Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ภิกฺขุนีวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Bhikkhunīvibhaṅga-aṭṭhakathā

    ๒. สงฺฆาทิเสสกณฺฑํ (ภิกฺขุนีวิภงฺควณฺณนา)

    2. Saṅghādisesakaṇḍaṃ (bhikkhunīvibhaṅgavaṇṇanā)

    ๑. ปฐมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา

    1. Paṭhamasaṅghādisesasikkhāpadavaṇṇanā

    ปาราชิกานนฺตรสฺส , อยํ ทานิ ภวิสฺสติ;

    Pārājikānantarassa , ayaṃ dāni bhavissati;

    สงฺฆาทิเสสกณฺฑสฺส, อนุตฺตานตฺถวณฺณนาฯ

    Saṅghādisesakaṇḍassa, anuttānatthavaṇṇanā.

    ๖๗๘. อุโทสิตนฺติ ภณฺฑสาลาฯ มาโยฺย เอวํ อวจาติ อโยฺย มา เอวํ อวจฯ อปินายฺยาติ อปินุ อยฺยาฯ อจฺจาวทถาติ อติกฺกมิตฺวา วทถ; อโกฺกสถาติ วุตฺตํ โหติฯ

    678.Udositanti bhaṇḍasālā. Māyyo evaṃ avacāti ayyo mā evaṃ avaca. Apināyyāti apinu ayyā. Accāvadathāti atikkamitvā vadatha; akkosathāti vuttaṃ hoti.

    ๖๗๙. อุสฺสยวาทิกาติ มานุสฺสยวเสน โกธุสฺสยวเสน วิวทมานาฯ ยสฺมา ปน สา อตฺถโต อฎฺฎการิกา โหติ, ตสฺมา ‘‘อุสฺสยวาทิกา นาม อฑฺฑการิกา วุจฺจตี’’ติ ปทภาชเน วุตฺตํฯ เอตฺถ จ อโฑฺฑติ โวหาริกวินิจฺฉโย วุจฺจติ, ยํ ปพฺพชิตา ‘‘อธิกรณ’’นฺติปิ วทนฺติฯ ทุติยํ วา ปริเยสตีติ สกฺขิํ วา สหายํ วา ปริเยสติ, ทุกฺกฎํฯ คจฺฉติ วาติ อุปสฺสโย วา โหตุ ภิกฺขาจารมโคฺค วา, ยตฺถ ฐิตาย ‘‘อฑฺฑํ กริสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตโต โวหาริกานํ สนฺติกํ คจฺฉนฺติยา ปทวาเร ปทวาเร ทุกฺกฎํฯ เอกสฺส อาโรเจตีติ ทฺวีสุ ชเนสุ ยสฺส กสฺสจิ เอกสฺส กถํ โย โกจิ โวหาริกานํ อาโรเจติฯ ทุติยสฺส อาโรเจตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ

    679.Ussayavādikāti mānussayavasena kodhussayavasena vivadamānā. Yasmā pana sā atthato aṭṭakārikā hoti, tasmā ‘‘ussayavādikā nāma aḍḍakārikā vuccatī’’ti padabhājane vuttaṃ. Ettha ca aḍḍoti vohārikavinicchayo vuccati, yaṃ pabbajitā ‘‘adhikaraṇa’’ntipi vadanti. Dutiyaṃ vā pariyesatīti sakkhiṃ vā sahāyaṃ vā pariyesati, dukkaṭaṃ. Gacchati vāti upassayo vā hotu bhikkhācāramaggo vā, yattha ṭhitāya ‘‘aḍḍaṃ karissāmī’’ti cittaṃ uppajjati, tato vohārikānaṃ santikaṃ gacchantiyā padavāre padavāre dukkaṭaṃ. Ekassa ārocetīti dvīsu janesu yassa kassaci ekassa kathaṃ yo koci vohārikānaṃ āroceti. Dutiyassa ārocetīti etthāpi eseva nayo.

    อยํ ปเนตฺถ อสโมฺมหตฺถาย วิตฺถารกถา – ยตฺถ กตฺถจิ อนฺตมโส ภิกฺขุนุปสฺสยํ อาคเตปิ โวหาริเก ทิสฺวา ภิกฺขุนี อตฺตโน กถํ อาโรเจติ, ภิกฺขุนิยา ทุกฺกฎํฯ อุปาสโก อตฺตโน กถํ อาโรเจติ, ภิกฺขุนิยา ถุลฺลจฺจยํฯ ปฐมํ อุปาสโก อตฺตโน กถํ อาโรเจติ , ภิกฺขุนิยา ทุกฺกฎํฯ อถ สา อตฺตโน กถํ อาโรเจติ, ถุลฺลจฺจยํฯ ภิกฺขุนี อุปาสกํ วทติ – ‘‘มม จ ตว จ กถํ ตฺวํเยว อาโรเจหี’’ติ, โส อตฺตโน วา กถํ ปฐมํ อาโรเจตุ ภิกฺขุนิยา วา, ปฐมาโรจเน ทุกฺกฎํ, ทุติยาโรจเน ถุลฺลจฺจยํฯ อุปาสโก ภิกฺขุนิํ วทติ – ‘‘มม จ ตว จ กถํ ตฺวํเยว อาโรเจหี’’ติ, เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ

    Ayaṃ panettha asammohatthāya vitthārakathā – yattha katthaci antamaso bhikkhunupassayaṃ āgatepi vohārike disvā bhikkhunī attano kathaṃ āroceti, bhikkhuniyā dukkaṭaṃ. Upāsako attano kathaṃ āroceti, bhikkhuniyā thullaccayaṃ. Paṭhamaṃ upāsako attano kathaṃ āroceti , bhikkhuniyā dukkaṭaṃ. Atha sā attano kathaṃ āroceti, thullaccayaṃ. Bhikkhunī upāsakaṃ vadati – ‘‘mama ca tava ca kathaṃ tvaṃyeva ārocehī’’ti, so attano vā kathaṃ paṭhamaṃ ārocetu bhikkhuniyā vā, paṭhamārocane dukkaṭaṃ, dutiyārocane thullaccayaṃ. Upāsako bhikkhuniṃ vadati – ‘‘mama ca tava ca kathaṃ tvaṃyeva ārocehī’’ti, etthāpi eseva nayo.

    ภิกฺขุนี กปฺปิยการเกน กถาเปติ, ตตฺถ กปฺปิยการโก วา ภิกฺขุนิยา กถํ ปฐมํ อาโรเจตุ, อิตโร วา อตฺตโน กถํ, กปฺปิยการโก วา อุภินฺนมฺปิ กถํ, อิตโร วา อุภินฺนมฺปิ กถํ อาโรเจตุ, ยถา วา ตถา วา อาโรจิยมาเน ปฐเม อาโรจเน ภิกฺขุนิยา ทุกฺกฎํ, ทุติเย ถุลฺลจฺจยํฯ ยถา วา ตถา วา อาโรจิตํ ปน อุภินฺนมฺปิ กถํ สุตฺวา โวหาริเกหิ วินิจฺฉเย กเต อฑฺฑปริโยสานํ นาม โหติ, ตสฺมิํ อฑฺฑปริโยสาเน ภิกฺขุนิยา ชเยปิ ปราชเยปิ สงฺฆาทิเสโสฯ สเจ ปน คติคตํ อธิกรณํ โหติ, สุตปุพฺพํ โวหาริเกหิฯ อถ เต ภิกฺขุนิญฺจ อฑฺฑการกญฺจ ทิสฺวาว ‘‘ตุมฺหากํ กถนกิจฺจํ นตฺถิ, ชานาม มยํ เอตฺถ ปวตฺติ’’นฺติ สยเมว วินิจฺฉินิตฺวา เทนฺติ, เอวรูเป อฑฺฑปริโยสาเนปิ ภิกฺขุนิยา อนาปตฺติฯ

    Bhikkhunī kappiyakārakena kathāpeti, tattha kappiyakārako vā bhikkhuniyā kathaṃ paṭhamaṃ ārocetu, itaro vā attano kathaṃ, kappiyakārako vā ubhinnampi kathaṃ, itaro vā ubhinnampi kathaṃ ārocetu, yathā vā tathā vā ārociyamāne paṭhame ārocane bhikkhuniyā dukkaṭaṃ, dutiye thullaccayaṃ. Yathā vā tathā vā ārocitaṃ pana ubhinnampi kathaṃ sutvā vohārikehi vinicchaye kate aḍḍapariyosānaṃ nāma hoti, tasmiṃ aḍḍapariyosāne bhikkhuniyā jayepi parājayepi saṅghādiseso. Sace pana gatigataṃ adhikaraṇaṃ hoti, sutapubbaṃ vohārikehi. Atha te bhikkhuniñca aḍḍakārakañca disvāva ‘‘tumhākaṃ kathanakiccaṃ natthi, jānāma mayaṃ ettha pavatti’’nti sayameva vinicchinitvā denti, evarūpe aḍḍapariyosānepi bhikkhuniyā anāpatti.

    ปฐมํ อาปตฺติ เอตสฺสาติ ปฐมาปตฺติโก; วีติกฺกมกฺขเณเยว อาปชฺชิตโพฺพติ อโตฺถ, ตํ ปฐมาปตฺติกํฯ ปทภาชเน ปน อธิปฺปายมตฺตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สห วตฺถุชฺฌาจารา อาปชฺชติ อสมนุภาสนายา’’ติ วุตฺตํฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – สห วตฺถุชฺฌาจารา ยํ ภิกฺขุนี อาปชฺชติ, น ตติยาย สมนุภาสนาย, อยํ ปฐมเมว สห วตฺถุชฺฌาจาเรน อาปชฺชิตพฺพตฺตา ปฐมาปตฺติโกติฯ ภิกฺขุนิสงฺฆโต นิสฺสาเรตีติ นิสฺสารณีโย; ตํ นิสฺสารณียํฯ ปทภาชเน ปน อธิปฺปายมตฺตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สงฺฆมฺหา นิสฺสารียตีติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยํ อาปนฺนา ภิกฺขุนี สงฺฆโต นิสฺสารียติ, โส นิสฺสารณีโยติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ น หิ โส เอว ธโมฺม สงฺฆมฺหา เกนจิ นิสฺสารียติฯ เตน ปน ธเมฺมน ภิกฺขุนี นิสฺสารียติ, ตสฺมา โส นิสฺสาเรตีติ นิสฺสารณีโยฯ

    Paṭhamaṃ āpatti etassāti paṭhamāpattiko; vītikkamakkhaṇeyeva āpajjitabboti attho, taṃ paṭhamāpattikaṃ. Padabhājane pana adhippāyamattaṃ dassetuṃ ‘‘saha vatthujjhācārā āpajjati asamanubhāsanāyā’’ti vuttaṃ. Ayañhettha attho – saha vatthujjhācārā yaṃ bhikkhunī āpajjati, na tatiyāya samanubhāsanāya, ayaṃ paṭhamameva saha vatthujjhācārena āpajjitabbattā paṭhamāpattikoti. Bhikkhunisaṅghato nissāretīti nissāraṇīyo; taṃ nissāraṇīyaṃ. Padabhājane pana adhippāyamattaṃ dassetuṃ ‘‘saṅghamhā nissārīyatīti vuttaṃ. Tattha yaṃ āpannā bhikkhunī saṅghato nissārīyati, so nissāraṇīyoti evamattho daṭṭhabbo. Na hi so eva dhammo saṅghamhā kenaci nissārīyati. Tena pana dhammena bhikkhunī nissārīyati, tasmā so nissāretīti nissāraṇīyo.

    อากฑฺฒิยมานา คจฺฉตีติ อฑฺฑการกมนุเสฺสหิ สยํ วา อาคนฺตฺวา ทูตํ วา เปเสตฺวา เอหีติ วุจฺจมานา โวหาริกานํ สนฺติกํ คจฺฉติ, ตโต อฑฺฑการโก อตฺตโน วา กถํ ปฐมํ อาโรเจตุ ภิกฺขุนิยา วา, เนว ปฐมาโรจเน ทุกฺกฎํ, น ทุติยาโรจเน ถุลฺลจฺจยํฯ อมเจฺจหิ วินิจฺฉินิตฺวา กเต อฑฺฑปริโยสาเนปิ อนาปตฺติเยวฯ สเจปิ อฑฺฑการโก ภิกฺขุนิํ วทติ ‘‘มม จ ตว จ กถํ ตฺวเมว กเถหี’’ติ; กเถนฺติยาปิ กถํ สุตฺวา กเต อฑฺฑปริโยสาเนปิ อนาปตฺติเยวฯ

    Ākaḍḍhiyamānā gacchatīti aḍḍakārakamanussehi sayaṃ vā āgantvā dūtaṃ vā pesetvā ehīti vuccamānā vohārikānaṃ santikaṃ gacchati, tato aḍḍakārako attano vā kathaṃ paṭhamaṃ ārocetu bhikkhuniyā vā, neva paṭhamārocane dukkaṭaṃ, na dutiyārocane thullaccayaṃ. Amaccehi vinicchinitvā kate aḍḍapariyosānepi anāpattiyeva. Sacepi aḍḍakārako bhikkhuniṃ vadati ‘‘mama ca tava ca kathaṃ tvameva kathehī’’ti; kathentiyāpi kathaṃ sutvā kate aḍḍapariyosānepi anāpattiyeva.

    รกฺขํ ยาจตีติ ธมฺมิกํ รกฺขํ ยาจติ, อนาปตฺติฯ อิทานิ ยถายาจิตา รกฺขา ธมฺมิกา โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ อโนทิสฺส อาจิกฺขตีติ อาหฯ ตตฺถ อตีตํ อารพฺภ อตฺถิ โอทิสฺสอาจิกฺขนา, อตฺถิ อโนทิสฺสอาจิกฺขนา, อนาคตํ อารพฺภาปิ อตฺถิ โอทิสฺสอาจิกฺขนา, อตฺถิ อโนทิสฺสอาจิกฺขนาฯ

    Rakkhaṃyācatīti dhammikaṃ rakkhaṃ yācati, anāpatti. Idāni yathāyācitā rakkhā dhammikā hoti, taṃ dassetuṃ anodissa ācikkhatīti āha. Tattha atītaṃ ārabbha atthi odissaācikkhanā, atthi anodissaācikkhanā, anāgataṃ ārabbhāpi atthi odissaācikkhanā, atthi anodissaācikkhanā.

    กถํ อตีตํ อารพฺภ โอทิสฺสอาจิกฺขนา โหติ? ภิกฺขุนุปสฺสเย คามทารกา ธุตฺตาทโย วา เย เกจิ อนาจารํ วา อาจรนฺติ, รุกฺขํ วา ฉินฺทนฺติ, ผลาผลํ วา หรนฺติ, ปริกฺขาเร วา อจฺฉินฺทนฺติฯ ภิกฺขุนี โวหาริเก อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อมฺหากํ อุปสฺสเย อิทํ นาม กต’’นฺติ วทติฯ ‘‘เกนา’’ติ วุเตฺต ‘‘อสุเกน จ อสุเกน จา’’ติ อาจิกฺขติฯ เอวํ อตีตํ อารพฺภ โอทิสฺสอาจิกฺขนา โหติ, สา น วฎฺฎติฯ ตเญฺจ สุตฺวา เต โวหาริกา เตสํ ทณฺฑํ กโรนฺติ, สพฺพํ ภิกฺขุนิยา คีวา โหติฯ ทณฺฑํ คณฺหิสฺสนฺตีติ อธิปฺปาเยปิ สติ คีวาเยว โหติฯ สเจ ปน ตสฺส ทณฺฑํ คณฺหถาติ วทติ, ปญฺจมาสกมเตฺต คหิเต ปาราชิกํ โหติฯ

    Kathaṃ atītaṃ ārabbha odissaācikkhanā hoti? Bhikkhunupassaye gāmadārakā dhuttādayo vā ye keci anācāraṃ vā ācaranti, rukkhaṃ vā chindanti, phalāphalaṃ vā haranti, parikkhāre vā acchindanti. Bhikkhunī vohārike upasaṅkamitvā ‘‘amhākaṃ upassaye idaṃ nāma kata’’nti vadati. ‘‘Kenā’’ti vutte ‘‘asukena ca asukena cā’’ti ācikkhati. Evaṃ atītaṃ ārabbha odissaācikkhanā hoti, sā na vaṭṭati. Tañce sutvā te vohārikā tesaṃ daṇḍaṃ karonti, sabbaṃ bhikkhuniyā gīvā hoti. Daṇḍaṃ gaṇhissantīti adhippāyepi sati gīvāyeva hoti. Sace pana tassa daṇḍaṃ gaṇhathāti vadati, pañcamāsakamatte gahite pārājikaṃ hoti.

    ‘‘เกนา’’ติ วุเตฺต ปน ‘‘อสุเกนาติ วตฺตุํ อมฺหากํ น วฎฺฎติ, ตุเมฺหเยว ชานิสฺสถฯ เกวลญฺหิ มยํ รกฺขํ ยาจาม, ตํ โน เทถ, อวหฎภณฺฑญฺจ อาหราเปถา’’ติ วตฺตพฺพํฯ เอวํ อโนทิสฺส อาจิกฺขนา โหติ, สา วฎฺฎติฯ เอวํ วุเตฺต สเจปิ เต โวหาริกา การเก คเวสิตฺวา เตสํ ทณฺฑํ กโรนฺติ, สพฺพํ สาปเตยฺยมฺปิ คหิตํ ภิกฺขุนิยา, เนว คีวา น อาปตฺติฯ

    ‘‘Kenā’’ti vutte pana ‘‘asukenāti vattuṃ amhākaṃ na vaṭṭati, tumheyeva jānissatha. Kevalañhi mayaṃ rakkhaṃ yācāma, taṃ no detha, avahaṭabhaṇḍañca āharāpethā’’ti vattabbaṃ. Evaṃ anodissa ācikkhanā hoti, sā vaṭṭati. Evaṃ vutte sacepi te vohārikā kārake gavesitvā tesaṃ daṇḍaṃ karonti, sabbaṃ sāpateyyampi gahitaṃ bhikkhuniyā, neva gīvā na āpatti.

    ปริกฺขารํ หรเนฺต ทิสฺวา เตสํ อนตฺถกามตาย โจโร โจโรติ วตฺตุมฺปิ น วฎฺฎติฯ เอวํ วุเตฺตปิ หิ ยํ เตสํ ทณฺฑํ กโรนฺติ, สพฺพมฺปิ ภิกฺขุนิยา คีวา โหติฯ อตฺตโน วจนกรํ ปน ‘‘อิมินา เม ปริกฺขาโร คหิโต, ตํ อาหราเปหิ, มา จสฺส ทณฺฑํ กโรหี’’ติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ ทาสทาสีวาปิอาทีนํ อตฺถาย อฑฺฑํ กโรนฺติ, อยํ อกปฺปิยอโฑฺฑ นาม, น วฎฺฎติฯ

    Parikkhāraṃ harante disvā tesaṃ anatthakāmatāya coro coroti vattumpi na vaṭṭati. Evaṃ vuttepi hi yaṃ tesaṃ daṇḍaṃ karonti, sabbampi bhikkhuniyā gīvā hoti. Attano vacanakaraṃ pana ‘‘iminā me parikkhāro gahito, taṃ āharāpehi, mā cassa daṇḍaṃ karohī’’ti vattuṃ vaṭṭati. Dāsadāsīvāpiādīnaṃ atthāya aḍḍaṃ karonti, ayaṃ akappiyaaḍḍo nāma, na vaṭṭati.

    กถํ อนาคตํ อารพฺภ โอทิสฺสอาจิกฺขนา โหติ? วุตฺตนเยเนว ปเรหิ อนาจาราทีสุ กเตสุ ภิกฺขุนี โวหาริเก เอวํ วทติ ‘‘อมฺหากํ อุปสฺสเย อิทญฺจิทญฺจ กโรนฺติ, รกฺขํ โน เทถ อายติํ อกรณตฺถายา’’ติฯ ‘‘เกน เอวํ กต’’นฺติ วุเตฺต จ ‘‘อสุเกน อสุเกน จา’’ติ อาจิกฺขติฯ เอวํ อนาคตํ อารพฺภ โอทิสฺสอาจิกฺขนา โหติ, สาปิ น วฎฺฎติฯ เตสญฺหิ ทเณฺฑ กเต ปุริมนเยเนว สพฺพํ ภิกฺขุนิยา คีวาฯ เสสํ ปุริมสทิสเมวฯ

    Kathaṃ anāgataṃ ārabbha odissaācikkhanā hoti? Vuttanayeneva parehi anācārādīsu katesu bhikkhunī vohārike evaṃ vadati ‘‘amhākaṃ upassaye idañcidañca karonti, rakkhaṃ no detha āyatiṃ akaraṇatthāyā’’ti. ‘‘Kena evaṃ kata’’nti vutte ca ‘‘asukena asukena cā’’ti ācikkhati. Evaṃ anāgataṃ ārabbha odissaācikkhanā hoti, sāpi na vaṭṭati. Tesañhi daṇḍe kate purimanayeneva sabbaṃ bhikkhuniyā gīvā. Sesaṃ purimasadisameva.

    สเจ ปน โวหาริกา ‘‘ภิกฺขุนุปสฺสเย เอวรูปํ อนาจารํ กโรนฺตานํ อิมํ นาม ทณฺฑํ กโรมา’’ติ เภริํ จราเปตฺวา อาณาย อติฎฺฐมาเน ปริเยสิตฺวา ทณฺฑํ กโรนฺติ, ภิกฺขุนิยา เนว คีวา น อาปตฺติฯ

    Sace pana vohārikā ‘‘bhikkhunupassaye evarūpaṃ anācāraṃ karontānaṃ imaṃ nāma daṇḍaṃ karomā’’ti bheriṃ carāpetvā āṇāya atiṭṭhamāne pariyesitvā daṇḍaṃ karonti, bhikkhuniyā neva gīvā na āpatti.

    โย จายํ ภิกฺขุนีนํ วุโตฺต, ภิกฺขูนมฺปิ เอเสว นโยฯ ภิกฺขุโนปิ หิ โอทิสฺสอาจิกฺขนา น วฎฺฎติฯ ยํ ตถา อาจิกฺขิเต ทณฺฑํ กโรนฺติ, สพฺพํ คีวา โหติฯ วุตฺตนเยเนว ทณฺฑํ คณฺหาเปนฺตสฺส ปาราชิกํฯ โย ปน ‘‘ทณฺฑํ กริสฺสนฺตี’’ติ ชานโนฺตปิ อโนทิสฺส กเถติ, เต จ ปริเยสิตฺวา ทณฺฑํ กโรนฺติเยว, น โทโสฯ วิหารสีมาย รุกฺขาทีนิ ฉินฺทนฺตานํ วาสิผรสุอาทีนิ คเหตฺวา ปาสาเณหิ โกเฎฺฎนฺติ, น วฎฺฎติฯ สเจ ธารา ภิชฺชติ, การาเปตฺวา ทาตพฺพาฯ อุปธาวิตฺวา เตสํ ปริกฺขาเร คณฺหนฺติ, ตมฺปิ น กาตพฺพํ, ลหุปริวตฺตญฺหิ จิตฺตํ, เถยฺยเจตนาย อุปฺปนฺนาย มูลเจฺฉชฺชมฺปิ คเจฺฉยฺยฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ

    Yo cāyaṃ bhikkhunīnaṃ vutto, bhikkhūnampi eseva nayo. Bhikkhunopi hi odissaācikkhanā na vaṭṭati. Yaṃ tathā ācikkhite daṇḍaṃ karonti, sabbaṃ gīvā hoti. Vuttanayeneva daṇḍaṃ gaṇhāpentassa pārājikaṃ. Yo pana ‘‘daṇḍaṃ karissantī’’ti jānantopi anodissa katheti, te ca pariyesitvā daṇḍaṃ karontiyeva, na doso. Vihārasīmāya rukkhādīni chindantānaṃ vāsipharasuādīni gahetvā pāsāṇehi koṭṭenti, na vaṭṭati. Sace dhārā bhijjati, kārāpetvā dātabbā. Upadhāvitvā tesaṃ parikkhāre gaṇhanti, tampi na kātabbaṃ, lahuparivattañhi cittaṃ, theyyacetanāya uppannāya mūlacchejjampi gaccheyya. Sesaṃ uttānameva.

    กถินสมุฎฺฐานํ – กิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ

    Kathinasamuṭṭhānaṃ – kiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.

    สตฺตรสเก ปฐมสิกฺขาปทํฯ

    Sattarasake paṭhamasikkhāpadaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / ภิกฺขุนีวิภงฺค • Bhikkhunīvibhaṅga / ๑. ปฐมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทํ • 1. Paṭhamasaṅghādisesasikkhāpadaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๑. ปฐมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Paṭhamasaṅghādisesasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑. ปฐมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Paṭhamasaṅghādisesasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑. ปฐมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปท-อตฺถโยชนา • 1. Paṭhamasaṅghādisesasikkhāpada-atthayojanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact