Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๒. สารณียวโคฺค
2. Sāraṇīyavaggo
๑. ปฐมสารณียสุตฺตวณฺณนา
1. Paṭhamasāraṇīyasuttavaṇṇanā
๑๑. ทุติยสฺส ปฐเม สริตพฺพยุตฺตกาติ อนุสฺสรณารหาฯ มิชฺชติ สินิยฺหติ เอตายาติ เมตฺตา, มิตฺตภาโวฯ เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, กายกมฺมํฯ ตํ ปน ยสฺมา เมตฺตาสหคตจิตฺตสมุฎฺฐานํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เมเตฺตน จิเตฺตน กาตพฺพํ กายกมฺม’’นฺติฯ เอส นโย เสสทฺวเยปิฯ อิมานีติ เมตฺตกายกมฺมาทีนิฯ ภิกฺขูนํ วเสน อาคตานิ เตสํ เสฎฺฐปริสภาวโตฯ ยถา ปน ภิกฺขุนีสุปิ ลพฺภนฺติ, เอวํ คิหีสุปิ ลพฺภนฺติ จตุปริสสาธารณตฺตาติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ภิกฺขูนญฺหี’’ติอาทิมาหฯ ภิกฺขุโน สพฺพมฺปิ อนวชฺชกายกมฺมํ อาภิสมาจาริกกมฺมโนฺตคธเมวาติ อาห ‘‘เมเตฺตน จิเตฺตน…เป.… กายกมฺมํ นามา’’ติฯ ภตฺติวเสน ปวตฺติยมานา เจติยโพธีนํ วนฺทนา เมตฺตาสิทฺธาติ กตฺวา ตทตฺถาย คมนํ ‘‘เมตฺตํ กายกมฺม’’นฺติ วุตฺตํฯ อาทิ-สเทฺทน เจติยโพธิภิกฺขูสุ วุตฺตาวเสสาปจายนาทิวเสน ปวตฺตเมตฺตาวเสน ปวตฺตํ กายิกํ กิริยํ สงฺคณฺหาติฯ
11. Dutiyassa paṭhame saritabbayuttakāti anussaraṇārahā. Mijjati siniyhati etāyāti mettā, mittabhāvo. Mettā etassa atthīti mettaṃ, kāyakammaṃ. Taṃ pana yasmā mettāsahagatacittasamuṭṭhānaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘mettena cittena kātabbaṃ kāyakamma’’nti. Esa nayo sesadvayepi. Imānīti mettakāyakammādīni. Bhikkhūnaṃ vasena āgatāni tesaṃ seṭṭhaparisabhāvato. Yathā pana bhikkhunīsupi labbhanti, evaṃ gihīsupi labbhanti catuparisasādhāraṇattāti taṃ dassento ‘‘bhikkhūnañhī’’tiādimāha. Bhikkhuno sabbampi anavajjakāyakammaṃ ābhisamācārikakammantogadhamevāti āha ‘‘mettena cittena…pe… kāyakammaṃ nāmā’’ti. Bhattivasena pavattiyamānā cetiyabodhīnaṃ vandanā mettāsiddhāti katvā tadatthāya gamanaṃ ‘‘mettaṃ kāyakamma’’nti vuttaṃ. Ādi-saddena cetiyabodhibhikkhūsu vuttāvasesāpacāyanādivasena pavattamettāvasena pavattaṃ kāyikaṃ kiriyaṃ saṅgaṇhāti.
เตปิฎกมฺปิ พุทฺธวจนํ กถิยมานนฺติ อธิปฺปาโยฯ เตปิฎกมฺปิ พุทฺธวจนํ ปริปุจฺฉนอตฺถกถนวเสน ปวตฺติยมานเมว เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม หิตชฺฌาสเยน ปวตฺติตพฺพโตฯ ตีณิ สุจริตานีติ กายวจีมโนสุจริตานิฯ จินฺตนนฺติ เอวํ จินฺตนมตฺตมฺปิ มโนกมฺมํ, ปเคว ปฎิปนฺนา ภาวนาติ ทเสฺสติฯ
Tepiṭakampi buddhavacanaṃ kathiyamānanti adhippāyo. Tepiṭakampi buddhavacanaṃ paripucchanaatthakathanavasena pavattiyamānameva mettaṃ vacīkammaṃ nāma hitajjhāsayena pavattitabbato. Tīṇi sucaritānīti kāyavacīmanosucaritāni. Cintananti evaṃ cintanamattampi manokammaṃ, pageva paṭipannā bhāvanāti dasseti.
อาวีติ ปกาสํฯ ปกาสภาโว เจตฺถ ยํ อุทฺทิสฺส ตํ กายกมฺมํ กรียติ, ตสฺส สมฺมุขภาวโตติ อาห ‘‘สมฺมุขา’’ติฯ รโหติ อปฺปกาสํฯ อปฺปกาสตา จ ยํ อุทฺทิสฺส ตํ กายกมฺมํ กรียติ, ตสฺส อปจฺจกฺขภาวโตติ อาห ‘‘ปรมฺมุขา’’ติฯ สหายภาวคมนํ เตสํ ปุรโตฯ เตสุ กโรเนฺตสุเยว หิ สหายภาวคมนํ สมฺมุขา กายกมฺมํ นาม โหติฯ อุภเยหีติ นวเกหิ เถเรหิ จฯ ปคฺคยฺหาติ ปคฺคณฺหิตฺวา อุทฺธํ กตฺวา เกวลํ ‘‘เทโว’’ติ อวตฺวา คุเณหิ ถิรภาวโชตนํ ‘‘เทวเตฺถโร’’ติ วจนํ ปคฺคยฺห วจนํฯ มมตฺตโพธนํ วจนํ มมายนวจนํฯ เอกนฺตปรมฺมุขสฺส มโนกมฺมสฺส สมฺมุขตา นาม วิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปนวเสน โหติ, ตญฺจ โข โลเก กายกมฺมนฺติ ปากฎํ ปญฺญาตํฯ หตฺถวิการาทีนิ อนามสิตฺวา เอว ทเสฺสโนฺต ‘‘นยนานิ อุมฺมีเลตฺวา’’ติอาทิมาหฯ กามํ เมตฺตาสิเนหสินิทฺธานํ นยนานํ อุมฺมีลนา ปสเนฺนน มุเขน โอโลกนญฺจ เมตฺตํ กายกมฺมเมว, ยสฺส ปน จิตฺตสฺส วเสน นยนานํ เมตฺตาสิเนหสินิทฺธตา มุขสฺส จ ปสนฺนตา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เมตฺตํ มโนกมฺมํ นามา’’ติฯ
Āvīti pakāsaṃ. Pakāsabhāvo cettha yaṃ uddissa taṃ kāyakammaṃ karīyati, tassa sammukhabhāvatoti āha ‘‘sammukhā’’ti. Rahoti appakāsaṃ. Appakāsatā ca yaṃ uddissa taṃ kāyakammaṃ karīyati, tassa apaccakkhabhāvatoti āha ‘‘parammukhā’’ti. Sahāyabhāvagamanaṃ tesaṃ purato. Tesu karontesuyeva hi sahāyabhāvagamanaṃ sammukhā kāyakammaṃ nāma hoti. Ubhayehīti navakehi therehi ca. Paggayhāti paggaṇhitvā uddhaṃ katvā kevalaṃ ‘‘devo’’ti avatvā guṇehi thirabhāvajotanaṃ ‘‘devatthero’’ti vacanaṃ paggayha vacanaṃ. Mamattabodhanaṃ vacanaṃ mamāyanavacanaṃ. Ekantaparammukhassa manokammassa sammukhatā nāma viññattisamuṭṭhāpanavasena hoti, tañca kho loke kāyakammanti pākaṭaṃ paññātaṃ. Hatthavikārādīni anāmasitvā eva dassento ‘‘nayanāni ummīletvā’’tiādimāha. Kāmaṃ mettāsinehasiniddhānaṃ nayanānaṃ ummīlanā pasannena mukhena olokanañca mettaṃ kāyakammameva, yassa pana cittassa vasena nayanānaṃ mettāsinehasiniddhatā mukhassa ca pasannatā, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘mettaṃ manokammaṃ nāmā’’ti.
ลาภ-สโทฺท กมฺมสาธโน ‘‘ลาภา วต, โภ, ลโทฺธ’’ติอาทีสุ วิยฯ โส เจตฺถ ‘‘ธมฺมลทฺธา’’ติ วจนโต อตีตกาลิโกติ อาห ‘‘จีวราทโย ลทฺธปจฺจยา’’ติฯ ธมฺมโต อาคตาติ ธมฺมิกา, ปริสุทฺธคมนา ปจฺจยาฯ เตนาห ‘‘ธมฺมลทฺธา’’ติฯ อิมเมว หิ อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘กุหนาที’’ติอาทิ วุตฺตํฯ น สมฺมา คยฺหมานา หิ ธมฺมลทฺธา นาม น โหนฺตีติ ตปฺปฎิเสธนตฺถํ ปาฬิยํ ‘‘ธมฺมลทฺธา’’ติ วุตฺตํฯ เทยฺยํ ทกฺขิเณยฺยญฺจ อปฺปฎิวิภตฺตํ กตฺวา ภุญฺชตีติ อปฺปฎิวิภตฺตโภคี นาม โหติฯ เตนาห ‘‘เทฺว ปฎิวิภตฺตานิ นามา’’ติอาทิฯ จิเตฺตน วิภชนนฺติ เอเตน จิตฺตุปฺปาทมเตฺตนปิ วิภชนํ ปฎิวิภตฺตํ นาม, ปเคว ปโยคโตติ ทเสฺสติฯ จิเตฺตน วิภชนปุพฺพกํ วา กาเยน วิภชนนฺติ มูลเมว ทเสฺสตุํ ‘‘เอวํ จิเตฺตน วิภชน’’นฺติ วุตฺตํฯ เตน จิตฺตุปฺปาทมเตฺตน ปฎิวิภาโค กาตโพฺพติ ทเสฺสติฯ อปฺปฎิวิภตฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิเทฺทโส, อปฺปฎิวิภตฺตํ ลาภํ ภุญฺชตีติ กมฺมนิเทฺทโส วาฯ ตํ เนว คิหีนํ เทติ อตฺตโน อาชีวโสธนตฺถํฯ น อตฺตนา ปริภุญฺชติ ‘‘มยฺหํ อสาธารณโภคิตา มา โหตู’’ติฯ ปฎิคฺคณฺหโนฺต จ…เป.… ปสฺสตีติ อิมินา อาคมนโต ปฎฺฐาย สาธารณพุทฺธิํ อุปฎฺฐาเปติฯ เอวํ หิสฺส สาธารณโภคิตา สุกรา, สารณียธโมฺม จสฺส ปูโร โหติฯ
Lābha-saddo kammasādhano ‘‘lābhā vata, bho, laddho’’tiādīsu viya. So cettha ‘‘dhammaladdhā’’ti vacanato atītakālikoti āha ‘‘cīvarādayo laddhapaccayā’’ti. Dhammato āgatāti dhammikā, parisuddhagamanā paccayā. Tenāha ‘‘dhammaladdhā’’ti. Imameva hi atthaṃ dassetuṃ ‘‘kuhanādī’’tiādi vuttaṃ. Na sammā gayhamānā hi dhammaladdhā nāma na hontīti tappaṭisedhanatthaṃ pāḷiyaṃ ‘‘dhammaladdhā’’ti vuttaṃ. Deyyaṃ dakkhiṇeyyañca appaṭivibhattaṃ katvā bhuñjatīti appaṭivibhattabhogī nāma hoti. Tenāha ‘‘dve paṭivibhattāni nāmā’’tiādi. Cittena vibhajananti etena cittuppādamattenapi vibhajanaṃ paṭivibhattaṃ nāma, pageva payogatoti dasseti. Cittena vibhajanapubbakaṃ vā kāyena vibhajananti mūlameva dassetuṃ ‘‘evaṃ cittena vibhajana’’nti vuttaṃ. Tena cittuppādamattena paṭivibhāgo kātabboti dasseti. Appaṭivibhattanti bhāvanapuṃsakaniddeso, appaṭivibhattaṃ lābhaṃ bhuñjatīti kammaniddeso vā. Taṃ neva gihīnaṃ deti attano ājīvasodhanatthaṃ. Na attanā paribhuñjati ‘‘mayhaṃ asādhāraṇabhogitā mā hotū’’ti. Paṭiggaṇhanto ca…pe… passatīti iminā āgamanato paṭṭhāya sādhāraṇabuddhiṃ upaṭṭhāpeti. Evaṃ hissa sādhāraṇabhogitā sukarā, sāraṇīyadhammo cassa pūro hoti.
อถ วา ปฎิคฺคณฺหโนฺต จ…เป.… ปสฺสตีติ อิมินา ตสฺส ลาภสฺส ตีสุ กาเลสุ สาธารณโต ฐปนํ ทสฺสิตํฯ ปฎิคฺคณฺหโนฺต จ สเงฺฆน สาธารณํ โหตูติ อิมินา ปฎิคฺคหณกาโล ทสฺสิโตฯ คเหตฺวา…เป.… ปสฺสตีติ อิมินา ปฎิคฺคหิตกาโลฯ ตทุภยํ ปน ตาทิเสน ปุพฺพภาเคน วินา น โหตีติ อตฺถสิโทฺธ ปุริมกาโลฯ ตยิทํ ปฎิคฺคหณโต ปุเพฺพวสฺส โหติ ‘‘สเงฺฆน สาธารณํ โหตูติ ปฎิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ, ปฎิคฺคณฺหนฺตสฺส โหติ ‘‘สเงฺฆน สาธารณํ โหตูติ ปฎิคฺคณฺหามี’’ติ, ปฎิคฺคเหตฺวา โหติ ‘‘สเงฺฆน สาธารณํ โหตูติ หิ ปฎิคฺคหิตํ มยา’’ติฯ เอวํ ติลกฺขณสมฺปนฺนํ กตฺวา ลทฺธํ ลาภํ โอสารณลกฺขณํ อวิโกเปตฺวา ปริภุญฺชโนฺต สาธารณโภคี อปฺปฎิวิภตฺตโภคี จ โหติฯ
Atha vā paṭiggaṇhanto ca…pe… passatīti iminā tassa lābhassa tīsu kālesu sādhāraṇato ṭhapanaṃ dassitaṃ. Paṭiggaṇhanto ca saṅghena sādhāraṇaṃ hotūti iminā paṭiggahaṇakālo dassito. Gahetvā…pe… passatīti iminā paṭiggahitakālo. Tadubhayaṃ pana tādisena pubbabhāgena vinā na hotīti atthasiddho purimakālo. Tayidaṃ paṭiggahaṇato pubbevassa hoti ‘‘saṅghena sādhāraṇaṃ hotūti paṭiggaṇhissāmī’’ti, paṭiggaṇhantassa hoti ‘‘saṅghena sādhāraṇaṃ hotūti paṭiggaṇhāmī’’ti, paṭiggahetvā hoti ‘‘saṅghena sādhāraṇaṃ hotūti hi paṭiggahitaṃ mayā’’ti. Evaṃ tilakkhaṇasampannaṃ katvā laddhaṃ lābhaṃ osāraṇalakkhaṇaṃ avikopetvā paribhuñjanto sādhāraṇabhogī appaṭivibhattabhogī ca hoti.
อิมํ ปน สารณียธมฺมนฺติ อิมํ จตุตฺถํ สริตพฺพยุตฺตธมํฯ น หิ…เป.… คณฺหนฺติ, ตสฺมา สาธารณโภคิตา ทุสฺสีลสฺส นตฺถีติ อารโมฺภปิ ตาว น สมฺภวติ, กุโต ปูรณนฺติ อธิปฺปาโยฯ ปริสุทฺธสีโลติ อิมินา ลาภสฺส ธมฺมิกภาวํ ทเสฺสติฯ วตฺตํ อขเณฺฑโนฺตติ อิมินา อปฺปฎิวิภตฺตโภคิตํ สาธารณโภคิตญฺจ ทเสฺสติฯ สติ ปน ตทุภเย สารณียธโมฺม ปูริโต เอว โหตีติ อาห ‘‘ปูเรตี’’ติฯ โอทิสฺสกํ กตฺวาติ เอเตน อโนทิสฺสกํ กตฺวา ปิตุโน, อาจริยุปชฺฌายาทีนํ วา เถราสนโต ปฎฺฐาย เทนฺตสฺส สารณียธโมฺมเยว โหตีติ ทเสฺสติฯ ทาตพฺพนฺติ อวสฺสํ ทาตพฺพํฯ สารณียธโมฺม ปนสฺส น โหติ ปฎิชคฺคฎฺฐาเน โอทิสฺสกํ กตฺวา ทินฺนตฺตาฯ เตนาห ‘‘ปลิโพธชคฺคนํ นาม โหตี’’ติฯ มุตฺตปลิโพธสฺส วฎฺฎติ อมุตฺตปลิโพธสฺส ปูเรตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตาฯ ยทิ เอวํ สเพฺพน สพฺพํ สารณียธมฺมํ ปูเรนฺตสฺส โอทิสฺสกทานํ วฎฺฎติ, น วฎฺฎตีติ? โน น วฎฺฎติ ยุตฺตฎฺฐาเนติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เตน ปนา’’ติอาทิมาหฯ อิมินา โอทิสฺสกทานํ ปนสฺส น สพฺพตฺถ วาริตนฺติ ทเสฺสติฯ คิลานาทีนญฺหิ โอทิสฺสกํ กตฺวา ทานํ อปฺปฎิวิภาคปกฺขิกํ ‘‘อสุกสฺส น ทสฺสามี’’ติ ปฎิเกฺขปสฺส อภาวโตฯ พฺยติเรกปฺปธาโน หิ ปฎิภาโคฯ เตนาห ‘‘อวเสส’’นฺติอาทิฯ อทาตุมฺปีติ ปิ-สเทฺทน ทาตุมฺปิ วฎฺฎตีติ ทเสฺสติฯ ตญฺจ โข กรุณายนวเสน, น วตฺตปริปูรณวเสน, ตสฺมา ทุสฺสีลสฺสปิ อตฺถิกสฺส สติ สมฺภเว ทาตพฺพํฯ ทานญฺหิ นาม น กสฺสจิ นิวาริตํฯ
Imaṃ pana sāraṇīyadhammanti imaṃ catutthaṃ saritabbayuttadhamaṃ. Na hi…pe… gaṇhanti, tasmā sādhāraṇabhogitā dussīlassa natthīti ārambhopi tāva na sambhavati, kuto pūraṇanti adhippāyo. Parisuddhasīloti iminā lābhassa dhammikabhāvaṃ dasseti. Vattaṃ akhaṇḍentoti iminā appaṭivibhattabhogitaṃ sādhāraṇabhogitañca dasseti. Sati pana tadubhaye sāraṇīyadhammo pūrito eva hotīti āha ‘‘pūretī’’ti. Odissakaṃ katvāti etena anodissakaṃ katvā pituno, ācariyupajjhāyādīnaṃ vā therāsanato paṭṭhāya dentassa sāraṇīyadhammoyeva hotīti dasseti. Dātabbanti avassaṃ dātabbaṃ. Sāraṇīyadhammo panassa na hoti paṭijaggaṭṭhāne odissakaṃ katvā dinnattā. Tenāha ‘‘palibodhajagganaṃ nāma hotī’’ti. Muttapalibodhassa vaṭṭati amuttapalibodhassa pūretuṃ asakkuṇeyyattā. Yadi evaṃ sabbena sabbaṃ sāraṇīyadhammaṃ pūrentassa odissakadānaṃ vaṭṭati, na vaṭṭatīti? No na vaṭṭati yuttaṭṭhāneti dassento ‘‘tena panā’’tiādimāha. Iminā odissakadānaṃ panassa na sabbattha vāritanti dasseti. Gilānādīnañhi odissakaṃ katvā dānaṃ appaṭivibhāgapakkhikaṃ ‘‘asukassa na dassāmī’’ti paṭikkhepassa abhāvato. Byatirekappadhāno hi paṭibhāgo. Tenāha ‘‘avasesa’’ntiādi. Adātumpīti pi-saddena dātumpi vaṭṭatīti dasseti. Tañca kho karuṇāyanavasena, na vattaparipūraṇavasena, tasmā dussīlassapi atthikassa sati sambhave dātabbaṃ. Dānañhi nāma na kassaci nivāritaṃ.
สุสิกฺขิตายาติ สารณียปูรณวิธิมฺหิ สุสิกฺขิตาย, สุกุสลายาติ อโตฺถฯ อิทานิ ตสฺส โกสลฺลํ ทเสฺสตุํ ‘‘สุสิกฺขิตาย หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ทฺวาทสหิ วเสฺสหิ ปูเรหิ, น ตโต โอรนฺติ อิมินา ตสฺส ทุปฺปูรตํ ทเสฺสติฯ ตถา หิ โส มหปฺผโล มหานิสํโส ทิฎฺฐธมฺมิเกหิปิ ตาวครุตเรหิ ผลานิสํเสหิ อนุคโตติ ตํสมงฺคี จ ปุคฺคโล วิเสสลาภี อริยปุคฺคโล วิย โลเก อจฺฉริยพฺภุตธมฺมสมนฺนาคโต โหติฯ ตถา หิ โส ทุปฺปชหทานมยสฺส สีลมยสฺส ปุญฺญสฺส ปฎิปกฺขธมฺมํ สุทูเร วิกฺขมฺภิตํ กตฺวา วิสุเทฺธน เจตสา โลเก ปากโฎ ปญฺญาโต หุตฺวา วิหรติฯ ตสฺสิมมตฺถํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ วิภาเวตุํ ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Susikkhitāyāti sāraṇīyapūraṇavidhimhi susikkhitāya, sukusalāyāti attho. Idāni tassa kosallaṃ dassetuṃ ‘‘susikkhitāya hī’’tiādi vuttaṃ. Dvādasahi vassehi pūrehi, na tato oranti iminā tassa duppūrataṃ dasseti. Tathā hi so mahapphalo mahānisaṃso diṭṭhadhammikehipi tāvagarutarehi phalānisaṃsehi anugatoti taṃsamaṅgī ca puggalo visesalābhī ariyapuggalo viya loke acchariyabbhutadhammasamannāgato hoti. Tathā hi so duppajahadānamayassa sīlamayassa puññassa paṭipakkhadhammaṃ sudūre vikkhambhitaṃ katvā visuddhena cetasā loke pākaṭo paññāto hutvā viharati. Tassimamatthaṃ byatirekato anvayato ca vibhāvetuṃ ‘‘sace hī’’tiādi vuttaṃ. Taṃ suviññeyyameva.
อิทานิสฺส สมฺปรายิเก ทิฎฺฐธมฺมิเก จ อานิสํเส ทเสฺสตุํ ‘‘เอวํ ปูริตสารณียธมฺมสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เนว อิสฺสา น มจฺฉริยํ โหติ จิรกาลภาวนาย วิธุตภาวโตฯ มนุสฺสานํ ปิโย โหติ ปริจฺจาคสีลตาย วิสฺสุตตฺตาฯ เตนาห ‘‘ททํ ปิโย โหติ ภชนฺติ นํ พหู’’ติอาทิ (อ. นิ. ๕.๓๔)ฯ สุลภปจฺจโย โหติ ทานวเสน อุฬารชฺฌาสยานํ ปจฺจยลาภสฺส อิธานิสํสสภาวโต ทานสฺสฯ ปตฺตคตมสฺส ทิยฺยมานํ น ขียติ ปตฺตคตเสฺสว ทฺวาทสวสฺสิกสฺส มหาวตฺตสฺส อวิเจฺฉเทน ปูริตตฺตาฯ อคฺคภณฺฑํ ลภติ เทวสิกํ ทกฺขิเณยฺยานํ อคฺคโต ปฎฺฐาย ทานสฺส ทินฺนตฺตาฯ ภเย วา…เป.… อาปชฺชนฺติ เทยฺยปฺปฎิคฺคาหกวิกปฺปํ อกตฺวา อตฺตนิ นิรเปกฺขจิเตฺตน จิรกาลํ ทานสฺส ปูริตตาย ปสาริตจิตฺตตฺตาฯ
Idānissa samparāyike diṭṭhadhammike ca ānisaṃse dassetuṃ ‘‘evaṃ pūritasāraṇīyadhammassā’’tiādi vuttaṃ. Neva issā na macchariyaṃ hoti cirakālabhāvanāya vidhutabhāvato. Manussānaṃ piyo hoti pariccāgasīlatāya vissutattā. Tenāha ‘‘dadaṃ piyo hoti bhajanti naṃ bahū’’tiādi (a. ni. 5.34). Sulabhapaccayo hoti dānavasena uḷārajjhāsayānaṃ paccayalābhassa idhānisaṃsasabhāvato dānassa. Pattagatamassa diyyamānaṃ na khīyati pattagatasseva dvādasavassikassa mahāvattassa avicchedena pūritattā. Aggabhaṇḍaṃ labhati devasikaṃ dakkhiṇeyyānaṃ aggato paṭṭhāya dānassa dinnattā. Bhaye vā…pe… āpajjanti deyyappaṭiggāhakavikappaṃ akatvā attani nirapekkhacittena cirakālaṃ dānassa pūritatāya pasāritacittattā.
ตตฺราติ เตสุ อานิสํเสสุ วิภาเวตเพฺพสุฯ อิมานิ ผลานิ วตฺถูนิ การณานิฯ มหาคิริคาโม นาม นาคทีปปเสฺส เอโก คาโมวฯ อลภนฺตาปีติ อปฺปปุญฺญตาย อลาภิโน สมานาปิฯ ภิกฺขาจารมคฺคสภาคนฺติ สภาคํ ตพฺภาคิยํ ภิกฺขาจารมคฺคํ ชานนฺติฯ อนุตฺตริมนุสฺสธมฺมตฺตา เถรานํ สํสยวิโนทนตฺถญฺจ ‘‘สารณียธโมฺม เม, ภเนฺต, ปูริโต’’ติ อาหฯ ตถา หิ ทุติยวตฺถุสฺมิมฺปิ เถเรน อตฺตา ปกาสิโตฯ ทหรกาเล เอวํ กิร สารณียธมฺมปูรโก อโหสิฯ มนุสฺสานํ ปิยตาย สุลภปจฺจยตายปิ อิทํ วตฺถุเมวฯ ปตฺตคตาขียนสฺส ปน วิเสสํ วิภาวนโต ‘‘อิทํ ตาว…เป.… เอตฺถ วตฺถู’’ติ วุตฺตํฯ
Tatrāti tesu ānisaṃsesu vibhāvetabbesu. Imāni phalāni vatthūni kāraṇāni. Mahāgirigāmo nāma nāgadīpapasse eko gāmova. Alabhantāpīti appapuññatāya alābhino samānāpi. Bhikkhācāramaggasabhāganti sabhāgaṃ tabbhāgiyaṃ bhikkhācāramaggaṃ jānanti. Anuttarimanussadhammattā therānaṃ saṃsayavinodanatthañca ‘‘sāraṇīyadhammo me, bhante, pūrito’’ti āha. Tathā hi dutiyavatthusmimpi therena attā pakāsito. Daharakāle evaṃ kira sāraṇīyadhammapūrako ahosi. Manussānaṃ piyatāya sulabhapaccayatāyapi idaṃ vatthumeva. Pattagatākhīyanassa pana visesaṃ vibhāvanato ‘‘idaṃ tāva…pe… ettha vatthū’’ti vuttaṃ.
คิริภณฺฑมหาปูชายาติ เจติยคิริมฺหิ สกลลงฺกาทีเป โยชนปฺปมาเณ สมุเทฺท จ นาวาสงฺฆาฎาทิเก ฐเปตฺวา ทีปปุปฺผคนฺธาทีหิ กริยมานาย มหาปูชายฯ ตสฺสา จ ปฎิปตฺติยา อวญฺฌภาววิภาวนตฺถํ ‘‘เอเต มยฺหํ ปาปุณิสฺสนฺตี’’ติ อาหฯ ปริยาเยนปิ เลเสนปิฯ อนุจฺฉวิกนฺติ ‘‘สารณียธมฺมปูรโก’’ติ ยถาภูตปเวทนํ ตุมฺหากํ อนุจฺฉวิกนฺติ อโตฺถฯ
Giribhaṇḍamahāpūjāyāti cetiyagirimhi sakalalaṅkādīpe yojanappamāṇe samudde ca nāvāsaṅghāṭādike ṭhapetvā dīpapupphagandhādīhi kariyamānāya mahāpūjāya. Tassā ca paṭipattiyā avañjhabhāvavibhāvanatthaṃ ‘‘ete mayhaṃ pāpuṇissantī’’ti āha. Pariyāyenapi lesenapi. Anucchavikanti ‘‘sāraṇīyadhammapūrako’’ti yathābhūtapavedanaṃ tumhākaṃ anucchavikanti attho.
อนาโรเจตฺวาว ปลายิํสุ โจรภเยนฯ ‘‘อตฺตโน ทุชฺชีวิกายา’’ติปิ วทนฺติฯ อหํ สารณียธมฺมปูริกา, มม ปตฺตปริยาปเนฺนนปิ สพฺพาปิมา ภิกฺขุนิโย ยาเปสฺสนฺตีติ อาห ‘‘มา ตุเมฺห เตสํ คตภาวํ จินฺตยิตฺถา’’ติฯ วฎฺฎิสฺสตีติ กปฺปิสฺสติฯ เถรี สารณียธมฺมปูริกา อโหสิ, เถรสฺส ปน สีลเตเชเนว เทวตา อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชิฯ
Anārocetvāva palāyiṃsu corabhayena. ‘‘Attano dujjīvikāyā’’tipi vadanti. Ahaṃ sāraṇīyadhammapūrikā, mama pattapariyāpannenapi sabbāpimā bhikkhuniyo yāpessantīti āha ‘‘mā tumhe tesaṃ gatabhāvaṃ cintayitthā’’ti. Vaṭṭissatīti kappissati. Therī sāraṇīyadhammapūrikā ahosi, therassa pana sīlatejeneva devatā ussukkaṃ āpajji.
นตฺถิ เอเตสํ ขณฺฑนฺติ อขณฺฑานิฯ ตํ ปน เนสํ ขณฺฑํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อุปสมฺปนฺนสีลานํ อุเทฺทสกฺกเมน อาทิอนฺตา เวทิตพฺพาฯ เตนาห ‘‘สตฺตสู’’ติอาทิฯ น หิ อโญฺญ โกจิ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อนุกฺกโม อตฺถิ, อนุปสมฺปนฺนสีลานํ สมาทานกฺกเมนปิ อาทิอนฺตา ลพฺภนฺติฯ ปริยเนฺต ฉินฺนสาฎโก วิยาติ ตตฺรเนฺต ทสเนฺต วา ฉินฺนวตฺถํ วิยฯ วิสทิสุทาหรณเญฺจตํ ‘‘อขณฺฑานี’’ติ อิมสฺส อธิกตตฺตาฯ เอวํ เสสานมฺปิ อุทาหรณานิฯ ขณฺฑิกตา ภินฺนตา ขณฺฑํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ ขณฺฑํ, สีลํฯ ฉิทฺทนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เวมเชฺฌ ภินฺนํ วินิวิชฺฌนวเสนฯ วิสภาควเณฺณน คาวี วิยาติ สมฺพโนฺธฯ วิสภาควเณฺณน อุปฑฺฒํ ตติยภาคคตํ สมฺภินฺนวณฺณํ สพลํ, วิสภาควเณฺณเหว พินฺทูหิ อนฺตรนฺตราหิ วิมิสฺสํ กมฺมาสํฯ อยํ อิเมสํ วิเสโสฯ สพลรหิตานิ อสพลานิ, ตถา อกมฺมาสานิฯ สีลสฺส ตณฺหาทาสพฺยโต โมจนํ วิวฎฺฎูปนิสฺสยภาวาปาทนํ, ตสฺมา ตณฺหาทาสพฺยโต โมจนวจเนน เตสํ สีลานํ วิวฎฺฎูปนิสฺสยตมาหฯ ภุชิสฺสภาวกรณโตติ อิมินา ภุชิสฺสกรานิ ภุชิสฺสานีติ อุตฺตรปทโลเปนายํ นิเทฺทโสติ ทเสฺสติฯ ยสฺมา วา ตํสมงฺคิปุคฺคโล เสรี สยํวสี ภุชิโสฺส นาม โหติ, ตสฺมาปิ ภุชิสฺสานิฯ อวิญฺญูนํ อปฺปมาณตาย ‘‘วิญฺญุปฺปสตฺถานี’’ติ วุตฺตํฯ สุปริสุทฺธภาเวน วา สมฺปนฺนตฺตา วิญฺญูหิ ปสตฺถานีติ วิญฺญุปฺปสตฺถานิฯ
Natthi etesaṃ khaṇḍanti akhaṇḍāni. Taṃ pana nesaṃ khaṇḍaṃ dassetuṃ ‘‘yassā’’tiādi vuttaṃ. Tattha upasampannasīlānaṃ uddesakkamena ādiantā veditabbā. Tenāha ‘‘sattasū’’tiādi. Na hi añño koci āpattikkhandhānaṃ anukkamo atthi, anupasampannasīlānaṃ samādānakkamenapi ādiantā labbhanti. Pariyante chinnasāṭako viyāti tatrante dasante vā chinnavatthaṃ viya. Visadisudāharaṇañcetaṃ ‘‘akhaṇḍānī’’ti imassa adhikatattā. Evaṃ sesānampi udāharaṇāni. Khaṇḍikatā bhinnatā khaṇḍaṃ, taṃ etassa atthīti khaṇḍaṃ, sīlaṃ. Chiddantiādīsupi eseva nayo. Vemajjhe bhinnaṃ vinivijjhanavasena. Visabhāgavaṇṇena gāvī viyāti sambandho. Visabhāgavaṇṇena upaḍḍhaṃ tatiyabhāgagataṃ sambhinnavaṇṇaṃ sabalaṃ, visabhāgavaṇṇeheva bindūhi antarantarāhi vimissaṃ kammāsaṃ. Ayaṃ imesaṃ viseso. Sabalarahitāni asabalāni, tathā akammāsāni. Sīlassa taṇhādāsabyato mocanaṃ vivaṭṭūpanissayabhāvāpādanaṃ, tasmā taṇhādāsabyato mocanavacanena tesaṃ sīlānaṃ vivaṭṭūpanissayatamāha. Bhujissabhāvakaraṇatoti iminā bhujissakarāni bhujissānīti uttarapadalopenāyaṃ niddesoti dasseti. Yasmā vā taṃsamaṅgipuggalo serī sayaṃvasī bhujisso nāma hoti, tasmāpi bhujissāni. Aviññūnaṃ appamāṇatāya ‘‘viññuppasatthānī’’ti vuttaṃ. Suparisuddhabhāvena vā sampannattā viññūhi pasatthānīti viññuppasatthāni.
ตณฺหาทิฎฺฐีหิ อปรามฎฺฐตฺตาติ ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวญฺญตโร วา’’ติ ตณฺหาปรามาเสน, ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว หุตฺวา ตตฺถ นิโจฺจ ธุโว สสฺสโต ภวิสฺสามี’’ติ ทิฎฺฐิปรามาเสน จ อปรามฎฺฐตฺตาฯ ปรามฎฺฐุนฺติ ‘‘อยํ เต สีเลสุ โทโส’’ติ จตูสุ วิปตฺตีสุ ยาย กายจิ วิปตฺติยา ทสฺสเนน ปรามฎฺฐุํ, อนุทฺธํเสตุํ โจเทตุนฺติ อโตฺถฯ สีลํ นาม อวิปฺปฎิสาราทิปารมฺปริเยน ยาวเทว สมาธิสมฺปาทนตฺถนฺติ อาห ‘‘สมาธิสํวตฺตนิกานี’’ติฯ สมาธิสํวตฺตนปฺปโยชนานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิฯ
Taṇhādiṭṭhīhi aparāmaṭṭhattāti ‘‘imināhaṃ sīlena devo vā bhavissāmi devaññataro vā’’ti taṇhāparāmāsena, ‘‘imināhaṃ sīlena devo hutvā tattha nicco dhuvo sassato bhavissāmī’’ti diṭṭhiparāmāsena ca aparāmaṭṭhattā. Parāmaṭṭhunti ‘‘ayaṃ te sīlesu doso’’ti catūsu vipattīsu yāya kāyaci vipattiyā dassanena parāmaṭṭhuṃ, anuddhaṃsetuṃ codetunti attho. Sīlaṃ nāma avippaṭisārādipārampariyena yāvadeva samādhisampādanatthanti āha ‘‘samādhisaṃvattanikānī’’ti. Samādhisaṃvattanappayojanāni samādhisaṃvattanikāni.
สมานภาโว สามญฺญํ, ปริปุณฺณจตุปาริสุทฺธิภาเวน มเชฺฌ ภินฺนสุวณฺณสฺส วิย เภทาภาวโต สีเลน สามญฺญํ สีลสามญฺญํ, ตํ คโต อุปคโตติ สีลสามญฺญคโตฯ เตนาห ‘‘สมานภาวูปคตสีโล’’ติ, สีลสมฺปตฺติยา สมานภาวํ อุปคตสีโล สภาควุตฺติโกติ อโตฺถฯ กามํ ปุถุชฺชนานมฺปิ จตุปาริสุทฺธิสีเล นานตฺตํ น สิยา, ตํ ปน น เอกนฺติกํ, อิทํ เอกนฺติกํ นิยตภาวโตติ อาห ‘‘นตฺถิ มคฺคสีเล นานตฺต’’นฺติฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตนฺติ มคฺคสีลํ สนฺธาย ตํ ‘‘ยานิ ตานิ สีลานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Samānabhāvo sāmaññaṃ, paripuṇṇacatupārisuddhibhāvena majjhe bhinnasuvaṇṇassa viya bhedābhāvato sīlena sāmaññaṃ sīlasāmaññaṃ, taṃ gato upagatoti sīlasāmaññagato. Tenāha ‘‘samānabhāvūpagatasīlo’’ti, sīlasampattiyā samānabhāvaṃ upagatasīlo sabhāgavuttikoti attho. Kāmaṃ puthujjanānampi catupārisuddhisīle nānattaṃ na siyā, taṃ pana na ekantikaṃ, idaṃ ekantikaṃ niyatabhāvatoti āha ‘‘natthimaggasīle nānatta’’nti. Taṃ sandhāyetaṃ vuttanti maggasīlaṃ sandhāya taṃ ‘‘yāni tāni sīlānī’’tiādi vuttaṃ.
ยายนฺติ ยา อยํ มยฺหเญฺจว ตุมฺหากญฺจ ปจฺจกฺขภูตาฯ ทิฎฺฐีติ มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิฯ นิโทฺทสาติ นิทฺธุตโทสา, สมุจฺฉินฺนราคาทิปาปธมฺมาติ อโตฺถฯ นิยฺยาตีติ วฎฺฎทุกฺขโต นิสฺสรติ นิคฺคจฺฉติฯ สยํ นิยฺยนฺตีเยว หิ ตํสมงฺคิปุคฺคลํ วฎฺฎทุกฺขโต นิยฺยาเปตีติ วุจฺจติฯ ยา สตฺถุ อนุสิฎฺฐิ, ตํ กโรตีติ ตกฺกโร, ตสฺส, ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ สมานทิฎฺฐิภาวนฺติ สทิสทิฎฺฐิภาวํ สจฺจสมฺปฎิเวเธน อภินฺนทิฎฺฐิภาวํฯ
Yāyanti yā ayaṃ mayhañceva tumhākañca paccakkhabhūtā. Diṭṭhīti maggasammādiṭṭhi. Niddosāti niddhutadosā, samucchinnarāgādipāpadhammāti attho. Niyyātīti vaṭṭadukkhato nissarati niggacchati. Sayaṃ niyyantīyeva hi taṃsamaṅgipuggalaṃ vaṭṭadukkhato niyyāpetīti vuccati. Yā satthu anusiṭṭhi, taṃ karotīti takkaro, tassa, yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjantassāti attho. Samānadiṭṭhibhāvanti sadisadiṭṭhibhāvaṃ saccasampaṭivedhena abhinnadiṭṭhibhāvaṃ.
ปฐมสารณียสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamasāraṇīyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑. ปฐมสารณียสุตฺตํ • 1. Paṭhamasāraṇīyasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. ปฐมสารณียสุตฺตวณฺณนา • 1. Paṭhamasāraṇīyasuttavaṇṇanā