Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā

    ๘. ปฐมนกุหนสุตฺตวณฺณนา

    8. Paṭhamanakuhanasuttavaṇṇanā

    ๓๕. อฎฺฐเม นยิทนฺติ เอตฺถ อิติ ปฎิเสเธ นิปาโต, ตสฺส ‘‘วุสฺสตี’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธ, กาโร ปทสนฺธิกโรฯ อิทํ-สโทฺท ‘‘เอกมิทาหํ, ภิกฺขเว, สมยํ อุกฺกฎฺฐายํ วิหรามิ สุภควเน สาลราชมูเล’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๕๐๑) นิปาตมตฺตํฯ ‘‘อิทํ โข ตํ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตกํ โอรมตฺตกํ สีลมตฺตก’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๗) ยถาวุเตฺต อาสนฺนปจฺจเกฺข อาคโตฯ

    35. Aṭṭhame nayidanti ettha naiti paṭisedhe nipāto, tassa ‘‘vussatī’’ti iminā sambandho, yakāro padasandhikaro. Idaṃ-saddo ‘‘ekamidāhaṃ, bhikkhave, samayaṃ ukkaṭṭhāyaṃ viharāmi subhagavane sālarājamūle’’tiādīsu (ma. ni. 1.501) nipātamattaṃ. ‘‘Idaṃ kho taṃ, bhikkhave, appamattakaṃ oramattakaṃ sīlamattaka’’ntiādīsu (dī. ni. 1.27) yathāvutte āsannapaccakkhe āgato.

    ‘‘อิทญฺหิ ตํ เชตวนํ, อิสิสงฺฆนิเสวิตํ;

    ‘‘Idañhi taṃ jetavanaṃ, isisaṅghanisevitaṃ;

    อาวุตฺถํ ธมฺมราเชน, ปีติสญฺชนนํ มมา’’ติฯ –

    Āvutthaṃ dhammarājena, pītisañjananaṃ mamā’’ti. –

    อาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๔๘) วกฺขมาเน อาสนฺนปจฺจเกฺขฯ อิธาปิ วกฺขมาเนเยว อาสนฺนปจฺจเกฺข ทฎฺฐโพฺพฯ

    Ādīsu (saṃ. ni. 1.48) vakkhamāne āsannapaccakkhe. Idhāpi vakkhamāneyeva āsannapaccakkhe daṭṭhabbo.

    พฺรหฺมจริย-สโทฺท –

    Brahmacariya-saddo –

    ‘‘กิํ เต วตํ กิํ ปน พฺรหฺมจริยํ,

    ‘‘Kiṃ te vataṃ kiṃ pana brahmacariyaṃ,

    กิสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;

    Kissa suciṇṇassa ayaṃ vipāko;

    อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ,

    Iddhī jutī balavīriyūpapatti,

    อิทญฺจ เต นาค มหาวิมานํฯ

    Idañca te nāga mahāvimānaṃ.

    ‘‘อหญฺจ ภริยา จ มนุสฺสโลเก,

    ‘‘Ahañca bhariyā ca manussaloke,

    สทฺธา อุโภ ทานปตี อหุมฺหา;

    Saddhā ubho dānapatī ahumhā;

    โอปานภูตํ เม ฆรํ ตทาสิ,

    Opānabhūtaṃ me gharaṃ tadāsi,

    สนฺตปฺปิตา สมณพฺราหฺมณา จฯ

    Santappitā samaṇabrāhmaṇā ca.

    ‘‘ตํ เม วตํ ตํ ปน พฺรหฺมจริยํ,

    ‘‘Taṃ me vataṃ taṃ pana brahmacariyaṃ,

    ตสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;

    Tassa suciṇṇassa ayaṃ vipāko;

    อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ,

    Iddhī jutī balavīriyūpapatti,

    อิทญฺจ เม ธีร มหาวิมาน’’นฺติฯ (ชา. ๒.๒๒.๑๕๙๒-๑๕๙๓, ๑๕๙๕) –

    Idañca me dhīra mahāvimāna’’nti. (jā. 2.22.1592-1593, 1595) –

    อิมสฺมิํ ปุณฺณกชาตเก ทาเน อาคโตฯ

    Imasmiṃ puṇṇakajātake dāne āgato.

    ‘‘เกน ปาณิ กามทโท, เกน ปาณิ มธุสฺสโว;

    ‘‘Kena pāṇi kāmadado, kena pāṇi madhussavo;

    เกน เต พฺรหฺมจริเยน, ปุญฺญํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌติฯ

    Kena te brahmacariyena, puññaṃ pāṇimhi ijjhati.

    ‘‘เตน ปาณิ กามทโท, เตน ปาณิ มธุสฺสโว;

    ‘‘Tena pāṇi kāmadado, tena pāṇi madhussavo;

    เตน เม พฺรหฺมจริเยน, ปุญฺญํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌตี’’ติฯ (เป. ว. ๒๗๕, ๒๗๗) –

    Tena me brahmacariyena, puññaṃ pāṇimhi ijjhatī’’ti. (pe. va. 275, 277) –

    อิมสฺมิํ องฺกุรเปตวตฺถุสฺมิํ เวยฺยาวเจฺจฯ ‘‘อิทํ โข ตํ, ภิกฺขเว, ติตฺติริยํ นาม พฺรหฺมจริยํ อโหสี’’ติ (จูฬว. ๓๑๑) อิมสฺมิํ ติตฺติรชาตเก ปญฺจสิกฺขาปทสีเลฯ ‘‘ตํ โข ปน, ปญฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เนว นิพฺพิทาย น วิราคาย…เป.… ยาวเทว พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒๙) อิมสฺมิํ มหาโควินฺทสุเตฺต พฺรหฺมวิหาเรฯ ‘‘ปเร อพฺรหฺมจารี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ พฺรหฺมจาริโน ภวิสฺสามา’’ติ (ม. นิ. ๑.๘๓) สเลฺลขสุเตฺต เมถุนวิรติยํฯ

    Imasmiṃ aṅkurapetavatthusmiṃ veyyāvacce. ‘‘Idaṃ kho taṃ, bhikkhave, tittiriyaṃ nāma brahmacariyaṃ ahosī’’ti (cūḷava. 311) imasmiṃ tittirajātake pañcasikkhāpadasīle. ‘‘Taṃ kho pana, pañcasikha, brahmacariyaṃ neva nibbidāya na virāgāya…pe… yāvadeva brahmalokūpapattiyā’’ti (dī. ni. 2.329) imasmiṃ mahāgovindasutte brahmavihāre. ‘‘Pare abrahmacārī bhavissanti, mayamettha brahmacārino bhavissāmā’’ti (ma. ni. 1.83) sallekhasutte methunaviratiyaṃ.

    ‘‘มยญฺจ ภริยา นาติกฺกมาม,

    ‘‘Mayañca bhariyā nātikkamāma,

    อเมฺห จ ภริยา นาติกฺกมนฺติ;

    Amhe ca bhariyā nātikkamanti;

    อญฺญตฺร ตาหิ พฺรหฺมจริยํ จราม,

    Aññatra tāhi brahmacariyaṃ carāma,

    ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร’’ติฯ (ชา. ๑.๑๐.๙๗) –

    Tasmā hi amhaṃ daharā na mīyare’’ti. (jā. 1.10.97) –

    มหาธมฺมปาลชาตเก สทารสโนฺตเสฯ ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, จตุรงฺคสมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ จริตา – ตปสฺสี สุทํ โหมี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๕) โลมหํสสุเตฺต วีริเยฯ

    Mahādhammapālajātake sadārasantose. ‘‘Abhijānāmi kho panāhaṃ, sāriputta, caturaṅgasamannāgataṃ brahmacariyaṃ caritā – tapassī sudaṃ homī’’ti (ma. ni. 1.155) lomahaṃsasutte vīriye.

    ‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;

    ‘‘Hīnena brahmacariyena, khattiye upapajjati;

    มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติฯ (ชา. ๑.๘.๗๕) –

    Majjhimena ca devattaṃ, uttamena visujjhatī’’ti. (jā. 1.8.75) –

    นิมิชาตเก อตฺตทมนวเสน กเต อฎฺฐงฺคิกอุโปสเถฯ ‘‘อิทํ โข ปน, ปญฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย…เป.… อยเมว อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒๙) มหาโควินฺทสุเตฺตเยว อริยมเคฺคฯ ‘‘ตยิทํ พฺรหฺมจริยํ อิทฺธเญฺจว ผีตญฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชญฺญํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิต’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๗๔) ปาสาทิกสุเตฺต สิกฺขตฺตยสงฺคเห สกลสฺมิํ สาสเนฯ อิธาปิ อริยมเคฺค สาสเน จ วตฺตติฯ

    Nimijātake attadamanavasena kate aṭṭhaṅgikauposathe. ‘‘Idaṃ kho pana, pañcasikha, brahmacariyaṃ ekantanibbidāya virāgāya…pe… ayameva ariyo aṭṭhaṅgiko maggo’’ti (dī. ni. 2.329) mahāgovindasutteyeva ariyamagge. ‘‘Tayidaṃ brahmacariyaṃ iddhañceva phītañca vitthārikaṃ bāhujaññaṃ puthubhūtaṃ yāva devamanussehi suppakāsita’’nti (dī. ni. 3.174) pāsādikasutte sikkhattayasaṅgahe sakalasmiṃ sāsane. Idhāpi ariyamagge sāsane ca vattati.

    วุสฺสตีติ วสียติ, จรียตีติ อโตฺถฯ ชนกุหนตฺถนฺติ ‘‘อโห อโยฺย สีลวา วตฺตสมฺปโนฺน อปฺปิโจฺฉ สนฺตุโฎฺฐ มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’ติอาทินา ชนสฺส สตฺตโลกสฺส วิมฺหาปนตฺถํฯ ชนลปนตฺถนฺติ ‘‘เอวรูปสฺส นาม อยฺยสฺส ทินฺนํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ ปสนฺนจิเตฺตหิ ‘‘เกนโตฺถ, กิํ อาหรียตู’’ติ มนุเสฺสหิ วทาปนตฺถํฯ ลาภสกฺการสิโลกานิสํสตฺถนฺติ ยฺวายํ ‘‘อากเงฺขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘ลาภี อสฺสํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’นฺติ, สีเล-เสฺววสฺส ปริปูรการี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๕) สีลานิสํสภาเวน วุโตฺต จตุปจฺจยลาโภ, โย จ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ สกฺกจฺจทานสงฺขาโต อาทรพหุมานครุกรณสงฺขาโต จ สกฺกาโร, โย จ ‘‘สีลสมฺปโนฺน พหุสฺสุโต สุตธโร อารทฺธวีริโย’’ติอาทินา นเยน อุคฺคตถุติโฆสสงฺขาโต สิโลโก พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ ทิฎฺฐธมฺมิโก อานิสํโส, ตทตฺถํฯ อิติ มํ ชโน ชานาตูติ ‘‘เอวํ พฺรหฺมจริยวาเส สติ ‘อยํ สีลวา กลฺยาณธโมฺม’ติอาทินา มํ ชโน ชานาตุ สมฺภาเวตู’’ติ อตฺตโน สนฺตคุณวเสน สมฺภาวนตฺถมฺปิ น อิทํ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ

    Vussatīti vasīyati, carīyatīti attho. Janakuhanatthanti ‘‘aho ayyo sīlavā vattasampanno appiccho santuṭṭho mahiddhiko mahānubhāvo’’tiādinā janassa sattalokassa vimhāpanatthaṃ. Janalapanatthanti ‘‘evarūpassa nāma ayyassa dinnaṃ mahapphalaṃ bhavissatī’’ti pasannacittehi ‘‘kenattho, kiṃ āharīyatū’’ti manussehi vadāpanatthaṃ. Lābhasakkārasilokānisaṃsatthanti yvāyaṃ ‘‘ākaṅkheyya ce, bhikkhave, bhikkhu ‘lābhī assaṃ cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārāna’nti, sīle-svevassa paripūrakārī’’ti (ma. ni. 1.65) sīlānisaṃsabhāvena vutto catupaccayalābho, yo ca catunnaṃ paccayānaṃ sakkaccadānasaṅkhāto ādarabahumānagarukaraṇasaṅkhāto ca sakkāro, yo ca ‘‘sīlasampanno bahussuto sutadharo āraddhavīriyo’’tiādinā nayena uggatathutighosasaṅkhāto siloko brahmacariyaṃ carantānaṃ diṭṭhadhammiko ānisaṃso, tadatthaṃ. Iti maṃ jano jānātūti ‘‘evaṃ brahmacariyavāse sati ‘ayaṃ sīlavā kalyāṇadhammo’tiādinā maṃ jano jānātu sambhāvetū’’ti attano santaguṇavasena sambhāvanatthampi na idaṃ brahmacariyaṃ vussatīti sambandho.

    เกจิ ปน ‘‘ชนกุหนตฺถนฺติ ปาปิจฺฉสฺส อิจฺฉาปกตสฺส สโต สามนฺตชปฺปนอิริยาปถนิสฺสิตปจฺจยปฎิเสวนสงฺขาเตน ติวิเธน กุหนวตฺถุนา กุหนภาเวน ชนสฺส วิมฺหาปนตฺถํฯ ชนลปนตฺถนฺติ ปาปิจฺฉเสฺสว สโต ปจฺจยตฺถํ ปริกโถภาสาทิวเสน ลปนภาเวน อุปลาปนภาเวน วา ชนสฺส ลปนตฺถํฯ ลาภสกฺการสิโลกานิสํสตฺถนฺติ ปาปิจฺฉเสฺสว สโต ลาภาทิครุตาย ลาภสกฺการสิโลกสงฺขาตสฺส อานิสํสอุทยสฺส นิปฺผาทนตฺถํฯ อิติ มํ ชโน ชานาตูติ ปาปิจฺฉเสฺสว สโต อสนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปาเยน ‘อิติ เอวํ มํ ชโน ชานาตู’ติ น อิทํ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ เอวเมตฺถ อตฺถํ วทนฺติฯ ปุริโมเยว ปน อโตฺถ สารตโรฯ

    Keci pana ‘‘janakuhanatthanti pāpicchassa icchāpakatassa sato sāmantajappanairiyāpathanissitapaccayapaṭisevanasaṅkhātena tividhena kuhanavatthunā kuhanabhāvena janassa vimhāpanatthaṃ. Janalapanatthanti pāpicchasseva sato paccayatthaṃ parikathobhāsādivasena lapanabhāvena upalāpanabhāvena vā janassa lapanatthaṃ. Lābhasakkārasilokānisaṃsatthanti pāpicchasseva sato lābhādigarutāya lābhasakkārasilokasaṅkhātassa ānisaṃsaudayassa nipphādanatthaṃ. Iti maṃ jano jānātūti pāpicchasseva sato asantaguṇasambhāvanādhippāyena ‘iti evaṃ maṃ jano jānātū’ti na idaṃ brahmacariyaṃ vussatī’’ti evamettha atthaṃ vadanti. Purimoyeva pana attho sārataro.

    อถ โขติ เอตฺถ อถาติ อญฺญทเตฺถ นิปาโต, โขติ อวธารเณฯ เตน กุหนาทิโต อญฺญทตฺถาเยว ปน อิทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตีติ ทเสฺสติฯ อิทานิ ตํ ปโยชนํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สํวรตฺถเญฺจว ปหานตฺถญฺจา’’ติ อาหฯ ตตฺถ ปญฺจวิโธ สํวโร – ปาติโมกฺขสํวโร, สติสํวโร, ญาณสํวโร, ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติฯ

    Atha khoti ettha athāti aññadatthe nipāto, khoti avadhāraṇe. Tena kuhanādito aññadatthāyeva pana idaṃ, bhikkhave, brahmacariyaṃ vussatīti dasseti. Idāni taṃ payojanaṃ dassento ‘‘saṃvaratthañceva pahānatthañcā’’ti āha. Tattha pañcavidho saṃvaro – pātimokkhasaṃvaro, satisaṃvaro, ñāṇasaṃvaro, khantisaṃvaro, vīriyasaṃvaroti.

    ตตฺถ ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) หิ อาทินา นเยน อาคโต อยํ ปาติโมกฺขสํวโร นาม, โย สีลสํวโรติ จ ปวุจฺจติฯ ‘‘รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๑๓; ม. นิ. ๑.๒๙๕; สํ. นิ. ๔.๒๓๙; อ. นิ. ๓.๑๖) อาคโต อยํ สติสํวโร

    Tattha ‘‘iminā pātimokkhasaṃvarena upeto hoti samupeto’’ti (vibha. 511) hi ādinā nayena āgato ayaṃ pātimokkhasaṃvaro nāma, yo sīlasaṃvaroti ca pavuccati. ‘‘Rakkhati cakkhundriyaṃ, cakkhundriye saṃvaraṃ āpajjatī’’ti (dī. ni. 1.213; ma. ni. 1.295; saṃ. ni. 4.239; a. ni. 3.16) āgato ayaṃ satisaṃvaro.

    ‘‘ยานิ โสตานิ โลกสฺมิํ (อชิตาติ ภควา),

    ‘‘Yāni sotāni lokasmiṃ (ajitāti bhagavā),

    สติ เตสํ นิวารณํ;

    Sati tesaṃ nivāraṇaṃ;

    โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ,

    Sotānaṃ saṃvaraṃ brūmi,

    ปญฺญาเยเต ปิธียเร’’ติฯ (สุ. นิ. ๑๐๔๑) –

    Paññāyete pidhīyare’’ti. (su. ni. 1041) –

    อาคโต อยํ ญาณสํวโรฯ ‘‘ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔; อ. นิ. ๔.๑๑๔; ๖.๕๘) นเยน อาคโต อยํ ขนฺติสํวโรฯ ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๔.๑๑๔; ๖.๕๘) นเยน อาคโต อยํ วีริยสํวโรฯ อตฺถโต ปน ปาณาติปาตาทีนํ ปชหนวเสน, วตฺตปฎิวตฺตานํ กรณวเสน จ ปวตฺตา เจตนา วิรติโย จฯ สเงฺขปโต สโพฺพ กายวจีสํยโม, วิตฺถารโต สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกโม สีลสํวโรฯ สติ เอว สติสํวโร, สติปฺปธานา วา กุสลา ขนฺธาฯ ญาณเมว ญาณสํวโรฯ อธิวาสนวเสน อโทโส, อโทสปฺปธานา วา ตถา ปวตฺตา กุสลา ขนฺธา ขนฺติสํวโร, ปญฺญาติ เอเกฯ กามวิตกฺกาทีนํ อนธิวาสนวเสน ปวตฺตํ วีริยเมว วีริยสํวโรฯ เตสุ ปฐโม กายทุจฺจริตาทิทุสฺสีลฺยสฺส สํวรณโต สํวโร, ทุติโย มุฎฺฐสฺสจฺจสฺส, ตติโย อญฺญาณสฺส, จตุโตฺถ อกฺขนฺติยา, ปญฺจโม โกสชฺชสฺส สํวรณโต ปิทหนโต สํวโรติ เวทิตโพฺพฯ เอวเมตสฺส สํวรสฺส อตฺถาย สํวรตฺถํ, สํวรนิปฺผาทนตฺถนฺติ อโตฺถฯ

    Āgato ayaṃ ñāṇasaṃvaro. ‘‘Khamo hoti sītassa uṇhassā’’tiādinā (ma. ni. 1.24; a. ni. 4.114; 6.58) nayena āgato ayaṃ khantisaṃvaro. ‘‘Uppannaṃ kāmavitakkaṃ nādhivāsetī’’tiādinā (ma. ni. 1.26; a. ni. 4.114; 6.58) nayena āgato ayaṃ vīriyasaṃvaro. Atthato pana pāṇātipātādīnaṃ pajahanavasena, vattapaṭivattānaṃ karaṇavasena ca pavattā cetanā viratiyo ca. Saṅkhepato sabbo kāyavacīsaṃyamo, vitthārato sattannaṃ āpattikkhandhānaṃ avītikkamo sīlasaṃvaro. Sati eva satisaṃvaro, satippadhānā vā kusalā khandhā. Ñāṇameva ñāṇasaṃvaro. Adhivāsanavasena adoso, adosappadhānā vā tathā pavattā kusalā khandhā khantisaṃvaro, paññāti eke. Kāmavitakkādīnaṃ anadhivāsanavasena pavattaṃ vīriyameva vīriyasaṃvaro. Tesu paṭhamo kāyaduccaritādidussīlyassa saṃvaraṇato saṃvaro, dutiyo muṭṭhassaccassa, tatiyo aññāṇassa, catuttho akkhantiyā, pañcamo kosajjassa saṃvaraṇato pidahanato saṃvaroti veditabbo. Evametassa saṃvarassa atthāya saṃvaratthaṃ, saṃvaranipphādanatthanti attho.

    ปหานมฺปิ ปญฺจวิธํ – ตทงฺคปฺปหานํ, วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, สมุเจฺฉทปฺปหานํ, ปฎิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ, นิสฺสรณปฺปหานนฺติฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา เอกกนิปาเต ปฐมสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตเมวฯ ตสฺส ปน ปญฺจวิธสฺสปิ ตถา ตถา ราคาทิกิเลสานํ ปฎินิสฺสชฺชนเฎฺฐน สมติกฺกมนเฎฺฐน วา ปหานสฺส อตฺถาย ปหานตฺถํ, ปหานสาธนตฺถนฺติ อโตฺถฯ ตตฺถ สํวเรน กิเลสานํ จิตฺตสนฺตาเน ปเวสนนิวารณํ ปหาเนน ปเวสนนิวารณเญฺจว สมุคฺฆาโต จาติ วทนฺติฯ อุภเยนาปิ ปน ยถารหํ อุภยํ สมฺปชฺชตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ สีลาทิธมฺมา เอว หิ สํวรณโต สํวโร, ปชหนโต ปหานนฺติฯ

    Pahānampi pañcavidhaṃ – tadaṅgappahānaṃ, vikkhambhanappahānaṃ, samucchedappahānaṃ, paṭippassaddhippahānaṃ, nissaraṇappahānanti. Tattha yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā ekakanipāte paṭhamasuttavaṇṇanāyaṃ vuttameva. Tassa pana pañcavidhassapi tathā tathā rāgādikilesānaṃ paṭinissajjanaṭṭhena samatikkamanaṭṭhena vā pahānassa atthāya pahānatthaṃ, pahānasādhanatthanti attho. Tattha saṃvarena kilesānaṃ cittasantāne pavesananivāraṇaṃ pahānena pavesananivāraṇañceva samugghāto cāti vadanti. Ubhayenāpi pana yathārahaṃ ubhayaṃ sampajjatīti daṭṭhabbaṃ. Sīlādidhammā eva hi saṃvaraṇato saṃvaro, pajahanato pahānanti.

    คาถาสุ อนีติหนฺติ อีติโย วุจฺจนฺติ อุปทฺทวา – ทิฎฺฐธมฺมิกา จ สมฺปรายิกา จฯ อีติโย หนติ วินาเสติ ปชหตีติ อีติหํ, อนุ อีติหนฺติ อนีติหํ, สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยญฺจฯ อถ วา อีตีหิ อนเตฺถหิ สทฺธิํ หนนฺติ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ อีติหา, ตณฺหาทิอุปกฺกิเลสาฯ นตฺถิ เอตฺถ อีติหาติ อนีติหํฯ อีติหา วา ยถาวุเตฺตนเฎฺฐน ติตฺถิยสมยา, ตปฺปฎิปกฺขโต อิทํ อนีติหํฯ ‘‘อนิติห’’นฺติปิ ปาโฐฯ ตสฺสโตฺถ – ‘‘อิติหาย’’นฺติ ธเมฺมสุ อเนกํสคฺคาหภาวโต วิจิกิจฺฉา อิติหํ นาม, สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตตฺตา ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชนฺตานํ นิกฺกงฺขภาวสาธนโต นตฺถิ เอตฺถ อิติหนฺติ อนิติหํ, อปรปฺปจฺจยนฺติ อโตฺถฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหี’’ติ ‘‘อตกฺกาวจโร’’ติ จฯ คาถาสุขตฺถํ ปน ‘‘อนีติห’’นฺติ ทีฆํ กตฺวา ปฐนฺติฯ

    Gāthāsu anītihanti ītiyo vuccanti upaddavā – diṭṭhadhammikā ca samparāyikā ca. Ītiyo hanati vināseti pajahatīti ītihaṃ, anu ītihanti anītihaṃ, sāsanabrahmacariyaṃ maggabrahmacariyañca. Atha vā ītīhi anatthehi saddhiṃ hananti gacchanti pavattantīti ītihā, taṇhādiupakkilesā. Natthi ettha ītihāti anītihaṃ. Ītihā vā yathāvuttenaṭṭhena titthiyasamayā, tappaṭipakkhato idaṃ anītihaṃ. ‘‘Anitiha’’ntipi pāṭho. Tassattho – ‘‘itihāya’’nti dhammesu anekaṃsaggāhabhāvato vicikicchā itihaṃ nāma, sammāsambuddhappaveditattā yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjantānaṃ nikkaṅkhabhāvasādhanato natthi ettha itihanti anitihaṃ, aparappaccayanti attho. Vuttañhetaṃ ‘‘paccattaṃ veditabbo viññūhī’’ti ‘‘atakkāvacaro’’ti ca. Gāthāsukhatthaṃ pana ‘‘anītiha’’nti dīghaṃ katvā paṭhanti.

    นิพฺพานสงฺขาตํ โอคธํ ปติฎฺฐํ ปารํ คจฺฉตีติ นิพฺพาโนคธคามี, วิมุตฺติรสตฺตา เอกเนฺตเนว นิพฺพานสมฺปาปโกติ อโตฺถฯ ตํ นิพฺพาโนคธคามินํ พฺรหฺมจริยํฯ โสติ โย โส สมติํส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภินฺทิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธ, โส ภควา อเทสยิ เทเสสิฯ นิพฺพาโนคโธติ วา อริยมโคฺค วุจฺจติฯ เตน วินา นิพฺพาโนคาหนสฺส อสมฺภวโต ตสฺส จ นิพฺพานํ อนาลมฺพิตฺวา อปฺปวตฺตนโต, ตญฺจ ตํ เอกนฺตํ คจฺฉตีติ นิพฺพาโนคธคามีฯ อถ วา นิพฺพาโนคธคามินนฺติ นิพฺพานสฺส อโนฺตคามินํ มคฺคพฺรหฺมจริยํ , นิพฺพานํ อารมฺมณํ กริตฺวา ตสฺส อโนฺต เอว วตฺตติ ปวตฺตตีติฯ มหเตฺตหีติ มหาอาตุเมหิ อุฬารชฺฌาสเยหิฯ มหนฺตํ นิพฺพานํ, มหเนฺต วา สีลกฺขนฺธาทิเก เอสนฺติ คเวสนฺตีติ มเหสิโน พุทฺธาทโย อริยาฯ เตหิ อนุยาโต ปฎิปโนฺนฯ ยถา พุเทฺธน เทสิตนฺติ ยถา อภิเญฺญยฺยาทิธเมฺม อภิเญฺญยฺยาทิภาเวเนว สมฺมาสมฺพุเทฺธน มยา เทสิตํ, เอวํ เย เอตํ มคฺคพฺรหฺมจริยํ ตทตฺถํ สาสนพฺรหฺมจริยญฺจ ปฎิปชฺชนฺติฯ เต ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกเตฺถหิ ยถารหํ อนุสาสนฺตสฺส สตฺถุ มยฺหํ สาสนการิโน โอวาทปฺปฎิกรา สกลสฺส วฎฺฎทุกฺขสฺส อนฺตํ ปริยนฺตํ อปฺปวตฺติํ กริสฺสนฺติ, ทุกฺขสฺส วา อนฺตํ นิพฺพานํ สจฺฉิกริสฺสนฺตีติฯ

    Nibbānasaṅkhātaṃ ogadhaṃ patiṭṭhaṃ pāraṃ gacchatīti nibbānogadhagāmī, vimuttirasattā ekanteneva nibbānasampāpakoti attho. Taṃ nibbānogadhagāminaṃ brahmacariyaṃ. Soti yo so samatiṃsa pāramiyo pūretvā sabbakilese bhinditvā anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddho, so bhagavā adesayi desesi. Nibbānogadhoti vā ariyamaggo vuccati. Tena vinā nibbānogāhanassa asambhavato tassa ca nibbānaṃ anālambitvā appavattanato, tañca taṃ ekantaṃ gacchatīti nibbānogadhagāmī. Atha vā nibbānogadhagāminanti nibbānassa antogāminaṃ maggabrahmacariyaṃ , nibbānaṃ ārammaṇaṃ karitvā tassa anto eva vattati pavattatīti. Mahattehīti mahāātumehi uḷārajjhāsayehi. Mahantaṃ nibbānaṃ, mahante vā sīlakkhandhādike esanti gavesantīti mahesino buddhādayo ariyā. Tehi anuyāto paṭipanno. Yathā buddhena desitanti yathā abhiññeyyādidhamme abhiññeyyādibhāveneva sammāsambuddhena mayā desitaṃ, evaṃ ye etaṃ maggabrahmacariyaṃ tadatthaṃ sāsanabrahmacariyañca paṭipajjanti. Te diṭṭhadhammikasamparāyikatthehi yathārahaṃ anusāsantassa satthu mayhaṃ sāsanakārino ovādappaṭikarā sakalassa vaṭṭadukkhassa antaṃ pariyantaṃ appavattiṃ karissanti, dukkhassa vā antaṃ nibbānaṃ sacchikarissantīti.

    อฎฺฐมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Aṭṭhamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๘. ปฐมนกุหนสุตฺตํ • 8. Paṭhamanakuhanasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact