Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๕. ปฐมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Paṭhamapavāraṇāsikkhāpadavaṇṇanā
ภุตฺตวาติ กตภตฺตกิโจฺจฯ สาสปมตฺตมฺปิ อโชฺฌหริตนฺติ เอวํ ปริตฺตมฺปิ โภชนํ สงฺขาทิตฺวา วา อสงฺขาทิตฺวา วา คิลิตํฯ ปวาริโตติ ปฎิเกฺขปิโตฯ โย หิ ภุญฺชโนฺต ปริเวสเกน อุปนีตํ โภชนํ อนิจฺฉโนฺต ปฎิกฺขิปติ, โส เตน ปวาริโต ปฎิกฺขิปิโต นาม โหติฯ พฺยญฺชนํ ปน อนาทิยิตฺวา อตฺถมตฺตเมว ทเสฺสตุํ ‘‘กตปฺปวารโณ กตปฺปฎิเกฺขโปติ อโตฺถ’’ติ วุตฺตํฯ โสปิ จ ปฎิเกฺขโป ยสฺมา น ปฎิเกฺขปมเตฺตน, อถ โข ปญฺจงฺควเสนฯ เตนสฺส ปทภาชเน ‘‘อสนํ ปญฺญายตี’’ติอาทิ (ปาจิ. ๒๓๙) วุตฺตํฯ
Bhuttavāti katabhattakicco. Sāsapamattampi ajjhoharitanti evaṃ parittampi bhojanaṃ saṅkhāditvā vā asaṅkhāditvā vā gilitaṃ. Pavāritoti paṭikkhepito. Yo hi bhuñjanto parivesakena upanītaṃ bhojanaṃ anicchanto paṭikkhipati, so tena pavārito paṭikkhipito nāma hoti. Byañjanaṃ pana anādiyitvā atthamattameva dassetuṃ ‘‘katappavāraṇo katappaṭikkhepoti attho’’ti vuttaṃ. Sopi ca paṭikkhepo yasmā na paṭikkhepamattena, atha kho pañcaṅgavasena. Tenassa padabhājane ‘‘asanaṃ paññāyatī’’tiādi (pāci. 239) vuttaṃ.
โภชนํ ปญฺญายตีติ ปญฺจนฺนํ โภชนานํ อญฺญตรํ ปตฺตาทีสุ ทิสฺสติฯ เตนาห ‘‘ปวารณปฺปโหนกํ เจ โภชน’’นฺติอาทิฯ สาลีติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๒๓๘-๒๓๙) อนฺตมโส นีวารํ อุปาทาย สพฺพาปิ สาลิชาติฯ วีหีติ สพฺพาปิ วีหิชาติฯ ยวโคธุเมสุ เภโท นตฺถิฯ กงฺคูติ เสตรตฺตกาฬเภทา สพฺพาปิ กงฺคุชาติฯ วรโกติ อนฺตมโส วรกโจรกํ อุปาทาย สพฺพาปิ เสตวณฺณา วรกชาติฯ กุทฺรูสโกติ กาฬโกทฺรโว เจว สามากาทิเภทา จ สพฺพาปิ ติณธญฺญชาติฯ
Bhojanaṃpaññāyatīti pañcannaṃ bhojanānaṃ aññataraṃ pattādīsu dissati. Tenāha ‘‘pavāraṇappahonakaṃ ce bhojana’’ntiādi. Sālīti (pāci. aṭṭha. 238-239) antamaso nīvāraṃ upādāya sabbāpi sālijāti. Vīhīti sabbāpi vīhijāti. Yavagodhumesu bhedo natthi. Kaṅgūti setarattakāḷabhedā sabbāpi kaṅgujāti. Varakoti antamaso varakacorakaṃ upādāya sabbāpi setavaṇṇā varakajāti. Kudrūsakoti kāḷakodravo ceva sāmākādibhedā ca sabbāpi tiṇadhaññajāti.
นีวารวรกโจรกา เจตฺถ ‘‘ธญฺญานุโลมา’’ติ วทนฺติฯ ยาคุนฺติ อมฺพิลยาคุขีรยาคุอาทิเภทํ ยํ กิญฺจิ ยาคุํฯ อิมินาว ปายาสสฺสาปิ คหิตตฺตา ‘‘อมฺพิลปายาสาทีสุ อญฺญตรํ ปจามาติ วา’’ติ น วุตฺตํฯ ปวารณํ ชเนตีติ อนติริตฺตโภชนาปตฺตินิพนฺธนํ ปฎิเกฺขปํ สาเธติฯ สเจ ปน โอธิ น ปญฺญายติ, ยาคุสงฺคหํ คจฺฉติ, ปวารณํ น ชเนติฯ ปุน ปวารณํ ชเนติ ฆนภาวคมนโต ปฎฺฐาย โภชนสงฺคหิตตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ
Nīvāravarakacorakā cettha ‘‘dhaññānulomā’’ti vadanti. Yāgunti ambilayāgukhīrayāguādibhedaṃ yaṃ kiñci yāguṃ. Imināva pāyāsassāpi gahitattā ‘‘ambilapāyāsādīsu aññataraṃ pacāmāti vā’’ti na vuttaṃ. Pavāraṇaṃ janetīti anatirittabhojanāpattinibandhanaṃ paṭikkhepaṃ sādheti. Sace pana odhi na paññāyati, yāgusaṅgahaṃ gacchati, pavāraṇaṃ na janeti. Puna pavāraṇaṃ janeti ghanabhāvagamanato paṭṭhāya bhojanasaṅgahitattāti adhippāyo.
อุทกกญฺชิกขีราทีนิ อากิริตฺวาติ อุทกเญฺจว กญฺชิกญฺจ ขีราทีนิ จ อากิริตฺวา เตหิ สทฺธิํ อมทฺทิตฺวา ภตฺตมิสฺสเก กตฺวาฯ เตนาห ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติอาทิฯ สเจ ปน ภเตฺต อุทกกญฺชิกขีราทีนิ อากิริตฺวา มทฺทิตฺวา ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ เทนฺติ, ปวารณา น โหติฯ ยาคุยาปีติ เอวํ ยาคุสงฺคหํ คตาย วา อญฺญาย วา ยาคุยาปิฯ สุทฺธรสโก, ปน รสกยาคุ วา น ชเนติฯ
Udakakañjikakhīrādīni ākiritvāti udakañceva kañjikañca khīrādīni ca ākiritvā tehi saddhiṃ amadditvā bhattamissake katvā. Tenāha ‘‘yāguṃ gaṇhathā’’tiādi. Sace pana bhatte udakakañjikakhīrādīni ākiritvā madditvā ‘‘yāguṃ gaṇhathā’’ti denti, pavāraṇā na hoti. Yāguyāpīti evaṃ yāgusaṅgahaṃ gatāya vā aññāya vā yāguyāpi. Suddharasako, pana rasakayāgu vā na janeti.
ปญฺจนฺนํ โภชนานํ อญฺญตรวเสน วิปฺปกตโภชนภาวสฺส อุปจฺฉินฺนตฺตา ‘‘เทฺวปิ ขาทิตานิ โหนฺติ…เป.… น ปวาเรตี’’ติ วุตฺตํฯ อกปฺปิยมํสํ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๒๓๘-๒๓๙), อกปฺปิยโภชนญฺจ พุทฺธปฎิกุฎฺฐํ ปฎิกฺขิปโต ปวารณาย อวตฺถุตาย น ปวารณา โหตีติ อาห ‘‘โย ปนา’’ติอาทิฯ ยญฺหิ ภิกฺขุโน ขาทิตุํ วฎฺฎติ, ตํ เอว ปฎิกฺขิปโต ปวารณา โหติฯ อิทํ ปน ชานโนฺต อกปฺปิยตฺตา ปฎิกฺขิปติฯ อชานโนฺตปิ ปฎิกฺขิปิตพฺพฎฺฐาเน ฐิตเมว ปฎิกฺขิปติ นาม, ตสฺมา น ปวาเรติฯ สเจ ปน อกปฺปิยมํสํ ขาทโนฺต กปฺปิยมํสํ วา โภชนํ วา ปฎิกฺขิปติ, ปวาเรติฯ กสฺมา? วตฺถุตายฯ ยญฺหิ เตน ปฎิกฺขิตฺตํ, ตํ ปวารณาย วตฺถุฯ ยํ ปน ขาทติ, ตํ กิญฺจาปิ ปฎิกฺขิปิตพฺพฎฺฐาเน ฐิตํ, ขาทิยมานํ ปน มํสภาวํ น ชหติ, ตสฺมา ปวาเรติฯ โก ปน วาโท กปฺปิยมํสํ ขาทโต กปฺปิยมํสโภชนปฺปฎิเกฺขเปฯ เอส นโย อกปฺปิยโภชนํ ขาทโต กปฺปิยโภชนปฺปฎิเกฺขเปฯ
Pañcannaṃ bhojanānaṃ aññataravasena vippakatabhojanabhāvassa upacchinnattā ‘‘dvepi khāditāni honti…pe… na pavāretī’’ti vuttaṃ. Akappiyamaṃsaṃ (pāci. aṭṭha. 238-239), akappiyabhojanañca buddhapaṭikuṭṭhaṃ paṭikkhipato pavāraṇāya avatthutāya na pavāraṇā hotīti āha ‘‘yo panā’’tiādi. Yañhi bhikkhuno khādituṃ vaṭṭati, taṃ eva paṭikkhipato pavāraṇā hoti. Idaṃ pana jānanto akappiyattā paṭikkhipati. Ajānantopi paṭikkhipitabbaṭṭhāne ṭhitameva paṭikkhipati nāma, tasmā na pavāreti. Sace pana akappiyamaṃsaṃ khādanto kappiyamaṃsaṃ vā bhojanaṃ vā paṭikkhipati, pavāreti. Kasmā? Vatthutāya. Yañhi tena paṭikkhittaṃ, taṃ pavāraṇāya vatthu. Yaṃ pana khādati, taṃ kiñcāpi paṭikkhipitabbaṭṭhāne ṭhitaṃ, khādiyamānaṃ pana maṃsabhāvaṃ na jahati, tasmā pavāreti. Ko pana vādo kappiyamaṃsaṃ khādato kappiyamaṃsabhojanappaṭikkhepe. Esa nayo akappiyabhojanaṃ khādato kappiyabhojanappaṭikkhepe.
โภชเน สตีติ ปญฺจสุ โภชเนสุ เอกสฺมิมฺปิ โภชเน สติฯ อญฺญํ วุตฺตลกฺขณํ โภชนนฺติ ปตฺตาทิคตโต อญฺญํ วุตฺตลกฺขณํ ปญฺจสุ โภชเนสุ เอกมฺปิ โภชนํฯ ‘‘นิรเปโกฺข โหตี’’ติ เอตเสฺสว วิวรณํ ‘‘ยํ ปตฺตาทีสู’’ติอาทิฯ น เกวลํ นิรเปโกฺข วาติ อาห ‘‘อญฺญตฺร วา’’ติอาทิฯ โส ปฎิกฺขิปโนฺตปิ น ปวาเรตีติ ตสฺมิํ เจ อนฺตเร อญฺญํ โภชนํ อภิหฎํ, ตํ โส ปฎิกฺขิปโนฺตปิ น ปวาเรติฯ กสฺมา? วิปฺปกตโภชนภาวสฺส อุปจฺฉินฺนตฺตาฯ
Bhojane satīti pañcasu bhojanesu ekasmimpi bhojane sati. Aññaṃ vuttalakkhaṇaṃ bhojananti pattādigatato aññaṃ vuttalakkhaṇaṃ pañcasu bhojanesu ekampi bhojanaṃ. ‘‘Nirapekkho hotī’’ti etasseva vivaraṇaṃ ‘‘yaṃ pattādīsū’’tiādi. Na kevalaṃ nirapekkho vāti āha ‘‘aññatra vā’’tiādi. So paṭikkhipantopi na pavāretīti tasmiṃ ce antare aññaṃ bhojanaṃ abhihaṭaṃ, taṃ so paṭikkhipantopi na pavāreti. Kasmā? Vippakatabhojanabhāvassa upacchinnattā.
‘‘อุปนาเมตี’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๒๓๘-๒๓๙) อิมินา กายาภิหารํ ทเสฺสติฯ หเตฺถ วา อาธารเก วาติ เอตฺถ วา-สโทฺท อวุตฺตวิกปฺปโตฺถ, เตน ‘‘อูรูสุ วา’’ติ วิกเปฺปติฯ ทูเร นิสินฺนสฺส ทหรภิกฺขุสฺส ปตฺตํ เปเสตฺวา ‘‘อิโต โอทนํ คณฺหาหี’’ติ วทติ, คณฺหิตฺวา ปน คโต ตุณฺหี ติฎฺฐติ, ตมฺปิ ปฎิกฺขิปโต เอเสว นโยฯ กสฺมา? ภิกฺขุสฺส ทูรภาวโต, ทูตสฺส จ อนภิหรณโตฯ สเจ ปน คเหตฺวา อาคโต ภิกฺขุ ‘‘อิมํ ภตฺตํ คณฺหา’’ติ วทติ, ตํ ปฎิกฺขิปโต ปวารณา โหติฯ เอวํ วุเตฺตปีติ ‘‘ภตฺตํ คณฺหา’’ติ วุเตฺตปิฯ
‘‘Upanāmetī’’ti (pāci. aṭṭha. 238-239) iminā kāyābhihāraṃ dasseti. Hatthe vā ādhārake vāti ettha vā-saddo avuttavikappattho, tena ‘‘ūrūsu vā’’ti vikappeti. Dūre nisinnassa daharabhikkhussa pattaṃ pesetvā ‘‘ito odanaṃ gaṇhāhī’’ti vadati, gaṇhitvā pana gato tuṇhī tiṭṭhati, tampi paṭikkhipato eseva nayo. Kasmā? Bhikkhussa dūrabhāvato, dūtassa ca anabhiharaṇato. Sace pana gahetvā āgato bhikkhu ‘‘imaṃ bhattaṃ gaṇhā’’ti vadati, taṃ paṭikkhipato pavāraṇā hoti. Evaṃ vuttepīti ‘‘bhattaṃ gaṇhā’’ti vuttepi.
ภตฺตปจฺฉิํ คเหตฺวา ปริวิสนฺตสฺสาติ เอเกน หเตฺถน ภตฺตปจฺฉิํ คเหตฺวา เอเกน หเตฺถน กฎจฺฉุํ คเหตฺวา ปริวิสนฺตสฺสฯ อโญฺญ ‘‘อหํ ธาเรสฺสามี’’ติ คหิตมตฺตกเมว กโรตีติ อโญฺญ อาคนฺตฺวา ‘‘อหํ ปจฺฉิํ ธาเรสฺสามิ, ตฺวํ โอทนํ เทหี’’ติ วตฺวา คหิตมตฺตกเมว กโรติฯ อภิหฎาว โหตีติ ปริเวสเกเนว อภิหฎาว โหติฯ อิทานิ อสติ ตสฺส ทาตุกามาภิหาเร คหณสมเยปิ ปฎิกฺขิปโต น โหตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อุทฺธเฎติ อุทฺธเฎ ภเตฺตฯ กฎจฺฉุอภิหาโรเยว หิ ตสฺส อภิหาโรติ อธิปฺปาโยฯ อนนฺตรสฺส ทิยฺยมาเนติ อนนฺตรสฺส ภิกฺขุโน ภเตฺต ทิยฺยมาเนฯ กายวิกาเรนาติ ‘‘องฺคุลิํ วา หตฺถํ วา มจฺฉิกพีชนิํ วา จีวรกณฺณํ วา จาเลติ, ภมุกาย วา อาการํ กโรติ, กุโทฺธ วา โอโลเกตี’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๒๓๘-๒๓๙) เอวํ วุเตฺตน องฺคุลิจลนาทินา กายวิกาเรนฯ ‘‘อลํ มา เทหี’’ติอาทินา วจีวิกาเรนาติ ‘‘อล’’นฺติ วา ‘‘น คณฺหามี’’ติ วา ‘‘มา อากิรา’’ติ วา ‘‘อปคจฺฉา’’ติ วา เอวํ เยน เกนจิ วจีวิกาเรนฯ
Bhattapacchiṃ gahetvā parivisantassāti ekena hatthena bhattapacchiṃ gahetvā ekena hatthena kaṭacchuṃ gahetvā parivisantassa. Añño ‘‘ahaṃ dhāressāmī’’ti gahitamattakameva karotīti añño āgantvā ‘‘ahaṃ pacchiṃ dhāressāmi, tvaṃ odanaṃ dehī’’ti vatvā gahitamattakameva karoti. Abhihaṭāva hotīti parivesakeneva abhihaṭāva hoti. Idāni asati tassa dātukāmābhihāre gahaṇasamayepi paṭikkhipato na hotīti dassetuṃ ‘‘sace panā’’tiādi vuttaṃ. Uddhaṭeti uddhaṭe bhatte. Kaṭacchuabhihāroyeva hi tassa abhihāroti adhippāyo. Anantarassa diyyamāneti anantarassa bhikkhuno bhatte diyyamāne. Kāyavikārenāti ‘‘aṅguliṃ vā hatthaṃ vā macchikabījaniṃ vā cīvarakaṇṇaṃ vā cāleti, bhamukāya vā ākāraṃ karoti, kuddho vā oloketī’’ti (pāci. aṭṭha. 238-239) evaṃ vuttena aṅgulicalanādinā kāyavikārena. ‘‘Alaṃ mā dehī’’tiādinā vacīvikārenāti ‘‘ala’’nti vā ‘‘na gaṇhāmī’’ti vā ‘‘mā ākirā’’ti vā ‘‘apagacchā’’ti vā evaṃ yena kenaci vacīvikārena.
อภิหเฎ ปน ภเตฺต ปวารณาย ภีโต หเตฺถ อปเนตฺวา ปุนปฺปุนํ ปเตฺต โอทนํ อากิรนฺตํ ‘‘อากิร อากิร, โกเฎฺฎตฺวา ปูเรหี’’ติ วทโต ปวารณา น โหติฯ เอส นโย ภตฺตํ อภิหรนฺตํ ภิกฺขุํ สลฺลเกฺขตฺวา ‘‘กิํ, อาวุโส, อิโตปิ กิญฺจิ คณฺหิสฺสสิ, ทมฺมิ เต กิญฺจี’’ติ วทโตปิฯ
Abhihaṭe pana bhatte pavāraṇāya bhīto hatthe apanetvā punappunaṃ patte odanaṃ ākirantaṃ ‘‘ākira ākira, koṭṭetvā pūrehī’’ti vadato pavāraṇā na hoti. Esa nayo bhattaṃ abhiharantaṃ bhikkhuṃ sallakkhetvā ‘‘kiṃ, āvuso, itopi kiñci gaṇhissasi, dammi te kiñcī’’ti vadatopi.
‘‘รสํ ปฎิคฺคณฺหถา’’ติ อปฺปวารณาชนกสฺส นามํ คเหตฺวา วุตฺตตฺตา ‘‘ตํ สุตฺวา ปฎิกฺขิปโต ปวารณา นตฺถี’’ติ วุตฺตํฯ มํสรสนฺติ เอตฺถ ปน น เกวลํ มํสสฺส รสํ ‘‘มํสรส’’มิเจฺจว วิญฺญายติ, อถ โข มํสญฺจ รสญฺจ มํสรสนฺติ เอวํ ปวารณาชนกนามวเสนาปิฯ ตสฺมา ตํ ปฎิกฺขิปโต ปวารณาว โหตีติ อาห ‘‘มํสรสนฺติ วุเตฺต ปน ปฎิกฺขิปโต ปวารณา โหตี’’ติฯ ปรโต มจฺฉมํสํ พฺยญฺชนนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ยสฺมิํ อิริยาปเถ ปวาเรติ, ตํ อวิโกเปเนฺตเนว ภุญฺชิตพฺพนฺติ โย คจฺฉโนฺต (ปาจิ. อฎฺฐ. ๒๓๘-๒๓๙) ปวาเรติ, เตน คจฺฉเนฺตเนว ภุญฺชิตพฺพํฯ กทฺทมํ วา อุทกํ วา ปตฺวา ฐิเตน อติริตฺตํ กาเรตพฺพํฯ สเจ อนฺตรา นที ปูรา โหติ, นทิตีเร คุมฺพํ อนุปริยายเนฺตน ภุญฺชิตพฺพํฯ อถ นาวา วา เสตุ วา อตฺถิ, ตํ อภิรุหิตฺวาปิ จงฺกมเนฺตเนว ภุญฺชิตพฺพํ, คมนํ น อุปจฺฉินฺทิตพฺพํฯ เอส นโย อิตรอิริยาปเถสุปิฯ ตํ ตํ อิริยาปถํ โกเปเนฺตน อติริตฺตํ กาเรตพฺพํฯ โย อุกฺกุฎิโกว นิสีทิตฺวา ปวาเรติ, เตน อุกฺกุฎิเกเนว ภุญฺชิตพฺพํฯ ตสฺส ปน เหฎฺฐา ปลาลปีฐํ วา กิญฺจิ วา นิสีทนํ ทาตพฺพํฯ ปีฐเก นิสีทิตฺวา ปวาริเตน ปน อาสนํ อจาเลตฺวาว จตโสฺส ทิสา ปริวตฺตเนฺตน ภุญฺชิตุํ ลพฺภติฯ มเญฺจ นิสีทิตฺวา ปวาริเตน อิโต วา เอโตฺต วา สํสริตุํ น ลพฺภติฯ สเจ ปน สห มเญฺจน อุกฺขิปิตฺวา อญฺญตฺร เนนฺติ, วฎฺฎติฯ นิปชฺชิตฺวา ปวาริเตนาปิ นิปเนฺนเนว ภุญฺชิตพฺพํฯ ปริวตฺตเนฺตน เยน ปเสฺสน นิปโนฺน, ตสฺส ฐานํ นาติกฺกเมตพฺพํฯ
‘‘Rasaṃ paṭiggaṇhathā’’ti appavāraṇājanakassa nāmaṃ gahetvā vuttattā ‘‘taṃ sutvā paṭikkhipato pavāraṇā natthī’’ti vuttaṃ. Maṃsarasanti ettha pana na kevalaṃ maṃsassa rasaṃ ‘‘maṃsarasa’’micceva viññāyati, atha kho maṃsañca rasañca maṃsarasanti evaṃ pavāraṇājanakanāmavasenāpi. Tasmā taṃ paṭikkhipato pavāraṇāva hotīti āha ‘‘maṃsarasanti vutte pana paṭikkhipato pavāraṇā hotī’’ti. Parato macchamaṃsaṃ byañjananti etthāpi eseva nayo. Yasmiṃ iriyāpathe pavāreti, taṃ avikopenteneva bhuñjitabbanti yo gacchanto (pāci. aṭṭha. 238-239) pavāreti, tena gacchanteneva bhuñjitabbaṃ. Kaddamaṃ vā udakaṃ vā patvā ṭhitena atirittaṃ kāretabbaṃ. Sace antarā nadī pūrā hoti, naditīre gumbaṃ anupariyāyantena bhuñjitabbaṃ. Atha nāvā vā setu vā atthi, taṃ abhiruhitvāpi caṅkamanteneva bhuñjitabbaṃ, gamanaṃ na upacchinditabbaṃ. Esa nayo itarairiyāpathesupi. Taṃ taṃ iriyāpathaṃ kopentena atirittaṃ kāretabbaṃ. Yo ukkuṭikova nisīditvā pavāreti, tena ukkuṭikeneva bhuñjitabbaṃ. Tassa pana heṭṭhā palālapīṭhaṃ vā kiñci vā nisīdanaṃ dātabbaṃ. Pīṭhake nisīditvā pavāritena pana āsanaṃ acāletvāva catasso disā parivattantena bhuñjituṃ labbhati. Mañce nisīditvā pavāritena ito vā etto vā saṃsarituṃ na labbhati. Sace pana saha mañcena ukkhipitvā aññatra nenti, vaṭṭati. Nipajjitvā pavāritenāpi nipanneneva bhuñjitabbaṃ. Parivattantena yena passena nipanno, tassa ṭhānaṃ nātikkametabbaṃ.
อลเมตํ สพฺพนฺติ เอตํ สพฺพํ อลํ ปริยตฺตํ, อิทมฺปิ เต อธิกํ, อิโต อญฺญํ น ลจฺฉสีติ อธิปฺปาโยฯ โย อติริตฺตํ กโรตีติ โย ‘‘อลเมตํ สพฺพ’’นฺติ อติริตฺตํ กโรติฯ ปฎิปกฺขนเยนาติ ‘‘กปฺปิยกตํ, ปฎิคฺคหิตกตํ, อุจฺจาริตกตํ, หตฺถปาเส กตํ, ภุตฺตาวินา กตํ, ภุตฺตาวินา ปวาริเตน อาสนา อวุฎฺฐิเตน กตํ ‘อลเมตํ สพฺพ’นฺติ วุตฺต’’นฺติ (ปาจิ. ๒๓๙) อิเมหิ สตฺตหิ วินยกมฺมากาเรหิ ยํ อติริตฺตํ กปฺปิยํ กตํ, ยญฺจ คิลานาติริตฺตํ, ตทุภยมฺปิ อติริตฺตนฺติ เอวํ ตเสฺสว ปฎิปกฺขนเยนฯ เอตฺถ จ ‘‘อลเมตํ สพฺพ’’นฺติ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพํ, อยํ กิร อาจิโณฺณฯ วินยธรา ปน ‘‘สกิํ เอว วตฺตพฺพ’’นฺติ วทนฺติฯ
Alametaṃ sabbanti etaṃ sabbaṃ alaṃ pariyattaṃ, idampi te adhikaṃ, ito aññaṃ na lacchasīti adhippāyo. Yo atirittaṃ karotīti yo ‘‘alametaṃ sabba’’nti atirittaṃ karoti. Paṭipakkhanayenāti ‘‘kappiyakataṃ, paṭiggahitakataṃ, uccāritakataṃ, hatthapāse kataṃ, bhuttāvinā kataṃ, bhuttāvinā pavāritena āsanā avuṭṭhitena kataṃ ‘alametaṃ sabba’nti vutta’’nti (pāci. 239) imehi sattahi vinayakammākārehi yaṃ atirittaṃ kappiyaṃ kataṃ, yañca gilānātirittaṃ, tadubhayampi atirittanti evaṃ tasseva paṭipakkhanayena. Ettha ca ‘‘alametaṃ sabba’’nti tikkhattuṃ vattabbaṃ, ayaṃ kira āciṇṇo. Vinayadharā pana ‘‘sakiṃ eva vattabba’’nti vadanti.
กสฺมา ตํ โส ปุน กาตุํ น ลภตีติ อาห ‘‘ยญฺหี’’ติอาทิฯ ตตฺถ ยญฺหิ อกตนฺติ เยน ปฐมํ กปฺปิยํ กตํ, เตน ยํ อกตํ, ตํ กาตพฺพํฯ ปฐมภาชเน ปน กาตุํ น ลพฺภติฯ เยน จ อกตนฺติ อเญฺญน ภิกฺขุนา เยน ปฐมํ น กตํ, เตน จ กาตพฺพนฺติ อโตฺถฯ วุตฺตนฺติ สีหฬฎฺฐกถาสุ วุตฺตํฯ อญฺญสฺมิํ ปน ภาชเนติ ยสฺมิํ ปน ภาชเน ปฐมํ กตํ, ตโต อญฺญสฺมิํ ปเตฺต วา กุเณฺฑ วา ปจฺฉิยํ วา ยตฺถ กตฺถจิ ปุรโต ฐเปตฺวา โอนามิตภาชเนฯ
Kasmā taṃ so puna kātuṃ na labhatīti āha ‘‘yañhī’’tiādi. Tattha yañhi akatanti yena paṭhamaṃ kappiyaṃ kataṃ, tena yaṃ akataṃ, taṃ kātabbaṃ. Paṭhamabhājane pana kātuṃ na labbhati. Yena ca akatanti aññena bhikkhunā yena paṭhamaṃ na kataṃ, tena ca kātabbanti attho. Vuttanti sīhaḷaṭṭhakathāsu vuttaṃ. Aññasmiṃ pana bhājaneti yasmiṃ pana bhājane paṭhamaṃ kataṃ, tato aññasmiṃ patte vā kuṇḍe vā pacchiyaṃ vā yattha katthaci purato ṭhapetvā onāmitabhājane.
อญฺญตฺร ภุญฺชนวตฺถุสฺมินฺติ ภุตฺตาวินา ปวาริเตน หุตฺวา อญฺญตฺร ภุญฺชนวตฺถุสฺมิํฯ ติกปาจิตฺติยนฺติ อนติริเตฺต อนติริตฺตสญฺญิเวมติกอติริตฺตสญฺญีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิฯ อโชฺฌหรโต จ ทุกฺกฎนฺติ อโชฺฌหรโต อโชฺฌหาเร อโชฺฌหาเร ทุกฺกฎํฯ สเจ ปน อามิสสํสฎฺฐานิ โหนฺติ, อาหารตฺถายปิ อนาหารตฺถายปิ ปฎิคฺคเหตฺวา อโชฺฌหรนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมวฯ เตสํ อนุญฺญาตปริโภควเสนาติ ยามกาลิกาทีนํ อนุญฺญาตปริโภควเสน, ยามกาลิกํ ปิปาสาย สติ ปิปาสเจฺฉทนตฺถํ, สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกญฺจ เตน เตน อุปสเมตพฺพเก อาพาเธ สติ ตสฺส อุปสมนตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อิทมฺปิ อโชฺฌหรณโต กายกมฺมํ, วาจาย ‘‘อติริตฺตํ กโรถ ภเนฺต’’ติ อการาปเนน วจีกมฺมนฺติ อาห ‘‘สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมกถินสทิสาเนวา’’ติฯ กิริยากิริยนฺติ เอตฺถ ปฎิกฺขิปิตฺวา ภุญฺชนํ กิริยํฯ อติริตฺตสฺส อกรณํ อกิริยนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Aññatra bhuñjanavatthusminti bhuttāvinā pavāritena hutvā aññatra bhuñjanavatthusmiṃ. Tikapācittiyanti anatiritte anatirittasaññivematikaatirittasaññīnaṃ vasena tīṇi pācittiyāni. Ajjhoharato ca dukkaṭanti ajjhoharato ajjhohāre ajjhohāre dukkaṭaṃ. Sace pana āmisasaṃsaṭṭhāni honti, āhāratthāyapi anāhāratthāyapi paṭiggahetvā ajjhoharantassa pācittiyameva. Tesaṃ anuññātaparibhogavasenāti yāmakālikādīnaṃ anuññātaparibhogavasena, yāmakālikaṃ pipāsāya sati pipāsacchedanatthaṃ, sattāhakālikaṃ yāvajīvikañca tena tena upasametabbake ābādhe sati tassa upasamanatthanti vuttaṃ hoti. Idampi ajjhoharaṇato kāyakammaṃ, vācāya ‘‘atirittaṃ karotha bhante’’ti akārāpanena vacīkammanti āha ‘‘samuṭṭhānādīni paṭhamakathinasadisānevā’’ti. Kiriyākiriyanti ettha paṭikkhipitvā bhuñjanaṃ kiriyaṃ. Atirittassa akaraṇaṃ akiriyanti veditabbaṃ.
ปฐมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamapavāraṇāsikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.