Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๓. ปฐมนานากรณสุตฺตวณฺณนา
3. Paṭhamanānākaraṇasuttavaṇṇanā
๑๒๓. ตติเย พฺรหฺมกายิกานํ เทวานนฺติ เอตฺถ พฺรหฺมานํ กาโย สมูโหติ พฺรหฺมกาโย, ตปฺปริยาปนฺนตาย ตตฺถ คตาติ พฺรหฺมกายิกาฯ เอตาย จ สพฺพสฺสปิ พฺรหฺมกายสฺส สมญฺญาย ภวิตพฺพํฯ อาภสฺสรานํ เทวานนฺติอาทินา ปน ทุติยชฺฌานภูมิกาทีนํ อุปริ คหิตตฺตา โคพลีพทฺทญฺญาเยน ตทวสิฎฺฐานํ อยํ สมญฺญา, ตสฺมา ‘‘พฺรหฺมกายิกานํ เทวาน’’นฺติ ปฐมชฺฌานภูมิกานํเยว คหณํ เวทิตพฺพํฯ สห พฺยยติ คจฺฉตีติ สหโพฺย, สหวตฺตนโกฯ ตสฺส ภาโว สหพฺยตา, สหปวตฺตีติ อาห ‘‘สหภาวํ อุปคจฺฉตี’’ติฯ กโปฺป อายุปฺปมาณนฺติ เอตฺถ ยทิปิ พฺรหฺมปาริสชฺชาทีนํ อายุโน อนฺตรํ อตฺถิ, อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉเทน ปเนตํ วุตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปฐมชฺฌานํ อตฺถิ หีน’’นฺติอาทิมาหฯ
123. Tatiye brahmakāyikānaṃ devānanti ettha brahmānaṃ kāyo samūhoti brahmakāyo, tappariyāpannatāya tattha gatāti brahmakāyikā. Etāya ca sabbassapi brahmakāyassa samaññāya bhavitabbaṃ. Ābhassarānaṃ devānantiādinā pana dutiyajjhānabhūmikādīnaṃ upari gahitattā gobalībaddaññāyena tadavasiṭṭhānaṃ ayaṃ samaññā, tasmā ‘‘brahmakāyikānaṃ devāna’’nti paṭhamajjhānabhūmikānaṃyeva gahaṇaṃ veditabbaṃ. Saha byayati gacchatīti sahabyo, sahavattanako. Tassa bhāvo sahabyatā, sahapavattīti āha ‘‘sahabhāvaṃ upagacchatī’’ti. Kappo āyuppamāṇanti ettha yadipi brahmapārisajjādīnaṃ āyuno antaraṃ atthi, ukkaṭṭhaparicchedena panetaṃ vuttanti dassento ‘‘paṭhamajjhānaṃ atthi hīna’’ntiādimāha.
เทฺว กปฺปา อายุปฺปมาณนฺติ เอตฺถ ปน หีนชฺฌาเนน นิพฺพตฺตานํ วเสน อยํ ปริเจฺฉโท กโตติ ทเสฺสตุํ ‘‘ทุติยชฺฌานํ วุตฺตนเยเนว ติวิธํ โหตี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ จตฺตาโร กปฺปาติ เอตฺถ ปน อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉเทน จตุสฎฺฐิ กปฺปา วตฺตพฺพาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยํ เหฎฺฐา วุตฺตํ ‘กโปฺป เทฺว กปฺปา’ติ , กมฺปิ อาหริตฺวา อโตฺถ เวทิตโพฺพ’’ติ อาหฯ กถํ ปเนตฺถ อยมโตฺถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘กโปฺปติ จ คุณสฺสปิ นาม’’นฺติฯ ตตฺถ ปฐมํ วุโตฺต กโปฺป, ตโต เอเกน คุเณน, เอกสฺมิํ วาเร คณนายาติ อโตฺถฯ เทฺว กปฺปา โหนฺตีติ เอกวารคณนาย กปฺปสฺส ทฺวิคุณิตตฺตา เทฺว มหากปฺปา โหนฺตีติ อโตฺถฯ ทุติเยนาติ ทุติยวารคณนายฯ จตฺตาโรติ ทุติยวารคณนาย ทฺวีสุ กเปฺปสุ ทฺวิคุณิเตสุ จตฺตาโร มหากปฺปา โหนฺตีติ อโตฺถฯ ปุน เต จตฺตาโร กปฺปาติ วุตฺตนเยน เทฺว วาเร คุเณตฺวา เย จตฺตาโร กปฺปา ทสฺสิตา, ปุน เต จตฺตาโร กปฺปา จตุคฺคุณา โหนฺตีติ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เทฺว วาเร คุเณตฺวา เย จตฺตาโร กปฺปา ทสฺสิตา, เตสุ จตุกฺขตฺตุํ คุณิเตสุ จตุสฎฺฐิ กปฺปา สมฺปชฺชนฺตีติฯ ตถา หิ จตฺตาโร เอกสฺมิํ วาเร คุณิตา อฎฺฐ โหนฺติ, ปุน เต อฎฺฐ ทุติยวาเร คุณิตา โสฬส โหนฺติ, ปุน เต โสฬส ตติยวาเร คุณิตา ทฺวตฺติํส โหนฺติ, ปุน เต ทฺวตฺติํส จตุตฺถวาเร คุณิตา จตุสฎฺฐิ โหนฺติฯ เตเนวาห ‘‘อิเมหิ จตูหิ คุเณหิ คุณิตา เอเกน คุเณน อฎฺฐ โหนฺตี’’ติอาทิฯ เอตฺถ จ เหฎฺฐา อุโปสถสุเตฺต (อ. นิ. ๓.๗๑) –
Dve kappā āyuppamāṇanti ettha pana hīnajjhānena nibbattānaṃ vasena ayaṃ paricchedo katoti dassetuṃ ‘‘dutiyajjhānaṃ vuttanayeneva tividhaṃ hotī’’tiādi āraddhaṃ. Cattāro kappāti ettha pana ukkaṭṭhaparicchedena catusaṭṭhi kappā vattabbāti dassento ‘‘yaṃ heṭṭhā vuttaṃ ‘kappo dve kappā’ti , kampi āharitvā attho veditabbo’’ti āha. Kathaṃ panettha ayamattho labbhatīti āha ‘‘kappoti ca guṇassapi nāma’’nti. Tattha paṭhamaṃ vutto kappo, tato ekena guṇena, ekasmiṃ vāre gaṇanāyāti attho. Dve kappā hontīti ekavāragaṇanāya kappassa dviguṇitattā dve mahākappā hontīti attho. Dutiyenāti dutiyavāragaṇanāya. Cattāroti dutiyavāragaṇanāya dvīsu kappesu dviguṇitesu cattāro mahākappā hontīti attho. Puna te cattāro kappāti vuttanayena dve vāre guṇetvā ye cattāro kappā dassitā, puna te cattāro kappā catugguṇā hontīti attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – dve vāre guṇetvā ye cattāro kappā dassitā, tesu catukkhattuṃ guṇitesu catusaṭṭhi kappā sampajjantīti. Tathā hi cattāro ekasmiṃ vāre guṇitā aṭṭha honti, puna te aṭṭha dutiyavāre guṇitā soḷasa honti, puna te soḷasa tatiyavāre guṇitā dvattiṃsa honti, puna te dvattiṃsa catutthavāre guṇitā catusaṭṭhi honti. Tenevāha ‘‘imehi catūhi guṇehi guṇitā ekena guṇena aṭṭha hontī’’tiādi. Ettha ca heṭṭhā uposathasutte (a. ni. 3.71) –
‘‘ยานิ มานุสกานิ ปญฺญาส วสฺสานิ, จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ เอโส เอโก รตฺตินฺทิโว’’ติ –
‘‘Yāni mānusakāni paññāsa vassāni, cātumahārājikānaṃ devānaṃ eso eko rattindivo’’ti –
อาทินา กามาวจรเทวานเมว อายุปฺปมาณํ ทสฺสิตํฯ เหฎฺฐาเยว –
Ādinā kāmāvacaradevānameva āyuppamāṇaṃ dassitaṃ. Heṭṭhāyeva –
‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สโนฺต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิํฯ กตเม ตโย? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา…เป.… อากาสานญฺจายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติฯ อากาสานญฺจายตนูปคานํ, ภิกฺขเว, เทวานํ วีสติ กปฺปสหสฺสานิ อายุปฺปมาณ’’นฺติ (อ. นิ. ๓.๑๑๗) –
‘‘Tayome, bhikkhave, puggalā santo saṃvijjamānā lokasmiṃ. Katame tayo? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā…pe… ākāsānañcāyatanūpagānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjati. Ākāsānañcāyatanūpagānaṃ, bhikkhave, devānaṃ vīsati kappasahassāni āyuppamāṇa’’nti (a. ni. 3.117) –
อาทินา อรูปาวจรานํเยว อายุปฺปมาณํ วุตฺตํฯ อิธ ปน รูปาวจรานเมว อายุปฺปมาณํ ทสฺสิตํฯ วิภงฺคปาฬิยํ (วิภ. ๑๐๒๒) ปน ‘‘มนุสฺสานํ กิตฺตกํ อายุปฺปมาณํ, วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิโยฺย’’ติอาทินา เทวมนุสฺสานเญฺจว รูปารูปาวจรสตฺตานญฺจ อายุปฺปมาณํ ทสฺสิตํฯ
Ādinā arūpāvacarānaṃyeva āyuppamāṇaṃ vuttaṃ. Idha pana rūpāvacarānameva āyuppamāṇaṃ dassitaṃ. Vibhaṅgapāḷiyaṃ (vibha. 1022) pana ‘‘manussānaṃ kittakaṃ āyuppamāṇaṃ, vassasataṃ appaṃ vā bhiyyo’’tiādinā devamanussānañceva rūpārūpāvacarasattānañca āyuppamāṇaṃ dassitaṃ.
ตตฺถ สมฺมาสมฺพุเทฺธน มนุสฺสานํ เทวานญฺจ อายุํ ปริจฺฉินฺทมาเนน จตูสุ อปาเยสุ ภุมฺมเทเวสุ จ อายุ น ปริจฺฉินฺนํฯ ตํ กสฺมาติ? นิรเย ตาว กมฺมเมว ปมาณํฯ ยาว กมฺมํ น ขียติ, ตาว ปจฺจนฺติฯ ตถา เสสอปาเยสุฯ ภุมฺมเทวานมฺปิ กมฺมเมว ปมาณํฯ ตตฺถ นิพฺพตฺตา หิ เกจิ สตฺตาหมตฺตํ ติฎฺฐนฺติ, เกจิ อฑฺฒมาสํ, กปฺปํ ติฎฺฐมานาปิ อตฺถิเยวฯ ตตฺถ มนุเสฺสสุ คิหิภาเว ฐิตาเยว โสตาปนฺนาปิ โหนฺติ, สกทาคามิผลํ อนาคามิผลํ อรหตฺตมฺปิ ปาปุณนฺติ, เตสุ โสตาปนฺนาทโย ยาวชีวํ ติฎฺฐนฺติ, ขีณาสวา ปน ปรินิพฺพายนฺติ วา ปพฺพชนฺติ วาฯ กสฺมา? อรหตฺตํ นาม เสฎฺฐคุณํ, คิหิลิงฺคํ หีนํ, ตํ หีนตาย อุตฺตมํ คุณํ ธาเรตุํ น สโกฺกติ, ตสฺมา เต ปรินิพฺพาตุกามา วา โหนฺติ ปพฺพชิตุกามา วาฯ ภุมฺมเทวา ปน อรหตฺตํ ปตฺตาปิ ยาวชีวํ ติฎฺฐนฺติ, ฉสุ กามาวจเรสุ เทเวสุ โสตาปนฺนสกทาคามิโน ยาวชีวํ ติฎฺฐนฺติ, อนาคามินา รูปภวํ คนฺตุํ วฎฺฎติ ขีณาสเวน ปรินิพฺพาตุํฯ กสฺมา? นิลียโนกาสสฺส อภาวาฯ รูปาวจรารูปาวจเรสุ สเพฺพปิ ยาวชีวํ ติฎฺฐนฺติ, ตตฺถ รูปาวจเร นิพฺพตฺตา โสตาปนฺนสกทาคามิโน น ปุน อิธาคจฺฉนฺติ, ตเตฺถว ปรินิพฺพายนฺติฯ เอเต หิ ฌานอนาคามิโน นามฯ
Tattha sammāsambuddhena manussānaṃ devānañca āyuṃ paricchindamānena catūsu apāyesu bhummadevesu ca āyu na paricchinnaṃ. Taṃ kasmāti? Niraye tāva kammameva pamāṇaṃ. Yāva kammaṃ na khīyati, tāva paccanti. Tathā sesaapāyesu. Bhummadevānampi kammameva pamāṇaṃ. Tattha nibbattā hi keci sattāhamattaṃ tiṭṭhanti, keci aḍḍhamāsaṃ, kappaṃ tiṭṭhamānāpi atthiyeva. Tattha manussesu gihibhāve ṭhitāyeva sotāpannāpi honti, sakadāgāmiphalaṃ anāgāmiphalaṃ arahattampi pāpuṇanti, tesu sotāpannādayo yāvajīvaṃ tiṭṭhanti, khīṇāsavā pana parinibbāyanti vā pabbajanti vā. Kasmā? Arahattaṃ nāma seṭṭhaguṇaṃ, gihiliṅgaṃ hīnaṃ, taṃ hīnatāya uttamaṃ guṇaṃ dhāretuṃ na sakkoti, tasmā te parinibbātukāmā vā honti pabbajitukāmā vā. Bhummadevā pana arahattaṃ pattāpi yāvajīvaṃ tiṭṭhanti, chasu kāmāvacaresu devesu sotāpannasakadāgāmino yāvajīvaṃ tiṭṭhanti, anāgāminā rūpabhavaṃ gantuṃ vaṭṭati khīṇāsavena parinibbātuṃ. Kasmā? Nilīyanokāsassa abhāvā. Rūpāvacarārūpāvacaresu sabbepi yāvajīvaṃ tiṭṭhanti, tattha rūpāvacare nibbattā sotāpannasakadāgāmino na puna idhāgacchanti, tattheva parinibbāyanti. Ete hi jhānaanāgāmino nāma.
อฎฺฐสมาปตฺติลาภีนํ ปน กิํ นิยเมติ? ปคุณชฺฌานํฯ ยเทวสฺส ปคุณํ โหติ, เตน อุปปชฺชติฯ สเพฺพสุ ปคุเณสุ กิํ นิยเมติ? เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติฯ เอกํเสเนว หิ โส เนวสญฺญานาสญฺญายตเน อุปปชฺชติฯ นวสุ พฺรหฺมโลเกสุ นิพฺพตฺตอริยสาวกานํ ตตฺรูปปตฺติปิ อุปรูปปตฺติปิ, น เหฎฺฐูปปตฺติฯ ปุถุชฺชนานํ ปน ตตฺรูปปตฺติปิ โหติ, อุปรูปปตฺติปิ, เหฎฺฐูปปตฺติปิฯ ปญฺจสุ สุทฺธาวาเสสุ จตูสุ จ อรูเปสุ อริยสาวกานํ ตตฺรูปปตฺติปิ โหติ อุปรูปปตฺติปิฯ ปฐมชฺฌานภูมิยํ นิพฺพโตฺต อนาคามี นว พฺรหฺมโลเก โสเธตฺวา มตฺถเก ฐิโต ปรินิพฺพาติฯ เวหปฺผลํ, อกนิฎฺฐํ, เนวสญฺญานาสญฺญายตนนฺติ อิเม ตโย เทวโลกา เสฎฺฐภวา นามฯ อิเมสุ ตีสุ ฐาเนสุ นิพฺพตฺตอนาคามิโน เนว อุทฺธํ คจฺฉนฺติ, น อโธ, ตตฺถ ตเตฺถว ปรินิพฺพายนฺตีติ อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํฯ
Aṭṭhasamāpattilābhīnaṃ pana kiṃ niyameti? Paguṇajjhānaṃ. Yadevassa paguṇaṃ hoti, tena upapajjati. Sabbesu paguṇesu kiṃ niyameti? Nevasaññānāsaññāyatanasamāpatti. Ekaṃseneva hi so nevasaññānāsaññāyatane upapajjati. Navasu brahmalokesu nibbattaariyasāvakānaṃ tatrūpapattipi uparūpapattipi, na heṭṭhūpapatti. Puthujjanānaṃ pana tatrūpapattipi hoti, uparūpapattipi, heṭṭhūpapattipi. Pañcasu suddhāvāsesu catūsu ca arūpesu ariyasāvakānaṃ tatrūpapattipi hoti uparūpapattipi. Paṭhamajjhānabhūmiyaṃ nibbatto anāgāmī nava brahmaloke sodhetvā matthake ṭhito parinibbāti. Vehapphalaṃ, akaniṭṭhaṃ, nevasaññānāsaññāyatananti ime tayo devalokā seṭṭhabhavā nāma. Imesu tīsu ṭhānesu nibbattaanāgāmino neva uddhaṃ gacchanti, na adho, tattha tattheva parinibbāyantīti idaṃ pakiṇṇakaṃ veditabbaṃ.
ปฐมนานากรณสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamanānākaraṇasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๓. ปฐมนานากรณสุตฺตํ • 3. Paṭhamanānākaraṇasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. ปฐมนานากรณสุตฺตวณฺณนา • 3. Paṭhamanānākaraṇasuttavaṇṇanā