Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā |
๔. ปฐมนานาติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา
4. Paṭhamanānātitthiyasuttavaṇṇanā
๕๔. จตุเตฺถ นานาติตฺถิยสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกาติ เอตฺถ ตรนฺติ เอเตน สํสาโรฆนฺติ ติตฺถํ, นิพฺพานมโคฺคฯ อิธ ปน วิปรีตวิปลฺลาสวเสน ทิฎฺฐิคติเกหิ ตถา คหิตทิฎฺฐิทสฺสนํ ‘‘ติตฺถ’’นฺติ อธิเปฺปตํฯ ตสฺมิํ สสฺสตาทินานากาเร ติเตฺถ นิยุตฺตาติ นานาติตฺถิยา, นคฺคนิคณฺฐาทิสมณา เจว กฐกลาปาทิพฺราหฺมณา จ โปกฺขรสาตาทิปริพฺพาชกา จ สมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกาฯ นานาติตฺถิยา จ เต สมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกา จาติ นานาติตฺถิยสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกาฯ
54. Catutthe nānātitthiyasamaṇabrāhmaṇaparibbājakāti ettha taranti etena saṃsāroghanti titthaṃ, nibbānamaggo. Idha pana viparītavipallāsavasena diṭṭhigatikehi tathā gahitadiṭṭhidassanaṃ ‘‘tittha’’nti adhippetaṃ. Tasmiṃ sassatādinānākāre titthe niyuttāti nānātitthiyā, nagganigaṇṭhādisamaṇā ceva kaṭhakalāpādibrāhmaṇā ca pokkharasātādiparibbājakā ca samaṇabrāhmaṇaparibbājakā. Nānātitthiyā ca te samaṇabrāhmaṇaparibbājakā cāti nānātitthiyasamaṇabrāhmaṇaparibbājakā.
‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทินา ปสฺสนฺติ เอตาย, สยํ วา ปสฺสติ, ตถา ทสฺสนมตฺตเมว วาติ ทิฎฺฐิ, มิจฺฉาภินิเวสเสฺสตํ อธิวจนํฯ สสฺสตาทิวเสน นานา อเนกวิธา ทิฎฺฐิโย เอเตสนฺติ นานาทิฎฺฐิกาฯ สสฺสตาทิวเสเนว ขมนํ ขนฺติ, โรจนํ รุจิ, อตฺถโต ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทินา (อุทา. ๕๕) ปวโตฺต จิตฺตวิปลฺลาโส สญฺญาวิปลฺลาโส จฯ ตถา นานา ขนฺติโย เอเตสนฺติ นานาขนฺติกา, นานา รุจิโย เอเตสนฺติ นานารุจิกาฯ ทิฎฺฐิคติกา หิ ปุพฺพภาเค ตถา ตถา จิตฺตํ โรเจตฺวา ขมาเปตฺวา จ ปจฺฉา ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติ อภินิวิสนฺติฯ อถ วา ‘‘อนิจฺจํ นิจฺจ’’นฺติอาทินา ตถา ตถา ทสฺสนวเสน ทิฎฺฐิ, ขมนวเสน ขนฺติ, รุจฺจนวเสน รุจีติ เอวํ ตีหิปิ ปเทหิ ทิฎฺฐิ เอว วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ นานาทิฎฺฐินิสฺสยนิสฺสิตาติ สสฺสตาทิปริกปฺปวเสน นานาวิธํ ทิฎฺฐิยา นิสฺสยํ วตฺถุํ การณํ, ทิฎฺฐิสงฺขาตเมว วา นิสฺสยํ นิสฺสิตา อลฺลีนา อุปคตา, ตํ อนิสฺสชฺชิตฺวา ฐิตาติ อโตฺถฯ ทิฎฺฐิโยปิ หิ ทิฎฺฐิคติกานํ อภินิเวสาการานํ นิสฺสยา โหนฺติฯ
‘‘Sassato attā ca loko cā’’tiādinā passanti etāya, sayaṃ vā passati, tathā dassanamattameva vāti diṭṭhi, micchābhinivesassetaṃ adhivacanaṃ. Sassatādivasena nānā anekavidhā diṭṭhiyo etesanti nānādiṭṭhikā. Sassatādivaseneva khamanaṃ khanti, rocanaṃ ruci, atthato ‘‘sassato attā ca loko cā’’tiādinā (udā. 55) pavatto cittavipallāso saññāvipallāso ca. Tathā nānā khantiyo etesanti nānākhantikā, nānā ruciyo etesanti nānārucikā. Diṭṭhigatikā hi pubbabhāge tathā tathā cittaṃ rocetvā khamāpetvā ca pacchā ‘‘idameva saccaṃ moghamañña’’nti abhinivisanti. Atha vā ‘‘aniccaṃ nicca’’ntiādinā tathā tathā dassanavasena diṭṭhi, khamanavasena khanti, ruccanavasena rucīti evaṃ tīhipi padehi diṭṭhi eva vuttāti veditabbā. Nānādiṭṭhinissayanissitāti sassatādiparikappavasena nānāvidhaṃ diṭṭhiyā nissayaṃ vatthuṃ kāraṇaṃ, diṭṭhisaṅkhātameva vā nissayaṃ nissitā allīnā upagatā, taṃ anissajjitvā ṭhitāti attho. Diṭṭhiyopi hi diṭṭhigatikānaṃ abhinivesākārānaṃ nissayā honti.
สนฺตีติ อตฺถิ สํวิชฺชนฺติ อุปลพฺภนฺติฯ เอเกติ เอกเจฺจฯ สมณพฺราหฺมณาติ ปพฺพชฺชูปคเมน สมณา, ชาติยา พฺราหฺมณา, โลเกน วา สมณาติ จ พฺราหฺมณาติ จ เอวํ คหิตาฯ เอวํวาทิโนติ เอวํ อิทานิ วตฺตพฺพากาเรน วทนฺตีติ เอวํวาทิโนฯ เอวํ อิทานิ วตฺตพฺพากาเรน ปวตฺตา ทิฎฺฐิ เอเตสนฺติ เอวํทิฎฺฐิโนฯ ตตฺถ ทุติเยน ทิฎฺฐิคติกานํ มิจฺฉาภินิเวโส ทสฺสิโต, ปฐเมน เตสํ ยถาภินิเวสํ ปเรสํ ตตฺถ ปติฎฺฐาปนวเสน โวหาโรฯ
Santīti atthi saṃvijjanti upalabbhanti. Eketi ekacce. Samaṇabrāhmaṇāti pabbajjūpagamena samaṇā, jātiyā brāhmaṇā, lokena vā samaṇāti ca brāhmaṇāti ca evaṃ gahitā. Evaṃvādinoti evaṃ idāni vattabbākārena vadantīti evaṃvādino. Evaṃ idāni vattabbākārena pavattā diṭṭhi etesanti evaṃdiṭṭhino. Tattha dutiyena diṭṭhigatikānaṃ micchābhiniveso dassito, paṭhamena tesaṃ yathābhinivesaṃ paresaṃ tattha patiṭṭhāpanavasena vohāro.
สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ เอตฺถ โลโกติ อตฺตาฯ โส หิ ทิฎฺฐิคติเกหิ โลกิยนฺติ เอตฺถ ปุญฺญํ ปาปํ ตพฺพิปากา, สยํ วา การกาทิภาเวน อภิยุเตฺตหิ โลกิยตีติ โลโกติ อธิเปฺปโตฯ สฺวายํ สสฺสโต อมโร นิโจฺจ ธุโวติ ยทิทํ อมฺหากํ ทสฺสนํ อิทเมว สจฺจํ อวิปรีตํ, อญฺญํ ปน อสสฺสโตติอาทิ ปเรสํ ทสฺสนํ โมฆํ มิจฺฉาติ อโตฺถฯ เอเตน จตฺตาโรปิ สสฺสตวาทา ทสฺสิตา โหนฺติฯ อสสฺสโตติ น สสฺสโต, อนิโจฺจ อธุโว จวนธโมฺมติ อโตฺถฯ ‘‘อสสฺสโต’’ติ สสฺสตภาวปฺปฎิเกฺขเปเนว อุเจฺฉโท ทีปิโตติ สตฺตปิ อุเจฺฉทวาทา ทีปิตา โหนฺติฯ
Sassato loko, idameva saccaṃ moghamaññanti ettha lokoti attā. So hi diṭṭhigatikehi lokiyanti ettha puññaṃ pāpaṃ tabbipākā, sayaṃ vā kārakādibhāvena abhiyuttehi lokiyatīti lokoti adhippeto. Svāyaṃ sassato amaro nicco dhuvoti yadidaṃ amhākaṃ dassanaṃ idameva saccaṃ aviparītaṃ, aññaṃ pana asassatotiādi paresaṃ dassanaṃ moghaṃ micchāti attho. Etena cattāropi sassatavādā dassitā honti. Asassatoti na sassato, anicco adhuvo cavanadhammoti attho. ‘‘Asassato’’ti sassatabhāvappaṭikkhepeneva ucchedo dīpitoti sattapi ucchedavādā dīpitā honti.
อนฺตวาติ สปริยโนฺต ปริวฎุโม ปริจฺฉินฺนปฺปมาโณ, น สพฺพคโตติ อโตฺถฯ เอเตน สรีรปริมาโณ องฺคุฎฺฐปริมาโณ อวยวปริมาโณ ปรมาณุปริมาโณ อตฺตาติ เอวมาทิวาทา ทสฺสิตา โหนฺติฯ อนนฺตวาติ อปริยโนฺต, สพฺพคโตติ อโตฺถฯ เอเตน กปิลกณาทาทิวาทา ทีปิตา โหนฺติฯ
Antavāti sapariyanto parivaṭumo paricchinnappamāṇo, na sabbagatoti attho. Etena sarīraparimāṇo aṅguṭṭhaparimāṇo avayavaparimāṇo paramāṇuparimāṇo attāti evamādivādā dassitā honti. Anantavāti apariyanto, sabbagatoti attho. Etena kapilakaṇādādivādā dīpitā honti.
ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ ยํ สรีรํ, ตเทว ชีวสงฺขาตํ วตฺถุ, ยญฺจ ชีวสงฺขาตํ วตฺถุ, ตเทว สรีรนฺติ ชีวญฺจ สรีรญฺจ อทฺวยํ สมนุปสฺสติฯ เอเตน อาชีวกานํ วิย ‘‘รูปี อตฺตา’’ติ อยํ วาโท ทสฺสิโต โหติฯ อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺติ อิมินา ปน ‘‘อรูปี อตฺตา’’ติ อยํ วาโท ทสฺสิโตฯ
Taṃ jīvaṃ taṃsarīranti yaṃ sarīraṃ, tadeva jīvasaṅkhātaṃ vatthu, yañca jīvasaṅkhātaṃ vatthu, tadeva sarīranti jīvañca sarīrañca advayaṃ samanupassati. Etena ājīvakānaṃ viya ‘‘rūpī attā’’ti ayaṃ vādo dassito hoti. Aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīranti iminā pana ‘‘arūpī attā’’ti ayaṃ vādo dassito.
โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ เอตฺถ ตถาคโตติ สโตฺตฯ ตญฺหิ ทิฎฺฐิคติโก การกเวทกาทิสงฺขาตํ, นิจฺจธุวาทิสงฺขาตํ วา ตถาภาวํ คโตติ ตถาคโตติ โวหรติ, โส มรณโต อิธกายสฺส เภทโต ปรํ อุทฺธํ โหติ, อตฺถิ สํวิชฺชตีติ อโตฺถฯ เอเตน สสฺสตคฺคาหมุเขน โสฬส สญฺญีวาทา อฎฺฐ อสญฺญีวาทา อฎฺฐ จ เนวสญฺญีนาสญฺญีวาทา ทสฺสิตา โหนฺติฯ น โหตีติ นตฺถิ น อุปลพฺภติฯ เอเตน อุเจฺฉทวาโท ทสฺสิโตฯ โหติ จ น จ โหตีติ อตฺถิ จ นตฺถิ จาติฯ เอเตน เอกจฺจสสฺสตวาทา สตฺต สญฺญีวาทา จ ทสฺสิตาฯ เนว โหติ น น โหตีติ อิมินา ปน อมราวิเกฺขปวาโท ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํฯ
Hoti tathāgato paraṃ maraṇāti ettha tathāgatoti satto. Tañhi diṭṭhigatiko kārakavedakādisaṅkhātaṃ, niccadhuvādisaṅkhātaṃ vā tathābhāvaṃ gatoti tathāgatoti voharati, so maraṇato idhakāyassa bhedato paraṃ uddhaṃ hoti, atthi saṃvijjatīti attho. Etena sassataggāhamukhena soḷasa saññīvādā aṭṭha asaññīvādā aṭṭha ca nevasaññīnāsaññīvādā dassitā honti. Na hotīti natthi na upalabbhati. Etena ucchedavādo dassito. Hoti ca na ca hotīti atthi ca natthi cāti. Etena ekaccasassatavādā satta saññīvādā ca dassitā. Neva hoti na na hotīti iminā pana amarāvikkhepavādo dassitoti veditabbaṃ.
อิเม กิร ทิฎฺฐิคติกา นานาเทสโต อาคนฺตฺวา สาวตฺถิยํ ปฎิวสนฺตา เอกทา สมยปฺปวาทเก สนฺนิปติตฺวา อตฺตโน อตฺตโน วาทํ ปคฺคยฺห อญฺญวาเท ขุํเสนฺตา วิวาทาปนฺนา อเหสุํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เต ภณฺฑนชาตา’’ติอาทิฯ
Ime kira diṭṭhigatikā nānādesato āgantvā sāvatthiyaṃ paṭivasantā ekadā samayappavādake sannipatitvā attano attano vādaṃ paggayha aññavāde khuṃsentā vivādāpannā ahesuṃ. Tena vuttaṃ ‘‘te bhaṇḍanajātā’’tiādi.
ตตฺถ ภณฺฑนํ นาม กลหสฺส ปุพฺพภาโคฯ ภณฺฑนชาตาติ ชาตภณฺฑนาฯ กลโหติ กลโห เอว, กลสฺส วา หนนโต กลโห ทฎฺฐโพฺพฯ อญฺญมญฺญสฺส วิรุทฺธวาทํ อาปนฺนาติ วิวาทาปนฺนาฯ มมฺมฆฎฺฎนโต มุขเมว สตฺตีติ มุขสตฺติ, ผรุสวาจาฯ ผลูปจาเรน วิย หิ การณํ การณูปจาเรน ผลมฺปิ โวหริยติ ยถา ตํ ‘‘สุโข พุทฺธุปฺปาโท, ปาปกมฺมํ ปจฺจนุโภตี’’ติ จฯ ตาหิ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิชฺฌนฺตา วิหรนฺติฯ เอทิโส ธโมฺมติ ธโมฺม อวิปรีตสภาโว เอทิโส เอวรูโป, ยถา มยา วุตฺตํ ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติฯ เนทิโส ธโมฺมติ น เอทิโส ธโมฺม , ยถา ตยา วุตฺตํ ‘‘อสสฺสโต โลโก’’ติ, เอวํ เสสปเทหิปิ โยเชตพฺพํฯ โส จ ติตฺถิยานํ วิวาโท สกลนคเร ปากโฎ ชาโตฯ อถ ภิกฺขู สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐา ตํ สุตฺวา ‘‘อตฺถิ โน อิทํ กถาปาภตํ, ยํ นูน มยํ อิมํ ปวตฺติํ ภควโต อาโรเจยฺยาม, อเปฺปว นาม ตํ นิสฺสาย สตฺถุ สณฺหสุขุมํ ธมฺมเทสนํ ลเภยฺยามา’’ติ เต ปจฺฉาภตฺตํ ธมฺมเทสนากาเล ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู’’ติอาทิฯ
Tattha bhaṇḍanaṃ nāma kalahassa pubbabhāgo. Bhaṇḍanajātāti jātabhaṇḍanā. Kalahoti kalaho eva, kalassa vā hananato kalaho daṭṭhabbo. Aññamaññassa viruddhavādaṃ āpannāti vivādāpannā. Mammaghaṭṭanato mukhameva sattīti mukhasatti, pharusavācā. Phalūpacārena viya hi kāraṇaṃ kāraṇūpacārena phalampi vohariyati yathā taṃ ‘‘sukho buddhuppādo, pāpakammaṃ paccanubhotī’’ti ca. Tāhi mukhasattīhi vitudantā vijjhantā viharanti. Ediso dhammoti dhammo aviparītasabhāvo ediso evarūpo, yathā mayā vuttaṃ ‘‘sassato loko’’ti. Nediso dhammoti na ediso dhammo , yathā tayā vuttaṃ ‘‘asassato loko’’ti, evaṃ sesapadehipi yojetabbaṃ. So ca titthiyānaṃ vivādo sakalanagare pākaṭo jāto. Atha bhikkhū sāvatthiṃ piṇḍāya paviṭṭhā taṃ sutvā ‘‘atthi no idaṃ kathāpābhataṃ, yaṃ nūna mayaṃ imaṃ pavattiṃ bhagavato āroceyyāma, appeva nāma taṃ nissāya satthu saṇhasukhumaṃ dhammadesanaṃ labheyyāmā’’ti te pacchābhattaṃ dhammadesanākāle bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho sambahulā bhikkhū’’tiādi.
ตํ สุตฺวา ภควา อญฺญติตฺถิยานํ ธมฺมสฺส อยถาภูตปชานนํ ปกาเสโนฺต ‘‘อญฺญติตฺถิยา, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อนฺธาติ ปญฺญาจกฺขุวิรเหน อนฺธาฯ เตนาห ‘‘อจกฺขุกา’’ติฯ ปญฺญา หิ อิธ ‘‘จกฺขู’’ติ อธิเปฺปตาฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อตฺถํ น ชานนฺตี’’ติอาทิฯ ตตฺถ อตฺถํ น ชานนฺตีติ อิธโลกตฺถํ ปรโลกตฺถํ น ชานนฺติ, อิธโลกปรโลเกสุ วุทฺธิํ อพฺภุทยํ นาวพุชฺฌนฺติ, ปรมเตฺถ ปน นิพฺพาเน กถาวกาฯ เย หิ นาม ปวตฺติมเตฺตปิ สมฺมูฬฺหา, เต กถํ นิวตฺติํ ชานิสฺสนฺตีติฯ อนตฺถํ น ชานนฺตีติ ยทเคฺคน เต อตฺถํ น ชานนฺติ, ตทเคฺคน อนตฺถมฺปิ น ชานนฺติฯ ยสฺมา ธมฺมํ น ชานนฺติ, ตสฺมา อธมฺมมฺปิ น ชานนฺติฯ เต หิ วิปริเยสคฺคาหิตาย ธมฺมํ กุสลมฺปิ อกุสลํ กโรนฺติ, อธมฺมมฺปิ อกุสลํ กุสลํ กโรนฺติฯ น เกวลญฺจ ธมฺมาธเมฺมสุ เอว, อถ โข ตสฺส วิปาเกสุปิ สมฺมูฬฺหาฯ ตถา หิ เต กมฺมมฺปิ วิปากํ กตฺวา โวหรนฺติ, วิปากมฺปิ กมฺมํ กตฺวาฯ ตถา ธมฺมํ สภาวธมฺมมฺปิ น ชานนฺติ, อธมฺมํ อสภาวธมฺมมฺปิ น ชานนฺติฯ เอวํภูตา จ สภาวธมฺมํ อสภาวธมฺมญฺจ, อสภาวธมฺมํ สภาวธมฺมญฺจ กตฺวา ปเวเทนฺติฯ
Taṃ sutvā bhagavā aññatitthiyānaṃ dhammassa ayathābhūtapajānanaṃ pakāsento ‘‘aññatitthiyā, bhikkhave’’tiādimāha. Tattha andhāti paññācakkhuvirahena andhā. Tenāha ‘‘acakkhukā’’ti. Paññā hi idha ‘‘cakkhū’’ti adhippetā. Tathā hi vuttaṃ ‘‘atthaṃ na jānantī’’tiādi. Tattha atthaṃ na jānantīti idhalokatthaṃ paralokatthaṃ na jānanti, idhalokaparalokesu vuddhiṃ abbhudayaṃ nāvabujjhanti, paramatthe pana nibbāne kathāvakā. Ye hi nāma pavattimattepi sammūḷhā, te kathaṃ nivattiṃ jānissantīti. Anatthaṃ na jānantīti yadaggena te atthaṃ na jānanti, tadaggena anatthampi na jānanti. Yasmā dhammaṃ na jānanti, tasmā adhammampi na jānanti. Te hi vipariyesaggāhitāya dhammaṃ kusalampi akusalaṃ karonti, adhammampi akusalaṃ kusalaṃ karonti. Na kevalañca dhammādhammesu eva, atha kho tassa vipākesupi sammūḷhā. Tathā hi te kammampi vipākaṃ katvā voharanti, vipākampi kammaṃ katvā. Tathā dhammaṃ sabhāvadhammampi na jānanti, adhammaṃ asabhāvadhammampi na jānanti. Evaṃbhūtā ca sabhāvadhammaṃ asabhāvadhammañca, asabhāvadhammaṃ sabhāvadhammañca katvā pavedenti.
อิติ ภควา ติตฺถิยานํ โมหทิฎฺฐิปฎิลาภภาเวน ปญฺญาจกฺขุเวกลฺลโต อนฺธภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตมตฺถํ ชจฺจนฺธูปมาย ปกาเสตุํ ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ภูตปุพฺพนฺติ ปุเพฺพ ภูตํ, อตีตกาเล นิพฺพตฺตํฯ อญฺญตโร ราชา อโหสีติ ปุราตโน นามโคเตฺตหิ โลเก อปากโฎ เอโก ราชา อโหสิฯ โส ราชา อญฺญตรํ ปุริสํ อามเนฺตสีติ ตสฺส กิร รโญฺญ โสภคฺคปฺปตฺตํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ อตฺตโน โอปวยฺหํ หตฺถิํ อุปฎฺฐานํ อาคตํ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘ภทฺทกํ วต, โภ, หตฺถิยานํ ทสฺสนีย’’นฺติฯ เตน จ สมเยน เอโก ชจฺจโนฺธ ราชงฺคเณน คจฺฉติฯ ตํ ทิสฺวา ราชา จิเนฺตสิ – ‘‘มหาชานิยา โข อิเม อนฺธา เย เอวรูปํ ทสฺสนียํ น ลภนฺติ ทฎฺฐุํฯ ยํนูนาหํ อิมิสฺสา สาวตฺถิยา ยตฺตกา ชจฺจนฺธา สเพฺพ เต สนฺนิปาตาเปตฺวา เอกเทสํ เอกเทสํ หเตฺถน ผุสาเปตฺวา เตสํ วจนํ สุเณยฺย’’นฺติฯ เกฬิสีโล ราชา เอเกน ปุริเสน สาวตฺถิยา สเพฺพ ชจฺจเนฺธ สนฺนิปาตาเปตฺวา ตสฺส ปุริสสฺส สญฺญํ อทาสิ ‘‘ยถา เอเกโก ชจฺจโนฺธ สีสาทิกํ เอเกกํเยว หตฺถิสฺส องฺคํ ผุสิตฺวา ‘หตฺถี มยา ทิโฎฺฐ’ติ สญฺญํ อุปฺปาเทสิ, ตถา กโรหี’’ติฯ โส ปุริโส ตถา อกาสิฯ อถ ราชา เต ชจฺจเนฺธ ปเจฺจกํ ปุจฺฉิ ‘‘กีทิโส, ภเณ, หตฺถี’’ติฯ เต อตฺตนา ทิฎฺฐทิฎฺฐาวยวเมว หตฺถิํ กตฺวา วทนฺตา ‘‘เอทิโส หตฺถี, เนทิโส หตฺถี’’ติ อญฺญมญฺญํ กลหํ กโรนฺตา หตฺถาทีหิ อุปกฺกมิตฺวา ราชงฺคเณ มหนฺตํ โกลาหลํ อกํสุฯ ราชา สปริชโน เตสํ ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ผาสุเกหิ ภิชฺชมาเนหิ หทเยน อุคฺคเตน มหาหสิตํ หสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, โส ราชา…เป.… อตฺตมโน อโหสี’’ติฯ
Iti bhagavā titthiyānaṃ mohadiṭṭhipaṭilābhabhāvena paññācakkhuvekallato andhabhāvaṃ dassetvā idāni tamatthaṃ jaccandhūpamāya pakāsetuṃ ‘‘bhūtapubbaṃ, bhikkhave’’tiādimāha. Tattha bhūtapubbanti pubbe bhūtaṃ, atītakāle nibbattaṃ. Aññataro rājā ahosīti purātano nāmagottehi loke apākaṭo eko rājā ahosi. So rājā aññataraṃ purisaṃ āmantesīti tassa kira rañño sobhaggappattaṃ sabbaṅgasampannaṃ attano opavayhaṃ hatthiṃ upaṭṭhānaṃ āgataṃ disvā etadahosi – ‘‘bhaddakaṃ vata, bho, hatthiyānaṃ dassanīya’’nti. Tena ca samayena eko jaccandho rājaṅgaṇena gacchati. Taṃ disvā rājā cintesi – ‘‘mahājāniyā kho ime andhā ye evarūpaṃ dassanīyaṃ na labhanti daṭṭhuṃ. Yaṃnūnāhaṃ imissā sāvatthiyā yattakā jaccandhā sabbe te sannipātāpetvā ekadesaṃ ekadesaṃ hatthena phusāpetvā tesaṃ vacanaṃ suṇeyya’’nti. Keḷisīlo rājā ekena purisena sāvatthiyā sabbe jaccandhe sannipātāpetvā tassa purisassa saññaṃ adāsi ‘‘yathā ekeko jaccandho sīsādikaṃ ekekaṃyeva hatthissa aṅgaṃ phusitvā ‘hatthī mayā diṭṭho’ti saññaṃ uppādesi, tathā karohī’’ti. So puriso tathā akāsi. Atha rājā te jaccandhe paccekaṃ pucchi ‘‘kīdiso, bhaṇe, hatthī’’ti. Te attanā diṭṭhadiṭṭhāvayavameva hatthiṃ katvā vadantā ‘‘ediso hatthī, nediso hatthī’’ti aññamaññaṃ kalahaṃ karontā hatthādīhi upakkamitvā rājaṅgaṇe mahantaṃ kolāhalaṃ akaṃsu. Rājā saparijano tesaṃ taṃ vippakāraṃ disvā phāsukehi bhijjamānehi hadayena uggatena mahāhasitaṃ hasi. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho, bhikkhave, so rājā…pe… attamano ahosī’’ti.
ตตฺถ อโมฺภติ อาลปนํฯ ยาวตกาติ ยตฺตกาฯ ชจฺจนฺธาติ ชาติยา อนฺธา, ชาติโต ปฎฺฐาย อจกฺขุกาฯ เอกชฺฌนฺติ เอกโตฯ ภเณติ อพหุมานาลาโปฯ หตฺถิํ ทเสฺสหีติ ยถาวุตฺตํ หตฺถิํ สยาเปตฺวา ทเสฺสหิฯ โส จ สุสิกฺขิตตฺตา อปริปฺผนฺทโนฺต นิปชฺชิฯ ทิโฎฺฐ โน หตฺถีติ หเตฺถน ปรามสนํ ทสฺสนํ กตฺวา อาหํสุฯ เตน ปุริเสน สีสํ ปรามสาเปตฺวา ‘‘เอทิโส หตฺถี’’ติ สญฺญาปิตตฺตา ตาทิสํเยว นํ หตฺถิํ สญฺชานนฺตา ชจฺจนฺธา ‘‘เอทิโส เทว หตฺถี เสยฺยถาปิ กุโมฺภ’’ติ วทิํสุฯ กุโมฺภติ จ ฆโฎติ อโตฺถฯ ขีโลติ นาคทนฺตขีโลฯ โสโณฺฑติ หโตฺถฯ นงฺคลีสาติ นงฺคลสฺส สิรสฺส อีสาฯ กาโยติ สรีรํฯ โกโฎฺฐติ กุสูโลฯ ปาโทติ ชโงฺฆฯ ถูโณติ ถโมฺภฯ นงฺคุฎฺฐนฺติ วาฬสฺส อุริมปฺปเทโสฯ วาลธีติ วาลสฺส อคฺคปฺปเทโสฯ มุฎฺฐีหิ สํสุมฺภิํสูติ มุฎฺฐิโย พนฺธิตฺวา ปหริํสุ, มุฎฺฐิฆาตํ อกํสุฯ อตฺตมโน อโหสีติ เกฬิสีลตฺตา โส ราชา เตน ชจฺจนฺธานํ กลเหน อตฺตมโน ปหาเสน คหิตมโน อโหสิฯ
Tattha ambhoti ālapanaṃ. Yāvatakāti yattakā. Jaccandhāti jātiyā andhā, jātito paṭṭhāya acakkhukā. Ekajjhanti ekato. Bhaṇeti abahumānālāpo. Hatthiṃ dassehīti yathāvuttaṃ hatthiṃ sayāpetvā dassehi. So ca susikkhitattā aparipphandanto nipajji. Diṭṭho no hatthīti hatthena parāmasanaṃ dassanaṃ katvā āhaṃsu. Tena purisena sīsaṃ parāmasāpetvā ‘‘ediso hatthī’’ti saññāpitattā tādisaṃyeva naṃ hatthiṃ sañjānantā jaccandhā ‘‘ediso deva hatthī seyyathāpi kumbho’’ti vadiṃsu. Kumbhoti ca ghaṭoti attho. Khīloti nāgadantakhīlo. Soṇḍoti hattho. Naṅgalīsāti naṅgalassa sirassa īsā. Kāyoti sarīraṃ. Koṭṭhoti kusūlo. Pādoti jaṅgho. Thūṇoti thambho. Naṅguṭṭhanti vāḷassa urimappadeso. Vāladhīti vālassa aggappadeso. Muṭṭhīhi saṃsumbhiṃsūti muṭṭhiyo bandhitvā pahariṃsu, muṭṭhighātaṃ akaṃsu. Attamano ahosīti keḷisīlattā so rājā tena jaccandhānaṃ kalahena attamano pahāsena gahitamano ahosi.
เอวเมว โขติ อุปมาสํสนฺทนํฯ ตสฺสโตฺถ – ภิกฺขเว, ยถา เต ชจฺจนฺธา อจกฺขุกา เอกงฺคทสฺสิโน อนวเสสโต หตฺถิํ อปสฺสิตฺวา อตฺตนา ทิฎฺฐาวยวมตฺตํ หตฺถิสญฺญาย อิตเรหิ ทิฎฺฐํ อนนุชานนฺตา อญฺญมญฺญํ วิวาทํ อาปนฺนา กลหํ อกํสุ, เอวเมว อิเม อญฺญติตฺถิยา สกฺกายสฺส เอกเทสํ รูปเวทนาทิํ อตฺตโน ทิฎฺฐิทสฺสเนน ยถาทิฎฺฐํ ‘‘อตฺตา’’ติ มญฺญมานา ตสฺส สสฺสตาทิภาวํ อาโรเปตฺวา ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติ อภินิวิสิตฺวา อญฺญมญฺญํ วิวทนฺติ, ยถาภูตํ ปน อตฺถานตฺถํ ธมฺมาธมฺมญฺจ น ชานนฺติฯ ตสฺมา อนฺธา อจกฺขุกา ชจฺจนฺธปฎิภาคาติฯ
Evameva khoti upamāsaṃsandanaṃ. Tassattho – bhikkhave, yathā te jaccandhā acakkhukā ekaṅgadassino anavasesato hatthiṃ apassitvā attanā diṭṭhāvayavamattaṃ hatthisaññāya itarehi diṭṭhaṃ ananujānantā aññamaññaṃ vivādaṃ āpannā kalahaṃ akaṃsu, evameva ime aññatitthiyā sakkāyassa ekadesaṃ rūpavedanādiṃ attano diṭṭhidassanena yathādiṭṭhaṃ ‘‘attā’’ti maññamānā tassa sassatādibhāvaṃ āropetvā ‘‘idameva saccaṃ moghamañña’’nti abhinivisitvā aññamaññaṃ vivadanti, yathābhūtaṃ pana atthānatthaṃ dhammādhammañca na jānanti. Tasmā andhā acakkhukā jaccandhapaṭibhāgāti.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ ติตฺถิยานํ ธมฺมสภาวํ ยถาภูตํ อชานนฺตานํ อปสฺสนฺตานํ ชจฺจนฺธานํ วิย หตฺถิมฺหิ ยถาทสฺสนํ มิจฺฉาภินิเวสํ, ตตฺถ จ วิวาทาปตฺติํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ
Etamatthaṃ viditvāti etaṃ titthiyānaṃ dhammasabhāvaṃ yathābhūtaṃ ajānantānaṃ apassantānaṃ jaccandhānaṃ viya hatthimhi yathādassanaṃ micchābhinivesaṃ, tattha ca vivādāpattiṃ sabbākārato viditvā tadatthadīpakaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.
ตตฺถ อิเมสุ กิร สชฺชนฺติ, เอเก สมณพฺราหฺมณาติ อิเธกเจฺจ ปพฺพชฺชูปคมเนน สมณา, ชาติมเตฺตน พฺราหฺมณา ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติอาทินยปฺปวเตฺตสุ อิเมสุ เอว อสาเรสุ ทิฎฺฐิคเตสุ ทิฎฺฐาภินนฺทนวเสน, อิเมสุ วา รูปาทีสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ เอวํ อนิเจฺจสุ ทุเกฺขสุ วิปริณามธเมฺมสุ ตณฺหาภินนฺทนทิฎฺฐาภินนฺทนานํ วเสน ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา สชฺชนฺติ กิรฯ อโห เนสํ สโมฺมโหติ ทเสฺสติฯ กิรสโทฺท เจตฺถ อรุจิสูจนโตฺถฯ เตน ตตฺถ สงฺคการณาภาวเมว ทีเปติฯ น เกวลํ สชฺชนฺติ เอว, อถ โข วิคฺคยฺห นํ วิวทนฺติ ‘‘น ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานาสิ, อหํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานามี’’ติอาทินา วิคฺคาหิกกถานุโยควเสน วิคฺคยฺห วิวทนฺติ วิวาทํ อาปชฺชนฺติฯ นนฺติ เจตฺถ นิปาตมตฺตํฯ อถ วา วิคฺคยฺห นนฺติ นํ ทิฎฺฐินิสฺสยํ สกฺกายทิฎฺฐิเมว วา วิปรีตทสฺสนตฺตา สสฺสตาทิวเสน อญฺญมญฺญํ วิรุทฺธํ คเหตฺวา วิวทนฺติ วิเสสโต วทนฺติ, อตฺตโน เอว วาทํ วิสิฎฺฐํ อวิปรีตํ กตฺวา อภินิวิสฺส โวหรนฺติฯ ยถา กิํ? ชนา เอกงฺคทสฺสิโน ยเถว ชจฺจนฺธชนา หตฺถิสฺส เอเกกงฺคทสฺสิโน ‘‘ยํ ยํ อตฺตนา ผุสิตฺวา ญาตํ, ตํ ตเทว หตฺถี’’ติ คเหตฺวา อญฺญมญฺญํ วิคฺคยฺห วิวทิํสุ, เอวํสมฺปทมิทนฺติ อโตฺถฯ อิวสโทฺท เจตฺถ ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐติ เวทิตโพฺพฯ
Tattha imesu kira sajjanti, eke samaṇabrāhmaṇāti idhekacce pabbajjūpagamanena samaṇā, jātimattena brāhmaṇā ‘‘sassato loko’’tiādinayappavattesu imesu eva asāresu diṭṭhigatesu diṭṭhābhinandanavasena, imesu vā rūpādīsu upādānakkhandhesu evaṃ aniccesu dukkhesu vipariṇāmadhammesu taṇhābhinandanadiṭṭhābhinandanānaṃ vasena ‘‘etaṃ mamā’’tiādinā sajjanti kira. Aho nesaṃ sammohoti dasseti. Kirasaddo cettha arucisūcanattho. Tena tattha saṅgakāraṇābhāvameva dīpeti. Na kevalaṃ sajjanti eva, atha kho viggayha naṃ vivadanti ‘‘na tvaṃ imaṃ dhammavinayaṃ ājānāsi, ahaṃ imaṃ dhammavinayaṃ ājānāmī’’tiādinā viggāhikakathānuyogavasena viggayha vivadanti vivādaṃ āpajjanti. Nanti cettha nipātamattaṃ. Atha vā viggayha nanti naṃ diṭṭhinissayaṃ sakkāyadiṭṭhimeva vā viparītadassanattā sassatādivasena aññamaññaṃ viruddhaṃ gahetvā vivadanti visesato vadanti, attano eva vādaṃ visiṭṭhaṃ aviparītaṃ katvā abhinivissa voharanti. Yathā kiṃ? Janā ekaṅgadassino yatheva jaccandhajanā hatthissa ekekaṅgadassino ‘‘yaṃ yaṃ attanā phusitvā ñātaṃ, taṃ tadeva hatthī’’ti gahetvā aññamaññaṃ viggayha vivadiṃsu, evaṃsampadamidanti attho. Ivasaddo cettha luttaniddiṭṭhoti veditabbo.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Catutthasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๔. ปฐมนานาติตฺถิยสุตฺตํ • 4. Paṭhamanānātitthiyasuttaṃ