Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi |
๔. ปฐมนานาติตฺถิยสุตฺตํ
4. Paṭhamanānātitthiyasuttaṃ
๕๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา นานาติตฺถิยสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกา สาวตฺถิยํ ปฎิวสนฺติ นานาทิฎฺฐิกา นานาขนฺติกา นานารุจิกา นานาทิฎฺฐินิสฺสยนิสฺสิตาฯ
54. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena sambahulā nānātitthiyasamaṇabrāhmaṇaparibbājakā sāvatthiyaṃ paṭivasanti nānādiṭṭhikā nānākhantikā nānārucikā nānādiṭṭhinissayanissitā.
สเนฺตเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สนฺติ ปเนเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘อสสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สเนฺตเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘อนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สนฺติ ปเนเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘อนนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สเนฺตเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สนฺติ ปเนเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สเนฺตเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา , อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สนฺติ ปเนเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สเนฺตเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สนฺติ ปเนเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ
Santeke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘sassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santi paneke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘asassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santeke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘antavā loko, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santi paneke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘anantavā loko, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santeke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘taṃ jīvaṃ taṃ sarīraṃ, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santi paneke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīraṃ, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santeke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā , idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santi paneke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santeke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santi paneke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’’nti.
เต ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ – ‘‘เอทิโส ธโมฺม, เนทิโส ธโมฺม; เนทิโส ธโมฺม, เอทิโส ธโมฺม’’ติฯ
Te bhaṇḍanajātā kalahajātā vivādāpannā aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudantā viharanti – ‘‘ediso dhammo, nediso dhammo; nediso dhammo, ediso dhammo’’ti.
อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิํสุฯ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกนฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –
Atha kho sambahulā bhikkhū pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya sāvatthiṃ piṇḍāya pāvisiṃsu. Sāvatthiyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkantā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ –
‘‘อิธ, ภเนฺต, สมฺพหุลา นานาติตฺถิยสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกา สาวตฺถิยํ ปฎิวสนฺติ นานาทิฎฺฐิกา นานาขนฺติกา นานารุจิกา นานาทิฎฺฐินิสฺสยนิสฺสิตาฯ
‘‘Idha, bhante, sambahulā nānātitthiyasamaṇabrāhmaṇaparibbājakā sāvatthiyaṃ paṭivasanti nānādiṭṭhikā nānākhantikā nānārucikā nānādiṭṭhinissayanissitā.
‘‘สเนฺตเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ…เป.… เต ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ – ‘เอทิโส ธโมฺม, เนทิโส ธโมฺม; เนทิโส ธโมฺม, เอทิโส ธโมฺม’’’ ติฯ
‘‘Santeke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘sassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti…pe… te bhaṇḍanajātā kalahajātā vivādāpannā aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudantā viharanti – ‘ediso dhammo, nediso dhammo; nediso dhammo, ediso dhammo’’’ ti.
‘‘อญฺญติตฺถิยา, ภิกฺขเว, ปริพฺพาชกา อนฺธา อจกฺขุกา; อตฺถํ น ชานนฺติ, อนตฺถํ น ชานนฺติ, ธมฺมํ น ชานนฺติ, อธมฺมํ น ชานนฺติฯ เต อตฺถํ อชานนฺตา อนตฺถํ อชานนฺตา ธมฺมํ อชานนฺตา อธมฺมํ อชานนฺตา ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ – ‘เอทิโส ธโมฺม, เนทิโส ธโมฺม; เนทิโส ธโมฺม, เอทิโส ธโมฺม’’’ติฯ
‘‘Aññatitthiyā, bhikkhave, paribbājakā andhā acakkhukā; atthaṃ na jānanti, anatthaṃ na jānanti, dhammaṃ na jānanti, adhammaṃ na jānanti. Te atthaṃ ajānantā anatthaṃ ajānantā dhammaṃ ajānantā adhammaṃ ajānantā bhaṇḍanajātā kalahajātā vivādāpannā aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudantā viharanti – ‘ediso dhammo, nediso dhammo; nediso dhammo, ediso dhammo’’’ti.
‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา อญฺญตโร ราชา อโหสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, โส ราชา อญฺญตรํ ปุริสํ อามเนฺตสิ – ‘เอหิ ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, ยาวตกา สาวตฺถิยา ชจฺจนฺธา เต สเพฺพ เอกชฺฌํ สนฺนิปาเตหี’ติฯ ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, โส ปุริโส ตสฺส รโญฺญ ปฎิสฺสุตฺวา ยาวตกา สาวตฺถิยา ชจฺจนฺธา เต สเพฺพ คเหตฺวา เยน โส ราชา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ราชานํ เอตทโวจ – ‘สนฺนิปาติตา โข เต, เทว, ยาวตกา สาวตฺถิยา ชจฺจนฺธา’ติ ฯ ‘เตน หิ, ภเณ, ชจฺจนฺธานํ หตฺถิํ ทเสฺสหี’ติฯ ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, โส ปุริโส ตสฺส รโญฺญ ปฎิสฺสุตฺวา ชจฺจนฺธานํ หตฺถิํ ทเสฺสสิฯ
‘‘Bhūtapubbaṃ, bhikkhave, imissāyeva sāvatthiyā aññataro rājā ahosi. Atha kho, bhikkhave, so rājā aññataraṃ purisaṃ āmantesi – ‘ehi tvaṃ, ambho purisa, yāvatakā sāvatthiyā jaccandhā te sabbe ekajjhaṃ sannipātehī’ti. ‘Evaṃ, devā’ti kho, bhikkhave, so puriso tassa rañño paṭissutvā yāvatakā sāvatthiyā jaccandhā te sabbe gahetvā yena so rājā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā taṃ rājānaṃ etadavoca – ‘sannipātitā kho te, deva, yāvatakā sāvatthiyā jaccandhā’ti . ‘Tena hi, bhaṇe, jaccandhānaṃ hatthiṃ dassehī’ti. ‘Evaṃ, devā’ti kho, bhikkhave, so puriso tassa rañño paṭissutvā jaccandhānaṃ hatthiṃ dassesi.
‘‘เอกจฺจานํ ชจฺจนฺธานํ หตฺถิสฺส สีสํ ทเสฺสสิ – ‘เอทิโส, ชจฺจนฺธา, หตฺถี’ติฯ เอกจฺจานํ ชจฺจนฺธานํ หตฺถิสฺส กณฺณํ ทเสฺสสิ – ‘เอทิโส, ชจฺจนฺธา, หตฺถี’ติฯ เอกจฺจานํ ชจฺจนฺธานํ หตฺถิสฺส ทนฺตํ ทเสฺสสิ – ‘เอทิโส, ชจฺจนฺธา, หตฺถี’ติฯ เอกจฺจานํ ชจฺจนฺธานํ หตฺถิสฺส โสณฺฑํ ทเสฺสสิ – ‘เอทิโส, ชจฺจนฺธา, หตฺถี’ติฯ เอกจฺจานํ ชจฺจนฺธานํ หตฺถิสฺส กายํ ทเสฺสสิ – ‘เอทิโส, ชจฺจนฺธา, หตฺถี’ติฯ เอกจฺจานํ ชจฺจนฺธานํ หตฺถิสฺส ปาทํ ทเสฺสสิ – ‘เอทิโส, ชจฺจนฺธา, หตฺถี’ติฯ เอกจฺจานํ ชจฺจนฺธานํ หตฺถิสฺส สตฺถิํ 1 ทเสฺสสิ – ‘เอทิโส, ชจฺจนฺธา, หตฺถี’ติฯ เอกจฺจานํ ชจฺจนฺธานํ หตฺถิสฺส นงฺคุฎฺฐํ ทเสฺสสิ – ‘เอทิโส, ชจฺจนฺธา, หตฺถี’ติฯ เอกจฺจานํ ชจฺจนฺธานํ หตฺถิสฺส วาลธิํ ทเสฺสสิ – ‘เอทิโส, ชจฺจนฺธา, หตฺถี’’’ติฯ
‘‘Ekaccānaṃ jaccandhānaṃ hatthissa sīsaṃ dassesi – ‘ediso, jaccandhā, hatthī’ti. Ekaccānaṃ jaccandhānaṃ hatthissa kaṇṇaṃ dassesi – ‘ediso, jaccandhā, hatthī’ti. Ekaccānaṃ jaccandhānaṃ hatthissa dantaṃ dassesi – ‘ediso, jaccandhā, hatthī’ti. Ekaccānaṃ jaccandhānaṃ hatthissa soṇḍaṃ dassesi – ‘ediso, jaccandhā, hatthī’ti. Ekaccānaṃ jaccandhānaṃ hatthissa kāyaṃ dassesi – ‘ediso, jaccandhā, hatthī’ti. Ekaccānaṃ jaccandhānaṃ hatthissa pādaṃ dassesi – ‘ediso, jaccandhā, hatthī’ti. Ekaccānaṃ jaccandhānaṃ hatthissa satthiṃ 2 dassesi – ‘ediso, jaccandhā, hatthī’ti. Ekaccānaṃ jaccandhānaṃ hatthissa naṅguṭṭhaṃ dassesi – ‘ediso, jaccandhā, hatthī’ti. Ekaccānaṃ jaccandhānaṃ hatthissa vāladhiṃ dassesi – ‘ediso, jaccandhā, hatthī’’’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, โส ปุริโส ชจฺจนฺธานํ หตฺถิํ ทเสฺสตฺวา เยน โส ราชา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ราชานํ เอตทโวจ – ‘ทิโฎฺฐ โข เตหิ, เทว, ชจฺจเนฺธหิ หตฺถี; ยสฺส ทานิ กาลํ มญฺญสี’ติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, so puriso jaccandhānaṃ hatthiṃ dassetvā yena so rājā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā taṃ rājānaṃ etadavoca – ‘diṭṭho kho tehi, deva, jaccandhehi hatthī; yassa dāni kālaṃ maññasī’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, โส ราชา เยน เต ชจฺจนฺธา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ชจฺจเนฺธ เอตทโวจ – ‘ทิโฎฺฐ โว, ชจฺจนฺธา, หตฺถี’ติ ? ‘เอวํ, เทว, ทิโฎฺฐ โน หตฺถี’ติฯ ‘วเทถ, ชจฺจนฺธา, กีทิโส หตฺถี’ติ?
‘‘Atha kho, bhikkhave, so rājā yena te jaccandhā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te jaccandhe etadavoca – ‘diṭṭho vo, jaccandhā, hatthī’ti ? ‘Evaṃ, deva, diṭṭho no hatthī’ti. ‘Vadetha, jaccandhā, kīdiso hatthī’ti?
‘‘เยหิ, ภิกฺขเว, ชจฺจเนฺธหิ หตฺถิสฺส สีสํ ทิฎฺฐํ อโหสิ, เต เอวมาหํสุ – ‘เอทิโส, เทว, หตฺถี เสยฺยถาปิ กุโมฺภ’ติฯ
‘‘Yehi, bhikkhave, jaccandhehi hatthissa sīsaṃ diṭṭhaṃ ahosi, te evamāhaṃsu – ‘ediso, deva, hatthī seyyathāpi kumbho’ti.
‘‘เยหิ, ภิกฺขเว, ชจฺจเนฺธหิ หตฺถิสฺส กโณฺณ ทิโฎฺฐ อโหสิ, เต เอวมาหํสุ – ‘เอทิโส, เทว, หตฺถี เสยฺยถาปิ สุโปฺป’ติฯ
‘‘Yehi, bhikkhave, jaccandhehi hatthissa kaṇṇo diṭṭho ahosi, te evamāhaṃsu – ‘ediso, deva, hatthī seyyathāpi suppo’ti.
‘‘เยหิ, ภิกฺขเว, ชจฺจเนฺธหิ หตฺถิสฺส ทโนฺต ทิโฎฺฐ อโหสิ, เต เอวมาหํสุ – ‘เอทิโส, เทว, หตฺถี เสยฺยถาปิ ขีโล’ติฯ
‘‘Yehi, bhikkhave, jaccandhehi hatthissa danto diṭṭho ahosi, te evamāhaṃsu – ‘ediso, deva, hatthī seyyathāpi khīlo’ti.
‘‘เยหิ , ภิกฺขเว, ชจฺจเนฺธหิ หตฺถิสฺส โสโณฺฑ ทิโฎฺฐ อโหสิ, เต เอวมาหํสุ – ‘เอทิโส, เทว, หตฺถี เสยฺยถาปิ นงฺคลีสา’ติฯ
‘‘Yehi , bhikkhave, jaccandhehi hatthissa soṇḍo diṭṭho ahosi, te evamāhaṃsu – ‘ediso, deva, hatthī seyyathāpi naṅgalīsā’ti.
‘‘เยหิ, ภิกฺขเว, ชจฺจเนฺธหิ หตฺถิสฺส กาโย ทิโฎฺฐ อโหสิ, เต เอวมาหํสุ – ‘เอทิโส, เทว, หตฺถี เสยฺยถาปิ โกโฎฺฐ’ติฯ
‘‘Yehi, bhikkhave, jaccandhehi hatthissa kāyo diṭṭho ahosi, te evamāhaṃsu – ‘ediso, deva, hatthī seyyathāpi koṭṭho’ti.
‘‘เยหิ , ภิกฺขเว, ชจฺจเนฺธหิ หตฺถิสฺส ปาโท ทิโฎฺฐ อโหสิ, เต เอวมาหํสุ – ‘เอทิโส, เทว, หตฺถี เสยฺยถาปิ ถูโณ’ติฯ
‘‘Yehi , bhikkhave, jaccandhehi hatthissa pādo diṭṭho ahosi, te evamāhaṃsu – ‘ediso, deva, hatthī seyyathāpi thūṇo’ti.
‘‘เยหิ, ภิกฺขเว, ชจฺจเนฺธหิ หตฺถิสฺส สตฺถิ ทิโฎฺฐ 3 โหสิ, เต เอวมาหํสุ – ‘เอทิโส, เทว, หตฺถี เสยฺยถาปิ อุทุกฺขโล’ติฯ
‘‘Yehi, bhikkhave, jaccandhehi hatthissa satthi diṭṭho 4 hosi, te evamāhaṃsu – ‘ediso, deva, hatthī seyyathāpi udukkhalo’ti.
‘‘เยหิ, ภิกฺขเว, ชจฺจเนฺธหิ หตฺถิสฺส นงฺคุฎฺฐํ ทิฎฺฐํ อโหสิ, เต เอวมาหํสุ – ‘เอทิโส, เทว, หตฺถี เสยฺยถาปิ มุสโล’ติฯ
‘‘Yehi, bhikkhave, jaccandhehi hatthissa naṅguṭṭhaṃ diṭṭhaṃ ahosi, te evamāhaṃsu – ‘ediso, deva, hatthī seyyathāpi musalo’ti.
‘‘เยหิ, ภิกฺขเว, ชจฺจเนฺธหิ หตฺถิสฺส วาลธิ ทิโฎฺฐ อโหสิ, เต เอวมาหํสุ – ‘เอทิโส, เทว, หตฺถี เสยฺยถาปิ สมฺมชฺชนี’ติฯ
‘‘Yehi, bhikkhave, jaccandhehi hatthissa vāladhi diṭṭho ahosi, te evamāhaṃsu – ‘ediso, deva, hatthī seyyathāpi sammajjanī’ti.
‘‘เต ‘เอทิโส หตฺถี, เนทิโส หตฺถี; เนทิโส หตฺถี, เอทิโส หตฺถี’’’ติ อญฺญมญฺญํ มุฎฺฐีหิ สํสุมฺภิํสุ 5ฯ เตน จ ปน, ภิกฺขเว, โส ราชา อตฺตมโน อโหสิฯ
‘‘Te ‘ediso hatthī, nediso hatthī; nediso hatthī, ediso hatthī’’’ti aññamaññaṃ muṭṭhīhi saṃsumbhiṃsu 6. Tena ca pana, bhikkhave, so rājā attamano ahosi.
‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา อนฺธา อจกฺขุกาฯ เต อตฺถํ น ชานนฺติ อนตฺถํ น ชานนฺติ, ธมฺมํ น ชานนฺติ อธมฺมํ น ชานนฺติฯ เต อตฺถํ อชานนฺตา อนตฺถํ อชานนฺตา, ธมฺมํ อชานนฺตา อธมฺมํ อชานนฺตา ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ – ‘เอทิโส ธโมฺม, เนทิโส ธโมฺม; เนทิโส ธโมฺม, เอทิโส ธโมฺม’’’ติฯ
‘‘Evameva kho, bhikkhave, aññatitthiyā paribbājakā andhā acakkhukā. Te atthaṃ na jānanti anatthaṃ na jānanti, dhammaṃ na jānanti adhammaṃ na jānanti. Te atthaṃ ajānantā anatthaṃ ajānantā, dhammaṃ ajānantā adhammaṃ ajānantā bhaṇḍanajātā kalahajātā vivādāpannā aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudantā viharanti – ‘ediso dhammo, nediso dhammo; nediso dhammo, ediso dhammo’’’ti.
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
Atha kho bhagavā etamatthaṃ viditvā tāyaṃ velāyaṃ imaṃ udānaṃ udānesi –
‘‘อิเมสุ กิร สชฺชนฺติ, เอเก สมณพฺราหฺมณา;
‘‘Imesu kira sajjanti, eke samaṇabrāhmaṇā;
วิคฺคยฺห นํ วิวทนฺติ, ชนา เอกงฺคทสฺสิโน’’ติฯ จตุตฺถํ;
Viggayha naṃ vivadanti, janā ekaṅgadassino’’ti. catutthaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā / ๔. ปฐมนานาติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา • 4. Paṭhamanānātitthiyasuttavaṇṇanā