Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
๓. ตติยปาราชิกํ
3. Tatiyapārājikaṃ
ตีหีติ กายวจีมโนทฺวาเรหิฯ วิภาวิตนฺติ ปกาสิตํ, เทสิตํ ปญฺญตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
Tīhīti kāyavacīmanodvārehi. Vibhāvitanti pakāsitaṃ, desitaṃ paññattanti vuttaṃ hoti.
ปฐมปญฺญตฺตินิทานวณฺณนา
Paṭhamapaññattinidānavaṇṇanā
๑๖๒. ติกฺขตฺตุํ ปาการปริเกฺขปวฑฺฒเนนาติ ติกฺขตฺตุํ ปาการปริเกฺขเปน นครภูมิยา วฑฺฒเนนฯ วิสาลีภูตตฺตาติ คาวุตนฺตรํ คาวุตนฺตรํ ปุถุภูตตฺตาฯ พาราณสิรโญฺญ กิร (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๔๖; ขุ. ปา. อฎฺฐ. ๖. รตนสุตฺตวณฺณนา) อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ คโพฺภ สณฺฐาสิ, สา ญตฺวา รโญฺญ นิเวเทสิ, ราชา คพฺภปริหารํ อทาสิฯ สา สมฺมา ปริหริยมานา คพฺภปริปากกาเล วิชายนฆรํ ปาวิสิฯ ปุญฺญวนฺตีนํ ปจฺจูสสมเย คพฺภวุฎฺฐานํ โหติ, สา จ ตาสํ อญฺญตรา, เตน ปจฺจูสสมเย อลตฺตกปฎลพนฺธุชีวกปุปฺผสทิสํ มํสเปสิํ วิชายิฯ ตโต ‘‘อญฺญา เทวิโย สุวณฺณพิมฺพสทิเส ปุเตฺต วิชายนฺติ, อคฺคมเหสี มํสเปสินฺติ รโญฺญ ปุรโต มม อวโณฺณ อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ จิเนฺตตฺวา เตน อวณฺณภเยน ตํ มํสเปสิํ เอกสฺมิํ ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา ปฎิกุชฺชิตฺวา ราชมุทฺทิกาย ลเญฺฉตฺวา คงฺคาย โสเต ปกฺขิปาเปสิฯ มนุเสฺสหิ ฉฑฺฑิตมเตฺต เทวตา อารกฺขํ สํวิทหิํสุฯ สุวณฺณปฎฺฎิกเญฺจตฺถ ชาติหิงฺคุลเกน ‘‘พาราณสิรโญฺญ อคฺคมเหสิยา ปชา’’ติ ลิขิตฺวา พนฺธิํสุฯ ตโต ตํ ภาชนํ อูมิภยาทีหิ อนุปทฺทุตํ คงฺคาโสเตน ปายาสิฯ
162.Tikkhattuṃ pākāraparikkhepavaḍḍhanenāti tikkhattuṃ pākāraparikkhepena nagarabhūmiyā vaḍḍhanena. Visālībhūtattāti gāvutantaraṃ gāvutantaraṃ puthubhūtattā. Bārāṇasirañño kira (ma. ni. aṭṭha. 1.146; khu. pā. aṭṭha. 6. ratanasuttavaṇṇanā) aggamahesiyā kucchimhi gabbho saṇṭhāsi, sā ñatvā rañño nivedesi, rājā gabbhaparihāraṃ adāsi. Sā sammā parihariyamānā gabbhaparipākakāle vijāyanagharaṃ pāvisi. Puññavantīnaṃ paccūsasamaye gabbhavuṭṭhānaṃ hoti, sā ca tāsaṃ aññatarā, tena paccūsasamaye alattakapaṭalabandhujīvakapupphasadisaṃ maṃsapesiṃ vijāyi. Tato ‘‘aññā deviyo suvaṇṇabimbasadise putte vijāyanti, aggamahesī maṃsapesinti rañño purato mama avaṇṇo uppajjeyyā’’ti cintetvā tena avaṇṇabhayena taṃ maṃsapesiṃ ekasmiṃ bhājane pakkhipitvā paṭikujjitvā rājamuddikāya lañchetvā gaṅgāya sote pakkhipāpesi. Manussehi chaḍḍitamatte devatā ārakkhaṃ saṃvidahiṃsu. Suvaṇṇapaṭṭikañcettha jātihiṅgulakena ‘‘bārāṇasirañño aggamahesiyā pajā’’ti likhitvā bandhiṃsu. Tato taṃ bhājanaṃ ūmibhayādīhi anupaddutaṃ gaṅgāsotena pāyāsi.
เตน จ สมเยน อญฺญตโร ตาปโส โคปาลกกุลํ นิสฺสาย คงฺคาตีเร วิหรติฯ โส ปาโตว คงฺคํ โอติโณฺณ ตํ ภาชนํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปํสุกูลสญฺญาย อคฺคเหสิฯ อเถตฺถ ตํ อกฺขรปฎฺฎิกํ ราชมุทฺทิกาลญฺฉนญฺจ ทิสฺวา มุญฺจิตฺวา ตํ มํสเปสิํ อทฺทสฯ ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ ‘‘สิยา คโพฺภ, ตถา หิสฺส ทุคฺคนฺธปูติภาโว นตฺถี’’ติฯ อุทกปฺปวาเหนาคตสฺสปิ หิ อุสฺมา น วิคจฺฉติ, อุสฺมา จ นาม อีทิสาย สวิญฺญาณกตาย ภเวยฺยาติ ‘‘สิยา คโพฺภ’’ติ จิเนฺตสิฯ ปุญฺญวนฺตตาย ปน ทุคฺคนฺธํ นาโหสิ สอุสุมคตาย ปูติภาโว จฯ เอวํ ปน จิเนฺตตฺวา อสฺสมํ เนตฺวา นํ สุเทฺธ โอกาเส ฐเปสิฯ อถ อฑฺฒมาสจฺจเยน เทฺว มํสเปสิโย อเหสุํฯ ตาปโส ทิสฺวา สาธุกตรํ ฐเปสิฯ ตโต ปุน อฑฺฒมาสจฺจเยน เอกเมกิสฺสา เปสิยา หตฺถปาทสีสานมตฺถาย ปญฺจ ปญฺจ ปิฬกา อุฎฺฐหิํสุฯ อถ ตโต อฑฺฒมาสจฺจเยน เอกา มํสเปสิ สุวณฺณพิมฺพสทิโส ทารโก, เอกา ทาริกา อโหสิฯ เตสุ ตาปสสฺส ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชิ, ทารกานํ ปุญฺญุปนิสฺสยโต องฺคุฎฺฐกโต จสฺส ขีรํ นิพฺพตฺติฯ ตโต ปภุติ จ ขีรภตฺตํ อลภิตฺถฯ ตาปโส ภตฺตํ ภุญฺชิตฺวา ขีรํ ทารกานํ มุเข อาสิญฺจติฯ เตสํ ปน ยํ ยํ อุทรํ ปวิสติ, ตํ สพฺพํ มณิภาชนคตํ วิย ทิสฺสติฯ จริมภเว โพธิสเตฺต กุจฺฉิคเต โพธิสตฺตมาตุ วิย อุทรจฺฉวิยา อจฺฉวิปฺปสนฺนตาย เอวํ เต นิจฺฉวี อเหสุํฯ อปเร อาหุ ‘‘สิพฺพิตฺวา ฐปิตา วิย เนสํ อญฺญมญฺญํ ลีนา ฉวิ อโหสี’’ติฯ เอวํ เต นิจฺฉวิตาย วา ลีนจฺฉวิตาย วา ‘‘ลิจฺฉวี’’ติ ปญฺญายิํสุฯ
Tena ca samayena aññataro tāpaso gopālakakulaṃ nissāya gaṅgātīre viharati. So pātova gaṅgaṃ otiṇṇo taṃ bhājanaṃ āgacchantaṃ disvā paṃsukūlasaññāya aggahesi. Athettha taṃ akkharapaṭṭikaṃ rājamuddikālañchanañca disvā muñcitvā taṃ maṃsapesiṃ addasa. Disvānassa etadahosi ‘‘siyā gabbho, tathā hissa duggandhapūtibhāvo natthī’’ti. Udakappavāhenāgatassapi hi usmā na vigacchati, usmā ca nāma īdisāya saviññāṇakatāya bhaveyyāti ‘‘siyā gabbho’’ti cintesi. Puññavantatāya pana duggandhaṃ nāhosi sausumagatāya pūtibhāvo ca. Evaṃ pana cintetvā assamaṃ netvā naṃ suddhe okāse ṭhapesi. Atha aḍḍhamāsaccayena dve maṃsapesiyo ahesuṃ. Tāpaso disvā sādhukataraṃ ṭhapesi. Tato puna aḍḍhamāsaccayena ekamekissā pesiyā hatthapādasīsānamatthāya pañca pañca piḷakā uṭṭhahiṃsu. Atha tato aḍḍhamāsaccayena ekā maṃsapesi suvaṇṇabimbasadiso dārako, ekā dārikā ahosi. Tesu tāpasassa puttasineho uppajji, dārakānaṃ puññupanissayato aṅguṭṭhakato cassa khīraṃ nibbatti. Tato pabhuti ca khīrabhattaṃ alabhittha. Tāpaso bhattaṃ bhuñjitvā khīraṃ dārakānaṃ mukhe āsiñcati. Tesaṃ pana yaṃ yaṃ udaraṃ pavisati, taṃ sabbaṃ maṇibhājanagataṃ viya dissati. Carimabhave bodhisatte kucchigate bodhisattamātu viya udaracchaviyā acchavippasannatāya evaṃ te nicchavī ahesuṃ. Apare āhu ‘‘sibbitvā ṭhapitā viya nesaṃ aññamaññaṃ līnā chavi ahosī’’ti. Evaṃ te nicchavitāya vā līnacchavitāya vā ‘‘licchavī’’ti paññāyiṃsu.
ตาปโส ทารเก โปเสโนฺต อุสฺสูเร คามํ ภิกฺขาย ปวิสติ, อติทิวา ปฎิกฺกมติฯ ตสฺส ตํ พฺยาปารํ ญตฺวา โคปาลกา อาหํสุ – ‘‘ภเนฺต, ปพฺพชิตานํ ทารกโปสนํ ปลิโพโธ, อมฺหากํ ทารเก เทถ, มยํ โปเสสฺสาม, ตุเมฺห อตฺตโน กมฺมํ กโรถา’’ติฯ ตาปโส ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิฯ โคปาลกา ทุติยทิวเส มคฺคํ สมํ กตฺวา ปุเปฺผหิ โอกิริตฺวา ธชปฎากา อุสฺสาเปตฺวา ตูริเยหิ วชฺชมาเนหิ อสฺสมํ อาคตาฯ ตาปโส ‘‘มหาปุญฺญา ทารกา, อปฺปมาเทเนว วเฑฺฒถ, วเฑฺฒตฺวา อญฺญมญฺญํ อาวาหํ กโรถ, ปญฺจโครเสน ราชานํ โตเสตฺวา ภูมิภาคํ คเหตฺวา นครํ มาเปถ, ตตฺถ กุมารํ อภิสิญฺจถา’’ติ วตฺวา ทารเก อทาสิฯ เต ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา ทารเก เนตฺวา โปเสสุํฯ ทารกา วุฑฺฒิมนฺวาย กีฬนฺตา วิวาทฎฺฐาเนสุ อเญฺญ โคปาลกทารเก หเตฺถนปิ ปาเทนปิ ปหรนฺติ, เต โรทนฺติฯ ‘‘กิสฺส โรทถา’’ติ จ มาตาปิตูหิ วุตฺตา ‘‘อิเม นิมฺมาตาปิติกา ตาปสโปสิตา อเมฺห อตีว ปหรนฺตี’’ติ วทนฺติฯ ตโต เนสํ โปสกมาตาปิตโรปิ ‘‘อิเม ทารกา อเญฺญ ทารเก วิเหเสนฺติ ทุกฺขาเปนฺติ, น อิเม สงฺคเหตพฺพา, วเชฺชตพฺพา อิเม’’ติ อาหํสุฯ ตโต ปภุติ กิร โส ปเทโส ‘‘วชฺชี’’ติ วุจฺจติ โยชนสตปริมาเณนฯ
Tāpaso dārake posento ussūre gāmaṃ bhikkhāya pavisati, atidivā paṭikkamati. Tassa taṃ byāpāraṃ ñatvā gopālakā āhaṃsu – ‘‘bhante, pabbajitānaṃ dārakaposanaṃ palibodho, amhākaṃ dārake detha, mayaṃ posessāma, tumhe attano kammaṃ karothā’’ti. Tāpaso ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇi. Gopālakā dutiyadivase maggaṃ samaṃ katvā pupphehi okiritvā dhajapaṭākā ussāpetvā tūriyehi vajjamānehi assamaṃ āgatā. Tāpaso ‘‘mahāpuññā dārakā, appamādeneva vaḍḍhetha, vaḍḍhetvā aññamaññaṃ āvāhaṃ karotha, pañcagorasena rājānaṃ tosetvā bhūmibhāgaṃ gahetvā nagaraṃ māpetha, tattha kumāraṃ abhisiñcathā’’ti vatvā dārake adāsi. Te ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇitvā dārake netvā posesuṃ. Dārakā vuḍḍhimanvāya kīḷantā vivādaṭṭhānesu aññe gopālakadārake hatthenapi pādenapi paharanti, te rodanti. ‘‘Kissa rodathā’’ti ca mātāpitūhi vuttā ‘‘ime nimmātāpitikā tāpasapositā amhe atīva paharantī’’ti vadanti. Tato nesaṃ posakamātāpitaropi ‘‘ime dārakā aññe dārake vihesenti dukkhāpenti, na ime saṅgahetabbā, vajjetabbā ime’’ti āhaṃsu. Tato pabhuti kira so padeso ‘‘vajjī’’ti vuccati yojanasataparimāṇena.
อถ ตํ ปเทสํ โคปาลกา ราชานํ โตเสตฺวา อคฺคเหสุํฯ ตตฺถ จ นครํ มาเปตฺวา โสฬสวสฺสุเทฺทสิกํ กุมารํ อภิสิญฺจิตฺวา ราชานํ อกํสุฯ รชฺชสมฺปตฺติทายกสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อสมฺภิเนฺน เอว ราชกุเล อุปฺปนฺนตฺตา จ ราชกุมารสฺส ปุญฺญานุภาวสโญฺจทิตา เทวตาธิคฺคหิตา อกํสูติ เกจิฯ ทารกสฺส ทาริกาย สทฺธิํ วาเรยฺยํ กตฺวา กติกํ อกํสุ ‘‘พาหิรโต ทาริกา น อาเนตพฺพา, อิโต ทาริกา น กสฺสจิ ทาตพฺพา’’ติฯ เตสํ ปฐมสํวาเสน เทฺว ทารกา ชาตา ธีตา จ ปุโตฺต จฯ เอวํ โสฬสกฺขตฺตุํ เทฺว เทฺว ชาตาฯ ตโต เตสํ ทารกานํ ยถากฺกมํ วฑฺฒนฺตานํ อารามุยฺยานนิวาสฎฺฐานปริวารสมฺปตฺติํ คเหตุํ อปฺปโหนฺตํ นครํ ติกฺขตฺตุํ คาวุตนฺตเรน คาวุตนฺตเรน ปริกฺขิปิํสุฯ ตสฺส ปุนปฺปุนํ วิสาลีกตตฺตา ‘‘เวสาลี’’เตฺวว นามํ ชาตํฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ติกฺขตฺตุํ ปาการปริเกฺขปวฑฺฒเนน วิสาลีภูตตฺตา เวสาลีติ วุจฺจตี’’ติฯ
Atha taṃ padesaṃ gopālakā rājānaṃ tosetvā aggahesuṃ. Tattha ca nagaraṃ māpetvā soḷasavassuddesikaṃ kumāraṃ abhisiñcitvā rājānaṃ akaṃsu. Rajjasampattidāyakassa kammassa katattā asambhinne eva rājakule uppannattā ca rājakumārassa puññānubhāvasañcoditā devatādhiggahitā akaṃsūti keci. Dārakassa dārikāya saddhiṃ vāreyyaṃ katvā katikaṃ akaṃsu ‘‘bāhirato dārikā na ānetabbā, ito dārikā na kassaci dātabbā’’ti. Tesaṃ paṭhamasaṃvāsena dve dārakā jātā dhītā ca putto ca. Evaṃ soḷasakkhattuṃ dve dve jātā. Tato tesaṃ dārakānaṃ yathākkamaṃ vaḍḍhantānaṃ ārāmuyyānanivāsaṭṭhānaparivārasampattiṃ gahetuṃ appahontaṃ nagaraṃ tikkhattuṃ gāvutantarena gāvutantarena parikkhipiṃsu. Tassa punappunaṃ visālīkatattā ‘‘vesālī’’tveva nāmaṃ jātaṃ. Tena vuttaṃ – ‘‘tikkhattuṃ pākāraparikkhepavaḍḍhanena visālībhūtattā vesālīti vuccatī’’ti.
อิทมฺปิ จ นครนฺติ น เกวลํ ราชคหสาวตฺถิโย เยวาติ ทเสฺสติฯ ตตฺถ มหาวนํ นามาติอาทิ มชฺฌิมภาณกสํยุตฺตภาณกานํ สมานฎฺฐกถาฯ มชฺฌิมฎฺฐกถายญฺหิ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๔๖) สํยุตฺตฎฺฐกถายญฺจ (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๕.๙๘๔-๙๘๕) อิมินาว นเยน วุตฺตํฯ ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๓๕๙) ปน ‘‘มหาวเนติ พหินคเร หิมวเนฺตน สทฺธิํ เอกาพทฺธํ หุตฺวา ฐิตํ สยํชาตํ วนํ อตฺถิ, ยํ มหนฺตภาเวเนว มหาวนนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมิํ มหาวเนฯ กูฎาคารสาลายนฺติ ตสฺมิํ วนสเณฺฑ สงฺฆารามํ ปติฎฺฐาเปสุํฯ ตตฺถ กณฺณิกํ โยเชตฺวา ถมฺภานํ อุปริ กูฎาคารสาลาสเงฺขเปน เทววิมานสทิสํ ปาสาทํ อกํสุ, ตํ อุปาทาย สกโลปิ สงฺฆาราโม กูฎาคารสาลาติ ปญฺญายิตฺถา’’ติ วุตฺตํฯ วนมเชฺฌ กตตฺตา ‘‘วนํ นิสฺสายา’’ติ วุตฺตํฯ อาราเมติ สงฺฆาราเมฯ หํสวฎฺฎกจฺฉทเนนาติ หํสวฎฺฎกปฎิจฺฉเนฺนน, หํสมณฺฑลากาเรนาติ อโตฺถฯ
Idampi ca nagaranti na kevalaṃ rājagahasāvatthiyo yevāti dasseti. Tattha mahāvanaṃ nāmātiādi majjhimabhāṇakasaṃyuttabhāṇakānaṃ samānaṭṭhakathā. Majjhimaṭṭhakathāyañhi (ma. ni. aṭṭha. 1.146) saṃyuttaṭṭhakathāyañca (saṃ. ni. aṭṭha. 3.5.984-985) imināva nayena vuttaṃ. Dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 1.359) pana ‘‘mahāvaneti bahinagare himavantena saddhiṃ ekābaddhaṃ hutvā ṭhitaṃ sayaṃjātaṃ vanaṃ atthi, yaṃ mahantabhāveneva mahāvananti vuccati, tasmiṃ mahāvane. Kūṭāgārasālāyanti tasmiṃ vanasaṇḍe saṅghārāmaṃ patiṭṭhāpesuṃ. Tattha kaṇṇikaṃ yojetvā thambhānaṃ upari kūṭāgārasālāsaṅkhepena devavimānasadisaṃ pāsādaṃ akaṃsu, taṃ upādāya sakalopi saṅghārāmo kūṭāgārasālāti paññāyitthā’’ti vuttaṃ. Vanamajjhe katattā ‘‘vanaṃ nissāyā’’ti vuttaṃ. Ārāmeti saṅghārāme. Haṃsavaṭṭakacchadanenāti haṃsavaṭṭakapaṭicchannena, haṃsamaṇḍalākārenāti attho.
อเนกปริยาเยนาติ เอตฺถ ปริยาย-สโทฺท การณวจโนติ อาห ‘‘อเนเกหิ การเณหี’’ติ, อยํ กาโย อวิญฺญาณโกปิ สวิญฺญาณโกปิ เอวมฺปิ อสุโภ เอวมฺปิ อสุโภติ นานาวิเธหิ การเณหีติ อโตฺถฯ อสุภาการสนฺทสฺสนปฺปวตฺตนฺติ เกสาทิวเสน ตตฺถาปิ วณฺณาทิโต อสุภาการสฺส สพฺพโส ทสฺสนวเสน ปวตฺตํฯ กายวิจฺฉนฺทนิยกถนฺติ อตฺตโน ปรสฺส จ กรชกาเย วิจฺฉนฺทนุปฺปาทนกถํฯ มุตฺตํ วาติอาทินา พฺยติเรกมุเขน กายสฺส อมนุญฺญตํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ อาทิโต ตีหิ ปเทหิ อทสฺสนียตาย อสารกตาย มเชฺฌ จตูหิ ทุคฺคนฺธตาย, อเนฺต เอเกน เลสมเตฺตนปิ มนุญฺญตาภาวมสฺส ทเสฺสติฯ อถ โขติอาทินา อนฺวยโต สรูเปเนว อมนุญฺญตาย ทสฺสนํฯ ฉโนฺทติ ทุพฺพลราโคฯ ราโคติ พลวราโคฯ ‘‘เกสา โลมาที’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิภาเคน ทเสฺสตุํ ‘‘เยปิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อสุภาติ อาคนฺตุเกน สุภากาเรน วิรหิตตฺตา อสุภาฯ อสุจิโนติ อตฺตโน สภาเวเนว อสุจิโนฯ ปฎิกูลาติ นาคริกสฺส อสุจิกฎฺฐานํ วิย ชิคุจฺฉนียตฺตา ปฎิกูลาฯ
Anekapariyāyenāti ettha pariyāya-saddo kāraṇavacanoti āha ‘‘anekehi kāraṇehī’’ti, ayaṃ kāyo aviññāṇakopi saviññāṇakopi evampi asubho evampi asubhoti nānāvidhehi kāraṇehīti attho. Asubhākārasandassanappavattanti kesādivasena tatthāpi vaṇṇādito asubhākārassa sabbaso dassanavasena pavattaṃ. Kāyavicchandaniyakathanti attano parassa ca karajakāye vicchandanuppādanakathaṃ. Muttaṃ vātiādinā byatirekamukhena kāyassa amanuññataṃ dasseti. Tattha ādito tīhi padehi adassanīyatāya asārakatāya majjhe catūhi duggandhatāya, ante ekena lesamattenapi manuññatābhāvamassa dasseti. Atha khotiādinā anvayato sarūpeneva amanuññatāya dassanaṃ. Chandoti dubbalarāgo. Rāgoti balavarāgo. ‘‘Kesā lomādī’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ vibhāgena dassetuṃ ‘‘yepi hī’’tiādi vuttaṃ. Asubhāti āgantukena subhākārena virahitattā asubhā. Asucinoti attano sabhāveneva asucino. Paṭikūlāti nāgarikassa asucikaṭṭhānaṃ viya jigucchanīyattā paṭikūlā.
เกสา นาเมเต วณฺณโตปิ ปฎิกูลา, สณฺฐานโตปิ คนฺธโตปิ อาสยโตปิ โอกาสโตปิ ปฎิกูลาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘โส จ เนสํ…เป.… ปญฺจหิ การเณหิ เวทิตโพฺพ’’ติ อาหฯ มนุเญฺญปิ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๘๓; วิภ. อฎฺฐ. ๓๕๖) หิ ยาคุปเตฺต วา ภตฺตปเตฺต วา เกสวณฺณํ กิญฺจิ ทิสฺวา ‘‘เกสมิสฺสกมิทํ, หรถ น’’นฺติ ชิคุจฺฉนฺติ, เอวํ เกสา วณฺณโต ปฎิกูลาฯ รตฺติํ ปริภุญฺชนฺตาปิ เกสสณฺฐานํ อกฺกวากํ วา มกจิวากํ วา ฉุปิตฺวา ตเถว ชิคุจฺฉนฺติ, เอวํ สณฺฐานโตปิ ปฎิกูลาฯ เตลมกฺขนปุปฺผธูปาทิสงฺขารวิรหิตานญฺจ เกสานํ คโนฺธ ปรมเชคุโจฺฉ โหติ, ตโต เชคุจฺฉตโร อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตานํฯ เกสา หิ วณฺณสณฺฐานโต อปฺปฎิกูลาปิ สิยุํ, คเนฺธน ปน ปฎิกูลาเยวฯ ยถา หิ ทหรสฺส กุมารกสฺส วจฺจํ วณฺณโต หลิทฺทิวณฺณํ, สณฺฐานโตปิ หลิทฺทิปิณฺฑสณฺฐานํ, สงฺการฎฺฐาเน ฉฑฺฑิตญฺจ อุทฺธุมาตกกาฬสุนขสรีรํ วณฺณโต ตาลปกฺกวณฺณํ, สณฺฐานโต วเฎฺฎตฺวา วิสฺสฎฺฐมุทิงฺคสณฺฐานํ, ทาฐาปิสฺส สุมนมกุฬสทิสาติ อุภยมฺปิ วณฺณสณฺฐานโต สิยา อปฺปฎิกูลํ, คเนฺธน ปน ปฎิกูลเมว, เอวํ เกสาปิ สิยุํ วณฺณสณฺฐานโต อปฺปฎิกูลา, คเนฺธน ปน ปฎิกูลาเยวาติฯ
Kesā nāmete vaṇṇatopi paṭikūlā, saṇṭhānatopi gandhatopi āsayatopi okāsatopi paṭikūlāti dassento ‘‘so ca nesaṃ…pe… pañcahi kāraṇehi veditabbo’’ti āha. Manuññepi (visuddhi. 1.383; vibha. aṭṭha. 356) hi yāgupatte vā bhattapatte vā kesavaṇṇaṃ kiñci disvā ‘‘kesamissakamidaṃ, haratha na’’nti jigucchanti, evaṃ kesā vaṇṇato paṭikūlā. Rattiṃ paribhuñjantāpi kesasaṇṭhānaṃ akkavākaṃ vā makacivākaṃ vā chupitvā tatheva jigucchanti, evaṃ saṇṭhānatopi paṭikūlā. Telamakkhanapupphadhūpādisaṅkhāravirahitānañca kesānaṃ gandho paramajeguccho hoti, tato jegucchataro aggimhi pakkhittānaṃ. Kesā hi vaṇṇasaṇṭhānato appaṭikūlāpi siyuṃ, gandhena pana paṭikūlāyeva. Yathā hi daharassa kumārakassa vaccaṃ vaṇṇato haliddivaṇṇaṃ, saṇṭhānatopi haliddipiṇḍasaṇṭhānaṃ, saṅkāraṭṭhāne chaḍḍitañca uddhumātakakāḷasunakhasarīraṃ vaṇṇato tālapakkavaṇṇaṃ, saṇṭhānato vaṭṭetvā vissaṭṭhamudiṅgasaṇṭhānaṃ, dāṭhāpissa sumanamakuḷasadisāti ubhayampi vaṇṇasaṇṭhānato siyā appaṭikūlaṃ, gandhena pana paṭikūlameva, evaṃ kesāpi siyuṃ vaṇṇasaṇṭhānato appaṭikūlā, gandhena pana paṭikūlāyevāti.
ยถา ปน อสุจิฎฺฐาเน คามนิสฺสเนฺทน ชาตานิ สูเปยฺยปณฺณานิ นาคริกมนุสฺสานํ เชคุจฺฉานิ โหนฺติ อปริโภคานิ, เอวํ เกสาปิ ปุพฺพโลหิตมุตฺตกรีสปิตฺตเสมฺหาทินิสฺสเนฺทน ชาตตฺตา เชคุจฺฉาติ อิทํ เตสํ อาสยโต ปาฎิกุลฺยํฯ อิเม จ เกสา นาม คูถราสิมฺหิ อุฎฺฐิตกณฺณกํ วิย เอกติํสโกฎฺฐาสราสิมฺหิ ชาตา, เต สุสานสงฺการฎฺฐานาทีสุ ชาตสากํ วิย ปริขาทีสุ ชาตกมลกุวลยาทิปุปฺผํ วิย จ อสุจิฎฺฐาเน ชาตตฺตา ปรมเชคุจฺฉาติ อิทํ เตสํ โอกาสโต ปาฎิกุลฺยํฯ ยถา จ เกสานํ, เอวํ สพฺพโกฎฺฐาสานญฺจ วณฺณสณฺฐานคนฺธาสโยกาสวเสน ปญฺจธา ปฎิกูลตา เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘เอวํ โลมาทีน’’นฺติฯ ปญฺจปญฺจปฺปเภเทนาติ เอตฺถ พาหิรตฺถสมาโส ทฎฺฐโพฺพ ปญฺจ ปญฺจ ปเภทา เอตสฺสาติ ปญฺจปญฺจปฺปเภโทติฯ
Yathā pana asuciṭṭhāne gāmanissandena jātāni sūpeyyapaṇṇāni nāgarikamanussānaṃ jegucchāni honti aparibhogāni, evaṃ kesāpi pubbalohitamuttakarīsapittasemhādinissandena jātattā jegucchāti idaṃ tesaṃ āsayato pāṭikulyaṃ. Ime ca kesā nāma gūtharāsimhi uṭṭhitakaṇṇakaṃ viya ekatiṃsakoṭṭhāsarāsimhi jātā, te susānasaṅkāraṭṭhānādīsu jātasākaṃ viya parikhādīsu jātakamalakuvalayādipupphaṃ viya ca asuciṭṭhāne jātattā paramajegucchāti idaṃ tesaṃ okāsato pāṭikulyaṃ. Yathā ca kesānaṃ, evaṃ sabbakoṭṭhāsānañca vaṇṇasaṇṭhānagandhāsayokāsavasena pañcadhā paṭikūlatā veditabbāti āha ‘‘evaṃ lomādīna’’nti. Pañcapañcappabhedenāti ettha bāhiratthasamāso daṭṭhabbo pañca pañca pabhedā etassāti pañcapañcappabhedoti.
สํวเณฺณโนฺตติ วิตฺถาเรโนฺตฯ อสุภายาติ อสุภมาติกายฯ ผาติกมฺมนฺติ พหุลีกาโรฯ ปญฺจงฺควิปฺปหีนํ ปญฺจงฺคสมนฺนาคตนฺติ เอตฺถ กามจฺฉโนฺท พฺยาปาโท ถินมิทฺธํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ วิจิกิจฺฉาติ อิเมสํ ปญฺจนฺนํ นีวรณานํ ปหานวเสน ปญฺจงฺควิปฺปหีนตา เวทิตพฺพาฯ น หิ เอเตสุ อปฺปหีเนสุ ฌานํ อุปฺปชฺชติ, เตนเสฺสตานิ ปหานงฺคานีติ วุจฺจนฺติฯ กิญฺจาปิ หิ ฌานกฺขเณ อเญฺญปิ อกุสลา ธมฺมา ปหียนฺติ, ตถาปิ เอตาเนว วิเสเสน ฌานนฺตรายกรานิฯ กามจฺฉเนฺทน หิ นานาวิสยปโลภิตํ จิตฺตํ น เอกตฺตารมฺมเณ สมาธิยติ, กามจฺฉนฺทาภิภูตํ วา จิตฺตํ น กามธาตุปฺปหานาย ปฎิปทํ ปฎิปชฺชติ, พฺยาปาเทน จ อารมฺมเณ ปฎิหญฺญมานํ น นิรนฺตรํ ปวตฺตติ, ถินมิทฺธาภิภูตํ อกมฺมญฺญํ โหติ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปเรตํ อวูปสนฺตเมว หุตฺวา ปริพฺภมติ, วิจิกิจฺฉาย อุปหตํ ฌานาธิคมสาธิกํ ปฎิปทํ นาโรหติฯ อิติ วิเสเสน ฌานนฺตรายกรตฺตา เอตาเนว ปหานงฺคานีติ วุตฺตานิฯ
Saṃvaṇṇentoti vitthārento. Asubhāyāti asubhamātikāya. Phātikammanti bahulīkāro. Pañcaṅgavippahīnaṃ pañcaṅgasamannāgatanti ettha kāmacchando byāpādo thinamiddhaṃ uddhaccakukkuccaṃ vicikicchāti imesaṃ pañcannaṃ nīvaraṇānaṃ pahānavasena pañcaṅgavippahīnatā veditabbā. Na hi etesu appahīnesu jhānaṃ uppajjati, tenassetāni pahānaṅgānīti vuccanti. Kiñcāpi hi jhānakkhaṇe aññepi akusalā dhammā pahīyanti, tathāpi etāneva visesena jhānantarāyakarāni. Kāmacchandena hi nānāvisayapalobhitaṃ cittaṃ na ekattārammaṇe samādhiyati, kāmacchandābhibhūtaṃ vā cittaṃ na kāmadhātuppahānāya paṭipadaṃ paṭipajjati, byāpādena ca ārammaṇe paṭihaññamānaṃ na nirantaraṃ pavattati, thinamiddhābhibhūtaṃ akammaññaṃ hoti, uddhaccakukkuccaparetaṃ avūpasantameva hutvā paribbhamati, vicikicchāya upahataṃ jhānādhigamasādhikaṃ paṭipadaṃ nārohati. Iti visesena jhānantarāyakarattā etāneva pahānaṅgānīti vuttāni.
ยสฺมา ปน วิตโกฺก อารมฺมเณ จิตฺตํ อภินิโรเปติ, วิจาโร อนุปฺปพนฺธติ, เตหิ อวิเกฺขปาย สมฺปาทิตปโยคสฺส เจตโส ปโยคสมฺปตฺติสมฺภวา ปีติ ปีนนํ, สุขญฺจ อุปพฺรูหนํ กโรติ, อถ นํ สสมฺปยุตฺตธมฺมํ เอเตหิ อภินิโรปนานุพนฺธนปีนนอุปพฺรูหเนหิ อนุคฺคหิตา เอกคฺคตา เอกตฺตารมฺมเณ สมํ สมฺมา อาธิยติ, ตสฺมา วิตโกฺก วิจาโร ปีติ สุขํ จิเตฺตกคฺคตาติ อิเมสํ ปญฺจนฺนํ อุปฺปตฺติวเสน ปญฺจงฺคสมนฺนาคตตา เวทิตพฺพาฯ อุปฺปเนฺนสุ หิ เอเตสุ ปญฺจสุ ฌานํ อุปฺปนฺนํ นาม โหติ, เตนสฺส เอตานิ ปญฺจ สมนฺนาคตงฺคานีติ วุจฺจนฺติฯ ตสฺมา น เอเตหิ สมนฺนาคตํ อญฺญเทว ฌานํ นาม อตฺถีติ คเหตพฺพํฯ ยถา ปน องฺคมตฺตวเสเนว จตุรงฺคินี เสนา, ปญฺจงฺคิกํ ตูริยํ อฎฺฐงฺคิโก จ มโคฺคติ วุจฺจติ, เอวมิทมฺปิ องฺคมตฺตวเสเนว ‘‘ปญฺจงฺคิก’’นฺติ วา ‘‘ปญฺจงฺคสมนฺนาคต’’นฺติ วา วุจฺจตีติ เวทิตพฺพํฯ
Yasmā pana vitakko ārammaṇe cittaṃ abhiniropeti, vicāro anuppabandhati, tehi avikkhepāya sampāditapayogassa cetaso payogasampattisambhavā pīti pīnanaṃ, sukhañca upabrūhanaṃ karoti, atha naṃ sasampayuttadhammaṃ etehi abhiniropanānubandhanapīnanaupabrūhanehi anuggahitā ekaggatā ekattārammaṇe samaṃ sammā ādhiyati, tasmā vitakko vicāro pīti sukhaṃ cittekaggatāti imesaṃ pañcannaṃ uppattivasena pañcaṅgasamannāgatatā veditabbā. Uppannesu hi etesu pañcasu jhānaṃ uppannaṃ nāma hoti, tenassa etāni pañca samannāgataṅgānīti vuccanti. Tasmā na etehi samannāgataṃ aññadeva jhānaṃ nāma atthīti gahetabbaṃ. Yathā pana aṅgamattavaseneva caturaṅginī senā, pañcaṅgikaṃ tūriyaṃ aṭṭhaṅgiko ca maggoti vuccati, evamidampi aṅgamattavaseneva ‘‘pañcaṅgika’’nti vā ‘‘pañcaṅgasamannāgata’’nti vā vuccatīti veditabbaṃ.
เอตานิ จ ปญฺจงฺคานิ กิญฺจาปิ อุปจารกฺขเณปิ อตฺถิ, อถ โข อุปจาเร ปกติจิตฺตโต พลวตรานิ, อิธ ปน อุปจารโตปิ พลวตรานิ รูปาวจรกฺขณปฺปตฺตานิฯ เอตฺถ หิ วิตโกฺก สุวิสเทน อากาเรน อารมฺมเณ จิตฺตํ อภินิโรปยมาโน อุปฺปชฺชติ, วิจาโร อติวิย อารมฺมณํ อนุมชฺชมาโน, ปีติสุขํ สพฺพาวนฺตมฺปิ กายํ ผรมานํฯ เตเนว วุตฺตํ ‘‘นาสฺส กิญฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส วิเวกเชน ปีติสุเขน อปฺผุฎํ โหตี’’ติฯ จิเตฺตกคฺคตาปิ เหฎฺฐิมมฺหิ สมุคฺคปฎเล อุปริมํ สมุคฺคปฎลํ วิย อารมฺมเณ สุผุสิตา หุตฺวา อุปฺปชฺชติฯ อยเมเตสํ อิตเรหิ วิเสโส, ตสฺมา ‘‘ปญฺจงฺคสมนฺนาคต’’นฺติ อปฺปนาฌานเมว วิเสเสตฺวา วุตฺตํฯ
Etāni ca pañcaṅgāni kiñcāpi upacārakkhaṇepi atthi, atha kho upacāre pakaticittato balavatarāni, idha pana upacāratopi balavatarāni rūpāvacarakkhaṇappattāni. Ettha hi vitakko suvisadena ākārena ārammaṇe cittaṃ abhiniropayamāno uppajjati, vicāro ativiya ārammaṇaṃ anumajjamāno, pītisukhaṃ sabbāvantampi kāyaṃ pharamānaṃ. Teneva vuttaṃ ‘‘nāssa kiñci sabbāvato kāyassa vivekajena pītisukhena apphuṭaṃ hotī’’ti. Cittekaggatāpi heṭṭhimamhi samuggapaṭale uparimaṃ samuggapaṭalaṃ viya ārammaṇe suphusitā hutvā uppajjati. Ayametesaṃ itarehi viseso, tasmā ‘‘pañcaṅgasamannāgata’’nti appanājhānameva visesetvā vuttaṃ.
ติวิธกลฺยาณํ ทสลกฺขณสมฺปนฺนนฺติ เอตฺถ ปน ฌานสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานวเสน ติวิธกลฺยาณตา, เตสํเยว อาทิมชฺฌปริโยสานานํ ลกฺขณวเสน ทสลกฺขณสมฺปนฺนตา เวทิตพฺพาฯ วิตฺถารนยํ ปเนตฺถ สยเมว ปกาสยิสฺสติฯ กิเลสโจเรหิ อนภิภวนียตฺตา ฌานํ ‘‘จิตฺตมญฺชูส’’นฺติ วุตฺตํฯ นิสฺสายาติ ปาทกํ กตฺวาฯ
Tividhakalyāṇaṃ dasalakkhaṇasampannanti ettha pana jhānassa ādimajjhapariyosānavasena tividhakalyāṇatā, tesaṃyeva ādimajjhapariyosānānaṃ lakkhaṇavasena dasalakkhaṇasampannatā veditabbā. Vitthāranayaṃ panettha sayameva pakāsayissati. Kilesacorehi anabhibhavanīyattā jhānaṃ ‘‘cittamañjūsa’’nti vuttaṃ. Nissāyāti pādakaṃ katvā.
ทสลกฺขณวิภาวเนเนว ติวิธกลฺยาณตาปิ วิภาวิตา โหตีติ ทสลกฺขณํ ตาว ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺริมานี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปาริปนฺถิกโต จิตฺตวิสุทฺธีติอาทีนํ ปทานํ อโตฺถ ‘‘ตตฺรายํ ปาฬี’’ติอาทินา วุตฺตปาฬิวณฺณนายเมว อาวิ ภวิสฺสติฯ ตตฺราติ ตสฺมิํ ทสลกฺขณวิภาวเนฯ ปฎิปทาวิสุทฺธีติ ปฎิปชฺชติ ฌานํ เอตายาติ ปฎิปทา, โคตฺรภุปริโยสาโน ปุพฺพภาคิโย ภาวนานโยฯ ปริปนฺถโต วิสุชฺฌนํ วิสุทฺธิ, ปฎิปทาย วิสุทฺธิ ปฎิปทาวิสุทฺธิฯ สา ปนายํ ยสฺมา ฌานสฺส อุปฺปาทกฺขเณ ลพฺภติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปฎิปทาวิสุทฺธิ อาที’’ติฯ อุเปกฺขานุพฺรูหนาติ วิโสเธตพฺพตาทีนํ อภาวโต ฌานปริยาปนฺนาย ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจนิปฺผตฺติยา อนุพฺรูหนาฯ สา ปนายํ ยสฺมา วิเสสโต ฌานสฺส ฐิติกฺขเณ ลพฺภติ, เตน วุตฺตํ ‘‘อุเปกฺขานุพฺรูหนา มเชฺฌ’’ติฯ สมฺปหํสนาติ ตตฺถ ธมฺมานํ อนติวตฺตนาทิสาธกสฺส ญาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติวเสน ปริโยทปนาฯ สา ปน ยสฺมา ฌานสฺส โอสานกฺขเณ ปากฎา โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สมฺปหํสนา ปริโยสาน’’นฺติฯ อิมานิ ตีณิ ลกฺขณานีติ ปริปนฺถโต จิตฺตสฺส วิสุชฺฌนากาโร, มชฺฌิมสฺส สมถนิมิตฺตสฺส ปฎิปชฺชนากาโร, ตตฺถ ปกฺขนฺทนากาโรติ อิมานิ ตีณิ ฌานสฺส อาทิโต อุปฺปาทกฺขเณ อปฺปนาปฺปตฺติลกฺขณานิฯ เตหิ อากาเรหิ วินา อปฺปนาปฺปตฺติยา อภาวโต อสติ จ อปฺปนายํ ตทภาวโต อาทิกลฺยาณเญฺจว วิสุทฺธิปฎิปทตฺตา ยถาวุเตฺตหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคตตฺตา จ ติลกฺขณสมฺปนฺนญฺจฯ อิมินา นเยน มชฺฌปริโยสานลกฺขณานญฺจ โยชนา เวทิตพฺพาฯ
Dasalakkhaṇavibhāvaneneva tividhakalyāṇatāpi vibhāvitā hotīti dasalakkhaṇaṃ tāva dassento ‘‘tatrimānī’’tiādimāha. Tattha pāripanthikato cittavisuddhītiādīnaṃ padānaṃ attho ‘‘tatrāyaṃ pāḷī’’tiādinā vuttapāḷivaṇṇanāyameva āvi bhavissati. Tatrāti tasmiṃ dasalakkhaṇavibhāvane. Paṭipadāvisuddhīti paṭipajjati jhānaṃ etāyāti paṭipadā, gotrabhupariyosāno pubbabhāgiyo bhāvanānayo. Paripanthato visujjhanaṃ visuddhi, paṭipadāya visuddhi paṭipadāvisuddhi. Sā panāyaṃ yasmā jhānassa uppādakkhaṇe labbhati, tasmā vuttaṃ ‘‘paṭipadāvisuddhi ādī’’ti. Upekkhānubrūhanāti visodhetabbatādīnaṃ abhāvato jhānapariyāpannāya tatramajjhattupekkhāya kiccanipphattiyā anubrūhanā. Sā panāyaṃ yasmā visesato jhānassa ṭhitikkhaṇe labbhati, tena vuttaṃ ‘‘upekkhānubrūhanā majjhe’’ti. Sampahaṃsanāti tattha dhammānaṃ anativattanādisādhakassa ñāṇassa kiccanipphattivasena pariyodapanā. Sā pana yasmā jhānassa osānakkhaṇe pākaṭā hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘sampahaṃsanā pariyosāna’’nti. Imāni tīṇi lakkhaṇānīti paripanthato cittassa visujjhanākāro, majjhimassa samathanimittassa paṭipajjanākāro, tattha pakkhandanākāroti imāni tīṇi jhānassa ādito uppādakkhaṇe appanāppattilakkhaṇāni. Tehi ākārehi vinā appanāppattiyā abhāvato asati ca appanāyaṃ tadabhāvato ādikalyāṇañceva visuddhipaṭipadattā yathāvuttehi lakkhaṇehi samannāgatattā ca tilakkhaṇasampannañca. Iminā nayena majjhapariyosānalakkhaṇānañca yojanā veditabbā.
เกจิ ปน ‘‘ปฎิปทาวิสุทฺธิ นาม สสมฺภาริโก อุปจาโร, อุเปกฺขานุพฺรูหนา นาม อปฺปนา, สมฺปหํสนา นาม ปจฺจเวกฺขณา’’ติ วณฺณยนฺติ, ตํ น ยุตฺตํฯ ตถา หิ สติ อฌานธเมฺมหิ ฌานสฺส คุณสํกิตฺตนํ นาม กตํ โหติฯ น หิ ภูมนฺตรํ ภูมนฺตรปริยาปนฺนํ โหติ, ปาฬิยา เจตํ วิรุชฺฌติฯ ‘‘เอกตฺตคตํ จิตฺตํ ปฎิปทาวิสุทฺธิปกฺขนฺทเญฺจว โหติ อุเปกฺขานุพฺรูหิตญฺจ ญาเณน จ สมฺปหํสิต’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๑.๑๕๘) หิ ปาฬิยํ วุตฺตํฯ เอตฺถ หิ เอกตฺตคตํ จิตฺตนฺติ อินฺทฺริยานํ เอกรสภาเวน เอกคฺคตาย จ สิขาปฺปตฺติยา ตทนุคุณํ เอกตฺตคตํ สสมฺปยุตฺตํ อปฺปนาปฺปตฺตํ จิตฺตํ วุตฺตํ, ตเสฺสว จ ปฎิปทาวิสุทฺธิปกฺขนฺทตาทิ อนนฺตรํ วุจฺจเตฯ ตสฺมา ปาฬิยํ เอกสฺมิํเยว อปฺปนาจิตฺตกฺขเณ ปฎิปทาวิสุทฺธิอาทีนํ วุตฺตตฺตา อโนฺตอปฺปนายเมว ปริกมฺมาคมนวเสน ปฎิปทาวิสุทฺธิ, ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจวเสน อุเปกฺขานุพฺรูหนา, ธมฺมานํ อนติวตฺตนาทิภาวสาธเนน ปริโยทาปกสฺส ญาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติวเสน สมฺปหํสนา จ เวทิตพฺพาฯ
Keci pana ‘‘paṭipadāvisuddhi nāma sasambhāriko upacāro, upekkhānubrūhanā nāma appanā, sampahaṃsanā nāma paccavekkhaṇā’’ti vaṇṇayanti, taṃ na yuttaṃ. Tathā hi sati ajhānadhammehi jhānassa guṇasaṃkittanaṃ nāma kataṃ hoti. Na hi bhūmantaraṃ bhūmantarapariyāpannaṃ hoti, pāḷiyā cetaṃ virujjhati. ‘‘Ekattagataṃ cittaṃ paṭipadāvisuddhipakkhandañceva hoti upekkhānubrūhitañca ñāṇena ca sampahaṃsita’’nti (paṭi. ma. 1.158) hi pāḷiyaṃ vuttaṃ. Ettha hi ekattagataṃ cittanti indriyānaṃ ekarasabhāvena ekaggatāya ca sikhāppattiyā tadanuguṇaṃ ekattagataṃ sasampayuttaṃ appanāppattaṃ cittaṃ vuttaṃ, tasseva ca paṭipadāvisuddhipakkhandatādi anantaraṃ vuccate. Tasmā pāḷiyaṃ ekasmiṃyeva appanācittakkhaṇe paṭipadāvisuddhiādīnaṃ vuttattā antoappanāyameva parikammāgamanavasena paṭipadāvisuddhi, tatramajjhattupekkhāya kiccavasena upekkhānubrūhanā, dhammānaṃ anativattanādibhāvasādhanena pariyodāpakassa ñāṇassa kiccanipphattivasena sampahaṃsanā ca veditabbā.
กถํ? ยสฺมิํ (ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๒.๑.๑๕๘; วิสุทฺธิ. ๑.๑๗๕) วาเร อปฺปนา อุปฺปชฺชติ , ตสฺมิํ โย นีวรณสงฺขาโต กิเลสคโณ ตสฺส ฌานสฺส ปริปโนฺถ, ตโต จิตฺตํ วิสุชฺฌติ, วิสุทฺธตฺตา อาวรณวิรหิตํ หุตฺวา มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ ปฎิปชฺชติฯ มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ นาม สมปฺปวโตฺต อปฺปนาสมาธิเยว, ลีนุทฺธจฺจสงฺขาตานํ อุภินฺนํ อนฺตานํ อนุปคมเนน มชฺฌิโม, สวิเสสํ ปจฺจนีกธมฺมานํ วูปสมนโต สมโถ, โยคิโน สุขวิเสสานํ การณภาวโต นิมิตฺตนฺติ กตฺวาฯ ตสฺส ปน อปฺปนาจิตฺตสฺส อนนฺตรปจฺจยภูตํ โคตฺรภุจิตฺตํ สติปิ ปริตฺตมหคฺคตภาวเภเท ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาวเภเท จ เอกิสฺสาเยว สนฺตติยา ปริณามูปคมนโต เอกสนฺตติปริณามนเยน ตถตฺตํ อปฺปนาสมาธิวเสน สมาหิตภาวํ อุปคจฺฉมานํ มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ ปฎิปชฺชติ นามฯ เอวํ ปฎิปนฺนตฺตา ตถตฺตุปคมเนน ตตฺถ ปกฺขนฺทติ นามฯ ยสฺมิญฺหิ ขเณ ตถตฺตํ มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ ปฎิปชฺชติ, ตสฺมิํเยว ขเณ ตถตฺตุปคมเนน อปฺปนาสมาธินา สมาหิตภาวูปคมเนน ตตฺถ ปกฺขนฺทติ นามฯ เอวํ ตาว ปุริมสฺมิํ โคตฺรภุจิเตฺต วิชฺชมานา ปริปนฺถวิสุทฺธิมชฺฌิมสมถปฺปฎิปตฺติปกฺขนฺทนาการา อาคมนวเสน นิปฺผชฺชมานา ปฐมสฺส ฌานสฺส อุปฺปาทกฺขเณเยว ปฎิปทาวิสุทฺธีติ เวทิตพฺพาฯ เตเยว หิ อาการา ปจฺจยวิเสสโต ฌานกฺขเณ นิปฺผชฺชมานา ปฎิปทาวิสุทฺธีติ วุตฺตาฯ
Kathaṃ? Yasmiṃ (paṭi. ma. aṭṭha. 2.1.158; visuddhi. 1.175) vāre appanā uppajjati , tasmiṃ yo nīvaraṇasaṅkhāto kilesagaṇo tassa jhānassa paripantho, tato cittaṃ visujjhati, visuddhattā āvaraṇavirahitaṃ hutvā majjhimaṃ samathanimittaṃ paṭipajjati. Majjhimaṃ samathanimittaṃ nāma samappavatto appanāsamādhiyeva, līnuddhaccasaṅkhātānaṃ ubhinnaṃ antānaṃ anupagamanena majjhimo, savisesaṃ paccanīkadhammānaṃ vūpasamanato samatho, yogino sukhavisesānaṃ kāraṇabhāvato nimittanti katvā. Tassa pana appanācittassa anantarapaccayabhūtaṃ gotrabhucittaṃ satipi parittamahaggatabhāvabhede paccayapaccayuppannabhāvabhede ca ekissāyeva santatiyā pariṇāmūpagamanato ekasantatipariṇāmanayena tathattaṃ appanāsamādhivasena samāhitabhāvaṃ upagacchamānaṃ majjhimaṃ samathanimittaṃ paṭipajjati nāma. Evaṃ paṭipannattā tathattupagamanena tattha pakkhandati nāma. Yasmiñhi khaṇe tathattaṃ majjhimaṃ samathanimittaṃ paṭipajjati, tasmiṃyeva khaṇe tathattupagamanena appanāsamādhinā samāhitabhāvūpagamanena tattha pakkhandati nāma. Evaṃ tāva purimasmiṃ gotrabhucitte vijjamānā paripanthavisuddhimajjhimasamathappaṭipattipakkhandanākārā āgamanavasena nipphajjamānā paṭhamassa jhānassa uppādakkhaṇeyeva paṭipadāvisuddhīti veditabbā. Teyeva hi ākārā paccayavisesato jhānakkhaṇe nipphajjamānā paṭipadāvisuddhīti vuttā.
เอวํ วิสุทฺธสฺส ปน ตสฺส จิตฺตสฺส ปุน โสเธตพฺพาภาวโต วิโสธเน พฺยาปารํ อกโรโนฺต วิสุทฺธํ จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขติ นามฯ สมถภาวูปคมเนน สมถปฺปฎิปนฺนสฺส ปุน สมาธาเน พฺยาปารํ อกโรโนฺต สมถปฺปฎิปนฺนํ อชฺฌุเปกฺขติ นามฯ สมถปฺปฎิปนฺนภาวโต เอว จสฺส กิเลสสํสคฺคํ ปหาย เอกเตฺตน อุปฎฺฐิตสฺส ปุน เอกตฺตุปฎฺฐาเน พฺยาปารํ อกโรโนฺต เอกตฺตุปฎฺฐานํ อชฺฌุเปกฺขติ นามฯ เอวํ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจวเสน อุเปกฺขานุพฺรูหนา เวทิตพฺพาฯ
Evaṃ visuddhassa pana tassa cittassa puna sodhetabbābhāvato visodhane byāpāraṃ akaronto visuddhaṃ cittaṃ ajjhupekkhati nāma. Samathabhāvūpagamanena samathappaṭipannassa puna samādhāne byāpāraṃ akaronto samathappaṭipannaṃ ajjhupekkhati nāma. Samathappaṭipannabhāvato eva cassa kilesasaṃsaggaṃ pahāya ekattena upaṭṭhitassa puna ekattupaṭṭhāne byāpāraṃ akaronto ekattupaṭṭhānaṃ ajjhupekkhati nāma. Evaṃ tatramajjhattupekkhāya kiccavasena upekkhānubrūhanā veditabbā.
เย ปเนเต เอวํ อุเปกฺขานุพฺรูหิเต ตสฺมิํ ฌานจิเตฺต ชาตา สมาธิปญฺญาสงฺขาตา ยุคนทฺธธมฺมา อญฺญมญฺญํ อนติวตฺตมานา หุตฺวา ปวตฺตา, ยานิ จ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ นานากิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา วิมุตฺติรเสน เอกรสานิ หุตฺวา ปวตฺตานิ, ยเญฺจส ตทุปคํ เตสํ อนติวตฺตนเอกรสสภาวานํ อนุจฺฉวิกํ วีริยํ วาหยติ, ยา จสฺส ตสฺมิํ ขเณ ปวตฺตา อาเสวนา, สเพฺพปิ เต อาการา ยสฺมา ญาเณน สํกิเลสโวทาเนสุ ตํ ตํ อาทีนวญฺจ อานิสํสญฺจ ทิสฺวา ตถา ตถา สมฺปหํสิตตฺตา วิโสธิตตฺตา ปริโยทาปิตตฺตา นิปฺผนฺนา, ตสฺมา ธมฺมานํ อนติวตฺตนาทิภาวสาธเนน ปริโยทาปกสฺส ญาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติวเสน สมฺปหํสนา เวทิตพฺพาติ วุตฺตํฯ
Ye panete evaṃ upekkhānubrūhite tasmiṃ jhānacitte jātā samādhipaññāsaṅkhātā yuganaddhadhammā aññamaññaṃ anativattamānā hutvā pavattā, yāni ca saddhādīni indriyāni nānākilesehi vimuttattā vimuttirasena ekarasāni hutvā pavattāni, yañcesa tadupagaṃ tesaṃ anativattanaekarasasabhāvānaṃ anucchavikaṃ vīriyaṃ vāhayati, yā cassa tasmiṃ khaṇe pavattā āsevanā, sabbepi te ākārā yasmā ñāṇena saṃkilesavodānesu taṃ taṃ ādīnavañca ānisaṃsañca disvā tathā tathā sampahaṃsitattā visodhitattā pariyodāpitattā nipphannā, tasmā dhammānaṃ anativattanādibhāvasādhanena pariyodāpakassa ñāṇassa kiccanipphattivasena sampahaṃsanā veditabbāti vuttaṃ.
อถ กสฺมา สมฺปหํสนาว ‘‘ปริโยสาน’’นฺติ วุตฺตา, น อุเปกฺขานุพฺรูหนาติ? ยสฺมา ตสฺมิํ ภาวนาจิเตฺต อุเปกฺขาวเสน ญาณํ ปากฎํ โหติ, ตสฺมา ญาณกิจฺจภูตา สมฺปหํสนา ‘‘ปริโยสาน’’นฺติ วุตฺตาฯ ตถา หิ อปฺปนากาเล ภาวนาย สมปฺปวตฺติยา ปฎิปกฺขสฺส จ สุปฺปหานโต ปคฺคหาทีสุ พฺยาปารสฺส อกาตพฺพโต อชฺฌุเปกฺขนาว โหติฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สมเย จิตฺตสฺส อชฺฌุเปกฺขนา วิสุทฺธํ จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขตี’’ติ จ อาทิฯ สา ปนายํ อชฺฌุเปกฺขนา ญาณสฺส กิจฺจสิทฺธิยา โหติ วิเสสโต ญาณสาธนตฺตา อปฺปนาพฺยาปารสฺส, ตสฺมา ญาณกิจฺจภูตา สมฺปหํสนา ‘‘ปริโยสาน’’นฺติ วุตฺตาฯ เอวํ ติวิธาย ปฎิปทาวิสุทฺธิยา ลทฺธวิเสสาย ติวิธาย อุเปกฺขานุพฺรูหนาย สาติสยํ ปญฺญินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตภาเวน จตุพฺพิธาปิ สมฺปหํสนา สิชฺฌตีติ อาคมนุเปกฺขาญาณกิจฺจวเสน ทสปิ อาการา ฌาเน เอว เวทิตพฺพาฯ
Atha kasmā sampahaṃsanāva ‘‘pariyosāna’’nti vuttā, na upekkhānubrūhanāti? Yasmā tasmiṃ bhāvanācitte upekkhāvasena ñāṇaṃ pākaṭaṃ hoti, tasmā ñāṇakiccabhūtā sampahaṃsanā ‘‘pariyosāna’’nti vuttā. Tathā hi appanākāle bhāvanāya samappavattiyā paṭipakkhassa ca suppahānato paggahādīsu byāpārassa akātabbato ajjhupekkhanāva hoti. Yaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘samaye cittassa ajjhupekkhanā visuddhaṃ cittaṃ ajjhupekkhatī’’ti ca ādi. Sā panāyaṃ ajjhupekkhanā ñāṇassa kiccasiddhiyā hoti visesato ñāṇasādhanattā appanābyāpārassa, tasmā ñāṇakiccabhūtā sampahaṃsanā ‘‘pariyosāna’’nti vuttā. Evaṃ tividhāya paṭipadāvisuddhiyā laddhavisesāya tividhāya upekkhānubrūhanāya sātisayaṃ paññindriyassa adhimattabhāvena catubbidhāpi sampahaṃsanā sijjhatīti āgamanupekkhāñāṇakiccavasena dasapi ākārā jhāne eva veditabbā.
เอวํ ติวิธตฺตคตํ จิตฺตนฺติอาทีนิ ตเสฺสว จิตฺตสฺส โถมนวจนานิฯ ตตฺถ เอวํ ติวิธตฺตคตนฺติ เอวํ ยถาวุเตฺตน วิธินา ปฎิปทาวิสุทฺธิปกฺขนฺทนอุเปกฺขานุพฺรูหนญาณสมฺปหํสนาวเสน ติวิธภาวํ คตํฯ วิตกฺกสมฺปนฺนนฺติ กิเลสโกฺขภวิรหิตตฺตา วิตเกฺกน สุนฺทรภาวมุปคตํฯ จิตฺตสฺส อธิฎฺฐานสมฺปนฺนนฺติ ตสฺมิํเยว อารมฺมเณ จิตฺตสฺส นิรนฺตรปฺปวตฺติสงฺขาเตน อธิฎฺฐาเนน สมฺปนฺนํ อนูนํฯ ยถา อธิฎฺฐานวสิยํ อธิฎฺฐานนฺติ ฌานปฺปวตฺติ, ตถา อิธาปิ จิตฺตสฺส อธิฎฺฐานนฺติ จิเตฺตกคฺคตาปิ ยุชฺชติฯ เตน หิ เอกสฺมิํเยว อารมฺมเณ จิตฺตํ อธิฎฺฐาติ, น เอตฺถ วิกฺขิปตีติฯ สมาธิสมฺปนฺนนฺติ วิสุํ วุตฺตตฺตา ปน วุตฺตนเยเนว คเหตโพฺพฯ อถ วา สมาธิเสฺสว ฌานงฺคสงฺคหิตตฺตา ‘‘จิตฺตสฺส อธิฎฺฐานสมฺปนฺน’’นฺติ ฌานงฺคปญฺจกวเสน วุตฺตํฯ สมาธิสมฺปนฺนนฺติ อินฺทฺริยสงฺคหิตตฺตา อินฺทฺริยปญฺจกวเสนฯ
Evaṃtividhattagataṃ cittantiādīni tasseva cittassa thomanavacanāni. Tattha evaṃ tividhattagatanti evaṃ yathāvuttena vidhinā paṭipadāvisuddhipakkhandanaupekkhānubrūhanañāṇasampahaṃsanāvasena tividhabhāvaṃ gataṃ. Vitakkasampannanti kilesakkhobhavirahitattā vitakkena sundarabhāvamupagataṃ. Cittassa adhiṭṭhānasampannanti tasmiṃyeva ārammaṇe cittassa nirantarappavattisaṅkhātena adhiṭṭhānena sampannaṃ anūnaṃ. Yathā adhiṭṭhānavasiyaṃ adhiṭṭhānanti jhānappavatti, tathā idhāpi cittassa adhiṭṭhānanti cittekaggatāpi yujjati. Tena hi ekasmiṃyeva ārammaṇe cittaṃ adhiṭṭhāti, na ettha vikkhipatīti. Samādhisampannanti visuṃ vuttattā pana vuttanayeneva gahetabbo. Atha vā samādhisseva jhānaṅgasaṅgahitattā ‘‘cittassa adhiṭṭhānasampanna’’nti jhānaṅgapañcakavasena vuttaṃ. Samādhisampannanti indriyasaṅgahitattā indriyapañcakavasena.
อสุภสญฺญาปริจิเตนาติ สกลํ กายํ อสุภนฺติ ปวตฺตาย สญฺญาย สหคตตฺตา ฌานํ อสุภสญฺญา, เตน ปริจิเตน ปริภาวิเตนฯ เจตสาติ จิเตฺตนฯ พหุลนฺติ อภิณฺหํฯ วิหรโตติ วิหรนฺตสฺส, อสุภสมาปตฺติพหุลสฺสาติ อโตฺถฯ เมถุนธมฺมสมาปตฺติยาติ เมถุนธเมฺมน สมงฺคิภาวโตฯ ปฎิลียตีติ เอกปเสฺสน นิลียติ นิลีนํ วิย โหติฯ ปฎิกุฎตีติ สงฺกุจติฯ ปฎิวตฺตตีติ นิวตฺตติฯ น สมฺปสารียตีติ น วิสรติ, อภิรติวเสน น ปกฺขนฺทตีติ อโตฺถฯ อถ วา ปฎิลียตีติ สงฺกุจติ ตตฺถ ปฎิกูลตาย สณฺฐิตตฺตาฯ ปฎิกุฎตีติ อปสกฺกติ น อุปสกฺกติฯ ปฎิวตฺตตีติ นิวตฺตติ, ตโต เอว น สมฺปสารียตีติฯ นฺหารุททฺทุลนฺติ นฺหารุขณฺฑํ นฺหารุวิเลขนํ วาฯ
Asubhasaññāparicitenāti sakalaṃ kāyaṃ asubhanti pavattāya saññāya sahagatattā jhānaṃ asubhasaññā, tena paricitena paribhāvitena. Cetasāti cittena. Bahulanti abhiṇhaṃ. Viharatoti viharantassa, asubhasamāpattibahulassāti attho. Methunadhammasamāpattiyāti methunadhammena samaṅgibhāvato. Paṭilīyatīti ekapassena nilīyati nilīnaṃ viya hoti. Paṭikuṭatīti saṅkucati. Paṭivattatīti nivattati. Na sampasārīyatīti na visarati, abhirativasena na pakkhandatīti attho. Atha vā paṭilīyatīti saṅkucati tattha paṭikūlatāya saṇṭhitattā. Paṭikuṭatīti apasakkati na upasakkati. Paṭivattatīti nivattati, tato eva na sampasārīyatīti. Nhārudaddulanti nhārukhaṇḍaṃ nhāruvilekhanaṃ vā.
อทฺธมาสนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํฯ ปฎิสลฺลียิตุนฺติ ยถาวุตฺตกาลํ ปฎิ ปฎิ ทิวเส ทิวเส สมาปตฺติยํ ธมฺมจินฺตาย จิตฺตํ นิลียิตุํฯ ปยุตฺตวาจนฺติ ปจฺจยปฎิสํยุตฺตวาจํ, พุทฺธา อิเมสุ ทิวเสสุ ปิณฺฑาย น จรนฺติ, วิหาเรเยว นิสีทนฺติ, เตสํ ทินฺนํ มหปฺผลํ โหตีติ อาทิวจนํฯ
Addhamāsanti accantasaṃyoge upayogavacanaṃ. Paṭisallīyitunti yathāvuttakālaṃ paṭi paṭi divase divase samāpattiyaṃ dhammacintāya cittaṃ nilīyituṃ. Payuttavācanti paccayapaṭisaṃyuttavācaṃ, buddhā imesu divasesu piṇḍāya na caranti, vihāreyeva nisīdanti, tesaṃ dinnaṃ mahapphalaṃ hotīti ādivacanaṃ.
กลฺยาณูปนิสฺสยวเสนาติ ปพฺพชฺชาย อุปนิสฺสยวเสนฯ ปเร กิราติ กิร-สโทฺท อรุจิสูจนโตฺถฯ เตนาห ‘‘อิทํ ปน อิจฺฉามตฺต’’นฺติ, ปวตฺติอชานนํ อาโรจยิตาภาโว ญาเต นิวารณญฺจาติ อิทํ เตสํ อิจฺฉามตฺตํ , น ปน การณนฺติ อโตฺถฯ อปเร ปน วทนฺติ ‘‘เอตสฺมิํ กิร อฑฺฒมาเส น โกจิ พุทฺธเวเนโยฺย อโหสิ, อถ สตฺถา อิมํ อฑฺฒมาสํ ผลสมาปตฺติสุเขน วีตินาเมสฺสามิ, อิติ มยฺหเญฺจว สุขวิหาโร ภวิสฺสติ, อนาคเต จ ปจฺฉิมา ชนตา ‘สตฺถาปิ คณํ ปหาย เอกโก วิหาสิ, กิมงฺคํ ปน มย’นฺติ ทิฎฺฐานุคติํ อาปชฺชิสฺสติ, ตทสฺส ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติ อิมินา การเณน เอวมาหา’’ติฯ เนว โกจิ ภควนฺตํ อุปสงฺกมตีติ ฐเปตฺวา ปิณฺฑปาตนีหารกํ อโญฺญ โกจิ เนว ภควนฺตํ อุปสงฺกมติ, ภิกฺขุสโงฺฆ ปน สตฺถุ วจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา เอกํ ภิกฺขุํ อทาสิฯ โส ปาโตว คนฺธกุฎิปริเวณสมฺมชฺชนมุโขทกทนฺตกฎฺฐทานาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ขเณ กตฺวา อปคจฺฉติฯ
Kalyāṇūpanissayavasenāti pabbajjāya upanissayavasena. Pare kirāti kira-saddo arucisūcanattho. Tenāha ‘‘idaṃ pana icchāmatta’’nti, pavattiajānanaṃ ārocayitābhāvo ñāte nivāraṇañcāti idaṃ tesaṃ icchāmattaṃ , na pana kāraṇanti attho. Apare pana vadanti ‘‘etasmiṃ kira aḍḍhamāse na koci buddhaveneyyo ahosi, atha satthā imaṃ aḍḍhamāsaṃ phalasamāpattisukhena vītināmessāmi, iti mayhañceva sukhavihāro bhavissati, anāgate ca pacchimā janatā ‘satthāpi gaṇaṃ pahāya ekako vihāsi, kimaṅgaṃ pana maya’nti diṭṭhānugatiṃ āpajjissati, tadassa bhavissati dīgharattaṃ hitāya sukhāyāti iminā kāraṇena evamāhā’’ti. Neva koci bhagavantaṃ upasaṅkamatīti ṭhapetvā piṇḍapātanīhārakaṃ añño koci neva bhagavantaṃ upasaṅkamati, bhikkhusaṅgho pana satthu vacanaṃ sampaṭicchitvā ekaṃ bhikkhuṃ adāsi. So pātova gandhakuṭipariveṇasammajjanamukhodakadantakaṭṭhadānādīni sabbakiccāni tasmiṃ tasmiṃ khaṇe katvā apagacchati.
อเนกการณสมฺมิโสฺสติ เอตฺถ กายสฺส อสุจิทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฎิกูลตาว อเนกการณํฯ มณฺฑนกปกติโกติ อลงฺการกสภาโวฯ โกจิ ตรุโณปิ ยุวา น โหติ, โกจิ ยุวาปิ มณฺฑนกชาติโก น โหติ ยถา อุปสนฺตสภาโว อาลสิยพฺยสนาทีหิ วา อภิภูโต, อิธ ปน ทหโร เจว ยุวา จ มณฺฑนกชาติโก จ อธิเปฺปโตฯ ปฐมโยพฺพนํ นาม ปนฺนรสวสฺสโต ยาว ทฺวตฺติํส สํวจฺฉรานิ, โสฬสวสฺสโต วา ยาว เตตฺติํส วสฺสานิฯ กุณปนฺติ มตกเฬวรํ, อหิสฺส กุณปํ อหิกุณปํฯ เอวํ อิตรานิปิฯ อติปฎิกูลชิคุจฺฉนียสภาวโต เจตฺถ อิมาเนว ตีณิ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิฯ อเญฺญสญฺหิ สสสูกราทีนํ กุณปํ มนุสฺสา กฎุกภณฺฑาทีหิ อภิสงฺขริตฺวา ปริภุญฺชนฺติปิ, อิเมสํ ปน กุณปํ อภินวมฺปิ ชิคุจฺฉนฺติเยว, โก ปน วาโท กาลาติกฺกเมน ปูติภูเตฯ อติปฎิกูลชิคุจฺฉนียตา จ เนสํ อติวิย ทุคฺคนฺธตาย, สา จ อหีนํ ติขิณโกปตาย กุกฺกุรมนุสฺสานํ โอทนกุมฺมาสูปจยตาย จ สรีรสฺส โหตีติ วทนฺติฯ
Anekakāraṇasammissoti ettha kāyassa asuciduggandhajegucchapaṭikūlatāva anekakāraṇaṃ. Maṇḍanakapakatikoti alaṅkārakasabhāvo. Koci taruṇopi yuvā na hoti, koci yuvāpi maṇḍanakajātiko na hoti yathā upasantasabhāvo ālasiyabyasanādīhi vā abhibhūto, idha pana daharo ceva yuvā ca maṇḍanakajātiko ca adhippeto. Paṭhamayobbanaṃ nāma pannarasavassato yāva dvattiṃsa saṃvaccharāni, soḷasavassato vā yāva tettiṃsa vassāni. Kuṇapanti matakaḷevaraṃ, ahissa kuṇapaṃ ahikuṇapaṃ. Evaṃ itarānipi. Atipaṭikūlajigucchanīyasabhāvato cettha imāneva tīṇi vuttānīti veditabbāni. Aññesañhi sasasūkarādīnaṃ kuṇapaṃ manussā kaṭukabhaṇḍādīhi abhisaṅkharitvā paribhuñjantipi, imesaṃ pana kuṇapaṃ abhinavampi jigucchantiyeva, ko pana vādo kālātikkamena pūtibhūte. Atipaṭikūlajigucchanīyatā ca nesaṃ ativiya duggandhatāya, sā ca ahīnaṃ tikhiṇakopatāya kukkuramanussānaṃ odanakummāsūpacayatāya ca sarīrassa hotīti vadanti.
สมณกุตฺตโกติ สมณกิจฺจโก, กาสาวนิวาสนาทิวเสน สมณกิจฺจการีติ วุตฺตํ โหติ ฯ เตนาห ‘‘สมณเวสธารโก’’ติฯ สพฺพมกํสูติ ปุถุชฺชนา สาวเชฺชปิ ตตฺถ อนวชฺชสญฺญิโน หุตฺวา กรณการาปนสมนุญฺญตาทิเภทํ สพฺพมกํสุฯ โลหิตกนฺติ เอตฺถ ‘‘โลหิตคต’’นฺติปิ ปฐนฺติฯ วคฺคูติ มตา วคฺคุมตาฯ ปุญฺญสมฺมตาติ ปุชฺชภวผลนิพฺพตฺตเนน สตฺตานํ ปุนเนน วิโสธเนน ปุญฺญนฺติ สมฺมตาฯ ปวาเหสฺสามีติ คมยิสฺสามิ, วิโสเธสฺสามีติ อโตฺถฯ
Samaṇakuttakoti samaṇakiccako, kāsāvanivāsanādivasena samaṇakiccakārīti vuttaṃ hoti . Tenāha ‘‘samaṇavesadhārako’’ti. Sabbamakaṃsūti puthujjanā sāvajjepi tattha anavajjasaññino hutvā karaṇakārāpanasamanuññatādibhedaṃ sabbamakaṃsu. Lohitakanti ettha ‘‘lohitagata’’ntipi paṭhanti. Vaggūti matā vaggumatā. Puññasammatāti pujjabhavaphalanibbattanena sattānaṃ punanena visodhanena puññanti sammatā. Pavāhessāmīti gamayissāmi, visodhessāmīti attho.
๑๖๓. มารเธยฺยํ วุจฺจติ เตภูมกา ธมฺมาฯ วจนตฺถโต ปน มารสฺส เธยฺยํ มารเธยฺยํฯ เธยฺยนฺติ ฐานํ วตฺถุ นิวาโส โคจโรฯ มาโร วา เอตฺถ ธิยติ ติฎฺฐติ ปวตฺตตีติ มารเธยฺยํ, มาโรติ เจตฺถ กิเลสมาโร อธิเปฺปโต, กิเลสมารวเสเนว จ เทวปุตฺตมารสฺส กามภเว อาธิปจฺจนฺติฯ มารวิสยํ นาติกฺกมิสฺสตีติ จิเนฺตตฺวาติ เอวมยํ สํเวคํ ปฎิลภิตฺวา มารวิสยํ อติกฺกเมยฺยาปิ, มยา ปน เอวํ วุเตฺต อุปฺปนฺนํ สํเวคํ ปฎิปฺปสฺสเมฺภตฺวา มารวิสยํ นาติกฺกมิสฺสตีติ เอวํ จิเนฺตตฺวาฯ ทฺวิวจนนฺติ ทฺวิกฺขตฺตุํ วจนํ, อาเมฑิตวจนนฺติ วุตฺตํ โหติฯ นิโยเชนฺตีติ เอตฺถ อยํ อนฺธพาลา เทวตา เอวํ อุปฺปนฺนสํเวคมูลกํ สมณธมฺมํ กตฺวา ‘‘อยํ มารวิสยํ อติกฺกเมยฺยาปี’’ติ จิเนฺตตฺวา อตฺตโน อญฺญาณตาย ‘‘มตา สํสารโต มุจฺจนฺตี’’ติ เอวํลทฺธิกาปิ สมานา อตฺตโน ลทฺธิวเสน มตา ภิกฺขู สํสารโต มุจฺจนฺตีติ อิมมตฺถํ อนุปปริกฺขิตฺวา ตํ ตตฺถ นิโยเชสีติ เวทิตพฺพํฯ
163. Māradheyyaṃ vuccati tebhūmakā dhammā. Vacanatthato pana mārassa dheyyaṃ māradheyyaṃ. Dheyyanti ṭhānaṃ vatthu nivāso gocaro. Māro vā ettha dhiyati tiṭṭhati pavattatīti māradheyyaṃ, māroti cettha kilesamāro adhippeto, kilesamāravaseneva ca devaputtamārassa kāmabhave ādhipaccanti. Māravisayaṃ nātikkamissatīti cintetvāti evamayaṃ saṃvegaṃ paṭilabhitvā māravisayaṃ atikkameyyāpi, mayā pana evaṃ vutte uppannaṃ saṃvegaṃ paṭippassambhetvā māravisayaṃ nātikkamissatīti evaṃ cintetvā. Dvivacananti dvikkhattuṃ vacanaṃ, āmeḍitavacananti vuttaṃ hoti. Niyojentīti ettha ayaṃ andhabālā devatā evaṃ uppannasaṃvegamūlakaṃ samaṇadhammaṃ katvā ‘‘ayaṃ māravisayaṃ atikkameyyāpī’’ti cintetvā attano aññāṇatāya ‘‘matā saṃsārato muccantī’’ti evaṃladdhikāpi samānā attano laddhivasena matā bhikkhū saṃsārato muccantīti imamatthaṃ anupaparikkhitvā taṃ tattha niyojesīti veditabbaṃ.
กิญฺจาปิ อสุภกถํ กเถเนฺตน ภควตา ยถา เตสํ ภิกฺขูนํ มรณภยํ น ภวิสฺสติ, ตถา เทสิตตฺตา ภิกฺขูนญฺจ ตํ ธมฺมกถํ สุตฺวา อสุภภาวนานุโยเคน กาเย วิคตฉนฺทราคตาย มรณสฺส อภิปตฺถิตภาวโต ภยํ นตฺถิ, ตํ ปน อสิหตฺถํ ตถา วิจรนฺตํ ทิสฺวา ตทเญฺญสํ ภิกฺขูนํ อุปฺปชฺชนกภยํ สนฺธาย ‘‘โหติเยว ภย’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ วทนฺติฯ ‘‘อตฺตนาปิ อตฺตานํ ชีวิตา โวโรเปนฺติ, อญฺญมญฺญมฺปิ ชีวิตา โวโรเปนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘สพฺพานิปิ ตานิ ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ ชีวิตา โวโรเปสี’’ติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํฯ อปฺปกญฺหิ อูนมธิกํ วา คณนูปคํ น โหตีติ ‘‘ปญฺจสตานี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺมา เย จ อตฺตนาว อตฺตานํ อญฺญมญฺญญฺจ ชีวิตา โวโรเปสุํ, เต ฐเปตฺวา อวเสเส ปุถุชฺชนภิกฺขู สเพฺพ จ อริเย อยํ ชีวิตา โวโรเปสีติ เวทิตพฺพํฯ
Kiñcāpi asubhakathaṃ kathentena bhagavatā yathā tesaṃ bhikkhūnaṃ maraṇabhayaṃ na bhavissati, tathā desitattā bhikkhūnañca taṃ dhammakathaṃ sutvā asubhabhāvanānuyogena kāye vigatachandarāgatāya maraṇassa abhipatthitabhāvato bhayaṃ natthi, taṃ pana asihatthaṃ tathā vicarantaṃ disvā tadaññesaṃ bhikkhūnaṃ uppajjanakabhayaṃ sandhāya ‘‘hotiyeva bhaya’’ntiādi vuttanti vadanti. ‘‘Attanāpi attānaṃ jīvitā voropenti, aññamaññampi jīvitā voropentī’’ti vuttattā ‘‘sabbānipi tāni pañca bhikkhusatāni jīvitā voropesī’’ti idaṃ yebhuyyavasena vuttanti gahetabbaṃ. Appakañhi ūnamadhikaṃ vā gaṇanūpagaṃ na hotīti ‘‘pañcasatānī’’ti vuttaṃ. Tasmā ye ca attanāva attānaṃ aññamaññañca jīvitā voropesuṃ, te ṭhapetvā avasese puthujjanabhikkhū sabbe ca ariye ayaṃ jīvitā voropesīti veditabbaṃ.
๑๖๔. ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโตติ เอตฺถ ปฎิสลฺลานนฺติ เตหิ เตหิ สตฺตสงฺขาเรหิ ปฎินิวตฺติตฺวา อปสกฺกิตฺวา สลฺลานํ นิลียนํ วิเวจนํ, กายจิเตฺตหิ ตโต วิวิตฺตตา เอกีภาโวติ วุตฺตํ โหติฯ เตนาห ‘‘เอกีภาวโต’’ติ , ปวิเวกโตติ อโตฺถฯ เอกีภาโวติ หิ กายจิตฺตวิเวโก วุโตฺตฯ วุฎฺฐิโตติ ตโต ทุวิธวิเวกโต ภวงฺคุปฺปตฺติยา รูปารมฺมณาทิสงฺขารสมาโยเคน คหฎฺฐปพฺพชิตาทิสตฺตสมาคเมน จ อเปโตฯ อุเทฺทสํ ปริปุจฺฉํ คณฺหนฺตีติ อตฺตโน อตฺตโน อาจริยานํ สนฺติเก คณฺหนฺติฯ กามํ ทสานุสฺสติคฺคหเณเนว อานาปานสฺสติปิ คหิตา, สา ปน ตตฺถ สนฺนิปติตภิกฺขูสุ พหูนํ สปฺปายา สาตฺถิกา จ, ตสฺมา ปุน คหิตาฯ ตถา หิ ภควา ตเมว กมฺมฎฺฐานํ เตสํ ภิกฺขูนํ กเถสิฯ อาหาเร ปฎิกูลสญฺญา อสุภกมฺมฎฺฐานสทิสา, จตฺตาโร ปน อารุปฺปา อาทิกมฺมิกานํ อนนุรูปาติ เตสํ อิธ อคฺคหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ
164.Paṭisallānā vuṭṭhitoti ettha paṭisallānanti tehi tehi sattasaṅkhārehi paṭinivattitvā apasakkitvā sallānaṃ nilīyanaṃ vivecanaṃ, kāyacittehi tato vivittatā ekībhāvoti vuttaṃ hoti. Tenāha ‘‘ekībhāvato’’ti , pavivekatoti attho. Ekībhāvoti hi kāyacittaviveko vutto. Vuṭṭhitoti tato duvidhavivekato bhavaṅguppattiyā rūpārammaṇādisaṅkhārasamāyogena gahaṭṭhapabbajitādisattasamāgamena ca apeto. Uddesaṃ paripucchaṃ gaṇhantīti attano attano ācariyānaṃ santike gaṇhanti. Kāmaṃ dasānussatiggahaṇeneva ānāpānassatipi gahitā, sā pana tattha sannipatitabhikkhūsu bahūnaṃ sappāyā sātthikā ca, tasmā puna gahitā. Tathā hi bhagavā tameva kammaṭṭhānaṃ tesaṃ bhikkhūnaṃ kathesi. Āhāre paṭikūlasaññā asubhakammaṭṭhānasadisā, cattāro pana āruppā ādikammikānaṃ ananurūpāti tesaṃ idha aggahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ.
เวสาลิํ อุปนิสฺสายาติ เวสาลีนครํ โคจรคามํ กตฺวาฯ อุปฎฺฐานสาลายนฺติ ธมฺมสภายํฯ มุหุเตฺตเนวาติ สตฺถริ สทฺธเมฺม จ คารเวน อุปคตภิกฺขูนํ วจนสมนนฺตรเมว อุฎฺฐหิํสูติ กตฺวา วุตฺตํฯ พุทฺธกาเล กิร ภิกฺขู ภควโต สเนฺทสํ สิรสา สมฺปฎิจฺฉิตุํ โอหิตโสตา วิหรนฺติฯ ยสฺสาติ ยสฺส กตฺตพฺพสฺสฯ กาลนฺติ เทสนากาลํ สนฺธาย วทติฯ
Vesāliṃ upanissāyāti vesālīnagaraṃ gocaragāmaṃ katvā. Upaṭṭhānasālāyanti dhammasabhāyaṃ. Muhuttenevāti satthari saddhamme ca gāravena upagatabhikkhūnaṃ vacanasamanantarameva uṭṭhahiṃsūti katvā vuttaṃ. Buddhakāle kira bhikkhū bhagavato sandesaṃ sirasā sampaṭicchituṃ ohitasotā viharanti. Yassāti yassa kattabbassa. Kālanti desanākālaṃ sandhāya vadati.
ปฐมปญฺญตฺตินิทานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamapaññattinidānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปฐมปญฺญตฺตินิทานวณฺณนา • Paṭhamapaññattinidānavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปฐมปญฺญตฺตินิทานวณฺณนา • Paṭhamapaññattinidānavaṇṇanā