Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๖. ปฐมนาวาวิมานวณฺณนา

    6. Paṭhamanāvāvimānavaṇṇanā

    สุวณฺณจฺฉทนํ นาวนฺติ นาวาวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ สาวตฺถิยํ วิหรเนฺต โสฬสมตฺตา ภิกฺขู อญฺญตรสฺมิํ คามกาวาเส วสิตฺวา วุตฺถวสฺสา ‘‘ภควนฺตํ ปสฺสิสฺสาม, ธมฺมญฺจ สุณิสฺสามา’’ติ สาวตฺถิํ อุทฺทิสฺส คิมฺหสมเย อทฺธานมคฺคํ ปฎิปนฺนา, อนฺตรามเคฺค จ นิรุทโก กนฺตาโร, เต จ ตตฺถ ฆมฺมาภิตตฺตา กิลนฺตา ตสิตา ปานียํ อลภมานา อญฺญตรสฺส คามสฺส อวิทูเรน คจฺฉนฺติฯ ตตฺถ อญฺญตรา อิตฺถี อุทกภาชนํ คเหตฺวา อุทกตฺถาย อุทปานาภิมุขี คจฺฉติฯ อถ เต ภิกฺขู ตํ ทิสฺวา ‘‘ยตฺถายํ อิตฺถี คจฺฉติ, ตตฺถ คเต ปานียํ ลทฺธุํ สกฺกา’’ติ ปิปาสาปเรตา ตํทิสาภิมุขา คนฺตฺวา อุทปานํ ทิสฺวา ตสฺสา อวิทูเร อฎฺฐํสุฯ สา อิตฺถี ตโต อุทกํ คเหตฺวา นิวตฺติตุกามา เต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘อิเม อยฺยา อุทเกน อตฺถิกา ปิปาสิตา’’ติ ญตฺวา ครุจิตฺตีการํ อุปฎฺฐเปตฺวา อุทเกน นิมเนฺตสิฯ เต ปตฺตถวิกโต ปริสฺสาวนํ นีหริตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา ยาวทตฺถํ ปานียํ ปิวิตฺวา หตฺถปาเท สีตเล กตฺวา ตสฺสา อิตฺถิยา ปานียทาเน อนุโมทนํ วตฺวา อคมํสุฯ

    Suvaṇṇacchadanaṃnāvanti nāvāvimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavati sāvatthiyaṃ viharante soḷasamattā bhikkhū aññatarasmiṃ gāmakāvāse vasitvā vutthavassā ‘‘bhagavantaṃ passissāma, dhammañca suṇissāmā’’ti sāvatthiṃ uddissa gimhasamaye addhānamaggaṃ paṭipannā, antarāmagge ca nirudako kantāro, te ca tattha ghammābhitattā kilantā tasitā pānīyaṃ alabhamānā aññatarassa gāmassa avidūrena gacchanti. Tattha aññatarā itthī udakabhājanaṃ gahetvā udakatthāya udapānābhimukhī gacchati. Atha te bhikkhū taṃ disvā ‘‘yatthāyaṃ itthī gacchati, tattha gate pānīyaṃ laddhuṃ sakkā’’ti pipāsāparetā taṃdisābhimukhā gantvā udapānaṃ disvā tassā avidūre aṭṭhaṃsu. Sā itthī tato udakaṃ gahetvā nivattitukāmā te bhikkhū disvā ‘‘ime ayyā udakena atthikā pipāsitā’’ti ñatvā garucittīkāraṃ upaṭṭhapetvā udakena nimantesi. Te pattathavikato parissāvanaṃ nīharitvā parissāvetvā yāvadatthaṃ pānīyaṃ pivitvā hatthapāde sītale katvā tassā itthiyā pānīyadāne anumodanaṃ vatvā agamaṃsu.

    สา ตํ ปุญฺญํ หทเย ฐเปตฺวา อนฺตรนฺตรา อนุสฺสรนฺตี อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวติํสภวเน นิพฺพตฺติฯ ตสฺสา ปุญฺญานุภาเวน กปฺปรุโกฺขปโสภิตํ มหนฺตํ วิมานํ อุปฺปชฺชิฯ ตํ วิมานํ ปริกฺขิปิตฺวา มุตฺตชาลรชตวิภูสิตา วิย สิกตาวกิณฺณปณฺฑรปุลินตฎา มณิกฺขนฺธนิมฺมลสลิลวาหินี สริตาฯ ตสฺสา อุโภสุ ตีเรสุ อุยฺยานวิมานทฺวาเร จ มหตี โปกฺขรณี ปญฺจวณฺณปทุมสณฺฑมณฺฑิตา สห สุวณฺณนาวาย นิพฺพตฺติฯ สา ตตฺถ ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวนฺตี นาวาย กีฬนฺตี ลฬนฺตี วิจรติฯ อเถกทิวสํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เทวจาริกํ จรโนฺต ตํ เทวธีตรํ นาวาย กีฬนฺติํ ทิสฺวา ตาย กตปุญฺญกมฺมํ ปุจฺฉโนฺต –

    Sā taṃ puññaṃ hadaye ṭhapetvā antarantarā anussarantī aparabhāge kālaṃ katvā tāvatiṃsabhavane nibbatti. Tassā puññānubhāvena kapparukkhopasobhitaṃ mahantaṃ vimānaṃ uppajji. Taṃ vimānaṃ parikkhipitvā muttajālarajatavibhūsitā viya sikatāvakiṇṇapaṇḍarapulinataṭā maṇikkhandhanimmalasalilavāhinī saritā. Tassā ubhosu tīresu uyyānavimānadvāre ca mahatī pokkharaṇī pañcavaṇṇapadumasaṇḍamaṇḍitā saha suvaṇṇanāvāya nibbatti. Sā tattha dibbasampattiṃ anubhavantī nāvāya kīḷantī laḷantī vicarati. Athekadivasaṃ āyasmā mahāmoggallāno devacārikaṃ caranto taṃ devadhītaraṃ nāvāya kīḷantiṃ disvā tāya katapuññakammaṃ pucchanto –

    ๔๓.

    43.

    ‘‘สุวณฺณจฺฉทนํ นาวํ, นาริ อารุยฺห ติฎฺฐสิ;

    ‘‘Suvaṇṇacchadanaṃ nāvaṃ, nāri āruyha tiṭṭhasi;

    โอคาหสิ โปกฺขรณิํ, ปทฺมํ ฉินฺทสิ ปาณินาฯ

    Ogāhasi pokkharaṇiṃ, padmaṃ chindasi pāṇinā.

    ๔๔.

    44.

    ‘‘เกน เตตาทิโส วโณฺณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

    ‘‘Kena tetādiso vaṇṇo, kena te idha mijjhati;

    อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ

    Uppajjanti ca te bhogā, ye keci manaso piyā.

    ๔๕.

    45.

    ‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว,

    ‘‘Pucchāmi taṃ devi mahānubhāve,

    มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุญฺญํ;

    Manussabhūtā kimakāsi puññaṃ;

    เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา,

    Kenāsi evaṃ jalitānubhāvā,

    วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ – อาห;

    Vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti. – āha;

    ตโต เถเรน ปุฎฺฐาย เทวตาย วิสฺสชฺชิตาการํ ทเสฺสตุํ สงฺคีติกาเรหิ –

    Tato therena puṭṭhāya devatāya vissajjitākāraṃ dassetuṃ saṅgītikārehi –

    ๔๖.

    46.

    ‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

    ‘‘Sā devatā attamanā, moggallānena pucchitā;

    ปญฺหํ ปุฎฺฐา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ –

    Pañhaṃ puṭṭhā viyākāsi, yassa kammassidaṃ phala’’nti. –

    อยํ คาถา วุตฺตาฯ

    Ayaṃ gāthā vuttā.

    ๔๗.

    47.

    ‘‘อหํ มนุเสฺสสุ มนุสฺสภูตา, ปุริมาย ชาติยา มนุสฺสโลเก;

    ‘‘Ahaṃ manussesu manussabhūtā, purimāya jātiyā manussaloke;

    ทิสฺวาน ภิกฺขู ตสิเต กิลเนฺต, อุฎฺฐาย ปาตุํ อุทกํ อทาสิํฯ

    Disvāna bhikkhū tasite kilante, uṭṭhāya pātuṃ udakaṃ adāsiṃ.

    ๔๘.

    48.

    ‘‘โย เว กิลนฺตาน ปิปาสิตานํ, อุฎฺฐาย ปาตุํ อุทกํ ททาติ;

    ‘‘Yo ve kilantāna pipāsitānaṃ, uṭṭhāya pātuṃ udakaṃ dadāti;

    สีโตทกา ตสฺส ภวนฺติ นโชฺช, ปหูตมลฺยา พหุปุณฺฑรีกาฯ

    Sītodakā tassa bhavanti najjo, pahūtamalyā bahupuṇḍarīkā.

    ๔๙.

    49.

    ‘‘ตํ อาปคา อนุปริยนฺติ สพฺพทา, สีโตทกา วาลุกสนฺถตา นที;

    ‘‘Taṃ āpagā anupariyanti sabbadā, sītodakā vālukasanthatā nadī;

    อมฺพา จ สาลา ติลกา จ ชมฺพุโย, อุทฺทาลกา ปาฎลิโย จ ผุลฺลาฯ

    Ambā ca sālā tilakā ca jambuyo, uddālakā pāṭaliyo ca phullā.

    ๕๐.

    50.

    ‘‘ตํภูมิภาเคหิ อุเปตรูปํ, วิมานเสฎฺฐํ ภุส โสภมานํ;

    ‘‘Taṃbhūmibhāgehi upetarūpaṃ, vimānaseṭṭhaṃ bhusa sobhamānaṃ;

    ตสฺสีธ กมฺมสฺส อยํ วิปาโก, เอตาทิสํ ปุญฺญกตา ลภนฺติฯ

    Tassīdha kammassa ayaṃ vipāko, etādisaṃ puññakatā labhanti.

    ๕๑.

    51.

    ‘‘เตน เมตาทิโส วโณฺณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

    ‘‘Tena metādiso vaṇṇo, tena me idha mijjhati;

    อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ

    Uppajjanti ca me bhogā, ye keci manaso piyā.

    ๕๒.

    52.

    ‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุญฺญํ;

    ‘‘Akkhāmi te bhikkhu mahānubhāva, manussabhūtā yamakāsi puññaṃ;

    เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วโณฺณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ –

    Tenamhi evaṃ jalitānubhāvā, vaṇṇo ca me sabbadisā pabhāsatī’’ti. –

    อยํ เทวตาย วิสฺสชฺชิตากาโรฯ

    Ayaṃ devatāya vissajjitākāro.

    ๔๓. ตตฺถ สุวณฺณจฺฉทนนฺติ วิจิตฺตภิตฺติวิรจเนหิ รตฺตสุวณฺณมเยหิ อุโภหิ ปเสฺสหิ ปฎิจฺฉาทิตพฺภนฺตรตาย เจว นานารตนสมุชฺชลิเตน กนกมยาลงฺกาเรน อุปริ ฉาทิตตาย จ สุวณฺณจฺฉทนํฯ นาวนฺติ โปตํฯ โส หิ โอรโต ปารํ ปวติ คจฺฉตีติ โปโต, สเตฺต เนตีติ นาวาติ จ วุจฺจติฯ นารีติ ตสฺสา เทวธีตาย อาลปนํฯ นรติ เนตีติ นโร, ปุริโสฯ ยถา หิ ปฐมปกติภูโต สโตฺต อิตราย ปกติยา เสฎฺฐเตฺถน ปุริ เสตีติ ‘‘ปุริโส’’ติ วุจฺจติ, เอวํ นยนเฎฺฐน ‘‘นโร’’ติฯ ปุตฺตภาตุภูโตปิ หิ ปุคฺคโล มาตุเชฎฺฐภคินีนํ ปิตุฎฺฐาเน ติฎฺฐติ, ปเคว ภตฺตุภูโตฯ นรสฺส เอสาติ นารี, อยญฺจ สมญฺญา มนุสฺสิตฺถีสุ ปวตฺตา รุฬฺหิวเสน อิตราสุปิ ตถา วุจฺจติฯ โอคาหสิ โปกฺขรณินฺติ สติปิ รตฺตุปฺปลนีลุปฺปลาทิเก พหุวิเธ รตนมเย ชลชกุสุเม โปกฺขรสงฺขาตานํ ทิพฺพปทุมานํ ตตฺถ เยภุเยฺยน อตฺถิตาย ‘‘โปกฺขรณี’’ติ ลทฺธนามํ ทิพฺพสรํ ชลวิหารรติยา อนุปวิสสิ ฯ ปทฺมํ ฉินฺทสิ ปาณินาติ รชตมยนาฬํ ปทุมราครตนมยปตฺตสงฺฆาตํ กนกมยกณฺณิกากิญฺชกฺขเกสรํ ทิพฺพกมลํ ลีลารวินฺทํ กตฺตุกามตาย ตว หเตฺถน ภญฺชสิฯ

    43. Tattha suvaṇṇacchadananti vicittabhittiviracanehi rattasuvaṇṇamayehi ubhohi passehi paṭicchāditabbhantaratāya ceva nānāratanasamujjalitena kanakamayālaṅkārena upari chāditatāya ca suvaṇṇacchadanaṃ. Nāvanti potaṃ. So hi orato pāraṃ pavati gacchatīti poto, satte netīti nāvāti ca vuccati. Nārīti tassā devadhītāya ālapanaṃ. Narati netīti naro, puriso. Yathā hi paṭhamapakatibhūto satto itarāya pakatiyā seṭṭhatthena puri setīti ‘‘puriso’’ti vuccati, evaṃ nayanaṭṭhena ‘‘naro’’ti. Puttabhātubhūtopi hi puggalo mātujeṭṭhabhaginīnaṃ pituṭṭhāne tiṭṭhati, pageva bhattubhūto. Narassa esāti nārī, ayañca samaññā manussitthīsu pavattā ruḷhivasena itarāsupi tathā vuccati. Ogāhasi pokkharaṇinti satipi rattuppalanīluppalādike bahuvidhe ratanamaye jalajakusume pokkharasaṅkhātānaṃ dibbapadumānaṃ tattha yebhuyyena atthitāya ‘‘pokkharaṇī’’ti laddhanāmaṃ dibbasaraṃ jalavihāraratiyā anupavisasi . Padmaṃ chindasi pāṇināti rajatamayanāḷaṃ padumarāgaratanamayapattasaṅghātaṃ kanakamayakaṇṇikākiñjakkhakesaraṃ dibbakamalaṃ līlāravindaṃ kattukāmatāya tava hatthena bhañjasi.

    ๔๗. ตสิเตติ ปิปาสิเตฯ กิลเนฺตติ ตาย ปิปาสาย อทฺธานปริสฺสเมน จ กิลนฺตกาเยฯ อุฎฺฐายาติ อุฎฺฐานวีริยํ กตฺวา, อาลสิยํ อนาปชฺชิตฺวาติ อโตฺถฯ

    47.Tasiteti pipāsite. Kilanteti tāya pipāsāya addhānaparissamena ca kilantakāye. Uṭṭhāyāti uṭṭhānavīriyaṃ katvā, ālasiyaṃ anāpajjitvāti attho.

    ๔๘. โย เวติอาทินา ยถา อหํ, เอวํ อเญฺญปิ อายตนคเตน อุทกทานปุเญฺญน เอตาทิสํ ผลํ ปฎิลภนฺตีติ ทิเฎฺฐน อทิฎฺฐสฺส อนุมานวิธิํ ทเสฺสนฺตี เถเรน ปุฎฺฐมตฺถํ สาธารณโต วิสฺสเชฺชติฯ ตตฺถ ตสฺสาติ นฺติ จ ยถาวุตฺตปุญฺญการินํ ปจฺจามสติฯ

    48.Yo vetiādinā yathā ahaṃ, evaṃ aññepi āyatanagatena udakadānapuññena etādisaṃ phalaṃ paṭilabhantīti diṭṭhena adiṭṭhassa anumānavidhiṃ dassentī therena puṭṭhamatthaṃ sādhāraṇato vissajjeti. Tattha tassāti tanti ca yathāvuttapuññakārinaṃ paccāmasati.

    ๔๙. อนุปริยนฺตีติ อนุรูปวเสน ปริกฺขิปนฺติฯ ตสฺส วสนฎฺฐานปริกฺขิปเนน โสปิ ปริกฺขิโตฺต นาม โหติฯ ติลกาติ พนฺธุชีวกปุปฺผสทิสปุปฺผา เอกา รุกฺขชาติฯ อุทฺทาลกาติ วาตฆาตกา, เย ‘‘ราชรุกฺขา’’ติปิ วุจฺจนฺติฯ

    49.Anupariyantīti anurūpavasena parikkhipanti. Tassa vasanaṭṭhānaparikkhipanena sopi parikkhitto nāma hoti. Tilakāti bandhujīvakapupphasadisapupphā ekā rukkhajāti. Uddālakāti vātaghātakā, ye ‘‘rājarukkhā’’tipi vuccanti.

    ๕๐. ตํภูมิภาเคหีติ ตาทิเสหิ ภูมิภาเคหิ, ยถาวุตฺตโปกฺขรณีนทีอุยฺยานวเนฺตหิ ภูมิปเทเสหีติ อโตฺถฯ อุเปตรูปนฺติ ปาสํสิยภาเวน อุเปตํ, เตสํ โปกฺขรณีอาทีนํ วเสน รมณียสนฺนิเวสนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ภุส โสภมานนฺติ ภุสํ อติวิย วิโรจมานํ วิมานเสฎฺฐํ ลภนฺตีติ โยชนาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ

    50.Taṃbhūmibhāgehīti tādisehi bhūmibhāgehi, yathāvuttapokkharaṇīnadīuyyānavantehi bhūmipadesehīti attho. Upetarūpanti pāsaṃsiyabhāvena upetaṃ, tesaṃ pokkharaṇīādīnaṃ vasena ramaṇīyasannivesanti vuttaṃ hoti. Bhusa sobhamānanti bhusaṃ ativiya virocamānaṃ vimānaseṭṭhaṃ labhantīti yojanā. Sesaṃ vuttanayamevāti.

    ปฐมนาวาวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamanāvāvimānavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๖. ปฐมนาวาวิมานวตฺถุ • 6. Paṭhamanāvāvimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact