Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    ๑. ปฐมปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา

    1. Paṭhamapārājikasikkhāpadavaṇṇanā

    ๖๕๖-๗. ตตฺถ ตตฺถ ฐานุปฺปตฺติกปญฺญา วีมํสาปทปฎิปาฎิยา เอวาติ มาติกาปทปฎิปาฎิยา เอวฯ ‘‘วุตฺตนฺติ สงฺคีติกานํ อุปสงฺกปฺปนานํ วิภาชนํ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํฯ

    656-7. Tattha tattha ṭhānuppattikapaññā vīmaṃsā. Padapaṭipāṭiyā evāti mātikāpadapaṭipāṭiyā eva. ‘‘Vuttanti saṅgītikānaṃ upasaṅkappanānaṃ vibhājanaṃ vutta’’nti likhitaṃ.

    ๖๕๘. ‘‘เอหิภิกฺขุนีติ ภิกฺขุนี, ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปนฺนาติ ภิกฺขุนี’’ติ อิทํ ปน เทสนาวิลาสวเสน วุตฺตนฺติ เอเกฯ อญฺญพุทฺธกาเล อตฺถีติ เอเก, ตํ น ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ อมฺหากมฺปิ พุทฺธกาเล สมฺภวปฺปสงฺคโต, เอหิภิกฺขุนิยา ปฎิเสธฉายาทิสฺสนโต จฯ ยถาห ธมฺมปเท วิสาขาวตฺถุสฺมิํ (ธ. ป. อฎฺฐ. ๑. วิสาขาวตฺถุ) ‘‘ตสฺส จีวรทานสฺส นิสฺสเนฺทน อิมํ มหาลตาปสาธนํ ลภิฯ อิตฺถีนญฺหิ จีวรทานํ มหาลตาปสาธนภเณฺฑน มตฺถกํ ปโปฺปติ, ปุริสานํ อิทฺธิมยปตฺตจีวเรนา’’ติฯ ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปนฺนาย ปน ภิกฺขุนิยา สมฺภโว อญฺญพุทฺธกาเล กทาจิ สิยา, นเตฺถว อมฺหากํ พุทฺธกาเลฯ เทสนาวิลาเสน ปน ภิกฺขุเทสนากฺกเมเนว ภิกฺขุนินิเทฺทโส วุโตฺต, เตเนว ภิกฺขุสงฺฆวเสน เอกโตอุปสมฺปนฺนา ภิกฺขุนิโย วิชฺชมานาปิ ตตฺถ น วุตฺตาฯ ตาสํ อตฺถิตา อิมาย ปริวารกถาย เวทิตพฺพา –

    658. ‘‘Ehibhikkhunīti bhikkhunī, tīhi saraṇagamanehi upasampannāti bhikkhunī’’ti idaṃ pana desanāvilāsavasena vuttanti eke. Aññabuddhakāle atthīti eke, taṃ na yuttaṃ viya dissati amhākampi buddhakāle sambhavappasaṅgato, ehibhikkhuniyā paṭisedhachāyādissanato ca. Yathāha dhammapade visākhāvatthusmiṃ (dha. pa. aṭṭha. 1. visākhāvatthu) ‘‘tassa cīvaradānassa nissandena imaṃ mahālatāpasādhanaṃ labhi. Itthīnañhi cīvaradānaṃ mahālatāpasādhanabhaṇḍena matthakaṃ pappoti, purisānaṃ iddhimayapattacīvarenā’’ti. Tīhi saraṇagamanehi upasampannāya pana bhikkhuniyā sambhavo aññabuddhakāle kadāci siyā, nattheva amhākaṃ buddhakāle. Desanāvilāsena pana bhikkhudesanākkameneva bhikkhuniniddeso vutto, teneva bhikkhusaṅghavasena ekatoupasampannā bhikkhuniyo vijjamānāpi tattha na vuttā. Tāsaṃ atthitā imāya parivārakathāya veditabbā –

    ‘‘อุโภ เอกโต อุปสมฺปนฺนา,

    ‘‘Ubho ekato upasampannā,

    อุภินฺนํ หตฺถโต จีวรํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย;

    Ubhinnaṃ hatthato cīvaraṃ paṭiggaṇheyya;

    สิยา อาปตฺติโย นานา,

    Siyā āpattiyo nānā,

    ปญฺหา เมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติฯ (ปริ. ๔๗๙);

    Pañhā mesā kusalehi cintitā’’ti. (pari. 479);

    อถ วา ปุถุชฺชนกาเล เอหิภิกฺขุสรณคมเนน อุปสมฺปโนฺนว อิตฺถิลิงฺคปาตุภาเวน ภิกฺขุนิภาเว ฐิตา ปุริสูปสมฺปนฺนํ อุปาทาย ‘‘เอหิภิกฺขุนี’’ติ, ‘‘ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปนฺนา ภิกฺขุนี’’ติ จ สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ โน เจ, ตํ วจนํ วิรุเชฺฌยฺยาติ เอเก, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํฯ ‘‘วิญฺญู ปฎิพโล’’ติ ทฺวินฺนํ อวสฺสวภาวสฺส อิชฺฌนโต วุตฺตํฯ เอตฺถ ยสฺมา ยํ กิญฺจิ อามิสํ ปฎิคฺคณฺหนฺตีนํ อคฺคหตฺถา ปุริสานํ หเตฺถหิ กทาจิ มิสฺสีภาวํ คจฺฉนฺติ, วนฺทนฺตานํ วา ปุริสานํ สิรานิ อคฺคปาเทหิ มิสฺสิตานิ กทาจิ โหนฺติ, เกสเจฺฉทนกาเล วา สิรํ ปุริสานํ หเตฺถหิ มิสฺสิตํ โหติ, จิตฺตํ นาเมตํ อติรทฺธคเวสิ, ทุรกฺขิยํ วา, ตสฺมา ‘‘มา อติลหุํ ปาราชิกาปตฺติ ภิกฺขุนีนํ โหตู’’ติ พุทฺธา ภควโนฺต การุเญฺญน ปาราชิกเกฺขตฺตปริเจฺฉทํ, ถุลฺลจฺจยเกฺขตฺตปริเจฺฉทญฺจ วิสุํ วิสุํ เทเสสุนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Atha vā puthujjanakāle ehibhikkhusaraṇagamanena upasampannova itthiliṅgapātubhāvena bhikkhunibhāve ṭhitā purisūpasampannaṃ upādāya ‘‘ehibhikkhunī’’ti, ‘‘tīhi saraṇagamanehi upasampannā bhikkhunī’’ti ca saṅkhyaṃ gacchati. No ce, taṃ vacanaṃ virujjheyyāti eke, vicāretvā gahetabbaṃ. ‘‘Viññū paṭibalo’’ti dvinnaṃ avassavabhāvassa ijjhanato vuttaṃ. Ettha yasmā yaṃ kiñci āmisaṃ paṭiggaṇhantīnaṃ aggahatthā purisānaṃ hatthehi kadāci missībhāvaṃ gacchanti, vandantānaṃ vā purisānaṃ sirāni aggapādehi missitāni kadāci honti, kesacchedanakāle vā siraṃ purisānaṃ hatthehi missitaṃ hoti, cittaṃ nāmetaṃ atiraddhagavesi, durakkhiyaṃ vā, tasmā ‘‘mā atilahuṃ pārājikāpatti bhikkhunīnaṃ hotū’’ti buddhā bhagavanto kāruññena pārājikakkhettaparicchedaṃ, thullaccayakkhettaparicchedañca visuṃ visuṃ desesunti veditabbaṃ.

    ๖๕๙. ตพฺพหุลนเยน สา วุตฺตาติ เอตฺถ อยมนุคณฺฐิปทกฺกโม – เยภุเยฺยน กิริยสมุฎฺฐานตฺตา ‘‘กิริยสมุฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปเชฺชยฺยา’’ติ อวตฺวา ปน ‘‘สาทิเยยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา อกิริยโตปิ สมุฎฺฐาตีติ เวทิตพฺพํฯ ยถา เจตฺถ, เอวํ เหฎฺฐา ‘‘มนุสฺสิตฺถิยา ตโย มเคฺค เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวนฺตสฺส อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติอาทินา นเยน กิริยสมุฎฺฐานตํ วตฺวา ตทนนฺตรํ ‘‘ภิกฺขุปจฺจตฺถิกา…เป.… โส เจ ปเวสนํ สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติอาทินา (ปารา. ๕๖) นเยน อกิริยสมุฎฺฐานตายปิ วุตฺตตฺตา ปฐมปาราชิกสฺสาปิ ตพฺพหุลนเยเนว กิริยสมุฎฺฐานตา เวทิตพฺพาฯ น หิ ปเวสนสาทิยนาทิมฺหิ กิริยสมุฎฺฐานตา ทิสฺสติฯ องฺคชาตจลนเญฺจตฺถ น สารโต ทฎฺฐพฺพํ ‘‘โส เจ ปเวสนํ น สาทิยติ, ปวิฎฺฐํ น สาทิยติ, ฐิตํ น สาทิยติ, อุทฺธรณํ สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๕๘) เอตฺถ ฐิต น สาทิยเน ปกติยาปิ ปริปุณฺณจลนตฺตาฯ สาทิยนปจฺจยา หิ เสวนจลนเญฺจตฺถ น ทิสฺสเตวาติ ตพฺพหุลนเยเนว กิริยสมุฎฺฐานตา คเหตพฺพาฯ ตตฺถ ตตฺถ อฎฺฐกถาสุ กสฺมา ตพฺพหุลนโย อวุโตฺตติ เจ? ‘‘โย ปน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสเวยฺยา’’ติ (ปารา. ๓๙, ๔๒) มาติกายํ กิริยสมุฎฺฐานสฺส สรูเปน วุตฺตตฺตา ตทนุรูปวเสน วิภงฺคนยมโนโลเกตฺวา ‘‘กิริยสมุฎฺฐาน’’มิเจฺจว วุตฺตํฯ ยถา เจเตสุ ตพฺพหุลนเยน กิริยสมุฎฺฐานตา วุตฺตา, ตถา สุราทีนํ อกุสเลเนว ปาตพฺพตา, น อิตรถา ‘‘ยํ อกุสเลเนว อาปชฺชติ, อยํ โลกวชฺชา, เสสา ปณฺณตฺติวชฺชา’’ติ (กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมปาราชิกวณฺณนา) วุเตฺต โลกวชฺชปณฺณตฺติวชฺชานํ นิยมนลกฺขณสิทฺธิ โหติ, ตถา ตํ อวตฺวา ‘‘ยสฺสา สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, อยํ โลกวชฺชาฯ เสสา ปณฺณตฺติวชฺชา’’ติ วุเตฺต โลกวชฺชวจนํ นิรตฺถกํ สิยา วตฺถุอชานนปเกฺขปิ อกุสเลเนว ปาตพฺพตฺตาฯ ยสฺมา ตตฺถ สุราปานวีติกฺกมสฺส อกุสลจิตฺตุปฺปาโท นตฺถิ, ตสฺมา ขนฺธกฎฺฐกถายํ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๐๘) ‘‘มชฺชปาเน ปน ภิกฺขุโน อชานิตฺวาปิ พีชโต ปฎฺฐาย มชฺชํ ปิวนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ, สามเณโร ชานิตฺวา ปิวโนฺต สีลเภทํ อาปชฺชติ, น อชานิตฺวา’’ติ วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘วตฺถุอชานนปเกฺข ปาณาติปาตาทีนํ สิทฺธิกรอกุสลจิตฺตุปฺปาทสทิเส จิตฺตุปฺปาเท สติปิ สามเณโร สีลเภทํ นาปชฺชตี’’ติฯ อภินิเวสวจนํ ปาณาติปาตาทีหิ สมานชาติกตฺตา สามเณรานํ สุราปานสฺสฯ ‘‘สุราทโย ปนิเม’’ติ วตฺถุํ ชานิตฺวา ปาตพฺพตาทิวเสน วีติกฺกมนฺตสฺส อกุสลสฺส อสมฺภโว นตฺถิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺส สจิตฺตกปเกฺข’’ติอาทิฯ

    659.Tabbahulanayenasā vuttāti ettha ayamanugaṇṭhipadakkamo – yebhuyyena kiriyasamuṭṭhānattā ‘‘kiriyasamuṭṭhāna’’nti vuttaṃ. ‘‘Kāyasaṃsaggaṃ samāpajjeyyā’’ti avatvā pana ‘‘sādiyeyyā’’ti vuttattā akiriyatopi samuṭṭhātīti veditabbaṃ. Yathā cettha, evaṃ heṭṭhā ‘‘manussitthiyā tayo magge methunaṃ dhammaṃ paṭisevantassa āpatti pārājikassā’’tiādinā nayena kiriyasamuṭṭhānataṃ vatvā tadanantaraṃ ‘‘bhikkhupaccatthikā…pe… so ce pavesanaṃ sādiyati, āpatti pārājikassā’’tiādinā (pārā. 56) nayena akiriyasamuṭṭhānatāyapi vuttattā paṭhamapārājikassāpi tabbahulanayeneva kiriyasamuṭṭhānatā veditabbā. Na hi pavesanasādiyanādimhi kiriyasamuṭṭhānatā dissati. Aṅgajātacalanañcettha na sārato daṭṭhabbaṃ ‘‘so ce pavesanaṃ na sādiyati, paviṭṭhaṃ na sādiyati, ṭhitaṃ na sādiyati, uddharaṇaṃ sādiyati, āpatti pārājikassā’’ti (pārā. 58) ettha ṭhita na sādiyane pakatiyāpi paripuṇṇacalanattā. Sādiyanapaccayā hi sevanacalanañcettha na dissatevāti tabbahulanayeneva kiriyasamuṭṭhānatā gahetabbā. Tattha tattha aṭṭhakathāsu kasmā tabbahulanayo avuttoti ce? ‘‘Yo pana bhikkhu methunaṃ dhammaṃ paṭiseveyyā’’ti (pārā. 39, 42) mātikāyaṃ kiriyasamuṭṭhānassa sarūpena vuttattā tadanurūpavasena vibhaṅganayamanoloketvā ‘‘kiriyasamuṭṭhāna’’micceva vuttaṃ. Yathā cetesu tabbahulanayena kiriyasamuṭṭhānatā vuttā, tathā surādīnaṃ akusaleneva pātabbatā, na itarathā ‘‘yaṃ akusaleneva āpajjati, ayaṃ lokavajjā, sesā paṇṇattivajjā’’ti (kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamapārājikavaṇṇanā) vutte lokavajjapaṇṇattivajjānaṃ niyamanalakkhaṇasiddhi hoti, tathā taṃ avatvā ‘‘yassā sacittakapakkhe cittaṃ akusalameva hoti, ayaṃ lokavajjā. Sesā paṇṇattivajjā’’ti vutte lokavajjavacanaṃ niratthakaṃ siyā vatthuajānanapakkhepi akusaleneva pātabbattā. Yasmā tattha surāpānavītikkamassa akusalacittuppādo natthi, tasmā khandhakaṭṭhakathāyaṃ (mahāva. aṭṭha. 108) ‘‘majjapāne pana bhikkhuno ajānitvāpi bījato paṭṭhāya majjaṃ pivantassa pācittiyaṃ, sāmaṇero jānitvā pivanto sīlabhedaṃ āpajjati, na ajānitvā’’ti vuttaṃ, na vuttaṃ ‘‘vatthuajānanapakkhe pāṇātipātādīnaṃ siddhikaraakusalacittuppādasadise cittuppāde satipi sāmaṇero sīlabhedaṃ nāpajjatī’’ti. Abhinivesavacanaṃ pāṇātipātādīhi samānajātikattā sāmaṇerānaṃ surāpānassa. ‘‘Surādayo panime’’ti vatthuṃ jānitvā pātabbatādivasena vītikkamantassa akusalassa asambhavo natthi. Tena vuttaṃ ‘‘yassa sacittakapakkhe’’tiādi.

    กิเญฺจตฺถ ยุตฺติวจเนน อรหนฺตานํ อปฺปวิสนโต สจิตฺตกาจิตฺตกปเกฺขสุ อกุสลนิยโมติ เจ? น, ธมฺมตาวเสน เสกฺขานมฺปิ อปฺปวิสนโตฯ อจิตฺตกปเกฺข อกุสลนิยมาภาวทสฺสนตฺถํ สุปนฺตสฺส มุเข ปกฺขิตฺตชลพินฺทุมิว สุราพินฺทุอาทโย อุทาหริตพฺพาติฯ ตพฺพหุลนเยน หิ อเตฺถ คหิเต ปุเพฺพนาปรํ อฎฺฐกถาย สเมติฯ ‘‘สทฺธิํ ปาฬิยา อวิเสสโตฺถ ปรโต อาวิ ภวิสฺสตีติ อปเร’’ติ วุตฺตํฯ อิทเมตฺถ วิจาเรตพฺพํ ฯ ยทิ วตฺถุชานนปเกฺข วินา อกุสเลน มชฺชปานํ สิยา, กสฺมา นาฬิมชฺฌํ นาติกฺกมติ อริยานํ ปานกาทิสญฺญีนนฺติ? สีลเภทวตฺถุวีติกฺกโม วินาปิ จิเตฺตน อริยานํ ธมฺมตาวเสเนว น สมฺภวตีติ เจ, น, จกฺขุปาลเตฺถรวตฺถุ (ธ. ป. อฎฺฐ. ๑.๑) อาทิวิโรธโตติฯ อปิจ ภิกฺขุโนปิ สามเณรสฺส วิย สุราปานํ สจิตฺตกเมว กสฺมา น ชาตนฺติ? อปฺปติรูปตฺตาติ เจ, สามเณรานมฺปิ อปฺปติรูปเมวฯ สหธมฺมิกา เอว หิ เตฯ มหาสาวชฺชตฺตาติ เจ? สามเณรานมฺปิ ตาทิสเมวฯ สามเณรานํ สจิตฺตกเมว ปาราชิกํ, อิตรํ ทณฺฑกมฺมวตฺถูติ เจ? ภิกฺขูนมฺปิ มชฺชปาเน นตฺถิฯ เอตฺถ ติกปาจิตฺติเยน น ภวิตพฺพํฯ มเชฺช อมชฺชสญฺญิสฺส ทุกฺกฎาปตฺติ ปญฺญาเปตพฺพา สิยาฯ ภิกฺขุสฺส ปาจิตฺติยวตฺถุ สามเณรานํ ปาราชิกํ โหติ ติรจฺฉานคตสามเณรานํ วิยาติ เจ? อจิตฺตกมฺปิ มชฺชปานาทีนํ สามเณรานํ ปาราชิกํ ปญฺญาเปตพฺพํ สิยาฯ นาจิตฺตกํ ปาราชิกํ สมฺภวตีติ เจ? น, ปณฺณตฺติวชฺชมฺปิ ปาราชิกํ สมฺภวตีติฯ นิกายนฺตรปเกฺข อยเมว โทโสฯ อมฺหากญฺหิ โลกวชฺชเมว มชฺชปานนฺติฯ กสฺมา ปเนตฺถ สุราปานเมว ธมฺมตาวเสน อริยา น กโรนฺตีติ? น เกวลํ สุราปานเมว ธมฺมตาวเสน อริยา น กโรนฺติ, ปาเณสุปิ โกธวเสน ปาณสญฺญิตาย สีสเจฺฉทนาทีนิ น กโรนฺติ, สทารสญฺญาย ปรทารํ น วีติกฺกมนฺติ, อนตฺถภญฺชกสญฺญาย อตฺถภญฺชกมุสา น วทนฺติ, สมฺมาทิฎฺฐิสญฺญาย มิจฺฉาทิฎฺฐิํ น ปฎิปชฺชนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ อาจริยาปิ สุราปาเน อกุสลนิยมาภาวเมว วทนฺติ, ตสฺมา เอว มาติกาฎฺฐกถาย คณฺฐิปเท โลกวชฺชปณฺณตฺติวชฺชาธิกาเร ‘‘สจิตฺตกปเกฺขอกุสลนฺติ สุราปานาทิสงฺคหตฺถํ, อิตรถา ยสฺส อกุสลเมวาติ วเทยฺยา’’ติ ลิขิตํฯ กิริยสมุฎฺฐานตา ปนสฺส ตพฺพหุลนยเมว, น ปฐมปาราชิเกฯ กถํ? กายสํสคฺคสิกฺขาปทํ ปฐมปาราชิกสมุฎฺฐานํฯ เอตฺถ ภิกฺขุสฺส จ ภิกฺขุนิยา จ กายสํสคฺคภาเว สติ ภิกฺขุนี กายงฺคมโจปยมานาปิ จิเตฺตเนว อธิวาเสนฺตี อาปชฺชติ, น เอวํ ภิกฺขุฯ ภิกฺขุ ปน โจปยมาโนว อาปชฺชติ, เอวเมว ปฐมปาราชิเกปิ โจปเน สติ เอว อาปชฺชติ, นาสติฯ ปเวสนํ สาทิยตีติ เอตฺถ ปเวสนสาทิยนํ นาม เสวนจิตฺตสฺสุปฺปาทนนฺติ, เอวํ สเนฺตปิ ‘‘วีมํสิตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Kiñcettha yuttivacanena arahantānaṃ appavisanato sacittakācittakapakkhesu akusalaniyamoti ce? Na, dhammatāvasena sekkhānampi appavisanato. Acittakapakkhe akusalaniyamābhāvadassanatthaṃ supantassa mukhe pakkhittajalabindumiva surābinduādayo udāharitabbāti. Tabbahulanayena hi atthe gahite pubbenāparaṃ aṭṭhakathāya sameti. ‘‘Saddhiṃ pāḷiyā avisesattho parato āvi bhavissatīti apare’’ti vuttaṃ. Idamettha vicāretabbaṃ . Yadi vatthujānanapakkhe vinā akusalena majjapānaṃ siyā, kasmā nāḷimajjhaṃ nātikkamati ariyānaṃ pānakādisaññīnanti? Sīlabhedavatthuvītikkamo vināpi cittena ariyānaṃ dhammatāvaseneva na sambhavatīti ce, na, cakkhupālattheravatthu (dha. pa. aṭṭha. 1.1) ādivirodhatoti. Apica bhikkhunopi sāmaṇerassa viya surāpānaṃ sacittakameva kasmā na jātanti? Appatirūpattāti ce, sāmaṇerānampi appatirūpameva. Sahadhammikā eva hi te. Mahāsāvajjattāti ce? Sāmaṇerānampi tādisameva. Sāmaṇerānaṃ sacittakameva pārājikaṃ, itaraṃ daṇḍakammavatthūti ce? Bhikkhūnampi majjapāne natthi. Ettha tikapācittiyena na bhavitabbaṃ. Majje amajjasaññissa dukkaṭāpatti paññāpetabbā siyā. Bhikkhussa pācittiyavatthu sāmaṇerānaṃ pārājikaṃ hoti tiracchānagatasāmaṇerānaṃ viyāti ce? Acittakampi majjapānādīnaṃ sāmaṇerānaṃ pārājikaṃ paññāpetabbaṃ siyā. Nācittakaṃ pārājikaṃ sambhavatīti ce? Na, paṇṇattivajjampi pārājikaṃ sambhavatīti. Nikāyantarapakkhe ayameva doso. Amhākañhi lokavajjameva majjapānanti. Kasmā panettha surāpānameva dhammatāvasena ariyā na karontīti? Na kevalaṃ surāpānameva dhammatāvasena ariyā na karonti, pāṇesupi kodhavasena pāṇasaññitāya sīsacchedanādīni na karonti, sadārasaññāya paradāraṃ na vītikkamanti, anatthabhañjakasaññāya atthabhañjakamusā na vadanti, sammādiṭṭhisaññāya micchādiṭṭhiṃ na paṭipajjantīti veditabbā. Ācariyāpi surāpāne akusalaniyamābhāvameva vadanti, tasmā eva mātikāṭṭhakathāya gaṇṭhipade lokavajjapaṇṇattivajjādhikāre ‘‘sacittakapakkheakusalanti surāpānādisaṅgahatthaṃ, itarathā yassa akusalamevāti vadeyyā’’ti likhitaṃ. Kiriyasamuṭṭhānatā panassa tabbahulanayameva, na paṭhamapārājike. Kathaṃ? Kāyasaṃsaggasikkhāpadaṃ paṭhamapārājikasamuṭṭhānaṃ. Ettha bhikkhussa ca bhikkhuniyā ca kāyasaṃsaggabhāve sati bhikkhunī kāyaṅgamacopayamānāpi citteneva adhivāsentī āpajjati, na evaṃ bhikkhu. Bhikkhu pana copayamānova āpajjati, evameva paṭhamapārājikepi copane sati eva āpajjati, nāsati. Pavesanaṃ sādiyatīti ettha pavesanasādiyanaṃ nāma sevanacittassuppādananti, evaṃ santepi ‘‘vīmaṃsitvā gahetabba’’nti vuttaṃ.

    ปฐมปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamapārājikasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / ภิกฺขุนีวิภงฺค • Bhikkhunīvibhaṅga / ๑. ปฐมปาราชิกํ • 1. Paṭhamapārājikaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / ภิกฺขุนีวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Bhikkhunīvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑. ปฐมปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Paṭhamapārājikasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๑. ปฐมปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Paṭhamapārājikasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑. อุพฺภชาณุมณฺฑลิกสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Ubbhajāṇumaṇḍalikasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑. ปฐมปาราชิกสิกฺขาปทํ • 1. Paṭhamapārājikasikkhāpadaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact