Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
๕. ปฐมปวารณสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Paṭhamapavāraṇasikkhāpadavaṇṇanā
๒๓๖. ยาวทตฺถปวารณาย ปวาริตา กิญฺจาปิ ‘‘ปวาริตา’’อิเจฺจว อธิเปฺปตา อฎฺฐุปฺปตฺติยาว, อถ โข ปจฺฉิมาว อิธาธิเปฺปตาฯ
236.Yāvadatthapavāraṇāyapavāritā kiñcāpi ‘‘pavāritā’’icceva adhippetā aṭṭhuppattiyāva, atha kho pacchimāva idhādhippetā.
๒๓๗. ‘‘อลเมตํ สพฺพ’’นฺติ วุตฺตตฺตา อติริตฺตํ นาม โหติฯ ภิกฺขุสฺส อิทมฺปิ เต อธิกํ, อิโต อญฺญํ น ลจฺฉตีติ กิร อโตฺถฯ
237.‘‘Alametaṃ sabba’’nti vuttattā atirittaṃ nāma hoti. Bhikkhussa idampi te adhikaṃ, ito aññaṃ na lacchatīti kira attho.
๒๓๘-๙. ‘‘อสนํ ปญฺญายตี’’ติ เอเตเนว ‘‘ภุตฺตาวี’’ติ เอตสฺส สิทฺธตฺตา วิสุํ อตฺถสิทฺธิ นตฺถิฯ ยทิ อตฺถิ, องฺคานํ ฉกฺกตฺตทสฺสนนฺติฯ วุตฺตมฺปิ เจตนฺติอาทิ ปวารณงฺคานํ ปญฺจกตฺตทสฺสนํฯ วรโกติ โย โกจิ วรโกฯ ‘‘ปวารณํ ปน ชเนติเยวาติ วิสุํ สิตฺถํ โวทกํ กโรนฺติ, ปวารณํ น ชเนติฯ ยาคุํ วา ปิวโนฺต ปฐมํ อุทกํ ปิวติ, วฎฺฎติฯ อวสิฎฺฐํ เหฎฺฐาสิตฺถํ ปวารณํ น ชเนตี’’ติ ลิขิตํฯ อุปติสฺสเตฺถโร ‘‘ชเนติเยวา’’ติ วทติ, ตํ น อิจฺฉนฺติ อาจริยาฯ ภชฺชิตปิฎฺฐนฺติ ตณฺฑุลจุณฺณเมวฯ ภชฺชิตสตฺตุโย ปิเณฺฑตฺวา กตโมทโก สตฺตุโมทโกฯ
238-9. ‘‘Asanaṃ paññāyatī’’ti eteneva ‘‘bhuttāvī’’ti etassa siddhattā visuṃ atthasiddhi natthi. Yadi atthi, aṅgānaṃ chakkattadassananti. Vuttampi cetantiādi pavāraṇaṅgānaṃ pañcakattadassanaṃ. Varakoti yo koci varako. ‘‘Pavāraṇaṃ pana janetiyevāti visuṃ sitthaṃ vodakaṃ karonti, pavāraṇaṃ na janeti. Yāguṃ vā pivanto paṭhamaṃ udakaṃ pivati, vaṭṭati. Avasiṭṭhaṃ heṭṭhāsitthaṃ pavāraṇaṃ na janetī’’ti likhitaṃ. Upatissatthero ‘‘janetiyevā’’ti vadati, taṃ na icchanti ācariyā. Bhajjitapiṭṭhanti taṇḍulacuṇṇameva. Bhajjitasattuyo piṇḍetvā katamodako sattumodako.
‘‘ยาคุสิตฺถมตฺตาเนว เทฺว…เป.… ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปรจงฺกมจฺฉาทโย ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกยาคุํ ปิวโนฺต สเจ อญฺญํ ตาทิสํเยว ปฎิกฺขิปติ, ปวารณา น โหตีติ กิร ธมฺมสิริเตฺถโรฯ สเจ อญฺญํ ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรติฯ กสฺมา? อสนสงฺขาตสฺส วิปฺปกตโภชนสฺสาภาวโตฯ โภชนสาลายํ ภุญฺชโนฺต เจ, อตฺตโน อปาปุณนโกฎฺฐาสํ อภิหฎํ ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรติฯ กามํ ปฎิกฺขิปติ, ปเตฺต ปน อารามิโก อากิรติ, ตโต ภุญฺชิตุํ น วฎฺฎติฯ อิทญฺหิ พุทฺธปฺปฎิกุฎฺฐอเนสนาย อุปฺปเนฺนเยว สงฺคหํ คจฺฉติฯ ยถา หิ สงฺฆโต อุทฺธฎปิณฺฑํ ทุสฺสีโล เทติ, ตํ ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรติ, เอวํสมฺปทมิทํฯ ‘‘วิสภาโค ลชฺชี เจ เทติ, ตํ เตน สโมฺภคํ อกตฺตุกามตาย ปฎิกฺขิปติ, ปวาเรตีติ อปเร’’ติ วุตฺตํฯ ปริเวสนายาติ ภตฺตเคฺคฯ ‘‘มํเสน รสํ, มํสญฺจ รสญฺจ มํสรสนฺติ อาปชฺชนโต ‘มํสรส’นฺติ วุเตฺต ปฎิเกฺขปโต โหติ, มํสสฺส รสํ มํสรสนฺติ วิคฺคโห นาธิเปฺปโต’’ติ วุตฺตํฯ มํสกรมฺพโก นาม…เป.… วฎฺฎตีติ สุทฺธยาคุ เอว โหติฯ อปฺปวารณมิสฺสกกรมฺพโกเยว โหติ, ตสฺมา น ปวาเรติ, เตน วุตฺตํ ปรโต ‘‘อิทญฺจ กรมฺพเกน น สมาเนตพฺพ’’นฺติอาทิ, ตสฺมา ‘‘ตํ อภิหริตฺวา กญฺชิยํ คณฺหถา’ติ วทนฺตํ ปฎิกฺขิปติ, ปวารณา น โหตี’’ติ จ ‘‘มิสฺสกยาคุํ คณฺหถา’ติ อวุตฺตตฺตา ‘สมฺมิสฺสิตํ วิสุํ กตฺวา เทตี’ติ วุตฺตตฺตา’’ติ จ วุตฺตํ, ยสฺมา ยาคุมิสฺสกนฺติ เอตฺถ ปททฺวเย ปวารณารหสฺส นามคฺคหณํ นตฺถิ, ตสฺมา ตตฺร เจ ยาคุ พหุตรา วา โหติ สมสมา วา, น ปวาเรติฯ กสฺมา? ตตฺถ อภิหารกปฎิเกฺขปกานํ ยาคุสญฺญตฺตาฯ ยาคุ เจ มนฺทา, ภตฺตํ พหุตรํ, ปวาเรติฯ กสฺมา? เตสํ อุภินฺนมฺปิ ตตฺถ ภินฺนสญฺญตฺตาติ ตโกฺก อาจริยสฺสฯ ภตฺตมิสฺสเก ปวารณารหสฺส นามสฺส สพฺภาวโต สพฺพทา ปวาเรติ เอวฯ มิสฺสเก ปน วุตฺตนเยน การณํ วตฺตพฺพํฯ วิสุํ กตฺวา เทตีติ ยถา ภตฺตสิฎฺฐํ น ปตติ, ตถา คาฬฺหํ หเตฺถน ปีเฬตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา เทติฯ
‘‘Yāgusitthamattāneva dve…pe… paṭikkhipati, na pavāretī’’ti vuttattā paracaṅkamacchādayo pakkhipitvā pakkayāguṃ pivanto sace aññaṃ tādisaṃyeva paṭikkhipati, pavāraṇā na hotīti kira dhammasiritthero. Sace aññaṃ paṭikkhipati, na pavāreti. Kasmā? Asanasaṅkhātassa vippakatabhojanassābhāvato. Bhojanasālāyaṃ bhuñjanto ce, attano apāpuṇanakoṭṭhāsaṃ abhihaṭaṃ paṭikkhipati, na pavāreti. Kāmaṃ paṭikkhipati, patte pana ārāmiko ākirati, tato bhuñjituṃ na vaṭṭati. Idañhi buddhappaṭikuṭṭhaanesanāya uppanneyeva saṅgahaṃ gacchati. Yathā hi saṅghato uddhaṭapiṇḍaṃ dussīlo deti, taṃ paṭikkhipati, na pavāreti, evaṃsampadamidaṃ. ‘‘Visabhāgo lajjī ce deti, taṃ tena sambhogaṃ akattukāmatāya paṭikkhipati, pavāretīti apare’’ti vuttaṃ. Parivesanāyāti bhattagge. ‘‘Maṃsena rasaṃ, maṃsañca rasañca maṃsarasanti āpajjanato ‘maṃsarasa’nti vutte paṭikkhepato hoti, maṃsassa rasaṃ maṃsarasanti viggaho nādhippeto’’ti vuttaṃ. Maṃsakarambako nāma…pe… vaṭṭatīti suddhayāgu eva hoti. Appavāraṇamissakakarambakoyeva hoti, tasmā na pavāreti, tena vuttaṃ parato ‘‘idañca karambakena na samānetabba’’ntiādi, tasmā ‘‘taṃ abhiharitvā kañjiyaṃ gaṇhathā’ti vadantaṃ paṭikkhipati, pavāraṇā na hotī’’ti ca ‘‘missakayāguṃ gaṇhathā’ti avuttattā ‘sammissitaṃ visuṃ katvā detī’ti vuttattā’’ti ca vuttaṃ, yasmā yāgumissakanti ettha padadvaye pavāraṇārahassa nāmaggahaṇaṃ natthi, tasmā tatra ce yāgu bahutarā vā hoti samasamā vā, na pavāreti. Kasmā? Tattha abhihārakapaṭikkhepakānaṃ yāgusaññattā. Yāgu ce mandā, bhattaṃ bahutaraṃ, pavāreti. Kasmā? Tesaṃ ubhinnampi tattha bhinnasaññattāti takko ācariyassa. Bhattamissake pavāraṇārahassa nāmassa sabbhāvato sabbadā pavāreti eva. Missake pana vuttanayena kāraṇaṃ vattabbaṃ. Visuṃ katvā detīti yathā bhattasiṭṭhaṃ na patati, tathā gāḷhaṃ hatthena pīḷetvā parissāvetvā deti.
อกปฺปิยกตนฺติ เอตฺถ ‘‘กปฺปิยํ อการาปิเตหิ กทลิปฺผลาทีหิ สทฺธิํ อติริตฺตํ กปฺปิยํ การาเปตฺวาปิ ตํ กทลิปฺผลาทิํ ฐเปตฺวา อวเสสํ ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ อมิสฺสกรสตฺตา ปุน ตานิ กปฺปิยํ การาเปตฺวา อญฺญสฺมิํ ภาชเน ฐเปตฺวา อติริตฺตํ กาเรตฺวา ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ กสฺมา? ปุเพฺพ เตสุ วินยกมฺมสฺส อนารุฬฺหตฺตา’’ติ วทนฺติฯ ‘‘ภุตฺตาวินา จ ปวาริเตน อาสนา วุฎฺฐิเตน กต’’นฺติ วจนโต ภุตฺตาวินา อปฺปวาริเตน อาสนา วุฎฺฐิเตน กตฺตพฺพนฺติ สิทฺธํ, ตสฺมา ‘‘ปาโตว อทฺธานํ คจฺฉเนฺตสุ ทฺวีสุ เอโก ปวาริโต อวุฎฺฐิโต ตตฺถ นิสีทติ, โส อิตเรน ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธํ ภิกฺขํ อตฺตนา อภุตฺวาปิ ‘อลเมตํ สพฺพ’นฺติ กาตุํ ลภติ เอวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ สุกฺกปเกฺข ‘‘ภุตฺตาวินา กตํ โหตี’’ติ อิมินาว สิทฺธํ, ตสฺมิํ ปเกฺข อตฺตโน สตฺตงฺคานิ น ปูเรนฺติ, กณฺหปเกฺข ปฎิภาเคน สตฺต วุตฺตานีติ เวทิตพฺพํฯ ภุตฺตาวินา อปฺปวาริเตน อาสนา วุฎฺฐิเตน, อวุฎฺฐิเตน วา กตํ โหติ, วฎฺฎติฯ ‘‘ปวาริเตน อาสนา อวุฎฺฐิเตเนวา’’ติ อิมํ ปน อตฺถวิกปฺปํ ทีเปตุํ ‘‘สตฺตงฺคานิ วุตฺตานี’’ติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ โส ปุน กาตุํ น ลภติ ปฐมํ กตสฺส ปุน เตเนว กตฺตพฺพปฺปสงฺคโตฯ ยญฺจ อกตํ, ตํ กตฺตพฺพนฺติ หิ วุตฺตํฯ อถ โสว ปฐโม ปุน กตฺตุกาโม โหติ, อญฺญสฺมิํ ภาชเน ปุเพฺพ อกตํ กาตุํ ลภติฯ ทุติโย ปฐมภาชเนปิ กาตุํ ลภติฯ ‘‘เยน อกตํ, เตน กาตพฺพ’’นฺติ หิ วุตฺตํฯ อิมเมวตฺถํ สนฺธาย ‘‘เยน ยํ ปฐมํ กปฺปิยํ กตํ, ตเมว โส ปุน กาตุํ น ลภติ, อเญฺญน กาตพฺพ’’นฺติ ลิขิตํฯ ตตฺถ ตนฺติ ตํ ปฐมํ กตนฺติ อโตฺถฯ เปเสตฺวา กาเรตพฺพนฺติ เอตฺถ อนุปสมฺปโนฺน เจ คโต, ตตฺรเฎฺฐน เอเกน ภิกฺขุนา ปฎิคฺคาเหตฺวา อปเรน กาเรตพฺพนฺติ ตตฺถ เอโกว เอวเมว กาตุํ น ลภตีติฯ ‘‘ยํ กิญฺจิ คิลานํ อุทฺทิสฺสา’ติอาทิวจนโต วิหาราทีสุ คิลานสฺส ปาปุณนโกฎฺฐาสมฺปิ คิลานาติริตฺตํ นาม, ตสฺมา วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ อาหารตฺถายาติ วิกาเล เอวาติ เอเกฯ
Akappiyakatanti ettha ‘‘kappiyaṃ akārāpitehi kadalipphalādīhi saddhiṃ atirittaṃ kappiyaṃ kārāpetvāpi taṃ kadalipphalādiṃ ṭhapetvā avasesaṃ bhuñjituṃ vaṭṭati. Amissakarasattā puna tāni kappiyaṃ kārāpetvā aññasmiṃ bhājane ṭhapetvā atirittaṃ kāretvā bhuñjituṃ vaṭṭati. Kasmā? Pubbe tesu vinayakammassa anāruḷhattā’’ti vadanti. ‘‘Bhuttāvinā ca pavāritena āsanā vuṭṭhitena kata’’nti vacanato bhuttāvinā appavāritena āsanā vuṭṭhitena kattabbanti siddhaṃ, tasmā ‘‘pātova addhānaṃ gacchantesu dvīsu eko pavārito avuṭṭhito tattha nisīdati, so itarena piṇḍāya caritvā laddhaṃ bhikkhaṃ attanā abhutvāpi ‘alametaṃ sabba’nti kātuṃ labhati evā’’ti vuttaṃ, taṃ sukkapakkhe ‘‘bhuttāvinā kataṃ hotī’’ti imināva siddhaṃ, tasmiṃ pakkhe attano sattaṅgāni na pūrenti, kaṇhapakkhe paṭibhāgena satta vuttānīti veditabbaṃ. Bhuttāvinā appavāritena āsanā vuṭṭhitena, avuṭṭhitena vā kataṃ hoti, vaṭṭati. ‘‘Pavāritena āsanā avuṭṭhitenevā’’ti imaṃ pana atthavikappaṃ dīpetuṃ ‘‘sattaṅgāni vuttānī’’tipi vattuṃ vaṭṭati. So puna kātuṃ na labhati paṭhamaṃ katassa puna teneva kattabbappasaṅgato. Yañca akataṃ, taṃ kattabbanti hi vuttaṃ. Atha sova paṭhamo puna kattukāmo hoti, aññasmiṃ bhājane pubbe akataṃ kātuṃ labhati. Dutiyo paṭhamabhājanepi kātuṃ labhati. ‘‘Yena akataṃ, tena kātabba’’nti hi vuttaṃ. Imamevatthaṃ sandhāya ‘‘yena yaṃ paṭhamaṃ kappiyaṃ kataṃ, tameva so puna kātuṃ na labhati, aññena kātabba’’nti likhitaṃ. Tattha tanti taṃ paṭhamaṃ katanti attho. Pesetvā kāretabbanti ettha anupasampanno ce gato, tatraṭṭhena ekena bhikkhunā paṭiggāhetvā aparena kāretabbanti tattha ekova evameva kātuṃ na labhatīti. ‘‘Yaṃ kiñci gilānaṃ uddissā’tiādivacanato vihārādīsu gilānassa pāpuṇanakoṭṭhāsampi gilānātirittaṃ nāma, tasmā vaṭṭatī’’ti vadanti. Āhāratthāyāti vikāle evāti eke.
๒๔๑. กายกมฺมํ อโชฺฌหรณโตฯ วจีกมฺมํ วาจาย ‘‘อติริตฺตํ กโรถ ภเนฺต’’ติ อการาปเนนาติ เวทิตพฺพํฯ
241. Kāyakammaṃ ajjhoharaṇato. Vacīkammaṃ vācāya ‘‘atirittaṃ karotha bhante’’ti akārāpanenāti veditabbaṃ.
ปฐมปวารณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamapavāraṇasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๔. โภชนวโคฺค • 4. Bhojanavaggo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๕. ปฐมปวารณสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Paṭhamapavāraṇasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๕. ปฐมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Paṭhamapavāraṇāsikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๕. ปฐมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Paṭhamapavāraṇāsikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๕. ปฐมปวารณสิกฺขาปทํ • 5. Paṭhamapavāraṇasikkhāpadaṃ