Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā

    ปฐมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา

    Paṭhamamahāsaṅgītikathāvaṇṇanā

    ปฐมมหาสงฺคีติ นาม เจสาติ เอตฺถ -สโทฺท วตฺตพฺพสมฺปิณฺฑนโตฺถ, อุปญฺญาสโตฺถ วา, อุปญฺญาโสติ จ วากฺยารโมฺภ วุจฺจติฯ เอสา หิ คนฺถการานํ ปกติ, ยทิทํ กิญฺจิ วตฺวา ปุน อปรํ วตฺตุมารภนฺตานํ จ-สทฺทปฺปโยโคฯ ยถาปจฺจยํ ตตฺถ ตตฺถ เทสิตตฺตา วิปฺปกิณฺณานํ ธมฺมวินยานํ สภาคตฺถวเสน สงฺคเหตฺวา คายนํ กถนํ สงฺคีติ, มหาวิสยตฺตา ปูชนียตฺตา จ มหตี สงฺคีติ มหาสงฺคีติฯ ทุติยาทิํ อุปาทาย เจสา ‘‘ปฐมมหาสงฺคีตี’’ติ วุตฺตาฯ นิททาติ เทสนํ เทสกาลาทิวเสน อวิทิตํ วิทิตํ กตฺวา นิทเสฺสตีติ นิทานํ, ตตฺถ โกสลฺลตฺถํ

    Paṭhamamahāsaṅgīti nāma cesāti ettha ca-saddo vattabbasampiṇḍanattho, upaññāsattho vā, upaññāsoti ca vākyārambho vuccati. Esā hi ganthakārānaṃ pakati, yadidaṃ kiñci vatvā puna aparaṃ vattumārabhantānaṃ ca-saddappayogo. Yathāpaccayaṃ tattha tattha desitattā vippakiṇṇānaṃ dhammavinayānaṃ sabhāgatthavasena saṅgahetvā gāyanaṃ kathanaṃ saṅgīti, mahāvisayattā pūjanīyattā ca mahatī saṅgīti mahāsaṅgīti. Dutiyādiṃ upādāya cesā ‘‘paṭhamamahāsaṅgītī’’ti vuttā. Nidadāti desanaṃ desakālādivasena aviditaṃ viditaṃ katvā nidassetīti nidānaṃ, tattha kosallatthaṃ.

    เวเนยฺยานํ มคฺคผลุปฺปตฺติเหตุภูตาว กิริยา นิปฺปริยาเยน พุทฺธกิจฺจนฺติ อาห ‘‘ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนญฺหิ อาทิํ กตฺวา’’ติฯ ตตฺถ สติปฎฺฐานาทิธโมฺม เอว ปวตฺตนเฎฺฐน จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํ, จกฺกนฺติ วา อาณา, ตํ ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมจกฺกํ, ธเมฺมน ญาเยน จกฺกนฺติปิ ธมฺมจกฺกํฯ กตพุทฺธกิเจฺจติ นิฎฺฐิตพุทฺธกิเจฺจ ภควติ โลกนาเถติ สมฺพโนฺธฯ กุสินารายนฺติ สมีปเตฺถ เอตํ ภุมฺมวจนํฯ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเนติ ตสฺส นครสฺส อุปวตฺตนภูตํ มลฺลราชูนํ สาลวนุยฺยานํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ นครํ ปวิสนฺตา อุยฺยานโต อุเปจฺจ วตฺตนฺติ คจฺฉนฺติ เอเตนาติ ‘‘อุปวตฺตน’’นฺติ อุยฺยานสฺส จ นครสฺส จ มเชฺฌ สาลวนํ วุจฺจติฯ กุสินาราย หิ ทกฺขิณปจฺฉิมทิสาย ตํ อุยฺยานํ โหติ, ตโต อุยฺยานโต สาลวนราชิวิราชิโต มโคฺค ปาจีนาภิมุโข คนฺตฺวา นครสฺส ทกฺขิณทฺวาราภิมุโข อุตฺตเรน นิวโตฺต, เตน มเคฺคน มนุสฺสา นครํ ปวิสนฺติ, ตสฺมา ตํ ‘‘อุปวตฺตน’’นฺติ วุจฺจติฯ ตตฺถ กิร อุปวตฺตเน อญฺญมญฺญสํสฎฺฐวิฎปานํ สมฺปนฺนฉายานํ สาลปนฺตีนมนฺตเร ภควโต ปรินิพฺพานมโญฺจ ปญฺญโตฺต, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ยมกสาลานมนฺตเร’’ติฯ อุปาทียติ กมฺมกิเลเสหีติ อุปาทิ, วิปากกฺขนฺธา กฎตฺตา จ รูปํฯ ตเทว กมฺมกิเลเสหิ สมฺมา อปฺปหีนตาย เสโส, นตฺถิ เอตฺถ อุปาทิเสโสติ อนุปาทิเสสา, นิพฺพานธาตุ, ตายฯ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ จายํ กรณนิเทฺทโสฯ ปรินิพฺพาเนติ นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมํ, ปรินิพฺพานเหตุ ตสฺมิํ ฐาเน สนฺนิปติตานนฺติ อโตฺถฯ สงฺฆสฺส เถโร เชโฎฺฐ สงฺฆเตฺถโรฯ เอตฺถ จ สงฺฆสทฺทสฺส ภิกฺขุสตสหสฺสสทฺทสาเปกฺขเตฺตปิ คมกตฺตา เถรสเทฺทน สมาโส ยถา เทวทตฺตสฺส ครุกุลนฺติฯ อายสฺมา มหากสฺสโป ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสีติ สมฺพโนฺธฯ

    Veneyyānaṃ maggaphaluppattihetubhūtāva kiriyā nippariyāyena buddhakiccanti āha ‘‘dhammacakkappavattanañhi ādiṃ katvā’’ti. Tattha satipaṭṭhānādidhammo eva pavattanaṭṭhena cakkanti dhammacakkaṃ, cakkanti vā āṇā, taṃ dhammato anapetattā dhammacakkaṃ, dhammena ñāyena cakkantipi dhammacakkaṃ. Katabuddhakicceti niṭṭhitabuddhakicce bhagavati lokanātheti sambandho. Kusinārāyanti samīpatthe etaṃ bhummavacanaṃ. Upavattane mallānaṃ sālavaneti tassa nagarassa upavattanabhūtaṃ mallarājūnaṃ sālavanuyyānaṃ dasseti. Tattha nagaraṃ pavisantā uyyānato upecca vattanti gacchanti etenāti ‘‘upavattana’’nti uyyānassa ca nagarassa ca majjhe sālavanaṃ vuccati. Kusinārāya hi dakkhiṇapacchimadisāya taṃ uyyānaṃ hoti, tato uyyānato sālavanarājivirājito maggo pācīnābhimukho gantvā nagarassa dakkhiṇadvārābhimukho uttarena nivatto, tena maggena manussā nagaraṃ pavisanti, tasmā taṃ ‘‘upavattana’’nti vuccati. Tattha kira upavattane aññamaññasaṃsaṭṭhaviṭapānaṃ sampannachāyānaṃ sālapantīnamantare bhagavato parinibbānamañco paññatto, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘yamakasālānamantare’’ti. Upādīyati kammakilesehīti upādi, vipākakkhandhā kaṭattā ca rūpaṃ. Tadeva kammakilesehi sammā appahīnatāya seso, natthi ettha upādisesoti anupādisesā, nibbānadhātu, tāya. Itthambhūtalakkhaṇe cāyaṃ karaṇaniddeso. Parinibbāneti nimittatthe bhummaṃ, parinibbānahetu tasmiṃ ṭhāne sannipatitānanti attho. Saṅghassa thero jeṭṭho saṅghatthero. Ettha ca saṅghasaddassa bhikkhusatasahassasaddasāpekkhattepi gamakattā therasaddena samāso yathā devadattassa garukulanti. Āyasmā mahākassapo dhammavinayasaṅgāyanatthaṃ bhikkhūnaṃ ussāhaṃ janesīti sambandho.

    ตถา อุสฺสาหํ ชนนสฺส การณมาห สตฺตาหปรินิพฺพุเตติอาทิฯ สตฺต อหานิ สมาหฎานิ สตฺตาหํ, สตฺตาหํ ปรินิพฺพุตสฺส อสฺสาติ สตฺตาหปรินิพฺพุโต, สตฺตาหปรินิพฺพุเต สุภเทฺทน วุฑฺฒปพฺพชิเตน วุตฺตวจนมนุสฺสรโนฺตติ สมฺพโนฺธฯ อลํ, อาวุโสติอาทินา เตน วุตฺตวจนํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ อลนฺติ ปฎิเกฺขปวจนํฯ เตน มหาสมเณนาติ นิสฺสเกฺก กรณวจนํ, ตโต มหาสมณโต สุฎฺฐุ มุตฺตา มยนฺติ อโตฺถ, อุปทฺทุตา จ โหม ตทาติ อธิปฺปาโย, โหมาติ วา อตีตเตฺถ วตฺตมานวจนํ, อหุมฺหาติ อโตฺถฯ ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชตีติ ติฎฺฐติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ฐานํ, เหตุฯ โขติ อวธารเณ, เอตํ การณํ วิชฺชเตว, โน น วิชฺชตีติ อโตฺถฯ กิํ ตํ การณนฺติ? อาห ยํ ปาปภิกฺขูติอาทิฯ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ, การณนิเทฺทโส วา, เยน การเณน อนฺตรธาเปยฺยุํ, ตเทตํ การณํ วิชฺชตีติ อโตฺถฯ อตีโต อติกฺกโนฺต สตฺถา เอตฺถ, เอตสฺสาติ วา อตีตสตฺถุกํ, ปาวจนํฯ ปธานํ วจนํ ปาวจนํ, ธมฺมวินยนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ปกฺขํ ลภิตฺวาติ อลชฺชีปกฺขํ ลภิตฺวาฯ น จิรเสฺสวาติ น จิเรเนวฯ ยาว จ ธมฺมวินโย ติฎฺฐตีติ ยตฺตกํ กาลํ ธโมฺม จ วินโย จ ลชฺชีปุคฺคเลสุ ติฎฺฐติฯ

    Tathā ussāhaṃ jananassa kāraṇamāha sattāhaparinibbutetiādi. Satta ahāni samāhaṭāni sattāhaṃ, sattāhaṃ parinibbutassa assāti sattāhaparinibbuto, sattāhaparinibbute subhaddena vuḍḍhapabbajitena vuttavacanamanussarantoti sambandho. Alaṃ, āvusotiādinā tena vuttavacanaṃ dasseti. Tattha alanti paṭikkhepavacanaṃ. Tena mahāsamaṇenāti nissakke karaṇavacanaṃ, tato mahāsamaṇato suṭṭhu muttā mayanti attho, upaddutā ca homa tadāti adhippāyo, homāti vā atītatthe vattamānavacanaṃ, ahumhāti attho. Ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjatīti tiṭṭhati ettha phalaṃ tadāyattavuttitāyāti ṭhānaṃ, hetu. Khoti avadhāraṇe, etaṃ kāraṇaṃ vijjateva, no na vijjatīti attho. Kiṃ taṃ kāraṇanti? Āha yaṃ pāpabhikkhūtiādi. Ettha yanti nipātamattaṃ, kāraṇaniddeso vā, yena kāraṇena antaradhāpeyyuṃ, tadetaṃ kāraṇaṃ vijjatīti attho. Atīto atikkanto satthā ettha, etassāti vā atītasatthukaṃ, pāvacanaṃ. Padhānaṃ vacanaṃ pāvacanaṃ, dhammavinayanti vuttaṃ hoti. Pakkhaṃ labhitvāti alajjīpakkhaṃ labhitvā. Na cirassevāti na cireneva. Yāva ca dhammavinayo tiṭṭhatīti yattakaṃ kālaṃ dhammo ca vinayo ca lajjīpuggalesu tiṭṭhati.

    วุตฺตเญฺหตํ ภควตาติ ปรินิพฺพานมเญฺจ นิปเนฺนน ภควตา วุตฺตนฺติ อโตฺถฯ เทสิโต ปญฺญโตฺตติ สุตฺตาภิธมฺมปิฎกสงฺคหิตสฺส ธมฺมสฺส เจว วินยปิฎกสงฺคหิตสฺส วินยสฺส จ อติสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนาฯ ตเสฺสว ปการโต ญาปนํ อสงฺกรโต ฐปนํ ปญฺญาปนํฯ โส โว มมจฺจเยน สตฺถาติ โส ธมฺมวินโย ตุมฺหากํ มมจฺจเยน สตฺถา มยิ ปรินิพฺพุเต สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติฯ สาสนนฺติ ปริยตฺติปฎิปตฺติปฎิเวธวเสน ติวิธํ สาสนํ, นิปฺปริยายโต ปน สตฺตตฺติํส โพธิปกฺขิยธมฺมาฯ อทฺธนิยนฺติ อทฺธานกฺขมํ, ตเทว จิรฎฺฐิติกํ อสฺส ภเวยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ

    Vuttañhetaṃ bhagavatāti parinibbānamañce nipannena bhagavatā vuttanti attho. Desito paññattoti suttābhidhammapiṭakasaṅgahitassa dhammassa ceva vinayapiṭakasaṅgahitassa vinayassa ca atisajjanaṃ pabodhanaṃ desanā. Tasseva pakārato ñāpanaṃ asaṅkarato ṭhapanaṃ paññāpanaṃ. So vo mamaccayena satthāti so dhammavinayo tumhākaṃ mamaccayena satthā mayi parinibbute satthukiccaṃ sādhessati. Sāsananti pariyattipaṭipattipaṭivedhavasena tividhaṃ sāsanaṃ, nippariyāyato pana sattattiṃsa bodhipakkhiyadhammā. Addhaniyanti addhānakkhamaṃ, tadeva ciraṭṭhitikaṃ assa bhaveyyāti sambandho.

    อิทานิ สมฺมาสมฺพุเทฺธน อตฺตโน กตํ อนุคฺคหวิเสสํ วิภาเวโนฺต อาห ยญฺจาหํ ภควตาติอาทิฯ ตตฺถ ยญฺจาหนฺติ เอตสฺส อนุคฺคหิโตติ เอเตน สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ นฺติ ยสฺมา, เยน การเณนาติ วุตฺตํ โหติฯ กิริยาปรามสนํ วา เอตํ, เตน อนุคฺคหิโตติ เอตฺถ อนุคฺคหณํ ปรามสติฯ ธาเรสฺสสีติอาทิกํ ภควตา มหากสฺสปเตฺถเรน สทฺธิํ จีวรปริวตฺตนํ กาตุกาเมน วุตฺตวจนํฯ ธาเรสฺสสิ ปน เม ตฺวํ กสฺสปาติ ‘‘กสฺสป, ตฺวํ อิมานิ ปริโภคชิณฺณานิ ปํสุกูลานิ ปารุปิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ วทติ, ตญฺจ โข น กายพลํ สนฺธาย, ปฎิปตฺติปูรณํ ปน สนฺธาย เอวมาหฯ สาณานิ ปํสุกูลานีติ มตกเฬวรํ ปลิเวเฐตฺวา ฉฑฺฑิตานิ ตุมฺพมเตฺต กิมโย ปโปฺผเฎตฺวา คหิตานิ สาณวากมยานิ ปํสุกูลจีวรานิฯ รถิกาทีนํ ยตฺถ กตฺถจิ ปํสูนํ อุปริ ฐิตตฺตา อพฺภุคฺคตเฎฺฐน เตสุ กูลมิวาติ ปํสุกูลํฯ อถ วา ปํสุ วิย กุจฺฉิตภาวํ อุลติ คจฺฉตีติ ปํสุกูลนฺติ ปํสุกูลสทฺทสฺส อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ นิพฺพสนานีติ นิฎฺฐิตวสนกิจฺจานิ, ปริโภคชิณฺณานีติ อโตฺถฯ เอกเมว ตํ จีวรํ อเนกาวยวตฺตา พหุวจนํ กตํฯ สาธารณปริโภเคนาติ อตฺตนา สมานปริโภเคน, สาธารณปริโภเคน จ สมสมฎฺฐปเนน จ อนุคฺคหิโตติ สมฺพโนฺธฯ

    Idāni sammāsambuddhena attano kataṃ anuggahavisesaṃ vibhāvento āha yañcāhaṃ bhagavatātiādi. Tattha yañcāhanti etassa anuggahitoti etena sambandho. Tattha yanti yasmā, yena kāraṇenāti vuttaṃ hoti. Kiriyāparāmasanaṃ vā etaṃ, tena anuggahitoti ettha anuggahaṇaṃ parāmasati. Dhāressasītiādikaṃ bhagavatā mahākassapattherena saddhiṃ cīvaraparivattanaṃ kātukāmena vuttavacanaṃ. Dhāressasi pana me tvaṃ kassapāti ‘‘kassapa, tvaṃ imāni paribhogajiṇṇāni paṃsukūlāni pārupituṃ sakkhissasī’’ti vadati, tañca kho na kāyabalaṃ sandhāya, paṭipattipūraṇaṃ pana sandhāya evamāha. Sāṇāni paṃsukūlānīti matakaḷevaraṃ paliveṭhetvā chaḍḍitāni tumbamatte kimayo papphoṭetvā gahitāni sāṇavākamayāni paṃsukūlacīvarāni. Rathikādīnaṃ yattha katthaci paṃsūnaṃ upari ṭhitattā abbhuggataṭṭhena tesu kūlamivāti paṃsukūlaṃ. Atha vā paṃsu viya kucchitabhāvaṃ ulati gacchatīti paṃsukūlanti paṃsukūlasaddassa attho daṭṭhabbo. Nibbasanānīti niṭṭhitavasanakiccāni, paribhogajiṇṇānīti attho. Ekameva taṃ cīvaraṃ anekāvayavattā bahuvacanaṃ kataṃ. Sādhāraṇaparibhogenāti attanā samānaparibhogena, sādhāraṇaparibhogena ca samasamaṭṭhapanena ca anuggahitoti sambandho.

    อิทานิ นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิญฺญาปฺปเภเท อุตฺตริมนุสฺสธเมฺม อตฺตนา สมสมฎฺฐปนตฺถาย ภควตา วุตฺตํ กสฺสปสํยุเตฺต (สํ. นิ. ๒.๑๕๒) อาคตํ ปาฬิํ เปยฺยาลมุเขน อาทิคฺคหเณน จ สงฺขิปิตฺวา ทเสฺสโนฺต อาห อหํ, ภิกฺขเวติอาทิฯ ตตฺถ ยาวเท อากงฺขามีติ ยาวเทว อากงฺขามิ, ยตฺตกํ กาลํ อิจฺฉามีติ อโตฺถ, ‘‘ยาวเทวา’’ติปิ ปาโฐฯ นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิญฺญาปฺปเภเทติ เอตฺถ นวานุปุพฺพวิหาโร นาม อนุปฎิปาฎิยา สมาปชฺชิตพฺพภาวโต เอวํสญฺญิตา นิโรธสมาปตฺติยา สห อฎฺฐ รูปารูปสมาปตฺติโยฯ ฉฬภิญฺญา นาม อาสวกฺขยญาเณน สทฺธิํ ปญฺจาภิญฺญาโยฯ อตฺตนา สมสมฎฺฐปเนนาติ ‘‘อหํ ยตฺตกํ กาลํ ยตฺตเก สมาปตฺติวิหาเร อภิญฺญาโย จ วฬเญฺชมิ, ตถา กสฺสโปปี’’ติ เอวํ ยถาวุตฺตอุตฺตริมนุสฺสธเมฺม อตฺตนา สมสมํ กตฺวา ฐปเนน, อิทญฺจ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสามเญฺญน เถรสฺส ปสํสามเตฺตน วุตฺตํ, น ภควตา สทฺธิํ สพฺพถา สมตายฯ ภควโต หิ คุณวิเสสํ อุปาทาย สาวกา ปเจฺจกพุทฺธา จ กลมฺปิ กลภาคมฺปิ น อุเปนฺติ, ตสฺส กิมญฺญํ อาณณฺยํ ภวิสฺสติ อญฺญตฺร ธมฺมวินยสงฺคายนาติ อธิปฺปาโยฯ ตตฺถ ตสฺสาติ ตสฺส อนุคฺคหสฺส, ตสฺส เมติ วา อโตฺถ คเหตโพฺพฯ โปตฺถเกสุ หิ เกสุจิ ‘‘ตสฺส เม’’ติ ปาโฐ ทิสฺสติฯ อาณณฺยํ อณณภาโวฯ สกกวจอิสฺสริยานุปฺปทาเนนาติ เอตฺถ จีวรสฺส นิทสฺสนวเสน กวจเสฺสว คหณํ กตํ, สมาปตฺติยา นิทสฺสนวเสน อิสฺสริยํ คหิตํฯ

    Idāni navānupubbavihārachaḷabhiññāppabhede uttarimanussadhamme attanā samasamaṭṭhapanatthāya bhagavatā vuttaṃ kassapasaṃyutte (saṃ. ni. 2.152) āgataṃ pāḷiṃ peyyālamukhena ādiggahaṇena ca saṅkhipitvā dassento āha ahaṃ, bhikkhavetiādi. Tattha yāvade ākaṅkhāmīti yāvadeva ākaṅkhāmi, yattakaṃ kālaṃ icchāmīti attho, ‘‘yāvadevā’’tipi pāṭho. Navānupubbavihārachaḷabhiññāppabhedeti ettha navānupubbavihāro nāma anupaṭipāṭiyā samāpajjitabbabhāvato evaṃsaññitā nirodhasamāpattiyā saha aṭṭha rūpārūpasamāpattiyo. Chaḷabhiññā nāma āsavakkhayañāṇena saddhiṃ pañcābhiññāyo. Attanā samasamaṭṭhapanenāti ‘‘ahaṃ yattakaṃ kālaṃ yattake samāpattivihāre abhiññāyo ca vaḷañjemi, tathā kassapopī’’ti evaṃ yathāvuttauttarimanussadhamme attanā samasamaṃ katvā ṭhapanena, idañca uttarimanussadhammasāmaññena therassa pasaṃsāmattena vuttaṃ, na bhagavatā saddhiṃ sabbathā samatāya. Bhagavato hi guṇavisesaṃ upādāya sāvakā paccekabuddhā ca kalampi kalabhāgampi na upenti, tassa kimaññaṃ āṇaṇyaṃ bhavissati aññatra dhammavinayasaṅgāyanāti adhippāyo. Tattha tassāti tassa anuggahassa, tassa meti vā attho gahetabbo. Potthakesu hi kesuci ‘‘tassa me’’ti pāṭho dissati. Āṇaṇyaṃ aṇaṇabhāvo. Sakakavacaissariyānuppadānenāti ettha cīvarassa nidassanavasena kavacasseva gahaṇaṃ kataṃ, samāpattiyā nidassanavasena issariyaṃ gahitaṃ.

    อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปาฬิยา วิภาเวโนฺต อาห ยถาหาติอาทิฯ ตตฺถ เอกมิทาหนฺติ เอตฺถ อิทนฺติ นิปาตมตฺตํฯ เอกํ สมยนฺติ เอกสฺมิํ สมเยติ อโตฺถฯ ปาวายาติ ปาวานครโตฯ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺนติ ทีฆมคฺคปฺปฎิปโนฺนฯ ทีฆปริยาโย เหตฺถ อทฺธานสโทฺทฯ สพฺพํ สุภทฺทกณฺฑํ วิตฺถารโต เวทิตพฺพนฺติ ปญฺจสติกกฺขนฺธเก อาคตํ สุภทฺทกณฺฑํ อิธ อาเนตฺวา วิตฺถาเรตพฺพํฯ

    Idāni yathāvuttamatthaṃ pāḷiyā vibhāvento āha yathāhātiādi. Tattha ekamidāhanti ettha idanti nipātamattaṃ. Ekaṃ samayanti ekasmiṃ samayeti attho. Pāvāyāti pāvānagarato. Addhānamaggappaṭipannoti dīghamaggappaṭipanno. Dīghapariyāyo hettha addhānasaddo. Sabbaṃ subhaddakaṇḍaṃ vitthārato veditabbanti pañcasatikakkhandhake āgataṃ subhaddakaṇḍaṃ idha ānetvā vitthāretabbaṃ.

    ตโต ปรนฺติ สุภทฺทกณฺฑโต ปรํฯ สพฺพํ สุภทฺทกณฺฑํ วิตฺถารโต เวทิตพฺพนฺติ อิมินา ‘‘ยํ น อิจฺฉิสฺสาม, น ตํ กริสฺสามา’’ติ เอตํ ปริยนฺตํ สุภทฺทกณฺฑปาฬิํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อวเสสํ อุสฺสาหชนนปฺปการปฺปวตฺตํ ปาฬิเมว ทเสฺสโนฺต หนฺท มยํ อาวุโสติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปุเร อธโมฺม ทิปฺปตีติ เอตฺถ ‘‘อธโมฺม นาม ทสกุสลกมฺมปถปฎิปกฺขภูโต อธโมฺม’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฎี. ๑.ปฐมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุตฺตํฯ ธมฺมสงฺคหณตฺถํ อุสฺสาหชนนปฺปสงฺคตฺตา ปน ธมฺมวินยานํ อสงฺคายนเหตุโทสคโณ สมฺภวติ, โส เอว เอตฺถ อธโมฺม ทิปฺปติ ตปฺปฎิปโกฺข ธโมฺม จ ปฎิพาหียตีติ วตฺตพฺพํฯ อปิ จ ‘‘อธมฺมวาทิโน พลวโนฺต โหนฺติ ธมฺมวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตี’’ติ วุจฺจมานตฺตา เยน อธเมฺมน เต สุภทฺทวชฺชิปุตฺตกาทโย อธมฺมวาทิโน, เยน จ ธเมฺมน อิตเร ธมฺมวาทิโนว โหนฺติฯ เตเยว อิธ ‘‘อธโมฺม’’ ‘‘ธโมฺม’’ติ จ วตฺตพฺพาฯ ตสฺมา สีลวิปตฺติอาทิเหตุโก ปาปิจฺฉตาทิโทสคโณ อธโมฺม, ตปฺปฎิปโกฺข สีลสมฺปทาทิเหตุโก อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมูโห ธโมฺมติ จ คเหตพฺพํฯ ปุเร ทิปฺปตีติ อปิ นาม ทิปฺปติฯ อถ วา ยาว อธโมฺม ธมฺมํ ปฎิพาหิตุํ สมโตฺถ โหติ, ตโต ปุเรตรเมวาติ อโตฺถฯ ทิปฺปตีติ ทิปฺปิสฺสติฯ ปุเรสทฺทโยเคน หิ อนาคตเตฺถ อยํ วตฺตมานปฺปโยโค, ยถา ปุรา วสฺสติ เทโวติฯ อวินโยติ ปหานวินยาทีนํ ปฎิปกฺขภูโต อวินโยฯ

    Tato paranti subhaddakaṇḍato paraṃ. Sabbaṃ subhaddakaṇḍaṃ vitthārato veditabbanti iminā ‘‘yaṃ na icchissāma, na taṃ karissāmā’’ti etaṃ pariyantaṃ subhaddakaṇḍapāḷiṃ dassetvā idāni avasesaṃ ussāhajananappakārappavattaṃ pāḷimeva dassento handa mayaṃ āvusotiādimāha. Tattha pure adhammo dippatīti ettha ‘‘adhammo nāma dasakusalakammapathapaṭipakkhabhūto adhammo’’ti sāratthadīpaniyaṃ (sārattha. ṭī. 1.paṭhamamahāsaṅgītikathāvaṇṇanā) vuttaṃ. Dhammasaṅgahaṇatthaṃ ussāhajananappasaṅgattā pana dhammavinayānaṃ asaṅgāyanahetudosagaṇo sambhavati, so eva ettha adhammo dippati tappaṭipakkho dhammo ca paṭibāhīyatīti vattabbaṃ. Api ca ‘‘adhammavādino balavanto honti dhammavādino dubbalā hontī’’ti vuccamānattā yena adhammena te subhaddavajjiputtakādayo adhammavādino, yena ca dhammena itare dhammavādinova honti. Teyeva idha ‘‘adhammo’’ ‘‘dhammo’’ti ca vattabbā. Tasmā sīlavipattiādihetuko pāpicchatādidosagaṇo adhammo, tappaṭipakkho sīlasampadādihetuko appicchatādiguṇasamūho dhammoti ca gahetabbaṃ. Pure dippatīti api nāma dippati. Atha vā yāva adhammo dhammaṃ paṭibāhituṃ samattho hoti, tato puretaramevāti attho. Dippatīti dippissati. Puresaddayogena hi anāgatatthe ayaṃ vattamānappayogo, yathā purā vassati devoti. Avinayoti pahānavinayādīnaṃ paṭipakkhabhūto avinayo.

    เตน หีติ อุโยฺยชนเตฺถ นิปาโตฯ สกลนวงฺคสตฺถุสาสนปริยตฺติธเรติ สกลํ สุตฺตเคยฺยาทินวงฺคํ เอตฺถ, เอตสฺส วา อตฺถีติ สกลนวงฺคํ, สตฺถุสาสนํฯ อตฺถกาเมน ปริยาปุณิตพฺพโต ทิฎฺฐธมฺมิกาทิปุริสตฺถปริยตฺติภาวโต จ ‘‘ปริยตฺตี’’ติ ตีณิ ปิฎกานิ วุจฺจนฺติ, ตํ สกลนวงฺคสตฺถุสาสนสงฺขาตํ ปริยตฺติํ ธาเรนฺตีติ สกลนวงฺคสตฺถุสาสนปอยตฺติธรา, ตาทิเสติ อโตฺถฯ สมถภาวนาสิเนหาภาเวน สุกฺขา ลูขา อสินิทฺธา วิปสฺสนา เอเตสนฺติ สุกฺขวิปสฺสกาติปิฎกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธเรติ ติณฺณํ ปิฎกานํ สมาหาโร ติปิฎกํ, ตเทว นวงฺคาทิวเสน อเนกเภทภินฺนํ สพฺพํ ปริยตฺติปฺปเภทํ ธาเรนฺตีติ ติปิฎกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธราฯ

    Tena hīti uyyojanatthe nipāto. Sakalanavaṅgasatthusāsanapariyattidhareti sakalaṃ suttageyyādinavaṅgaṃ ettha, etassa vā atthīti sakalanavaṅgaṃ, satthusāsanaṃ. Atthakāmena pariyāpuṇitabbato diṭṭhadhammikādipurisatthapariyattibhāvato ca ‘‘pariyattī’’ti tīṇi piṭakāni vuccanti, taṃ sakalanavaṅgasatthusāsanasaṅkhātaṃ pariyattiṃ dhārentīti sakalanavaṅgasatthusāsanapaayattidharā, tādiseti attho. Samathabhāvanāsinehābhāvena sukkhā lūkhā asiniddhā vipassanā etesanti sukkhavipassakā. Tipiṭakasabbapariyattippabhedadhareti tiṇṇaṃ piṭakānaṃ samāhāro tipiṭakaṃ, tadeva navaṅgādivasena anekabhedabhinnaṃ sabbaṃ pariyattippabhedaṃ dhārentīti tipiṭakasabbapariyattippabhedadharā.

    กิสฺส ปนาติ กสฺมา ปนฯ สิกฺขตีติ เสโกฺขฯ ตเมวาห ‘‘สกรณีโย’’ติฯ อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจสฺส อปริโยสิตตฺตา สกิโจฺจติ อโตฺถฯ อสฺสาติ อเนนฯ พหุการตฺตาติ พหุปการตฺตาฯ อสฺสาติ ภเวยฺยฯ อติวิย วิสฺสโตฺถติ อติวิย วิสฺสาสิโกฯ นฺติ อานนฺทเตฺถรํ โอวทตีติ สมฺพโนฺธฯ อานนฺทเตฺถรสฺส กทาจิ อสญฺญตาย นวกาย สทฺธิวิหาริกปริสาย ชนปทจาริกาจรณํ, เตสญฺจ สทฺธิวิหาริกานํ เอกกฺขเณ อุปฺปพฺพชฺชนญฺจ ปฎิจฺจ มหากสฺสปเตฺถโร ตํ นิคฺคณฺหโนฺต เอวมาห ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมญฺญาสี’’ติฯ เอตฺถ จ วา-สโทฺท ปทปูรโณ, อยํ กุมาโร อตฺตโน ปมาณํ น ปฎิชานาตีติ เถรํ ตเชฺชโนฺต อาหฯ ตตฺราติ เอวํ สติฯ

    Kissa panāti kasmā pana. Sikkhatīti sekkho. Tamevāha ‘‘sakaraṇīyo’’ti. Uparimaggattayakiccassa apariyositattā sakiccoti attho. Assāti anena. Bahukārattāti bahupakārattā. Assāti bhaveyya. Ativiya vissatthoti ativiya vissāsiko. Nanti ānandattheraṃ ovadatīti sambandho. Ānandattherassa kadāci asaññatāya navakāya saddhivihārikaparisāya janapadacārikācaraṇaṃ, tesañca saddhivihārikānaṃ ekakkhaṇe uppabbajjanañca paṭicca mahākassapatthero taṃ niggaṇhanto evamāha ‘‘na vāyaṃ kumārako mattamaññāsī’’ti. Ettha ca -saddo padapūraṇo, ayaṃ kumāro attano pamāṇaṃ na paṭijānātīti theraṃ tajjento āha. Tatrāti evaṃ sati.

    กิญฺจาปิ เสโกฺขติ อิทํ น เสกฺขานํ อคติคมนสพฺภาเวน วุตฺตํ, อเสกฺขานเญฺญว ปน อุจฺจินิตฺวา คหิตตฺตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตสฺมา ‘‘กิญฺจาปิ เสโกฺข, ตถาปิ เถโร อายสฺมนฺตมฺปิ อานนฺทํ อุจฺจินตู’’ติ เอวเมตฺถ สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพ, น ปน กิญฺจาปิ เสโกฺข, ตถาปิ อภโพฺพ อคติํ คนฺตุนฺติ โยเชตพฺพํฯ อภโพฺพติอาทิ ปนสฺส สภาวกถนํฯ ตตฺถ ฉนฺทาติ ฉเนฺทน สิเนเหนฯ อคติํ คนฺตุนฺติ อกตฺตพฺพํ กาตุํฯ ปริยโตฺตติ อธีโต อุคฺคหิโตฯ

    Kiñcāpi sekkhoti idaṃ na sekkhānaṃ agatigamanasabbhāvena vuttaṃ, asekkhānaññeva pana uccinitvā gahitattāti daṭṭhabbaṃ. Tasmā ‘‘kiñcāpi sekkho, tathāpi thero āyasmantampi ānandaṃ uccinatū’’ti evamettha sambandho veditabbo, na pana kiñcāpi sekkho, tathāpi abhabbo agatiṃ gantunti yojetabbaṃ. Abhabbotiādi panassa sabhāvakathanaṃ. Tattha chandāti chandena sinehena. Agatiṃ gantunti akattabbaṃ kātuṃ. Pariyattoti adhīto uggahito.

    ราชคหํ โข มหาโคจรนฺติ เอตฺถ คาโว จรนฺติ เอตฺถาติ โคจโร, คุนฺนํ โคจรฎฺฐานํฯ โคจโร วิยาติ โคจโร, ภิกฺขาจรณฎฺฐานํฯ โส มหโนฺต อสฺสาติ มหาโคจรํ, ราชคหํฯ อุโกฺกเฎยฺยาติ นิวาเรยฺยฯ

    Rājagahaṃkho mahāgocaranti ettha gāvo caranti etthāti gocaro, gunnaṃ gocaraṭṭhānaṃ. Gocaro viyāti gocaro, bhikkhācaraṇaṭṭhānaṃ. So mahanto assāti mahāgocaraṃ, rājagahaṃ. Ukkoṭeyyāti nivāreyya.

    สตฺตสุ สาธุกีฬนทิวเสสูติ เอตฺถ สํเวควตฺถุํ กิเตฺตตฺวา กิเตฺตตฺวา สาธุกํ เอว ปูชาวเสน กีฬนโต สาธุกีฬนํฯ อุปกฎฺฐาติ อาสนฺนาฯ วสฺสํ อุปเนติ อุปคจฺฉติ เอตฺถาติ วสฺสูปนายิกา

    Sattasu sādhukīḷanadivasesūti ettha saṃvegavatthuṃ kittetvā kittetvā sādhukaṃ eva pūjāvasena kīḷanato sādhukīḷanaṃ. Upakaṭṭhāti āsannā. Vassaṃ upaneti upagacchati etthāti vassūpanāyikā.

    ตตฺร สุทนฺติ ตสฺสํ สาวตฺถิยํ, สุทนฺติ นิปาตมตฺตํฯ อุสฺสนฺนธาตุกนฺติ อุปจิตปิตฺตเสมฺหาทิธาตุกํฯ สมสฺสาเสตุนฺติ สนฺตเปฺปตุํฯ ทุติยทิวเสติ เชตวนวิหารํ ปวิฎฺฐทิวสโต ทุติยทิวเสติ วทนฺติฯ วิริจฺจติ เอเตนาติ วิเรจนํฯ โอสธปริภาวิตํ ขีรเมว วิเรจนนฺติ ขีรวิเรจนํฯ ยํ สนฺธายาติ ยํ เภสชฺชปานํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เภสชฺชมตฺตาติ อปฺปมตฺตกํ เภสชฺชํฯ อปฺปโตฺถ หิ อยํ มตฺตา-สโทฺท มตฺตา สุขปริจฺจาคาติอาทีสุ (ธ. ป. ๒๙๐) วิยฯ

    Tatra sudanti tassaṃ sāvatthiyaṃ, sudanti nipātamattaṃ. Ussannadhātukanti upacitapittasemhādidhātukaṃ. Samassāsetunti santappetuṃ. Dutiyadivaseti jetavanavihāraṃ paviṭṭhadivasato dutiyadivaseti vadanti. Viriccati etenāti virecanaṃ. Osadhaparibhāvitaṃ khīrameva virecananti khīravirecanaṃ. Yaṃ sandhāyāti yaṃ bhesajjapānaṃ sandhāya vuttaṃ. Bhesajjamattāti appamattakaṃ bhesajjaṃ. Appattho hi ayaṃ mattā-saddo mattā sukhapariccāgātiādīsu (dha. pa. 290) viya.

    ขณฺฑผุลฺลปฺปฎิสงฺขรณนฺติ เอตฺถ ขณฺฑนฺติ ฉินฺนํ, ผุลฺลนฺติ ภินฺนํ, เตสํ ปฎิสงฺขรณํ อภินวกรณํฯ

    Khaṇḍaphullappaṭisaṅkharaṇanti ettha khaṇḍanti chinnaṃ, phullanti bhinnaṃ, tesaṃ paṭisaṅkharaṇaṃ abhinavakaraṇaṃ.

    ปริเจฺฉทวเสน เวทิยติ ทิสฺสตีติ ปริเวณํฯ ตตฺถาติ เตสุ วิหาเรสุ ขณฺฑผุลฺลปฺปฎิสงฺขรณนฺติ สมฺพโนฺธฯ ปฐมํ มาสนฺติ วสฺสานสฺส ปฐมํ มาสํ, อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํฯ เสนาสนวตฺตานํ พหูนํ ปญฺญตฺตตฺตา, เสนาสนกฺขนฺธเก (จูฬว. ๒๙๔ อาทโย) เสนาสนปฎิพทฺธานํ พหูนํ กมฺมานํ วิหิตตฺตา ‘‘ภควตา…เป.… วณฺณิต’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Paricchedavasena vediyati dissatīti pariveṇaṃ. Tatthāti tesu vihāresu khaṇḍaphullappaṭisaṅkharaṇanti sambandho. Paṭhamaṃ māsanti vassānassa paṭhamaṃ māsaṃ, accantasaṃyoge cetaṃ upayogavacanaṃ. Senāsanavattānaṃ bahūnaṃ paññattattā, senāsanakkhandhake (cūḷava. 294 ādayo) senāsanapaṭibaddhānaṃ bahūnaṃ kammānaṃ vihitattā ‘‘bhagavatā…pe… vaṇṇita’’nti vuttaṃ.

    ทุติยทิวเสติ ‘‘ขณฺฑผุลฺลปฺปฎิสงฺขรณํ กโรมา’’ติ จินฺติตทิวสโต ทุติยทิวเสฯ วสฺสูปนายิกทิวเสเยว เต เอวํ จิเนฺตสุํฯ สิริยา นิเกตนมิวาติ สิริยา นิวาสนฎฺฐานํ วิยฯ เอกสฺมิํ ปานียติเตฺถ สนฺนิปตนฺตา ปกฺขิโน วิย สเพฺพสํ ชนานํ จกฺขูนิ มณฺฑเปเยว นิปตนฺตีติ วุตฺตํ ‘เอกนิปาตติตฺถมิว จ เทวมนุสฺสนยนวิหงฺคาน’’นฺติฯ โลกรามเณยฺยกนฺติ โลเก รมณียภาวํ, รมณํ อรหตีติ วา โลกรามเณยฺยกํ ฯ ทฎฺฐพฺพสารมณฺฑนฺติ ทฎฺฐเพฺพสุ สารํ ทฎฺฐพฺพสารํ, ตโต วิปฺปสนฺนนฺติ ทฎฺฐพฺพสารมณฺฑํฯ อถ วา ทฎฺฐโพฺพ สารภูโต วิสิฎฺฐตโร มโณฺฑ มณฺฑนํ อลงฺกาโร เอตสฺสาติ ทฎฺฐพฺพสารมโณฺฑ, มณฺฑโปฯ มณฺฑํ สูริยรสฺมิํ ปาติ นิวาเรตีติ มณฺฑโปฯ วิวิธานิ กุสุมทามานิ เจว มุโตฺตลมฺพกานิ จ วินิคฺคลนฺตํ วเมนฺตํ นิกฺขาเมนฺตมิว จารุ โสภนํ วิตานํ เอตฺถาติ วิวิธกุสุมทาโมลมฺพกวินิคฺคลนฺตจารุวิตาโนฯ นานาปุปฺผูปหารวิจิตฺตสุปรินิฎฺฐิตภูมิกมฺมตฺตา เอว ‘‘รตนวิจิตฺตมณิโกฎฺฎิมตลมิวา’’ติ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ มณิโย โกเฎฺฎตฺวา กตตลํ มณิโกฎฺฎิมตลํ นาม, ตมิวาติ วุตฺตํ โหติฯ อาสนารหนฺติ นิสีทนารหํฯ ทนฺตขจิตนฺติ ทเนฺตหิ ขจิตํฯ

    Dutiyadivaseti ‘‘khaṇḍaphullappaṭisaṅkharaṇaṃ karomā’’ti cintitadivasato dutiyadivase. Vassūpanāyikadivaseyeva te evaṃ cintesuṃ. Siriyā niketanamivāti siriyā nivāsanaṭṭhānaṃ viya. Ekasmiṃ pānīyatitthe sannipatantā pakkhino viya sabbesaṃ janānaṃ cakkhūni maṇḍapeyeva nipatantīti vuttaṃ ‘ekanipātatitthamiva ca devamanussanayanavihaṅgāna’’nti. Lokarāmaṇeyyakanti loke ramaṇīyabhāvaṃ, ramaṇaṃ arahatīti vā lokarāmaṇeyyakaṃ . Daṭṭhabbasāramaṇḍanti daṭṭhabbesu sāraṃ daṭṭhabbasāraṃ, tato vippasannanti daṭṭhabbasāramaṇḍaṃ. Atha vā daṭṭhabbo sārabhūto visiṭṭhataro maṇḍo maṇḍanaṃ alaṅkāro etassāti daṭṭhabbasāramaṇḍo, maṇḍapo. Maṇḍaṃ sūriyarasmiṃ pāti nivāretīti maṇḍapo. Vividhāni kusumadāmāni ceva muttolambakāni ca viniggalantaṃ vamentaṃ nikkhāmentamiva cāru sobhanaṃ vitānaṃ etthāti vividhakusumadāmolambakaviniggalantacāruvitāno. Nānāpupphūpahāravicittasupariniṭṭhitabhūmikammattā eva ‘‘ratanavicittamaṇikoṭṭimatalamivā’’ti vuttaṃ. Ettha ca maṇiyo koṭṭetvā katatalaṃ maṇikoṭṭimatalaṃ nāma, tamivāti vuttaṃ hoti. Āsanārahanti nisīdanārahaṃ. Dantakhacitanti dantehi khacitaṃ.

    อาวเชฺชสีติ อุปนาเมสิฯ อนุปาทายาติ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน กญฺจิ ธมฺมํ อคฺคเหตฺวาฯ กถาโทโสติ กถาย อสจฺจํ นาม นตฺถิ

    Āvajjesīti upanāmesi. Anupādāyāti taṇhādiṭṭhivasena kañci dhammaṃ aggahetvā. Kathādosoti kathāya asaccaṃ nāma natthi.

    ยถาวุฑฺฒนฺติ วุฑฺฒปฎิปาฎิํ อนติกฺกมิตฺวาฯ เอเกติ มชฺฌิมภาณกานํเยว เอเกฯ ปุเพฺพ วุตฺตมฺปิ หิ สพฺพํ มชฺฌิมภาณกา วทนฺติเยวาติ เวทิตพฺพํฯ ทีฆภาณกา ปน ‘‘ปทสาว เถโร สนฺนิปาตมาคโต’’ติ วทนฺติฯ เตสุ เกจิ ‘‘อากาเสนา’’ติ, ‘‘เต สเพฺพปิ ตถา ตถา อาคตทิวสานมฺปิ อตฺถิตาย เอกเมกํ คเหตฺวา ตถา ตถา วทิํสู’’ติ วทนฺติฯ

    Yathāvuḍḍhanti vuḍḍhapaṭipāṭiṃ anatikkamitvā. Eketi majjhimabhāṇakānaṃyeva eke. Pubbe vuttampi hi sabbaṃ majjhimabhāṇakā vadantiyevāti veditabbaṃ. Dīghabhāṇakā pana ‘‘padasāva thero sannipātamāgato’’ti vadanti. Tesu keci ‘‘ākāsenā’’ti, ‘‘te sabbepi tathā tathā āgatadivasānampi atthitāya ekamekaṃ gahetvā tathā tathā vadiṃsū’’ti vadanti.

    กํ ธุรํ กตฺวาติ กํ เชฎฺฐกํ กตฺวาฯ พีชนิํ คเหตฺวาติ เอตฺถ พีชนีคหณํ ปริสาย ธมฺมกถิกานํ หตฺถกุกฺกุจฺจวิโนทนมุขวิการปฎิจฺฉาทนตฺถํ ธมฺมตาวเสน อาจิณฺณนฺติ เวทิตพฺพํฯ เตเนว หิ อจฺจนฺตสญฺญตปฺปตฺตา พุทฺธาปิ สาวกาปิ ธมฺมกถิกานํ ธมฺมตาทสฺสนตฺถเมว จิตฺตพีชนิํ คณฺหนฺติฯ ปฐมํ, อาวุโส อุปาลิ, ปาราชิกํ กตฺถ ปญฺญตฺตนฺติ เอตฺถ กถํ สงฺคีติยา ปุเพฺพ ปฐมภาโว สิโทฺธติ? ปาติโมกฺขุเทฺทสานุกฺกมาทินา ปุเพฺพ ปฐมภาวสฺส สิทฺธตฺตาฯ เยภุเยฺยน หิ ตีณิ ปิฎกานิ ภควโต ธรมานกาเลเยว อิมินา อนุกฺกเมน สชฺฌายิตานิ, เตเนว กเมน ปจฺฉาปิ สงฺคีตานิ วิเสสโต วินยาภิธมฺมปิฎกานีติ ทฎฺฐพฺพํฯ กิสฺมิํ วตฺถุสฺมินฺติ นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมํฯ อนฺตรา จ, ภเนฺต, ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทนฺติ ราชคหสฺส จ นาฬนฺทาย จ อนฺตรา, วิวเร มเชฺฌติ อโตฺถฯ อนฺตรา-สเทฺทน ปน ยุตฺตตฺตา อุปโยควจนํ กตํฯ ราชาคารเกติ รโญฺญ กีฬนตฺถาย กเต อคารเกฯ อมฺพลฎฺฐิกายนฺติ รโญฺญ เอวํนามกํ อุยฺยานํฯ เกน สทฺธินฺติ อิธ กสฺมา วุตฺตนฺติ? ยสฺมา ปเนตํ น ภควตา เอว วุตฺตํ, รญฺญาปิ กิญฺจิ กิญฺจิ วุตฺตมตฺถิ, ตสฺมา ‘‘กมารพฺภา’’ติ อวตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เวเทหิปุเตฺตนาติ อยํ โกสลรโญฺญ ธีตาย ปุโตฺต, น วิเทหรโญฺญ ธีตายฯ ยสฺมา มาตา ปนสฺส ปณฺฑิตา, ตสฺมา สา เวเทน ญาเณน อีหติ ฆฎติ วายมตีติ ‘‘เวเทหี’’ติ ปากฎนามา ชาตาติ เวทิตพฺพาฯ

    Kaṃ dhuraṃ katvāti kaṃ jeṭṭhakaṃ katvā. Bījaniṃ gahetvāti ettha bījanīgahaṇaṃ parisāya dhammakathikānaṃ hatthakukkuccavinodanamukhavikārapaṭicchādanatthaṃ dhammatāvasena āciṇṇanti veditabbaṃ. Teneva hi accantasaññatappattā buddhāpi sāvakāpi dhammakathikānaṃ dhammatādassanatthameva cittabījaniṃ gaṇhanti. Paṭhamaṃ, āvuso upāli, pārājikaṃ kattha paññattanti ettha kathaṃ saṅgītiyā pubbe paṭhamabhāvo siddhoti? Pātimokkhuddesānukkamādinā pubbe paṭhamabhāvassa siddhattā. Yebhuyyena hi tīṇi piṭakāni bhagavato dharamānakāleyeva iminā anukkamena sajjhāyitāni, teneva kamena pacchāpi saṅgītāni visesato vinayābhidhammapiṭakānīti daṭṭhabbaṃ. Kismiṃ vatthusminti nimittatthe bhummaṃ. Antarā ca, bhante, rājagahaṃ antarā ca nāḷandanti rājagahassa ca nāḷandāya ca antarā, vivare majjheti attho. Antarā-saddena pana yuttattā upayogavacanaṃ kataṃ. Rājāgāraketi rañño kīḷanatthāya kate agārake. Ambalaṭṭhikāyanti rañño evaṃnāmakaṃ uyyānaṃ. Kena saddhinti idha kasmā vuttanti? Yasmā panetaṃ na bhagavatā eva vuttaṃ, raññāpi kiñci kiñci vuttamatthi, tasmā ‘‘kamārabbhā’’ti avatvā evaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ. Vedehiputtenāti ayaṃ kosalarañño dhītāya putto, na videharañño dhītāya. Yasmā mātā panassa paṇḍitā, tasmā sā vedena ñāṇena īhati ghaṭati vāyamatīti ‘‘vedehī’’ti pākaṭanāmā jātāti veditabbā.

    เอวํ นิมิตฺตปโยชนกาลเทสเทสกการกกรณปฺปกาเรหิ ปฐมมหาสงฺคีติํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตตฺถ ววตฺถาปิเตสุ ธมฺมวินเยสุ นานปฺปการโกสลฺลตฺถํ เอกวิธาทิเภเท ทเสฺสตุํ ตเทตํ สพฺพมฺปีติอาทิมาหฯ ตตฺถ อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธินฺติ เอตฺถ อนาวรณญาณปทฎฺฐานํ มคฺคญาณํ, มคฺคญาณปทฎฺฐานญฺจ อนาวรณญาณํ ‘‘สมฺมาสโมฺพธี’’ติ วุจฺจติฯ ปจฺจเวกฺขเนฺตน วาติ อุทานาทิวเสน ปวตฺตธมฺมํ สนฺธายาหฯ วิมุตฺติรสนฺติ อรหตฺตผลสฺสาทํ, วิมุตฺติสมฺปตฺติกํ วา อคฺคผลนิปฺผาทนโต, วิมุตฺติกิจฺจํ วา กิเลสานํ อจฺจนฺตวิมุตฺติสมฺปาทนโตฯ อวเสสํ พุทฺธวจนํ ธโมฺมติ เอตฺถ ยทิปิ ธโมฺม เอว วินโยปิ ปริยตฺติยาทิภาวโต, ตถาปิ วินยสทฺทสนฺนิธาเนน ภินฺนาธิกรณภาเวน ปยุโตฺต ธมฺม-สโทฺท วินยตนฺติวิรหิตํ ตนฺติํ ทีเปติ, ยถา ปุญฺญญาณสมฺภาโร โคพลิพทฺทนฺติอาทิฯ

    Evaṃ nimittapayojanakāladesadesakakārakakaraṇappakārehi paṭhamamahāsaṅgītiṃ dassetvā idāni tattha vavatthāpitesu dhammavinayesu nānappakārakosallatthaṃ ekavidhādibhede dassetuṃ tadetaṃ sabbampītiādimāha. Tattha anuttaraṃ sammāsambodhinti ettha anāvaraṇañāṇapadaṭṭhānaṃ maggañāṇaṃ, maggañāṇapadaṭṭhānañca anāvaraṇañāṇaṃ ‘‘sammāsambodhī’’ti vuccati. Paccavekkhantena vāti udānādivasena pavattadhammaṃ sandhāyāha. Vimuttirasanti arahattaphalassādaṃ, vimuttisampattikaṃ vā aggaphalanipphādanato, vimuttikiccaṃ vā kilesānaṃ accantavimuttisampādanato. Avasesaṃ buddhavacanaṃ dhammoti ettha yadipi dhammo eva vinayopi pariyattiyādibhāvato, tathāpi vinayasaddasannidhānena bhinnādhikaraṇabhāvena payutto dhamma-saddo vinayatantivirahitaṃ tantiṃ dīpeti, yathā puññañāṇasambhāro gobalibaddantiādi.

    อเนกชาติสํสารนฺติ อิมิสฺสา คาถาย อยํ สเงฺขปโตฺถ – อหํ อิมสฺส อตฺตภาวเคหสฺส การกํ ตณฺหาวฑฺฒกิํ คเวสโนฺต เยน ญาเณน ตํ ทฎฺฐุํ สกฺกา, ตํ โพธิญาณํ อนิพฺพิสํ อลภโนฺต เอว อภินีหารโต ปภุติ เอตฺตกํ กาลํ อเนกชาติสตสหสฺสสงฺขฺยํ อิมํ สํสารวฎฺฎํ สนฺธาวิสฺสํ สํสริํ, ยสฺมา ชราพฺยาธิมรณมิสฺสตาย ชาติ นาเมสา ปุนปฺปุนํ อุปคนฺตุํ ทุกฺขา, น จ สา ตสฺมิํ อทิเฎฺฐ นิวตฺตติ, ตสฺมา ตํ คเวสโนฺต สนฺธาวิสฺสนฺติ อโตฺถฯ ทิโฎฺฐสีติ อิทานิ มยา สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปฎิวิชฺฌเนฺตน ทิโฎฺฐ อสิฯ ปุน เคหนฺติ ปุน อิมํ อตฺตภาวสงฺขาตํ มม เคหํฯ น กาหสีติ น กริสฺสสิฯ การณมาห สพฺพา เตติอาทิฯ ตว สพฺพา อวเสสกิเลสผาสุกา มยา ภคฺคาฯ อิมสฺส ตยา กตสฺส อตฺตภาวเคหสฺส อวิชฺชาสงฺขาตํ กูฎํ กณฺณิกมณฺฑลํ วิสงฺขตํ วิทฺธํสิตํฯ วิสงฺขารํ นิพฺพานํ อารมฺมณกรณวเสน คตํ มม จิตฺตํฯ อหญฺจ ตณฺหานํ ขยสงฺขาตํ อรหตฺตมคฺคผลํ อชฺฌคา ปโตฺตสฺมีติ อโตฺถฯ เกจิ ปน ‘‘วิสงฺขารคตํ จิตฺตเมว ตณฺหานํ ขยํ อชฺฌคา’’ติ เอวมฺปิ อตฺถํ วทนฺติฯ

    Anekajātisaṃsāranti imissā gāthāya ayaṃ saṅkhepattho – ahaṃ imassa attabhāvagehassa kārakaṃ taṇhāvaḍḍhakiṃ gavesanto yena ñāṇena taṃ daṭṭhuṃ sakkā, taṃ bodhiñāṇaṃ anibbisaṃ alabhanto eva abhinīhārato pabhuti ettakaṃ kālaṃ anekajātisatasahassasaṅkhyaṃ imaṃ saṃsāravaṭṭaṃ sandhāvissaṃ saṃsariṃ, yasmā jarābyādhimaraṇamissatāya jāti nāmesā punappunaṃ upagantuṃ dukkhā, na ca sā tasmiṃ adiṭṭhe nivattati, tasmā taṃ gavesanto sandhāvissanti attho. Diṭṭhosīti idāni mayā sabbaññutaññāṇaṃ paṭivijjhantena diṭṭho asi. Puna gehanti puna imaṃ attabhāvasaṅkhātaṃ mama gehaṃ. Na kāhasīti na karissasi. Kāraṇamāha sabbā tetiādi. Tava sabbā avasesakilesaphāsukā mayā bhaggā. Imassa tayā katassa attabhāvagehassa avijjāsaṅkhātaṃ kūṭaṃ kaṇṇikamaṇḍalaṃ visaṅkhataṃ viddhaṃsitaṃ. Visaṅkhāraṃ nibbānaṃ ārammaṇakaraṇavasena gataṃ mama cittaṃ. Ahañca taṇhānaṃ khayasaṅkhātaṃ arahattamaggaphalaṃ ajjhagā pattosmīti attho. Keci pana ‘‘visaṅkhāragataṃ cittameva taṇhānaṃ khayaṃ ajjhagā’’ti evampi atthaṃ vadanti.

    เกจีติ ขนฺธกภาณกาฯ ปาฎิปททิวเสติ อิทํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนาติ เอเตน สมฺพนฺธิตพฺพํ, น สพฺพญฺญุภาวปฺปตฺตสฺสาติ เอเตนฯ โสมนสฺสมยญาเณนาติ โสมนสฺสสมฺปยุตฺตญาเณนฯ อามนฺตยามีติ นิเวทยามิ, โพเธมีติ อโตฺถฯ อนฺตเรติ อนฺตราเฬ, เวมเชฺฌติ อโตฺถฯ

    Kecīti khandhakabhāṇakā. Pāṭipadadivaseti idaṃ paccavekkhantassa uppannāti etena sambandhitabbaṃ, na sabbaññubhāvappattassāti etena. Somanassamayañāṇenāti somanassasampayuttañāṇena. Āmantayāmīti nivedayāmi, bodhemīti attho. Antareti antarāḷe, vemajjheti attho.

    สุตฺตนฺตปิฎกนฺติ ยถา กมฺมเมว กมฺมนฺตํ, เอวํ สุตฺตเมว สุตฺตนฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อสงฺคีตนฺติ สงฺคีติกฺขนฺธก (จูฬว. ๔๓๗ อาทโย) กถาวตฺถุปฺปกรณาทิกํฯ โสฬสหิ วาเรหิ อุปลกฺขิตตฺตา ‘‘โสฬส ปริวารา’’ติ วุตฺตํฯ ตถา หิ ปริวารปาฬิยํ (ปริ. ๑ อาทโย) ปฐมํ ปาราชิกํ กตฺถ ปญฺญตฺตนฺติอาทินา วุตฺตํฯ ปญฺญตฺติวาโร กถาปตฺติวาโร วิปตฺติวาโร สงฺคหวาโร สมุฎฺฐานวาโร อธิกรณวาโร สมถวาโร สมุจฺจยวาโรติ อิเม อฎฺฐ วารา, ตทนนฺตรํ ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวนปจฺจยา ปาราชิกํ กตฺถ ปญฺญตฺต’’นฺติ (ปริ. ๑๘๘) เอวํ ปจฺจยมตฺตวิเสเสน ปุน วุตฺตา เตเยว อฎฺฐ วารา จาติ อิเมสํ โสฬสนฺนํ วารานํ วเสน ภิกฺขุวิภงฺคสฺส จ ภิกฺขุนีวิภงฺคสฺส จ ปกาสิตตฺตา โสฬสหิ วาเรหิ อุปลกฺขิโต ปริวาโร ‘‘โสฬสปริวาโร’’ติ วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ

    Suttantapiṭakanti yathā kammameva kammantaṃ, evaṃ suttameva suttantanti veditabbaṃ. Asaṅgītanti saṅgītikkhandhaka (cūḷava. 437 ādayo) kathāvatthuppakaraṇādikaṃ. Soḷasahi vārehi upalakkhitattā ‘‘soḷasa parivārā’’ti vuttaṃ. Tathā hi parivārapāḷiyaṃ (pari. 1 ādayo) paṭhamaṃ pārājikaṃ kattha paññattantiādinā vuttaṃ. Paññattivāro kathāpattivāro vipattivāro saṅgahavāro samuṭṭhānavāro adhikaraṇavāro samathavāro samuccayavāroti ime aṭṭha vārā, tadanantaraṃ ‘‘methunaṃ dhammaṃ paṭisevanapaccayā pārājikaṃ kattha paññatta’’nti (pari. 188) evaṃ paccayamattavisesena puna vuttā teyeva aṭṭha vārā cāti imesaṃ soḷasannaṃ vārānaṃ vasena bhikkhuvibhaṅgassa ca bhikkhunīvibhaṅgassa ca pakāsitattā soḷasahi vārehi upalakkhito parivāro ‘‘soḷasaparivāro’’ti vuttoti veditabbo.

    ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปฺปโยชนาติ อิทํ โลกวชฺชปณฺณตฺติวเชฺชสุ ยถากฺกมํ โยเชตพฺพํฯ สญฺญมเวลํ อภิภวิตฺวา ปวโตฺต อาจาโร อชฺฌาจาโร, วีติกฺกโมฯ เตนาติ วิวิธนยตฺตาทิเหตุนาฯ เอตนฺติ วิวิธวิเสสนยตฺตาติอาทิคาถาวจนํฯ เอตสฺสาติ วินยสฺสฯ

    Daḷhīkammasithilakaraṇappayojanāti idaṃ lokavajjapaṇṇattivajjesu yathākkamaṃ yojetabbaṃ. Saññamavelaṃ abhibhavitvā pavatto ācāro ajjhācāro, vītikkamo. Tenāti vividhanayattādihetunā. Etanti vividhavisesanayattātiādigāthāvacanaṃ. Etassāti vinayassa.

    อิตรํ ปนาติ สุตฺตํฯ อตฺตตฺถปรตฺถาทิเภเทติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกเตฺถ โลกิยโลกุตฺตราทิอเตฺถ จ สงฺคณฺหาติฯ เวเนยชฺฌาสยานุโลเมน วุตฺตตฺตาติ วินยํ วิย อิสฺสรภาวโต อาณาปติฎฺฐาปนวเสน อเทเสตฺวา เวเนยฺยานํ อชฺฌาสยานุโลเมน จริตานุรูปํ วุตฺตตฺตาฯ อนุปุพฺพสิกฺขาทิวเสน อเทเสตฺวา เวเนยฺยานํ กาลนฺตเร อภินิพฺพตฺติํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สสฺสมิว ผล’’นฺติฯ อุปายสมงฺคีนํเยว นิปฺปชฺชนภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เธนุ วิย ขีร’’นฺติ อาหฯ น หิ เธนุํ วิสาณาทีสุ, อกาเล วา อวิชาตํ วา โทหโนฺต ขีรํ ปฎิลภติฯ

    Itaraṃ panāti suttaṃ. Attatthaparatthādibhedeti ettha ādi-saddena diṭṭhadhammikasamparāyikatthe lokiyalokuttarādiatthe ca saṅgaṇhāti. Veneyajjhāsayānulomena vuttattāti vinayaṃ viya issarabhāvato āṇāpatiṭṭhāpanavasena adesetvā veneyyānaṃ ajjhāsayānulomena caritānurūpaṃ vuttattā. Anupubbasikkhādivasena adesetvā veneyyānaṃ kālantare abhinibbattiṃ dassento āha ‘‘sassamiva phala’’nti. Upāyasamaṅgīnaṃyeva nippajjanabhāvaṃ dassento ‘‘dhenu viya khīra’’nti āha. Na hi dhenuṃ visāṇādīsu, akāle vā avijātaṃ vā dohanto khīraṃ paṭilabhati.

    นฺติ ยสฺมาฯ เอตฺถาติ อภิธเมฺมฯ อภิธเมฺมติ สุปินเนฺตน สุกฺกวิสฺสฎฺฐิยา อนาปตฺติภาเวปิ อกุสลเจตนา อุปลพฺภตีติอาทินา วินยปญฺญตฺติยา สงฺกรวิรหิเต ธเมฺม, ‘‘ปุพฺพาปรวิโรธาภาวโต สงฺกรวิรหิเต ธเมฺม’’ติปิ วทนฺติฯ อารมฺมณาทีหีติ อารมฺมณสมฺปยุตฺตกมฺมทฺวารปฎิปทาทีหิฯ ลกฺขณียตฺตาติ สญฺชานิตพฺพตฺตาฯ ยํ ปเนตฺถ อวิสิฎฺฐนฺติ เอตฺถ วินยปิฎกนฺติอาทีสุ ตีสุ สเทฺทสุ ยํ อวิสิฎฺฐํ สมานํ, ตํ ปิฎกสทฺทนฺติ อโตฺถฯ มา ปิฎกสมฺปทาเนนาติ ปาฬิสมฺปทานวเสน มา คณฺหิตฺถาติ วุตฺตํ โหติฯ ยถาวุเตฺตนาติ เอวํ ทุวิธเตฺถนาติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรนฯ

    Yanti yasmā. Etthāti abhidhamme. Abhidhammeti supinantena sukkavissaṭṭhiyā anāpattibhāvepi akusalacetanā upalabbhatītiādinā vinayapaññattiyā saṅkaravirahite dhamme, ‘‘pubbāparavirodhābhāvato saṅkaravirahite dhamme’’tipi vadanti. Ārammaṇādīhīti ārammaṇasampayuttakammadvārapaṭipadādīhi. Lakkhaṇīyattāti sañjānitabbattā. Yaṃ panettha avisiṭṭhanti ettha vinayapiṭakantiādīsu tīsu saddesu yaṃ avisiṭṭhaṃ samānaṃ, taṃ piṭakasaddanti attho. Mā piṭakasampadānenāti pāḷisampadānavasena mā gaṇhitthāti vuttaṃ hoti. Yathāvuttenāti evaṃ duvidhatthenātiādinā vuttappakārena.

    เทสนาสาสนกถาเภทนฺติ เอตฺถ เทสนาเภทํ สาสนเภทํ กถาเภทนฺติ เภทสโทฺท ปเจฺจกํ โยเชตโพฺพฯ เภทนฺติ จ นานตฺตนฺติ อโตฺถฯ เตสูติ ปิฎเกสุฯ สิกฺขา จ ปหานานิ จ คมฺภีรภาโว จ สิกฺขาปหานคมฺภีรภาโว, ตญฺจ ยถารหํ ปริทีปเยติ อโตฺถฯ ปริยตฺติเภทนฺติ ปริยาปุณนเภทํ วิภาวเยติ สมฺพโนฺธฯ ยหิํ ยสฺมิํ วินยาทิเก ยํ สมฺปตฺติญฺจ วิปตฺติญฺจ ยถา ปาปุณาติ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเยติ สมฺพโนฺธฯ อถ วา ยํ ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺติํ วิปตฺติญฺจ ยหิํ ยถา ปาปุณาติ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเยติ โยเชตพฺพํฯ ปริทีปนา วิภาวนา จาติ เหฎฺฐา คาถาสุ วุตฺตสฺส อนุรูปโต วุตฺตํ, อตฺถโต ปน เอกเมวฯ

    Desanāsāsanakathābhedanti ettha desanābhedaṃ sāsanabhedaṃ kathābhedanti bhedasaddo paccekaṃ yojetabbo. Bhedanti ca nānattanti attho. Tesūti piṭakesu. Sikkhā ca pahānāni ca gambhīrabhāvo ca sikkhāpahānagambhīrabhāvo, tañca yathārahaṃ paridīpayeti attho. Pariyattibhedanti pariyāpuṇanabhedaṃ vibhāvayeti sambandho. Yahiṃ yasmiṃ vinayādike yaṃ sampattiñca vipattiñca yathā pāpuṇāti, tampi sabbaṃ vibhāvayeti sambandho. Atha vā yaṃ pariyattibhedaṃ sampattiṃ vipattiñca yahiṃ yathā pāpuṇāti, tampi sabbaṃ vibhāvayeti yojetabbaṃ. Paridīpanā vibhāvanā cāti heṭṭhā gāthāsu vuttassa anurūpato vuttaṃ, atthato pana ekameva.

    อาณารเหนาติ อาณํ ปเณตุํ อรหตีติ อาณารโห, ภควา สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตาฯ โส หิ มหาการุณิกตาย จ อวิปรีตโต เทสกภาเวน ปมาณวจนตฺตา จ อาณํ ปเณตุํ อรหติฯ โวหารปรมตฺถานมฺปิ สมฺภวโต อาห ‘‘อาณาพาหุลฺลโต’’ติฯ อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโยฯ ปฐมนฺติ วินยปิฎกํฯ ปจุราปราธา เสยฺยสกเตฺถราทโยฯ เต หิ โทสพาหุลฺลโต ‘‘ปจุราปราธา’’ติ วุตฺตา ฯ ปจุโร พหุโก พหุโล อปราโธ โทโส วีติกฺกโม เยสเนฺต ปจุราปราธาฯ อเนกชฺฌาสยาติอาทีสุ อาสโยว อชฺฌาสโย, โส จ อตฺถโต ทิฎฺฐิ ญาณญฺจฯ จริยาติ ราคจริยาทิกา ฉ มูลจริยาฯ อถ วา จริยาติ จริตํ, ตํ สุจริตทุจฺจริตวเสน ทุวิธํฯ อธิมุตฺติ นาม สตฺตานํ ปุพฺพปริจยวเสน อภิรุจิ, สา ทุวิธา หีนปณีตเภเทนฯ ยถานุโลมนฺติ อชฺฌาสยาทีนํ อนุรูปํฯ ยถาธมฺมนฺติ ธมฺมสภาวานุรูปํฯ

    Āṇārahenāti āṇaṃ paṇetuṃ arahatīti āṇāraho, bhagavā sammāsambuddhattā. So hi mahākāruṇikatāya ca aviparītato desakabhāvena pamāṇavacanattā ca āṇaṃ paṇetuṃ arahati. Vohāraparamatthānampi sambhavato āha ‘‘āṇābāhullato’’ti. Ito paresupi eseva nayo. Paṭhamanti vinayapiṭakaṃ. Pacurāparādhā seyyasakattherādayo. Te hi dosabāhullato ‘‘pacurāparādhā’’ti vuttā . Pacuro bahuko bahulo aparādho doso vītikkamo yesante pacurāparādhā. Anekajjhāsayātiādīsu āsayova ajjhāsayo, so ca atthato diṭṭhi ñāṇañca. Cariyāti rāgacariyādikā cha mūlacariyā. Atha vā cariyāti caritaṃ, taṃ sucaritaduccaritavasena duvidhaṃ. Adhimutti nāma sattānaṃ pubbaparicayavasena abhiruci, sā duvidhā hīnapaṇītabhedena. Yathānulomanti ajjhāsayādīnaṃ anurūpaṃ. Yathādhammanti dhammasabhāvānurūpaṃ.

    สํวราสํวโรติ เอตฺถ ขุทฺทโก มหโนฺต จ สํวโรติ อโตฺถฯ วุฑฺฒิอโตฺถ เหตฺถ -กาโรฯ ทิฎฺฐิวินิเวฐนาติ ทิฎฺฐิยา วิโมจนํฯ สุตฺตนฺตปาฬิยํ วิวิเจฺจว กาเมหีติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๒๖; สํ. นิ. ๒.๑๕๒) สมาธิเทสนาพาหุลฺลโต สุตฺตนฺตปิฎเก ‘‘อธิจิตฺตสิกฺขา’’ติ วุตฺตํฯ วีติกฺกมปฺปหานํ กิเลสานนฺติ สํกิเลสธมฺมานํ, กมฺมกิเลสานํ วา โย กายวจีทฺวาเรหิ วีติกฺกโม, ตสฺส ปหานํฯ อนุสยวเสน สนฺตานมนุวตฺตนฺตา กิเลสา ปริยุฎฺฐิตาปิ สีลเภทวเสน วีติกฺกมิตุํ น ลภนฺตีติ อาห ‘‘วีติกฺกมปฎิปกฺขตฺตา สีลสฺสา’’ติฯ ปริยุฎฺฐานปฺปหานนฺติ โอกาสทานวเสน จิเตฺต กุสลปฺปวตฺติํ ปริยาทิยิตฺวา สมุปฺปตฺติวเสน ฐานํ ปริยุฎฺฐานํ, ตสฺส ปหานํฯ อนุสยปฺปหานนฺติ อริยมเคฺคน อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน การณลาเภ อุปฺปชฺชนารหา ถามคตา กามราคาทโย สตฺต กิเลสา สนฺตาเน อนุ อนุ สยนโต อนุสยา นาม, เตสํ ปหานํฯ

    Saṃvarāsaṃvaroti ettha khuddako mahanto ca saṃvaroti attho. Vuḍḍhiattho hettha a-kāro. Diṭṭhiviniveṭhanāti diṭṭhiyā vimocanaṃ. Suttantapāḷiyaṃ vivicceva kāmehītiādinā (dī. ni. 1.226; saṃ. ni. 2.152) samādhidesanābāhullato suttantapiṭake ‘‘adhicittasikkhā’’ti vuttaṃ. Vītikkamappahānaṃ kilesānanti saṃkilesadhammānaṃ, kammakilesānaṃ vā yo kāyavacīdvārehi vītikkamo, tassa pahānaṃ. Anusayavasena santānamanuvattantā kilesā pariyuṭṭhitāpi sīlabhedavasena vītikkamituṃ na labhantīti āha ‘‘vītikkamapaṭipakkhattā sīlassā’’ti. Pariyuṭṭhānappahānanti okāsadānavasena citte kusalappavattiṃ pariyādiyitvā samuppattivasena ṭhānaṃ pariyuṭṭhānaṃ, tassa pahānaṃ. Anusayappahānanti ariyamaggena appahīnabhāvena santāne kāraṇalābhe uppajjanārahā thāmagatā kāmarāgādayo satta kilesā santāne anu anu sayanato anusayā nāma, tesaṃ pahānaṃ.

    ตทงฺคปฺปหานนฺติ เตน เตน ทานสีลาทิกุสลเงฺคน ตสฺส ตสฺส อกุสลงฺคสฺส ปหานํ ตทงฺคปฺปหานํฯ ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส ปหานนฺติ กายวจีทุจฺจริตเมว ยตฺถ อุปฺปชฺชติ, ตํ สนฺตานํ สมฺมา กิเลเสติ อุปตาเปตีติ สํกิเลโส, ตสฺส ตทงฺควเสน ปหานํฯ สมาธิสฺส กามจฺฉนฺทปฎิปกฺขตฺตา สุตฺตนฺตปิฎเก ตณฺหาสํกิเลสสฺส ปหานํ วุตฺตํฯ อตฺตาทิสุญฺญสภาวธมฺมปฺปกาสนโต อภิธมฺมปิฎเก ทิฎฺฐิสํกิเลสสฺส ปหานํ วุตฺตํฯ

    Tadaṅgappahānanti tena tena dānasīlādikusalaṅgena tassa tassa akusalaṅgassa pahānaṃ tadaṅgappahānaṃ. Duccaritasaṃkilesassa pahānanti kāyavacīduccaritameva yattha uppajjati, taṃ santānaṃ sammā kileseti upatāpetīti saṃkileso, tassa tadaṅgavasena pahānaṃ. Samādhissa kāmacchandapaṭipakkhattā suttantapiṭake taṇhāsaṃkilesassa pahānaṃ vuttaṃ. Attādisuññasabhāvadhammappakāsanato abhidhammapiṭake diṭṭhisaṃkilesassa pahānaṃ vuttaṃ.

    เอกเมกสฺมิเญฺจตฺถาติ เอตฺถ เอเตสุ ตีสุ ปิฎเกสุ เอเกกสฺมิํ ปิฎเกติ อโตฺถฯ ธโมฺมติ ปาฬีติ เอตฺถ ธมฺมสฺส สีลาทิวิสิฎฺฐตฺถโยคโต, พุทฺธานํ สภาวนิรุตฺติภาวโต จ ปกฎฺฐานํ อุกฺกฎฺฐานํ วจนปฺปพนฺธานํ อาฬิ ปนฺตีติ ปาฬิ, ปริยตฺติธโมฺมฯ สมฺมุติปรมตฺถเภทสฺส อตฺถสฺส อนุรูปวาจกภาเวน ปรมตฺถสเทฺทสุ เอกเนฺตน ภควตา มนสา ววตฺถาปิโต นามปญฺญตฺติปฺปพโนฺธ ปาฬิธโมฺม นามฯ เทสนาย ธมฺมสฺส จ โก วิเสโสติ เจ? ยถาวุตฺตนเยน มนสา ววตฺถาปิตธมฺมสฺส ปเรสํ โพธนภาเวน อติสชฺชนา วาจาย ปกาสนา ‘‘เทสนา’’ติ เวทิตพฺพาฯ เตนาห – ‘‘เทสนาติ ตสฺสา มนสา ววตฺถาปิตาย ปาฬิยา เทสนา’’ติฯ ตทุภยมฺปิ ปน ปรมตฺถโต สโทฺท เอว ปรมตฺถวินิมุตฺตาย สมฺมุติยา อภาวาฯ อิมเมว นยํ คเหตฺวา เกจิ อาจริยา ‘‘ธโมฺม จ เทสนา จ ปรมตฺถโต สโทฺท เอวา’’ติ โวหรนฺติ, เตปิ อนุปวชฺชาเยวฯ ยถา ‘‘กามาวจรปฎิสนฺธิวิปากา ปริตฺตารมฺมณา’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฎฺฐพฺพํฯ น หิ ‘‘กามาวจรปฎิสนฺธิวิปากา นิพฺพตฺติตปรมตฺถวิสยาเยวา’’ติ สกฺกา วตฺตุํ อิตฺถิปุริสาทิอาการปริวิตกฺกปุพฺพกานํ ราคาทิอกุสลานํ เมตฺตาทิกุสลานญฺจ อารมฺมณํ คเหตฺวาปิ สมุปฺปชฺชนโตฯ ปรมตฺถธมฺมมูลกตฺตา ปนสฺส ปริกปฺปสฺส ปรมตฺถวิสยตา สกฺกา ปญฺญเปตุํ, เอวมิธาปีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตีสุปิ เจเตสุ เอเต ธมฺมตฺถเทสนาปฎิเวธา คมฺภีราติ สมฺพโนฺธฯ เอตฺถ จ ปิฎกาวยวานํ ธมฺมาทีนํ วุจฺจมาโน คมฺภีรภาโว ตํสมุทายสฺส ปิฎกสฺสาปิ วุโตฺต เยวาติ ทฎฺฐโพฺพฯ ทุเกฺขน โอคยฺหนฺติ, ทุโกฺข วา โอคาโห โอคาหนํ อโนฺตปวิสนเมเตสูติ ทุโกฺขคาหาฯ เอตฺถาติ เอเตสุ ปิฎเกสุ, นิทฺธารเณ เจตํ ภุมฺมวจนํฯ

    Ekamekasmiñcetthāti ettha etesu tīsu piṭakesu ekekasmiṃ piṭaketi attho. Dhammoti pāḷīti ettha dhammassa sīlādivisiṭṭhatthayogato, buddhānaṃ sabhāvaniruttibhāvato ca pakaṭṭhānaṃ ukkaṭṭhānaṃ vacanappabandhānaṃ āḷi pantīti pāḷi, pariyattidhammo. Sammutiparamatthabhedassa atthassa anurūpavācakabhāvena paramatthasaddesu ekantena bhagavatā manasā vavatthāpito nāmapaññattippabandho pāḷidhammo nāma. Desanāya dhammassa ca ko visesoti ce? Yathāvuttanayena manasā vavatthāpitadhammassa paresaṃ bodhanabhāvena atisajjanā vācāya pakāsanā ‘‘desanā’’ti veditabbā. Tenāha – ‘‘desanāti tassā manasā vavatthāpitāya pāḷiyā desanā’’ti. Tadubhayampi pana paramatthato saddo eva paramatthavinimuttāya sammutiyā abhāvā. Imameva nayaṃ gahetvā keci ācariyā ‘‘dhammo ca desanā ca paramatthato saddo evā’’ti voharanti, tepi anupavajjāyeva. Yathā ‘‘kāmāvacarapaṭisandhivipākā parittārammaṇā’’ti vuccanti, evaṃsampadamidaṃ daṭṭhabbaṃ. Na hi ‘‘kāmāvacarapaṭisandhivipākā nibbattitaparamatthavisayāyevā’’ti sakkā vattuṃ itthipurisādiākāraparivitakkapubbakānaṃ rāgādiakusalānaṃ mettādikusalānañca ārammaṇaṃ gahetvāpi samuppajjanato. Paramatthadhammamūlakattā panassa parikappassa paramatthavisayatā sakkā paññapetuṃ, evamidhāpīti daṭṭhabbaṃ. Tīsupi cetesu ete dhammatthadesanāpaṭivedhā gambhīrāti sambandho. Ettha ca piṭakāvayavānaṃ dhammādīnaṃ vuccamāno gambhīrabhāvo taṃsamudāyassa piṭakassāpi vutto yevāti daṭṭhabbo. Dukkhena ogayhanti, dukkho vā ogāho ogāhanaṃ antopavisanametesūti dukkhogāhā. Etthāti etesu piṭakesu, niddhāraṇe cetaṃ bhummavacanaṃ.

    เหตุโน ผลํ เหตุผลํฯ ธมฺมาภิลาโปติ อตฺถพฺยญฺชนโก อวิปรีตาภิลาโปฯ วิสยโต อสโมฺมหโต จาติ โลกิยโลกุตฺตรานํ ยถากฺกมํ อวโพธปฺปการทสฺสนํ, เอตสฺส อวโพโธติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ โลกิโย หิ ธมฺมตฺถาทิํ อาลมฺพิตฺวาว ปวตฺตนโต วิสยโต อวโพโธติ วุจฺจติฯ โลกุตฺตโร ปน นิพฺพานารมฺมณตาย ตํ อนาลมฺพมาโนปิ ตพฺพิสยโมหวิทฺธํสเนน ธมฺมาทีสุ ปวตฺตนโต อสโมฺมหโต อวโพโธติ วุจฺจติฯ อตฺถานุรูปํ ธเมฺมสูติ การิยานุรูปํ การเณสูติ อโตฺถฯ ปญฺญตฺติปถานุรูปํ ปญฺญตฺตีสูติ ฉพฺพิธนามปญฺญตฺติยา ปโถ ปญฺญตฺติปโถ, ตสฺส อนุรูปํ ปญฺญตฺตีสูติ อโตฺถฯ

    Hetuno phalaṃ hetuphalaṃ. Dhammābhilāpoti atthabyañjanako aviparītābhilāpo. Visayato asammohato cāti lokiyalokuttarānaṃ yathākkamaṃ avabodhappakāradassanaṃ, etassa avabodhoti iminā sambandho. Lokiyo hi dhammatthādiṃ ālambitvāva pavattanato visayato avabodhoti vuccati. Lokuttaro pana nibbānārammaṇatāya taṃ anālambamānopi tabbisayamohaviddhaṃsanena dhammādīsu pavattanato asammohato avabodhoti vuccati. Atthānurūpaṃ dhammesūti kāriyānurūpaṃ kāraṇesūti attho. Paññattipathānurūpaṃ paññattīsūti chabbidhanāmapaññattiyā patho paññattipatho, tassa anurūpaṃ paññattīsūti attho.

    ธมฺมชาตนฺติ การณปฺปเภโท การณเมว วาฯ อตฺถชาตนฺติ การิยปฺปเภโท, การิยเมว วาฯ ยา จายํ เทสนาติ สมฺพโนฺธฯ โย เจตฺถาติ เอตาสุ ธมฺมตฺถเทสนาสุ โย ปฎิเวโธติ อโตฺถฯ เอตฺถาติ เอเตสุ ตีสุ ปิฎเกสุฯ

    Dhammajātanti kāraṇappabhedo kāraṇameva vā. Atthajātanti kāriyappabhedo, kāriyameva vā. Yā cāyaṃ desanāti sambandho. Yo cetthāti etāsu dhammatthadesanāsu yo paṭivedhoti attho. Etthāti etesu tīsu piṭakesu.

    อลคทฺทูปมาติ เอตฺถ อลคทฺทสเทฺทน อลคทฺทคฺคหณํ วุจฺจติ วีณาวาทนํ วีณาติอาทีสุ วิย, คหณเญฺจตฺถ ยถา ฑํสติ, ตถา ทุคฺคหณํ ทฎฺฐพฺพํ, อิตรคฺคหเณ วิโรธาภาวาฯ ตสฺมา อลคทฺทสฺส คหณํ อุปมา เอติสฺสาติ อลคทฺทูปมาฯ อลคโทฺทติ เจตฺถ อาสิวิโส วุจฺจติฯ โส หิ อลํ ปริยโตฺต, ชีวิตหรณสมโตฺถ วา วิสสงฺขาโต คโท อสฺสาติ ‘‘อลํคโท’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘อลคโทฺท’’ติ วุจฺจติฯ

    Alagaddūpamāti ettha alagaddasaddena alagaddaggahaṇaṃ vuccati vīṇāvādanaṃ vīṇātiādīsu viya, gahaṇañcettha yathā ḍaṃsati, tathā duggahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ, itaraggahaṇe virodhābhāvā. Tasmā alagaddassa gahaṇaṃ upamā etissāti alagaddūpamā. Alagaddoti cettha āsiviso vuccati. So hi alaṃ pariyatto, jīvitaharaṇasamattho vā visasaṅkhāto gado assāti ‘‘alaṃgado’’ti vattabbe ‘‘alagaddo’’ti vuccati.

    วฎฺฎโต นิสฺสรณํ อโตฺถ ปโยชนํ เอติสฺสาติ นิสฺสรณตฺถาฯ ภณฺฑาคาริโก วิยาติ ภณฺฑาคาริโก, ธมฺมรตนานุปาลโก, ตสฺส อตฺถนิรเปกฺขสฺส ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติฯ ทุคฺคหิตานีติ ทุฎฺฐุ คหิตานิฯ เตนาห ‘‘อุปารมฺภาทิเหตุ ปริยาปุฎา’’ติฯ เอตฺถ จ อุปารโมฺภ นาม ปริยตฺติํ นิสฺสาย ปรวมฺภนํฯ อาทิ-สเทฺทน อิติวาทปฺปโมกฺขลาภสกฺการาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ยํ สนฺธายาติ ยํ ปริยตฺติทุคฺคหณํ สนฺธายฯ วุตฺตนฺติ อลคทฺทูปมสุเตฺต (ม. นิ. ๑.๒๓๘) วุตฺตํฯ ตญฺจสฺส อตฺถํ นานุโภนฺตีติ ตญฺจ อสฺส ธมฺมสฺส สีลปริปูรณาทิสงฺขาตํ อตฺถํ เอเต ทุคฺคหิตคาหิโน นานุโภนฺติ น วินฺทนฺติฯ ปฎิวิทฺธากุโปฺปติ ปฎิวิทฺธอรหตฺตผโลฯ

    Vaṭṭato nissaraṇaṃ attho payojanaṃ etissāti nissaraṇatthā. Bhaṇḍāgāriko viyāti bhaṇḍāgāriko, dhammaratanānupālako, tassa atthanirapekkhassa pariyatti bhaṇḍāgārikapariyatti. Duggahitānīti duṭṭhu gahitāni. Tenāha ‘‘upārambhādihetu pariyāpuṭā’’ti. Ettha ca upārambho nāma pariyattiṃ nissāya paravambhanaṃ. Ādi-saddena itivādappamokkhalābhasakkārādiṃ saṅgaṇhāti. Yaṃ sandhāyāti yaṃ pariyattiduggahaṇaṃ sandhāya. Vuttanti alagaddūpamasutte (ma. ni. 1.238) vuttaṃ. Tañcassa atthaṃ nānubhontīti tañca assa dhammassa sīlaparipūraṇādisaṅkhātaṃ atthaṃ ete duggahitagāhino nānubhonti na vindanti. Paṭividdhākuppoti paṭividdhaarahattaphalo.

    อิทานิ ตีสุ ปิฎเกสุ ยถารหํ สมฺปตฺติวิปตฺติโย นิทฺธาเรตฺวา ทเสฺสโนฺต อาห วินเย ปนาติอาทิฯ ตตฺถ ตาสํเยวาติ อวธารณํ ฉฬภิญฺญาจตุปฎิสมฺภิทานํ วินเย ปเภทวจนาภาวํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เวรญฺชกเณฺฑ (ปารา. ๑๒) หิ ติโสฺส วิชฺชาว วิภตฺตาฯ ทุติเย ตาสํเยวาติ อวธารณํ จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา อเปกฺขิตฺวา กตํ ติสฺสนฺนมฺปิ วิชฺชานํ ฉสุ อภิญฺญาสุ อโนฺตปวิฎฺฐตฺตาฯ ตาสญฺจาติ เอตฺถ -สเทฺทน เสสานมฺปิ ตตฺถ อตฺถิภาวํ ทีเปติฯ อภิธมฺมปิฎเก หิ ติโสฺส วิชฺชา ฉ อภิญฺญา จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา จ วุตฺตา เอวฯ ปฎิสมฺภิทานํ ตเตฺถว สมฺมา วิภตฺตภาวํ ทีเปตุํ ตเตฺถวาติ อวธารณํ กตํฯ อุปาทินฺนผโสฺสติ มเคฺคน มคฺคปฎิปาทนผโสฺสฯ เตสนฺติ เตสํ ปิฎกานํฯ เอตนฺติ เอตํ พุทฺธวจนํฯ

    Idāni tīsu piṭakesu yathārahaṃ sampattivipattiyo niddhāretvā dassento āha vinaye panātiādi. Tattha tāsaṃyevāti avadhāraṇaṃ chaḷabhiññācatupaṭisambhidānaṃ vinaye pabhedavacanābhāvaṃ sandhāya vuttaṃ. Verañjakaṇḍe (pārā. 12) hi tisso vijjāva vibhattā. Dutiye tāsaṃyevāti avadhāraṇaṃ catasso paṭisambhidā apekkhitvā kataṃ tissannampi vijjānaṃ chasu abhiññāsu antopaviṭṭhattā. Tāsañcāti ettha ca-saddena sesānampi tattha atthibhāvaṃ dīpeti. Abhidhammapiṭake hi tisso vijjā cha abhiññā catasso paṭisambhidā ca vuttā eva. Paṭisambhidānaṃ tattheva sammā vibhattabhāvaṃ dīpetuṃ tatthevāti avadhāraṇaṃ kataṃ. Upādinnaphassoti maggena maggapaṭipādanaphasso. Tesanti tesaṃ piṭakānaṃ. Etanti etaṃ buddhavacanaṃ.

    จตุตฺติํเสว สุตฺตนฺตาติ คาถาย อยมตฺถโยชนา – ยสฺส นิกายสฺส สุตฺตคณนโต จตุตฺติํเสว สุตฺตนฺตา วคฺคสงฺคหวเสน ตโย วคฺคา ยสฺส สงฺคหสฺสาติ ติวโคฺค สงฺคโห, เอส ปฐโม นิกาโย อิธ ทีฆนิกาโยติฯ อนุโลมิโกติ อปจฺจนีโก, อตฺถานุโลมนโต อนฺวตฺถนาโมติ วุตฺตํ โหติฯ เอกนิกายมฺปีติ เอกสมูหมฺปิฯ เอวํ จิตฺตนฺติ เอวํ วิจิตฺตํฯ ยถยิทนฺติ ยถา อิเมฯ โปณิกจิกฺขลฺลิกา ขตฺติยา, เตสํ นิวาโส ‘‘โปณิกนิกาโย จิกฺขลฺลิกนิกาโย’’ติ วุจฺจติฯ ปญฺจทสวคฺคปริคฺคโหติ ปญฺจทสหิ วเคฺคหิ ปริคฺคหิโตฯ สุตฺตนฺตานํ สหสฺสานิ สตฺต สุตฺตสตานิ จาติ ปาเฐ สุตฺตนฺตานํ สตฺตสหสฺสานิ สตฺต สุตฺตสตานิ จาติ โยเชตพฺพํฯ กตฺถจิ ปน ‘‘สตฺต สุตฺตสหสฺสานิ, สตฺต สุตฺตสตานิ จา’’ติ ปาโฐฯ ปุเพฺพ นิทสฺสิตาติ สุตฺตนฺตปิฎกนิเทฺทเส นิทสฺสิตาฯ

    Catuttiṃsevasuttantāti gāthāya ayamatthayojanā – yassa nikāyassa suttagaṇanato catuttiṃseva suttantā vaggasaṅgahavasena tayo vaggā yassa saṅgahassāti tivaggo saṅgaho, esa paṭhamo nikāyo idha dīghanikāyoti. Anulomikoti apaccanīko, atthānulomanato anvatthanāmoti vuttaṃ hoti. Ekanikāyampīti ekasamūhampi. Evaṃ cittanti evaṃ vicittaṃ. Yathayidanti yathā ime. Poṇikacikkhallikā khattiyā, tesaṃ nivāso ‘‘poṇikanikāyo cikkhallikanikāyo’’ti vuccati. Pañcadasavaggapariggahoti pañcadasahi vaggehi pariggahito. Suttantānaṃ sahassāni satta suttasatāni cāti pāṭhe suttantānaṃ sattasahassāni satta suttasatāni cāti yojetabbaṃ. Katthaci pana ‘‘satta suttasahassāni, satta suttasatāni cā’’ti pāṭho. Pubbe nidassitāti suttantapiṭakaniddese nidassitā.

    เวทนฺติ ญาณํฯ ตุฎฺฐินฺติ ปีติํฯ ธมฺมกฺขนฺธวเสนาติ ธมฺมราสิวเสนฯ ทฺวาสีติสหสฺสานิ พุทฺธโต คณฺหินฺติ สมฺพโนฺธฯ เทฺว สหสฺสานิ ภิกฺขุโตติ ธมฺมเสนาปติอาทีนํ ภิกฺขูนํ สนฺติกา เตหิเยว เทสิตานิ เทฺว สหสฺสานิ คณฺหิํฯ เมติ มม หทเย, อิติ อานนฺทเตฺถโร อตฺตานํ นิทฺทิสติฯ เย ธมฺมา มม หทเย ปวตฺติโน, เต จตุราสีติสหสฺสานีติ โยชนาฯ อิทญฺจ ภควโต ธรมานกาเล อุคฺคหิตธมฺมกฺขนฺธวเสน วุตฺตํ, ปรินิพฺพุเต ปน ภควติ อานนฺทเตฺถเรน เทสิตานํ สุภสุตฺต(ทอี. นิ. ๑.๔๔๔ อาทโย) โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺตานํ (ม. นิ. ๓.๗๙ อาทโย), ตติยสงฺคีติยํ โมคฺคลิปุตฺตติสฺสเตฺถเรน กถิตกถาวตฺถุปฺปกรณสฺส จ วเสน ธมฺมกฺขนฺธานํ จตุราสีติสหสฺสโตปิ อธิกตา เวทิตพฺพาฯ

    Vedanti ñāṇaṃ. Tuṭṭhinti pītiṃ. Dhammakkhandhavasenāti dhammarāsivasena. Dvāsītisahassāni buddhato gaṇhinti sambandho. Dve sahassāni bhikkhutoti dhammasenāpatiādīnaṃ bhikkhūnaṃ santikā tehiyeva desitāni dve sahassāni gaṇhiṃ. Meti mama hadaye, iti ānandatthero attānaṃ niddisati. Ye dhammā mama hadaye pavattino, te caturāsītisahassānīti yojanā. Idañca bhagavato dharamānakāle uggahitadhammakkhandhavasena vuttaṃ, parinibbute pana bhagavati ānandattherena desitānaṃ subhasutta(daī. ni. 1.444 ādayo) gopakamoggallānasuttānaṃ (ma. ni. 3.79 ādayo), tatiyasaṅgītiyaṃ moggaliputtatissattherena kathitakathāvatthuppakaraṇassa ca vasena dhammakkhandhānaṃ caturāsītisahassatopi adhikatā veditabbā.

    เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตนฺติ สติปฎฺฐานาทิ (ที. นิ. ๒.๓๗๒ อาทโย; ม. นิ. ๑.๑๐๕ อาทโย)ฯ อเนกานุสนฺธิกนฺติ ปรินิพฺพานสุตฺตาทิ (ที. นิ. ๒.๑๓๔ อาทโย)ฯ ตญฺหิ นานาฐาเนสุ นานาธมฺมเทสนานํ วเสน ปวตฺตํฯ ติกทุกภาชนํ ธมฺมสงฺคณิยํ นิเกฺขปกณฺฑ(ธ. ส. ๙๘๕ อาทโย) อฎฺฐกถากณฺฑวเสน (ธ. ส. ๑๓๘๔ อาทโย) คเหตพฺพํฯ จิตฺตวารภาชนนฺติ อิทํ จิตฺตุปฺปาทกณฺฑวเสน (ธ. ส. ๑ อาทโย) วุตฺตํฯ อตฺถิ วตฺถูติอาทีสุ วตฺถุ นาม สุทินฺนกณฺฑาทิ (ปารา. ๒๔ อาทโย)ฯ มาติกาติ สิกฺขาปทํฯ อนฺตราปตฺตีติ สิกฺขาปทนฺตเรสุ อญฺญสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตา อาปตฺติฯ ติกเจฺฉโทติ ติกปาจิตฺติยาทิติกปริเจฺฉโท ฯ พุทฺธวจนํ สงฺคหิตนฺติ สมฺพโนฺธฯ อสฺสาติ พุทฺธวจนสฺสฯ สงฺคีติปริโยสาเน สาธุการํ ททมานา วิยาติ สมฺพโนฺธฯ อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตานิ อจฺฉริยานิ, ปุปฺผวสฺสเจลุเกฺขปาทีนิฯ ยา ‘‘ปญฺจสตา’’ติ จ ‘‘เถริกา’’ติ จ ปวุจฺจติ, อยํ ปฐมมหาสงฺคีติ นามาติ สมฺพโนฺธฯ

    Ekānusandhikaṃ suttanti satipaṭṭhānādi (dī. ni. 2.372 ādayo; ma. ni. 1.105 ādayo). Anekānusandhikanti parinibbānasuttādi (dī. ni. 2.134 ādayo). Tañhi nānāṭhānesu nānādhammadesanānaṃ vasena pavattaṃ. Tikadukabhājanaṃ dhammasaṅgaṇiyaṃ nikkhepakaṇḍa(dha. sa. 985 ādayo) aṭṭhakathākaṇḍavasena (dha. sa. 1384 ādayo) gahetabbaṃ. Cittavārabhājananti idaṃ cittuppādakaṇḍavasena (dha. sa. 1 ādayo) vuttaṃ. Atthi vatthūtiādīsu vatthu nāma sudinnakaṇḍādi (pārā. 24 ādayo). Mātikāti sikkhāpadaṃ. Antarāpattīti sikkhāpadantaresu aññasmiṃ vatthusmiṃ paññattā āpatti. Tikacchedoti tikapācittiyāditikaparicchedo . Buddhavacanaṃ saṅgahitanti sambandho. Assāti buddhavacanassa. Saṅgītipariyosāne sādhukāraṃ dadamānā viyāti sambandho. Accharaṃ paharituṃ yuttāni acchariyāni, pupphavassacelukkhepādīni. Yā ‘‘pañcasatā’’ti ca ‘‘therikā’’ti ca pavuccati, ayaṃ paṭhamamahāsaṅgīti nāmāti sambandho.

    อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฎฺฐกถาย วิมติวิโนทนิยํ

    Iti samantapāsādikāya vinayaṭṭhakathāya vimativinodaniyaṃ

    ปฐมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนานโย นิฎฺฐิโตฯ

    Paṭhamamahāsaṅgītikathāvaṇṇanānayo niṭṭhito.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact