Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
ปฐมปญฺญตฺตินิทานวณฺณนา
Paṭhamapaññattinidānavaṇṇanā
๑๖๒. ยา อยํ เหฎฺฐา ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล จ จกฺกวตฺติกาเล จ นครํ โหตีติอาทินา (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๘๔) ราชคหสฺส พุทฺธุปฺปาเทเยว เวปุลฺลปฺปตฺติ วุตฺตา, สา เอตฺถาปิ สมานาติ ทเสฺสตุํ ‘‘อิทมฺปิ จ นคร’’นฺติ วุตฺตํ, เตน จ น เกวลํ ราชคหาทโย เอวาติ ทเสฺสติฯ มหาวนํ นามาติอาทิ มชฺฌิมภาณกสํยุตฺตภาณกานํ มเตน วุตฺตํ, ทีฆภาณกา ปน ‘‘หิมวเนฺตน สทฺธิํ เอกาพทฺธํ หุตฺวา ฐิตํ มหาวน’’นฺติ วทนฺติฯ หํสวฎฺฎกจฺฉทเนนาติ หํสวฎฺฎกปฎิจฺฉเนฺนน, หํสมณฺฑลากาเรนาติ อโตฺถฯ กายวิจฺฉนฺทนิยกถนฺติ กรชกาเย วิราคุปฺปาทนกถํฯ ฉโนฺทติ ทุพฺพลราโคฯ ราโคติ พลวราโคฯ ‘‘เกสโลมาทิ’’นฺติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิภาเคน ทเสฺสตุํ เยปิ หีติอาทิ วุตฺตํฯ ปญฺจปญฺจปฺปเภเทนาติ เอตฺถ ปญฺจ ปญฺจ ปเภทา เอตสฺส ปริยายสฺสาติ ปญฺจปญฺจปฺปเภโท , เตน ปญฺจปญฺจปฺปเภเทนาติ เอวํ พาหิรตฺถสมาสวเสน ปริยายวิเสสนตา ทฎฺฐพฺพาฯ
162. Yā ayaṃ heṭṭhā taṃ panetaṃ buddhakāle ca cakkavattikāle ca nagaraṃ hotītiādinā (pārā. aṭṭha. 1.84) rājagahassa buddhuppādeyeva vepullappatti vuttā, sā etthāpi samānāti dassetuṃ ‘‘idampi ca nagara’’nti vuttaṃ, tena ca na kevalaṃ rājagahādayo evāti dasseti. Mahāvanaṃ nāmātiādi majjhimabhāṇakasaṃyuttabhāṇakānaṃ matena vuttaṃ, dīghabhāṇakā pana ‘‘himavantena saddhiṃ ekābaddhaṃ hutvā ṭhitaṃ mahāvana’’nti vadanti. Haṃsavaṭṭakacchadanenāti haṃsavaṭṭakapaṭicchannena, haṃsamaṇḍalākārenāti attho. Kāyavicchandaniyakathanti karajakāye virāguppādanakathaṃ. Chandoti dubbalarāgo. Rāgoti balavarāgo. ‘‘Kesalomādi’’nti saṅkhepato vuttamatthaṃ vibhāgena dassetuṃ yepi hītiādi vuttaṃ. Pañcapañcappabhedenāti ettha pañca pañca pabhedā etassa pariyāyassāti pañcapañcappabhedo , tena pañcapañcappabhedenāti evaṃ bāhiratthasamāsavasena pariyāyavisesanatā daṭṭhabbā.
อสุภายาติ อสุภมาติกายฯ วเณฺณตพฺพมาติกญฺหิ อเปกฺขิตฺวา อิตฺถิลิเงฺค สามิวจนํ, เตนาห มาติกํ นิกฺขิปิตฺวาติอาทิฯ ตํ วิภชโนฺตติ มาติกํ วิภชโนฺตฯ ผาติกมฺมนฺติ นิปฺผตฺติกรณํฯ ปญฺจงฺควิปฺปหีนนฺติ กามจฺฉนฺทาทิปญฺจนีวรณงฺควิคเมน ปญฺจงฺควิปฺปหีนตา, อปฺปนาปฺปตฺตวิตกฺกาทิชฺฌานงฺคานํ อุปฺปตฺติวเสน ปญฺจงฺคสมนฺนาคตตา จ เวทิตพฺพาฯ ติวิธกลฺยาณํ ทสลกฺขณสมฺปนฺนนฺติ เอตฺถ ปน ฌานสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานานํ วเสน ติวิธกลฺยาณตา, เตสํเยว อาทิมชฺฌปริโยสานานํ ลกฺขณวเสน ทสลกฺขณสมฺปนฺนตา จ เวทิตพฺพาฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘ทสลกฺขณวิภาวเนเนว ตนฺนิสฺสยภูตา ติวิธกลฺยาณตาปิ ฌานสฺส ปากฎา โหตีติ ตตฺริมานีติอาทิ วุตฺตํฯ
Asubhāyāti asubhamātikāya. Vaṇṇetabbamātikañhi apekkhitvā itthiliṅge sāmivacanaṃ, tenāha mātikaṃ nikkhipitvātiādi. Taṃ vibhajantoti mātikaṃ vibhajanto. Phātikammanti nipphattikaraṇaṃ. Pañcaṅgavippahīnanti kāmacchandādipañcanīvaraṇaṅgavigamena pañcaṅgavippahīnatā, appanāppattavitakkādijjhānaṅgānaṃ uppattivasena pañcaṅgasamannāgatatā ca veditabbā. Tividhakalyāṇaṃ dasalakkhaṇasampannanti ettha pana jhānassa ādimajjhapariyosānānaṃ vasena tividhakalyāṇatā, tesaṃyeva ādimajjhapariyosānānaṃ lakkhaṇavasena dasalakkhaṇasampannatā ca veditabbā. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘dasalakkhaṇavibhāvaneneva tannissayabhūtā tividhakalyāṇatāpi jhānassa pākaṭā hotīti tatrimānītiādi vuttaṃ.
ตตฺรายํ ปาฬีติ ตสฺมิํ ทสลกฺขณวิภาวนวิสเย อยํ ปาฬิฯ ปฎิปทาวิสุทฺธีติ โคตฺรภุปริโยสานาย ปุพฺพภาคปฎิปทาย ฌานสฺส นีวรณาทิปริพนฺธโต วิสุทฺธิ, สายํ ยสฺมา อุเปกฺขานุพฺรูหนาทีนมฺปิ ปจฺจยเตฺตน ปธานา ปุริมการณสิทฺธา จ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปฎิปทาวิสุทฺธิ อาที’’ติฯ อุเปกฺขานุพฺรูหนาติ วิโสเธตพฺพตาทีนํ อภาวโต ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจนิปฺผตฺติยา อนุพฺรูหนา, สา ปน ปริพนฺธวิสุทฺธิสมกาลวิภาวินีปิ ตพฺพิสุทฺธิยาว นิปฺผนฺนาติ ทีปนตฺถมาห ‘‘อุเปกฺขานุพฺรูหนา มเชฺฌ’’ติฯ สมฺปหํสนาติ วตฺถุธมฺมาทีนํ อนติวตฺตนาทิสาธกสฺส ญาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติวเสน ปริโยทปนา, สา ปน ยสฺมา กตฺตพฺพสฺส สพฺพกิจฺจสฺส นิปฺผตฺติยาว สิทฺธา นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สมฺปหํสนา ปริโยสาน’’นฺติฯ ตีณิปิ เจตานิ กลฺยาณานิ เอกกฺขเณ ลพฺภมานานิปิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตาทิวเสน ปวตฺตนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ อาทิมชฺฌปริโยสานภาเวน วุตฺตานิ, น ปน ฌานสฺส อุปฺปาทาทิกฺขณตฺตเย ยถากฺกมํ ลพฺภมานตฺตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ มชฺฌิมํ สมาธินิมิตฺตํ ปฎิปชฺชตีติอาทีสุ มชฺฌิมํ สมาธินิมิตฺตํ นาม สมปฺปวโตฺต อปฺปนาสมาธิเยวฯ โส หิ ลีนุทฺธจฺจสงฺขาตานํ อุภินฺนํ อนฺตานํ อนุปคมเนน มชฺฌิโม, สวิเสสํ จิตฺตสฺส เอกตฺตารมฺมเณ ฐปนโต สมาธิเยว อุปริวิเสสานํ การณภาวโต ‘‘สมาธินิมิตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ ปฎิปชฺชติ ปฎิลพฺภตีติ อโตฺถฯ เอวํ ปฎิปนฺนตฺตา มชฺฌิเมน สมาธินิมิเตฺตน ตตฺถ เอกตฺตารมฺมเณ อปฺปนาโคจเร ปกฺขนฺทติ อุปติฎฺฐติ, เอวํ วิสุทฺธสฺส ปน ตสฺส จิตฺตสฺส ปุน วิโสเธตพฺพาภาวโต วิโสธเน พฺยาปารํ อกโรโนฺต ปุคฺคโล วิสุทฺธํ จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขติ นามฯ สมถภาวูปคมเนน สมถปฎิปนฺนสฺส ปุน สมาธาเน พฺยาปารํ อกโรโนฺต สมถปฎิปนฺนํ อชฺฌุเปกฺขติ, สมถปฎิปนฺนภาวโต เอวมสฺส กิเลสสํสคฺคํ ปหาย เอกเตฺตน อุปฎฺฐิตสฺส ปุน เอกตฺตุปฎฺฐาเน พฺยาปารํ อกโรโนฺต เอกตฺตุปฎฺฐานํ อชฺฌุเปกฺขติ นามฯ
Tatrāyaṃpāḷīti tasmiṃ dasalakkhaṇavibhāvanavisaye ayaṃ pāḷi. Paṭipadāvisuddhīti gotrabhupariyosānāya pubbabhāgapaṭipadāya jhānassa nīvaraṇādiparibandhato visuddhi, sāyaṃ yasmā upekkhānubrūhanādīnampi paccayattena padhānā purimakāraṇasiddhā ca, tasmā vuttaṃ ‘‘paṭipadāvisuddhi ādī’’ti. Upekkhānubrūhanāti visodhetabbatādīnaṃ abhāvato tatramajjhattupekkhāya kiccanipphattiyā anubrūhanā, sā pana paribandhavisuddhisamakālavibhāvinīpi tabbisuddhiyāva nipphannāti dīpanatthamāha ‘‘upekkhānubrūhanā majjhe’’ti. Sampahaṃsanāti vatthudhammādīnaṃ anativattanādisādhakassa ñāṇassa kiccanipphattivasena pariyodapanā, sā pana yasmā kattabbassa sabbakiccassa nipphattiyāva siddhā nāma hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘sampahaṃsanā pariyosāna’’nti. Tīṇipi cetāni kalyāṇāni ekakkhaṇe labbhamānānipi paccayapaccayuppannatādivasena pavattantīti dassanatthaṃ ādimajjhapariyosānabhāvena vuttāni, na pana jhānassa uppādādikkhaṇattaye yathākkamaṃ labbhamānattāti daṭṭhabbaṃ. Majjhimaṃ samādhinimittaṃ paṭipajjatītiādīsu majjhimaṃ samādhinimittaṃ nāma samappavatto appanāsamādhiyeva. So hi līnuddhaccasaṅkhātānaṃ ubhinnaṃ antānaṃ anupagamanena majjhimo, savisesaṃ cittassa ekattārammaṇe ṭhapanato samādhiyeva uparivisesānaṃ kāraṇabhāvato ‘‘samādhinimitta’’nti vuccati, taṃ paṭipajjati paṭilabbhatīti attho. Evaṃ paṭipannattā majjhimena samādhinimittena tattha ekattārammaṇe appanāgocare pakkhandati upatiṭṭhati, evaṃ visuddhassa pana tassa cittassa puna visodhetabbābhāvato visodhane byāpāraṃ akaronto puggalo visuddhaṃ cittaṃ ajjhupekkhati nāma. Samathabhāvūpagamanena samathapaṭipannassa puna samādhāne byāpāraṃ akaronto samathapaṭipannaṃ ajjhupekkhati, samathapaṭipannabhāvato evamassa kilesasaṃsaggaṃ pahāya ekattena upaṭṭhitassa puna ekattupaṭṭhāne byāpāraṃ akaronto ekattupaṭṭhānaṃ ajjhupekkhati nāma.
ตตฺถ ชาตานนฺติอาทีสุ เย ปน เต เอวํ อุเปกฺขานุพฺรูหิเต ตสฺมิํ ฌานจิเตฺต ชาตา สมาธิปญฺญาสงฺขาตา ยุคนทฺธธมฺมา, เตสํ อญฺญมญฺญํ อนติวตฺตนสภาเวน สมฺปหํสนา วิโสธนา ปริโยทปนา จ, สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ กิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา วิมุตฺติรเสน เอกรสตาย สมฺปหํสนา จ, ยเญฺจตํ ตทุปคํ เตสํ อนติวตฺตนเอกรสภาวานํ อนุจฺฉวิกํ วีริยํ, ตสฺส ตทุปควีริยสฺส วาหนเฎฺฐน ปวตฺตนเฎฺฐน สมฺปหํสนา จ, ตสฺมิํ ขเณ ยถาวุตฺตธมฺมานํ อาเสวนเฎฺฐน สมฺปหํสนา จ, ปริโยทปนา จ ปริโยทปนกสฺส ญาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติวเสเนว อิชฺฌตีติ เวทิตพฺพํฯ เอวํ ติวิธตฺตคตํ จิตฺตนฺติอาทีนิ ตเสฺสว จิตฺตสฺส โถมนวจนานิฯ วิตกฺกสมฺปนฺนนฺติ วิตกฺกเงฺคน สุนฺทรภาวมุปคตํฯ จิตฺตสฺส อธิฎฺฐานสมฺปนฺนนฺติ ตสฺมิเญฺญว อารมฺมเณ จิตฺตสฺส นิรนฺตรปฺปวตฺติสงฺขาเตน สมาธินา สมฺปนฺนํ, อิทํ ฌานงฺควเสน วุตฺตํฯ สมาธิสมฺปนฺนนฺติ อิทํ ปน อินฺทฺริยวเสนาติ เวทิตพฺพํฯ
Tattha jātānantiādīsu ye pana te evaṃ upekkhānubrūhite tasmiṃ jhānacitte jātā samādhipaññāsaṅkhātā yuganaddhadhammā, tesaṃ aññamaññaṃ anativattanasabhāvena sampahaṃsanā visodhanā pariyodapanā ca, saddhādīnaṃ indriyānaṃ kilesehi vimuttattā vimuttirasena ekarasatāya sampahaṃsanā ca, yañcetaṃ tadupagaṃ tesaṃ anativattanaekarasabhāvānaṃ anucchavikaṃ vīriyaṃ, tassa tadupagavīriyassa vāhanaṭṭhena pavattanaṭṭhena sampahaṃsanā ca, tasmiṃ khaṇe yathāvuttadhammānaṃ āsevanaṭṭhena sampahaṃsanā ca, pariyodapanā ca pariyodapanakassa ñāṇassa kiccanipphattivaseneva ijjhatīti veditabbaṃ. Evaṃ tividhattagataṃ cittantiādīni tasseva cittassa thomanavacanāni. Vitakkasampannanti vitakkaṅgena sundarabhāvamupagataṃ. Cittassa adhiṭṭhānasampannanti tasmiññeva ārammaṇe cittassa nirantarappavattisaṅkhātena samādhinā sampannaṃ, idaṃ jhānaṅgavasena vuttaṃ. Samādhisampannanti idaṃ pana indriyavasenāti veditabbaṃ.
ปฎิกุฎตีติ สงฺกุจติฯ ปฎิวฎฺฎตีติ ปฎินิวฎฺฎติฯ นฺหารุททฺทุลนฺติ นฺหารุขณฺฑํฯ ปยุตฺตวาจนฺติ ปจฺจยปริเยสเน นิยุตฺตวาจํฯ ทณฺฑวาคุราหีติ ทณฺฑปฎิพทฺธาหิ ทีฆชาลสงฺขาตาหิ วาคุราหิฯ
Paṭikuṭatīti saṅkucati. Paṭivaṭṭatīti paṭinivaṭṭati. Nhārudaddulanti nhārukhaṇḍaṃ. Payuttavācanti paccayapariyesane niyuttavācaṃ. Daṇḍavāgurāhīti daṇḍapaṭibaddhāhi dīghajālasaṅkhātāhi vāgurāhi.
สมณกุตฺตโกติ กาสายนิวาสนาทิสมณกิจฺจโกฯ วคฺคุมุทาติ เอตฺถ ‘‘วคฺคุมตา’’ติ วตฺตเพฺพ โลกิกา ‘‘มุทา’’ติ โวหริํสูติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘วคฺคุมตา’’ติฯ ‘‘วคฺคู’’ติ มตา, สุทฺธสมฺมตาติ อโตฺถ, เตนาห ‘‘ปุญฺญสมฺมตา’’ติฯ สตฺตานํ ปาปุนเนน โสธเนน สา ปุญฺญสมฺมตาฯ
Samaṇakuttakoti kāsāyanivāsanādisamaṇakiccako. Vaggumudāti ettha ‘‘vaggumatā’’ti vattabbe lokikā ‘‘mudā’’ti vohariṃsūti dassento āha ‘‘vaggumatā’’ti. ‘‘Vaggū’’ti matā, suddhasammatāti attho, tenāha ‘‘puññasammatā’’ti. Sattānaṃ pāpunanena sodhanena sā puññasammatā.
๑๖๓. มารสฺส เธยฺยํ ฐานํ, วตฺถุ วา นิวาโส มารเธยฺยํ, โส อตฺถโต เตภูมกธมฺมา เอว, อิธ ปน ปญฺจ กามคุณา อธิเปฺปตา, ตํ มารเธยฺยํ ฯ ‘‘อยํ สมณกุตฺตโก ยถาสมุปฺปนฺนสํเวคมูลเกน สมณภาวูปคมเนน อติกฺกมิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา อโวจ, น ปน ‘‘อรหตฺตปฺปตฺติยา ตีสุ ภเวสุ อปฺปฎิสนฺธิกตาย ตํ อติกฺกมิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ มรเณเนว สตฺตานํ สํสารโมจนลทฺธิกตฺตา เทวตายฯ น หิ มตานํ กตฺถจิ ปฎิสนฺธิ คจฺฉติฯ อิมินา อเตฺถน เอวเมว ภวิตพฺพนฺติ อิมินา ปเรสํ ชีวิตา โวโรปนเตฺถน เอวเมว สํสารโมจนสภาเวเนว ภวิตพฺพํฯ ‘‘อตฺตนาปิ อตฺตานํ ชีวิตา โวโรเปนฺติ, อญฺญมญฺญมฺปิ ชีวิตา โวโรเปนฺตี’’ติ (ปารา. ๑๖๒) วุตฺตตฺตา สพฺพานิปิ ตานิ ปญฺจภิกฺขุสตานิ ชีวิตา โวโรเปสีติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํฯ ตสฺมา เย อตฺตนาปิ อตฺตานํ อญฺญมญฺญญฺจ ชีวิตา โวโรเปสุํ, เต ปุถุชฺชนภิกฺขู ฐเปตฺวา ตทวเสเส จ ปุถุชฺชนภิกฺขู, สเพฺพ จ อริเย อยํ ชีวิตา โวโรเปสีติ เวทิตพฺพํฯ
163. Mārassa dheyyaṃ ṭhānaṃ, vatthu vā nivāso māradheyyaṃ, so atthato tebhūmakadhammā eva, idha pana pañca kāmaguṇā adhippetā, taṃ māradheyyaṃ. ‘‘Ayaṃ samaṇakuttako yathāsamuppannasaṃvegamūlakena samaṇabhāvūpagamanena atikkamituṃ sakkhissatī’’ti cintetvā avoca, na pana ‘‘arahattappattiyā tīsu bhavesu appaṭisandhikatāya taṃ atikkamituṃ sakkhissatī’’ti maraṇeneva sattānaṃ saṃsāramocanaladdhikattā devatāya. Na hi matānaṃ katthaci paṭisandhi gacchati. Iminā atthena evameva bhavitabbanti iminā paresaṃ jīvitā voropanatthena evameva saṃsāramocanasabhāveneva bhavitabbaṃ. ‘‘Attanāpi attānaṃ jīvitā voropenti, aññamaññampi jīvitā voropentī’’ti (pārā. 162) vuttattā sabbānipi tāni pañcabhikkhusatāni jīvitā voropesīti idaṃ yebhuyyavasena vuttanti gahetabbaṃ. Tasmā ye attanāpi attānaṃ aññamaññañca jīvitā voropesuṃ, te puthujjanabhikkhū ṭhapetvā tadavasese ca puthujjanabhikkhū, sabbe ca ariye ayaṃ jīvitā voropesīti veditabbaṃ.
๑๖๔. เอกีภาวโตติ ปวิเวกโตฯ อุเทฺทสํ ปริปุจฺฉํ คณฺหนฺตีติ อตฺตโน อตฺตโน อาจริยานํ สนฺติเก คณฺหนฺติ, คเหตฺวา จ อาจริเยหิ สทฺธิํ ภควนฺตํ อุปฎฺฐหนฺติฯ ตทา ปน อุเทฺทสาทิทายกา ตนุภูเตหิ ภิกฺขูหิ ภควนฺตํ อุปคตา, ตํ สนฺธาย ภควา ปุจฺฉติฯ
164.Ekībhāvatoti pavivekato. Uddesaṃ paripucchaṃ gaṇhantīti attano attano ācariyānaṃ santike gaṇhanti, gahetvā ca ācariyehi saddhiṃ bhagavantaṃ upaṭṭhahanti. Tadā pana uddesādidāyakā tanubhūtehi bhikkhūhi bhagavantaṃ upagatā, taṃ sandhāya bhagavā pucchati.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ปฐมปญฺญตฺตินิทานวณฺณนา • Paṭhamapaññattinidānavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปฐมปญฺญตฺตินิทานวณฺณนา • Paṭhamapaññattinidānavaṇṇanā