Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā

    ๑๐. ปฐมสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา

    10. Paṭhamasaṅghabhedasikkhāpadavaṇṇanā

    ๔๑๐. ทสเม พหูนนฺติ ทุพฺพลตาย อรญฺญาทิเสวาย จิตฺตํ สมาหิตํ กาตุํ อสโกฺกนฺตานํฯ ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย ตสฺมิํ อตฺตภาเว พุทฺธวจนคฺคหณธารณาทิสงฺขาตํ พฺยญฺชนปทเมว ปรมํ อสฺส, น มคฺคลาโภติ ปทปรโมฯ อภิสมฺภุณิตฺวาติ นิปฺผาเทตฺวาฯ ธมฺมโต อเปตํ อุทฺธมฺมํฯ ปฎิกฺขิตฺตเมวาติ ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๔) วจนโต วุตฺตํ, อิทเมว วจนํ สนฺธาย ปาฬิยมฺปิ ‘‘อฎฺฐ มาเส’’ติอาทิ (ปารา. ๔๐๙) วุตฺตํฯ

    410. Dasame bahūnanti dubbalatāya araññādisevāya cittaṃ samāhitaṃ kātuṃ asakkontānaṃ. Dukkhassantakiriyāya tasmiṃ attabhāve buddhavacanaggahaṇadhāraṇādisaṅkhātaṃ byañjanapadameva paramaṃ assa, na maggalābhoti padaparamo. Abhisambhuṇitvāti nipphādetvā. Dhammato apetaṃ uddhammaṃ. Paṭikkhittamevāti ‘‘na, bhikkhave, asenāsanikena vassaṃ upagantabba’’nti (mahāva. 204) vacanato vuttaṃ, idameva vacanaṃ sandhāya pāḷiyampi ‘‘aṭṭha māse’’tiādi (pārā. 409) vuttaṃ.

    ตีหิ โกฎีหีติ อสุทฺธมูเลหิฯ เอตฺถ จ ภิกฺขูนํ จตูสุ กุเลสุ ปกฺกปิณฺฑิยาโลปโภชนนิสฺสิตตาย, มจฺฉมํสโภชนวิรหิตสฺส จ กุลสฺส ทุลฺลภตาย ตตฺถ ลเทฺธสุ ภตฺตพฺยญฺชเนสุ มจฺฉมํสสํสคฺคสงฺกาย, ทุนฺนิวารณตาย จ ภิกฺขูนํ สรีรยาปนมฺปิ น สิยาติ ภควตา มจฺฉมํสํ สพฺพถา อปฺปฎิกฺขิปิตฺวา ตีหิ โกฎีหิ อปริสุทฺธเมว ปฎิกฺขิตฺตํฯ ยทิ หิ ตํ ภควา สพฺพถา ปฎิกฺขิเปยฺย, ภิกฺขู มรมานาปิ มจฺฉาทิสํสคฺคสงฺกิตํ ภตฺตํ น ภุเญฺชยฺยุํ, ตโต ตณฺฑุลธญฺญาทิํ ปฎิคฺคเหตฺวา นิทหิตฺวา สยํ ปจิตฺวา ภุญฺชิตุํ ตทุปกรณภูตํ ทาสิทาสํ, อุทุกฺขลมุสลาทิกญฺจ ภิกฺขูนํ ปตฺตาทิ วิย อวสฺสํ คเหตุํ อนุชานิตพฺพํ สิยาติ ติตฺถิยานํ วิย คหฎฺฐาวาโส เอว สิยา, น ภิกฺขุอาวาโสติ เวทิตพฺพํฯ ชาลํ มจฺฉพนฺธนํฯ วาคุรา มิคพนฺธนีฯ กปฺปตีติ ยทิ เตสํ วจเนน สงฺกา น วตฺตติ, วฎฺฎติ, น ตํ วจนํ เลสกปฺปํ กาตุํ วฎฺฎติฯ เตเนว วกฺขติ ‘‘ยตฺถ จ นิเพฺพมติโก โหติ, ตํ สพฺพํ กปฺปตี’’ติฯ

    Tīhi koṭīhīti asuddhamūlehi. Ettha ca bhikkhūnaṃ catūsu kulesu pakkapiṇḍiyālopabhojananissitatāya, macchamaṃsabhojanavirahitassa ca kulassa dullabhatāya tattha laddhesu bhattabyañjanesu macchamaṃsasaṃsaggasaṅkāya, dunnivāraṇatāya ca bhikkhūnaṃ sarīrayāpanampi na siyāti bhagavatā macchamaṃsaṃ sabbathā appaṭikkhipitvā tīhi koṭīhi aparisuddhameva paṭikkhittaṃ. Yadi hi taṃ bhagavā sabbathā paṭikkhipeyya, bhikkhū maramānāpi macchādisaṃsaggasaṅkitaṃ bhattaṃ na bhuñjeyyuṃ, tato taṇḍuladhaññādiṃ paṭiggahetvā nidahitvā sayaṃ pacitvā bhuñjituṃ tadupakaraṇabhūtaṃ dāsidāsaṃ, udukkhalamusalādikañca bhikkhūnaṃ pattādi viya avassaṃ gahetuṃ anujānitabbaṃ siyāti titthiyānaṃ viya gahaṭṭhāvāso eva siyā, na bhikkhuāvāsoti veditabbaṃ. Jālaṃ macchabandhanaṃ. Vāgurā migabandhanī. Kappatīti yadi tesaṃ vacanena saṅkā na vattati, vaṭṭati, na taṃ vacanaṃ lesakappaṃ kātuṃ vaṭṭati. Teneva vakkhati ‘‘yattha ca nibbematiko hoti, taṃ sabbaṃ kappatī’’ti.

    ปวตฺตมํสนฺติ อาปณาทีสุ ปวตฺตํ วิกฺกายิกํ มตมํสํฯ ภิกฺขูนํเยว อตฺถาย อกตนฺติ เอตฺถ อฎฺฐานปฺปยุโตฺต เอว-สโทฺท, ภิกฺขูนํ อตฺถาย อกตเมวาติ สมฺพนฺธิตพฺพํ, ตสฺมา ภิกฺขูนญฺจ มงฺคลาทีนญฺจาติ มิเสฺสตฺวา กตมฺปิ น วฎฺฎตีติ เวทิตพฺพํฯ เกจิ ปน ยถาฐิตวเสน อวธารณํ คเหตฺวา ‘‘วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํฯ ‘‘วตฺต’’นฺติ อิมินา อาปตฺติ นตฺถีติ ทเสฺสติฯ

    Pavattamaṃsanti āpaṇādīsu pavattaṃ vikkāyikaṃ matamaṃsaṃ. Bhikkhūnaṃyeva atthāya akatanti ettha aṭṭhānappayutto eva-saddo, bhikkhūnaṃ atthāya akatamevāti sambandhitabbaṃ, tasmā bhikkhūnañca maṅgalādīnañcāti missetvā katampi na vaṭṭatīti veditabbaṃ. Keci pana yathāṭhitavasena avadhāraṇaṃ gahetvā ‘‘vaṭṭatī’’ti vadanti, taṃ na sundaraṃ. ‘‘Vatta’’nti iminā āpatti natthīti dasseti.

    กปฺปนฺติ อสเงฺขยฺยกปฺปํ, ‘‘อายุกปฺป’’นฺติปิ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๔๑๐) เกจิฯ มหากปฺปสฺส หิ จตุตฺถภาโค อสเงฺขยฺยกโปฺป, ตโต วีสติโม ภาโค สงฺฆเภทกสฺส อายุกปฺปนฺติ วทนฺติ, ตํ อฎฺฐกถาสุ กปฺปฎฺฐกถาย น สเมติ ‘‘กปฺปวินาเส เอว มุจฺจตี’’ติอาทิ (วิภ. อฎฺฐ. ๘๐๙) วจนโตฯ พฺรหฺมํ ปุญฺญนฺติ เสฎฺฐํ ปุญฺญํฯ กปฺปํ สคฺคมฺหีติ เอตฺถ ปฎิสนฺธิปรมฺปราย กปฺปฎฺฐตา เวทิตพฺพาฯ

    Kappanti asaṅkheyyakappaṃ, ‘‘āyukappa’’ntipi (sārattha. ṭī. 2.410) keci. Mahākappassa hi catutthabhāgo asaṅkheyyakappo, tato vīsatimo bhāgo saṅghabhedakassa āyukappanti vadanti, taṃ aṭṭhakathāsu kappaṭṭhakathāya na sameti ‘‘kappavināse eva muccatī’’tiādi (vibha. aṭṭha. 809) vacanato. Brahmaṃ puññanti seṭṭhaṃ puññaṃ. Kappaṃ saggamhīti ettha paṭisandhiparamparāya kappaṭṭhatā veditabbā.

    ๔๑๑. ลทฺธินานาสํวาสเกนาติ อุกฺขิตฺตานุวตฺตกภาเวน ภาวปฺปธานตฺตา นิเทฺทสสฺสฯ กมฺมนานาสํวาสเกนาติ อุกฺขิตฺตภาเวนฯ ‘‘เภทาย ปรกฺกเมยฺยา’’ติ วิสุํ วุตฺตตฺตา เภทนสํวตฺตนิกสฺส อธิกรณสฺส สมาทาย ปคฺคณฺหนโต ปุเพฺพปิ ปกฺขปริเยสนาทิวเสน สงฺฆเภทาย ปรกฺกมนฺตสฺส สมนุภาสนกมฺมํ กาตุํ วฎฺฎตีติ เวทิตพฺพํฯ โยปิ จายํ สงฺฆเภโท โหตีติ สมฺพโนฺธฯ

    411.Laddhinānāsaṃvāsakenāti ukkhittānuvattakabhāvena bhāvappadhānattā niddesassa. Kammanānāsaṃvāsakenāti ukkhittabhāvena. ‘‘Bhedāya parakkameyyā’’ti visuṃ vuttattā bhedanasaṃvattanikassa adhikaraṇassa samādāya paggaṇhanato pubbepi pakkhapariyesanādivasena saṅghabhedāya parakkamantassa samanubhāsanakammaṃ kātuṃ vaṭṭatīti veditabbaṃ. Yopi cāyaṃ saṅghabhedo hotīti sambandho.

    กเมฺมนาติ อปโลกนาทินาฯ อุเทฺทเสนาติ ปาติโมกฺขุเทฺทเสนฯ โวหาเรนาติ ตาหิ ตาหิ อุปปตฺตีหิ ‘‘อธมฺมํ ธโมฺม’’ติอาทินา (อ. นิ. ๓.๑๐-๓๙, ๔๒; จูฬว. ๓๕๒) โวหาเรน, ปเรสํ ปญฺญาปเนนาติ อโตฺถฯ อนุสาวนายาติ อตฺตโน ลทฺธิยา คหณตฺถเมว อนุ ปุนปฺปุนํ กณฺณมูเล มนฺตสาวนาย, กถเนนาติ อโตฺถฯ สลากคฺคาเหนาติ เอวํ อนุสาวนาย เตสํ จิตฺตํ อุปตฺถเมฺภตฺวา อตฺตโน ปเกฺข ปวิฎฺฐภาวสฺส สญฺญาณตฺถํ ‘‘คณฺหถ อิมํ สลาก’’นฺติ สลากคฺคาเหนฯ เอตฺถ จ กมฺมเมว, อุเทฺทโส วา สงฺฆเภเท ปธานํ การณํ, โวหาราทโย ปน สงฺฆเภทสฺส ปุพฺพภาคาติ เวทิตพฺพาฯ อพฺภุสฺสิตนฺติ อพฺภุคฺคตํฯ อเจฺฉยฺยาติ วิหเรยฺยฯ

    Kammenāti apalokanādinā. Uddesenāti pātimokkhuddesena. Vohārenāti tāhi tāhi upapattīhi ‘‘adhammaṃ dhammo’’tiādinā (a. ni. 3.10-39, 42; cūḷava. 352) vohārena, paresaṃ paññāpanenāti attho. Anusāvanāyāti attano laddhiyā gahaṇatthameva anu punappunaṃ kaṇṇamūle mantasāvanāya, kathanenāti attho. Salākaggāhenāti evaṃ anusāvanāya tesaṃ cittaṃ upatthambhetvā attano pakkhe paviṭṭhabhāvassa saññāṇatthaṃ ‘‘gaṇhatha imaṃ salāka’’nti salākaggāhena. Ettha ca kammameva, uddeso vā saṅghabhede padhānaṃ kāraṇaṃ, vohārādayo pana saṅghabhedassa pubbabhāgāti veditabbā. Abbhussitanti abbhuggataṃ. Accheyyāti vihareyya.

    ‘‘ลชฺชี รกฺขิสฺสตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๒; ปารา. อฎฺฐ. ๑.๔๕) วจนโต อาปตฺติภเยน อาโรจนํ ลชฺชีนํ เอว ภาโรติ อาห ‘‘ลชฺชีหิ ภิกฺขูหี’’ติ, อลชฺชิสฺสปิ อนาโรเจนฺตสฺส อาปตฺติเยวฯ อปฺปฎินิสฺสชฺชโต ทุกฺกฎนฺติ วิสุํ วิสุํ วทนฺตานํ คณนาย ทุกฺกฎํฯ ปโหเนฺตนาติ คนฺตุํ สมเตฺถน, อิจฺฉเนฺตนาติ อโตฺถฯ อาปตฺติ ปน อฑฺฒโยชนพฺภนฺตเรเนว อคิลานสฺส วเสน เวทิตพฺพาฯ

    ‘‘Lajjī rakkhissatī’’ti (visuddhi. 1.42; pārā. aṭṭha. 1.45) vacanato āpattibhayena ārocanaṃ lajjīnaṃ eva bhāroti āha ‘‘lajjīhi bhikkhūhī’’ti, alajjissapi anārocentassa āpattiyeva. Appaṭinissajjato dukkaṭanti visuṃ visuṃ vadantānaṃ gaṇanāya dukkaṭaṃ. Pahontenāti gantuṃ samatthena, icchantenāti attho. Āpatti pana aḍḍhayojanabbhantareneva agilānassa vasena veditabbā.

    ๔๑๖. ญตฺติยาทีหิ ทุกฺกฎาทิสพฺภาวํ สนฺธาย ‘‘สงฺฆาทิเสเสน อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํฯ อสฺสาติ เทวทตฺตสฺสฯ อปญฺญเตฺต สิกฺขาปเท สมนุภาสนกมฺมเสฺสว อภาวโต ‘‘น หิ ปญฺญตฺตํ สิกฺขาปทํ วีติกฺกมนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ สิกฺขาปทํ ปญฺญเปเนฺตเนว หิ สมนุภาสนกมฺมํ อนุญฺญาตํฯ อุทฺทิสฺส อนุญฺญาตโตติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โรมนฺถกสฺส โรมนฺถน’’นฺติอาทิํ (จูฬว. ๒๗๓) อุทฺทิสฺสานุญฺญาตํ สนฺธาย วทติฯ อนาปตฺติยนฺติ อนาปตฺติวาเรฯ อาปตฺติํ โรเปตโพฺพติ สมนุภาสนาย ปาจิตฺติยอาปตฺติํ โรเปตโพฺพฯ อาปตฺติเยว น ชาตาติ สงฺฆาทิเสสาปตฺติ น ชาตา เอวฯ

    416. Ñattiyādīhi dukkaṭādisabbhāvaṃ sandhāya ‘‘saṅghādisesena anāpattī’’ti vuttaṃ. Assāti devadattassa. Apaññatte sikkhāpade samanubhāsanakammasseva abhāvato ‘‘na hi paññattaṃ sikkhāpadaṃ vītikkamantassā’’ti vuttaṃ. Sikkhāpadaṃ paññapenteneva hi samanubhāsanakammaṃ anuññātaṃ. Uddissa anuññātatoti ‘‘anujānāmi, bhikkhave, romanthakassa romanthana’’ntiādiṃ (cūḷava. 273) uddissānuññātaṃ sandhāya vadati. Anāpattiyanti anāpattivāre. Āpattiṃ ropetabboti samanubhāsanāya pācittiyaāpattiṃ ropetabbo. Āpattiyeva na jātāti saṅghādisesāpatti na jātā eva.

    ‘‘น ปฎินิสฺสชฺชามี’’ติ สญฺญาย อภาเวน มุจฺจนโต สญฺญาวิโมกฺขํฯ สจิตฺตกนฺติ ‘‘น ปฎินิสฺสชฺชามี’’ติ ชานนจิเตฺตน สจิตฺตกํฯ โย วิสญฺญี วา ภีโต วา วิกฺขิโตฺต วา ‘‘ปฎินิสฺสชฺชิตพฺพ’’นฺติปิ, ‘‘กมฺมํ กริสฺสตี’’ติ วา น ชานาติ, ตสฺส อนาปตฺติฯ เภทาย ปรกฺกมนํ, ธมฺมกเมฺมน สมนุภาสนํ, กมฺมวาจาปริโยสานํ, น ปฎินิสฺสชฺชามีติ จิเตฺตน อปฺปฎินิสฺสชฺชนนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ

    ‘‘Na paṭinissajjāmī’’ti saññāya abhāvena muccanato saññāvimokkhaṃ. Sacittakanti ‘‘na paṭinissajjāmī’’ti jānanacittena sacittakaṃ. Yo visaññī vā bhīto vā vikkhitto vā ‘‘paṭinissajjitabba’’ntipi, ‘‘kammaṃ karissatī’’ti vā na jānāti, tassa anāpatti. Bhedāya parakkamanaṃ, dhammakammena samanubhāsanaṃ, kammavācāpariyosānaṃ, na paṭinissajjāmīti cittena appaṭinissajjananti imānettha cattāri aṅgāni.

    ปฐมสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamasaṅghabhedasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑๐. สงฺฆเภทสิกฺขาปทํ • 10. Saṅghabhedasikkhāpadaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑๐. ปฐมสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Paṭhamasaṅghabhedasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๑๐. ปฐมสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Paṭhamasaṅghabhedasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑๐. ปฐมสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Paṭhamasaṅghabhedasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact