Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    ๓. ตติยปาราชิกํ

    3. Tatiyapārājikaṃ

    ปฐมปญฺญตฺตินิทานวณฺณนา

    Paṭhamapaññattinidānavaṇṇanā

    ๑๖๒. ตีหิ สุเทฺธนาติ เอตฺถ ตีหีติ นิสฺสกฺกวจนํ วา โหติ, กรณวจนํ วาฯ นิสฺสกฺกปเกฺข กายวจีมโนทฺวาเรหิ สุเทฺธนฯ ตถา ทุจฺจริตมเลหิ วิสเมหิ ปปเญฺจหีติอาทินา นเยน สพฺพกิเลสตฺติเกหิ โพธิมเณฺฑ เอว สุเทฺธนาติ โยเชตพฺพํฯ กรณปเกฺข ตีหีติ กายวจีมโนทฺวาเรหิ สุเทฺธนฯ ตถา ตีหิ สุจริเตหิ, ตีหิ วิโมเกฺขหิ, ตีหิ ภาวนาหิ, ตีหิ สีลสมาธิปญฺญาหิ สุเทฺธนาติ สพฺพคุณตฺติเกหิ โยเชตพฺพํฯ วิภาวิตนฺติ เทสนาย วิตฺถาริตํ, วิภูตํ วา กตํ วิหิตํ, ปญฺญตฺตํ วา โหติฯ สํวณฺณนาติ วตฺตมานสมีเป วตฺตมานวจนํฯ

    162.Tīhi suddhenāti ettha tīhīti nissakkavacanaṃ vā hoti, karaṇavacanaṃ vā. Nissakkapakkhe kāyavacīmanodvārehi suddhena. Tathā duccaritamalehi visamehi papañcehītiādinā nayena sabbakilesattikehi bodhimaṇḍe eva suddhenāti yojetabbaṃ. Karaṇapakkhe tīhīti kāyavacīmanodvārehi suddhena. Tathā tīhi sucaritehi, tīhi vimokkhehi, tīhi bhāvanāhi, tīhi sīlasamādhipaññāhi suddhenāti sabbaguṇattikehi yojetabbaṃ. Vibhāvitanti desanāya vitthāritaṃ, vibhūtaṃ vā kataṃ vihitaṃ, paññattaṃ vā hoti. Saṃvaṇṇanāti vattamānasamīpe vattamānavacanaṃ.

    น เกวลํ ราชคหเมว, อิทมฺปิ นครํฯ สปริเจฺฉทนฺติ สปริยนฺตนฺติ อโตฺถฯ สปริเกฺขปนฺติ เอเกฯ ‘‘หํสวฎฺฎกจฺฉทเนนาติ หํสปริเกฺขปสณฺฐาเนนา’’ติ ลิขิตํฯ กายวิจฺฉินฺทนิยกถนฺติ อตฺตโน อตฺตภาเว, ปรสฺส วา อตฺตภาเว ฉนฺทราคปฺปหานกรํ วิจฺฉินฺทนกรํ ธมฺมกถํ กเถติฯ อสุภา เจว สุภาการวิรหิตตฺตาฯ อสุจิโน จ โทสนิสฺสนฺทนปภวตฺตาฯ ปฎิกูลา จ ชิคุจฺฉนียตฺตา ปิตฺตเสมฺหาทีสุ อาสยโตฯ อสุภาย วณฺณนฺติ อสุภาการสฺส, อสุภกมฺมฎฺฐานสฺส วา วิตฺถารํ ภาสติฯ สามิอเตฺถ เหตํ สมฺปทานวจนํฯ อสุภนฺติ อสุภนิมิตฺตสฺส อาวิภาวาย ปจฺจุปฎฺฐานาย วิตฺถารกถาสงฺขาตํ วณฺณํ ภาสภีติ อโตฺถฯ เตสํเยว อาทิมชฺฌปริโยสานานํ ทสหิ ลกฺขเณหิ สมฺปนฺนํ กิเลสโจเรหิ อนภิภวนียตฺตา ฌานจิตฺตํ มญฺชูสํ นามฯ

    Na kevalaṃ rājagahameva, idampi nagaraṃ. Saparicchedanti sapariyantanti attho. Saparikkhepanti eke. ‘‘Haṃsavaṭṭakacchadanenāti haṃsaparikkhepasaṇṭhānenā’’ti likhitaṃ. Kāyavicchindaniyakathanti attano attabhāve, parassa vā attabhāve chandarāgappahānakaraṃ vicchindanakaraṃ dhammakathaṃ katheti. Asubhā ceva subhākāravirahitattā. Asucino ca dosanissandanapabhavattā. Paṭikūlā ca jigucchanīyattā pittasemhādīsu āsayato. Asubhāya vaṇṇanti asubhākārassa, asubhakammaṭṭhānassa vā vitthāraṃ bhāsati. Sāmiatthe hetaṃ sampadānavacanaṃ. Asubhanti asubhanimittassa āvibhāvāya paccupaṭṭhānāya vitthārakathāsaṅkhātaṃ vaṇṇaṃ bhāsabhīti attho. Tesaṃyeva ādimajjhapariyosānānaṃ dasahi lakkhaṇehi sampannaṃ kilesacorehi anabhibhavanīyattā jhānacittaṃ mañjūsaṃ nāma.

    ตตฺริมานีติ เอตฺถายํ ปิณฺฑโตฺถ – ยสฺมิํ วาเร ปฐมํ ฌานํ เอกจิตฺตกฺขณิกํ อุปฺปชฺชติ, ตํ สกลมฺปิ ชวนวารํ อนุโลมปริกมฺมอุปจารโคตฺรภุอปฺปนาปฺปเภทํ เอกตฺตนเยน ‘‘ปฐมํ ฌาน’’นฺติ คเหตฺวา ตสฺส ปฐมชฺฌานสฺส อปฺปนาปฎิปาทิกาย ขิปฺปาทิเภทาย อภิญฺญาย อธิคตาย กิจฺจนิปฺผตฺติํ อุปาทาย อาคมนวเสน ปฎิปทาวิสุทฺธิ อาทีติ เวทิตพฺพาฯ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจนิปฺผตฺติวเสน อุเปกฺขานุพฺรูหนา มเชฺฌติ เวทิตพฺพาฯ ปริโยทาปกญาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติวเสน สมฺปหํสนา ปริโยสานนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ อาทิจิตฺตโต ปฎฺฐาย ยาว ปฐมชฺฌานสฺส อุปฺปาทกฺขณํ, เอตสฺมิํ อนฺตเร ปฎิปทาวิสุทฺธีติ เวทิตพฺพาฯ อุปฺปาทฐิติกฺขเณสุ อุเปกฺขานุพฺรูหนา, ฐิติภงฺคกฺขเณสุ สมฺปหํสนาติ เวทิตพฺพาฯ ลกฺขียติ เอเตนาติ ลกฺขณนฺติ กตฺวา ‘‘วิสุทฺธิปฎิปตฺติปกฺขนฺทเน’’ติอาทินา ปุพฺพภาโค ลกฺขียติ, ติวิเธน อชฺฌุเปกฺขเนน มชฺฌํ ลกฺขียติ, จตุพฺพิธาย สมฺปหํสนาย ปริโยสานํ ลกฺขียตีติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ทส ลกฺขณานี’’ติฯ

    Tatrimānīti etthāyaṃ piṇḍattho – yasmiṃ vāre paṭhamaṃ jhānaṃ ekacittakkhaṇikaṃ uppajjati, taṃ sakalampi javanavāraṃ anulomaparikammaupacāragotrabhuappanāppabhedaṃ ekattanayena ‘‘paṭhamaṃ jhāna’’nti gahetvā tassa paṭhamajjhānassa appanāpaṭipādikāya khippādibhedāya abhiññāya adhigatāya kiccanipphattiṃ upādāya āgamanavasena paṭipadāvisuddhi ādīti veditabbā. Tatramajjhattupekkhāya kiccanipphattivasena upekkhānubrūhanā majjheti veditabbā. Pariyodāpakañāṇassa kiccanipphattivasena sampahaṃsanā pariyosānanti veditabbaṃ. Tattha ādicittato paṭṭhāya yāva paṭhamajjhānassa uppādakkhaṇaṃ, etasmiṃ antare paṭipadāvisuddhīti veditabbā. Uppādaṭhitikkhaṇesu upekkhānubrūhanā, ṭhitibhaṅgakkhaṇesu sampahaṃsanāti veditabbā. Lakkhīyati etenāti lakkhaṇanti katvā ‘‘visuddhipaṭipattipakkhandane’’tiādinā pubbabhāgo lakkhīyati, tividhena ajjhupekkhanena majjhaṃ lakkhīyati, catubbidhāya sampahaṃsanāya pariyosānaṃ lakkhīyatīti. Tena vuttaṃ ‘‘dasa lakkhaṇānī’’ti.

    ปาริพนฺธกโตติ นีวรณสงฺขาตปาริพนฺธกโต วิสุทฺธตฺตา โคตฺรภุปริโยสานํ ปุพฺพภาคชวนจิตฺตํ ‘‘จิตฺตวิสุทฺธี’’ติ วุจฺจติฯ ตถา วิสุทฺธตฺตา ตํ จิตฺตํ มชฺฌิมํ สมาธินิมิตฺตสงฺขาตํ อปฺปนาสมาธิํ ตทตฺถาย อุปคจฺฉมานํ เอกสนฺตติวเสน ปริณาเมนฺตํ ปฎิปชฺชติ นามฯ เอวํ ปฎิปนฺนสฺส ตสฺส ตตฺถ สมถนิมิเตฺต ปกฺขนฺทนํ ตพฺภาวูปคมนํ โหตีติ กตฺวา ‘‘ตตฺถ จิตฺตปกฺขนฺทน’’นฺติ วุจฺจติฯ เอวํ ตาว ปฐมชฺฌานุปฺปาทกฺขเณ เอว อาคมนวเสน ปฎิปทาวิสุทฺธิ เวทิตพฺพาฯ เอวํ วิสุทฺธสฺส อปฺปนาปฺปตฺตสฺส ปุน วิโสธเน พฺยาปาราภาวา อชฺฌุเปกฺขนํ โหติฯ สมถปฺปฎิปนฺนตฺตา ปุน สมาธาเน พฺยาปาราภาวา จ สมถปฺปฎิปนฺนสฺส อชฺฌุเปกฺขนํ โหติฯ กิเลสสํสคฺคํ ปหาย เอกเนฺตน อุปฎฺฐิตตฺตา ปุน เอกตฺตุปฎฺฐาเน พฺยาปาราสมฺภวโต เอกตฺตุปฎฺฐานสฺส อชฺฌุเปกฺขนํ โหติฯ ตตฺถ ชาตานนฺติ ตสฺมิํ จิเตฺต ชาตานํ สมาธิปญฺญานํ ยุคนทฺธภาเวน อนติวตฺตนเฎฺฐน นานากิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตาฯ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ วิมุตฺติรเสเนกรสเฎฺฐน อนติวตฺตเนกสภาวานํ เตสํ ทฺวินฺนํ อุปคตํ ตชฺชํ ตสฺสารุปฺปํ ตทนุรูปํ วีริยํ ตถา จิตฺตํ โยคี วาเหติ ปวเตฺตตีติ กตฺวา ตทุปควีริยวาหนเฎฺฐน จ วิเสสภาคิยภาวตฺตา อาเสวนเฎฺฐนสมฺปหํสนา โหตีติ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อปิเจตฺถ ‘‘อนนฺตราตีตํ โคตฺรภุจิตฺตํ เอกสนฺตติวเสน ปริณาเมนฺตํ ปฎิปชฺชติ นามา’’ติ ลิขิตํฯ ตตฺถ หิ ปริณาเมนฺตํ ปฎิปชฺชตีติ เอตานิ วจนานิ อตีตสฺส น สมฺภวนฺติ, ยญฺจ ตทนนฺตรํ ลิขิตํ ‘‘อปฺปนาสมาธิจิตฺตํ อุปคจฺฉมานํ โคตฺรภุจิตฺตํ ตตฺถ ปกฺขนฺทติ นามา’’ติฯ อิมินาปิ ตํ น ยุชฺชติ, ‘‘ปฎิปตฺติกฺขเณ เอว อตีต’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘โคตฺรภุจิตฺตํ ตตฺถ ปกฺขนฺทตี’’ติ วจนเมว วิรุชฺฌตีติ อาจริโยฯ ‘‘เอกจิตฺตกฺขณิกมฺปิ โลกุตฺตรจิตฺตํ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรตี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘เอกจิตฺตกฺขณิกสฺสาปิ ฌานสฺส เอตานิ ทส ลกฺขณานี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ตโต ปฎฺฐาย อาเสวนา ภาวนา เอวา’’ติปิ วุตฺตํฯ ‘‘อธิฎฺฐานสมฺปนฺนนฺติ อธิฎฺฐาเนน สหคต’’นฺติ ลิขิตํฯ ตสฺสโตฺถ – ยญฺจ ‘‘อาทิมชฺฌปริโยสานสงฺขาต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ เตสํ ติณฺณมฺปิ กลฺยาณกตาย สมนฺนาคตตฺตา ติวิธกลฺยาณกตญฺจฯ เอวํ ติวิธจิตฺตํ ตทธิคมมูลกานํ คุณานํ, อุปริฌานาธิคมสฺส วา ปทฎฺฐานเฎฺฐน อธิฎฺฐานํ โหติ, ตสฺมา จิตฺตสฺส อธิฎฺฐานภาเวน สมฺปนฺนตฺตา อธิฎฺฐานสมฺปนฺนํ นามาติฯ

    Pāribandhakatoti nīvaraṇasaṅkhātapāribandhakato visuddhattā gotrabhupariyosānaṃ pubbabhāgajavanacittaṃ ‘‘cittavisuddhī’’ti vuccati. Tathā visuddhattā taṃ cittaṃ majjhimaṃ samādhinimittasaṅkhātaṃ appanāsamādhiṃ tadatthāya upagacchamānaṃ ekasantativasena pariṇāmentaṃ paṭipajjati nāma. Evaṃ paṭipannassa tassa tattha samathanimitte pakkhandanaṃ tabbhāvūpagamanaṃ hotīti katvā ‘‘tattha cittapakkhandana’’nti vuccati. Evaṃ tāva paṭhamajjhānuppādakkhaṇe eva āgamanavasena paṭipadāvisuddhi veditabbā. Evaṃ visuddhassa appanāppattassa puna visodhane byāpārābhāvā ajjhupekkhanaṃ hoti. Samathappaṭipannattā puna samādhāne byāpārābhāvā ca samathappaṭipannassa ajjhupekkhanaṃ hoti. Kilesasaṃsaggaṃ pahāya ekantena upaṭṭhitattā puna ekattupaṭṭhāne byāpārāsambhavato ekattupaṭṭhānassa ajjhupekkhanaṃ hoti. Tattha jātānanti tasmiṃ citte jātānaṃ samādhipaññānaṃ yuganaddhabhāvena anativattanaṭṭhena nānākilesehi vimuttattā. Saddhādīnaṃ indriyānaṃ vimuttirasenekarasaṭṭhena anativattanekasabhāvānaṃ tesaṃ dvinnaṃ upagataṃ tajjaṃ tassāruppaṃ tadanurūpaṃ vīriyaṃ tathā cittaṃ yogī vāheti pavattetīti katvā tadupagavīriyavāhanaṭṭhena ca visesabhāgiyabhāvattā āsevanaṭṭhena ca sampahaṃsanā hotīti attho veditabbo. Apicettha ‘‘anantarātītaṃ gotrabhucittaṃ ekasantativasena pariṇāmentaṃ paṭipajjati nāmā’’ti likhitaṃ. Tattha hi pariṇāmentaṃ paṭipajjatīti etāni vacanāni atītassa na sambhavanti, yañca tadanantaraṃ likhitaṃ ‘‘appanāsamādhicittaṃ upagacchamānaṃ gotrabhucittaṃ tattha pakkhandati nāmā’’ti. Imināpi taṃ na yujjati, ‘‘paṭipattikkhaṇe eva atīta’’nti vuttattā ‘‘gotrabhucittaṃ tattha pakkhandatī’’ti vacanameva virujjhatīti ācariyo. ‘‘Ekacittakkhaṇikampi lokuttaracittaṃ āsevati bhāveti bahulīkarotī’’ti vuttattā ‘‘ekacittakkhaṇikassāpi jhānassa etāni dasa lakkhaṇānī’’ti vuttaṃ. ‘‘Tato paṭṭhāya āsevanā bhāvanā evā’’tipi vuttaṃ. ‘‘Adhiṭṭhānasampannanti adhiṭṭhānena sahagata’’nti likhitaṃ. Tassattho – yañca ‘‘ādimajjhapariyosānasaṅkhāta’’nti vuttaṃ, taṃ tesaṃ tiṇṇampi kalyāṇakatāya samannāgatattā tividhakalyāṇakatañca. Evaṃ tividhacittaṃ tadadhigamamūlakānaṃ guṇānaṃ, uparijhānādhigamassa vā padaṭṭhānaṭṭhena adhiṭṭhānaṃ hoti, tasmā cittassa adhiṭṭhānabhāvena sampannattā adhiṭṭhānasampannaṃ nāmāti.

    อทฺธมาสํ ปฎิสลฺลียิตุนฺติ เอตฺถ อาจริยา เอวมาหุ ‘‘ภิกฺขูนํ อญฺญมญฺญวธทสฺสนสวนสมฺภเว สตฺถุโน สติ ตสฺส อุปทฺทวสฺส อภาเว อุปายาชานนโต ‘อยํ อสพฺพญฺญู’ติ เหตุปติรูปกมเหตุํ วตฺวา ธมฺมิสฺสรสฺสาปิ ตถาคตสฺส กเมฺมสฺวนิสฺสริยํ อสมฺพุชฺฌมานา อสพฺพทสฺสิตมธิจฺจโมหา พหุชนา อวีจิปรายนา ภเวยฺยุํ, ตสฺมา โส ภควา ปเคว เตสํ ภิกฺขูนํ อญฺญมญฺญํ วธมานภาวํ ญตฺวา ตทภาโวปายาภาวํ ปน สุวินิจฺฉินิตฺวา ตตฺถ ปุถุชฺชนานํ สุคติลาภเหตุเมเวกํ กตฺวา อสุภเทสนาย วา รูปสทฺททสฺสนสวเนหิ นิปฺปโยชเนหิ วิรมิตฺวา ปเคว ตโต วิรมณโต, สุคติลาภเหตุกรณโต, อวสฺสํ ปญฺญาปิตพฺพาย ตติยปาราชิกปญฺญตฺติยา วตฺถาคมทสฺสนโต จ อตฺตโน สพฺพทสฺสิตํ ปริกฺขกานํ ปกาเสโนฺต วิย ตมทฺธมาสํ เวเนยฺยหิตนิปฺผตฺติยา ผลสมาปตฺติยา อวกาสํ กตฺวา วิหริตุกาโม ‘อิจฺฉามหํ, ภิกฺขเว, อทฺธมาสํ ปฎิสลฺลียิตุ’นฺติอาทิมาหา’’ติฯ อาจริยา นาม พุทฺธมิตฺตเตฺถรธมฺมสิริเตฺถรอุปติสฺสเตฺถราทโย คณปาโมกฺขา, อฎฺฐกถาจริยสฺส จ สนฺติเก สุตปุพฺพาฯ ตโต อเญฺญ เอเกติ เวทิตพฺพาฯ ‘‘สเกน กาเยน อฎฺฎียนฺติ…เป.… ภวิสฺสนฺตี’’ติ อิทํ ปรโต ‘‘เย เต ภิกฺขู อวีตราคา, เตสํ ตสฺมิํ สมเย โหติ เอว ภยํ, โหติ โลมหํโส, โหติ ฉมฺภิตตฺต’’นฺติ อิมินา น ยุชฺชติ, อิทญฺจ ภควโต อสุภกถารมฺมณปฺปโยชเนน น สเมตีติ เจ? น, ตทตฺถาชานนโตฯ สเกน กาเยน อฎฺฎียนฺตานมฺปิ เตสํ อริยมเคฺคน อปฺปหีนสิเนหตฺตา ขีณาสวานํ วิย มรณํ ปฎิจฺจ อภยํ น โหติ, ภยญฺจ ปน อสุภภาวนานุโยคานุภาเวน มนฺทีภูตํ อนฎฺฎียนฺตานํ วิย น มหนฺตํ หุตฺวา จิตฺตํ โมเหสิฯ อปายุปเค เต สเตฺต นากาสีติ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อถ วา อิทํ ปุริมสฺส การณวจนํ, ยสฺมา เตสํ ตสฺมิํ สมเย โหติ เอว ภยํ, ฉมฺภิตตฺตํ, โลมหํโส จ, ตสฺมา ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา อสุภกถํ กเถตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติฯ

    Addhamāsaṃ paṭisallīyitunti ettha ācariyā evamāhu ‘‘bhikkhūnaṃ aññamaññavadhadassanasavanasambhave satthuno sati tassa upaddavassa abhāve upāyājānanato ‘ayaṃ asabbaññū’ti hetupatirūpakamahetuṃ vatvā dhammissarassāpi tathāgatassa kammesvanissariyaṃ asambujjhamānā asabbadassitamadhiccamohā bahujanā avīciparāyanā bhaveyyuṃ, tasmā so bhagavā pageva tesaṃ bhikkhūnaṃ aññamaññaṃ vadhamānabhāvaṃ ñatvā tadabhāvopāyābhāvaṃ pana suvinicchinitvā tattha puthujjanānaṃ sugatilābhahetumevekaṃ katvā asubhadesanāya vā rūpasaddadassanasavanehi nippayojanehi viramitvā pageva tato viramaṇato, sugatilābhahetukaraṇato, avassaṃ paññāpitabbāya tatiyapārājikapaññattiyā vatthāgamadassanato ca attano sabbadassitaṃ parikkhakānaṃ pakāsento viya tamaddhamāsaṃ veneyyahitanipphattiyā phalasamāpattiyā avakāsaṃ katvā viharitukāmo ‘icchāmahaṃ, bhikkhave, addhamāsaṃ paṭisallīyitu’ntiādimāhā’’ti. Ācariyā nāma buddhamittattheradhammasirittheraupatissattherādayo gaṇapāmokkhā, aṭṭhakathācariyassa ca santike sutapubbā. Tato aññe eketi veditabbā. ‘‘Sakena kāyena aṭṭīyanti…pe… bhavissantī’’ti idaṃ parato ‘‘ye te bhikkhū avītarāgā, tesaṃ tasmiṃ samaye hoti eva bhayaṃ, hoti lomahaṃso, hoti chambhitatta’’nti iminā na yujjati, idañca bhagavato asubhakathārammaṇappayojanena na sametīti ce? Na, tadatthājānanato. Sakena kāyena aṭṭīyantānampi tesaṃ ariyamaggena appahīnasinehattā khīṇāsavānaṃ viya maraṇaṃ paṭicca abhayaṃ na hoti, bhayañca pana asubhabhāvanānuyogānubhāvena mandībhūtaṃ anaṭṭīyantānaṃ viya na mahantaṃ hutvā cittaṃ mohesi. Apāyupage te satte nākāsīti evamattho veditabbo. Atha vā idaṃ purimassa kāraṇavacanaṃ, yasmā tesaṃ tasmiṃ samaye hoti eva bhayaṃ, chambhitattaṃ, lomahaṃso ca, tasmā ‘‘tena kho pana samayena bhagavā asubhakathaṃ kathetī’’tiādi vuttanti.

    อถ วา สเกน กาเยน อฎฺฎียนฺตานมฺปิ เตสํ โหติ เอว ภยํ, มหานุภาวา วีตราคาติ ขีณาสวานํ มหนฺตํ วิเสสํ ทเสฺสติ, อติทุปฺปสเหยฺยมิทํ มรณภยํ, ยโต เอวํวิธานมฺปิ อวีตราคตฺตา ภยํ โหตีติปิ ทเสฺสติฯ ตทเญฺญ เตสํ ภิกฺขูนํ ปญฺจสตานํ อญฺญตราฯ เตเนทํ ทีเปติ ‘‘ตํ ตถา อาคตํ อสิหตฺถํ วธกํ ปสฺสิตฺวา ตทเญฺญสมฺปิ โหติ เอว ภยํ, ปเคว เตสนฺติ กตฺวา ภควา ปฐมเมว เตสํ อสุภกถํ กเถสิ, ปรโต เตสํ นาโหสิฯ เอวํ มหานิสํสา เนสํ อสุภกถา อาสี’’ติฯ โย ปเนตฺถ ปจฺฉิโม นโย , โส ‘‘เตสุ กิร ภิกฺขูสุ เกนจิปิ กายวิกาโร วา วจีวิกาโร วา น กโต, สเพฺพ สตา สมฺปชานา ทกฺขิเณน ปเสฺสน นิปชฺชิํสู’’ติ อิมินา อฎฺฐกถาวจเนน สเมติฯ

    Atha vā sakena kāyena aṭṭīyantānampi tesaṃ hoti eva bhayaṃ, mahānubhāvā vītarāgāti khīṇāsavānaṃ mahantaṃ visesaṃ dasseti, atiduppasaheyyamidaṃ maraṇabhayaṃ, yato evaṃvidhānampi avītarāgattā bhayaṃ hotītipi dasseti. Tadaññe tesaṃ bhikkhūnaṃ pañcasatānaṃ aññatarā. Tenedaṃ dīpeti ‘‘taṃ tathā āgataṃ asihatthaṃ vadhakaṃ passitvā tadaññesampi hoti eva bhayaṃ, pageva tesanti katvā bhagavā paṭhamameva tesaṃ asubhakathaṃ kathesi, parato tesaṃ nāhosi. Evaṃ mahānisaṃsā nesaṃ asubhakathā āsī’’ti. Yo panettha pacchimo nayo , so ‘‘tesu kira bhikkhūsu kenacipi kāyavikāro vā vacīvikāro vā na kato, sabbe satā sampajānā dakkhiṇena passena nipajjiṃsū’’ti iminā aṭṭhakathāvacanena sameti.

    อปเร ปนาหูติ กุลทฺธิปฎิเสธนตฺถํ วุตฺตํฯ ‘‘อยํ กิร ลทฺธี’’ติ วจนํ ‘‘มารเธยฺยํนาติกฺกมิสฺสตี’’ติ วจเนน วิรุชฺฌตีติ เจ? น วิรุชฺฌติฯ กถํ? อยํ ภิกฺขู อฆาเตโนฺต มารวิสยํ อติกฺกมิสฺสติ อกุสลกรณโต จฯ ฆาเตโนฺต ปน มารเธยฺยํ นาติกฺกมิสฺสติ พลวตฺตา กมฺมสฺสาติ สยํ มารปกฺขิกตฺตา เอวํ จิเนฺตตฺวา ปน ‘‘เย น มตา, เต สํสารโต น มุตฺตา’’ติ อตฺตโน จ ลทฺธิ, ตสฺมา ตํ ตตฺถ อุภเยสํ มเคฺค นิโยเชนฺตี เอวมาห, เตเนว ‘‘มารปกฺขิกา มาเรน สมานลทฺธิกา’’ติ อวตฺวา ‘‘มารสฺสา นุวตฺติกา’’ติ วุตฺตาฯ ‘‘อิมินา กิํ วุตฺตํ โหติ? ยสฺมา มารสฺส อนุวตฺติ, ตสฺมา เอวํ จิเนฺตตฺวาปิ อตฺตโน ลทฺธิวเสน เอวมาหา’’ติ เกจิ ลิขนฺติฯ มม สนฺติเก เอกโต อุปฎฺฐานมาคจฺฉนฺติ, อตฺตโน อตฺตโน อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก อุเทฺทสาทิํ คณฺหาติฯ

    Apare panāhūti kuladdhipaṭisedhanatthaṃ vuttaṃ. ‘‘Ayaṃ kira laddhī’’ti vacanaṃ ‘‘māradheyyaṃnātikkamissatī’’ti vacanena virujjhatīti ce? Na virujjhati. Kathaṃ? Ayaṃ bhikkhū aghātento māravisayaṃ atikkamissati akusalakaraṇato ca. Ghātento pana māradheyyaṃ nātikkamissati balavattā kammassāti sayaṃ mārapakkhikattā evaṃ cintetvā pana ‘‘ye na matā, te saṃsārato na muttā’’ti attano ca laddhi, tasmā taṃ tattha ubhayesaṃ magge niyojentī evamāha, teneva ‘‘mārapakkhikā mārena samānaladdhikā’’ti avatvā ‘‘mārassā nuvattikā’’ti vuttā. ‘‘Iminā kiṃ vuttaṃ hoti? Yasmā mārassa anuvatti, tasmā evaṃ cintetvāpi attano laddhivasena evamāhā’’ti keci likhanti. Mama santike ekato upaṭṭhānamāgacchanti, attano attano ācariyupajjhāyānaṃ santike uddesādiṃ gaṇhāti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ปฐมปญฺญตฺตินิทานวณฺณนา • Paṭhamapaññattinidānavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปฐมปญฺญตฺตินิทานวณฺณนา • Paṭhamapaññattinidānavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact