Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๓. ปฐมสตฺตกสุตฺตวณฺณนา
3. Paṭhamasattakasuttavaṇṇanā
๒๓. ตติเย อภิณฺหํ สนฺนิปาตาติ อิทํ วชฺชิสตฺตเก วุตฺตสทิสเมวฯ อิธาปิ จ อภิณฺหํ อสนฺนิปตนฺตา ทิสาสุ อาคตสาสนํ น สุณนฺติ, ตโต ‘‘อสุกวิหารสีมา อากุลา, อุโปสถปฺปวารณา ฐิตา, อสุกสฺมิํ ฐาเน ภิกฺขู เวชฺชกมฺมทูตกมฺมาทีนิ กโรนฺติ, วิญฺญตฺติพหุลา ผลปุปฺผทานาทีหิ ชีวิกํ กเปฺปนฺตี’’ติอาทีนิ น ชานนฺติฯ ปาปภิกฺขูปิ ‘‘ปมโตฺต สโงฺฆ’’ติ ญตฺวา ราสิภูตา สาสนํ โอสกฺกาเปนฺติฯ อภิณฺหํ สนฺนิปตนฺตา ปน ตํ ปวตฺติํ สุณนฺติ, ตโต ภิกฺขุสงฺฆํ เปเสตฺวา สีมํ อุชุํ กาเรนฺติ, อุโปสถปฺปวารณาโย ปวตฺตาเปนฺติ, มิจฺฉาชีวานํ อุสฺสนฺนฎฺฐาเน อริยวํสิเก เปเสตฺวา อริยวํสํ กถาเปนฺติ, ปาปภิกฺขูนํ วินยธเรหิ นิคฺคหํ การาเปนฺติฯ ปาปภิกฺขูปิ ‘‘อปฺปมโตฺต สโงฺฆ, น สกฺกา อเมฺหหิ วคฺคพนฺธเนน วิจริตุ’’นฺติ ภิชฺชิตฺวา ปลายนฺติฯ เอวเมตฺถ วุทฺธิหานิโย เวทิตพฺพาฯ
23. Tatiye abhiṇhaṃ sannipātāti idaṃ vajjisattake vuttasadisameva. Idhāpi ca abhiṇhaṃ asannipatantā disāsu āgatasāsanaṃ na suṇanti, tato ‘‘asukavihārasīmā ākulā, uposathappavāraṇā ṭhitā, asukasmiṃ ṭhāne bhikkhū vejjakammadūtakammādīni karonti, viññattibahulā phalapupphadānādīhi jīvikaṃ kappentī’’tiādīni na jānanti. Pāpabhikkhūpi ‘‘pamatto saṅgho’’ti ñatvā rāsibhūtā sāsanaṃ osakkāpenti. Abhiṇhaṃ sannipatantā pana taṃ pavattiṃ suṇanti, tato bhikkhusaṅghaṃ pesetvā sīmaṃ ujuṃ kārenti, uposathappavāraṇāyo pavattāpenti, micchājīvānaṃ ussannaṭṭhāne ariyavaṃsike pesetvā ariyavaṃsaṃ kathāpenti, pāpabhikkhūnaṃ vinayadharehi niggahaṃ kārāpenti. Pāpabhikkhūpi ‘‘appamatto saṅgho, na sakkā amhehi vaggabandhanena vicaritu’’nti bhijjitvā palāyanti. Evamettha vuddhihāniyo veditabbā.
สมคฺคาติอาทีสุ เจติยปฎิชคฺคนตฺถํ วา โพธิฆรอุโปสถาคารจฺฉาทนตฺถํ วา กติกวตฺตํ วา ฐเปตุกามตาย ‘‘สโงฺฆ สนฺนิปตตู’’ติ เภริยา วา ฆณฺฎิยา วา อาโกฎิตมตฺตาย ‘‘มยฺหํ จีวรกมฺมํ อตฺถิ, มยฺหํ ปโตฺต ปจิตโพฺพ, มยฺหํ นวกมฺมํ อตฺถี’’ติ วิเกฺขปํ กโรนฺตา น สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ นามฯ สพฺพํ ปน ตํ กมฺมํ ฐเปตฺวา ‘‘อหํ ปุริมตรํ, อหํ ปุริมตร’’นฺติ เอกปฺปหาเรเนว สนฺนิปตนฺตา สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ นามฯ สนฺนิปติตา ปน จิเนฺตตฺวา มเนฺตตฺวา กตฺตพฺพํ กตฺวา เอกโตว อวุฎฺฐหนฺตา น สมคฺคา วุฎฺฐหนฺติ นามฯ เอวํ วุฎฺฐิเตสุ หิ เย ปฐมํ คจฺฉนฺติ, เตสํ เอวํ โหติ ‘‘อเมฺหหิ พาหิรกถาว สุตา, อิทานิ วินิจฺฉยกถา ภวิสฺสตี’’ติฯ เอกปฺปหาเรเนว วุฎฺฐหนฺตา สมคฺคา วุฎฺฐหนฺติ นามฯ อปิจ ‘‘อสุกฎฺฐาเน วิหารสีมา อากุลา, อุโปสถปฺปวารณา ฐิตา, อสุกฎฺฐาเน เวชฺชกมฺมาทิการกา ปาปภิกฺขู อุสฺสนฺนา’’ติ สุตฺวา ‘‘โก คนฺตฺวา เตสํ นิคฺคหํ กริสฺสตี’’ติ วุเตฺต ‘‘อหํ ปฐมํ, อหํ ปฐม’’นฺติ วตฺวา คจฺฉนฺตาปิ สมคฺคา วุฎฺฐหนฺติ นามฯ
Samaggātiādīsu cetiyapaṭijagganatthaṃ vā bodhigharauposathāgāracchādanatthaṃ vā katikavattaṃ vā ṭhapetukāmatāya ‘‘saṅgho sannipatatū’’ti bheriyā vā ghaṇṭiyā vā ākoṭitamattāya ‘‘mayhaṃ cīvarakammaṃ atthi, mayhaṃ patto pacitabbo, mayhaṃ navakammaṃ atthī’’ti vikkhepaṃ karontā na samaggā sannipatanti nāma. Sabbaṃ pana taṃ kammaṃ ṭhapetvā ‘‘ahaṃ purimataraṃ, ahaṃ purimatara’’nti ekappahāreneva sannipatantā samaggā sannipatanti nāma. Sannipatitā pana cintetvā mantetvā kattabbaṃ katvā ekatova avuṭṭhahantā na samaggā vuṭṭhahanti nāma. Evaṃ vuṭṭhitesu hi ye paṭhamaṃ gacchanti, tesaṃ evaṃ hoti ‘‘amhehi bāhirakathāva sutā, idāni vinicchayakathā bhavissatī’’ti. Ekappahāreneva vuṭṭhahantā samaggā vuṭṭhahanti nāma. Apica ‘‘asukaṭṭhāne vihārasīmā ākulā, uposathappavāraṇā ṭhitā, asukaṭṭhāne vejjakammādikārakā pāpabhikkhū ussannā’’ti sutvā ‘‘ko gantvā tesaṃ niggahaṃ karissatī’’ti vutte ‘‘ahaṃ paṭhamaṃ, ahaṃ paṭhama’’nti vatvā gacchantāpi samaggā vuṭṭhahanti nāma.
อาคนฺตุกํ ปน ทิสฺวา ‘‘อิมํ ปริเวณํ ยาหิ, เอตํ ปริเวณํ ยาหิ, อยํ โก’’ติ อวตฺวา สเพฺพ วตฺตํ กโรนฺตาปิ, ชิณฺณปตฺตจีวรกํ ทิสฺวา ตสฺส ภิกฺขาจารวเตฺตน ปตฺตจีวรํ ปริเยสนฺตาปิ, คิลานสฺส คิลานเภสชฺชํ ปริเยสมานาปิ, คิลานเมว อนาถํ ‘‘อสุกปริเวณํ ยาหี’’ติ อวตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปริเวเณ ปฎิชคฺคนฺตาปิ, เอโก โอลียมานโก คโนฺถ โหติ, ปญฺญวนฺตํ ภิกฺขุํ สงฺคณฺหิตฺวา เตน ตํ คนฺถํ อุกฺขิปาเปนฺตาปิ สมคฺคา สงฺฆกรณียานิ กโรนฺติ นามฯ
Āgantukaṃ pana disvā ‘‘imaṃ pariveṇaṃ yāhi, etaṃ pariveṇaṃ yāhi, ayaṃ ko’’ti avatvā sabbe vattaṃ karontāpi, jiṇṇapattacīvarakaṃ disvā tassa bhikkhācāravattena pattacīvaraṃ pariyesantāpi, gilānassa gilānabhesajjaṃ pariyesamānāpi, gilānameva anāthaṃ ‘‘asukapariveṇaṃ yāhī’’ti avatvā attano attano pariveṇe paṭijaggantāpi, eko olīyamānako gantho hoti, paññavantaṃ bhikkhuṃ saṅgaṇhitvā tena taṃ ganthaṃ ukkhipāpentāpi samaggā saṅghakaraṇīyāni karonti nāma.
อปฺปญฺญตฺตนฺติอาทีสุ นวํ อธมฺมิกํ กติกวตฺตํ วา สิกฺขาปทํ วา คณฺหนฺตา อปฺปญฺญตฺตํ ปญฺญาเปนฺติ นาม ปุราณสนฺถตวตฺถุสฺมิํ สาวตฺถิยํ ภิกฺขู วิยฯ อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สาสนํ ทีเปนฺตา ปญฺญตฺตํ สมุจฺฉินฺทนฺติ นาม, วสฺสสตปรินิพฺพุเต ภควติ เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา วิยฯ ขุทฺทานุขุทฺทกา ปน อาปตฺติโย สญฺจิจฺจ วีติกฺกมนฺตา ยถาปญฺญเตฺตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย น วตฺตนฺติ นาม อสฺสชิปุนพฺพสุกา วิยฯ ตถา อกโรนฺตา ปน อปญฺญตฺตํ น ปญฺญาเปนฺติ, ปญฺญตฺตํ น สมุจฺฉินฺทนฺติ , ยถาปญฺญเตฺตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺตนฺติ นาม อายสฺมา อุปเสโน วิย, อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุโตฺต วิย, อายสฺมา มหากสฺสโป วิย จฯ วุทฺธิเยวาติ สีลาทิคุเณหิ วุทฺธิเยว, โน ปริหานิฯ
Appaññattantiādīsu navaṃ adhammikaṃ katikavattaṃ vā sikkhāpadaṃ vā gaṇhantā appaññattaṃ paññāpenti nāma purāṇasanthatavatthusmiṃ sāvatthiyaṃ bhikkhū viya. Uddhammaṃ ubbinayaṃ sāsanaṃ dīpentā paññattaṃ samucchindanti nāma, vassasataparinibbute bhagavati vesālikā vajjiputtakā viya. Khuddānukhuddakā pana āpattiyo sañcicca vītikkamantā yathāpaññattesu sikkhāpadesu samādāya na vattanti nāma assajipunabbasukā viya. Tathā akarontā pana apaññattaṃ na paññāpenti, paññattaṃ na samucchindanti , yathāpaññattesu sikkhāpadesu samādāya vattanti nāma āyasmā upaseno viya, āyasmā yaso kākaṇḍakaputto viya, āyasmā mahākassapo viya ca. Vuddhiyevāti sīlādiguṇehi vuddhiyeva, no parihāni.
เถราติ ถิรภาวปฺปตฺตา เถรการเกหิ คุเณหิ สมนฺนาคตาฯ พหู รตฺติโย ชานนฺตีติ รตฺตญฺญูฯ จิรํ ปพฺพชิตานํ เอเตสนฺติ จิรปพฺพชิตาฯ สงฺฆสฺส ปิติฎฺฐาเน ฐิตาติ สงฺฆปิตโรฯ ปิติฎฺฐาเน ฐิตตฺตา สงฺฆํ ปริเณนฺติ, ปุพฺพงฺคมา หุตฺวา ตีสุ สิกฺขาสุ ปวเตฺตนฺตีติ สงฺฆปริณายกาฯ
Therāti thirabhāvappattā therakārakehi guṇehi samannāgatā. Bahū rattiyo jānantīti rattaññū. Ciraṃ pabbajitānaṃ etesanti cirapabbajitā. Saṅghassa pitiṭṭhāne ṭhitāti saṅghapitaro. Pitiṭṭhāne ṭhitattā saṅghaṃ pariṇenti, pubbaṅgamā hutvā tīsu sikkhāsu pavattentīti saṅghapariṇāyakā.
เย เตสํ สกฺการาทีนิ น กโรนฺติ, โอวาทตฺถาย เทฺว ตโย วาเร อุปฎฺฐานํ น คจฺฉนฺติ, เตปิ เตสํ โอวาทํ น เทนฺติ, ปเวณิกถํ น กเถนฺติ, สารภูตํ ธมฺมปริยายํ น สิกฺขาเปนฺติฯ เต เตหิ วิสฺสฎฺฐา สีลาทีหิ ธมฺมกฺขเนฺธหิ สตฺตหิ จ อริยธเนหีติ เอวมาทีหิ คุเณหิ ปริหายนฺติฯ เย ปน เตสํ สกฺการาทีนิ กโรนฺติ, อุปฎฺฐานํ คจฺฉนฺติ, เตสํ เต ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทิกํ โอวาทํ เทนฺติ, ปเวณิกถํ กเถนฺติ, สารภูตํ ธมฺมปริยายํ สิกฺขาเปนฺติ, เตรสหิ ธุตเงฺคหิ ทสหิ กถาวตฺถูหิ อนุสาสนฺติฯ เต เตสํ โอวาเท ฐตฺวา สีลาทีหิ คุเณหิ วฑฺฒมานา สามญฺญตฺถํ อนุปาปุณนฺติฯ เอวเมตฺถ หานิวุทฺธิโย ทฎฺฐพฺพาฯ
Ye tesaṃ sakkārādīni na karonti, ovādatthāya dve tayo vāre upaṭṭhānaṃ na gacchanti, tepi tesaṃ ovādaṃ na denti, paveṇikathaṃ na kathenti, sārabhūtaṃ dhammapariyāyaṃ na sikkhāpenti. Te tehi vissaṭṭhā sīlādīhi dhammakkhandhehi sattahi ca ariyadhanehīti evamādīhi guṇehi parihāyanti. Ye pana tesaṃ sakkārādīni karonti, upaṭṭhānaṃ gacchanti, tesaṃ te ‘‘evaṃ te abhikkamitabba’’ntiādikaṃ ovādaṃ denti, paveṇikathaṃ kathenti, sārabhūtaṃ dhammapariyāyaṃ sikkhāpenti, terasahi dhutaṅgehi dasahi kathāvatthūhi anusāsanti. Te tesaṃ ovāde ṭhatvā sīlādīhi guṇehi vaḍḍhamānā sāmaññatthaṃ anupāpuṇanti. Evamettha hānivuddhiyo daṭṭhabbā.
ปุนพฺภโว สีลมสฺสาติ โปโนพฺภวิกา, ปุนพฺภวทายิกาติ อโตฺถ, ตสฺสา โปโนพฺภวิกายฯ น วสํ คจฺฉิสฺสนฺตีติ เอตฺถ เย จตุนฺนํ ปจฺจยานํ การณา อุปฎฺฐากานํ ปทานุปทิกา หุตฺวา คามโต คามํ วิจรนฺติ , เต ตสฺสา วสํ คจฺฉนฺติ นามฯ อิตเร น คจฺฉนฺติฯ ตตฺถ หานิวุทฺธิโย ปากฎาเยวฯ
Punabbhavo sīlamassāti ponobbhavikā, punabbhavadāyikāti attho, tassā ponobbhavikāya. Na vasaṃ gacchissantīti ettha ye catunnaṃ paccayānaṃ kāraṇā upaṭṭhākānaṃ padānupadikā hutvā gāmato gāmaṃ vicaranti , te tassā vasaṃ gacchanti nāma. Itare na gacchanti. Tattha hānivuddhiyo pākaṭāyeva.
อารญฺญเกสูติ ปญฺจธนุสติกปจฺฉิเมสุฯ สาเปกฺขาติ สาลยาฯ คามนฺตเสนาสเนสุ หิ ฌานํ อเปฺปตฺวาปิ ตโต วุฎฺฐิตมโตฺตว อิตฺถิปุริสทารกทาริกาทิสทฺทํ สุณาติ, เยนสฺส อธิคตวิเสโสปิ หายติเยวฯ อรญฺญเสนาสเน นิทฺทายิตฺวาปิ ปพุทฺธมโตฺต สีหพฺยคฺฆโมราทีนํ สทฺทํ สุณาติ, เยน อรเญฺญ ปีติํ ปฎิลภิตฺวา ตเมว สมฺมสโนฺต อคฺคผเล ปติฎฺฐาติฯ อิติ ภควา คามนฺตเสนาสเน ฌานํ อเปฺปตฺวา นิสินฺนภิกฺขุโต อรเญฺญ นิทฺทายมานเมว ปสํสติฯ ตสฺมา ตเมว อตฺถวสํ ปฎิจฺจ ‘‘อารญฺญเกสุ เสนาสเนสุ สาเปกฺขา ภวิสฺสนฺตี’’ติ อาหฯ
Āraññakesūti pañcadhanusatikapacchimesu. Sāpekkhāti sālayā. Gāmantasenāsanesu hi jhānaṃ appetvāpi tato vuṭṭhitamattova itthipurisadārakadārikādisaddaṃ suṇāti, yenassa adhigatavisesopi hāyatiyeva. Araññasenāsane niddāyitvāpi pabuddhamatto sīhabyagghamorādīnaṃ saddaṃ suṇāti, yena araññe pītiṃ paṭilabhitvā tameva sammasanto aggaphale patiṭṭhāti. Iti bhagavā gāmantasenāsane jhānaṃ appetvā nisinnabhikkhuto araññe niddāyamānameva pasaṃsati. Tasmā tameva atthavasaṃ paṭicca ‘‘āraññakesu senāsanesu sāpekkhā bhavissantī’’ti āha.
ปจฺจตฺตเญฺญว สติํ อุปฎฺฐาเปสฺสนฺตีติ อตฺตนาว อตฺตโน อพฺภนฺตเร สติํ อุปฎฺฐเปสฺสนฺติฯ เปสลาติ ปิยสีลาฯ อิธาปิ สพฺรหฺมจารีนํ อาคมนํ อนิจฺฉนฺตา เนวาสิกา อสฺสทฺธา โหนฺติ อปฺปสนฺนา, วิหารํ สมฺปตฺตภิกฺขูนํ ปจฺจุคฺคมน-ปตฺตจีวรปฎิคฺคหณ-อาสนปญฺญาปนตาลวณฺฎคฺคหณาทีนิ น กโรนฺติฯ อถ เนสํ อวโณฺณ อุคฺคจฺฉติ ‘‘อสุกวิหารวาสิโน ภิกฺขู อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา วิหารํ ปวิฎฺฐานํ วตฺตปฺปฎิวตฺตมฺปิ น กโรนฺตี’’ติฯ ตํ สุตฺวา ปพฺพชิตา วิหารทฺวาเรน คจฺฉนฺตาปิ วิหารํ น ปวิสนฺติฯ เอวํ อนาคตานํ อนาคมนเมว โหติฯ อาคตานํ ปน ผาสุวิหาเร อสติ เยปิ อชานิตฺวา อาคตา, เต ‘‘วสิสฺสามาติ ตาวจิเนฺตตฺวา อาคตมฺหา, อิเมสํ ปน เนวาสิกานํ อิมินา นีหาเรน โก วสิสฺสตี’’ติ นิกฺขมิตฺวา คจฺฉนฺติฯ เอวํ โส วิหาโร อเญฺญสํ ภิกฺขูนํ อนาวาโสว โหติฯ ตโต เนวาสิกา สีลวนฺตานํ ทสฺสนํ อลภนฺตา กงฺขาวิโนทกํ วา อาจารสิกฺขาปกํ วา มธุรธมฺมสวนํ วา น ลภนฺติฯ เตสํ เนว อคฺคหิตธมฺมคฺคหณํ น คหิตสชฺฌายกรณํ โหติฯ อิติ เนสํ หานิเยว โหติ, น วุทฺธิฯ
Paccattaññeva satiṃ upaṭṭhāpessantīti attanāva attano abbhantare satiṃ upaṭṭhapessanti. Pesalāti piyasīlā. Idhāpi sabrahmacārīnaṃ āgamanaṃ anicchantā nevāsikā assaddhā honti appasannā, vihāraṃ sampattabhikkhūnaṃ paccuggamana-pattacīvarapaṭiggahaṇa-āsanapaññāpanatālavaṇṭaggahaṇādīni na karonti. Atha nesaṃ avaṇṇo uggacchati ‘‘asukavihāravāsino bhikkhū assaddhā appasannā vihāraṃ paviṭṭhānaṃ vattappaṭivattampi na karontī’’ti. Taṃ sutvā pabbajitā vihāradvārena gacchantāpi vihāraṃ na pavisanti. Evaṃ anāgatānaṃ anāgamanameva hoti. Āgatānaṃ pana phāsuvihāre asati yepi ajānitvā āgatā, te ‘‘vasissāmāti tāvacintetvā āgatamhā, imesaṃ pana nevāsikānaṃ iminā nīhārena ko vasissatī’’ti nikkhamitvā gacchanti. Evaṃ so vihāro aññesaṃ bhikkhūnaṃ anāvāsova hoti. Tato nevāsikā sīlavantānaṃ dassanaṃ alabhantā kaṅkhāvinodakaṃ vā ācārasikkhāpakaṃ vā madhuradhammasavanaṃ vā na labhanti. Tesaṃ neva aggahitadhammaggahaṇaṃ na gahitasajjhāyakaraṇaṃ hoti. Iti nesaṃ hāniyeva hoti, na vuddhi.
เย ปน สพฺรหฺมจารีนํ อาคมนํ อิจฺฉนฺติ, เต สทฺธา โหนฺติ ปสนฺนา, อาคตานํ สพฺรหฺมจารีนํ ปจฺจุคฺคมนาทีนิ กตฺวา เสนาสนํ ปญฺญเปตฺวา เทนฺติ , เต คเหตฺวา ภิกฺขาจารํ ปวิสนฺติ, กงฺขํ วิโนเทนฺติ, มธุรธมฺมสฺสวนํ ลภนฺติฯ อถ เนสํ กิตฺติสโทฺท อุคฺคจฺฉติ ‘‘อสุกวิหาเร ภิกฺขู เอวํ สทฺธา ปสนฺนา วตฺตสมฺปนฺนา สงฺคาหกา’’ติฯ ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ทูรโตปิ อาคจฺฉนฺติฯ เตสํ เนวาสิกา วตฺตํ กโรนฺติ, สมีปํ คนฺตฺวา วุฑฺฒตรํ อาคนฺตุกํ วนฺทิตฺวา นิสีทนฺติ, นวกตรสฺส สนฺติเก อาสนํ คเหตฺวา นิสีทิตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ วิหาเร วสิสฺสถ, คมิสฺสถา’’ติ ปุจฺฉนฺติฯ ‘‘คมิสฺสามา’’ติ วุเตฺต ‘‘สปฺปายํ เสนาสนํ, สุลภา ภิกฺขา’’ติอาทีนิ วตฺวา คนฺตุํ น เทนฺติฯ วินยธโร เจ โหติ, ตสฺส สนฺติเก วินยํ สชฺฌายนฺติฯ สุตฺตนฺตาทิธโร เจ, ตสฺส สนฺติเก ตํ ตํ ธมฺมํ สชฺฌายนฺติฯ เต อาคนฺตุกเถรานํ โอวาเท ฐตฺวา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณนฺติฯ อาคนฺตุกา ‘‘เอกํ เทฺว ทิวสานิ วสิสฺสามาติ อาคตมฺหา, อิเมสํ ปน สุขสํวาสตาย ทส ทฺวาทส วสฺสานิ วสิมฺหา’’ติ วตฺตาโร โหนฺติฯ เอวเมตฺถ หานิวุทฺธิโย เวทิตพฺพาฯ
Ye pana sabrahmacārīnaṃ āgamanaṃ icchanti, te saddhā honti pasannā, āgatānaṃ sabrahmacārīnaṃ paccuggamanādīni katvā senāsanaṃ paññapetvā denti , te gahetvā bhikkhācāraṃ pavisanti, kaṅkhaṃ vinodenti, madhuradhammassavanaṃ labhanti. Atha nesaṃ kittisaddo uggacchati ‘‘asukavihāre bhikkhū evaṃ saddhā pasannā vattasampannā saṅgāhakā’’ti. Taṃ sutvā bhikkhū dūratopi āgacchanti. Tesaṃ nevāsikā vattaṃ karonti, samīpaṃ gantvā vuḍḍhataraṃ āgantukaṃ vanditvā nisīdanti, navakatarassa santike āsanaṃ gahetvā nisīditvā ‘‘imasmiṃ vihāre vasissatha, gamissathā’’ti pucchanti. ‘‘Gamissāmā’’ti vutte ‘‘sappāyaṃ senāsanaṃ, sulabhā bhikkhā’’tiādīni vatvā gantuṃ na denti. Vinayadharo ce hoti, tassa santike vinayaṃ sajjhāyanti. Suttantādidharo ce, tassa santike taṃ taṃ dhammaṃ sajjhāyanti. Te āgantukatherānaṃ ovāde ṭhatvā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇanti. Āgantukā ‘‘ekaṃ dve divasāni vasissāmāti āgatamhā, imesaṃ pana sukhasaṃvāsatāya dasa dvādasa vassāni vasimhā’’ti vattāro honti. Evamettha hānivuddhiyo veditabbā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๓. ปฐมสตฺตกสุตฺตํ • 3. Paṭhamasattakasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๒. ปฐมสตฺตกสุตฺตวณฺณนา • 2. Paṭhamasattakasuttavaṇṇanā