Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā

    ๕. ปฐมปวารณสิกฺขาปทวณฺณนา

    5. Paṭhamapavāraṇasikkhāpadavaṇṇanā

    ๒๓๖. ปญฺจมสิกฺขาปเท – ภิกฺขู ภุตฺตาวี ปวาริตาติ พฺราหฺมเณน ‘‘คณฺหถ, ภเนฺต, ยาว อิจฺฉถา’’ติ เอวํ ยาวทตฺถปวารณาย, สยญฺจ ‘‘อลํ, อาวุโส, โถกํ โถกํ เทหี’’ติ เอวํ ปฎิเกฺขปปวารณาย ปวาริตาฯ ปฎิวิสฺสเกติ สามนฺตฆรวาสิเกฯ

    236. Pañcamasikkhāpade – bhikkhū bhuttāvī pavāritāti brāhmaṇena ‘‘gaṇhatha, bhante, yāva icchathā’’ti evaṃ yāvadatthapavāraṇāya, sayañca ‘‘alaṃ, āvuso, thokaṃ thokaṃ dehī’’ti evaṃ paṭikkhepapavāraṇāya pavāritā. Paṭivissaketi sāmantagharavāsike.

    ๒๓๗. กาโกรวสทฺทนฺติ กากานํ โอรวสทฺทํ; สนฺนิปติตฺวา วิรวนฺตานํ สทฺทํฯ อลเมตํ สพฺพนฺติ เอตฺถ ติการํ อวตฺวาว ‘‘อลเมตํ สพฺพํ’’ เอตฺตกํ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ

    237.Kākoravasaddanti kākānaṃ oravasaddaṃ; sannipatitvā viravantānaṃ saddaṃ. Alametaṃ sabbanti ettha tikāraṃ avatvāva ‘‘alametaṃ sabbaṃ’’ ettakaṃ vattuṃ vaṭṭati.

    ๒๓๘-๙. ภุตฺตาวีติ ภุตฺตวาฯ ตตฺถ จ ยสฺมา เยน เอกมฺปิ สิตฺถํ สงฺขาทิตฺวา วา อสงฺขาทิตฺวา วา อโชฺฌหริตํ โหติ, โส ‘‘ภุตฺตาวี’’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ, เตนสฺส ปทภาชเน ‘‘ภุตฺตาวี นาม ปญฺจนฺนํ โภชนาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ปวาริโตติ กตปวารโณ, กตปฎิเกฺขโปฯ โสปิ จ ยสฺมา น ปฎิเกฺขปมเตฺตน, อถ โข ปญฺจงฺควเสน, เตนสฺส ปทภาชเน ‘‘ปวาริโต นาม อสนํ ปญฺญายตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยสฺมา ‘‘อสนํ ปญฺญายตี’’ติ อิมินา วิปฺปกตโภชโน, ‘‘ปวาริโต’’ติ วุโตฺตฯ โย จ วิปฺปกตโภชโน, เตน กิญฺจิ ภุตฺตํ, กิญฺจิ อภุตฺตํ, ยญฺจ ภุตฺตํ; ตํ สนฺธาย ‘‘ภุตฺตาวี’’ติปิ สงฺขฺยํ คจฺฉติ, ตสฺมา ภุตฺตาวีวจเนน วิสุํ กญฺจิ อตฺถสิทฺธิํ น ปสฺสามฯ ‘‘ทิรตฺตติรตฺตํ, ฉปฺปญฺจวาจาหี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๑-๖๒) ปน ทิรตฺตาทิวจนํ วิย ปวาริตปทสฺส ปริวารกภาเวน พฺยญฺชนสิลิฎฺฐตาย เจตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    238-9.Bhuttāvīti bhuttavā. Tattha ca yasmā yena ekampi sitthaṃ saṅkhāditvā vā asaṅkhāditvā vā ajjhoharitaṃ hoti, so ‘‘bhuttāvī’’ti saṅkhyaṃ gacchati, tenassa padabhājane ‘‘bhuttāvī nāma pañcannaṃ bhojanāna’’ntiādi vuttaṃ. Pavāritoti katapavāraṇo, katapaṭikkhepo. Sopi ca yasmā na paṭikkhepamattena, atha kho pañcaṅgavasena, tenassa padabhājane ‘‘pavārito nāma asanaṃ paññāyatī’’tiādi vuttaṃ. Tattha yasmā ‘‘asanaṃ paññāyatī’’ti iminā vippakatabhojano, ‘‘pavārito’’ti vutto. Yo ca vippakatabhojano, tena kiñci bhuttaṃ, kiñci abhuttaṃ, yañca bhuttaṃ; taṃ sandhāya ‘‘bhuttāvī’’tipi saṅkhyaṃ gacchati, tasmā bhuttāvīvacanena visuṃ kañci atthasiddhiṃ na passāma. ‘‘Dirattatirattaṃ, chappañcavācāhī’’tiādīsu (pāci. 61-62) pana dirattādivacanaṃ viya pavāritapadassa parivārakabhāvena byañjanasiliṭṭhatāya cetaṃ vuttanti veditabbaṃ.

    อสนํ ปญฺญายตีติอาทีสุ วิปฺปกตโภชนํ ทิสฺสติ, ภุญฺชมาโน เจโส ปุคฺคโล โหตีติ อโตฺถฯ โภชนํ ปญฺญายตีติ ปวารณปฺปโหนกโภชนํ ทิสฺสติฯ โอทนาทีนํ เจ อญฺญตรํ ปฎิกฺขิปิตพฺพํ โภชนํ โหตีติ อโตฺถฯ หตฺถปาเส ฐิโตติ ปวารณปฺปโหนกํ โภชนํ คณฺหิตฺวา ทายโก อฑฺฒเตยฺยหตฺถปฺปมาเณ โอกาเส โหตีติ อโตฺถฯ อภิหรตีติ โส เจ ทายโก ตสฺส ตํ ภตฺตํ กาเยน อภิหรตีติ อโตฺถฯ ปฎิเกฺขโป ปญฺญายตีติ ปฎิเกฺขโป ทิสฺสติ; ตเญฺจ อภิหฎํ โส ภิกฺขุ กาเยน วา วาจาย วา ปฎิกฺขิปตีติ อโตฺถฯ เอวํ ปญฺจนฺนํ องฺคานํ วเสน ปวาริโต นาม โหตีติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    Asanaṃ paññāyatītiādīsu vippakatabhojanaṃ dissati, bhuñjamāno ceso puggalo hotīti attho. Bhojanaṃ paññāyatīti pavāraṇappahonakabhojanaṃ dissati. Odanādīnaṃ ce aññataraṃ paṭikkhipitabbaṃ bhojanaṃ hotīti attho. Hatthapāse ṭhitoti pavāraṇappahonakaṃ bhojanaṃ gaṇhitvā dāyako aḍḍhateyyahatthappamāṇe okāse hotīti attho. Abhiharatīti so ce dāyako tassa taṃ bhattaṃ kāyena abhiharatīti attho. Paṭikkhepo paññāyatīti paṭikkhepo dissati; tañce abhihaṭaṃ so bhikkhu kāyena vā vācāya vā paṭikkhipatīti attho. Evaṃ pañcannaṃ aṅgānaṃ vasena pavārito nāma hotīti. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘ปญฺจหิ อุปาลิ อากาเรหิ ปวารณา ปญฺญายติ – อสนํ ปญฺญายติ, โภชนํ ปญฺญายติ, หตฺถปาเส ฐิโต, อภิหรติ, ปฎิเกฺขโป ปญฺญายตี’’ติ (ปริ. ๔๒๘)ฯ

    ‘‘Pañcahi upāli ākārehi pavāraṇā paññāyati – asanaṃ paññāyati, bhojanaṃ paññāyati, hatthapāse ṭhito, abhiharati, paṭikkhepo paññāyatī’’ti (pari. 428).

    ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – ‘‘อสน’’นฺติอาทีสุ ตาว ยญฺจ อสฺนาติ ยญฺจ โภชนํ หตฺถปาเส ฐิเตน อภิหฎํ ปฎิกฺขิปติ, ตํ ‘‘โอทโน, กุมฺมาโส, สตฺตุ, มโจฺฉ, มํส’’นฺติ อิเมสํ อญฺญตรเมว เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ โอทโน นาม – สาลิ, วีหิ, ยโว, โคธุโม, กงฺคุ, วรโก, กุทฺรูสโกติ สตฺตนฺนํ ธญฺญานํ ตณฺฑุเลหิ นิพฺพโตฺตฯ ตตฺถ ‘‘สาลี’’ติ อนฺตมโส นีวารํ อุปาทาย สพฺพาปิ สาลิชาติฯ ‘‘วีหี’’ติ สพฺพาปิ วีหิชาติฯ ‘‘ยวโคธุเมสุ’’ เภโท นตฺถิฯ ‘‘กงฺคู’’ติ เสตรตฺตกาฬเภทา สพฺพาปิ กงฺคุชาติฯ ‘‘วรโก’’ติ อนฺตมโส วรกโจรกํ อุปาทาย สพฺพา เสตวณฺณา วรกชาติฯ ‘‘กุทฺรูสโก’’ติ กาฬโก ทฺรโว เจว สามากาทิเภทา จ สพฺพาปิ ติณธญฺญชาติฯ

    Tatrāyaṃ vinicchayo – ‘‘asana’’ntiādīsu tāva yañca asnāti yañca bhojanaṃ hatthapāse ṭhitena abhihaṭaṃ paṭikkhipati, taṃ ‘‘odano, kummāso, sattu, maccho, maṃsa’’nti imesaṃ aññatarameva veditabbaṃ. Tattha odano nāma – sāli, vīhi, yavo, godhumo, kaṅgu, varako, kudrūsakoti sattannaṃ dhaññānaṃ taṇḍulehi nibbatto. Tattha ‘‘sālī’’ti antamaso nīvāraṃ upādāya sabbāpi sālijāti. ‘‘Vīhī’’ti sabbāpi vīhijāti. ‘‘Yavagodhumesu’’ bhedo natthi. ‘‘Kaṅgū’’ti setarattakāḷabhedā sabbāpi kaṅgujāti. ‘‘Varako’’ti antamaso varakacorakaṃ upādāya sabbā setavaṇṇā varakajāti. ‘‘Kudrūsako’’ti kāḷako dravo ceva sāmākādibhedā ca sabbāpi tiṇadhaññajāti.

    นีวารวรกโจรกา เจตฺถ ‘‘ธญฺญานุโลมา’’ติ วทนฺติฯ ธญฺญานิ วา โหนฺตุ ธญฺญานุโลมานิ วา, เอเตสํ วุตฺตปฺปเภทานํ สตฺตนฺนํ ธญฺญานํ ตณฺฑุเล คเหตฺวา ‘‘ภตฺตํ ปจิสฺสามา’’ติ วา ‘‘ยาคุํ ปจิสฺสามา’’ติ วา ‘‘อมฺพิลปายาสาทีสุ อญฺญตรํ ปจิสฺสามา’’ติ วา ยํกิญฺจิ สนฺธาย ปจนฺตุ, สเจ อุณฺหํ สีตลํ วา ภุญฺชนฺตานํ โภชนกาเล คหิตคหิตฎฺฐาเน โอธิ ปญฺญายติ, โอทนสงฺคหเมว คจฺฉติ, ปวารณํ ชเนติฯ สเจ โอธิ น ปญฺญายติ, ยาคุสงฺคหํ คจฺฉติ, ปวารณํ น ชเนติฯ

    Nīvāravarakacorakā cettha ‘‘dhaññānulomā’’ti vadanti. Dhaññāni vā hontu dhaññānulomāni vā, etesaṃ vuttappabhedānaṃ sattannaṃ dhaññānaṃ taṇḍule gahetvā ‘‘bhattaṃ pacissāmā’’ti vā ‘‘yāguṃ pacissāmā’’ti vā ‘‘ambilapāyāsādīsu aññataraṃ pacissāmā’’ti vā yaṃkiñci sandhāya pacantu, sace uṇhaṃ sītalaṃ vā bhuñjantānaṃ bhojanakāle gahitagahitaṭṭhāne odhi paññāyati, odanasaṅgahameva gacchati, pavāraṇaṃ janeti. Sace odhi na paññāyati, yāgusaṅgahaṃ gacchati, pavāraṇaṃ na janeti.

    โยปิ ปายาโส วา ปณฺณผลกฬีรมิสฺสกา อมฺพิลยาคุ วา อุทฺธนโต โอตาริตมตฺตา อพฺภุณฺหา โหติ, อาวชฺชิตฺวา ปิวิตุํ สกฺกา, หเตฺถน คหิโตกาเสปิ โอธิํ น ทเสฺสติ, ปวารณํ น ชเนติฯ สเจ ปน อุสุมาย วิคตาย สีตลีภูตา ฆนภาวํ คจฺฉติ, โอธิํ ทเสฺสติ, ปุน ปวารณํ ชเนติฯ ปุเพฺพ ตนุภาโว น รกฺขติฯ สเจปิ ทธิตกฺกาทีนิ อาโรเปตฺวา พหุปณฺณผลกฬีเร ปกฺขิปิตฺวา มุฎฺฐิมตฺตาปิ ตณฺฑุลา ปกฺขิตฺตา โหนฺติ, โภชนกาเล เจ โอธิ ปญฺญายติ, ปวารณํ ชเนติฯ อยาคุเก นิมนฺตเน ‘‘ยาคุํ ทสฺสามา’’ติ ภเตฺต อุทกกญฺชิกขีราทีนิ อากิริตฺวา ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ เทนฺติฯ กิญฺจาปิ ตนุกา โหนฺติ, ปวารณํ ชเนติเยว ฯ สเจ ปน ปกฺกุถิเตสุ อุทกาทีสุ ปกฺขิปิตฺวา ปจิตฺวา เทนฺติ, ยาคุสงฺคหเมว คจฺฉติฯ ยาคุสงฺคหํ คเตปิ ตสฺมิํ วา อญฺญสฺมิํ วา ยตฺถ มจฺฉมํสํ ปกฺขิปนฺติ, สเจ สาสปมตฺตมฺปิ มจฺฉมํสขณฺฑํ วา นฺหารุ วา ปญฺญายติ, ปวารณํ ชเนติฯ

    Yopi pāyāso vā paṇṇaphalakaḷīramissakā ambilayāgu vā uddhanato otāritamattā abbhuṇhā hoti, āvajjitvā pivituṃ sakkā, hatthena gahitokāsepi odhiṃ na dasseti, pavāraṇaṃ na janeti. Sace pana usumāya vigatāya sītalībhūtā ghanabhāvaṃ gacchati, odhiṃ dasseti, puna pavāraṇaṃ janeti. Pubbe tanubhāvo na rakkhati. Sacepi dadhitakkādīni āropetvā bahupaṇṇaphalakaḷīre pakkhipitvā muṭṭhimattāpi taṇḍulā pakkhittā honti, bhojanakāle ce odhi paññāyati, pavāraṇaṃ janeti. Ayāguke nimantane ‘‘yāguṃ dassāmā’’ti bhatte udakakañjikakhīrādīni ākiritvā ‘‘yāguṃ gaṇhathā’’ti denti. Kiñcāpi tanukā honti, pavāraṇaṃ janetiyeva . Sace pana pakkuthitesu udakādīsu pakkhipitvā pacitvā denti, yāgusaṅgahameva gacchati. Yāgusaṅgahaṃ gatepi tasmiṃ vā aññasmiṃ vā yattha macchamaṃsaṃ pakkhipanti, sace sāsapamattampi macchamaṃsakhaṇḍaṃ vā nhāru vā paññāyati, pavāraṇaṃ janeti.

    สุทฺธรสโก ปน รสกยาคุ วา น ชเนติฯ ฐเปตฺวา วุตฺตธญฺญานํ ตณฺฑุเล อเญฺญหิ เวณุตณฺฑุลาทีหิ วา กนฺทมูลผเลหิ วา เยหิ เกหิจิ กตํ ภตฺตมฺปิ ปวารณํ น ชเนติ, ปเคว ฆนยาคุฯ สเจ ปเนตฺถ มจฺฉมํสํ ปกฺขิปนฺติ, ชเนติฯ มหาปจฺจริยํ ‘‘ปุปฺผอตฺถาย ภตฺตมฺปิ ปวารณํ ชเนตี’’ติ วุตฺตํฯ ปุปฺผิอตฺถาย ภตฺตํ นาม ปุปฺผิขชฺชกตฺถาย กุถิตตูทเก ปกฺขิปิตฺวา เสทิตตณฺฑุลา วุจฺจนฺติฯ สเจ ปน เต ตณฺฑุเล สุกฺขาเปตฺวา ขาทนฺติ, วฎฺฎติ; เนว สตฺตุสงฺขฺยํ น ภตฺตสงฺขฺยํ คจฺฉนฺติฯ ปุน เตหิ กตภตฺตํ ปวาเรติเยวฯ เต ตณฺฑุเล สปฺปิเตลาทีสุ วา ปจนฺติ, ปูวํ วา กโรนฺติ, น ปวาเรนฺติฯ ปุถุกา วา ตาหิ กตสตฺตุภตฺตาทีนิ วา น ปวาเรนฺติฯ

    Suddharasako pana rasakayāgu vā na janeti. Ṭhapetvā vuttadhaññānaṃ taṇḍule aññehi veṇutaṇḍulādīhi vā kandamūlaphalehi vā yehi kehici kataṃ bhattampi pavāraṇaṃ na janeti, pageva ghanayāgu. Sace panettha macchamaṃsaṃ pakkhipanti, janeti. Mahāpaccariyaṃ ‘‘pupphaatthāya bhattampi pavāraṇaṃ janetī’’ti vuttaṃ. Pupphiatthāya bhattaṃ nāma pupphikhajjakatthāya kuthitatūdake pakkhipitvā seditataṇḍulā vuccanti. Sace pana te taṇḍule sukkhāpetvā khādanti, vaṭṭati; neva sattusaṅkhyaṃ na bhattasaṅkhyaṃ gacchanti. Puna tehi katabhattaṃ pavāretiyeva. Te taṇḍule sappitelādīsu vā pacanti, pūvaṃ vā karonti, na pavārenti. Puthukā vā tāhi katasattubhattādīni vā na pavārenti.

    กุมฺมาโส นาม ยเวหิ กตกุมฺมาโสฯ อเญฺญหิ ปน มุคฺคาทีหิ กตกุมฺมาโส ปวารณํ น ชเนติฯ สตฺตุ นาม สาลิวีหิยเวหิ กตสตฺตุฯ กงฺคุวรกกุทฺรูสกสีสานิปิ ภชฺชิตฺวา อีสกํ โกเฎฺฎตฺวา ถุเส ปลาเปตฺวา ปุน ทฬฺหํ โกเฎฺฎตฺวา จุณฺณํ กโรนฺติฯ สเจปิ ตํ อลฺลตฺตา เอกาพทฺธํ โหติ, สตฺตุสงฺคหเมว คจฺฉติฯ ขรปากภชฺชิตานํ วีหีนํ ตณฺฑุเล โกเฎฺฎตฺวา เทนฺติ, ตมฺปิ จุณฺณํ สตฺตุสงฺคหเมว คจฺฉติฯ สมปากภชฺชิตานํ ปน วีหีนํ วา วีหิปลาปานํ วา ตณฺฑุลา ภชฺชิตตณฺฑุลา เอว วา น ปวาเรนฺติฯ เตสํ ปน ตณฺฑุลาทีนํ จุณฺณํ ปวาเรติฯ ขรปากภชฺชิตานํ วีหีนํ กุณฺฑกมฺปิ ปวาเรติฯ สมปากภชฺชิตานํ ปน อาตปสุกฺขานํ วา กุณฺฑกํ น ปวาเรติฯ ลาชา วา เตหิ กตภตฺตสตฺตุอาทีนิ วา น ปวาเรนฺติฯ ภชฺชิตปิฎฺฐํ วา ยํกิญฺจิ สุทฺธขชฺชกํ วา น ปวาเรติฯ มจฺฉมํสปูริตขชฺชกํ ปน สตฺตุโมทโก วา ปวาเรติฯ มโจฺฉ มํสญฺจ ปากฎเมวฯ อยํ ปน วิเสโส – สเจปิ ยาคุํ ปิวนฺตสฺส ยาคุสิตฺถมตฺตาเนว เทฺว มจฺฉขณฺฑานิ วา มํสขณฺฑานิ วา เอกภาชเน วา นานาภาชเน วา เทนฺติ, ตานิ เจ อขาทโนฺต อญฺญํ ยํกิญฺจิ ปวารณปฺปโหนกํ ปฎิกฺขิปติ , น ปวาเรติฯ ตโต เอกํ ขาทิตํ, เอกํ หเตฺถ วา ปเตฺต วา โหติ, โส เจ อญฺญํ ปฎิกฺขิปติ, ปวาเรติฯ เทฺวปิ ขาทิตานิ โหนฺติ, มุเข สาสปมตฺตมฺปิ อวสิฎฺฐํ นตฺถิ, สเจปิ อญฺญํ ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรติฯ

    Kummāso nāma yavehi katakummāso. Aññehi pana muggādīhi katakummāso pavāraṇaṃ na janeti. Sattu nāma sālivīhiyavehi katasattu. Kaṅguvarakakudrūsakasīsānipi bhajjitvā īsakaṃ koṭṭetvā thuse palāpetvā puna daḷhaṃ koṭṭetvā cuṇṇaṃ karonti. Sacepi taṃ allattā ekābaddhaṃ hoti, sattusaṅgahameva gacchati. Kharapākabhajjitānaṃ vīhīnaṃ taṇḍule koṭṭetvā denti, tampi cuṇṇaṃ sattusaṅgahameva gacchati. Samapākabhajjitānaṃ pana vīhīnaṃ vā vīhipalāpānaṃ vā taṇḍulā bhajjitataṇḍulā eva vā na pavārenti. Tesaṃ pana taṇḍulādīnaṃ cuṇṇaṃ pavāreti. Kharapākabhajjitānaṃ vīhīnaṃ kuṇḍakampi pavāreti. Samapākabhajjitānaṃ pana ātapasukkhānaṃ vā kuṇḍakaṃ na pavāreti. Lājā vā tehi katabhattasattuādīni vā na pavārenti. Bhajjitapiṭṭhaṃ vā yaṃkiñci suddhakhajjakaṃ vā na pavāreti. Macchamaṃsapūritakhajjakaṃ pana sattumodako vā pavāreti. Maccho maṃsañca pākaṭameva. Ayaṃ pana viseso – sacepi yāguṃ pivantassa yāgusitthamattāneva dve macchakhaṇḍāni vā maṃsakhaṇḍāni vā ekabhājane vā nānābhājane vā denti, tāni ce akhādanto aññaṃ yaṃkiñci pavāraṇappahonakaṃ paṭikkhipati , na pavāreti. Tato ekaṃ khāditaṃ, ekaṃ hatthe vā patte vā hoti, so ce aññaṃ paṭikkhipati, pavāreti. Dvepi khāditāni honti, mukhe sāsapamattampi avasiṭṭhaṃ natthi, sacepi aññaṃ paṭikkhipati, na pavāreti.

    กปฺปิยมํสํ ขาทโนฺต กปฺปิยมํสํ ปฎิกฺขิปติ, ปวาเรติฯ กปฺปิยมํสํ ขาทโนฺต อกปฺปิยมํสํ ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรติฯ กสฺมา? อวตฺถุตายฯ ยญฺหิ ภิกฺขุโน ขาทิตุํ วฎฺฎติ, ตํเยว ปฎิกฺขิปโต ปวารณา โหติฯ อิทํ ปน ชานโนฺต อกปฺปิยตฺตา ปฎิกฺขิปติ, อชานโนฺตปิ ปฎิกฺขิปิตพฺพฎฺฐาเน ฐิตเมว ปฎิกฺขิปติ นาม, ตสฺมา น ปวาเรติฯ สเจ ปน อกปฺปิยมํสํ ขาทโนฺต กปฺปิยมํสํ ปฎิกฺขิปติ, ปวาเรติฯ กสฺมา? วตฺถุตายฯ ยญฺหิ เตน ปฎิกฺขิตฺตํ, ตํ ปวารณาย วตฺถุฯ ยํ ปน ขาทติ, ตํ กิญฺจาปิ ปฎิกฺขิปิตพฺพฎฺฐาเน ฐิตํ, ขาทิยมานํ ปน มํสภาวํ น ชหติ, ตสฺมา ปวาเรติฯ อกปฺปิยมํสํ ขาทโนฺต อกปฺปิยมํสํ ปฎิกฺขิปติ, ปุริมนเยเนว น ปวาเรติฯ กปฺปิยมํสํ วา อกปฺปิยมํสํ วา ขาทโนฺต ปญฺจนฺนํ โภชนานํ ยํกิญฺจิ กปฺปิยโภชนํ ปฎิกฺขิปติ, ปวาเรติฯ กุลทูสกเวชฺชกมฺมอุตฺตริมนุสฺสธมฺมาโรจนสาทิตรูปิยาทีหิ นิพฺพตฺตํ พุทฺธปฎิกุฎฺฐํ อเนสนาย อุปฺปนฺนํ อกปฺปิยโภชนํ ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรติฯ กปฺปิยโภชนํ วา อกปฺปิยโภชนํ วา ภุญฺชโนฺตปิ กปฺปิยโภชนํ ปฎิกฺขิปติ, ปวาเรติฯ อกปฺปิยโภชนํ ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรตีติ สพฺพตฺถ วุตฺตนเยเนว การณํ เวทิตพฺพํฯ

    Kappiyamaṃsaṃ khādanto kappiyamaṃsaṃ paṭikkhipati, pavāreti. Kappiyamaṃsaṃ khādanto akappiyamaṃsaṃ paṭikkhipati, na pavāreti. Kasmā? Avatthutāya. Yañhi bhikkhuno khādituṃ vaṭṭati, taṃyeva paṭikkhipato pavāraṇā hoti. Idaṃ pana jānanto akappiyattā paṭikkhipati, ajānantopi paṭikkhipitabbaṭṭhāne ṭhitameva paṭikkhipati nāma, tasmā na pavāreti. Sace pana akappiyamaṃsaṃ khādanto kappiyamaṃsaṃ paṭikkhipati, pavāreti. Kasmā? Vatthutāya. Yañhi tena paṭikkhittaṃ, taṃ pavāraṇāya vatthu. Yaṃ pana khādati, taṃ kiñcāpi paṭikkhipitabbaṭṭhāne ṭhitaṃ, khādiyamānaṃ pana maṃsabhāvaṃ na jahati, tasmā pavāreti. Akappiyamaṃsaṃ khādanto akappiyamaṃsaṃ paṭikkhipati, purimanayeneva na pavāreti. Kappiyamaṃsaṃ vā akappiyamaṃsaṃ vā khādanto pañcannaṃ bhojanānaṃ yaṃkiñci kappiyabhojanaṃ paṭikkhipati, pavāreti. Kuladūsakavejjakammauttarimanussadhammārocanasāditarūpiyādīhi nibbattaṃ buddhapaṭikuṭṭhaṃ anesanāya uppannaṃ akappiyabhojanaṃ paṭikkhipati, na pavāreti. Kappiyabhojanaṃ vā akappiyabhojanaṃ vā bhuñjantopi kappiyabhojanaṃ paṭikkhipati, pavāreti. Akappiyabhojanaṃ paṭikkhipati, na pavāretīti sabbattha vuttanayeneva kāraṇaṃ veditabbaṃ.

    เอวํ ‘‘อสน’’นฺติอาทีสุ ยญฺจ อสฺนาติ, ยญฺจ โภชนํ หตฺถปาเส ฐิเตน อภิหฎํ ปฎิกฺขิปโนฺต ปวารณํ อาปชฺชติ, ตํ ญตฺวา อิทานิ ยถา อาปชฺชติ, ตสฺส ชานนตฺถํ อยํ วินิจฺฉโย – ‘‘‘อสนํ โภชน’นฺติ เอตฺถ ตาว เยน เอกสิตฺถมฺปิ อโชฺฌหฎํ โหติ, โส สเจ ปตฺตมุขหตฺถานํ ยตฺถ กตฺถจิ ปญฺจสุ โภชเนสุ เอกสฺมิมฺปิ สติ อญฺญํ ปญฺจสุ โภชเนสุ เอกมฺปิ ปฎิกฺขิปติ, ปวาเรติฯ กตฺถจิ โภชนํ นตฺถิ, อามิสคนฺธมตฺตํ ปญฺญายติ, น ปวาเรติฯ มุเข จ หเตฺถ จ โภชนํ นตฺถิ, ปเตฺต อตฺถิ, ตสฺมิํ ปน อาสเน น ภุญฺชิตุกาโม, วิหารํ ปวิสิตฺวา ภุญฺชิตุกาโม, อญฺญสฺส วา ทาตุกาโม, ตสฺมิํ เจ อนฺตเร โภชนํ ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรติฯ กสฺมา? วิปฺปกตโภชนภาวสฺส อุปจฺฉินฺนตฺตาฯ โยปิ อญฺญตฺร คนฺตฺวา ภุญฺชิตุกาโม มุเข ภตฺตํ คิลิตฺวา เสสํ อาทาย คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค อญฺญํ โภชนํ ปฎิกฺขิปติ, ตสฺสาปิ ปวารณา น โหตี’’ติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ ยถา จ ปเตฺต; เอวํ หเตฺถปิฯ มุเขปิ วา วิชฺชมานโภชนํ สเจ อนโชฺฌหริตุกาโม โหติ, ตสฺมิญฺจ ขเณ อญฺญํ ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรติฯ เอกสฺมิญฺหิ ปเท วุตฺตลกฺขณํ สพฺพตฺถ เวทิตพฺพํ โหติฯ อปิจ กุรุนฺทิยํ เอส นโย ทสฺสิโตเยวฯ วุตฺตญฺหิ ตตฺถ ‘‘มุเข ภตฺตํ คิลิตํ, หเตฺถ ภตฺตํ วิฆาสาทสฺส ทาตุกาโม, ปเตฺต ภตฺตํ ภิกฺขุสฺส ทาตุกาโม, สเจ ตสฺมิํ ขเณ ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรตี’’ติฯ หตฺถปาเส ฐิโตติ เอตฺถ ปน สเจ ภิกฺขุ นิสิโนฺน โหติ, อาสนสฺส ปจฺฉิมนฺตโต ปฎฺฐาย, สเจ ฐิโต, ปณฺหิอนฺตโต ปฎฺฐาย, สเจ นิปโนฺน, เยน ปเสฺสน นิปโนฺน, ตสฺส ปาริมนฺตโต ปฎฺฐาย, ทายกสฺส นิสินฺนสฺส วา ฐิตสฺส วา นิปนฺนสฺส วา ฐเปตฺวา ปสาริตหตฺถํ ยํ อาสนฺนตรํ องฺคํ, ตสฺส โอริมเนฺตน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อฑฺฒเตยฺยหโตฺถ ‘‘หตฺถปาโส’’ติ เวทิตโพฺพฯ ตสฺมิํ ฐตฺวา อภิหฎํ ปฎิกฺขิปนฺตเสฺสว ปวารณา โหติ, น ตโต ปรํฯ

    Evaṃ ‘‘asana’’ntiādīsu yañca asnāti, yañca bhojanaṃ hatthapāse ṭhitena abhihaṭaṃ paṭikkhipanto pavāraṇaṃ āpajjati, taṃ ñatvā idāni yathā āpajjati, tassa jānanatthaṃ ayaṃ vinicchayo – ‘‘‘asanaṃ bhojana’nti ettha tāva yena ekasitthampi ajjhohaṭaṃ hoti, so sace pattamukhahatthānaṃ yattha katthaci pañcasu bhojanesu ekasmimpi sati aññaṃ pañcasu bhojanesu ekampi paṭikkhipati, pavāreti. Katthaci bhojanaṃ natthi, āmisagandhamattaṃ paññāyati, na pavāreti. Mukhe ca hatthe ca bhojanaṃ natthi, patte atthi, tasmiṃ pana āsane na bhuñjitukāmo, vihāraṃ pavisitvā bhuñjitukāmo, aññassa vā dātukāmo, tasmiṃ ce antare bhojanaṃ paṭikkhipati, na pavāreti. Kasmā? Vippakatabhojanabhāvassa upacchinnattā. Yopi aññatra gantvā bhuñjitukāmo mukhe bhattaṃ gilitvā sesaṃ ādāya gacchanto antarāmagge aññaṃ bhojanaṃ paṭikkhipati, tassāpi pavāraṇā na hotī’’ti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Yathā ca patte; evaṃ hatthepi. Mukhepi vā vijjamānabhojanaṃ sace anajjhoharitukāmo hoti, tasmiñca khaṇe aññaṃ paṭikkhipati, na pavāreti. Ekasmiñhi pade vuttalakkhaṇaṃ sabbattha veditabbaṃ hoti. Apica kurundiyaṃ esa nayo dassitoyeva. Vuttañhi tattha ‘‘mukhe bhattaṃ gilitaṃ, hatthe bhattaṃ vighāsādassa dātukāmo, patte bhattaṃ bhikkhussa dātukāmo, sace tasmiṃ khaṇe paṭikkhipati, na pavāretī’’ti. Hatthapāse ṭhitoti ettha pana sace bhikkhu nisinno hoti, āsanassa pacchimantato paṭṭhāya, sace ṭhito, paṇhiantato paṭṭhāya, sace nipanno, yena passena nipanno, tassa pārimantato paṭṭhāya, dāyakassa nisinnassa vā ṭhitassa vā nipannassa vā ṭhapetvā pasāritahatthaṃ yaṃ āsannataraṃ aṅgaṃ, tassa orimantena paricchinditvā aḍḍhateyyahattho ‘‘hatthapāso’’ti veditabbo. Tasmiṃ ṭhatvā abhihaṭaṃ paṭikkhipantasseva pavāraṇā hoti, na tato paraṃ.

    อภิหรตีติ หตฺถปาสพฺภนฺตเร ฐิโต คหณตฺถํ อุปนาเมติฯ สเจ ปน อนนฺตรนิสิโนฺนปิ ภิกฺขุ หเตฺถ วา อูรูสุ วา อาธารเก วา ฐิตปตฺตํ อนภิหริตฺวาว ‘‘ภตฺตํ คณฺหา’’ติ วทติ, ตํ ปฎิกฺขิปโต ปวารณา นตฺถิฯ ภตฺตปจฺฉิํ อาเนตฺวา ปุรโต ภูมิยํ ฐเปตฺวา ‘‘คณฺหาหี’’ติ วุเตฺตปิ เอเสว นโยฯ อีสกํ ปน อุทฺธริตฺวา วา อปนาเมตฺวา วา ‘‘คณฺหถา’’ติ วุเตฺต ปฎิกฺขิปโต ปวารณา โหติฯ เถราสเน นิสิโนฺน เถโร ทูเร นิสินฺนสฺส ทหรภิกฺขุสฺส ปตฺตํ เปเสตฺวา ‘‘อิโต โอทนํ คณฺหาหี’’ติ วทติ, คณฺหิตฺวา ปน คโต ตุณฺหี ติฎฺฐติ, ทหโร ‘‘อลํ มยฺห’’นฺติ ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรติฯ กสฺมา? เถรสฺส ทูรภาวโต ทูตสฺส จ อนภิหรณโตติฯ สเจ ปน คเหตฺวา อาคโต ภิกฺขุ ‘‘อิทํ ภตฺตํ คณฺหา’’ติ วทติ, ตํ ปฎิกฺขิปโต ปวารณา โหติฯ

    Abhiharatīti hatthapāsabbhantare ṭhito gahaṇatthaṃ upanāmeti. Sace pana anantaranisinnopi bhikkhu hatthe vā ūrūsu vā ādhārake vā ṭhitapattaṃ anabhiharitvāva ‘‘bhattaṃ gaṇhā’’ti vadati, taṃ paṭikkhipato pavāraṇā natthi. Bhattapacchiṃ ānetvā purato bhūmiyaṃ ṭhapetvā ‘‘gaṇhāhī’’ti vuttepi eseva nayo. Īsakaṃ pana uddharitvā vā apanāmetvā vā ‘‘gaṇhathā’’ti vutte paṭikkhipato pavāraṇā hoti. Therāsane nisinno thero dūre nisinnassa daharabhikkhussa pattaṃ pesetvā ‘‘ito odanaṃ gaṇhāhī’’ti vadati, gaṇhitvā pana gato tuṇhī tiṭṭhati, daharo ‘‘alaṃ mayha’’nti paṭikkhipati, na pavāreti. Kasmā? Therassa dūrabhāvato dūtassa ca anabhiharaṇatoti. Sace pana gahetvā āgato bhikkhu ‘‘idaṃ bhattaṃ gaṇhā’’ti vadati, taṃ paṭikkhipato pavāraṇā hoti.

    ปริเวสนาย เอโก เอเกน หเตฺถน โอทนปจฺฉิํ เอเกน กฎจฺฉุํ คเหตฺวา ภิกฺขู ปริวิสติ, ตตฺร เจ อโญฺญ อาคนฺตฺวา ‘‘อหํ ปจฺฉิํ ธาเรสฺสามิ, ตฺวํ โอทนํ เทหี’’ติ วตฺวา คหิตมตฺตกเมว กโรติ, ปริเวสโก เอว ปน ตํ ธาเรติ, ตสฺมา สา อภิหฎาว โหติฯ ตโต ทาตุกามตาย คณฺหนฺตํ ปฎิกฺขิปนฺตสฺส ปวารณา โหติฯ สเจ ปน ปริวิสเกน ผุฎฺฐมตฺตาว โหติ, อิตโรว นํ ธาเรติ, ตโต ทาตุกามตาย คณฺหนฺตํ ปฎิกฺขิปนฺตสฺส ปวารณา น โหติฯ กฎจฺฉุนา อุทฺธฎภเตฺต ปน โหติฯ กฎจฺฉุอภิหาโรเยว หิ ตสฺส อภิหาโรฯ ทฺวินฺนํ สมภาเรปิ ปฎิกฺขิปโนฺต ปวาเรติเยวาติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ อนนฺตรสฺส ภิกฺขุโน ภเตฺต ทิยฺยมาเน อิตโร ปตฺตํ หเตฺถหิ ปิทหติ, ปวารณา นตฺถิฯ กสฺมา? อญฺญสฺส อภิหเฎ ปฎิกฺขิตฺตตฺตาฯ

    Parivesanāya eko ekena hatthena odanapacchiṃ ekena kaṭacchuṃ gahetvā bhikkhū parivisati, tatra ce añño āgantvā ‘‘ahaṃ pacchiṃ dhāressāmi, tvaṃ odanaṃ dehī’’ti vatvā gahitamattakameva karoti, parivesako eva pana taṃ dhāreti, tasmā sā abhihaṭāva hoti. Tato dātukāmatāya gaṇhantaṃ paṭikkhipantassa pavāraṇā hoti. Sace pana parivisakena phuṭṭhamattāva hoti, itarova naṃ dhāreti, tato dātukāmatāya gaṇhantaṃ paṭikkhipantassa pavāraṇā na hoti. Kaṭacchunā uddhaṭabhatte pana hoti. Kaṭacchuabhihāroyeva hi tassa abhihāro. Dvinnaṃ samabhārepi paṭikkhipanto pavāretiyevāti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Anantarassa bhikkhuno bhatte diyyamāne itaro pattaṃ hatthehi pidahati, pavāraṇā natthi. Kasmā? Aññassa abhihaṭe paṭikkhittattā.

    ปฎิเกฺขโป ปญฺญายตีติ เอตฺถ วาจาย อภิหฎํ ปฎิกฺขิปโต ปวารณา นตฺถิฯ กาเยน อภิหฎํ ปน กาเยน วา วาจาย วา ปฎิกฺขิปนฺตสฺส ปวารณา โหตีติ เวทิตโพฺพฯ

    Paṭikkhepo paññāyatīti ettha vācāya abhihaṭaṃ paṭikkhipato pavāraṇā natthi. Kāyena abhihaṭaṃ pana kāyena vā vācāya vā paṭikkhipantassa pavāraṇā hotīti veditabbo.

    ตตฺถ กาเยน ปฎิเกฺขโป นาม องฺคุลิํ วา หตฺถํ วา มจฺฉิกพีชนิํ วา จีวรกณฺณํ วา จาเลติ, ภมุกาย วา อาการํ กโรติ, กุโทฺธ วา โอโลเกติ, วาจาย ปฎิเกฺขโป นาม ‘‘อล’’นฺติ วา, ‘‘น คณฺหามี’’ติ วา, ‘‘มา อากิรา’’ติ วา, ‘‘อปคจฺฉา’’ติ วา วทติ; เอวํ เยน เกนจิ อากาเรน กาเยน วา วาจาย วา ปฎิกฺขิเตฺต ปวารณา โหติฯ

    Tattha kāyena paṭikkhepo nāma aṅguliṃ vā hatthaṃ vā macchikabījaniṃ vā cīvarakaṇṇaṃ vā cāleti, bhamukāya vā ākāraṃ karoti, kuddho vā oloketi, vācāya paṭikkhepo nāma ‘‘ala’’nti vā, ‘‘na gaṇhāmī’’ti vā, ‘‘mā ākirā’’ti vā, ‘‘apagacchā’’ti vā vadati; evaṃ yena kenaci ākārena kāyena vā vācāya vā paṭikkhitte pavāraṇā hoti.

    เอโก อภิหเฎ ภเตฺต ปวารณาย ภีโต หตฺถ อปเนตฺวา ปุนปฺปุนํ ปเตฺต โอทนํ อากิรนฺตํ ‘‘อากิร อากิร โกเฎฺฎตฺวา ปูเรหี’’ติ วทติ, เอตฺถ กถนฺติ? มหาสุมเตฺถโร ตาว ‘‘อนากิรณตฺถาย วุตฺตตฺตา ปวารณา โหตี’’ติ อาหฯ มหาปทุมเตฺถโร ปน ‘‘‘อากิร ปูเรหี’ติ วทนฺตสฺส นาม ‘กสฺสจิ ปวารณา อตฺถี’ติ วตฺวา ‘น ปวาเรตี’’’ติ อาหฯ อปโร ภตฺตํ อภิหรนฺตํ ภิกฺขุํ สลฺลเกฺขตฺวา ‘‘กิํ อาวุโส อิโตปิ กิญฺจิ คณฺหิสฺสสิ, ทมฺมิ เต กิญฺจี’’ติ อาหฯ ตตฺราปิ ‘‘‘เอวํ นาคมิสฺสตี’ติ วุตฺตตฺตา ‘ปวารณา โหตี’’’ติ มหาสุมเตฺถโร อาหฯ มหาปทุมเตฺถโร ปน ‘‘‘คณฺหิสฺสสี’ติ วทนฺตสฺส นาม ‘กสฺสจิ ปวารณา อตฺถี’ติ วตฺวา ‘น ปวาเรตี’’’ติ อาหฯ

    Eko abhihaṭe bhatte pavāraṇāya bhīto hattha apanetvā punappunaṃ patte odanaṃ ākirantaṃ ‘‘ākira ākira koṭṭetvā pūrehī’’ti vadati, ettha kathanti? Mahāsumatthero tāva ‘‘anākiraṇatthāya vuttattā pavāraṇā hotī’’ti āha. Mahāpadumatthero pana ‘‘‘ākira pūrehī’ti vadantassa nāma ‘kassaci pavāraṇā atthī’ti vatvā ‘na pavāretī’’’ti āha. Aparo bhattaṃ abhiharantaṃ bhikkhuṃ sallakkhetvā ‘‘kiṃ āvuso itopi kiñci gaṇhissasi, dammi te kiñcī’’ti āha. Tatrāpi ‘‘‘evaṃ nāgamissatī’ti vuttattā ‘pavāraṇā hotī’’’ti mahāsumatthero āha. Mahāpadumatthero pana ‘‘‘gaṇhissasī’ti vadantassa nāma ‘kassaci pavāraṇā atthī’ti vatvā ‘na pavāretī’’’ti āha.

    เอโก สมํสกํ รสํ อภิหริตฺวา ‘‘รสํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ตํ สุตฺวา ปฎิกฺขิปโต ปวารณา นตฺถิฯ ‘‘มจฺฉรสํ มํสรส’’นฺติ วุเตฺต ปฎิกฺขิปโต โหติ, ‘‘อิทํ คณฺหถา’’ติ วุเตฺตปิ โหติเยวฯ มํสํ วิสุํ กตฺวา ‘‘มํสรสํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ตตฺถ เจ สาสปมตฺตมฺปิ มํสขณฺฑํ อตฺถิ , ตํ ปฎิกฺขิปโต ปวารณา โหติฯ สเจ ปน ปริสฺสาวิโต โหติ, ‘‘วฎฺฎตี’’ติ อภยเตฺถโร อาหฯ

    Eko samaṃsakaṃ rasaṃ abhiharitvā ‘‘rasaṃ gaṇhathā’’ti vadati, taṃ sutvā paṭikkhipato pavāraṇā natthi. ‘‘Maccharasaṃ maṃsarasa’’nti vutte paṭikkhipato hoti, ‘‘idaṃ gaṇhathā’’ti vuttepi hotiyeva. Maṃsaṃ visuṃ katvā ‘‘maṃsarasaṃ gaṇhathā’’ti vadati, tattha ce sāsapamattampi maṃsakhaṇḍaṃ atthi , taṃ paṭikkhipato pavāraṇā hoti. Sace pana parissāvito hoti, ‘‘vaṭṭatī’’ti abhayatthero āha.

    มํสรเสน อาปุจฺฉนฺตํ มหาเถโร ‘‘มุหุตฺตํ อาคเมหี’’ติ วตฺวา ‘‘ถาลกํ อาวุโส อาหรา’’ติ อาหฯ เอตฺถ กถนฺติ? มหาสุมเตฺถโร ตาว ‘‘อภิหารกสฺส คมนํ ปฐมํ อุปจฺฉินฺนํ, ตสฺมา ปวาเรตี’’ติ อาหฯ มหาปทุมเตฺถโร ปน ‘‘อยํ กุหิํ คจฺฉติ, กีทิสํ เอตสฺส คมนํ, คณฺหนฺตสฺสาปิ นาม ปวารณา อตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘น ปวาเรตี’’ติ อาหฯ กฬีรปนสาทีหิ มิเสฺสตฺวา มํสํ ปจนฺติ, ตํ คเหตฺวา ‘‘กฬีรสูปํ คณฺหถ, ปนสพฺยญฺชนํ คณฺหถา’’ติ วทนฺติ, เอวมฺปิ น ปวาเรติฯ กสฺมา? อปวารณารหสฺส นาเมน วุตฺตตฺตาฯ สเจ ปน ‘‘มจฺฉสูปํ มํสสูป’’นฺติ วา ‘‘อิมํ คณฺหถา’’ติ วา วทนฺติ, ปวาเรติฯ มํสกรมฺพโก นาม โหติ, ตํ ทาตุกาโมปิ ‘‘กรมฺพกํ คณฺหถา’’ติ วทติ, วฎฺฎติ; น ปวาเรติฯ ‘‘มํสกรมฺพก’’นฺติ วา ‘‘อิท’’นฺติ วา วุเตฺต ปน ปวาเรติฯ เอเสว นโย สเพฺพสุ มจฺฉมํสมิสฺสเกสุฯ

    Maṃsarasena āpucchantaṃ mahāthero ‘‘muhuttaṃ āgamehī’’ti vatvā ‘‘thālakaṃ āvuso āharā’’ti āha. Ettha kathanti? Mahāsumatthero tāva ‘‘abhihārakassa gamanaṃ paṭhamaṃ upacchinnaṃ, tasmā pavāretī’’ti āha. Mahāpadumatthero pana ‘‘ayaṃ kuhiṃ gacchati, kīdisaṃ etassa gamanaṃ, gaṇhantassāpi nāma pavāraṇā atthī’’ti vatvā ‘‘na pavāretī’’ti āha. Kaḷīrapanasādīhi missetvā maṃsaṃ pacanti, taṃ gahetvā ‘‘kaḷīrasūpaṃ gaṇhatha, panasabyañjanaṃ gaṇhathā’’ti vadanti, evampi na pavāreti. Kasmā? Apavāraṇārahassa nāmena vuttattā. Sace pana ‘‘macchasūpaṃ maṃsasūpa’’nti vā ‘‘imaṃ gaṇhathā’’ti vā vadanti, pavāreti. Maṃsakarambako nāma hoti, taṃ dātukāmopi ‘‘karambakaṃ gaṇhathā’’ti vadati, vaṭṭati; na pavāreti. ‘‘Maṃsakarambaka’’nti vā ‘‘ida’’nti vā vutte pana pavāreti. Eseva nayo sabbesu macchamaṃsamissakesu.

    โย ปน นิมนฺตเน ภุญฺชมาโน มํสํ อภิหฎํ ‘‘อุทฺทิสฺส กต’’นฺติ มญฺญมาโน ปฎิกฺขิปติ, ปวาริโตว โหตีติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ มิสฺสกกถา ปน กุรุนฺทิยํ สุฎฺฐุ วุตฺตาฯ เอวญฺหิ ตตฺถ วุตฺตํ – ปิณฺฑปาตจาริโก ภิกฺขุ ภตฺตมิสฺสกํ ยาคุํ อาหริตฺวา ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ วทติ, น ปวาเรติฯ ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วุเตฺต ปวาเรติฯ กสฺมา? เยนาปุจฺฉิโต, ตสฺส อตฺถิตายฯ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – ‘‘ยาคุมิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ตตฺร เจ ยาคุ พหุตรา วา โหติ สมสมา วา, น ปวาเรติฯ ยาคุ มนฺทา, ภตฺตํ พหุตรํ, ปวาเรติฯ อิทญฺจ สพฺพอฎฺฐกถาสุ วุตฺตตฺตา น สกฺกา ปฎิกฺขิปิตุํ, การณํ ปเนตฺถ ทุทฺทสํฯ ‘‘ภตฺตมิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ภตฺตํ พหุกํ วา สมํ วา อปฺปตรํ วา โหติ, ปวาเรติเยวฯ ภตฺตํ วา ยาคุํ วา อนามสิตฺวา ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ตตฺร เจ ภตฺตํ พหุตรํ วา สมกํ วา โหติ, ปวาเรติฯ อปฺปตรํ น ปวาเรติฯ อิทญฺจ กรมฺพเกน น สมาเนตพฺพํฯ กรมฺพโก หิ มํสมิสฺสโกปิ โหติ อมํสมิสฺสโกปิ, ตสฺมา ‘‘กรมฺพก’’นฺติ วุเตฺต ปวารณา นตฺถิฯ อิทํ ปน ภตฺตมิสฺสกเมวฯ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว ปวารณา โหติฯ พหุรเส ภเตฺต รสํ, พหุขีเร ขีรํ พหุสปฺปิมฺหิ จ ปายาเส สปฺปิํ คณฺหถาติ วิสุํ กตฺวา เทติ, ตํ ปฎิกฺขิปโต ปวารณา นตฺถิฯ

    Yo pana nimantane bhuñjamāno maṃsaṃ abhihaṭaṃ ‘‘uddissa kata’’nti maññamāno paṭikkhipati, pavāritova hotīti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Missakakathā pana kurundiyaṃ suṭṭhu vuttā. Evañhi tattha vuttaṃ – piṇḍapātacāriko bhikkhu bhattamissakaṃ yāguṃ āharitvā ‘‘yāguṃ gaṇhathā’’ti vadati, na pavāreti. ‘‘Bhattaṃ gaṇhathā’’ti vutte pavāreti. Kasmā? Yenāpucchito, tassa atthitāya. Ayamettha adhippāyo – ‘‘yāgumissakaṃ gaṇhathā’’ti vadati, tatra ce yāgu bahutarā vā hoti samasamā vā, na pavāreti. Yāgu mandā, bhattaṃ bahutaraṃ, pavāreti. Idañca sabbaaṭṭhakathāsu vuttattā na sakkā paṭikkhipituṃ, kāraṇaṃ panettha duddasaṃ. ‘‘Bhattamissakaṃ gaṇhathā’’ti vadati, bhattaṃ bahukaṃ vā samaṃ vā appataraṃ vā hoti, pavāretiyeva. Bhattaṃ vā yāguṃ vā anāmasitvā ‘‘missakaṃ gaṇhathā’’ti vadati, tatra ce bhattaṃ bahutaraṃ vā samakaṃ vā hoti, pavāreti. Appataraṃ na pavāreti. Idañca karambakena na samānetabbaṃ. Karambako hi maṃsamissakopi hoti amaṃsamissakopi, tasmā ‘‘karambaka’’nti vutte pavāraṇā natthi. Idaṃ pana bhattamissakameva. Ettha vuttanayeneva pavāraṇā hoti. Bahurase bhatte rasaṃ, bahukhīre khīraṃ bahusappimhi ca pāyāse sappiṃ gaṇhathāti visuṃ katvā deti, taṃ paṭikkhipato pavāraṇā natthi.

    โย ปน คจฺฉโนฺต ปวาเรติ, โส คจฺฉโนฺตว ภุญฺชิตุํ ลภติฯ กทฺทมํ วา อุทกํ วา ปตฺวา ฐิเตน อติริตฺตํ กาเรตพฺพํฯ สเจ อนฺตรา นที ปูรา โหติ, นทีตีเร คุมฺพํ อนุปริยายเนฺตน ภุญฺชิตพฺพํฯ อถ นาวา วา เสตุ วา อตฺถิ, ตํ อภิรุหิตฺวาปิ จงฺกมเนฺตนว ภุญฺชิตพฺพํ, คมนํ น อุปจฺฉินฺทิตพฺพํฯ ยาเน วา หตฺถิอสฺสปิเฎฺฐ วา จนฺทมณฺฑเล วา สูริยมณฺฑเล วา นิสีทิตฺวา ปวาริเตน ยาว มชฺฌนฺหิกํ, ตาว เตสุ คจฺฉเนฺตสุปิ นิสิเนฺนเนว ภุญฺชิตพฺพํฯ โย ฐิโต ปวาเรติ, ฐิเตเนว, โย นิสิโนฺน ปวาเรติ, นิสิเนฺนเนว ภุญฺชิตพฺพํฯ ตํ ตํ อิริยาปถํ โกเปเนฺตน อติริตฺตํ กาเรตพฺพํฯ โย อุกฺกุฎิโก นิสีทิตฺวา ปวาเรติ, เตน อุกฺกุฎิเกเนว ภุญฺชิตพฺพํฯ ตสฺส ปน เหฎฺฐา ปลาลปีฐํ วา กิญฺจิ วา นิสีทนกํ ทาตพฺพํฯ ปีฐเก นิสีทิตฺวา ปวาริเตน อาสนํ อจาเลตฺวาว จตโสฺส ทิสา ปริวตฺตเนฺตน ภุญฺชิตุํ ลพฺภติฯ มเญฺจ นิสีทิตฺวา ปวาริเตน อิโต วา เอโตฺต วา สํสริตุํ น ลพฺภติฯ สเจ ปน นํ สห มเญฺจน อุกฺขิปิตฺวา อญฺญตฺร เนนฺติ, วฎฺฎติฯ นิปชฺชิตฺวา ปวาริเตน นิปเนฺนเนว ภุญฺชิตพฺพํฯ ปริวตฺตเนฺตน เยน ปเสฺสน นิปโนฺน, ตสฺส ฐานํ นาติกฺกเมตพฺพํฯ

    Yo pana gacchanto pavāreti, so gacchantova bhuñjituṃ labhati. Kaddamaṃ vā udakaṃ vā patvā ṭhitena atirittaṃ kāretabbaṃ. Sace antarā nadī pūrā hoti, nadītīre gumbaṃ anupariyāyantena bhuñjitabbaṃ. Atha nāvā vā setu vā atthi, taṃ abhiruhitvāpi caṅkamantenava bhuñjitabbaṃ, gamanaṃ na upacchinditabbaṃ. Yāne vā hatthiassapiṭṭhe vā candamaṇḍale vā sūriyamaṇḍale vā nisīditvā pavāritena yāva majjhanhikaṃ, tāva tesu gacchantesupi nisinneneva bhuñjitabbaṃ. Yo ṭhito pavāreti, ṭhiteneva, yo nisinno pavāreti, nisinneneva bhuñjitabbaṃ. Taṃ taṃ iriyāpathaṃ kopentena atirittaṃ kāretabbaṃ. Yo ukkuṭiko nisīditvā pavāreti, tena ukkuṭikeneva bhuñjitabbaṃ. Tassa pana heṭṭhā palālapīṭhaṃ vā kiñci vā nisīdanakaṃ dātabbaṃ. Pīṭhake nisīditvā pavāritena āsanaṃ acāletvāva catasso disā parivattantena bhuñjituṃ labbhati. Mañce nisīditvā pavāritena ito vā etto vā saṃsarituṃ na labbhati. Sace pana naṃ saha mañcena ukkhipitvā aññatra nenti, vaṭṭati. Nipajjitvā pavāritena nipanneneva bhuñjitabbaṃ. Parivattantena yena passena nipanno, tassa ṭhānaṃ nātikkametabbaṃ.

    อนติริตฺตนฺติ น อติริตฺตํ; น อธิกนฺติ อโตฺถฯ ตํ ปน ยสฺมา กปฺปิยกตาทีหิ สตฺตหิ วินยกมฺมากาเรหิ อกตํ วา คิลานสฺส อนธิกํ วา โหติ, ตสฺมา ปทภาชเน ‘‘อกปฺปิยกต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อกปฺปิยกตนฺติ ยํ ตตฺถ ผลํ วา กนฺทมูลาทิ วา ปญฺจหิ สมณกเปฺปหิ กปฺปิยํ อกตํ; ยญฺจ อกปฺปิยมํสํ วา อกปฺปิยโภชนํ วา, เอตํ อกปฺปิยํ นามฯ ตํ อกปฺปิยํ ‘‘อลเมตํ สพฺพ’’นฺติ เอวํ อติริตฺตํ กตมฺปิ อกปฺปิยกตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อปฺปฎิคฺคหิตกตนฺติ ภิกฺขุนา อปฺปฎิคฺคหิตํเยว ปุริมนเยเนว อติริตฺตํ กตํฯ อนุจฺจาริตกตนฺติ กปฺปิยํ การาเปตุํ อาคเตน ภิกฺขุนา อีสกมฺปิ อนุกฺขิตฺตํ วา อนปนามิตํ วา กตํฯ อหตฺถปาเส กตนฺติ กปฺปิยํ การาเปตุํ อาคตสฺส หตฺถปาสโต พหิ ฐิเตน กตํฯ อภุตฺตาวินา กตนฺติ โย ‘‘อลเมตํ สพฺพ’’นฺติ อติริตฺตํ กโรติ, เตน ปวารณปฺปโหนกํ โภชนํ อภุเตฺตน กตํฯ ภุตฺตาวินา ปวาริเตน อาสนา วุฎฺฐิเตน กตนฺติ อิทํ อุตฺตานเมวฯ อลเมตํ สพฺพนฺติ อวุตฺตนฺติ วจีเภทํ กตฺวา เอวํ อวุตฺตํ โหติฯ อิติ อิเมหิ สตฺตหิ วินยกมฺมากาเรหิ ยํ อติริตฺตํ กปฺปิยํ อกตํ, ยญฺจ น คิลานาติริตฺตํ, ตทุภยมฺปิ อนติริตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Anatirittanti na atirittaṃ; na adhikanti attho. Taṃ pana yasmā kappiyakatādīhi sattahi vinayakammākārehi akataṃ vā gilānassa anadhikaṃ vā hoti, tasmā padabhājane ‘‘akappiyakata’’ntiādi vuttaṃ. Tattha akappiyakatanti yaṃ tattha phalaṃ vā kandamūlādi vā pañcahi samaṇakappehi kappiyaṃ akataṃ; yañca akappiyamaṃsaṃ vā akappiyabhojanaṃ vā, etaṃ akappiyaṃ nāma. Taṃ akappiyaṃ ‘‘alametaṃ sabba’’nti evaṃ atirittaṃ katampi akappiyakatanti veditabbaṃ. Appaṭiggahitakatanti bhikkhunā appaṭiggahitaṃyeva purimanayeneva atirittaṃ kataṃ. Anuccāritakatanti kappiyaṃ kārāpetuṃ āgatena bhikkhunā īsakampi anukkhittaṃ vā anapanāmitaṃ vā kataṃ. Ahatthapāse katanti kappiyaṃ kārāpetuṃ āgatassa hatthapāsato bahi ṭhitena kataṃ. Abhuttāvinā katanti yo ‘‘alametaṃ sabba’’nti atirittaṃ karoti, tena pavāraṇappahonakaṃ bhojanaṃ abhuttena kataṃ. Bhuttāvinā pavāritena āsanā vuṭṭhitena katanti idaṃ uttānameva. Alametaṃ sabbanti avuttanti vacībhedaṃ katvā evaṃ avuttaṃ hoti. Iti imehi sattahi vinayakammākārehi yaṃ atirittaṃ kappiyaṃ akataṃ, yañca na gilānātirittaṃ, tadubhayampi anatirittanti veditabbaṃ.

    อติริตฺตํ ปน ตเสฺสว ปฎิปกฺขนเยน เวทิตพฺพํฯ อปิเจตฺถ ภุตฺตาวินา กตํ โหตีติ อนนฺตเร นิสินฺนสฺส สภาคสฺส ภิกฺขุโน ปตฺตโต เอกมฺปิ สิตฺถํ วา มํสหีรํ วา ขาทิตฺวา กตมฺปิ ภุตฺตาวินาว กตํ โหตีติ เวทิตพฺพํฯ อาสนา อวุฎฺฐิเตนาติ เอตฺถ ปน อสโมฺมหตฺถํ อยํ วินิจฺฉโย – เทฺว ภิกฺขู ปาโตว ภุญฺชมานา ปวาริตา โหนฺติ – เอเกน ตเตฺถว นิสีทิตพฺพํ, อิตเรน นิจฺจภตฺตํ วา สลากภตฺตํ วา อาเนตฺวา อุปฑฺฒํ ตสฺส ภิกฺขุโน ปเตฺต อากิริตฺวา หตฺถํ โธวิตฺวา เสสํ เตน ภิกฺขุนา กปฺปิยํ การาเปตฺวา ภุญฺชิตพฺพํฯ กสฺมา? ยญฺหิ ตสฺส หเตฺถ ลคฺคํ, ตํ อกปฺปิยํ โหติฯ สเจ ปน ปฐมํ นิสิโนฺน ภิกฺขุ สยเมว ตสฺส ปตฺตโต หเตฺถน คณฺหาติ, หตฺถโธวนกิจฺจํ นตฺถิฯ สเจ ปน เอวํ กปฺปิยํ การาเปตฺวา ภุญฺชนฺตสฺส ปุน กิญฺจิ พฺยญฺชนํ วา ขาทนียํ วา ปเตฺต อากิรนฺติ, เยน ปฐมํ กปฺปิยํ กตํ, โส ปุน กาตุํ น ลภติฯ เยน อกตํ, เตน กาตพฺพํฯ ยญฺจ อกตํ, ตํ กาตพฺพํฯ ‘‘เยน อกต’’นฺติ อเญฺญน ภิกฺขุนา เยน ปฐมํ น กตํ, เตน กาตพฺพํฯ ‘‘ยญฺจ อกต’’นฺติ เยน ปฐมํ กปฺปิยํ กตํ, เตนาปิ ยํ อกตํ ตํ กาตพฺพํฯ ปฐมภาชเน ปน กาตุํ น ลพฺภติฯ ตตฺถ หิ กริยมานํ ปฐมํ กเตน สทฺธิํ กตํ โหติ, ตสฺมา อญฺญสฺมิํ ภาชเน กาตุํ วฎฺฎตีติ อธิปฺปาโยฯ เอวํ กตํ ปน เตน ภิกฺขุนา ปฐมํ กเตน สทฺธิํ ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ

    Atirittaṃ pana tasseva paṭipakkhanayena veditabbaṃ. Apicettha bhuttāvinā kataṃ hotīti anantare nisinnassa sabhāgassa bhikkhuno pattato ekampi sitthaṃ vā maṃsahīraṃ vā khāditvā katampi bhuttāvināva kataṃ hotīti veditabbaṃ. Āsanā avuṭṭhitenāti ettha pana asammohatthaṃ ayaṃ vinicchayo – dve bhikkhū pātova bhuñjamānā pavāritā honti – ekena tattheva nisīditabbaṃ, itarena niccabhattaṃ vā salākabhattaṃ vā ānetvā upaḍḍhaṃ tassa bhikkhuno patte ākiritvā hatthaṃ dhovitvā sesaṃ tena bhikkhunā kappiyaṃ kārāpetvā bhuñjitabbaṃ. Kasmā? Yañhi tassa hatthe laggaṃ, taṃ akappiyaṃ hoti. Sace pana paṭhamaṃ nisinno bhikkhu sayameva tassa pattato hatthena gaṇhāti, hatthadhovanakiccaṃ natthi. Sace pana evaṃ kappiyaṃ kārāpetvā bhuñjantassa puna kiñci byañjanaṃ vā khādanīyaṃ vā patte ākiranti, yena paṭhamaṃ kappiyaṃ kataṃ, so puna kātuṃ na labhati. Yena akataṃ, tena kātabbaṃ. Yañca akataṃ, taṃ kātabbaṃ. ‘‘Yena akata’’nti aññena bhikkhunā yena paṭhamaṃ na kataṃ, tena kātabbaṃ. ‘‘Yañca akata’’nti yena paṭhamaṃ kappiyaṃ kataṃ, tenāpi yaṃ akataṃ taṃ kātabbaṃ. Paṭhamabhājane pana kātuṃ na labbhati. Tattha hi kariyamānaṃ paṭhamaṃ katena saddhiṃ kataṃ hoti, tasmā aññasmiṃ bhājane kātuṃ vaṭṭatīti adhippāyo. Evaṃ kataṃ pana tena bhikkhunā paṭhamaṃ katena saddhiṃ bhuñjituṃ vaṭṭati.

    กปฺปิยํ กโรเนฺตน จ น เกวลํ ปเตฺตเยว, กุเณฺฑปิ ปจฺฉิยมฺปิ ยตฺถ กตฺถจิ ปุรโต ฐเปตฺวา โอนามิตภาชเน กาตพฺพํฯ ตํ สเจปิ ภิกฺขุสตํ ปวาริตํ โหติ, สเพฺพสํ ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติ, อปฺปวาริตานมฺปิ วฎฺฎติฯ เยน ปน กปฺปิยํ กตํ, ตสฺส น วฎฺฎติฯ สเจปิ ปวาเรตฺวา ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐํ ภิกฺขุํ ปตฺตํ คเหตฺวา อวสฺสํ ภุญฺชนเก มงฺคลนิมนฺตเน นิสีทาเปนฺติ, อติริตฺตํ กาเรตฺวาว ภุญฺชิตพฺพํฯ สเจ ตตฺถ อโญฺญ ภิกฺขุ นตฺถิ, อาสนสาลํ วา วิหารํ วา ปตฺตํ เปเสตฺวา กาเรตพฺพํฯ กปฺปิยํ กโรเนฺตน ปน อนุปสมฺปนฺนสฺส หเตฺถ ฐิตํ น กาตพฺพํฯ สเจ อาสนสาลายํ อพฺยโตฺต ภิกฺขุ โหติ, สยํ คนฺตฺวา กปฺปิยํ การาเปตฺวา อาเนตฺวา ภุญฺชิตพฺพํฯ

    Kappiyaṃ karontena ca na kevalaṃ patteyeva, kuṇḍepi pacchiyampi yattha katthaci purato ṭhapetvā onāmitabhājane kātabbaṃ. Taṃ sacepi bhikkhusataṃ pavāritaṃ hoti, sabbesaṃ bhuñjituṃ vaṭṭati, appavāritānampi vaṭṭati. Yena pana kappiyaṃ kataṃ, tassa na vaṭṭati. Sacepi pavāretvā piṇḍāya paviṭṭhaṃ bhikkhuṃ pattaṃ gahetvā avassaṃ bhuñjanake maṅgalanimantane nisīdāpenti, atirittaṃ kāretvāva bhuñjitabbaṃ. Sace tattha añño bhikkhu natthi, āsanasālaṃ vā vihāraṃ vā pattaṃ pesetvā kāretabbaṃ. Kappiyaṃ karontena pana anupasampannassa hatthe ṭhitaṃ na kātabbaṃ. Sace āsanasālāyaṃ abyatto bhikkhu hoti, sayaṃ gantvā kappiyaṃ kārāpetvā ānetvā bhuñjitabbaṃ.

    คิลานาติริตฺตนฺติ เอตฺถ น เกวลํ ยํ คิลานสฺส ภุตฺตาวเสสํ โหติ, ตํ คิลานาติริตฺตํ; อถ โข ยํกิญฺจิ คิลานํ อุทฺทิสฺส อชฺช วา เสฺว วา ยทา วา อิจฺฉติ, ตทา ขาทิสฺสตีติ อาหฎํ, ตํ สพฺพํ ‘‘คิลานาติริตฺต’’นฺติ เวทิตพฺพํฯ ยํ ยามกาลิกาทีสุ อโชฺฌหาเร อโชฺฌหาเร ทุกฺกฎํ, ตํ อสํสฎฺฐวเสน วุตฺตํฯ สเจ ปน อามิสสํสฎฺฐานิ โหนฺติ, อาหารตฺถายปิ อนาหารตฺถายปิ ปฎิคฺคเหตฺวา อโชฺฌหรนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมวฯ

    Gilānātirittanti ettha na kevalaṃ yaṃ gilānassa bhuttāvasesaṃ hoti, taṃ gilānātirittaṃ; atha kho yaṃkiñci gilānaṃ uddissa ajja vā sve vā yadā vā icchati, tadā khādissatīti āhaṭaṃ, taṃ sabbaṃ ‘‘gilānātiritta’’nti veditabbaṃ. Yaṃ yāmakālikādīsu ajjhohāre ajjhohāre dukkaṭaṃ, taṃ asaṃsaṭṭhavasena vuttaṃ. Sace pana āmisasaṃsaṭṭhāni honti, āhāratthāyapi anāhāratthāyapi paṭiggahetvā ajjhoharantassa pācittiyameva.

    ๒๔๑. สติ ปจฺจเยติ ยามกาลิกํ ปิปาสาย สติ ปิปาสเจฺฉทนตฺถํ, สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกญฺจ เตน เตน อุปสเมตพฺพเก อาพาเธ สติ ตสฺส อุปสมนตฺถํ ปริภุญฺชโต อนาปตฺติฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ

    241.Sati paccayeti yāmakālikaṃ pipāsāya sati pipāsacchedanatthaṃ, sattāhakālikaṃ yāvajīvikañca tena tena upasametabbake ābādhe sati tassa upasamanatthaṃ paribhuñjato anāpatti. Sesamettha uttānameva.

    กถินสมุฎฺฐานํ – กายวาจโต กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติ, กิริยากิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ

    Kathinasamuṭṭhānaṃ – kāyavācato kāyavācācittato ca samuṭṭhāti, kiriyākiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.

    ปฐมปวารณสิกฺขาปทํ ปญฺจมํฯ

    Paṭhamapavāraṇasikkhāpadaṃ pañcamaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๔. โภชนวโคฺค • 4. Bhojanavaggo

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๕. ปฐมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Paṭhamapavāraṇāsikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๕. ปฐมปวารณสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Paṭhamapavāraṇasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๕. ปฐมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Paṭhamapavāraṇāsikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๕. ปฐมปวารณสิกฺขาปทํ • 5. Paṭhamapavāraṇasikkhāpadaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact