Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
ปฐมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา
Paṭhamamahāsaṅgītikathāvaṇṇanā
ปฐมมหาสงฺคีติ นาม จาติ เอตฺถ จ-สโทฺท อติเรกโตฺถ, เตน อญฺญาปิ อตฺถีติ ทีเปติฯ ตมฺปิ สาลวนํ อุปคนฺตฺวา มิตฺตสุหเชฺช อปโลเกตฺวา นิวตฺตนโต อุปวตฺตนนฺติ ปากฎํ ชาตํ กิรฯ ยมกสาลานนฺติ เอกา กิร สาลปนฺติ สีสภาเค, เอกา ปาทภาเคฯ ตตฺราปิ เอโก ตรุณสาโล สีสภาคสฺส อาสเนฺน โหติ, เอโก ปาทภาคสฺส, มูลขนฺธวิฎปปเตฺตหิ อญฺญมญฺญํ สํสิพฺพิตฺวา ฐิตสาลานนฺติปิ วุตฺตํฯ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยาติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ ‘‘กตกิโจฺจ ปีติช หาส เจโต อเวรมุเขนาภตกุณฺฑเลนา’’ติอาทีสุ วิยฯ ปรินิพฺพาเน ปรินิพฺพานเหตุ, ตสฺมิํ ฐาเน วา มา โสจิตฺถ จิเตฺตน, มา ปริเทวิตฺถ วาจาย ‘‘ปริเทวนํ วิลาป’’นฺติ วจนโตฯ มหาสมเณนาติ นิสฺสกฺกเตฺถ กรณวจนํฯ สูริยํ’สูภิ ปฎุกรา’ภา’ริณสฺส ตาณา อิตฺยเตฺรวฯ ยญฺจ ภควโต อนุคฺคหํ, ตสฺส อนุคฺคหสฺสาติ อาจริยาฯ เอกเจฺจ ปน ‘‘ยํ ยสฺมา อหํ อนุคฺคหิโต’’ติ วทนฺติฯ นิพฺพสนานีติ นิฎฺฐิตวสนกิจฺจานิ, มยา ปริภุญฺชิตฺวา อปนีตานิ ฯ ยทิ สุยุตฺตานิ ธาเรสฺสสีติ ปุจฺฉติ, กวจสทิสานิ สาณานิฯ อิสฺสริยสทิสา นว อนุปุพฺพวิหาราทโยฯ อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิโรธสมาปตฺติ จ ปฎิลาภกฺกเมน ‘‘อนุปุพฺพวิหารา’’ติ วุตฺตาฯ
Paṭhamamahāsaṅgīti nāma cāti ettha ca-saddo atirekattho, tena aññāpi atthīti dīpeti. Tampi sālavanaṃ upagantvā mittasuhajje apaloketvā nivattanato upavattananti pākaṭaṃ jātaṃ kira. Yamakasālānanti ekā kira sālapanti sīsabhāge, ekā pādabhāge. Tatrāpi eko taruṇasālo sīsabhāgassa āsanne hoti, eko pādabhāgassa, mūlakhandhaviṭapapattehi aññamaññaṃ saṃsibbitvā ṭhitasālānantipi vuttaṃ. Anupādisesāya nibbānadhātuyāti itthambhūtalakkhaṇe karaṇavacanaṃ ‘‘katakicco pītija hāsa ceto averamukhenābhatakuṇḍalenā’’tiādīsu viya. Parinibbāne parinibbānahetu, tasmiṃ ṭhāne vā mā socittha cittena, mā paridevittha vācāya ‘‘paridevanaṃ vilāpa’’nti vacanato. Mahāsamaṇenāti nissakkatthe karaṇavacanaṃ. Sūriyaṃ’sūbhi paṭukarā’bhā’riṇassa tāṇā ityatreva. Yañca bhagavato anuggahaṃ, tassa anuggahassāti ācariyā. Ekacce pana ‘‘yaṃ yasmā ahaṃ anuggahito’’ti vadanti. Nibbasanānīti niṭṭhitavasanakiccāni, mayā paribhuñjitvā apanītāni . Yadi suyuttāni dhāressasīti pucchati, kavacasadisāni sāṇāni. Issariyasadisā nava anupubbavihārādayo. Aṭṭha samāpattiyo nirodhasamāpatti ca paṭilābhakkamena ‘‘anupubbavihārā’’ti vuttā.
อนาคเต สนฺนิกเฎฺฐ, ตถาตีเต จิรนฺตเน;
Anāgate sannikaṭṭhe, tathātīte cirantane;
กาลทฺวเยปิ กวีหิ, ปุราสโทฺท ปยุชฺชเตฯ
Kāladvayepi kavīhi, purāsaddo payujjate.
สตฺถุสาสนเมว ปริยตฺติ สตฺถุสาสนปริยตฺติ, สา สุตฺตเคยฺยาทิวเสน นวงฺคาฯ ติปิฎกเมว สพฺพปริยตฺติปฺปเภทํ ธาเรนฺตีติ ติปิฎกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธราฯ ‘‘วินา น สกฺกา’’ติ น วตฺตพฺพํ ‘‘ติปิฎกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธเร’’ติ วุตฺตตฺตา, เอวํ สเนฺตปิ อตฺถิ วิเสโส เตหิ สมฺมุขาปิ อสมฺมุขาปิ สุตํ, เถเรน ปน อสมฺมุขาปฎิคฺคหิตํ นาม นตฺถีติฯ น วายนฺติ เอตฺถ วาติ วิภาสา, อญฺญาสิปิ น อญฺญาสิปีติ อโตฺถฯ ตตฺร อุจฺจินเนฯ พหุสโทฺท วิปุลฺลโตฺถ ‘‘อนนฺตปารํ พหุ เวทิตพฺพมิตฺย’’เตฺรวฯ ปุเพฺพ ‘‘ติปิฎกสพฺพปอยตฺติปฺปเภทธเร’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘พหุ จาเนน…เป.… ปริยโตฺต’’ติ น ยุชฺชตีติ เจ? น, ติปิฎกสฺส อนนฺตตฺตา, ตสฺมา อเมฺห อุปาทาย เตน พหุ ปริยโตฺตติ อธิปฺปาโยฯ อิตรถา อานนฺทเตฺถโร เตหิ อปฺปสฺสุโตติ อาปชฺชติ, ‘‘อสมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ นาม นตฺถี’’ติ วจนวิโรโธ จฯ อฑฺฒมาโส อติกฺกโนฺตติ เอตฺถ เอโก ทิวโส นโฎฺฐ, โส ปาฎิปททิวโส, โกลาหลทิวโส นาม โส, ตสฺมา อิธ น คหิโตฯ สํเวควตฺถุํ กิเตฺตตฺวา กีฬนโต สาธุกีฬนํ นามฯ เสฺวปีติ อปิ-สโทฺท อเปกฺขามนฺตานุญฺญายฯ สุภสุตฺตํ ‘‘อจิรปรินิพฺพุเต ภควตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๔๔) วุตฺตตฺตา จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหเสฺสสุ อโนฺตคธํ น โหตีติ เจ? น, ภควโต กาเล ลทฺธนยตฺตา กถาวตฺถุ วิยฯ ฉฑฺฑิตา ปติตา อุกฺลาปา ฉฑฺฑิตปติตอุกฺลาปาฯ อาณา เอว อปฺปฎิหตเฎฺฐน จกฺกนฺติ อาณาจกฺกํฯ เอกโต เอตฺถ นิปตนฺตีติ เอกนิปาตนํฯ อากาเสน อาคนฺตฺวา นิสีทีติ เอเกติ เอตํ ทุติยวาเร คมนํ สนฺธายาติ อายสฺมา อุปติโสฺส ฯ ปฐมํ วา อากาเสน คนฺตฺวา ปริสํ ปตฺวา ภิกฺขุปนฺติํ อปีเฬโนฺต ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา อาสเน เอว อตฺตานํ ทเสฺสสิฯ อุภยถา จ อาปาถํ คโต, เตน อุภยมฺปิ ยุชฺชติ, อญฺญถา ทฺวีสุ เอกํ อภูตํ อาปชฺชติฯ
Satthusāsanameva pariyatti satthusāsanapariyatti, sā suttageyyādivasena navaṅgā. Tipiṭakameva sabbapariyattippabhedaṃ dhārentīti tipiṭakasabbapariyattippabhedadharā. ‘‘Vinā na sakkā’’ti na vattabbaṃ ‘‘tipiṭakasabbapariyattippabhedadhare’’ti vuttattā, evaṃ santepi atthi viseso tehi sammukhāpi asammukhāpi sutaṃ, therena pana asammukhāpaṭiggahitaṃ nāma natthīti. Na vāyanti ettha vāti vibhāsā, aññāsipi na aññāsipīti attho. Tatra uccinane. Bahusaddo vipullattho ‘‘anantapāraṃ bahu veditabbamitya’’treva. Pubbe ‘‘tipiṭakasabbapaayattippabhedadhare’’ti vuttattā ‘‘bahu cānena…pe… pariyatto’’ti na yujjatīti ce? Na, tipiṭakassa anantattā, tasmā amhe upādāya tena bahu pariyattoti adhippāyo. Itarathā ānandatthero tehi appassutoti āpajjati, ‘‘asammukhā paṭiggahitaṃ nāma natthī’’ti vacanavirodho ca. Aḍḍhamāso atikkantoti ettha eko divaso naṭṭho, so pāṭipadadivaso, kolāhaladivaso nāma so, tasmā idha na gahito. Saṃvegavatthuṃ kittetvā kīḷanato sādhukīḷanaṃ nāma. Svepīti api-saddo apekkhāmantānuññāya. Subhasuttaṃ ‘‘aciraparinibbute bhagavatī’’ti (dī. ni. 1.444) vuttattā caturāsītidhammakkhandhasahassesu antogadhaṃ na hotīti ce? Na, bhagavato kāle laddhanayattā kathāvatthu viya. Chaḍḍitā patitā uklāpā chaḍḍitapatitauklāpā. Āṇā eva appaṭihataṭṭhena cakkanti āṇācakkaṃ. Ekato ettha nipatantīti ekanipātanaṃ. Ākāsena āgantvā nisīdīti eketi etaṃ dutiyavāre gamanaṃ sandhāyāti āyasmā upatisso . Paṭhamaṃ vā ākāsena gantvā parisaṃ patvā bhikkhupantiṃ apīḷento pathaviyaṃ nimujjitvā āsane eva attānaṃ dassesi. Ubhayathā ca āpāthaṃ gato, tena ubhayampi yujjati, aññathā dvīsu ekaṃ abhūtaṃ āpajjati.
อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อุปาลิํ ปุจฺฉิ…เป.… อายสฺมา อุปาลิเตฺถโร วิสฺสเชฺชสีติ อิทํ ปุเพฺพ ‘‘ปฐมํ อาวุโส อุปาลี’’ติอาทินา (จูฬว. ๔๓๙) วุตฺตปุจฺฉาวิสฺสชฺชนํ สงฺขิปิตฺวา สงฺคีติการเกหิ ทสฺสิตวจนนฺติ คณฺฐิปเท ลิขิตํฯ ตถา โหตุ, กิมตฺถํ ปเนตฺถ ‘‘นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ, วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉี’’ติ เอวํ ปุเพฺพ ทสฺสิตานุกฺกเมน อวตฺวา ‘‘วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ, นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉี’’ติ เอวํ อนุกฺกโม กโตติ? ‘‘วตฺถุมูลกตฺตา สิกฺขาปทปญฺญตฺติยา อุปฺปฎิปาฎิยา วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ เอเกฯ เอตฺถ ปน วิจารณา เวรญฺชกเณฺฑ สมฺปเตฺต กรียติฯ ราชาคารเกติ เอวํนามเก อุยฺยาเนฯ อภิรมนารหํ กิร ราชาคารมฺปิฯ ตตฺถ, ยสฺส วเสเนตํ เอวํ นามํ ลภติฯ อถ โข ‘‘อายสฺมา มหากสฺสโป’’ติอาทินา ปุเพฺพ วุตฺตเมว สงฺขิปิตฺวา ทเสฺสติ สงฺคีติการโก วสีคโณฯ ยทิ เอวํ ยถา นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉีติ เอตฺถ ปุจฺฉากฺกโม ทสฺสิโต, ตถา อานนฺทเตฺถรสฺส วิสฺสชฺชนกฺกโมปิ กิมตฺถํ น ทสฺสิโตติ เจ? อิมินานุกฺกเมน สงฺคหํ ปญฺจปิ นิกายา อนารุฬฺหาติ ทสฺสนตฺถํฯ กถํ ปน อารุฬฺหาติ? อายสฺมา มหากสฺสโป ปญฺจปิ นิกาเย อนุกฺกเมเนว ปุจฺฉิ, อานนฺทเตฺถโร ปน อนุกฺกเมเนว ปุจฺฉิตมฺปิ อปุจฺฉิตมฺปิ ตสฺส ตสฺส สุตฺตสฺส สภาวํ อนฺตรา อุปฺปนฺนํ วตฺถุํ อุเทฺทสนิเทฺทสกฺกมํ มาติกาวิภงฺคกฺกมนฺติ เอวมาทิสพฺพํ อนุรูปวจนํ ปกฺขิปิตฺวา วิสฺสเชฺชสิ, เตเนวาห ‘‘เอเตเนว อุปาเยน ปญฺจปิ นิกาเย ปุจฺฉี’’ติฯ อถ วา ‘‘อมฺพลฎฺฐิกายํ ราชาคารเก’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘ราชาคารเก อมฺพลฎฺฐิกาย’’นฺติ อุปฺปฎิปาฎิวจเนนปิ อิมมตฺถํ ทีเปติฯ ‘‘อมฺพลฎฺฐิกายํ วิหรติ ราชาคารเก’’ติ หิ วุตฺตํฯ
Athakho āyasmā mahākassapo āyasmantaṃ upāliṃ pucchi…pe… āyasmā upālitthero vissajjesīti idaṃ pubbe ‘‘paṭhamaṃ āvuso upālī’’tiādinā (cūḷava. 439) vuttapucchāvissajjanaṃ saṅkhipitvā saṅgītikārakehi dassitavacananti gaṇṭhipade likhitaṃ. Tathā hotu, kimatthaṃ panettha ‘‘nidānampi pucchi, puggalampi pucchi, vatthumpi pucchī’’ti evaṃ pubbe dassitānukkamena avatvā ‘‘vatthumpi pucchi, nidānampi pucchi, puggalampi pucchī’’ti evaṃ anukkamo katoti? ‘‘Vatthumūlakattā sikkhāpadapaññattiyā uppaṭipāṭiyā vutta’’nti vadanti eke. Ettha pana vicāraṇā verañjakaṇḍe sampatte karīyati. Rājāgāraketi evaṃnāmake uyyāne. Abhiramanārahaṃ kira rājāgārampi. Tattha, yassa vasenetaṃ evaṃ nāmaṃ labhati. Atha kho ‘‘āyasmā mahākassapo’’tiādinā pubbe vuttameva saṅkhipitvā dasseti saṅgītikārako vasīgaṇo. Yadi evaṃ yathā nidānampi pucchi, puggalampi pucchīti ettha pucchākkamo dassito, tathā ānandattherassa vissajjanakkamopi kimatthaṃ na dassitoti ce? Iminānukkamena saṅgahaṃ pañcapi nikāyā anāruḷhāti dassanatthaṃ. Kathaṃ pana āruḷhāti? Āyasmā mahākassapo pañcapi nikāye anukkameneva pucchi, ānandatthero pana anukkameneva pucchitampi apucchitampi tassa tassa suttassa sabhāvaṃ antarā uppannaṃ vatthuṃ uddesaniddesakkamaṃ mātikāvibhaṅgakkamanti evamādisabbaṃ anurūpavacanaṃ pakkhipitvā vissajjesi, tenevāha ‘‘eteneva upāyena pañcapi nikāye pucchī’’ti. Atha vā ‘‘ambalaṭṭhikāyaṃ rājāgārake’’ti vattabbe ‘‘rājāgārake ambalaṭṭhikāya’’nti uppaṭipāṭivacanenapi imamatthaṃ dīpeti. ‘‘Ambalaṭṭhikāyaṃ viharati rājāgārake’’ti hi vuttaṃ.
คหการนฺติ อิมสฺส อตฺตภาวเคหสฺส การกํ ตณฺหาวฑฺฒกิํ คเวสโนฺต เยน ญาเณน สกฺกา โส ทฎฺฐุํ, ตสฺสตฺถาย ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาโร เอตฺตกํ กาลํ อเนกชาติสํสารํ ตํ ญาณํ อวินฺทโนฺต วิจรินฺติ อโตฺถฯ ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนนฺติ อิทํ คหการกคเวสนสฺส การณวจนํฯ สพฺพา เต ผาสุกาติ ตว สพฺพา อนวเสสกิเลสผาสุกา มยา ภคฺคาฯ คหกูฎํ นาม อวิชฺชาฯ โสมนสฺสสหคตํ ญาณํ โสมนสฺสมยํฯ น หิ โสมนสฺสมยํ ญาณํ ขนฺธสภาวเภทโตฯ ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปฺปโยชนาติ เยภุยฺยตาย วุตฺตํ, ตํ ปน ตตฺถ ตตฺถ ปกาสยิสฺสามฯ อญฺญมญฺญสงฺกรวิรหิเต ธเมฺม จ วินเย จาติ เอตฺถ ปาณาติปาโต อกุสลนฺติ เอวมาทีสุ มรณาธิปฺปายสฺส ชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทกปฺปโยคสมุฎฺฐาปิกา เจตนา อกุสลํ, น ปาณสงฺขาตชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปเจฺฉทกสงฺขาโต อติปาโตฯ ตถา อทินฺนสฺส ปรสนฺตกสฺส อาทานสงฺขาตา วิญฺญตฺติ อพฺยากโต ธโมฺม, ตพฺพิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปิกา เถยฺยเจตนา อกุสโล ธโมฺมติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๒๗) เอวมาทินา อญฺญมญฺญสงฺกรวิรหิเต ธเมฺม ปฎิพโล วิเนตุํฯ ชาตรูปรชตํ ปรสนฺตกํ เถยฺยจิเตฺตน คณฺหนฺตสฺส ยถาวตฺถุํ ปาราชิกถุลฺลจฺจยทุกฺกเฎสุ อญฺญตรํ, ภณฺฑาคาริกสีเสน ทิยฺยมานํ คณฺหนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ, อตฺตตฺถาย คณฺหนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, เกวลํ โลลตาย คณฺหนฺตสฺส อนามาสทุกฺกฎํ, รูปิยฉฑฺฑกสมฺมตสฺส อนาปตฺตีติ เอวํ อญฺญมญฺญสงฺกรวิรหิเต วินเยปิ ปฎิพโล วิเนตุนฺติ อโตฺถฯ ภาเวตีติ วเฑฺฒติ, เอเตน ผลวเสน ชวนวเสน จ จิตฺตสฺส วุทฺธิํ ทเสฺสติฯ ‘‘อวิสิฎฺฐ’’นฺติ ปาโฐ, สาธารณนฺติ อโตฺถฯ
Gahakāranti imassa attabhāvagehassa kārakaṃ taṇhāvaḍḍhakiṃ gavesanto yena ñāṇena sakkā so daṭṭhuṃ, tassatthāya dīpaṅkarapādamūle katābhinīhāro ettakaṃ kālaṃ anekajātisaṃsāraṃ taṃ ñāṇaṃ avindanto vicarinti attho. Dukkhā jāti punappunanti idaṃ gahakārakagavesanassa kāraṇavacanaṃ. Sabbā te phāsukāti tava sabbā anavasesakilesaphāsukā mayā bhaggā. Gahakūṭaṃ nāma avijjā. Somanassasahagataṃ ñāṇaṃ somanassamayaṃ. Na hi somanassamayaṃ ñāṇaṃ khandhasabhāvabhedato. Daḷhīkammasithilakaraṇappayojanāti yebhuyyatāya vuttaṃ, taṃ pana tattha tattha pakāsayissāma. Aññamaññasaṅkaravirahite dhamme ca vinaye cāti ettha pāṇātipāto akusalanti evamādīsu maraṇādhippāyassa jīvitindriyupacchedakappayogasamuṭṭhāpikā cetanā akusalaṃ, na pāṇasaṅkhātajīvitindriyassa upacchedakasaṅkhāto atipāto. Tathā adinnassa parasantakassa ādānasaṅkhātā viññatti abyākato dhammo, tabbiññattisamuṭṭhāpikā theyyacetanā akusalo dhammoti (paṭṭhā. 1.1.27) evamādinā aññamaññasaṅkaravirahite dhamme paṭibalo vinetuṃ. Jātarūparajataṃ parasantakaṃ theyyacittena gaṇhantassa yathāvatthuṃ pārājikathullaccayadukkaṭesu aññataraṃ, bhaṇḍāgārikasīsena diyyamānaṃ gaṇhantassa pācittiyaṃ, attatthāya gaṇhantassa nissaggiyaṃ pācittiyaṃ, kevalaṃ lolatāya gaṇhantassa anāmāsadukkaṭaṃ, rūpiyachaḍḍakasammatassa anāpattīti evaṃ aññamaññasaṅkaravirahite vinayepi paṭibalo vinetunti attho. Bhāvetīti vaḍḍheti, etena phalavasena javanavasena ca cittassa vuddhiṃ dasseti. ‘‘Avisiṭṭha’’nti pāṭho, sādhāraṇanti attho.
เทเสนฺตสฺส วเสเนตฺถ, เทสนา ปิฎกตฺตยํ;
Desentassa vasenettha, desanā piṭakattayaṃ;
สาสิตพฺพวเสเนตํ, สาสนนฺติปิ วุจฺจติฯ
Sāsitabbavasenetaṃ, sāsanantipi vuccati.
กเถตพฺพสฺส อตฺถสฺส, วเสนาปิ กถาติ จ;
Kathetabbassa atthassa, vasenāpi kathāti ca;
เทสนา สาสนา กถา, เภทเมฺปวํ ปกาสเยฯ
Desanā sāsanā kathā, bhedampevaṃ pakāsaye.
สาสนสฺส นปุํสกตฺตา ‘‘ยถา…เป.… ธมฺมสาสนานี’’ติ วุตฺตํฯ ทุจฺจริตสํกิเลสํ นาม อตฺถโต เจตนา, ตถาการปฺปวตฺตจิตฺตุปฺปาโท วาฯ อนิจฺจาทิลกฺขณํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา ปวตฺตตฺตา วิปสฺสนาจิตฺตานิ วิสยโต โลกิยา’ภิสมโย อสโมฺมหโต โลกุตฺตโร, โลกุตฺตโร เอว วา อภิสมโย วิสยโต นิพฺพานสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส, อิตรสฺส มคฺคาทิกสฺส อสโมฺมหโตติปิ เอเกฯ เอตฺถ ‘‘ปฎิเวโธ’’ติ วุตฺตํ ญาณํ, ตํ กถํ คมฺภีรนฺติ เจ? คมฺภีรสฺส อุทกสฺส ปมาณคฺคหณกาเล ทีเฆน ปมาเณน ภวิตพฺพํ, เอวํ อลพฺภเนยฺยภาวทสฺสนตฺถํ อิทานีติ วุตฺตนฺติ เอเกฯ ยสฺส จตฺถาย มคฺคผลตฺถายฯ ตญฺจ อตฺถํ นานุโภนฺติ นาธิคจฺฉนฺติ กญฺจิ อตฺตนา อธิเปฺปตํ, อิติวาทปโมกฺขญฺจฯ กสฺมา? อตฺถสฺส อนุปปริกฺขิตฺวา คหิตตฺตาฯ อธิคตผลตฺตา ปฎิวิทฺธากุโปฺปฯ ปุน ขีณาสวคฺคหเณน อรหนฺตเมว ทเสฺสติ, น เสกฺขํฯ โส หิ ยถา ภณฺฑาคาริโก รโญฺญ กฎกมกุฎาทิํ โคเปตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ อุปเนติ, เอวํ สเหตุกานํ สตฺตานํ มคฺคผลตฺถาย ธมฺมํ เทเสสิฯ ตาสํเยว ตตฺถ วินยปิฎเก ปเภทโต วุตฺตตฺตา, วายมิตฺวา ตา เอว ปาปุณาตีติ อาจริยาฯ กิมตฺถํ ติโสฺสว วิชฺชา ตตฺถ วิภตฺตาติ? สีลสมฺปตฺติยา เอตปรมุปนิสฺสยภาวโตฯ ‘‘อปเรหิปิ สตฺตหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ วินยธโร โหติฯ อาปตฺติํ ชานาติ, อนาปตฺติํ, ลหุกํ อาปตฺติํ, ครุกํ อาปตฺติํ, อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ…เป.… ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปสฺสติ…เป.… อาสวานญฺจ ขยา…เป.… อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (ปริ. ๓๒๗) สุตฺตเมตฺถ สาธกํฯ วินยํ ปริยาปุณิตฺวา สีลสมฺปตฺติํ นิสฺสาย อาสวกฺขยญาเณน สเหว วิย ทิพฺพจกฺขุปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณานิ ปฎิลภติฯ วิสุํ เอเตสํ ปริกมฺมกิจฺจํ นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ ตาสํเยวาติ วุตฺตนฺติ จ วทนฺติ เอเกฯ อภิธเมฺม ปน ติโสฺสวิชฺชา ฉ อภิญฺญา จตโสฺส จ ปฎิสมฺภิทา อเญฺญ จ สมฺมปฺปธานาทโย คุณวิเสสา วิภตฺตาฯ กิญฺจาปิ วิภตฺตา, ตถาปิ วิเสสโต ปญฺญาชาติกตฺตา จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา ปาปุณาตีติ ทสฺสนตฺถํ ตาสํ ตเตฺถวาติ อวธารณวิปลฺลาโส กโตฯ อตฺตนา ทุคฺคหิเตน ธเมฺมนาติ ปาฐเสโสฯ กตฺตริ เจตํ กรณวจนํ, เหตุเตฺถ จ, อตฺตนา ทุคฺคหิตเหตูติ อธิปฺปาโยฯ กสฺมา ปนาติ ‘‘อนุโลมิโก’’ติ วุตฺตตฺถํ ทีเปติฯ
Sāsanassa napuṃsakattā ‘‘yathā…pe… dhammasāsanānī’’ti vuttaṃ. Duccaritasaṃkilesaṃ nāma atthato cetanā, tathākārappavattacittuppādo vā. Aniccādilakkhaṇaṃ paṭivijjhitvā pavattattā vipassanācittāni visayato lokiyā’bhisamayo asammohato lokuttaro, lokuttaro eva vā abhisamayo visayato nibbānasaṅkhātassa atthassa, itarassa maggādikassa asammohatotipi eke. Ettha ‘‘paṭivedho’’ti vuttaṃ ñāṇaṃ, taṃ kathaṃ gambhīranti ce? Gambhīrassa udakassa pamāṇaggahaṇakāle dīghena pamāṇena bhavitabbaṃ, evaṃ alabbhaneyyabhāvadassanatthaṃ idānīti vuttanti eke. Yassa catthāya maggaphalatthāya. Tañca atthaṃ nānubhonti nādhigacchanti kañci attanā adhippetaṃ, itivādapamokkhañca. Kasmā? Atthassa anupaparikkhitvā gahitattā. Adhigataphalattā paṭividdhākuppo. Puna khīṇāsavaggahaṇena arahantameva dasseti, na sekkhaṃ. So hi yathā bhaṇḍāgāriko rañño kaṭakamakuṭādiṃ gopetvā icchiticchitakkhaṇe upaneti, evaṃ sahetukānaṃ sattānaṃ maggaphalatthāya dhammaṃ desesi. Tāsaṃyeva tattha vinayapiṭake pabhedato vuttattā, vāyamitvā tā eva pāpuṇātīti ācariyā. Kimatthaṃ tissova vijjā tattha vibhattāti? Sīlasampattiyā etaparamupanissayabhāvato. ‘‘Aparehipi sattahaṅgehi samannāgato bhikkhu vinayadharo hoti. Āpattiṃ jānāti, anāpattiṃ, lahukaṃ āpattiṃ, garukaṃ āpattiṃ, anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati…pe… dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passati…pe… āsavānañca khayā…pe… upasampajja viharatī’’ti (pari. 327) suttamettha sādhakaṃ. Vinayaṃ pariyāpuṇitvā sīlasampattiṃ nissāya āsavakkhayañāṇena saheva viya dibbacakkhupubbenivāsānussatiñāṇāni paṭilabhati. Visuṃ etesaṃ parikammakiccaṃ natthīti dassanatthaṃ tāsaṃyevāti vuttanti ca vadanti eke. Abhidhamme pana tissovijjā cha abhiññā catasso ca paṭisambhidā aññe ca sammappadhānādayo guṇavisesā vibhattā. Kiñcāpi vibhattā, tathāpi visesato paññājātikattā catasso paṭisambhidā pāpuṇātīti dassanatthaṃ tāsaṃ tatthevāti avadhāraṇavipallāso kato. Attanā duggahitena dhammenāti pāṭhaseso. Kattari cetaṃ karaṇavacanaṃ, hetutthe ca, attanā duggahitahetūti adhippāyo. Kasmā panāti ‘‘anulomiko’’ti vuttatthaṃ dīpeti.
ปฐมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนานโยฯ
Paṭhamamahāsaṅgītikathāvaṇṇanānayo.