Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    ๑๐. ปฐมสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา

    10. Paṭhamasaṅghabhedasikkhāpadavaṇṇanā

    ๔๑๐. ทสเม เย ทุพฺพลา โหนฺติ อปฺปถามา, น สโกฺกนฺติ อรญฺญกาทีนิ เสวนฺตา ทุกฺขสฺสนฺตํ กาตุํ, เต สนฺธายาห ‘‘พหูนํ กุลปุตฺตานํ มคฺคนฺตรายาย สํวตฺตนฺตี’’ติฯ อธิวาสนขนฺติสมฺปโนฺนติ ‘‘ขโม โหติ สีตสฺสา’’ติอาทินา วุตฺตสีตุณฺหาทิสหนลกฺขณาย ขนฺติยา สมนฺนาคโตฯ พฺยญฺชนปทเมว ปรมํ อสฺสาติ ปทปรโมฯ ยสฺส หิ ปุคฺคลสฺส พหุมฺปิ สุณโต พหุมฺปิ ภณโต พหุมฺปิ ธารยโต พหุมฺปิ วาจยโต น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหติ , อยํ ‘‘ปทปรโม’’ติ วุจฺจติฯ อภิสมฺภุณิตฺวาติ นิปฺผาเทตฺวาฯ นาภิสมฺภุณาตีติ น สมฺปาเทติ, อรญฺญวาสํ สมฺปาเทตุํ น สโกฺกตีติ วุตฺตํ โหติฯ ธมฺมโต อเปตํ อุทฺธมฺมํอสพฺพญฺญู อสฺสาติ เตสํ อนุรูปสฺส อชานนโต อสพฺพญฺญู ภเวยฺยฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๔) วจนโต ‘‘จตฺตาโร ปน…เป.… ปฎิกฺขิตฺตเมวา’’ติ วุตฺตํฯ อิทเมว วจนํ สนฺธาย ปาฬิยมฺปิ ‘‘อฎฺฐ มาเส โข มยา เทวทตฺต รุกฺขมูลเสนาสนํ อนุญฺญาต’’นฺติ วุตฺตํฯ

    410. Dasame ye dubbalā honti appathāmā, na sakkonti araññakādīni sevantā dukkhassantaṃ kātuṃ, te sandhāyāha ‘‘bahūnaṃ kulaputtānaṃ maggantarāyāya saṃvattantī’’ti. Adhivāsanakhantisampannoti ‘‘khamo hoti sītassā’’tiādinā vuttasītuṇhādisahanalakkhaṇāya khantiyā samannāgato. Byañjanapadameva paramaṃ assāti padaparamo. Yassa hi puggalassa bahumpi suṇato bahumpi bhaṇato bahumpi dhārayato bahumpi vācayato na tāya jātiyā dhammābhisamayo hoti , ayaṃ ‘‘padaparamo’’ti vuccati. Abhisambhuṇitvāti nipphādetvā. Nābhisambhuṇātīti na sampādeti, araññavāsaṃ sampādetuṃ na sakkotīti vuttaṃ hoti. Dhammato apetaṃ uddhammaṃ. Asabbaññū assāti tesaṃ anurūpassa ajānanato asabbaññū bhaveyya. ‘‘Na, bhikkhave, asenāsanikena vassaṃ upagantabba’’nti (mahāva. 204) vacanato ‘‘cattāro pana…pe… paṭikkhittamevā’’ti vuttaṃ. Idameva vacanaṃ sandhāya pāḷiyampi ‘‘aṭṭha māse kho mayā devadatta rukkhamūlasenāsanaṃ anuññāta’’nti vuttaṃ.

    ตีหิ โกฎีหีติ ตีหิ อากาเรหิ, ตีหิ การเณหีติ อโตฺถฯ ตทุภยวิมุตฺตปริสงฺกิตนฺติ ทิฎฺฐํ สุตนฺติ อิทํ อุภยํ อนิสฺสาย ‘‘กิํ นุ โข อิทํ ภิกฺขุํ อุทฺทิสฺส วธิตฺวา สมฺปาทิต’’นฺติ เกวลเมว ปริสงฺกิตํฯ มจฺฉพนฺธนํ ชาลํ, วาคุรา มิคพนฺธนีฯ กปฺปตีติ ยทิ เตสํ วจเนน อาสงฺกา อุปจฺฉินฺนา โหติ, วฎฺฎติฯ ปวตฺตมํสนฺติ วิกฺกายิกมํสํฯ มงฺคลาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน อาหุนปาหุนาทิเก สงฺคณฺหาติฯ ภิกฺขูนํเยว อตฺถายาติ เอตฺถ อฎฺฐานปฺปยุโตฺต เอว-สโทฺท, ภิกฺขูนํ อตฺถาย อกตเมวาติ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ ตสฺมา ‘‘ภิกฺขูนญฺจ ทสฺสาม, มงฺคลาทีนญฺจ อตฺถาย ภวิสฺสตี’’ติ มิเสฺสตฺวา กตมฺปิ น วฎฺฎตีติ เวทิตพฺพํฯ เกจิ ปน ‘‘ภิกฺขูนํเยวาติ อวธารเณน ภิกฺขูนญฺจ อเญฺญสญฺจ อตฺถาย กตํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํฯ ยตฺถ จ นิเพฺพมติโก โหตีติ ภิกฺขูนํ อตฺถาย กเตปิ สเพฺพน สพฺพํ ปริสงฺกิตาภาวมาหฯ ตเมวตฺถํ อาวิกาตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิตเรสํ วฎฺฎตีติ อชานนฺตานํ วฎฺฎติ, ชานโต เอเวตฺถ อาปตฺติ โหตีติฯ เตเยวาติ เย อุทฺทิสฺส กตํ, เตเยวฯ อุทฺทิสกตมํสปริโภคโต อกปฺปิยมํสปริโภคสฺส วิเสสํ ทเสฺสตุํ ‘‘อกปฺปิยมํสํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปุริมสฺมิํ สจิตฺตกา อาปตฺติ, อิตรสฺมิํ อจิตฺตกาฯ เตนาห ‘‘อกปฺปิยมํสํ อชานิตฺวา ภุญฺชนฺตสฺสปิ อาปตฺติเยวา’’ติฯ ‘‘ปริโภคกาเล ปุจฺฉิตฺวา ปริภุญฺชิสฺสามีติ วา คเหตฺวา ปุจฺฉิตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพ’’นฺติ วจนโต อกปฺปิยมํสํ อชานิตฺวา คณฺหนฺตสฺส ปฎิคฺคหเณน อนาปตฺติ สิยาฯ อชานิตฺวาปิ ภุญฺชนฺตเสฺสว หิ อาปตฺติ วุตฺตาฯ วตฺตนฺติ วทนฺตีติ อิมินา อาปตฺติ นตฺถีติ ทเสฺสติฯ

    Tīhi koṭīhīti tīhi ākārehi, tīhi kāraṇehīti attho. Tadubhayavimuttaparisaṅkitanti diṭṭhaṃ sutanti idaṃ ubhayaṃ anissāya ‘‘kiṃ nu kho idaṃ bhikkhuṃ uddissa vadhitvā sampādita’’nti kevalameva parisaṅkitaṃ. Macchabandhanaṃ jālaṃ, vāgurā migabandhanī. Kappatīti yadi tesaṃ vacanena āsaṅkā upacchinnā hoti, vaṭṭati. Pavattamaṃsanti vikkāyikamaṃsaṃ. Maṅgalādīnanti ādi-saddena āhunapāhunādike saṅgaṇhāti. Bhikkhūnaṃyeva atthāyāti ettha aṭṭhānappayutto eva-saddo, bhikkhūnaṃ atthāya akatamevāti sambandhitabbaṃ. Tasmā ‘‘bhikkhūnañca dassāma, maṅgalādīnañca atthāya bhavissatī’’ti missetvā katampi na vaṭṭatīti veditabbaṃ. Keci pana ‘‘bhikkhūnaṃyevāti avadhāraṇena bhikkhūnañca aññesañca atthāya kataṃ vaṭṭatī’’ti vadanti, taṃ na sundaraṃ. Yattha ca nibbematiko hotīti bhikkhūnaṃ atthāya katepi sabbena sabbaṃ parisaṅkitābhāvamāha. Tamevatthaṃ āvikātuṃ ‘‘sace panā’’tiādi vuttaṃ. Itaresaṃ vaṭṭatīti ajānantānaṃ vaṭṭati, jānato evettha āpatti hotīti. Teyevāti ye uddissa kataṃ, teyeva. Uddisakatamaṃsaparibhogato akappiyamaṃsaparibhogassa visesaṃ dassetuṃ ‘‘akappiyamaṃsaṃ panā’’tiādi vuttaṃ. Purimasmiṃ sacittakā āpatti, itarasmiṃ acittakā. Tenāha ‘‘akappiyamaṃsaṃ ajānitvā bhuñjantassapi āpattiyevā’’ti. ‘‘Paribhogakāle pucchitvā paribhuñjissāmīti vā gahetvā pucchitvā paribhuñjitabba’’nti vacanato akappiyamaṃsaṃ ajānitvā gaṇhantassa paṭiggahaṇena anāpatti siyā. Ajānitvāpi bhuñjantasseva hi āpatti vuttā. Vattanti vadantīti iminā āpatti natthīti dasseti.

    สเลฺลขา วุตฺติ เอเตสนฺติ สเลฺลขวุตฺติโนพาหุลิโกติ เอกสฺส -การสฺส โลปํ กตฺวา วุตฺตํฯ กปฺปนฺติ อายุกปฺปํฯ สงฺฆเภทโก หิ เอกํ กปฺปํ อสีติภาเค กตฺวา ตโต เอกภาคมตฺตํ กาลํ นิรเย ติเฎฺฐยฺยาติ อายุกปฺปํ สนฺธาย ‘‘กปฺปํ นิรยมฺหิ ปจฺจตี’’ติ วุตฺตํฯ กปฺปฎฺฐกถายํ (วิภ. อฎฺฐ. ๘๐๙) ปน ‘‘สณฺฐหเนฺต หิ กเปฺป กปฺปเวมเชฺฌ วา สงฺฆเภทํ กตฺวา กปฺปวินาเสเยว มุจฺจติฯ สเจปิ หิ เสฺว กโปฺป วินสฺสิสฺสตีติ อชฺช สงฺฆเภทํ กโรติ, เสฺวว มุจฺจติ, เอกทิวสเมว นิรเย ปจฺจตี’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถาปิ กปฺปวินาเสเยวาติ อายุกปฺปวินาเสเยวาติ อเตฺถ สติ นตฺถิ วิโรโธฯ สณฺฐหเนฺตติ อิทมฺปิ ‘‘เสฺว วินสฺสิสฺสตี’’ติ วิย อภูตปริกปฺปนวเสน วุตฺตํฯ ‘‘เอกทิวสเมว นิรเย ปจฺจตี’’ติ เอตฺถาปิ ตโต ปรํ กปฺปาภาเว อายุกปฺปสฺสปิ อภาวโตติ อวิโรธโต อตฺถโยชนา ทฎฺฐพฺพาฯ พฺรหฺมํ ปุญฺญนฺติ เสฎฺฐํ ปุญฺญํฯ กปฺปํ สคฺคมฺหิ โมทตีติ เอตฺถาปิ อายุกปฺปเมวฯ

    Sallekhā vutti etesanti sallekhavuttino. Bāhulikoti ekassa la-kārassa lopaṃ katvā vuttaṃ. Kappanti āyukappaṃ. Saṅghabhedako hi ekaṃ kappaṃ asītibhāge katvā tato ekabhāgamattaṃ kālaṃ niraye tiṭṭheyyāti āyukappaṃ sandhāya ‘‘kappaṃ nirayamhi paccatī’’ti vuttaṃ. Kappaṭṭhakathāyaṃ (vibha. aṭṭha. 809) pana ‘‘saṇṭhahante hi kappe kappavemajjhe vā saṅghabhedaṃ katvā kappavināseyeva muccati. Sacepi hi sve kappo vinassissatīti ajja saṅghabhedaṃ karoti, sveva muccati, ekadivasameva niraye paccatī’’ti vuttaṃ. Tatthāpi kappavināseyevāti āyukappavināseyevāti atthe sati natthi virodho. Saṇṭhahanteti idampi ‘‘sve vinassissatī’’ti viya abhūtaparikappanavasena vuttaṃ. ‘‘Ekadivasameva niraye paccatī’’ti etthāpi tato paraṃ kappābhāve āyukappassapi abhāvatoti avirodhato atthayojanā daṭṭhabbā. Brahmaṃ puññanti seṭṭhaṃ puññaṃ. Kappaṃ saggamhi modatīti etthāpi āyukappameva.

    ๔๑๑. ลทฺธินานาสํวาสเกนาติ ภาวปฺปธาโนยํ นิเทฺทโส, ลทฺธินานาสํวาสกภาเวนาติ อโตฺถฯ กมฺมนานาสํวาสเกนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อญฺญถา นานาสํวาสเกน สหิตสฺส สมานสํวาสกสฺสปิ สงฺฆสฺส อสมานสํวาสกตฺตํ อาปเชฺชยฺยฯ ตตฺถ ลทฺธินานาสํวาสโก นาม อุกฺขิตฺตานุวตฺตโกฯ โส หิ อตฺตโน ลทฺธิยา นานาสํวาสโก ชาโตติ ‘‘ลทฺธินานาสํวาสโก’’ติ วุจฺจติฯ กมฺมนานาสํวาสโก นาม อุเกฺขปนียกมฺมกโตฯ โส หิ อุเกฺขปนียกมฺมวเสน นานาสํวาสโก โหตีติ ‘‘กมฺมนานาสํวาสโก’’ติ วุจฺจติฯ วิรหิโตติ วิมุโตฺตฯ กายสามคฺคีทานํ เตสุ เตสุ สงฺฆกเมฺมสุ หตฺถปาสูปคมนวเสน เวทิตพฺพํฯ

    411.Laddhinānāsaṃvāsakenāti bhāvappadhānoyaṃ niddeso, laddhinānāsaṃvāsakabhāvenāti attho. Kammanānāsaṃvāsakenāti etthāpi eseva nayo. Aññathā nānāsaṃvāsakena sahitassa samānasaṃvāsakassapi saṅghassa asamānasaṃvāsakattaṃ āpajjeyya. Tattha laddhinānāsaṃvāsako nāma ukkhittānuvattako. So hi attano laddhiyā nānāsaṃvāsako jātoti ‘‘laddhinānāsaṃvāsako’’ti vuccati. Kammanānāsaṃvāsako nāma ukkhepanīyakammakato. So hi ukkhepanīyakammavasena nānāsaṃvāsako hotīti ‘‘kammanānāsaṃvāsako’’ti vuccati. Virahitoti vimutto. Kāyasāmaggīdānaṃ tesu tesu saṅghakammesu hatthapāsūpagamanavasena veditabbaṃ.

    ‘‘เภทาย ปรกฺกเมยฺยา’’ติ วิสุํ วุตฺตตฺตา เภทนสํวตฺตนิกสฺส อธิกรณสฺส สมาทาย ปคฺคณฺหโต ปุเพฺพปิ ปกฺขปริเยสนาทิวเสน สงฺฆเภทาย ปรกฺกมนฺตสฺส สมนุภาสนกมฺมํ กาตพฺพนฺติ เวทิตพฺพํฯ อิมานิ วตฺถูนีติ อฎฺฐารส เภทกรวตฺถูนิฯ กเมฺมนาติ อปโลกนาทีสุ จตูสุ กเมฺมสุ อญฺญตเรน กเมฺมนฯ อุเทฺทเสนาติ ปญฺจสุ ปาติโมกฺขุเทฺทเสสุ อญฺญตเรน อุเทฺทเสนฯ โวหาเรนาติ ตาหิ ตาหิ อุปปตฺตีหิ ‘‘อธมฺมํ ธโมฺม’’ติอาทิอฎฺฐารสเภทกรวตฺถุทีปเกน โวหาเรนฯ อนุสฺสาวนายาติ ‘‘นนุ ตุเมฺห ชานาถ มยฺหํ อุจฺจากุลา ปพฺพชิตภาวํ พหุสฺสุตภาวญฺจ, มาทิโส นาม อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สตฺถุสาสนํ คาเหยฺยาติ จิตฺตมฺปิ อุปฺปาเทตุํ ตุมฺหากํ ยุตฺตํ, กิํ มยฺหํ อวีจิ นีลุปฺปลวนํ วิย สีตโล, กิมหํ อปายโต น ภายามี’’ติอาทินา นเยน กณฺณมูเล วจีเภทํ กตฺวา อนุสฺสาวเนนฯ สลากคฺคาเหนาติ เอวํ อนุสฺสาเวตฺวา เตสํ จิตฺตํ อุปตฺถเมฺภตฺวา อนิวตฺติธเมฺม กตฺวา ‘‘คณฺหถ อิมํ สลาก’’นฺติ สลากคฺคาเหนฯ ปญฺจหิ การเณหิ สงฺฆเภโท โหตีติ เอตฺถ กมฺมเมว อุเทฺทโส วา สงฺฆเภเท ปธานการณนฺติ เวทิตพฺพํฯ โวหารานุสฺสาวนสลากคฺคาหา ปน ปุพฺพภาคาฯ อฎฺฐารสวตฺถุทีปนวสเอน หิ โวหรเนฺตน ตตฺถ รุจิชนนตฺถํ อนุสฺสาเวตฺวา สลากาย คหิตายปิ อภิโนฺนว โหติ สโงฺฆฯ ยทา ปน เอวํ จตฺตาโร วา อติเรกา วา สลากํ คเหตฺวา อาเวณิกกมฺมํ วา อุเทฺทสํ วา กโรนฺติ, ตทา สโงฺฆ ภิโนฺน นาม โหติฯ อพฺภุสฺสิตนฺติ อพฺภุคฺคตํฯ อเจฺฉยฺยาติ วิหเรยฺย, ปวเตฺตยฺยาติ อโตฺถฯ

    ‘‘Bhedāya parakkameyyā’’ti visuṃ vuttattā bhedanasaṃvattanikassa adhikaraṇassa samādāya paggaṇhato pubbepi pakkhapariyesanādivasena saṅghabhedāya parakkamantassa samanubhāsanakammaṃ kātabbanti veditabbaṃ. Imāni vatthūnīti aṭṭhārasa bhedakaravatthūni. Kammenāti apalokanādīsu catūsu kammesu aññatarena kammena. Uddesenāti pañcasu pātimokkhuddesesu aññatarena uddesena. Vohārenāti tāhi tāhi upapattīhi ‘‘adhammaṃ dhammo’’tiādiaṭṭhārasabhedakaravatthudīpakena vohārena. Anussāvanāyāti ‘‘nanu tumhe jānātha mayhaṃ uccākulā pabbajitabhāvaṃ bahussutabhāvañca, mādiso nāma uddhammaṃ ubbinayaṃ satthusāsanaṃ gāheyyāti cittampi uppādetuṃ tumhākaṃ yuttaṃ, kiṃ mayhaṃ avīci nīluppalavanaṃ viya sītalo, kimahaṃ apāyato na bhāyāmī’’tiādinā nayena kaṇṇamūle vacībhedaṃ katvā anussāvanena. Salākaggāhenāti evaṃ anussāvetvā tesaṃ cittaṃ upatthambhetvā anivattidhamme katvā ‘‘gaṇhatha imaṃ salāka’’nti salākaggāhena. Pañcahi kāraṇehi saṅghabhedo hotīti ettha kammameva uddeso vā saṅghabhede padhānakāraṇanti veditabbaṃ. Vohārānussāvanasalākaggāhā pana pubbabhāgā. Aṭṭhārasavatthudīpanavasaena hi voharantena tattha rucijananatthaṃ anussāvetvā salākāya gahitāyapi abhinnova hoti saṅgho. Yadā pana evaṃ cattāro vā atirekā vā salākaṃ gahetvā āveṇikakammaṃ vā uddesaṃ vā karonti, tadā saṅgho bhinno nāma hoti. Abbhussitanti abbhuggataṃ. Accheyyāti vihareyya, pavatteyyāti attho.

    ‘‘ลชฺชี รกฺขิสฺสตี’’ติ วจนโต อาปตฺติภเยน อาโรจนํ ลชฺชีนํเยว ภาโรติ อาห ‘‘ลชฺชีหิ ภิกฺขูหี’’ติฯ อลชฺชิสฺสปิ อนาโรเจนฺตสฺส อาปตฺติเยว ‘‘เย ปสฺสนฺติ, เย สุณนฺตี’’ติ วจนโตฯ สมาคจฺฉตูติ เอกี ภวตุฯ เอกีภาโว จ สมานลทฺธิวเสน โหตีติ อาห ‘‘เอกลทฺธิโก โหตู’’ติฯ สมฺปตฺติยาติ สีลาทิสมฺปตฺติยาฯ ปฎินิสฺสชฺชนฺตสฺส อนาปตฺติภาวโต ‘‘โสตฺถิภาโว ตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ วุตฺตํฯ อปฺปฎินิสฺสชฺชโต ทุกฺกฎนฺติ วิสุํ วิสุํ วทนฺตานํ คณนาย ทุกฺกฎํฯ ปโหเนฺตนาติ คนฺตุํ สมเตฺถน อคิลาเนนฯ สงฺฆเภทสฺส ครุกภาวโต อวสฺสํ กตฺตพฺพตาทสฺสนตฺถํ ‘‘ทูเรปิ ภาโรเยวา’’ติ วุตฺตํ, อาปตฺติ ปน อทฺธโยชนพฺภนฺตเร คนฺตุํ สมตฺถสฺส อคิลานเสฺสว เวทิตพฺพาฯ

    ‘‘Lajjī rakkhissatī’’ti vacanato āpattibhayena ārocanaṃ lajjīnaṃyeva bhāroti āha ‘‘lajjīhi bhikkhūhī’’ti. Alajjissapi anārocentassa āpattiyeva ‘‘ye passanti, ye suṇantī’’ti vacanato. Samāgacchatūti ekī bhavatu. Ekībhāvo ca samānaladdhivasena hotīti āha ‘‘ekaladdhiko hotū’’ti. Sampattiyāti sīlādisampattiyā. Paṭinissajjantassa anāpattibhāvato ‘‘sotthibhāvo tassa bhikkhuno’’ti vuttaṃ. Appaṭinissajjato dukkaṭanti visuṃ visuṃ vadantānaṃ gaṇanāya dukkaṭaṃ. Pahontenāti gantuṃ samatthena agilānena. Saṅghabhedassa garukabhāvato avassaṃ kattabbatādassanatthaṃ ‘‘dūrepi bhāroyevā’’ti vuttaṃ, āpatti pana addhayojanabbhantare gantuṃ samatthassa agilānasseva veditabbā.

    ๔๑๖. อสมนุภาสนฺตสฺสาติ กมฺมการเก กตฺตุนิเทฺทโสติ อาห ‘‘อสมนุภาสิยมานสฺสา’’ติฯ ตติยกมฺมวาจาย ปฎินิสฺสชฺชโนฺต ญตฺติยา ทุกฺกฎํ ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ถุลฺลจฺจเย จ อาปชฺชติเยวาติ อาห ‘‘ปฎินิสฺสชฺชนฺตสฺส สงฺฆาทิเสเสน อนาปตฺตี’’ติฯ อสฺสาติ เทวทตฺตสฺสฯ กเตน ภวิตพฺพนฺติ สมนุภาสนกเมฺมน กเตน ภวิตพฺพํฯ อตฺตโน รุจิมเตฺตน วเทยฺยาติอาทิกมฺมิกตฺตา อปฺปฎินิสฺสชฺชนฺตสฺสปิ อนาปตฺตีติ อธิปฺปาเยน วเทยฺยฯ อปญฺญเตฺต สิกฺขาปเท สมนุภาสนกมฺมเสฺสว อภาวโต ‘‘น หิ ปญฺญตฺตํ สิกฺขาปทํ วีติกฺกมนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ สิกฺขาปทํ ปญฺญเปเนฺตเนว หิ สมนุภาสนกมฺมํ อนุญฺญาตํฯ อุทฺทิสฺส อนุญฺญาตโตติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โรมนฺถกสฺส โรมนฺถน’’นฺติอาทิํ (จูฬว. ๒๗๓) อุทฺทิสฺส อนุญฺญาตํ สนฺธาย วทนฺติฯ อนาปตฺติยนฺติ อนาปตฺติวาเรฯ อาปตฺติํ โรเปตโพฺพติ อนิสฺสชฺชนปจฺจยา อาปนฺนปาจิตฺติยาปตฺติํ อุเกฺขปนียกมฺมกรณตฺถํ อาโรเปตโพฺพติ อโตฺถฯ

    416.Asamanubhāsantassāti kammakārake kattuniddesoti āha ‘‘asamanubhāsiyamānassā’’ti. Tatiyakammavācāya paṭinissajjanto ñattiyā dukkaṭaṃ dvīhi kammavācāhi thullaccaye ca āpajjatiyevāti āha ‘‘paṭinissajjantassa saṅghādisesena anāpattī’’ti. Assāti devadattassa. Katena bhavitabbanti samanubhāsanakammena katena bhavitabbaṃ. Attano rucimattena vadeyyātiādikammikattā appaṭinissajjantassapi anāpattīti adhippāyena vadeyya. Apaññatte sikkhāpade samanubhāsanakammasseva abhāvato ‘‘na hi paññattaṃ sikkhāpadaṃ vītikkamantassā’’ti vuttaṃ. Sikkhāpadaṃ paññapenteneva hi samanubhāsanakammaṃ anuññātaṃ. Uddissa anuññātatoti ‘‘anujānāmi, bhikkhave, romanthakassa romanthana’’ntiādiṃ (cūḷava. 273) uddissa anuññātaṃ sandhāya vadanti. Anāpattiyanti anāpattivāre. Āpattiṃ ropetabboti anissajjanapaccayā āpannapācittiyāpattiṃ ukkhepanīyakammakaraṇatthaṃ āropetabboti attho.

    อาปตฺติเยว น ชาตาติ สงฺฆาทิเสสาปตฺติ น ชาตาเยวาติ อโตฺถฯ สา ปเนสาติ สา ปน เอสา อนาปตฺติฯ ติวงฺคิกนฺติ กายวาจาจิตฺตวเสน ติวงฺคิกํ, กายวาจาจิตฺตโต สมุฎฺฐาตีติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘นปฺปฎินิสฺสชฺชามี’’ติ สญฺญาย อภาเวน มุจฺจนโต สญฺญาวิโมกฺขํสจิตฺตกนฺติ ‘‘นปฺปฎินิสฺสชฺชามี’’ติ ชานนจิเตฺตน สจิตฺตกํฯ เภทาย ปรกฺกมนํ, ธมฺมกเมฺมน สมนุภาสนํ, กมฺมวาจาปริโยสานํ, อปฺปฎินิสฺสชฺชนนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ

    Āpattiyeva na jātāti saṅghādisesāpatti na jātāyevāti attho. Sā panesāti sā pana esā anāpatti. Tivaṅgikanti kāyavācācittavasena tivaṅgikaṃ, kāyavācācittato samuṭṭhātīti vuttaṃ hoti. ‘‘Nappaṭinissajjāmī’’ti saññāya abhāvena muccanato saññāvimokkhaṃ. Sacittakanti ‘‘nappaṭinissajjāmī’’ti jānanacittena sacittakaṃ. Bhedāya parakkamanaṃ, dhammakammena samanubhāsanaṃ, kammavācāpariyosānaṃ, appaṭinissajjananti imānettha cattāri aṅgāni.

    ปฐมสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamasaṅghabhedasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑๐. สงฺฆเภทสิกฺขาปทํ • 10. Saṅghabhedasikkhāpadaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑๐. ปฐมสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Paṭhamasaṅghabhedasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑๐. ปฐมสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Paṭhamasaṅghabhedasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑๐. ปฐมสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Paṭhamasaṅghabhedasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact