Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-ปุราณ-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-purāṇa-ṭīkā |
๕. ปฐมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Paṭhamapavāraṇāsikkhāpadavaṇṇanā
ภุตฺตาวี ปวารณํ นาม ปญฺจงฺคิกํฯ เตสุ ‘‘อสนํ ปญฺญายตฺตี’’ติ เอเตเนว ‘‘ภุตฺตาวี’’ติ เอตสฺส สิทฺธตฺตา วิสุํ อตฺถสิทฺธิ น ทิสฺสติฯ ทิสฺสติ เจ, องฺคานํ ฉกฺกตฺตทสฺสนนฺติ (วชิร. ฎี. ปาจิตฺติย ๒๓๘-๒๓๙) ลิขิตํฯ ‘‘โภชนํ ปญฺญายตี’’ติ อภิหฎํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
Bhuttāvī pavāraṇaṃ nāma pañcaṅgikaṃ. Tesu ‘‘asanaṃ paññāyattī’’ti eteneva ‘‘bhuttāvī’’ti etassa siddhattā visuṃ atthasiddhi na dissati. Dissati ce, aṅgānaṃ chakkattadassananti (vajira. ṭī. pācittiya 238-239) likhitaṃ. ‘‘Bhojanaṃ paññāyatī’’ti abhihaṭaṃ sandhāya vuttaṃ.
โกเฎฺฎตฺวา กตจุณฺณมฺปีติ ปิ-กาเรน กุณฺฑกํ สมฺปิเณฺฑติฯ สมปากภชฺชิตานํ ปน อาตปสุกฺขานํ วา กุณฺฑกํ วา เย เกจิ ตณฺฑุลา วาติ เอตฺตกเมว วุตฺตตฺตา สมปากภชฺชิตานํ วีหีนํ, วีหิปลาสานํ วา ตณฺฑุลจุณฺณํ ปวาเรติฯ ตถา ขรปากภชฺชิตานํ กุณฺฑกมฺปิ ปวาเรติฯ ภชฺชิตสตฺตุโย ปิเณฺฑตฺวา กโต อปกฺกสตฺตุโมทโกปิ ปวาเรตีติ ลิขิตํฯ สเจ อวสิฎฺฐํ นตฺถิ, น ปวาเรติฯ กสฺมา? อสนสงฺขาตสฺส วิปฺปกตโภชนสฺส อภาวโตฯ
Koṭṭetvākatacuṇṇampīti pi-kārena kuṇḍakaṃ sampiṇḍeti. Samapākabhajjitānaṃ pana ātapasukkhānaṃ vā kuṇḍakaṃ vā ye keci taṇḍulā vāti ettakameva vuttattā samapākabhajjitānaṃ vīhīnaṃ, vīhipalāsānaṃ vā taṇḍulacuṇṇaṃ pavāreti. Tathā kharapākabhajjitānaṃ kuṇḍakampi pavāreti. Bhajjitasattuyo piṇḍetvā kato apakkasattumodakopi pavāretīti likhitaṃ. Sace avasiṭṭhaṃ natthi, na pavāreti. Kasmā? Asanasaṅkhātassa vippakatabhojanassa abhāvato.
อกปฺปิยมํสํ ปน กิญฺจาปิ ปฎิกฺขิปิตพฺพฎฺฐาเน ฐิตํ, ขาทิยมานํ ปน มํสภาวํ น ชหาติ, ตสฺมา ปวาเรติฯ โภชนสาลาย ภุญฺชโนฺต เจ อตฺตโน อปาปุณนโกฎฺฐาสํ อภิหฎํ ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรติฯ กามํ ปฎิกฺขิปติ, ปเตฺต ปน อารามิกา อากิรนฺติ, ตํ ภุญฺชิตุํ น วฎฺฎติฯ อิทญฺหิ พุทฺธปฺปฎิกุฎฺฐาย อเนสนาย อุปฺปเนฺนเยว สงฺขํ คจฺฉติฯ ยถา หิ สงฺฆโต ลทฺธํ ปิณฺฑํ ทุสฺสีโล เทติ, ตเญฺจ ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรติ, เอวํสมฺปทมิทนฺติ จ, วิภาโค ลชฺชี เจ เทติ, ตํ โส น อโชฺฌหริตุกามตาย ปฎิกฺขิปติ, ปวาเรตีติ จ, ‘‘สมํสรสํ สมจฺฉรส’’นฺติ อาปชฺชนโต ‘‘มํสรส’’นฺติ วุเตฺต ปน ปฎิกฺขิปโต โหติ, ‘‘มํสสฺส รสํ มํสรส’’นฺติ อยํ วิคฺคโห นาธิเปฺปโตติ จ วุตฺตํฯ ภตฺตมิสฺสกํ ยาคุํ อาหริตฺวา ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ วทติ, น ปวาเรติฯ ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วุเตฺต ปวาเรติฯ กสฺมา? เยนาปุจฺฉิโต, ตสฺส อตฺถิตายฯ เอตฺถ ปน ‘‘ยาคุมิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ตตฺร เจ ยาคุ พหุตรา วา โหติ, สมสมา วาฯ ภตฺตํ มนฺทํ, น ปวาเรติฯ ยาคุ เจ มนฺทา, ภตฺตํ พหุตรํ, ปวาเรติฯ อิทญฺจ สพฺพอฎฺฐกถาสุ วุตฺตตฺตา น สกฺกา ปฎิกฺขิปิตุํฯ การณํ ปเนตฺถ ทุทฺทสํฯ ‘‘ภตฺตมิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วทติฯ ตตฺร ภตฺตํ พหุตรํ วา สมกํ วา อปฺปตรํ วา โหติ, ปวาเรติ เอวฯ ภตฺตํ วา ยาคุํ วา อนามสิตฺวา ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วทติฯ ตตฺร เจ ภตฺตํ พหุตรํ, สมกํ วา โหติ, ปวาเรติฯ อปฺปตรํ น ปวาเรติฯ ตํ สพฺพํ วีมํสิตพฺพนฺติฯ
Akappiyamaṃsaṃ pana kiñcāpi paṭikkhipitabbaṭṭhāne ṭhitaṃ, khādiyamānaṃ pana maṃsabhāvaṃ na jahāti, tasmā pavāreti. Bhojanasālāya bhuñjanto ce attano apāpuṇanakoṭṭhāsaṃ abhihaṭaṃ paṭikkhipati, na pavāreti. Kāmaṃ paṭikkhipati, patte pana ārāmikā ākiranti, taṃ bhuñjituṃ na vaṭṭati. Idañhi buddhappaṭikuṭṭhāya anesanāya uppanneyeva saṅkhaṃ gacchati. Yathā hi saṅghato laddhaṃ piṇḍaṃ dussīlo deti, tañce paṭikkhipati, na pavāreti, evaṃsampadamidanti ca, vibhāgo lajjī ce deti, taṃ so na ajjhoharitukāmatāya paṭikkhipati, pavāretīti ca, ‘‘samaṃsarasaṃ samaccharasa’’nti āpajjanato ‘‘maṃsarasa’’nti vutte pana paṭikkhipato hoti, ‘‘maṃsassa rasaṃ maṃsarasa’’nti ayaṃ viggaho nādhippetoti ca vuttaṃ. Bhattamissakaṃ yāguṃ āharitvā ‘‘yāguṃ gaṇhathā’’ti vadati, na pavāreti. ‘‘Bhattaṃ gaṇhathā’’ti vutte pavāreti. Kasmā? Yenāpucchito, tassa atthitāya. Ettha pana ‘‘yāgumissakaṃ gaṇhathā’’ti vadati, tatra ce yāgu bahutarā vā hoti, samasamā vā. Bhattaṃ mandaṃ, na pavāreti. Yāgu ce mandā, bhattaṃ bahutaraṃ, pavāreti. Idañca sabbaaṭṭhakathāsu vuttattā na sakkā paṭikkhipituṃ. Kāraṇaṃ panettha duddasaṃ. ‘‘Bhattamissakaṃ gaṇhathā’’ti vadati. Tatra bhattaṃ bahutaraṃ vā samakaṃ vā appataraṃ vā hoti, pavāreti eva. Bhattaṃ vā yāguṃ vā anāmasitvā ‘‘missakaṃ gaṇhathā’’ti vadati. Tatra ce bhattaṃ bahutaraṃ, samakaṃ vā hoti, pavāreti. Appataraṃ na pavāreti. Taṃ sabbaṃ vīmaṃsitabbanti.
ผลํ วา กนฺทมูลาทิ วา ปญฺจหิ สมณกเปฺปหิ กปฺปิยํ อกตนฺติ เอตฺถ กปฺปิยํ อการาปิเตหิ กทลิผลาทีหิ สทฺธิํ อติริตฺตํ การาเปตฺวาปิ ตํ กทลิผลาทิํ ฐเปตฺวา อวเสสํ ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ อมิสฺสกรสตฺตา ปุน ตานิ กปฺปิยํ การาเปตฺวา อญฺญสฺมิํ ภาชเน ฐเปตฺวา กาเรตฺวา ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ กสฺมา? ปุเพฺพ เตสุ วินยกมฺมสฺส อนารุฬฺหตฺตาติ วทนฺติฯ
Phalaṃvā kandamūlādi vā pañcahi samaṇakappehi kappiyaṃ akatanti ettha kappiyaṃ akārāpitehi kadaliphalādīhi saddhiṃ atirittaṃ kārāpetvāpi taṃ kadaliphalādiṃ ṭhapetvā avasesaṃ bhuñjituṃ vaṭṭati. Amissakarasattā puna tāni kappiyaṃ kārāpetvā aññasmiṃ bhājane ṭhapetvā kāretvā bhuñjituṃ vaṭṭati. Kasmā? Pubbe tesu vinayakammassa anāruḷhattāti vadanti.
ปเตฺต รชํ ปติตํ อปฺปฎิคฺคหิตเมว โหติฯ ตสฺมา ปฎิคฺคเหตฺวาว ภิกฺขา คณฺหิตพฺพาฯ ‘‘อปฎิคฺคเหตฺวา คณฺหโต วินยทุกฺกฎ’’นฺติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๒๖๕) วุตฺตตฺตา เอตมเญฺญสมฺปิ น วฎฺฎตีติ วทนฺติฯ ‘‘ตํ ปน ปุน ปฎิคฺคเหตฺวา ภุญฺชนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ เอตฺถาปิ เอวเมวฯ อิมสฺมิํ ปน ‘‘อติริตฺตํ กตํ อนติริตฺตกตํ โหตี’’ติ เอตฺถาปิ เอวเมวฯ อิมสฺมิํ ปน ‘‘อติริตฺตํ กตํ, อนติริตฺตํ กตํ โหตี’’ติอาทีหิ อุปปริกฺขิตฺวา วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพติ ทีปิตํฯ อลเมตํ สพฺพนฺติ อิทมฺปิ เต อธิกํ, อิโต อญฺญํ น ลจฺฉสีติ อโตฺถฯ
Patte rajaṃ patitaṃ appaṭiggahitameva hoti. Tasmā paṭiggahetvāva bhikkhā gaṇhitabbā. ‘‘Apaṭiggahetvā gaṇhato vinayadukkaṭa’’nti (pāci. aṭṭha. 265) vuttattā etamaññesampi na vaṭṭatīti vadanti. ‘‘Taṃ pana puna paṭiggahetvā bhuñjantassa anāpattī’’ti etthāpi evameva. Imasmiṃ pana ‘‘atirittaṃ kataṃ anatirittakataṃ hotī’’ti etthāpi evameva. Imasmiṃ pana ‘‘atirittaṃ kataṃ, anatirittaṃ kataṃ hotī’’tiādīhi upaparikkhitvā vinicchayo veditabboti dīpitaṃ. Alametaṃ sabbanti idampi te adhikaṃ, ito aññaṃ na lacchasīti attho.
อาหารตฺถายาติ วิกาเล เอวาติ เอเกฯ ‘‘ปฐมกถินสทิสานิฯ อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโฐฯ กายกมฺมํ อโชฺฌหรณโตฯ วจีกมฺมํ วาจาย ‘‘อติริตฺตํ กโรถ, ภเนฺต’’ติ อการาปนโตติ เวทิตพฺพํฯ
Āhāratthāyāti vikāle evāti eke. ‘‘Paṭhamakathinasadisāni. Idaṃ pana kiriyākiriya’’nti pāṭho. Kāyakammaṃ ajjhoharaṇato. Vacīkammaṃ vācāya ‘‘atirittaṃ karotha, bhante’’ti akārāpanatoti veditabbaṃ.
ปฐมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamapavāraṇāsikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.