Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
ภิกฺขุนีวิภงฺควณฺณนา
Bhikkhunīvibhaṅgavaṇṇanā
๑. ปาราชิกกณฺฑํ (ภิกฺขุนีวิภงฺควณฺณนา)
1. Pārājikakaṇḍaṃ (bhikkhunīvibhaṅgavaṇṇanā)
๑. ปฐมปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Paṭhamapārājikasikkhāpadavaṇṇanā
๖๕๖. ภิกฺขุนีวิภเงฺค โยติ โย ภิกฺขุนีนํ วิภโงฺคฯ มิคารนตฺตาติ มชฺฌปทโลเปเนตํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘มิคารมาตุยา ปน นตฺตา โหตี’’ติฯ มิคารมาตาติ วิสาขาเยตํ อธิวจนํฯ นวกมฺมาธิฎฺฐายิกนฺติ นวกมฺมสํวิธายิกํฯ พฺยญฺชนานํ ปฎิวิชฺฌิตโพฺพ อากาโร นาติคมฺภีโร, ยถาสุตํ ธารณเมว ตตฺถ กรณียนฺติ สติยา พฺยาปาโร อธิโก, ปญฺญา ตตฺถ คุณีภูตาติ วุตฺตํ ‘‘สติปุพฺพงฺคมาย ปญฺญายา’’ติฯ สติ ปุพฺพงฺคมา เอติสฺสาติ สติปุพฺพงฺคมาฯ ปุพฺพงฺคมตา เจตฺถ ปธานภาโว ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา’’ติอาทีสุ วิยฯ อตฺถคฺคหเณ ปน ปญฺญาย พฺยาปาโร อธิโก ปฎิวิชฺฌิตพฺพสฺส อตฺถสฺส อติคมฺภีรตฺตาติ อาห ‘‘ปญฺญาปุพฺพงฺคมาย สติยา’’ติฯ อาลสิยวิรหิตาติ โกสชฺชรหิตาฯ ยถา อญฺญา กุสีตา นิสินฺนฎฺฐาเน นิสินฺนาว โหนฺติ, ฐิตฎฺฐาเน ฐิตาว, เอวํ อหุตฺวา วิปฺผาริเกน จิเตฺตน สพฺพกิจฺจํ นิปฺผาเทติฯ
656. Bhikkhunīvibhaṅge yoti yo bhikkhunīnaṃ vibhaṅgo. Migāranattāti majjhapadalopenetaṃ vuttanti āha ‘‘migāramātuyā pana nattā hotī’’ti. Migāramātāti visākhāyetaṃ adhivacanaṃ. Navakammādhiṭṭhāyikanti navakammasaṃvidhāyikaṃ. Byañjanānaṃ paṭivijjhitabbo ākāro nātigambhīro, yathāsutaṃ dhāraṇameva tattha karaṇīyanti satiyā byāpāro adhiko, paññā tattha guṇībhūtāti vuttaṃ ‘‘satipubbaṅgamāya paññāyā’’ti. Sati pubbaṅgamā etissāti satipubbaṅgamā. Pubbaṅgamatā cettha padhānabhāvo ‘‘manopubbaṅgamā’’tiādīsu viya. Atthaggahaṇe pana paññāya byāpāro adhiko paṭivijjhitabbassa atthassa atigambhīrattāti āha ‘‘paññāpubbaṅgamāya satiyā’’ti. Ālasiyavirahitāti kosajjarahitā. Yathā aññā kusītā nisinnaṭṭhāne nisinnāva honti, ṭhitaṭṭhāne ṭhitāva, evaṃ ahutvā vipphārikena cittena sabbakiccaṃ nipphādeti.
สพฺพา ภิกฺขุนิโย สตฺถุลทฺธูปสมฺปทา สงฺฆโต ลทฺธูปสมฺปทาติ ทุวิธาฯ ครุธมฺมปอคฺคหเณน หิ ลทฺธูปสมฺปทา มหาปชาปติโคตมี สตฺถุสนฺติกาว ลทฺธูปสมฺปทตฺตา สตฺถุลทฺธูปสมฺปทา นามฯ เสสา สพฺพาปิ สงฺฆโต ลทฺธูปสมฺปทาฯ ตาปิ เอกโตอุปสมฺปนฺนา อุภโตอุปสมฺปนฺนาติ ทุวิธาฯ ตตฺถ ยา ตา มหาปชาปติโคตมิยา สทฺธิํ นิกฺขนฺตา ปญฺจสตา สากิยานิโย, ตา เอกโตอุปสมฺปนฺนา ภิกฺขุสงฺฆโต เอว ลทฺธูปสมฺปทตฺตา, อิตรา อุภโตอุปสมฺปนฺนา อุภโตสเงฺฆ อุปสมฺปนฺนตฺตาฯ เอหิภิกฺขุนีภาเวน อุปสมฺปนฺนา ปน ภิกฺขุนิโย น สนฺติ ตาสํ ตถา อุปสมฺปทาย อภาวโตฯ ยทิ เอวํ ‘‘เอหิ ภิกฺขุนี’’ติ อิธ กสฺมา วุตฺตนฺติ? เทสนาย โสตปติตภาวโตฯ อยญฺหิ โสตปติตตา นาม กตฺถจิ ลพฺภมานสฺสปิ อคฺคหเณน โหติ, ยถา อภิธเมฺม มโนธาตุนิเทฺทเส (ธ. ส. ๑๖๐-๑๖๑) ลพฺภมานมฺปิ ฌานงฺคํ ปญฺจวิญฺญาณโสเต ปติตาย น อุทฺธฎํ กตฺถจิ เทสนาย อสมฺภวโต, ยถา ตเตฺถว วตฺถุนิเทฺทเส (ธ. ส. ๙๘๔ อาทโย) หทยวตฺถุฯ กตฺถจิ อลพฺภมานสฺสปิ คหณวเสน ยถาฐิตกปฺปีนิเทฺทเสฯ ยถาห –
Sabbā bhikkhuniyo satthuladdhūpasampadā saṅghato laddhūpasampadāti duvidhā. Garudhammapaaggahaṇena hi laddhūpasampadā mahāpajāpatigotamī satthusantikāva laddhūpasampadattā satthuladdhūpasampadā nāma. Sesā sabbāpi saṅghato laddhūpasampadā. Tāpi ekatoupasampannā ubhatoupasampannāti duvidhā. Tattha yā tā mahāpajāpatigotamiyā saddhiṃ nikkhantā pañcasatā sākiyāniyo, tā ekatoupasampannā bhikkhusaṅghato eva laddhūpasampadattā, itarā ubhatoupasampannā ubhatosaṅghe upasampannattā. Ehibhikkhunībhāvena upasampannā pana bhikkhuniyo na santi tāsaṃ tathā upasampadāya abhāvato. Yadi evaṃ ‘‘ehi bhikkhunī’’ti idha kasmā vuttanti? Desanāya sotapatitabhāvato. Ayañhi sotapatitatā nāma katthaci labbhamānassapi aggahaṇena hoti, yathā abhidhamme manodhātuniddese (dha. sa. 160-161) labbhamānampi jhānaṅgaṃ pañcaviññāṇasote patitāya na uddhaṭaṃ katthaci desanāya asambhavato, yathā tattheva vatthuniddese (dha. sa. 984 ādayo) hadayavatthu. Katthaci alabbhamānassapi gahaṇavasena yathāṭhitakappīniddese. Yathāha –
‘‘กตโม จ ปุคฺคโล ฐิตกปฺปี? อยญฺจ ปุคฺคโล โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺน อสฺส, กปฺปสฺส จ อุฑฺฑยฺหนเวลา อสฺส, เนว ตาว กโปฺป อุฑฺฑเยฺหยฺย, ยาวายํ ปุคฺคโล น โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกเรยฺยา’’ติ (ปุ. ป. ๑๗)ฯ
‘‘Katamo ca puggalo ṭhitakappī? Ayañca puggalo sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipanno assa, kappassa ca uḍḍayhanavelā assa, neva tāva kappo uḍḍayheyya, yāvāyaṃ puggalo na sotāpattiphalaṃ sacchikareyyā’’ti (pu. pa. 17).
เอวมิธาปิ อลพฺภมานคหณวเสน เวทิตพฺพํฯ ปริกปฺปวจนเญฺหตํ ‘‘สเจ ภควา ภิกฺขุนีภาวโยคฺยํ กญฺจิ มาตุคามํ ‘เอหิ ภิกฺขุนี’ติ วเทยฺย, เอวํ ภิกฺขุนีภาโว สิยา’’ติฯ
Evamidhāpi alabbhamānagahaṇavasena veditabbaṃ. Parikappavacanañhetaṃ ‘‘sace bhagavā bhikkhunībhāvayogyaṃ kañci mātugāmaṃ ‘ehi bhikkhunī’ti vadeyya, evaṃ bhikkhunībhāvo siyā’’ti.
กสฺมา ปน ภควา เอวํ น กเถสีติ? ตถา กตาธิการานํ อภาวโตฯ เย ปน ‘‘อนาสนฺนาสนฺนิหิตภาวโต’’ติ การณํ วตฺวา ‘‘ภิกฺขู เอว หิ สตฺถุ อาสนฺนจาริโน สทา สนฺนิหิตา จ โหนฺติ, ตสฺมา เต เอว ‘เอหิภิกฺขู’ติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ, น ภิกฺขุนิโย’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ สตฺถุ อาสนฺนทูรภาวสฺส ภพฺพาภพฺพภาวสิทฺธตฺตาฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –
Kasmā pana bhagavā evaṃ na kathesīti? Tathā katādhikārānaṃ abhāvato. Ye pana ‘‘anāsannāsannihitabhāvato’’ti kāraṇaṃ vatvā ‘‘bhikkhū eva hi satthu āsannacārino sadā sannihitā ca honti, tasmā te eva ‘ehibhikkhū’ti vattabbataṃ arahanti, na bhikkhuniyo’’ti vadanti, taṃ tesaṃ matimattaṃ satthu āsannadūrabhāvassa bhabbābhabbabhāvasiddhattā. Vuttañhetaṃ bhagavatā –
‘‘สงฺฆาฎิกเณฺณ เจปิ เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คเหตฺวา ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพโนฺธ อสฺส ปาเท ปาทํ นิกฺขิปโนฺต, โส จ โหติ อภิชฺฌาลุ กาเมสุ ติพฺพสาราโค พฺยาปนฺนจิโตฺต ปทุฎฺฐมนสงฺกโปฺป มุฎฺฐสฺสติ อสมฺปชาโน อสมาหิโต วิพฺภนฺตจิโตฺต ปากตินฺทฺริโย, อถ โข โส อารกาว มยฺหํ, อหญฺจ ตสฺสฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ธมฺมญฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ปสฺสติ, ธมฺมํ อปสฺสโนฺต น มํ ปสฺสติฯ โยชนสเต เจปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิหเรยฺย, โส จ โหติ อนภิชฺฌาลุ กาเมสุ น ติพฺพสาราโค อพฺยาปนฺนจิโตฺต อปฺปทุฎฺฐมนสงฺกโปฺป อุปฎฺฐิตสฺสติ สมฺปชาโน สมาหิโต เอกคฺคจิโตฺต สํวุตินฺทฺริโย, อถ โข โส สนฺติเกว มยฺหํ, อหญฺจ ตสฺสฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ธมฺมญฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปสฺสติ, ธมฺมํ ปสฺสโนฺต มํ ปสฺสตี’’ติ (อิติวุ. ๙๒)ฯ
‘‘Saṅghāṭikaṇṇe cepi me, bhikkhave, bhikkhu gahetvā piṭṭhito piṭṭhito anubandho assa pāde pādaṃ nikkhipanto, so ca hoti abhijjhālu kāmesu tibbasārāgo byāpannacitto paduṭṭhamanasaṅkappo muṭṭhassati asampajāno asamāhito vibbhantacitto pākatindriyo, atha kho so ārakāva mayhaṃ, ahañca tassa. Taṃ kissa hetu? Dhammañhi so, bhikkhave, bhikkhu na passati, dhammaṃ apassanto na maṃ passati. Yojanasate cepi so, bhikkhave, bhikkhu vihareyya, so ca hoti anabhijjhālu kāmesu na tibbasārāgo abyāpannacitto appaduṭṭhamanasaṅkappo upaṭṭhitassati sampajāno samāhito ekaggacitto saṃvutindriyo, atha kho so santikeva mayhaṃ, ahañca tassa. Taṃ kissa hetu? Dhammañhi so, bhikkhave, bhikkhu passati, dhammaṃ passanto maṃ passatī’’ti (itivu. 92).
ตสฺมา อการณํ เทสโต สตฺถุ อาสนฺนานาสนฺนตาฯ อกตาธิการตาย ปน ภิกฺขุนีนํ เอหิภิกฺขุนูปสมฺปทาย อโยคฺยตา เวทิตพฺพาฯ
Tasmā akāraṇaṃ desato satthu āsannānāsannatā. Akatādhikāratāya pana bhikkhunīnaṃ ehibhikkhunūpasampadāya ayogyatā veditabbā.
ยทิ เอวํ ยํ ตํ เถรีคาถาสุ ภทฺทาย กุณฺฑลเกสาย วุตฺตํ –
Yadi evaṃ yaṃ taṃ therīgāthāsu bhaddāya kuṇḍalakesāya vuttaṃ –
‘‘นิหจฺจ ชาณุํ วนฺทิตฺวา, สมฺมุขา อญฺชลิํ อกํ;
‘‘Nihacca jāṇuṃ vanditvā, sammukhā añjaliṃ akaṃ;
เอหิ ภเทฺทติ มํ อวจ, สา เม อาสูปสมฺปทา’’ติฯ (เถรีคา. ๑๐๙);
Ehi bhaddeti maṃ avaca, sā me āsūpasampadā’’ti. (therīgā. 109);
ตถา อปทาเนปิ –
Tathā apadānepi –
‘‘อายาจิโต ตทา อาห, เอหิ ภเทฺทติ นายโก;
‘‘Āyācito tadā āha, ehi bhaddeti nāyako;
ตทาหํ อุปสมฺปนฺนา, ปริตฺตํ โตยมทฺทส’’นฺติฯ (อป. เถรี ๒.๓.๔๔);
Tadāhaṃ upasampannā, parittaṃ toyamaddasa’’nti. (apa. therī 2.3.44);
ตํ กถนฺติ? นยิทํ เอหิภิกฺขุนีภาเวน อุปสมฺปทํ สนฺธาย วุตฺตํ, อุปสมฺปทาย ปน เหตุภาวโต ‘‘ยา สตฺถุ อาณตฺติ, สา เม อาสูปสมฺปทา’’ติ วุตฺตาฯ ตถา หิ วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ (เถรีคา. อฎฺฐ. ๑๑๑) ‘‘เอหิ ภเทฺท ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปพฺพช อุปสมฺปชฺชสฺสูติ มํ อวจ อาณาเปสิ, สา สตฺถุ อาณา มยฺหํ อุปสมฺปทาย การณตฺตา อุปสมฺปทา อาสิ อโหสี’’ติฯ อปทานคาถายมฺปิ เอวเมว อโตฺถ คเหตโพฺพฯ ตสฺมา ภิกฺขุนีนํ เอหิภิกฺขุนูปสมฺปทา นตฺถิเยวาติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ ยถา เจตํ โสตปติตวเสน ‘‘เอหิ ภิกฺขุนี’’ติ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปนฺนาติ ภิกฺขุนี’’ติ อิทมฺปิ โสตปติตวเสเนว วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํ สรณคมนูปสมฺปทายปิ ภิกฺขุนีนํ อสมฺภวโตฯ
Taṃ kathanti? Nayidaṃ ehibhikkhunībhāvena upasampadaṃ sandhāya vuttaṃ, upasampadāya pana hetubhāvato ‘‘yā satthu āṇatti, sā me āsūpasampadā’’ti vuttā. Tathā hi vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ (therīgā. aṭṭha. 111) ‘‘ehi bhadde bhikkhunupassayaṃ gantvā bhikkhunīnaṃ santike pabbaja upasampajjassūti maṃ avaca āṇāpesi, sā satthu āṇā mayhaṃ upasampadāya kāraṇattā upasampadā āsi ahosī’’ti. Apadānagāthāyampi evameva attho gahetabbo. Tasmā bhikkhunīnaṃ ehibhikkhunūpasampadā natthiyevāti niṭṭhamettha gantabbaṃ. Yathā cetaṃ sotapatitavasena ‘‘ehi bhikkhunī’’ti vuttaṃ, evaṃ ‘‘tīhi saraṇagamanehi upasampannāti bhikkhunī’’ti idampi sotapatitavaseneva vuttanti daṭṭhabbaṃ saraṇagamanūpasampadāyapi bhikkhunīnaṃ asambhavato.
๖๕๙. ภิกฺขุวิภเงฺค ‘‘กายสํสคฺคํ สาทิเยยฺยา’’ติ อวตฺวา ‘‘สมาปเชฺชยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ภิกฺขุ อาปตฺติยา น กาเรตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ ตพฺพหุลนเยนาติ กิริยาสมุฎฺฐานเสฺสว พหุลภาวโตฯ ทิสฺสติ หิ ตพฺพหุลนเยน ตโพฺพหาโร ยถา ‘‘พฺราหฺมณคาโม’’ติฯ พฺราหฺมณคาเมปิ หิ อนฺตมโส รชกาทีนิ ปญฺจ กุลานิ สนฺติฯ สาติ กิริยาสมุฎฺฐานตาฯ
659. Bhikkhuvibhaṅge ‘‘kāyasaṃsaggaṃ sādiyeyyā’’ti avatvā ‘‘samāpajjeyyā’’ti vuttattā ‘‘bhikkhu āpattiyā na kāretabbo’’ti vuttaṃ. Tabbahulanayenāti kiriyāsamuṭṭhānasseva bahulabhāvato. Dissati hi tabbahulanayena tabbohāro yathā ‘‘brāhmaṇagāmo’’ti. Brāhmaṇagāmepi hi antamaso rajakādīni pañca kulāni santi. Sāti kiriyāsamuṭṭhānatā.
๖๖๒. ตเถวาติ กายสํสคฺคราเคน อวสฺสุโตเยวาติ อโตฺถฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ
662.Tathevāti kāyasaṃsaggarāgena avassutoyevāti attho. Sesamettha uttānameva.
ปฐมปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamapārājikasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / ภิกฺขุนีวิภงฺค • Bhikkhunīvibhaṅga / ๑. ปฐมปาราชิกํ • 1. Paṭhamapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / ภิกฺขุนีวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Bhikkhunīvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑. ปฐมปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Paṭhamapārājikasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑. ปฐมปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Paṭhamapārājikasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑. อุพฺภชาณุมณฺฑลิกสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Ubbhajāṇumaṇḍalikasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑. ปฐมปาราชิกสิกฺขาปทํ • 1. Paṭhamapārājikasikkhāpadaṃ