Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā

    ๒. นิเทฺทสวณฺณนา

    2. Niddesavaṇṇanā

    ๑. ปฐมนโย สงฺคหาสงฺคหปทวณฺณนา

    1. Paṭhamanayo saṅgahāsaṅgahapadavaṇṇanā

    ๑. ขนฺธปทวณฺณนา

    1. Khandhapadavaṇṇanā

    . ขนฺธายตนธาตุโยมหนฺตเร อภิเญฺญยฺยธมฺมภาเวน วุตฺตา, เตสํ ปน สภาวโต อภิญฺญาตานํ ธมฺมานํ ปริเญฺญยฺยตาทิวิเสสทสฺสนตฺถํ สจฺจานิ, อธิปติยาทิกิจฺจวิเสสทสฺสนตฺถํ อินฺทฺริยาทีนิ จ วุตฺตานีติ สจฺจาทิวิเสโส วิย สงฺคหาสงฺคหวิเสโส จ อภิเญฺญยฺยนิสฺสิโต วุจฺจมาโน สุวิเญฺญโยฺย โหตีติ ‘‘ตีหิ สงฺคโหฯ ตีหิ อสงฺคโห’’ติ นยมุขมาติกา ฐปิตาติ เวทิตพฺพาฯ เอวญฺจ กตฺวา ‘‘จตูหี’’ติ วุตฺตา สมฺปโยควิปฺปโยคา จ อภิเญฺญยฺยนิสฺสเยน ขนฺธาทีเหว ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชิตาติฯ รูปกฺขโนฺธ เอเกน ขเนฺธนาติ เย ธมฺมา ‘‘รูปกฺขโนฺธ’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ ปญฺจสุ ขเนฺธสุ รูปกฺขนฺธภาเวน สภาคตา โหตีติ รูปกฺขนฺธภาวสงฺขาเตน, รูปกฺขนฺธวจนสงฺขาเตน วา คณเนน สงฺคหํ คณนํ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘ยญฺหิ กิญฺจี’’ติอาทิฯ รูปกฺขโนฺธติ หิ สงฺคหิตพฺพธโมฺม ทสฺสิโตฯ เยน สงฺคเหน สงฺคยฺหติ, ตสฺส สงฺคหสฺส ทสฺสนํ ‘‘เอเกน ขเนฺธนา’’ติ วจนํฯ ปญฺจสุ ขนฺธคณเนสุ เอเกน ขนฺธคณเนน คณิโตติ อยเญฺหตฺถ อโตฺถฯ ยสฺมา จ ขนฺธาทิวจเนหิ สงฺคโห วุจฺจติ, ตสฺมา อุปริ ‘‘ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตา’’ติอาทิํ วกฺขตีติฯ

    6. Khandhāyatanadhātuyomahantare abhiññeyyadhammabhāvena vuttā, tesaṃ pana sabhāvato abhiññātānaṃ dhammānaṃ pariññeyyatādivisesadassanatthaṃ saccāni, adhipatiyādikiccavisesadassanatthaṃ indriyādīni ca vuttānīti saccādiviseso viya saṅgahāsaṅgahaviseso ca abhiññeyyanissito vuccamāno suviññeyyo hotīti ‘‘tīhi saṅgaho. Tīhi asaṅgaho’’ti nayamukhamātikā ṭhapitāti veditabbā. Evañca katvā ‘‘catūhī’’ti vuttā sampayogavippayogā ca abhiññeyyanissayena khandhādīheva pucchitvā vissajjitāti. Rūpakkhandho ekena khandhenāti ye dhammā ‘‘rūpakkhandho’’ti vuccanti, tesaṃ pañcasu khandhesu rūpakkhandhabhāvena sabhāgatā hotīti rūpakkhandhabhāvasaṅkhātena, rūpakkhandhavacanasaṅkhātena vā gaṇanena saṅgahaṃ gaṇanaṃ dasseti. Tenāha ‘‘yañhi kiñcī’’tiādi. Rūpakkhandhoti hi saṅgahitabbadhammo dassito. Yena saṅgahena saṅgayhati, tassa saṅgahassa dassanaṃ ‘‘ekena khandhenā’’ti vacanaṃ. Pañcasu khandhagaṇanesu ekena khandhagaṇanena gaṇitoti ayañhettha attho. Yasmā ca khandhādivacanehi saṅgaho vuccati, tasmā upari ‘‘khandhasaṅgahena saṅgahitā’’tiādiṃ vakkhatīti.

    อสงฺคหนยนิเทฺทเสติ อิทํ ‘‘สงฺคโห อสงฺคโห’’ติ เอตเสฺสว นยสฺส เอกเทสนยภาเวน วุตฺตํ, น นยนฺตรตายาติ ทฎฺฐพฺพํฯ รูปกฺขนฺธมูลกาเยว เจตฺถ ทุกติกจตุกฺกา ทสฺสิตาติ เอเตน เวทนากฺขนฺธมูลกา ปุริเมน โยชิยมาเน วิเสโส นตฺถีติ ปจฺฉิเมเหว โยเชตฺวา ตโย ทุกา เทฺว ติกา เอโก จตุโกฺก, สญฺญากฺขนฺธมูลกา เทฺว ทุกา เอโก ติโก, สงฺขารกฺขนฺธมูลโก เอโก ทุโกติ เอเต ลพฺภนฺตีติ ทเสฺสติฯ เตสํ ปน เภทโต ปญฺจกปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานนฺตรํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนํ กาตพฺพํ สํขิตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํ, วุตฺตนเยน วา สกฺกา ญาตุนฺติ ปาฬิํ น อาโรปิตนฺติฯ

    Asaṅgahanayaniddeseti idaṃ ‘‘saṅgaho asaṅgaho’’ti etasseva nayassa ekadesanayabhāvena vuttaṃ, na nayantaratāyāti daṭṭhabbaṃ. Rūpakkhandhamūlakāyeva cettha dukatikacatukkā dassitāti etena vedanākkhandhamūlakā purimena yojiyamāne viseso natthīti pacchimeheva yojetvā tayo dukā dve tikā eko catukko, saññākkhandhamūlakā dve dukā eko tiko, saṅkhārakkhandhamūlako eko dukoti ete labbhantīti dasseti. Tesaṃ pana bhedato pañcakapucchāvissajjanānantaraṃ pucchāvissajjanaṃ kātabbaṃ saṃkhittanti daṭṭhabbaṃ, vuttanayena vā sakkā ñātunti pāḷiṃ na āropitanti.

    อายตนปทาทิวณฺณนา

    Āyatanapadādivaṇṇanā

    ๔๐. ยสฺมา จ ทุกติเกสูติ ยทิปิ เอกเกปิ สทิสํ วิสฺสชฺชนํ, เอกเก ปน สทิสวิสฺสชฺชนานํ จกฺขุนฺทฺริยโสตินฺทฺริยสุขินฺทฺริยาทีนํ ทุกาทีสุ อสทิสวิสฺสชฺชนํ ทิฎฺฐํฯ น เหตฺถ จกฺขุโสตจกฺขุสุขินฺทฺริยทุกานํ อญฺญมญฺญสทิสวิสฺสชฺชนํ, นาปิ ทุเกหิ ติกสฺส, อิธ ปน ทุกฺขสมุทยทุกฺขมคฺคทุกานํ อญฺญมญฺญํ ติเกน จ สทิสํ วิสฺสชฺชนนฺติ ทุกติเกเสฺวว สทิสวิสฺสชฺชนตํ สมุทยานนฺตรํ มคฺคสจฺจสฺส วจเน การณํ วทติฯ

    40. Yasmāca dukatikesūti yadipi ekakepi sadisaṃ vissajjanaṃ, ekake pana sadisavissajjanānaṃ cakkhundriyasotindriyasukhindriyādīnaṃ dukādīsu asadisavissajjanaṃ diṭṭhaṃ. Na hettha cakkhusotacakkhusukhindriyadukānaṃ aññamaññasadisavissajjanaṃ, nāpi dukehi tikassa, idha pana dukkhasamudayadukkhamaggadukānaṃ aññamaññaṃ tikena ca sadisaṃ vissajjananti dukatikesveva sadisavissajjanataṃ samudayānantaraṃ maggasaccassa vacane kāraṇaṃ vadati.

    ๖. ปฎิจฺจสมุปฺปาทวณฺณนา

    6. Paṭiccasamuppādavaṇṇanā

    ๖๑. ‘‘ปุจฺฉํ อนารภิตฺวา อวิชฺชา เอเกน ขเนฺธน, อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา เอเกน ขเนฺธนา’’ติ ลิขิตเพฺพปิ ปมาทวเสน ‘‘อวิชฺชา เอเกน ขเนฺธนา’’ติ อิทํ น ลิขิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ สรูเปกเสสํ วา กตฺวา อวิชฺชาวจเนน อวิชฺชาวิสฺสชฺชนํ ทสฺสิตนฺติฯ สพฺพมฺปิ วิปากวิญฺญาณนฺติ เอตฺถ วิปากคฺคหเณน วิเสสนํ น กาตพฺพํฯ กุสลาทีนมฺปิ หิ วิญฺญาณานํ ธาตุกถายํ สงฺขารปจฺจยาวิญฺญาณาทิปเทหิ สงฺคหิตตา วิปฺปยุเตฺตนสงฺคหิตาสงฺคหิตปทนิเทฺทเส ‘‘วิปากา ธมฺมา’’ติ อิมสฺส วิสฺสชฺชนาสทิเสน เตสํ วิสฺสชฺชเนน ทสฺสิตา, อิธ จ นามรูปสฺส เอกาทสหายตเนหิ สงฺคหวจเนน อกมฺมชานมฺปิ สงฺคหิตตา วิญฺญายตีติฯ

    61. ‘‘Pucchaṃ anārabhitvā avijjā ekena khandhena, avijjāpaccayā saṅkhārā ekena khandhenā’’ti likhitabbepi pamādavasena ‘‘avijjā ekena khandhenā’’ti idaṃ na likhitanti daṭṭhabbaṃ. Sarūpekasesaṃ vā katvā avijjāvacanena avijjāvissajjanaṃ dassitanti. Sabbampi vipākaviññāṇanti ettha vipākaggahaṇena visesanaṃ na kātabbaṃ. Kusalādīnampi hi viññāṇānaṃ dhātukathāyaṃ saṅkhārapaccayāviññāṇādipadehi saṅgahitatā vippayuttenasaṅgahitāsaṅgahitapadaniddese ‘‘vipākā dhammā’’ti imassa vissajjanāsadisena tesaṃ vissajjanena dassitā, idha ca nāmarūpassa ekādasahāyatanehi saṅgahavacanena akammajānampi saṅgahitatā viññāyatīti.

    ๗๑. ชายมานปริปจฺจมานภิชฺชมานานํ ชายมานาทิภาวมตฺตตฺตา ชาติชรามรณานิ ปรมตฺถโต วินิพฺภุชฺชิตฺวา อนุปลพฺภมานานิ ปรมตฺถานํ สภาวมตฺตภูตานิ, ตานิ รูปสฺส นิพฺพตฺติปากเภทภูตานิ รุปฺปนภาเวน คยฺหนฺตีติ รูปกฺขนฺธธมฺมสภาคานิ, อรูปานํ ปน นิพฺพตฺติอาทิภูตานิ รูปกลาปชาติอาทีนิ วิย สหุปฺปชฺชมานจตุกฺขนฺธกลาปนิพฺพตฺติอาทิภาวโต เอเกกภูตานิ เวทิยนสญฺชานนวิชานเนหิ เอกนฺตปรมตฺถกิเจฺจหิ อคยฺหมานานิ สงฺขตาภิสงฺขรเณน อเนกนฺตปรมตฺถกิเจฺจน คยฺหนฺตีติ สงฺขารกฺขนฺธธมฺมสภาคานิ, ตถา ทุวิธานิปิ ตานิ จกฺขายตนาทีหิ เอกนฺตปรมตฺถกิเจฺจหิ อคยฺหมานานิ นิสฺสตฺตเฎฺฐน ธมฺมายตนธมฺมธาตุธเมฺมหิ สภาคานิ, เตน เตหิ ขนฺธาทีหิ สงฺคยฺหนฺตีติ ‘‘ชาติ ทฺวีหิ ขเนฺธหี’’ติอาทิมาหฯ

    71. Jāyamānaparipaccamānabhijjamānānaṃ jāyamānādibhāvamattattā jātijarāmaraṇāni paramatthato vinibbhujjitvā anupalabbhamānāni paramatthānaṃ sabhāvamattabhūtāni, tāni rūpassa nibbattipākabhedabhūtāni ruppanabhāvena gayhantīti rūpakkhandhadhammasabhāgāni, arūpānaṃ pana nibbattiādibhūtāni rūpakalāpajātiādīni viya sahuppajjamānacatukkhandhakalāpanibbattiādibhāvato ekekabhūtāni vediyanasañjānanavijānanehi ekantaparamatthakiccehi agayhamānāni saṅkhatābhisaṅkharaṇena anekantaparamatthakiccena gayhantīti saṅkhārakkhandhadhammasabhāgāni, tathā duvidhānipi tāni cakkhāyatanādīhi ekantaparamatthakiccehi agayhamānāni nissattaṭṭhena dhammāyatanadhammadhātudhammehi sabhāgāni, tena tehi khandhādīhi saṅgayhantīti ‘‘jāti dvīhi khandhehī’’tiādimāha.

    ปฐมนยสงฺคหาสงฺคหปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamanayasaṅgahāsaṅgahapadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธาตุกถาปาฬิ • Dhātukathāpāḷi / ๑. สงฺคหาสงฺคหปทนิเทฺทโส • 1. Saṅgahāsaṅgahapadaniddeso

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๑. ปฐมนโย สงฺคหาสงฺคหปทวณฺณนา • 1. Paṭhamanayo saṅgahāsaṅgahapadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๑. ปฐมนโย สงฺคหาสงฺคหปทวณฺณนา • 1. Paṭhamanayo saṅgahāsaṅgahapadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact