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกา’’ติฯ ยฺวายํ ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย กถาย สเพฺพสํ สงฺขารานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย อาหารปริยาเยน สามญฺญโต ปจฺจยธโมฺม วุโตฺต, อยํ อาหาโร นาม เอโก ธโมฺมฯ

    Sabbe sattāti anavasesā sattā. Te pana bhavabhedato saṅkhepeneva bhinditvā dassento ‘‘kāmabhavādīsū’’tiādimāha . Byadhikaraṇānampi bāhiratthasamāso hoti yathā ‘‘urasilomo’’ti āha ‘‘āhārato ṭhiti etesanti āhāraṭṭhitikā’’ti. Tiṭṭhati etenāti vā ṭhiti, āhāro ṭhiti etesanti āhāraṭṭhitikāti evaṃ vā ettha samāsaviggaho daṭṭhabbo. Āhāraṭṭhitikāti paccayaṭṭhitikā, paccayāyattavuttikāti attho. Paccayattho hettha āhārasaddo ‘‘ayamāhāro anuppannassa vā kāmacchandassa uppādāyā’’tiādīsu (saṃ. ni. 4.232) viya. Evañhi ‘‘sabbe sattā’’ti iminā asaññasattā pariggahitā honti. Sā panāyaṃ āhāraṭṭhitikatā nippariyāyato saṅkhāradhammo. Tenāhu aṭṭhakathācariyā ‘‘āhāraṭṭhitikāti āgataṭṭhāne saṅkhāraloko veditabbo’’ti (pārā. aṭṭha. 1.1 verañjakaṇḍavaṇṇanā; visuddhi. 1.136). Yadi evaṃ ‘‘sabbe sattā’’ti idaṃ kathanti? Puggalādhiṭṭhānadesanāti nāyaṃ doso. Tenevāha – ‘‘ekadhamme, bhikkhave, bhikkhu sammā nibbindamāno sammā virajjamāno sammā vimuccamāno sammā pariyantadassāvī sammadatthaṃ abhisamecca diṭṭheva dhamme dukkhassantakaro hoti. Katamasmiṃ ekadhamme? Sabbe sattā āhāraṭṭhitikā’’ti. Yvāyaṃ puggalādhiṭṭhānāya kathāya sabbesaṃ saṅkhārānaṃ paccayāyattavuttitāya āhārapariyāyena sāmaññato paccayadhammo vutto, ayaṃ āhāro nāma eko dhammo.

    โจทโก วุตฺตมฺปิ อตฺถํ ยาถาวโต อปฺปฎิวิชฺฌมาโน เนยฺยตฺถํ สุตฺตปทํ นีตตฺถโต ทหโนฺต ‘‘สเพฺพ สตฺตา’’ติ วจนมเตฺต ฐตฺวา ‘‘นนุ จา’’ติอาทินา โจเทติฯ อาจริโย อวิปรีตํ ตตฺถ ยถาธิเปฺปตมตฺถํ ปเวเทโนฺต ‘‘น วิรุชฺฌตี’’ติ วตฺวา ‘‘เตสญฺหิ ฌานํ อาหาโร โหตี’’ติ อาหฯ ฌานนฺติ เอกโวการภวาวหํ สญฺญาย วิรชฺชนวเสน ปวตฺตรูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘อนาหารา’’ติ วจนํ อสญฺญภเว จตุนฺนํ อาหารานํ อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปจฺจยาหารสฺส อภาวโตฯ เอวํ สเนฺตปีติ อิทํ สาสเน เยสุ ธเมฺมสุ วิเสสโต อาหารสโทฺท นิรุโฬฺห, ‘‘อาหารฎฺฐิติกา’’ติ เอตฺถ ยทิ เตเยว คยฺหนฺติ, อพฺยาปิตโทสมาปโนฺนฯ อถ สโพฺพปิ ปจฺจยธโมฺม อาหาโรติ อธิเปฺปโต, อิมาย อาหารปาฬิยา วิโรโธ อาปโนฺนติ ทเสฺสตุํ อารทฺธํฯ ‘‘น วิรุชฺฌตี’’ติ เยนาธิปฺปาเยน วุตฺตํ, ตํ วิวรโนฺต ‘‘เอตสฺมิญฺหิ สุเตฺต’’ติอาทิมาหฯ กพฬีการาหาราทีนํ โอชฎฺฐมกรูปาหรณาทิ นิปฺปริยาเยน อาหารภาโวฯ ยถา หิ กพฬีการาหาโร โอชฎฺฐมกรูปาหรเณน รูปกายํ อุปตฺถเมฺภนฺติ, เอวํ ผสฺสาทโย เวทนาทิอาหรเณน นามกายํ อุปตฺถเมฺภติ, ตสฺมา สติปิ ชนกภาเว อุปตฺถมฺภกภาโว โอชาทีสุ สาติสโย ลพฺภมาโน มุโขฺย อาหารโฎฺฐติ เต เอว นิปฺปริยาเยน อาหารลกฺขณา ธมฺมา วุตฺตา

    Codako vuttampi atthaṃ yāthāvato appaṭivijjhamāno neyyatthaṃ suttapadaṃ nītatthato dahanto ‘‘sabbe sattā’’ti vacanamatte ṭhatvā ‘‘nanu cā’’tiādinā codeti. Ācariyo aviparītaṃ tattha yathādhippetamatthaṃ pavedento ‘‘na virujjhatī’’ti vatvā ‘‘tesañhi jhānaṃ āhāro hotī’’ti āha. Jhānanti ekavokārabhavāvahaṃ saññāya virajjanavasena pavattarūpāvacaracatutthajjhānaṃ. Pāḷiyaṃ pana ‘‘anāhārā’’ti vacanaṃ asaññabhave catunnaṃ āhārānaṃ abhāvaṃ sandhāya vuttaṃ, na paccayāhārassa abhāvato. Evaṃ santepīti idaṃ sāsane yesu dhammesu visesato āhārasaddo niruḷho, ‘‘āhāraṭṭhitikā’’ti ettha yadi teyeva gayhanti, abyāpitadosamāpanno. Atha sabbopi paccayadhammo āhāroti adhippeto, imāya āhārapāḷiyā virodho āpannoti dassetuṃ āraddhaṃ. ‘‘Na virujjhatī’’ti yenādhippāyena vuttaṃ, taṃ vivaranto ‘‘etasmiñhi sutte’’tiādimāha. Kabaḷīkārāhārādīnaṃ ojaṭṭhamakarūpāharaṇādi nippariyāyena āhārabhāvo. Yathā hi kabaḷīkārāhāro ojaṭṭhamakarūpāharaṇena rūpakāyaṃ upatthambhenti, evaṃ phassādayo vedanādiāharaṇena nāmakāyaṃ upatthambheti, tasmā satipi janakabhāve upatthambhakabhāvo ojādīsu sātisayo labbhamāno mukhyo āhāraṭṭhoti te eva nippariyāyena āhāralakkhaṇā dhammā vuttā.

    อิธาติ อิมสฺมิํ สุเตฺต ปริยาเยน ปจฺจโย อาหาโรติ วุโตฺต, สโพฺพ ปจฺจยธโมฺม อตฺตโน ผลํ อาหรตีติ อิมํ ปริยายํ ลภตีติฯ เตนาห ‘‘สพฺพธมฺมานญฺหี’’ติอาทิฯ ตตฺถ สพฺพธมฺมานนฺติ สเพฺพสํ สงฺขตธมฺมานํฯ อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ สุเตฺตน สมเตฺถตุํ ‘‘เตเนวาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อยนฺติ ปจฺจยาหาโรฯ นิปฺปริยายาหาโรปิ คหิโตว โหตีติ ยาวตา โสปิ ปจฺจยภาเวเนว ชนโก อุปตฺถมฺภโก จ หุตฺวา ตํ ตํ ผลํ อาหรตีติ วตฺตพฺพตํ ลภตีติฯ

    Idhāti imasmiṃ sutte pariyāyena paccayo āhāroti vutto, sabbo paccayadhammo attano phalaṃ āharatīti imaṃ pariyāyaṃ labhatīti. Tenāha ‘‘sabbadhammānañhī’’tiādi. Tattha sabbadhammānanti sabbesaṃ saṅkhatadhammānaṃ. Idāni yathāvuttamatthaṃ suttena samatthetuṃ ‘‘tenevāhā’’tiādi vuttaṃ. Ayanti paccayāhāro. Nippariyāyāhāropi gahitova hotīti yāvatā sopi paccayabhāveneva janako upatthambhako ca hutvā taṃ taṃ phalaṃ āharatīti vattabbataṃ labhatīti.

    ตตฺถาติ ปริยายาหาโร, นิปฺปริยายาหาโรติ ทฺวีสุ อาหาเรสุ อสญฺญภเว ยทิปิ นิปฺปริยายาหาโร น ลพฺภติ, ปริยายาหาโร ปน ลพฺภเตวฯ อิทานิ ตเมวตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘อนุปฺปเนฺน หิ พุเทฺธ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อุปฺปเนฺน พุเทฺธ ติตฺถกรมตนิสฺสิตานํ ฌานภาวนาย อสิชฺฌนโต ‘‘อนุปฺปเนฺน พุเทฺธ’’ติ วุตฺตํฯ สาสนิกา ตาทิสํ ฌานํ น นิพฺพเตฺตนฺตีติ ‘‘ติตฺถายตเน ปพฺพชิตา’’ติ วุตฺตํฯ ติตฺถิยา หิ อุปปตฺติวิเสเส วิมุตฺติสญฺญิโน สญฺญาวิราคาวิราเคสุ อาทีนวานิสํสทสฺสิโนว หุตฺวา อสญฺญสมาปตฺติํ นิพฺพเตฺตตฺวา อกฺขณภูมิยํ อุปฺปชฺชนฺติ, น สาสนิกาฯ วาโยกสิเณ ปริกฺกมฺมํ กตฺวาติ วาโยกสิเณ ปฐมาทีนิ ตีณิ ฌานานิ นิพฺพเตฺตตฺวา ตติยชฺฌาเน จิณฺณวสี หุตฺวา ตโต วุฎฺฐาย จตุตฺถชฺฌานาธิคมาย ปริกมฺมํ กตฺวาฯ เตเนวาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา’’ติฯ

    Tatthāti pariyāyāhāro, nippariyāyāhāroti dvīsu āhāresu asaññabhave yadipi nippariyāyāhāro na labbhati, pariyāyāhāro pana labbhateva. Idāni tamevatthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘anuppanne hi buddhe’’tiādi vuttaṃ. Uppanne buddhe titthakaramatanissitānaṃ jhānabhāvanāya asijjhanato ‘‘anuppanne buddhe’’ti vuttaṃ. Sāsanikā tādisaṃ jhānaṃ na nibbattentīti ‘‘titthāyatane pabbajitā’’ti vuttaṃ. Titthiyā hi upapattivisese vimuttisaññino saññāvirāgāvirāgesu ādīnavānisaṃsadassinova hutvā asaññasamāpattiṃ nibbattetvā akkhaṇabhūmiyaṃ uppajjanti, na sāsanikā. Vāyokasiṇe parikkammaṃ katvāti vāyokasiṇe paṭhamādīni tīṇi jhānāni nibbattetvā tatiyajjhāne ciṇṇavasī hutvā tato vuṭṭhāya catutthajjhānādhigamāya parikammaṃ katvā. Tenevāha ‘‘catutthajjhānaṃ nibbattetvā’’ti.

    กสฺมา (ที. นิ. ฎี. ๑.๖๘-๗๓; ที. นิ. อภิ. ฎี. ๑.๖๘-๗๓) ปเนตฺถ วาโยกสิเณเยว ปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต, ยเถว หิ รูปปฎิภาคภูเตสุ กสิณวิเสเสสุ รูปวิภาวเนน รูปวิราคภาวนาสงฺขาโต อรูปสมาปตฺติวิเสโส สจฺฉิกรียติ, เอวํ อปริพฺยตฺตวิคฺคหตาย อรูปปฎิภาคภูเต กสิณวิเสเส อรูปวิภาวเนน อรูปวิราคภาวนา สงฺขาโต รูปสมาปตฺติวิเสโส อธิคมียตีติฯ เอตฺถ จ ‘‘สญฺญา โรโค, สญฺญา คโณฺฑ’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔), ‘‘ธิ จิตฺตํ, ธิ วเตตํ จิตฺต’’นฺติอาทินา จ นเยน อรูปปฺปวตฺติยา อาทีนวทสฺสเนน ตทภาเว จ สนฺตปณีตภาวสนฺนิฎฺฐาเนน รูปสมาปตฺติยา อภิสงฺขรณํ อรูปวิราคภาวนาฯ รูปวิราคภาวนา ปน สทฺธิํ อุปจาเรน อรูปสมาปตฺติโย, ตตฺถาปิ วิเสเสน ปฐมารุปฺปชฺฌานํฯ ยทิ เอวํ ‘‘ปริจฺฉินฺนากาสกสิเณปี’’ติ วตฺตพฺพํ, ตสฺสาปิ อรูปปฎิภาคตา ลพฺภตีติ? อิจฺฉิตเมเวตํ, เกสญฺจิ อวจนํ ปเนตฺถ ปุพฺพาจริเยหิ อคฺคหิตภาเวนฯ ยถา หิ รูปวิราคภาวนา วิรชฺชนียธมฺมาภาวมเตฺตน ปรินิปฺผนฺนา, วิรชฺชนียธมฺมปริภาสภูเต จ วิสยวิเสเส ปาตุภวติ, เอวํ อรูปวิราคภาวนาปีติ วุจฺจมาเน น โกจิ วิโรโธฯ ติตฺถิเยเหว ปน ตสฺสา สมาปตฺติยา ปฎิปชฺชิตพฺพตาย เตสญฺจ วิสยปเถ สูปนิพนฺธนเสฺสว ตสฺส ฌานสฺส ปฎิปตฺติโต ทิฎฺฐิวเนฺตหิ ปุพฺพาจริเยหิ จตุเตฺถเยว ภูตกสิเณ อรูปวิราคภาวนาปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ กิญฺจ วณฺณกสิเณสุ วิย ปุริมภูตกสิณตฺตเยปิ วณฺณปฺปฎิจฺฉายาว ปณฺณตฺติ อารมฺมณํ ฌานสฺส โลกโวหารานุโรเธเนว ปวตฺติโตฯ เอวญฺจ กตฺวา วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๕๗) ปถวีกสิณสฺส อาทาสจนฺทมณฺฑลูปมวจนญฺจ สมตฺถิตํ โหติ, จตุตฺถํ ปน ภูตกสิณํ ภูตปฺปฎิจฺฉายเมว ฌานสฺส โคจรภาวํ คจฺฉตีติ ตเสฺสวํ อรูปปฎิภาคตา ยุตฺตาติ วาโยกสิเณเยว ปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Kasmā (dī. ni. ṭī. 1.68-73; dī. ni. abhi. ṭī. 1.68-73) panettha vāyokasiṇeyeva parikammaṃ vuttanti? Vuccate, yatheva hi rūpapaṭibhāgabhūtesu kasiṇavisesesu rūpavibhāvanena rūpavirāgabhāvanāsaṅkhāto arūpasamāpattiviseso sacchikarīyati, evaṃ aparibyattaviggahatāya arūpapaṭibhāgabhūte kasiṇavisese arūpavibhāvanena arūpavirāgabhāvanā saṅkhāto rūpasamāpattiviseso adhigamīyatīti. Ettha ca ‘‘saññā rogo, saññā gaṇḍo’’tiādinā (ma. ni. 3.24), ‘‘dhi cittaṃ, dhi vatetaṃ citta’’ntiādinā ca nayena arūpappavattiyā ādīnavadassanena tadabhāve ca santapaṇītabhāvasanniṭṭhānena rūpasamāpattiyā abhisaṅkharaṇaṃ arūpavirāgabhāvanā. Rūpavirāgabhāvanā pana saddhiṃ upacārena arūpasamāpattiyo, tatthāpi visesena paṭhamāruppajjhānaṃ. Yadi evaṃ ‘‘paricchinnākāsakasiṇepī’’ti vattabbaṃ, tassāpi arūpapaṭibhāgatā labbhatīti? Icchitamevetaṃ, kesañci avacanaṃ panettha pubbācariyehi aggahitabhāvena. Yathā hi rūpavirāgabhāvanā virajjanīyadhammābhāvamattena parinipphannā, virajjanīyadhammaparibhāsabhūte ca visayavisese pātubhavati, evaṃ arūpavirāgabhāvanāpīti vuccamāne na koci virodho. Titthiyeheva pana tassā samāpattiyā paṭipajjitabbatāya tesañca visayapathe sūpanibandhanasseva tassa jhānassa paṭipattito diṭṭhivantehi pubbācariyehi catuttheyeva bhūtakasiṇe arūpavirāgabhāvanāparikammaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ. Kiñca vaṇṇakasiṇesu viya purimabhūtakasiṇattayepi vaṇṇappaṭicchāyāva paṇṇatti ārammaṇaṃ jhānassa lokavohārānurodheneva pavattito. Evañca katvā visuddhimagge (visuddhi. 1.57) pathavīkasiṇassa ādāsacandamaṇḍalūpamavacanañca samatthitaṃ hoti, catutthaṃ pana bhūtakasiṇaṃ bhūtappaṭicchāyameva jhānassa gocarabhāvaṃ gacchatīti tassevaṃ arūpapaṭibhāgatā yuttāti vāyokasiṇeyeva parikammaṃ vuttanti veditabbaṃ.

    ธีติ ชิคุจฺฉนเตฺถ นิปาโต, ตสฺมา ธิ จิตฺตนฺติ จิตฺตํ ชิคุจฺฉามิฯ ธิ วเตตํ จิตฺตนฺติ เอตํ มม จิตฺตํ ชิคุจฺฉิตํ วต โหตุฯ วตาติ สมฺภาวเนฯ เตน ชิคุจฺฉนํ สมฺภาเวโนฺต วทติฯ นามาติ จ สมฺภาวเน เอวฯ เตน จิตฺตสฺส อภาวํ สมฺภาเวติฯ จิตฺตสฺส ภาวาภาเวสุ อาทีนวานิสํเส ทเสฺสตุํ ‘‘จิตฺตญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ขนฺติํ รุจิํ อุปฺปาเทตฺวาติ จิตฺตสฺส อภาโว เอว สาธุ สุฎฺฐูติ อิมํ ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติํ ตตฺถ จ อภิรุจิํ อุปฺปาเทตฺวาฯ ตถา ภาวิตสฺส ฌานสฺส ฐิติภาคิยภาวปฺปตฺติยา อปริหีนชฺฌานาฯ ติตฺถายตเน ปพฺพชิตเสฺสว ตถา ฌานภาวนา โหตีติ อาห ‘‘มนุสฺสโลเก’’ติฯ ปณิหิโต อโหสีติ มรณสฺส อาสนฺนกาเล ฐปิโต อโหสิฯ ยทิ ฐานาทินา อากาเรน นิพฺพเตฺตยฺย กมฺมพเลน, ยาว เภทา เตเนวากาเรน ติเฎฺฐยฺยาติ อาห ‘‘เตน อิริยาปเถนา’’ติอาทิฯ เอวรูปานมฺปีติ เอวํ อเจตนานมฺปิฯ ปิ-สเทฺทน ปเคว สเจตนานนฺติ ทเสฺสติฯ กถํ ปน อเจตนานํ เนสํ ปจฺจยาหารสฺส อุปกปฺปนนฺติ โจทนํ สนฺธาย ตตฺถ นิทสฺสนํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา’’ติอาทิมาหฯ เตน น เกวลมาคโมเยว, อยเมตฺถ ยุตฺตีติ ทเสฺสติฯ ตาว ติฎฺฐนฺตีติ อุกฺกํสโต ปญฺจ มหากปฺปสตานิ ติฎฺฐนฺติฯ

    Dhīti jigucchanatthe nipāto, tasmā dhi cittanti cittaṃ jigucchāmi. Dhi vatetaṃ cittanti etaṃ mama cittaṃ jigucchitaṃ vata hotu. Vatāti sambhāvane. Tena jigucchanaṃ sambhāvento vadati. Nāmāti ca sambhāvane eva. Tena cittassa abhāvaṃ sambhāveti. Cittassa bhāvābhāvesu ādīnavānisaṃse dassetuṃ ‘‘cittañhī’’tiādi vuttaṃ. Khantiṃ ruciṃ uppādetvāti cittassa abhāvo eva sādhu suṭṭhūti imaṃ diṭṭhinijjhānakkhantiṃ tattha ca abhiruciṃ uppādetvā. Tathā bhāvitassa jhānassa ṭhitibhāgiyabhāvappattiyā aparihīnajjhānā. Titthāyatane pabbajitasseva tathā jhānabhāvanā hotīti āha ‘‘manussaloke’’ti. Paṇihito ahosīti maraṇassa āsannakāle ṭhapito ahosi. Yadi ṭhānādinā ākārena nibbatteyya kammabalena, yāva bhedā tenevākārena tiṭṭheyyāti āha ‘‘tena iriyāpathenā’’tiādi. Evarūpānampīti evaṃ acetanānampi. Pi-saddena pageva sacetanānanti dasseti. Kathaṃ pana acetanānaṃ nesaṃ paccayāhārassa upakappananti codanaṃ sandhāya tattha nidassanaṃ dassento ‘‘yathā’’tiādimāha. Tena na kevalamāgamoyeva, ayamettha yuttīti dasseti. Tāva tiṭṭhantīti ukkaṃsato pañca mahākappasatāni tiṭṭhanti.

    เย อุฎฺฐานวีริเยน ทิวสํ วีตินาเมตฺวา ตสฺส นิสฺสนฺทผลมตฺตํ กิญฺจิเทว ลภิตฺวา ชีวิกํ กเปฺปนฺติ, เต อุฎฺฐานผลูปชีวิโนฯ เย ปน อตฺตโน ปุญฺญผลเมว อุปชีวนฺติ, เต ปุญฺญผลูปชีวิโนฯ เนรยิกานํ ปน เนว อุฎฺฐานวีริยวเสน ชีวิกกปฺปนํ, ปุญฺญผลสฺส ปน เลโสปิ นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘เย ปน เนรยิกา…เป.… ชีวีติ วุตฺตา’’ติฯ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณสฺส อาหรเณน มโนสเญฺจตนา อาหาโรติ วุตฺตา, น ยสฺส กสฺสจิ ผลสฺสาติ อธิปฺปาเยน ‘‘กิํ ปญฺจ อาหารา อตฺถี’’ติ โจเทติฯ อาจริโย นิปฺปริยายาหาเร อธิเปฺปเต ‘‘สิยา ตว โจทนา อวสรา, สา ปน เอตฺถ อนวสรา’’ติ จ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปญฺจ, น ปญฺจาติ อิทํ น วตฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปริยายาหารเสฺสว ปเนตฺถ อธิเปฺปตภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘นนุ ปจฺจโย อาหาโร’ติ วุตฺตเมต’’นฺติ อาหฯ ตสฺมาติ ยสฺส กสฺสจิ ปจฺจยสฺส อาหาโรติ อิจฺฉิตตฺตาฯ อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปาฬิยา สมเตฺถโนฺต ‘‘ยํ สนฺธายา’’ติอาทิมาหฯ

    Ye uṭṭhānavīriyena divasaṃ vītināmetvā tassa nissandaphalamattaṃ kiñcideva labhitvā jīvikaṃ kappenti, te uṭṭhānaphalūpajīvino. Ye pana attano puññaphalameva upajīvanti, te puññaphalūpajīvino. Nerayikānaṃ pana neva uṭṭhānavīriyavasena jīvikakappanaṃ, puññaphalassa pana lesopi natthīti vuttaṃ ‘‘ye pana nerayikā…pe… jīvīti vuttā’’ti. Paṭisandhiviññāṇassa āharaṇena manosañcetanā āhāroti vuttā, na yassa kassaci phalassāti adhippāyena ‘‘kiṃ pañca āhārā atthī’’ti codeti. Ācariyo nippariyāyāhāre adhippete ‘‘siyā tava codanā avasarā, sā pana ettha anavasarā’’ti ca dassento ‘‘pañca, na pañcāti idaṃ na vattabba’’nti vatvā pariyāyāhārasseva panettha adhippetabhāvaṃ dassento ‘‘nanu paccayo āhāro’ti vuttameta’’nti āha. Tasmāti yassa kassaci paccayassa āhāroti icchitattā. Idāni vuttamevatthaṃ pāḷiyā samatthento ‘‘yaṃ sandhāyā’’tiādimāha.

    มุขฺยาหารวเสนปิ เนรยิกานํ อาหารฎฺฐิติกตํ ทเสฺสตุํ ‘‘กพฬีการาหารํ…เป.… สาเธตี’’ติ วุตฺตํฯ ยทิ เอวํ เนรยิกา สุขปฺปฎิสํเวทิโนปิ โหนฺตีติ? โนติ ทเสฺสตุํ ‘‘เขโฬ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตโยติ ตโย อรูปาหารา กพฬีการาหารสฺส อภาวโตฯ อวเสสานนฺติ อสญฺญสเตฺตหิ อวเสสานํ กามภวาทีสุ นิพฺพตฺตสตฺตานํฯ ปจฺจยาหาโร หิ สเพฺพสํ สาธารโณติฯ

    Mukhyāhāravasenapi nerayikānaṃ āhāraṭṭhitikataṃ dassetuṃ ‘‘kabaḷīkārāhāraṃ…pe… sādhetī’’ti vuttaṃ. Yadi evaṃ nerayikā sukhappaṭisaṃvedinopi hontīti? Noti dassetuṃ ‘‘kheḷo hī’’tiādi vuttaṃ. Tayoti tayo arūpāhārā kabaḷīkārāhārassa abhāvato. Avasesānanti asaññasattehi avasesānaṃ kāmabhavādīsu nibbattasattānaṃ. Paccayāhāro hi sabbesaṃ sādhāraṇoti.

    ปฐมมหาปญฺหสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamamahāpañhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๗. ปฐมมหาปญฺหาสุตฺตํ • 7. Paṭhamamahāpañhāsuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๗. ปฐมมหาปญฺหสุตฺตวณฺณนา • 7. Paṭhamamahāpañhasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact