Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๑๐. ปฐมนาควิมานวณฺณนา
10. Paṭhamanāgavimānavaṇṇanā
สุสุกฺกขนฺธํ อภิรุยฺห นาคนฺติ นาควิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเนฯ เตน สมเยน อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เทวจาริกํ จรโนฺต ตาวติํสภวนํ อุปคโตฯ ตตฺถ อทฺทส อญฺญตรํ เทวปุตฺตํ สพฺพเสตํ มหนฺตํ ทิพฺพนาคํ อภิรุยฺห มหเนฺตน ปริวาเรน มหตา ทิพฺพานุภาเวน อากาเสน คจฺฉนฺตํ, สพฺพา ทิสา จโนฺท วิย สูริโย วิย จ โอภาสยมานํฯ ทิสฺวา เยน โส เทวปุโตฺต เตนุปสงฺกมิฯ อถ โส เทวปุโตฺต ตโต โอรุยฺห อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อภิวาเทตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห อฎฺฐาสิฯ อถ เถโร –
Susukkakhandhaṃabhiruyha nāganti nāgavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane. Tena samayena āyasmā mahāmoggallāno heṭṭhā vuttanayeneva devacārikaṃ caranto tāvatiṃsabhavanaṃ upagato. Tattha addasa aññataraṃ devaputtaṃ sabbasetaṃ mahantaṃ dibbanāgaṃ abhiruyha mahantena parivārena mahatā dibbānubhāvena ākāsena gacchantaṃ, sabbā disā cando viya sūriyo viya ca obhāsayamānaṃ. Disvā yena so devaputto tenupasaṅkami. Atha so devaputto tato oruyha āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ abhivādetvā añjaliṃ paggayha aṭṭhāsi. Atha thero –
๙๖๑.
961.
‘‘สุสุกฺกขนฺธํ อภิรุยฺห นาคํ, อกาจินํ ทนฺติํ พลิํ มหาชวํ;
‘‘Susukkakhandhaṃ abhiruyha nāgaṃ, akācinaṃ dantiṃ baliṃ mahājavaṃ;
อภิรุยฺห คชวรํ สุกปฺปิตํ, อิธาคมา เวหายสํ อนฺตลิเกฺขฯ
Abhiruyha gajavaraṃ sukappitaṃ, idhāgamā vehāyasaṃ antalikkhe.
๙๖๒.
962.
‘‘นาคสฺส ทเนฺตสุ ทุเวสุ นิมฺมิตา, อโจฺฉทกา ปทุมินิโย สุผุลฺลา;
‘‘Nāgassa dantesu duvesu nimmitā, acchodakā paduminiyo suphullā;
ปทุเมสุ จ ตูริยคณา ปวชฺชเร, อิมา จ นจฺจนฺติ มโนหราโยฯ
Padumesu ca tūriyagaṇā pavajjare, imā ca naccanti manoharāyo.
๙๖๓.
963.
‘‘เทวิทฺธิปโตฺตสิ มหานุภาโว, มนุสฺสภูโต กิมกาสิ ปุญฺญํ;
‘‘Deviddhipattosi mahānubhāvo, manussabhūto kimakāsi puññaṃ;
เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาโว, วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ –
Kenāsi evaṃ jalitānubhāvo, vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti. –
ตสฺส สมฺปตฺติกิตฺตนมุเขน กตกมฺมํ ปุจฺฉิฯ
Tassa sampattikittanamukhena katakammaṃ pucchi.
๙๖๑. ตตฺถ สุสุกฺกขนฺธนฺติ สุฎฺฐุ เสตขนฺธํฯ กิญฺจาปิ ตสฺส นาคสฺส จตฺตาโร ปาทา, วตฺถิโกสํ, มุขปฺปเทโส, อุโภ กณฺณา, วาลธีติ เอตฺตกํ มุญฺจิตฺวา สโพฺพ กาโย เสโตว, ขนฺธปฺปเทสสฺส ปน สาติสยํ ธวลตรตาย วุตฺตํ ‘‘สุสุกฺกขนฺธ’’นฺติฯ นาคนฺติ ทิพฺพํ หตฺถินาคํฯ อกาจินนฺติ นิโทฺทสํ , สพลลวงฺกติลกาทิฉวิโทสวิรหิตนฺติ อโตฺถฯ ‘‘อาชานีย’’นฺติปิ ปาฬิ, อาชานียลกฺขณูเปตนฺติ อโตฺถฯ ทนฺตินฺติ วิปุลรุจิรทนฺตวนฺตํฯ พลินฺติ พลวนฺตํ มหาพลํฯ มหาชวนฺติ อติชวํ สีฆคามิํฯ ปุน อภิรุยฺหาติ เอตฺถ อนุนาสิกโลโป ทฎฺฐโพฺพ, อภิรุยฺหํ อาโรหนียนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
961. Tattha susukkakhandhanti suṭṭhu setakhandhaṃ. Kiñcāpi tassa nāgassa cattāro pādā, vatthikosaṃ, mukhappadeso, ubho kaṇṇā, vāladhīti ettakaṃ muñcitvā sabbo kāyo setova, khandhappadesassa pana sātisayaṃ dhavalataratāya vuttaṃ ‘‘susukkakhandha’’nti. Nāganti dibbaṃ hatthināgaṃ. Akācinanti niddosaṃ , sabalalavaṅkatilakādichavidosavirahitanti attho. ‘‘Ājānīya’’ntipi pāḷi, ājānīyalakkhaṇūpetanti attho. Dantinti vipularuciradantavantaṃ. Balinti balavantaṃ mahābalaṃ. Mahājavanti atijavaṃ sīghagāmiṃ. Puna abhiruyhāti ettha anunāsikalopo daṭṭhabbo, abhiruyhaṃ ārohanīyanti vuttaṃ hoti. Sesaṃ vuttanayameva.
เอวํ ปน เถเรน ปุโฎฺฐ เทวปุโตฺต อตฺตนา กตกมฺมํ กเถโนฺต –
Evaṃ pana therena puṭṭho devaputto attanā katakammaṃ kathento –
๙๖๕.
965.
‘‘อเฎฺฐว มุตฺตปุปฺผานิ, กสฺสปสฺส มเหสิโน;
‘‘Aṭṭheva muttapupphāni, kassapassa mahesino;
ถูปสฺมิํ อภิโรเปสิํ, ปสโนฺน เสหิ ปาณิภิฯ
Thūpasmiṃ abhiropesiṃ, pasanno sehi pāṇibhi.
๙๖๖.
966.
‘‘เตน เมตาทิโส วโณฺณ…เป.…
‘‘Tena metādiso vaṇṇo…pe…
วโณฺณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ – อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ;
Vaṇṇo ca me sabbadisā pabhāsatī’’ti. – imāhi gāthāhi byākāsi;
ตสฺสโตฺถ – อหํ ปุเพฺพ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โยชนิเก กนกถูเป วณฺฎโต มุจฺจิตฺวา คจฺฉมูเล ปติตานิ อฎฺฐ มุตฺตปุปฺผานิ ลภิตฺวา ตานิ คเหตฺวา ปูชนวเสน ปสนฺนจิโตฺต หุตฺวา อภิโรเปสิํ ปูเชสิํฯ
Tassattho – ahaṃ pubbe kassapasammāsambuddhassa yojanike kanakathūpe vaṇṭato muccitvā gacchamūle patitāni aṭṭha muttapupphāni labhitvā tāni gahetvā pūjanavasena pasannacitto hutvā abhiropesiṃ pūjesiṃ.
อตีเต กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุเทฺธ ปรินิพฺพุเต โยชนิเก กนกถูเป จ การิเต สปริวาโร กิกี กาสิราชา จ นาครา จ เนคมา จ ชานปทา จ ทิวเส ทิวเส ปุปฺผปูชํ กโรนฺติฯ เตสุ ตถา กโรเนฺตสุ ปุปฺผานิ มหคฺฆานิ ทุลฺลภานิ จ อเหสุํฯ อเถโก อุปาสโก มาลาการวีถิยํ วิจริตฺวา เอกเมเกน กหาปเณน เอกเมกมฺปิ ปุปฺผํ อลภโนฺต อฎฺฐ กหาปณานิ คเหตฺวา ปุปฺผารามํ คนฺตฺวา มาลาการํ อาห ‘‘อิเมหิ อฎฺฐหิ กหาปเณหิ อฎฺฐ ปุปฺผานิ เทหี’’ติฯ ‘‘นตฺถโยฺย ปุปฺผานิ, สมฺมเทว อุปธาเรตฺวา โอจินิตฺวา ทินฺนานี’’ติฯ ‘‘อหํ โอโลเกตฺวา คณฺหามี’’ติฯ ‘‘ยทิ เอวํ, อารามํ ปวิสิตฺวา คเวสาหี’’ติฯ โส ปวิสิตฺวา คเวสโนฺต ปติตานิ อฎฺฐ ปุปฺผานิ ลภิตฺวา มาลาการํ อาห ‘‘คณฺห, ตาต, กหาปณานี’’ติฯ ‘‘ตว ปุเญฺญน ลทฺธานิ, นาหํ กหาปณานิ คณฺหามี’’ติ อาหฯ อิตโร ‘‘นาหํ มุธา ปุปฺผานิ คเหตฺวา ภควโต ปูชํ กริสฺสามี’’ติ กหาปณานิ ตสฺส ปุรโต ฐเปตฺวา ปุปฺผานิ คเหตฺวา เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา ปสนฺนจิโตฺต ปูชํ อกาสิฯ โส อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวติํเสสุ อุปฺปชฺชิตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ฐตฺวา ปุนปิ เทวโลเก, ปุนปิ เทวโลเกติ เอวํ อปราปรํ เทเวสุเยว สํสรโนฺต ตเสฺสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อิมสฺมิมฺปิ พุทฺธุปฺปาเท ตาวติํเสสุเยว อุปฺปชฺชิฯ ตํ สนฺธาย เหฎฺฐา วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ อทฺทส อญฺญตรํ เทวปุตฺต’’นฺติอาทิฯ
Atīte kira kassapasammāsambuddhe parinibbute yojanike kanakathūpe ca kārite saparivāro kikī kāsirājā ca nāgarā ca negamā ca jānapadā ca divase divase pupphapūjaṃ karonti. Tesu tathā karontesu pupphāni mahagghāni dullabhāni ca ahesuṃ. Atheko upāsako mālākāravīthiyaṃ vicaritvā ekamekena kahāpaṇena ekamekampi pupphaṃ alabhanto aṭṭha kahāpaṇāni gahetvā pupphārāmaṃ gantvā mālākāraṃ āha ‘‘imehi aṭṭhahi kahāpaṇehi aṭṭha pupphāni dehī’’ti. ‘‘Natthayyo pupphāni, sammadeva upadhāretvā ocinitvā dinnānī’’ti. ‘‘Ahaṃ oloketvā gaṇhāmī’’ti. ‘‘Yadi evaṃ, ārāmaṃ pavisitvā gavesāhī’’ti. So pavisitvā gavesanto patitāni aṭṭha pupphāni labhitvā mālākāraṃ āha ‘‘gaṇha, tāta, kahāpaṇānī’’ti. ‘‘Tava puññena laddhāni, nāhaṃ kahāpaṇāni gaṇhāmī’’ti āha. Itaro ‘‘nāhaṃ mudhā pupphāni gahetvā bhagavato pūjaṃ karissāmī’’ti kahāpaṇāni tassa purato ṭhapetvā pupphāni gahetvā cetiyaṅgaṇaṃ gantvā pasannacitto pūjaṃ akāsi. So aparabhāge kālaṃ katvā tāvatiṃsesu uppajjitvā tattha yāvatāyukaṃ ṭhatvā punapi devaloke, punapi devaloketi evaṃ aparāparaṃ devesuyeva saṃsaranto tasseva kammassa vipākāvasesena imasmimpi buddhuppāde tāvatiṃsesuyeva uppajji. Taṃ sandhāya heṭṭhā vuttaṃ ‘‘tattha addasa aññataraṃ devaputta’’ntiādi.
ตํ ปเนตํ ปวตฺติํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ภควโต อาโรเจสิฯ ภควา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิฯ สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ
Taṃ panetaṃ pavattiṃ āyasmā mahāmoggallāno manussalokaṃ āgantvā bhagavato ārocesi. Bhagavā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya vitthārena dhammaṃ desesi. Sā desanā mahājanassa sātthikā ahosīti.
นาควิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nāgavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๑๐. ปฐมนาควิมานวตฺถุ • 10. Paṭhamanāgavimānavatthu