Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā |
๓. ปฐมสตฺตสุตฺตวณฺณนา
3. Paṭhamasattasuttavaṇṇanā
๖๓. ตติเย กาเมสูติ วตฺถุกาเมสุฯ อติเวลนฺติ เวลํ อติกฺกมิตฺวาฯ สตฺตาติ อโยนิโสมนสิการพหุลตาย วิชฺชมานมฺปิ อาทีนวํ อโนโลเกตฺวา อสฺสาทเมว สริตฺวา สชฺชนวเสน สตฺตา, อาสตฺตา ลคฺคาติ อโตฺถฯ รตฺตาติ วตฺถํ วิย รงฺคชาเตน จิตฺตสฺส วิปริณามกรเณน ฉนฺทราเคน รตฺตา สารตฺตาฯ คิทฺธาติ อภิกงฺขนสภาเวน อภิชฺฌเนน คิทฺธา เคธํ อาปนฺนาฯ คธิตาติ ราคมุจฺฉิตา วิย ทุโมฺมจนียภาเวน ตตฺถ ปฎิพทฺธาฯ มุจฺฉิตาติ กิเลสวเสน วิสญฺญีภูตา วิย อนญฺญกิจฺจา มุจฺฉํ โมหํ อาปนฺนาฯ อโชฺฌปนฺนาติ อนญฺญสาธารเณ วิย กตฺวา คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐเปตฺวา ฐิตาฯ สมฺมตฺตกชาตาติ กาเมสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชนฺตา อปฺปสุขเวทนาย สมฺมตฺตกา สุฎฺฐุ มตฺตกา ชาตาฯ ‘‘สโมฺมทกชาตา’’ติปิ ปาโฐ, ชาตสโมฺมทนา อุปฺปนฺนปหํสาติ อโตฺถฯ สเพฺพหิปิ ปเทหิ เตสํ ตณฺหาธิปนฺนตํเยว วทติฯ เอตฺถ จ ปฐมํ ‘‘กาเมสู’’ติ วตฺวา ปุนปิ ‘‘กาเมสู’’ติ วจนํ เตสํ สตฺตานํ ตทธิมุตฺติทีปนตฺถํฯ เตน สพฺพิริยาปเถสุ กามคุณสมงฺคิโน หุตฺวา ตทา วิหริํสูติ ทเสฺสติฯ
63. Tatiye kāmesūti vatthukāmesu. Ativelanti velaṃ atikkamitvā. Sattāti ayonisomanasikārabahulatāya vijjamānampi ādīnavaṃ anoloketvā assādameva saritvā sajjanavasena sattā, āsattā laggāti attho. Rattāti vatthaṃ viya raṅgajātena cittassa vipariṇāmakaraṇena chandarāgena rattā sārattā. Giddhāti abhikaṅkhanasabhāvena abhijjhanena giddhā gedhaṃ āpannā. Gadhitāti rāgamucchitā viya dummocanīyabhāvena tattha paṭibaddhā. Mucchitāti kilesavasena visaññībhūtā viya anaññakiccā mucchaṃ mohaṃ āpannā. Ajjhopannāti anaññasādhāraṇe viya katvā gilitvā pariniṭṭhapetvā ṭhitā. Sammattakajātāti kāmesu pātabyataṃ āpajjantā appasukhavedanāya sammattakā suṭṭhu mattakā jātā. ‘‘Sammodakajātā’’tipi pāṭho, jātasammodanā uppannapahaṃsāti attho. Sabbehipi padehi tesaṃ taṇhādhipannataṃyeva vadati. Ettha ca paṭhamaṃ ‘‘kāmesū’’ti vatvā punapi ‘‘kāmesū’’ti vacanaṃ tesaṃ sattānaṃ tadadhimuttidīpanatthaṃ. Tena sabbiriyāpathesu kāmaguṇasamaṅgino hutvā tadā vihariṃsūti dasseti.
ตสฺมิญฺหิ สมเย ฐเปตฺวา อริยสาวเก สเพฺพ สาวตฺถิวาสิโน อุสฺสวํ โฆเสตฺวา ยถาวิภวํ อาปานภูมิํ สเชฺชตฺวา ภุญฺชนฺตา ปิวนฺตา อาวิ เจว รโห จ กาเม ปริภุญฺชนฺตา อินฺทฺริยานิ ปริจาเรนฺตา กาเมสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชิํสุฯ ภิกฺขู สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จรนฺตา ตตฺถ ตตฺถ เคเห อารามุยฺยานาทีสุ จ มนุเสฺส อุสฺสวํ โฆเสตฺวา กามนิเนฺน ตถา ปฎิปชฺชเนฺต ทิสฺวา ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา สณฺหสุขุมํ ธมฺมํ ลภิสฺสามา’’ติ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู…เป.… กาเมสุ วิหรนฺตี’’ติฯ
Tasmiñhi samaye ṭhapetvā ariyasāvake sabbe sāvatthivāsino ussavaṃ ghosetvā yathāvibhavaṃ āpānabhūmiṃ sajjetvā bhuñjantā pivantā āvi ceva raho ca kāme paribhuñjantā indriyāni paricārentā kāmesu pātabyataṃ āpajjiṃsu. Bhikkhū sāvatthiyaṃ piṇḍāya carantā tattha tattha gehe ārāmuyyānādīsu ca manusse ussavaṃ ghosetvā kāmaninne tathā paṭipajjante disvā ‘‘vihāraṃ gantvā saṇhasukhumaṃ dhammaṃ labhissāmā’’ti bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho sambahulā bhikkhū…pe… kāmesu viharantī’’ti.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ เตสํ มนุสฺสานํ อาปานภูมิรมณีเยสุ มหาปริฬาเหสุ อเนกานตฺถานุพเนฺธสุ โฆราสยฺหกฎุกผเลสุ กาเมสุ อนาทีนวทสฺสิตํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา กามานเญฺจว กิเลสานญฺจ อาทีนววิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ
Etamatthaṃ viditvāti etaṃ tesaṃ manussānaṃ āpānabhūmiramaṇīyesu mahāpariḷāhesu anekānatthānubandhesu ghorāsayhakaṭukaphalesu kāmesu anādīnavadassitaṃ sabbākārato viditvā kāmānañceva kilesānañca ādīnavavibhāvanaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.
ตตฺถ กาเมสุ สตฺตาติ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมน รตฺตา มตฺตา สตฺตา วิสตฺตา ลคฺคา ลคฺคิตา สํยุตฺตาฯ กามสงฺคสตฺตาติ ตาเยว กามสตฺติยา วตฺถุกาเมสุ ราคสเงฺคน เจว ทิฎฺฐิมานโทสอวิชฺชาสเงฺคหิ จ สตฺตา อาสตฺตาฯ สํโยชเน วชฺชมปสฺสมานาติ กมฺมวฎฺฎํ วิปากวเฎฺฎน, ภวาทิเก วา ภวนฺตราทีหิ, สเตฺต วา ทุเกฺขหิ สํโยชนโต พนฺธนโต สํโยชนนามเก กามราคาทิกิเลสชาเต สํโยชนีเยสุ ธเมฺมสุ อสฺสาทานุปสฺสิตาย วฎฺฎทุกฺขมูลภาวาทิกํ วชฺชํ โทสํ อาทีนวํ อปสฺสนฺตาฯ น หิ ชาตุ สํโยชนสงฺคสตฺตา, โอฆํ ตเรยฺยุํ วิปุลํ มหนฺตนฺติ เอวํ อาทีนวทสฺสนาภาเวน สํโยชนสภาเวสุ สเงฺคสุ, สํโยชนสงฺขาเตหิ วา สเงฺคหิ เตสํ วิสเยสุ เตภูมกธเมฺมสุ สตฺตา วิปุลวิสยตาย อนาทิกาลตาย จ วิปุลํ วิตฺถิณฺณํ มหนฺตญฺจ กามาทิโอฆํ, สํสาโรฆเมว วา น กทาจิ ตเรยฺยุํ, เอกํเสเนว ตสฺส โอฆสฺส ปารํ น คเจฺฉยฺยุนฺติ อโตฺถฯ
Tattha kāmesu sattāti vatthukāmesu kilesakāmena rattā mattā sattā visattā laggā laggitā saṃyuttā. Kāmasaṅgasattāti tāyeva kāmasattiyā vatthukāmesu rāgasaṅgena ceva diṭṭhimānadosaavijjāsaṅgehi ca sattā āsattā. Saṃyojane vajjamapassamānāti kammavaṭṭaṃ vipākavaṭṭena, bhavādike vā bhavantarādīhi, satte vā dukkhehi saṃyojanato bandhanato saṃyojananāmake kāmarāgādikilesajāte saṃyojanīyesu dhammesu assādānupassitāya vaṭṭadukkhamūlabhāvādikaṃ vajjaṃ dosaṃ ādīnavaṃ apassantā. Na hi jātu saṃyojanasaṅgasattā, oghaṃ tareyyuṃ vipulaṃ mahantanti evaṃ ādīnavadassanābhāvena saṃyojanasabhāvesu saṅgesu, saṃyojanasaṅkhātehi vā saṅgehi tesaṃ visayesu tebhūmakadhammesu sattā vipulavisayatāya anādikālatāya ca vipulaṃ vitthiṇṇaṃ mahantañca kāmādioghaṃ, saṃsāroghameva vā na kadāci tareyyuṃ, ekaṃseneva tassa oghassa pāraṃ na gaccheyyunti attho.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๓. ปฐมสตฺตสุตฺตํ • 3. Paṭhamasattasuttaṃ