Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-ปุราณ-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-purāṇa-ṭīkā |
อนิยตกณฺฑํ
Aniyatakaṇḍaṃ
๑. ปฐมานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Paṭhamāniyatasikkhāpadavaṇṇanā
อนิยเต อาทิโตว อิทํ ปกิณฺณกํฯ เสยฺยถิทํ – อิทํ อนิยตกณฺฑํ นิปฺปโยชนํ ตตฺถ อปุพฺพาภาวโตติ เจ? น, ครุกลหุกเภทภินฺนาปตฺติโรปนาโรปนกฺกมลกฺขณทีปนปฺปโยชนโตฯ เอตฺถ หิ ‘‘สา เจ เอวํ วเทยฺย ‘อโยฺย มยา…เป.… โส จ ตํ ปฎิชานาติ, อาปตฺติยา กาเรตโพฺพ’’’ติอาทินา (ปารา. ๔๔๖) อาปตฺติยา ครุกาย, ลหุกาย จ อาโรปนกฺกมลกฺขณํ, ‘‘น กาเรตโพฺพ’’ติ อิมินา อนาโรปนกฺกมลกฺขณญฺจ ทสฺสิตํฯ ลกฺขณทีปนโต อาทิมฺหิ, อเนฺต วา อุทฺทิสิตพฺพนฺติ เจ? น, อสมฺภวโตฯ กถํ น ตาว อาทิมฺหิ สมฺภวติ, เยสมิทํ ลกฺขณํ, เตสํ สิกฺขาปทานํ อทสฺสิตตฺตาฯ น อเนฺต ครุกมิสฺสกตฺตาฯ ตสฺมา ครุกลหุกานํ มเชฺฌ เอว อุทฺทิสิตพฺพตํ อรหติ อุภยมิสฺสกตฺตาฯ ยา ตตฺถ ปาจิตฺติยสงฺขาตา ลหุกาปตฺติ ทสฺสิตา, สาปิ ครุกาติ กถิตาฯ เตเนวาห ‘‘เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลสสงฺขาเตน รหสฺสาเทนา’’ติอาทิฯ ตสฺมา ครุกานํ เอว อนนฺตรํ อุทฺทิฎฺฐนฺติปิ เอเกฯ เอวํ สติ ปฐมานิยตเมวาลํ ตาวตา ลกฺขณทีปนสิทฺธิโต, กิํ ทุติเยนาติ เจ? น, โอกาสนิยมปจฺจยมิจฺฉาคาหนิวารณปฺปโยชนโตฯ ‘‘ปฎิจฺฉเนฺน อาสเน อลํกมฺมนิเย’’ติ โอกาสนิยมโต หิ ตพฺพิปรีเต โอกาเส อิทํ ลกฺขณํ น วิกปฺปิตนฺติ มิจฺฉาคาโห โหติฯ ตํนิวารณโต ทุติยานิยตมฺปิ สาตฺถกเมวาติ อธิปฺปาโยฯ กสฺมา? โอกาสเภทโต, รโหเภททีปนโต, รโหนิสชฺชสฺสาทเภททีปนโตฯ โอกาสนิยมภาเว จ รโหนิสชฺชสฺสาทเภโท ชาโตฯ ทฺวินฺนํ รโหนิสชฺชสิกฺขาปทานํ นานาตฺตชานนญฺจ สิยา ตถา กายสํสคฺคเภททีปนโตฯ นาลํ กมฺมนิเยปิ หิ โอกาเส อปฺปฎิจฺฉเนฺน, ปฎิจฺฉเนฺนปิ วา นิสินฺนาย วาตปานกวาฎจฺฉิทฺทาทีหิ นิกฺขนฺตเกสาทิคฺคหเณน กายสํสโคฺค ลพฺภตีติ เอวมาทโยปิ นยา วิตฺถารโต เวทิตพฺพาฯ
Aniyate āditova idaṃ pakiṇṇakaṃ. Seyyathidaṃ – idaṃ aniyatakaṇḍaṃ nippayojanaṃ tattha apubbābhāvatoti ce? Na, garukalahukabhedabhinnāpattiropanāropanakkamalakkhaṇadīpanappayojanato. Ettha hi ‘‘sā ce evaṃ vadeyya ‘ayyo mayā…pe… so ca taṃ paṭijānāti, āpattiyā kāretabbo’’’tiādinā (pārā. 446) āpattiyā garukāya, lahukāya ca āropanakkamalakkhaṇaṃ, ‘‘na kāretabbo’’ti iminā anāropanakkamalakkhaṇañca dassitaṃ. Lakkhaṇadīpanato ādimhi, ante vā uddisitabbanti ce? Na, asambhavato. Kathaṃ na tāva ādimhi sambhavati, yesamidaṃ lakkhaṇaṃ, tesaṃ sikkhāpadānaṃ adassitattā. Na ante garukamissakattā. Tasmā garukalahukānaṃ majjhe eva uddisitabbataṃ arahati ubhayamissakattā. Yā tattha pācittiyasaṅkhātā lahukāpatti dassitā, sāpi garukāti kathitā. Tenevāha ‘‘methunadhammasannissitakilesasaṅkhātena rahassādenā’’tiādi. Tasmā garukānaṃ eva anantaraṃ uddiṭṭhantipi eke. Evaṃ sati paṭhamāniyatamevālaṃ tāvatā lakkhaṇadīpanasiddhito, kiṃ dutiyenāti ce? Na, okāsaniyamapaccayamicchāgāhanivāraṇappayojanato. ‘‘Paṭicchanne āsane alaṃkammaniye’’ti okāsaniyamato hi tabbiparīte okāse idaṃ lakkhaṇaṃ na vikappitanti micchāgāho hoti. Taṃnivāraṇato dutiyāniyatampi sātthakamevāti adhippāyo. Kasmā? Okāsabhedato, rahobhedadīpanato, rahonisajjassādabhedadīpanato. Okāsaniyamabhāve ca rahonisajjassādabhedo jāto. Dvinnaṃ rahonisajjasikkhāpadānaṃ nānāttajānanañca siyā tathā kāyasaṃsaggabhedadīpanato. Nālaṃ kammaniyepi hi okāse appaṭicchanne, paṭicchannepi vā nisinnāya vātapānakavāṭacchiddādīhi nikkhantakesādiggahaṇena kāyasaṃsaggo labbhatīti evamādayopi nayā vitthārato veditabbā.
ตตฺริทํ มุขมตฺตนิทสฺสนํ – โอกาสเภทโตติ อลํกมฺมนิยนาลํกมฺมนิยเภทโตฯ ปฎิจฺฉนฺนมฺปิ หิ เอกจฺจํ นาลํกมฺมนิยํ วาตปานาทินา อนฺตริตตฺตา , อุภยปฺปฎิจฺฉนฺนมฺปิ เอกจฺจํ นาลํกมฺมนิยํ วิชานตํ อโชฺฌกาสตฺตาฯ รโหเภททีปนโตติ เอตฺถ รหภาวสามเญฺญปิ รโห ทฺวิธา ปฎิจฺฉนฺนาปฎิจฺฉนฺนเภทโตติ อธิปฺปาโยฯ รโหนิสชฺชสฺสาทเภททีปนโตติ เมถุนสฺสาทวเสน นิสชฺชา, ทุฎฺฐุลฺลสฺสาทวเสน นิสชฺชาติ ตาทิสสฺส เภทสฺส ทีปนโตติ อโตฺถฯ ‘‘อิธ อาคตนยตฺตา ภิกฺขุนิปาติโมเกฺข อิทํ กณฺฑํ ปริหีนนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติฯ ‘‘อฎฺฐุปฺปตฺติยา ตตฺถ อนุปฺปนฺนตฺตา’’ติ เอเก, ตํ อเนกนฺตภาวทีปนโต อยุตฺตํฯ สพฺพพุทฺธกาเล หิ ภิกฺขูนํ ปญฺจ, ภิกฺขุนีนํ จตฺตาโร จ อุเทฺทสา สนฺติฯ ปาติโมกฺขุเทฺทสปญฺญตฺติยา อสาธารณตฺตา ตตฺถ นิทฺทิฎฺฐสงฺฆาทิเสสปาจิตฺติยานนฺติ เอเกฯ ตาสญฺหิ ภิกฺขุนีนํ อุพฺภชาณุมณฺฑลิก (ปาจิ. ๖๕๘) -อฎฺฐวตฺถุก (ปาจิ. ๖๗๕) -วเสน กายสํสคฺควิเสโส ปาราชิกวตฺถุ, ‘‘หตฺถคฺคหณํ วา สาทิเยยฺย, กายํ วา ตทตฺถาย อุปสํหเรยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต สาทิยนมฺปิ, ‘‘สนฺติเฎฺฐยฺย วา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต ฐานมฺปิ, ‘‘สเงฺกตํ วา คเจฺฉยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต คมนมฺปิ, ‘‘ฉนฺนํ วา อนุปวิเสยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐานปฺปเวโสปิ โหติ, ตถา ‘‘รตฺตนฺธกาเร อปฺปทีเป, ปฎิจฺฉเนฺน โอกาเส อโชฺฌกาเส เอเกเนกา สนฺติเฎฺฐยฺย วา สลฺลเปยฺย วา’’ติ (ปาจิ. ๘๓๙) วจนโต ทุฎฺฐุลฺลวาจาปิ ปาจิตฺติยวตฺถุกนฺติ กตฺวา ตาสํ อญฺญถา อนิยตกณฺฑสฺส อวตฺตพฺพตาปตฺติโต น วุตฺตนฺติ เตสํ อธิปฺปาโยฯ ปกิณฺณกํฯ
Tatridaṃ mukhamattanidassanaṃ – okāsabhedatoti alaṃkammaniyanālaṃkammaniyabhedato. Paṭicchannampi hi ekaccaṃ nālaṃkammaniyaṃ vātapānādinā antaritattā , ubhayappaṭicchannampi ekaccaṃ nālaṃkammaniyaṃ vijānataṃ ajjhokāsattā. Rahobhedadīpanatoti ettha rahabhāvasāmaññepi raho dvidhā paṭicchannāpaṭicchannabhedatoti adhippāyo. Rahonisajjassādabhedadīpanatoti methunassādavasena nisajjā, duṭṭhullassādavasena nisajjāti tādisassa bhedassa dīpanatoti attho. ‘‘Idha āgatanayattā bhikkhunipātimokkhe idaṃ kaṇḍaṃ parihīnanti veditabba’’nti vadanti. ‘‘Aṭṭhuppattiyā tattha anuppannattā’’ti eke, taṃ anekantabhāvadīpanato ayuttaṃ. Sabbabuddhakāle hi bhikkhūnaṃ pañca, bhikkhunīnaṃ cattāro ca uddesā santi. Pātimokkhuddesapaññattiyā asādhāraṇattā tattha niddiṭṭhasaṅghādisesapācittiyānanti eke. Tāsañhi bhikkhunīnaṃ ubbhajāṇumaṇḍalika (pāci. 658) -aṭṭhavatthuka (pāci. 675) -vasena kāyasaṃsaggaviseso pārājikavatthu, ‘‘hatthaggahaṇaṃ vā sādiyeyya, kāyaṃ vā tadatthāya upasaṃhareyyā’’ti (pāci. 675) vacanato sādiyanampi, ‘‘santiṭṭheyya vā’’ti (pāci. 675) vacanato ṭhānampi, ‘‘saṅketaṃ vā gaccheyyā’’ti (pāci. 675) vacanato gamanampi, ‘‘channaṃ vā anupaviseyyā’’ti (pāci. 675) vacanato paṭicchannaṭṭhānappavesopi hoti, tathā ‘‘rattandhakāre appadīpe, paṭicchanne okāse ajjhokāse ekenekā santiṭṭheyya vā sallapeyya vā’’ti (pāci. 839) vacanato duṭṭhullavācāpi pācittiyavatthukanti katvā tāsaṃ aññathā aniyatakaṇḍassa avattabbatāpattito na vuttanti tesaṃ adhippāyo. Pakiṇṇakaṃ.
‘‘เทสนาวุฎฺฐานคามินีนํ อาปตฺตีนํ วเสน อลชฺชิอาทโย ลชฺชีนํ โจเทสฺสนฺตี’’ติ อาคตตฺตา ลชฺชิปคฺคหตฺถาย ปติรูปายปิ อุปาสิกาย วจเนน อกตฺวา ภิกฺขุเสฺสว ปฎิญฺญาย กาตพฺพนฺติ อาปตฺติโย ปน ลกฺขณทสฺสนตฺถํ ปญฺญตฺตํ วิตฺถารนยเมว คเหตฺวา วตฺตุํ ยุตฺตํ ‘‘อิเม โข ปนายสฺมโนฺต เทฺว อนิยตา ธมฺมา’’ติ (ปารา. ๔๔๓) อุเทฺทสทสฺสนตฺตาติ ลิขิตํฯ โสตสฺส รโหติ เอตฺถ รโหติ วจนสามญฺญโต วุตฺตํฯ ทุฎฺฐุลฺลสามญฺญโต ทุฎฺฐุลฺลาโรจนปฺปฎิจฺฉาทนสิกฺขาปเทสุ ปาราชิกวจนํ วิยฯ ตสฺมา ‘‘จกฺขุเสฺสว ปน รโห ‘รโห’ติ อิธ อธิเปฺปโต’’ติ วุตฺตํฯ กถํ ปญฺญายตีติ เจ? ‘‘มาตุคาโม นาม…เป.… อนฺตมโส ตทหุชาตาปิ ทาริกา’’ติ (ปารา. ๔๔๕) วุตฺตตฺตา ทุฎฺฐุโลฺลภาสนํ อิธ นาธิเปฺปตนฺติ ทีปิตเมวาติฯ อโนฺตทฺวาทสหเตฺถปีติ ปิ-สเทฺทน อปิหิตกวาฎสฺส คพฺภสฺส ทฺวาเร นิสิโนฺนปีติ อโตฺถฯ อเจลกวเคฺค รโหปฎิจฺฉนฺนาสนสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๒๘๘) ‘‘โย โกจิ วิญฺญู ปุริโส ทุติโย โหตี’’ติ อิมสฺส อนุรูปโต ‘‘อิตฺถีนํ ปน สตมฺปิ อนาปตฺติํ น กโรติเยวา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อลํกมฺมนิเยติ สกฺกา โหติ เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวิตุ’’นฺติ (ปารา. ๔๔๕) วิภเงฺค วจนโต รโหนิสชฺชสฺสาโท เจตฺถ เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลโส, น ทุติเย วิย ทุฎฺฐุลฺลวาจสฺสาทกิเลโสฯ ตสฺมา จ ปญฺญายติ โสตสฺส รโห นาธิเปฺปโตติฯ
‘‘Desanāvuṭṭhānagāminīnaṃ āpattīnaṃ vasena alajjiādayo lajjīnaṃ codessantī’’ti āgatattā lajjipaggahatthāya patirūpāyapi upāsikāya vacanena akatvā bhikkhusseva paṭiññāya kātabbanti āpattiyo pana lakkhaṇadassanatthaṃ paññattaṃ vitthāranayameva gahetvā vattuṃ yuttaṃ ‘‘ime kho panāyasmanto dve aniyatā dhammā’’ti (pārā. 443) uddesadassanattāti likhitaṃ. Sotassa rahoti ettha rahoti vacanasāmaññato vuttaṃ. Duṭṭhullasāmaññato duṭṭhullārocanappaṭicchādanasikkhāpadesu pārājikavacanaṃ viya. Tasmā ‘‘cakkhusseva pana raho ‘raho’ti idha adhippeto’’ti vuttaṃ. Kathaṃ paññāyatīti ce? ‘‘Mātugāmo nāma…pe… antamaso tadahujātāpi dārikā’’ti (pārā. 445) vuttattā duṭṭhullobhāsanaṃ idha nādhippetanti dīpitamevāti. Antodvādasahatthepīti pi-saddena apihitakavāṭassa gabbhassa dvāre nisinnopīti attho. Acelakavagge rahopaṭicchannāsanasikkhāpade (pāci. 288) ‘‘yo koci viññū puriso dutiyo hotī’’ti imassa anurūpato ‘‘itthīnaṃ pana satampi anāpattiṃ na karotiyevā’’ti vuttaṃ. ‘‘Alaṃkammaniyeti sakkā hoti methunaṃ dhammaṃ paṭisevitu’’nti (pārā. 445) vibhaṅge vacanato rahonisajjassādo cettha methunadhammasannissitakileso, na dutiye viya duṭṭhullavācassādakileso. Tasmā ca paññāyati sotassa raho nādhippetoti.
ติณฺณํ ธมฺมานํ อญฺญตเรน วเทยฺยาติ รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวเสน นิสินฺนสฺส ตสฺสานุสาเรน ปาจิตฺติยเมว อวตฺวา ปาราชิกสงฺฆาทิเสสายปิ อาปตฺติยา เภททสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ปุน อาปตฺติปฺปฎิชานนํ อวตฺวา กสฺมา ‘‘นิสชฺชํ ภิกฺขุ ปฎิชานมาโน’’ติ วตฺถุปฺปฎิชานนํ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – อาปตฺติยา โจทิเต วินยธเรน ‘‘กิสฺมิํ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ ปุจฺฉิเต จุทิตเกน ‘‘อิมสฺมิํ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ วุเตฺต วินยธเรน ‘‘อีทิสํ นาม อกาสี’’ติ ปุจฺฉิเต โส วตฺถุํ ปฎิชานมาโนว กาเรตโพฺพติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘นิสชฺชํ ภิกฺขุ ปฎิชานมาโน’’ติ วุตฺตํฯ ยทิ เอวํ นิสชฺชํ ปฎิชานมาโนปิ อาปตฺติยาว กาเรตโพฺพติ? อนุรูปเมวฯ เอวํ ปน คเหตพฺพํ – ติณฺณมฺปิ อาปตฺตีนํ วตฺถูนิ อคฺคเหตฺวา อิธ สิกฺขาปทวเสน นิสชฺชเมว วุตฺตํฯ ตสฺมิํ คหิเตปิ หิ อาปตฺติ คหิตาว โหตีติฯ เยน วา สาติ เอตฺถ วา-สโทฺท ‘‘เตน โส ภิกฺขุ กาเรตโพฺพ วา’’ติ โยเชตโพฺพฯ โส จ วิกปฺปโตฺถฯ ตสฺมา ‘‘กาเรตโพฺพ วา ปฎิชานมาโน, น วา กาเรตโพฺพ อปฺปฎิชานมาโน’’ติ อโตฺถฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปฎิชานมาโน วา’’ติอาทิฯ รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวเสน นิสชฺชปจฺจยา อาปตฺติยา วุตฺตตฺตา เสเสสุปิ เสสสิกฺขาปทวเสน อาปตฺติ คเหตพฺพาฯ ‘‘สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมปาราชิกสทิสาเนวา’’ติ วุตฺตตฺตา อิธ ทุฎฺฐุโลฺลภาสนสฺส อนธิเปฺปตภาโว เวทิตโพฺพฯ
Tiṇṇaṃ dhammānaṃ aññatarena vadeyyāti rahonisajjasikkhāpadavasena nisinnassa tassānusārena pācittiyameva avatvā pārājikasaṅghādisesāyapi āpattiyā bhedadassanatthaṃ vuttaṃ. Puna āpattippaṭijānanaṃ avatvā kasmā ‘‘nisajjaṃ bhikkhu paṭijānamāno’’ti vatthuppaṭijānanaṃ vuttanti? Vuccate – āpattiyā codite vinayadharena ‘‘kismiṃ vatthusmi’’nti pucchite cuditakena ‘‘imasmiṃ vatthusmi’’nti vutte vinayadharena ‘‘īdisaṃ nāma akāsī’’ti pucchite so vatthuṃ paṭijānamānova kāretabboti dassanatthaṃ ‘‘nisajjaṃ bhikkhu paṭijānamāno’’ti vuttaṃ. Yadi evaṃ nisajjaṃ paṭijānamānopi āpattiyāva kāretabboti? Anurūpameva. Evaṃ pana gahetabbaṃ – tiṇṇampi āpattīnaṃ vatthūni aggahetvā idha sikkhāpadavasena nisajjameva vuttaṃ. Tasmiṃ gahitepi hi āpatti gahitāva hotīti. Yena vā sāti ettha vā-saddo ‘‘tena so bhikkhu kāretabbo vā’’ti yojetabbo. So ca vikappattho. Tasmā ‘‘kāretabbo vā paṭijānamāno, na vā kāretabbo appaṭijānamāno’’ti attho. Tena vuttaṃ ‘‘paṭijānamāno vā’’tiādi. Rahonisajjasikkhāpadavasena nisajjapaccayā āpattiyā vuttattā sesesupi sesasikkhāpadavasena āpatti gahetabbā. ‘‘Samuṭṭhānādīni paṭhamapārājikasadisānevā’’ti vuttattā idha duṭṭhullobhāsanassa anadhippetabhāvo veditabbo.
ปฐมานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamāniyatasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.