Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๗. ปฐมสเญฺจตนิกสุตฺตํ

    7. Paṭhamasañcetanikasuttaṃ

    ๒๑๗. ‘‘นาหํ , ภิกฺขเว, สเญฺจตนิกานํ กมฺมานํ กตานํ อุปจิตานํ อปฺปฎิสํเวทิตฺวา 1 พฺยนฺตีภาวํ วทามิฯ ตญฺจ โข ทิเฎฺฐว ธเมฺม อุปปเชฺช วา 2 อปเร วา ปริยาเยฯ น เตฺววาหํ, ภิกฺขเว, สเญฺจตนิกานํ กมฺมานํ กตานํ อุปจิตานํ อปฺปฎิสํเวทิตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยํ วทามิฯ

    217. ‘‘Nāhaṃ , bhikkhave, sañcetanikānaṃ kammānaṃ katānaṃ upacitānaṃ appaṭisaṃveditvā 3 byantībhāvaṃ vadāmi. Tañca kho diṭṭheva dhamme upapajje vā 4 apare vā pariyāye. Na tvevāhaṃ, bhikkhave, sañcetanikānaṃ kammānaṃ katānaṃ upacitānaṃ appaṭisaṃveditvā dukkhassantakiriyaṃ vadāmi.

    ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ติวิธา กายกมฺมนฺตสโนฺทสพฺยาปตฺติ อกุสลสเญฺจตนิกา ทุกฺขุทฺรยา ทุกฺขวิปากา 5 โหติ; จตุพฺพิธา วจีกมฺมนฺตสโนฺทสพฺยาปตฺติ อกุสลสเญฺจตนิกา ทุกฺขุทฺรยา ทุกฺขวิปากา โหติ; ติวิธา มโนกมฺมนฺตสโนฺทสพฺยาปตฺติ อกุสลสเญฺจตนิกา ทุกฺขุทฺรยา ทุกฺขวิปากา โหติฯ

    ‘‘Tatra, bhikkhave, tividhā kāyakammantasandosabyāpatti akusalasañcetanikā dukkhudrayā dukkhavipākā 6 hoti; catubbidhā vacīkammantasandosabyāpatti akusalasañcetanikā dukkhudrayā dukkhavipākā hoti; tividhā manokammantasandosabyāpatti akusalasañcetanikā dukkhudrayā dukkhavipākā hoti.

    ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ติวิธา กายกมฺมนฺตสโนฺทสพฺยาปตฺติ อกุสลสเญฺจตนิกา ทุกฺขุทฺรยา ทุกฺขวิปากา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปาณาติปาตี โหติ ลุโทฺท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิโฎฺฐ อทยาปโนฺน สพฺพปาณภูเตสุฯ

    ‘‘Kathañca, bhikkhave, tividhā kāyakammantasandosabyāpatti akusalasañcetanikā dukkhudrayā dukkhavipākā hoti? Idha, bhikkhave, ekacco pāṇātipātī hoti luddo lohitapāṇi hatapahate niviṭṭho adayāpanno sabbapāṇabhūtesu.

    ‘‘อทินฺนาทายี โหติฯ ยํ ตํ ปรสฺส ปรวิตฺตูปกรณํ คามคตํ วา อรญฺญคตํ วา, ตํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทาตา โหติฯ

    ‘‘Adinnādāyī hoti. Yaṃ taṃ parassa paravittūpakaraṇaṃ gāmagataṃ vā araññagataṃ vā, taṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādātā hoti.

    ‘‘กาเมสุมิจฺฉาจารี โหติฯ ยา ตา มาตุรกฺขิตา…เป.… อนฺตมโส มาลาคุฬปริกฺขิตฺตาปิ , ตถารูปาสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิตา โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ติวิธา กายกมฺมนฺตสโนฺทสพฺยาปตฺติ อกุสลสเญฺจตนิกา ทุกฺขุทฺรยา ทุกฺขวิปากา โหติฯ

    ‘‘Kāmesumicchācārī hoti. Yā tā māturakkhitā…pe… antamaso mālāguḷaparikkhittāpi , tathārūpāsu cārittaṃ āpajjitā hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, tividhā kāyakammantasandosabyāpatti akusalasañcetanikā dukkhudrayā dukkhavipākā hoti.

    ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, จตุพฺพิธา วจีกมฺมนฺตสโนฺทสพฺยาปตฺติ อกุสลสเญฺจตนิกา ทุกฺขุทฺรยา ทุกฺขวิปากา โหติ? อิธ , ภิกฺขเว, เอกโจฺจ มุสาวาที โหติฯ สภคฺคโต วา ปริสคฺคโต วา ญาติมชฺฌคโต วา ปูคมชฺฌคโต วา ราชกุลมชฺฌคโต วา อภินีโต สกฺขิปุโฎฺฐ ‘เอหโมฺภ ปุริส, ยํ ชานาสิ ตํ วเทหี’ติ, โส อชานํ วา อาห ‘ชานามี’ติ, ชานํ วา อาห ‘น ชานามี’ติ, อปสฺสํ วา อาห ‘ปสฺสามี’ติ, ปสฺสํ วา อาห ‘น ปสฺสามี’ติ, อิติ อตฺตเหตุ วา ปรเหตุ วา อามิสกิญฺจิกฺขเหตุ วา สมฺปชานมุสา ภาสิตา โหติฯ

    ‘‘Kathañca, bhikkhave, catubbidhā vacīkammantasandosabyāpatti akusalasañcetanikā dukkhudrayā dukkhavipākā hoti? Idha , bhikkhave, ekacco musāvādī hoti. Sabhaggato vā parisaggato vā ñātimajjhagato vā pūgamajjhagato vā rājakulamajjhagato vā abhinīto sakkhipuṭṭho ‘ehambho purisa, yaṃ jānāsi taṃ vadehī’ti, so ajānaṃ vā āha ‘jānāmī’ti, jānaṃ vā āha ‘na jānāmī’ti, apassaṃ vā āha ‘passāmī’ti, passaṃ vā āha ‘na passāmī’ti, iti attahetu vā parahetu vā āmisakiñcikkhahetu vā sampajānamusā bhāsitā hoti.

    ‘‘ปิสุณวาโจ โหติฯ อิโต สุตฺวา อมุตฺร อกฺขาตา อิเมสํ เภทาย, อมุตฺร วา สุตฺวา อิเมสํ อกฺขาตา อมูสํ เภทายฯ อิติ สมคฺคานํ วา เภตฺตา ภินฺนานํ วา อนุปฺปทาตา วคฺคาราโม วคฺครโต วคฺคนนฺที, วคฺคกรณิํ วาจํ ภาสิตา โหติฯ

    ‘‘Pisuṇavāco hoti. Ito sutvā amutra akkhātā imesaṃ bhedāya, amutra vā sutvā imesaṃ akkhātā amūsaṃ bhedāya. Iti samaggānaṃ vā bhettā bhinnānaṃ vā anuppadātā vaggārāmo vaggarato vagganandī, vaggakaraṇiṃ vācaṃ bhāsitā hoti.

    ‘‘ผรุสวาโจ โหติฯ ยา สา วาจา อณฺฑกา กกฺกสา ปรกฎุกา ปราภิสชฺชนี โกธสามนฺตาฯ อสมาธิสํวตฺตนิกา, ตถารูปิํ วาจํ ภาสิตา โหติฯ

    ‘‘Pharusavāco hoti. Yā sā vācā aṇḍakā kakkasā parakaṭukā parābhisajjanī kodhasāmantā. Asamādhisaṃvattanikā, tathārūpiṃ vācaṃ bhāsitā hoti.

    ‘‘สมฺผปฺปลาปี โหติ อกาลวาที อภูตวาที อนตฺถวาที อธมฺมวาที อวินยวาที, อนิธานวติํ วาจํ ภาสิตา โหติ อกาเลน อนปเทสํ อปริยนฺตวติํ อนตฺถสํหิตํฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, จตุพฺพิธา วจีกมฺมนฺตสโนฺทสพฺยาปตฺติ อกุสลสเญฺจตนิกา ทุกฺขุทฺรยา ทุกฺขวิปากา โหติฯ

    ‘‘Samphappalāpī hoti akālavādī abhūtavādī anatthavādī adhammavādī avinayavādī, anidhānavatiṃ vācaṃ bhāsitā hoti akālena anapadesaṃ apariyantavatiṃ anatthasaṃhitaṃ. Evaṃ kho, bhikkhave, catubbidhā vacīkammantasandosabyāpatti akusalasañcetanikā dukkhudrayā dukkhavipākā hoti.

    ‘‘กถญฺจ , ภิกฺขเว, ติวิธา มโนกมฺมนฺตสโนฺทสพฺยาปตฺติ อกุสลสเญฺจตนิกา ทุกฺขุทฺรยา ทุกฺขวิปากา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ อภิชฺฌาลุ โหติฯ ยํ ตํ ปรสฺส ปรวิตฺตูปกรณํ, ตํ อภิชฺฌาตา โหติ – ‘อโห วต, ยํ ปรสฺส ตํ มม อสฺสา’ติฯ

    ‘‘Kathañca , bhikkhave, tividhā manokammantasandosabyāpatti akusalasañcetanikā dukkhudrayā dukkhavipākā hoti? Idha, bhikkhave, ekacco abhijjhālu hoti. Yaṃ taṃ parassa paravittūpakaraṇaṃ, taṃ abhijjhātā hoti – ‘aho vata, yaṃ parassa taṃ mama assā’ti.

    ‘‘พฺยาปนฺนจิโตฺต โหติ ปทุฎฺฐมนสงฺกโปฺป – ‘อิเม สตฺตา หญฺญนฺตุ วา พชฺฌนฺตุ วา อุจฺฉิชฺชนฺตุ วา วินสฺสนฺตุ วา มา วา อเหสุ’นฺติฯ

    ‘‘Byāpannacitto hoti paduṭṭhamanasaṅkappo – ‘ime sattā haññantu vā bajjhantu vā ucchijjantu vā vinassantu vā mā vā ahesu’nti.

    มิจฺฉาทิฎฺฐิโก โหติ วิปรีตทสฺสโน – ‘นตฺถิ ทินฺนํ…เป. … เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ติวิธา มโนกมฺมนฺตสโนฺทสพฺยาปตฺติ อกุสลสเญฺจตนิกา ทุกฺขุทฺรยา ทุกฺขวิปากา โหติฯ

    Micchādiṭṭhiko hoti viparītadassano – ‘natthi dinnaṃ…pe. … ye imañca lokaṃ parañca lokaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedentī’ti. Evaṃ kho, bhikkhave, tividhā manokammantasandosabyāpatti akusalasañcetanikā dukkhudrayā dukkhavipākā hoti.

    ‘‘ติวิธ กายกมฺมนฺตสโนฺทสพฺยาปตฺติ อกุสลสเญฺจตนิกาเหตุ 7 วา, ภิกฺขเว, สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ; จตุพฺพิธวจีกมฺมนฺตสโนฺทสพฺยาปตฺติ อกุสลสเญฺจตนิกาเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ; ติวิธมโนกมฺมนฺตสโนฺทสพฺยาปตฺติ อกุสลสเญฺจตนิกาเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติฯ

    ‘‘Tividha kāyakammantasandosabyāpatti akusalasañcetanikāhetu 8 vā, bhikkhave, sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjanti; catubbidhavacīkammantasandosabyāpatti akusalasañcetanikāhetu vā, bhikkhave, sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjanti; tividhamanokammantasandosabyāpatti akusalasañcetanikāhetu vā, bhikkhave, sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjanti.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อปณฺณโก มณิ อุทฺธํขิโตฺต เยน เยเนว ปติฎฺฐาติ สุปฺปติฎฺฐิตํเยว ปติฎฺฐาติ ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ติวิธกายกมฺมนฺตสโนฺทสพฺยาปตฺติ อกุสลสเญฺจตนิกาเหตุ วา สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ; จตุพฺพิธวจีกมฺมนฺตสโนฺทสพฺยาปตฺติ อกุสลสเญฺจตนิกาเหตุ วา สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ; ติวิธมโนกมฺมนฺตสโนฺทสพฺยาปตฺติ อกุสลสเญฺจตนิกาเหตุ วา สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺตีติฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, apaṇṇako maṇi uddhaṃkhitto yena yeneva patiṭṭhāti suppatiṭṭhitaṃyeva patiṭṭhāti ; evamevaṃ kho, bhikkhave, tividhakāyakammantasandosabyāpatti akusalasañcetanikāhetu vā sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjanti; catubbidhavacīkammantasandosabyāpatti akusalasañcetanikāhetu vā sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjanti; tividhamanokammantasandosabyāpatti akusalasañcetanikāhetu vā sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjantīti.

    ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, สเญฺจตนิกานํ กมฺมานํ กตานํ อุปจิตานํ อปฺปฎิสํเวทิตฺวา พฺยนฺตีภาวํ วทามิ, ตญฺจ โข ทิเฎฺฐว ธเมฺม อุปปเชฺช วา อปเร วา ปริยาเยฯ น เตฺววาหํ, ภิกฺขเว, สเญฺจตนิกานํ กมฺมานํ กตานํ อุปจิตานํ อปฺปฎิสํเวทิตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยํ วทามิฯ

    ‘‘Nāhaṃ, bhikkhave, sañcetanikānaṃ kammānaṃ katānaṃ upacitānaṃ appaṭisaṃveditvā byantībhāvaṃ vadāmi, tañca kho diṭṭheva dhamme upapajje vā apare vā pariyāye. Na tvevāhaṃ, bhikkhave, sañcetanikānaṃ kammānaṃ katānaṃ upacitānaṃ appaṭisaṃveditvā dukkhassantakiriyaṃ vadāmi.

    ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ติวิธา กายกมฺมนฺตสมฺปตฺติ กุสลสเญฺจตนิกา สุขุทฺรยา สุขวิปากา โหติ; จตุพฺพิธา วจีกมฺมนฺตสมฺปตฺติ กุสลสเญฺจตนิกา สุขุทฺรยา สุขวิปากา โหติ; ติวิธา มโนกมฺมนฺตสมฺปตฺติ กุสลสเญฺจตนิกา สุขุทฺรยา สุขวิปากา โหติฯ

    ‘‘Tatra, bhikkhave, tividhā kāyakammantasampatti kusalasañcetanikā sukhudrayā sukhavipākā hoti; catubbidhā vacīkammantasampatti kusalasañcetanikā sukhudrayā sukhavipākā hoti; tividhā manokammantasampatti kusalasañcetanikā sukhudrayā sukhavipākā hoti.

    ‘‘กถญฺจ , ภิกฺขเว, ติวิธา กายกมฺมนฺตสมฺปตฺติ กุสลสเญฺจตนิกา สุขุทฺรยา สุขวิปากา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ นิหิตทโณฺฑ นิหิตสโตฺถ ลชฺชี ทยาปโนฺน, สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรติ…เป.…ฯ

    ‘‘Kathañca , bhikkhave, tividhā kāyakammantasampatti kusalasañcetanikā sukhudrayā sukhavipākā hoti? Idha, bhikkhave, ekacco pāṇātipātaṃ pahāya pāṇātipātā paṭivirato hoti nihitadaṇḍo nihitasattho lajjī dayāpanno, sabbapāṇabhūtahitānukampī viharati…pe….

    ‘‘อทินฺนาทานํ ปหาย, อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติฯ ยํ ตํ ปรสฺส ปรวิตฺตูปกรณํ คามคตํ วา อรญฺญคตํ วา, น ตํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทาตา โหติฯ

    ‘‘Adinnādānaṃ pahāya, adinnādānā paṭivirato hoti. Yaṃ taṃ parassa paravittūpakaraṇaṃ gāmagataṃ vā araññagataṃ vā, na taṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādātā hoti.

    ‘‘กาเมสุมิจฺฉาจารํ ปหาย, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรโต โหติฯ ยา ตา มาตุรกฺขิตา …เป.… อนฺตมโส มาลาคุฬปริกฺขิตฺตาปิ, ตถารูปาสุ น จาริตฺตํ อาปชฺชิตา โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ติวิธา กายกมฺมนฺตสมฺปตฺติ กุสลสเญฺจตนิกา สุขุทฺรยา สุขวิปากา โหติฯ

    ‘‘Kāmesumicchācāraṃ pahāya, kāmesumicchācārā paṭivirato hoti. Yā tā māturakkhitā …pe… antamaso mālāguḷaparikkhittāpi, tathārūpāsu na cārittaṃ āpajjitā hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, tividhā kāyakammantasampatti kusalasañcetanikā sukhudrayā sukhavipākā hoti.

    ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, จตุพฺพิธา วจีกมฺมนฺตสมฺปตฺติ กุสลสเญฺจตนิกา สุขุทฺรยา สุขวิปากา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฎิวิรโต โหติฯ สภคฺคโต วา ปริสคฺคโต วา ญาติมชฺฌคโต วา ปูคมชฺฌคโต วา ราชกุลมชฺฌคโต วา อภินีโต สกฺขิปุโฎฺฐ ‘เอหโมฺภ ปุริส, ยํ ชานาสิ ตํ วเทหี’ติ, โส อชานํ วา อาห ‘น ชานามี’ติ, ชานํ วา อาห ‘ชานามี’ติ, อปสฺสํ วา อาห ‘น ปสฺสามี’ติ, ปสฺสํ วา อาห ‘ปสฺสามี’ติ, อิติ อตฺตเหตุ วา ปรเหตุ วา อามิสกิญฺจิกฺขเหตุ วา น สมฺปชานมุสา ภาสิตา โหติฯ

    ‘‘Kathañca, bhikkhave, catubbidhā vacīkammantasampatti kusalasañcetanikā sukhudrayā sukhavipākā hoti? Idha, bhikkhave, ekacco musāvādaṃ pahāya musāvādā paṭivirato hoti. Sabhaggato vā parisaggato vā ñātimajjhagato vā pūgamajjhagato vā rājakulamajjhagato vā abhinīto sakkhipuṭṭho ‘ehambho purisa, yaṃ jānāsi taṃ vadehī’ti, so ajānaṃ vā āha ‘na jānāmī’ti, jānaṃ vā āha ‘jānāmī’ti, apassaṃ vā āha ‘na passāmī’ti, passaṃ vā āha ‘passāmī’ti, iti attahetu vā parahetu vā āmisakiñcikkhahetu vā na sampajānamusā bhāsitā hoti.

    ‘‘ปิสุณํ วาจํ ปหาย, ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ – น อิโต สุตฺวา อมุตฺร อกฺขาตา อิเมสํ เภทาย, อมุตฺร วา สุตฺวา น อิเมสํ อกฺขาตา อมูสํ เภทายฯ อิติ ภินฺนานํ วา สนฺธาตา สหิตานํ วา อนุปฺปทาตา สมคฺคาราโม สมคฺครโต สมคฺคนนฺทิํ, สมคฺคกรณิํ วาจํ ภาสิตา โหติฯ

    ‘‘Pisuṇaṃ vācaṃ pahāya, pisuṇāya vācāya paṭivirato hoti – na ito sutvā amutra akkhātā imesaṃ bhedāya, amutra vā sutvā na imesaṃ akkhātā amūsaṃ bhedāya. Iti bhinnānaṃ vā sandhātā sahitānaṃ vā anuppadātā samaggārāmo samaggarato samagganandiṃ, samaggakaraṇiṃ vācaṃ bhāsitā hoti.

    ‘‘ผรุสํ วาจํ ปหาย, ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติฯ ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา, ตถารูปิํ วาจํ ภาสิตา โหติฯ

    ‘‘Pharusaṃ vācaṃ pahāya, pharusāya vācāya paṭivirato hoti. Yā sā vācā nelā kaṇṇasukhā pemanīyā hadayaṅgamā porī bahujanakantā bahujanamanāpā, tathārūpiṃ vācaṃ bhāsitā hoti.

    ‘‘สมฺผปฺปลาปํ ปหาย, สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรโต โหติ กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที, นิธานวติํ วาจํ ภาสิตา โหติ กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวติํ อตฺถสํหิตํฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, จตุพฺพิธา วจีกมฺมนฺตสมฺปตฺติ กุสลสเญฺจตนิกา สุขุทฺรยา สุขวิปากา โหติฯ

    ‘‘Samphappalāpaṃ pahāya, samphappalāpā paṭivirato hoti kālavādī bhūtavādī atthavādī dhammavādī vinayavādī, nidhānavatiṃ vācaṃ bhāsitā hoti kālena sāpadesaṃ pariyantavatiṃ atthasaṃhitaṃ. Evaṃ kho, bhikkhave, catubbidhā vacīkammantasampatti kusalasañcetanikā sukhudrayā sukhavipākā hoti.

    ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ติวิธา มโนกมฺมนฺตสมฺปตฺติ กุสลสเญฺจตนิกา สุขุทฺรยา สุขวิปากา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ อนภิชฺฌาลุ โหติฯ ยํ ตํ ปรสฺส ปรวิตฺตูปกรณํ ตํ อนภิชฺฌาตา โหติ – ‘อโห วต, ยํ ปรสฺส ตํ มมสฺสา’ติฯ

    ‘‘Kathañca, bhikkhave, tividhā manokammantasampatti kusalasañcetanikā sukhudrayā sukhavipākā hoti? Idha, bhikkhave, ekacco anabhijjhālu hoti. Yaṃ taṃ parassa paravittūpakaraṇaṃ taṃ anabhijjhātā hoti – ‘aho vata, yaṃ parassa taṃ mamassā’ti.

    ‘‘อพฺยาปนฺนจิโตฺต โหติ อปฺปทุฎฺฐมนสงฺกโปฺป – ‘อิเม สตฺตา อเวรา โหนฺตุ อพฺยาปชฺชา อนีฆา, สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตู’ติฯ

    ‘‘Abyāpannacitto hoti appaduṭṭhamanasaṅkappo – ‘ime sattā averā hontu abyāpajjā anīghā, sukhī attānaṃ pariharantū’ti.

    ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิโก โหติ อวิปรีตทสฺสโน – ‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฎฺฐํ…เป.… เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ติวิธา มโนกมฺมนฺตสมฺปตฺติ กุสลสเญฺจตนิกา สุขุทฺรยา สุขวิปากา โหติฯ

    ‘‘Sammādiṭṭhiko hoti aviparītadassano – ‘atthi dinnaṃ, atthi yiṭṭhaṃ…pe… ye imañca lokaṃ parañca lokaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedentī’ti. Evaṃ kho, bhikkhave, tividhā manokammantasampatti kusalasañcetanikā sukhudrayā sukhavipākā hoti.

    ‘‘ติวิธกายกมฺมนฺตสมฺปตฺติกุสลสเญฺจตนิกาเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ; จตุพฺพิธวจีกมฺมนฺตสมฺปตฺติกุสลสเญฺจตนิกาเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ; ติวิธมโนกมฺมนฺตสมฺปตฺติกุสลสเญฺจตนิกาเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติฯ

    ‘‘Tividhakāyakammantasampattikusalasañcetanikāhetu vā, bhikkhave, sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjanti; catubbidhavacīkammantasampattikusalasañcetanikāhetu vā, bhikkhave, sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjanti; tividhamanokammantasampattikusalasañcetanikāhetu vā, bhikkhave, sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjanti.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อปณฺณโก มณิ อุทฺธํขิโตฺต เยน เยเนว ปติฎฺฐาติ สุปฺปติฎฺฐิตํเยว ปติฎฺฐาติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ติวิธกายกมฺมนฺตสมฺปตฺติกุสลสเญฺจตนิกาเหตุ วา สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ; จตุพฺพิธวจีกมฺมนฺตสมฺปตฺติกุสลสเญฺจตนิกาเหตุ วา สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ; ติวิธมโนกมฺมนฺตสมฺปตฺติกุสลสเญฺจตนิกาเหตุ วา สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติฯ นาหํ, ภิกฺขเว, สเญฺจตนิกานํ กมฺมานํ กตานํ อุปจิตานํ อปฺปฎิสํเวทิตฺวา พฺยนฺตีภาวํ วทามิฯ ตญฺจ โข ทิเฎฺฐว ธเมฺม อุปปเชฺช วา อปเร วา ปริยาเยฯ น เตฺววาหํ, ภิกฺขเว, สเญฺจตนิกานํ กมฺมานํ กตานํ อุปจิตานํ อปฺปฎิสํเวทิตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยํ วทามี’’ติฯ สตฺตมํฯ 9

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, apaṇṇako maṇi uddhaṃkhitto yena yeneva patiṭṭhāti suppatiṭṭhitaṃyeva patiṭṭhāti; evamevaṃ kho, bhikkhave, tividhakāyakammantasampattikusalasañcetanikāhetu vā sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjanti; catubbidhavacīkammantasampattikusalasañcetanikāhetu vā sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjanti; tividhamanokammantasampattikusalasañcetanikāhetu vā sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjanti. Nāhaṃ, bhikkhave, sañcetanikānaṃ kammānaṃ katānaṃ upacitānaṃ appaṭisaṃveditvā byantībhāvaṃ vadāmi. Tañca kho diṭṭheva dhamme upapajje vā apare vā pariyāye. Na tvevāhaṃ, bhikkhave, sañcetanikānaṃ kammānaṃ katānaṃ upacitānaṃ appaṭisaṃveditvā dukkhassantakiriyaṃ vadāmī’’ti. Sattamaṃ. 10







    Footnotes:
    1. อปฺปฎิสํวิทิตฺวา (สี. สฺยา. ปี.)
    2. อุปปชฺชํ วา (ก.) อ. นิ. ๖.๖๓ ปสฺสิตพฺพํ, อุปปชฺช วา (ม. นิ. ๓.๓๐๓)
    3. appaṭisaṃviditvā (sī. syā. pī.)
    4. upapajjaṃ vā (ka.) a. ni. 6.63 passitabbaṃ, upapajja vā (ma. ni. 3.303)
    5. อกุสลํ สเญฺจตนิกํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปากํ (ก.)
    6. akusalaṃ sañcetanikaṃ dukkhudrayaṃ dukkhavipākaṃ (ka.)
    7. … สเญฺจตนิกเหตุ (ก.)
    8. … sañcetanikahetu (ka.)
    9. อฎฺฐกถายํ ปน อฎฺฐมสุตฺตมฺปิ เอเตฺถว ปริยาปนฺนํ วิย สํวณฺณนา ทิสฺสติ
    10. aṭṭhakathāyaṃ pana aṭṭhamasuttampi ettheva pariyāpannaṃ viya saṃvaṇṇanā dissati



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๗-๘. สเญฺจตนิกสุตฺตทฺวยวณฺณนา • 7-8. Sañcetanikasuttadvayavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๕๓๖. ปฐมนิรยสคฺคสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-536. Paṭhamanirayasaggasuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact