Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๗. ปฐมสมยสุตฺตํ

    7. Paṭhamasamayasuttaṃ

    ๒๗. อถ โข อญฺญตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กติ นุ โข, ภเนฺต, สมยา มโนภาวนียสฺส ภิกฺขุโน ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุ’’นฺติ? ‘‘ฉยิเม, ภิกฺขุ, สมยา มโนภาวนียสฺส ภิกฺขุโน ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ’’ฯ

    27. Atha kho aññataro bhikkhu yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho so bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kati nu kho, bhante, samayā manobhāvanīyassa bhikkhuno dassanāya upasaṅkamitu’’nti? ‘‘Chayime, bhikkhu, samayā manobhāvanīyassa bhikkhuno dassanāya upasaṅkamituṃ’’.

    ‘‘กตเม ฉ? อิธ, ภิกฺขุ, ยสฺมิํ สมเย ภิกฺขุ กามราคปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ กามราคปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ กามราคสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ตสฺมิํ สมเย มโนภาวนีโย ภิกฺขุ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อหํ โข, อาวุโส, กามราคปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรามิ กามราคปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ กามราคสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานามิฯ สาธุ วต เม, อายสฺมา, กามราคสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสตู’ติฯ ตสฺส มโนภาวนีโย ภิกฺขุ กามราคสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสติฯ อยํ, ภิกฺขุ, ปฐโม สมโย มโนภาวนียสฺส ภิกฺขุโน ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ

    ‘‘Katame cha? Idha, bhikkhu, yasmiṃ samaye bhikkhu kāmarāgapariyuṭṭhitena cetasā viharati kāmarāgaparetena, uppannassa ca kāmarāgassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāti tasmiṃ samaye manobhāvanīyo bhikkhu upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘ahaṃ kho, āvuso, kāmarāgapariyuṭṭhitena cetasā viharāmi kāmarāgaparetena, uppannassa ca kāmarāgassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāmi. Sādhu vata me, āyasmā, kāmarāgassa pahānāya dhammaṃ desetū’ti. Tassa manobhāvanīyo bhikkhu kāmarāgassa pahānāya dhammaṃ deseti. Ayaṃ, bhikkhu, paṭhamo samayo manobhāvanīyassa bhikkhuno dassanāya upasaṅkamituṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขุ, ยสฺมิํ สมเย ภิกฺขุ พฺยาปาทปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ พฺยาปาทปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ พฺยาปาทสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ตสฺมิํ สมเย มโนภาวนีโย ภิกฺขุ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อหํ โข, อาวุโส, พฺยาปาทปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรามิ พฺยาปาทปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ พฺยาปาทสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานามิฯ สาธุ วต เม, อายสฺมา, พฺยาปาทสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสตู’ติฯ ตสฺส มโนภาวนีโย ภิกฺขุ พฺยาปาทสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสติฯ อยํ, ภิกฺขุ, ทุติโย สมโย มโนภาวนียสฺส ภิกฺขุโน ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhu, yasmiṃ samaye bhikkhu byāpādapariyuṭṭhitena cetasā viharati byāpādaparetena, uppannassa ca byāpādassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāti tasmiṃ samaye manobhāvanīyo bhikkhu upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘ahaṃ kho, āvuso, byāpādapariyuṭṭhitena cetasā viharāmi byāpādaparetena, uppannassa ca byāpādassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāmi. Sādhu vata me, āyasmā, byāpādassa pahānāya dhammaṃ desetū’ti. Tassa manobhāvanīyo bhikkhu byāpādassa pahānāya dhammaṃ deseti. Ayaṃ, bhikkhu, dutiyo samayo manobhāvanīyassa bhikkhuno dassanāya upasaṅkamituṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขุ, ยสฺมิํ สมเย ภิกฺขุ ถินมิทฺธปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ ถินมิทฺธปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ ถินมิทฺธสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ตสฺมิํ สมเย มโนภาวนีโย ภิกฺขุ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อหํ โข, อาวุโส, ถินมิทฺธปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรามิ ถินมิทฺธปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ ถินมิทฺธสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานามิฯ สาธุ วต เม, อายสฺมา, ถินมิทฺธสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสตู’ติฯ ตสฺส มโนภาวนีโย ภิกฺขุ ถินมิทฺธสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสติ ฯ อยํ, ภิกฺขุ, ตติโย สมโย มโนภาวนียสฺส ภิกฺขุโน ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhu, yasmiṃ samaye bhikkhu thinamiddhapariyuṭṭhitena cetasā viharati thinamiddhaparetena, uppannassa ca thinamiddhassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāti tasmiṃ samaye manobhāvanīyo bhikkhu upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘ahaṃ kho, āvuso, thinamiddhapariyuṭṭhitena cetasā viharāmi thinamiddhaparetena, uppannassa ca thinamiddhassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāmi. Sādhu vata me, āyasmā, thinamiddhassa pahānāya dhammaṃ desetū’ti. Tassa manobhāvanīyo bhikkhu thinamiddhassa pahānāya dhammaṃ deseti . Ayaṃ, bhikkhu, tatiyo samayo manobhāvanīyassa bhikkhuno dassanāya upasaṅkamituṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขุ, ยสฺมิํ สมเย ภิกฺขุ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ตสฺมิํ สมเย มโนภาวนีโย ภิกฺขุ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อหํ โข, อาวุโส, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรามิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานามิฯ สาธุ วต เม, อายสฺมา, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสตู’ติฯ ตสฺส มโนภาวนีโย ภิกฺขุ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสติฯ อยํ, ภิกฺขุ, จตุโตฺถ สมโย มโนภาวนียสฺส ภิกฺขุโน ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhu, yasmiṃ samaye bhikkhu uddhaccakukkuccapariyuṭṭhitena cetasā viharati uddhaccakukkuccaparetena, uppannassa ca uddhaccakukkuccassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāti tasmiṃ samaye manobhāvanīyo bhikkhu upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘ahaṃ kho, āvuso, uddhaccakukkuccapariyuṭṭhitena cetasā viharāmi uddhaccakukkuccaparetena, uppannassa ca uddhaccakukkuccassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāmi. Sādhu vata me, āyasmā, uddhaccakukkuccassa pahānāya dhammaṃ desetū’ti. Tassa manobhāvanīyo bhikkhu uddhaccakukkuccassa pahānāya dhammaṃ deseti. Ayaṃ, bhikkhu, catuttho samayo manobhāvanīyassa bhikkhuno dassanāya upasaṅkamituṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขุ, ยสฺมิํ สมเย ภิกฺขุ วิจิกิจฺฉาปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ วิจิกิจฺฉาปเรเตน, อุปฺปนฺนาย จ วิจิกิจฺฉาย นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ตสฺมิํ สมเย มโนภาวนีโย ภิกฺขุ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อหํ, อาวุโส, วิจิกิจฺฉาปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรามิ วิจิกิจฺฉาปเรเตน, อุปฺปนฺนาย จ วิจิกิจฺฉาย นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานามิฯ สาธุ วต เม, อายสฺมา, วิจิกิจฺฉาย ปหานาย ธมฺมํ เทเสตู’ติฯ ตสฺส มโนภาวนีโย ภิกฺขุ วิจิกิจฺฉาย ปหานาย ธมฺมํ เทเสติฯ อยํ, ภิกฺขุ, ปญฺจโม สมโย มโนภาวนียสฺส ภิกฺขุโน ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhu, yasmiṃ samaye bhikkhu vicikicchāpariyuṭṭhitena cetasā viharati vicikicchāparetena, uppannāya ca vicikicchāya nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāti tasmiṃ samaye manobhāvanīyo bhikkhu upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘ahaṃ, āvuso, vicikicchāpariyuṭṭhitena cetasā viharāmi vicikicchāparetena, uppannāya ca vicikicchāya nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāmi. Sādhu vata me, āyasmā, vicikicchāya pahānāya dhammaṃ desetū’ti. Tassa manobhāvanīyo bhikkhu vicikicchāya pahānāya dhammaṃ deseti. Ayaṃ, bhikkhu, pañcamo samayo manobhāvanīyassa bhikkhuno dassanāya upasaṅkamituṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขุ, ยสฺมิํ สมเย ภิกฺขุ ยํ นิมิตฺตํ อาคมฺม ยํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต อนนฺตรา อาสวานํ ขโย โหติ ตํ นิมิตฺตํ นปฺปชานาติ ตสฺมิํ สมเย มโนภาวนีโย ภิกฺขุ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อหํ โข, อาวุโส, ยํ นิมิตฺตํ อาคมฺม ยํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต อนนฺตรา อาสวานํ ขโย โหติ, ตํ นิมิตฺตํ นปฺปชานามิฯ สาธุ วต เม, อายสฺมา, อาสวานํ ขยาย ธมฺมํ เทเสตู’ติฯ ตสฺส มโนภาวนีโย ภิกฺขุ อาสวานํ ขยาย ธมฺมํ เทเสติฯ อยํ, ภิกฺขุ, ฉโฎฺฐ สมโย มโนภาวนียสฺส ภิกฺขุโน ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ อิเม โข, ภิกฺขุ, ฉ สมยา มโนภาวนียสฺส ภิกฺขุโน ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุ’’นฺติฯ สตฺตมํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhu, yasmiṃ samaye bhikkhu yaṃ nimittaṃ āgamma yaṃ nimittaṃ manasikaroto anantarā āsavānaṃ khayo hoti taṃ nimittaṃ nappajānāti tasmiṃ samaye manobhāvanīyo bhikkhu upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘ahaṃ kho, āvuso, yaṃ nimittaṃ āgamma yaṃ nimittaṃ manasikaroto anantarā āsavānaṃ khayo hoti, taṃ nimittaṃ nappajānāmi. Sādhu vata me, āyasmā, āsavānaṃ khayāya dhammaṃ desetū’ti. Tassa manobhāvanīyo bhikkhu āsavānaṃ khayāya dhammaṃ deseti. Ayaṃ, bhikkhu, chaṭṭho samayo manobhāvanīyassa bhikkhuno dassanāya upasaṅkamituṃ. Ime kho, bhikkhu, cha samayā manobhāvanīyassa bhikkhuno dassanāya upasaṅkamitu’’nti. Sattamaṃ.







    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๗. ปฐมสมยสุตฺตวณฺณนา • 7. Paṭhamasamayasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๗. ปฐมสมยสุตฺตวณฺณนา • 7. Paṭhamasamayasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact