Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๙. ปฐมเสขสุตฺตวณฺณนา
9. Paṭhamasekhasuttavaṇṇanā
๘๙. นวเม อารมิตพฺพเฎฺฐน กมฺมํ อาราโม เอตสฺสาติ กมฺมาราโม, ตสฺส ภาโว กมฺมารามตาฯ ตตฺถ กมฺมนฺติ อิติกตฺตพฺพํ กมฺมํ วุจฺจติฯ เสยฺยถิทํ – จีวรวิจารณํ จีวรกมฺมกรณํ อุปตฺถมฺภนํ ปตฺตตฺถวิกอํสพทฺธกกายพนฺธนธมฺมกรณอาธารกปาทกถลิกสมฺมชฺชนิอาทีนํ กรณนฺติฯ เอกโจฺจ หิ เอตานิ กโรโนฺต สกลทิวสํ เอตาเนว กโรติ, ตํ สนฺธาเยส ปฎิเกฺขโปฯ โย ปน เอเตสํ กรณเวลายเมว ตานิ กโรติ, อุเทฺทสเวลาย อุเทฺทสํ คณฺหาติ, สชฺฌายเวลาย สชฺฌายติ, เจติยงฺคณวตฺตเวลาย เจติยงฺคณวตฺตํ กโรติ, มนสิการเวลาย มนสิการํ กโรติ, น โส กมฺมาราโม นามฯ ภสฺสารามตาติ เอตฺถ โย อิตฺถิวณฺณปุริสวณฺณาทิวเสน อาลาปสลฺลาปํ กโรโนฺตเยว ทิวสญฺจ รตฺติญฺจ วีตินาเมติ, เอวรูโป ภเสฺส ปริยนฺตการี น โหติ, อยํ ภสฺสาราโม นามฯ โย ปน รตฺติมฺปิ ทิวสมฺปิ ธมฺมํ กเถติ, ปญฺหํ วิสฺสเชฺชติ, อยํ อปฺปภโสฺส ภเสฺส ปริยนฺตการีเยวฯ กสฺมา? ‘‘สนฺนิปติตานํ โว, ภิกฺขเว, ทฺวยํ กรณียํ ธมฺมี วา กถา, อริโย วา ตุณฺหีภาโว’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๓; อุทา. ๑๒, ๒๘, ๒๙) วุตฺตตฺตาฯ
89. Navame āramitabbaṭṭhena kammaṃ ārāmo etassāti kammārāmo, tassa bhāvo kammārāmatā. Tattha kammanti itikattabbaṃ kammaṃ vuccati. Seyyathidaṃ – cīvaravicāraṇaṃ cīvarakammakaraṇaṃ upatthambhanaṃ pattatthavikaaṃsabaddhakakāyabandhanadhammakaraṇaādhārakapādakathalikasammajjaniādīnaṃ karaṇanti. Ekacco hi etāni karonto sakaladivasaṃ etāneva karoti, taṃ sandhāyesa paṭikkhepo. Yo pana etesaṃ karaṇavelāyameva tāni karoti, uddesavelāya uddesaṃ gaṇhāti, sajjhāyavelāya sajjhāyati, cetiyaṅgaṇavattavelāya cetiyaṅgaṇavattaṃ karoti, manasikāravelāya manasikāraṃ karoti, na so kammārāmo nāma. Bhassārāmatāti ettha yo itthivaṇṇapurisavaṇṇādivasena ālāpasallāpaṃ karontoyeva divasañca rattiñca vītināmeti, evarūpo bhasse pariyantakārī na hoti, ayaṃ bhassārāmo nāma. Yo pana rattimpi divasampi dhammaṃ katheti, pañhaṃ vissajjeti, ayaṃ appabhasso bhasse pariyantakārīyeva. Kasmā? ‘‘Sannipatitānaṃ vo, bhikkhave, dvayaṃ karaṇīyaṃ dhammī vā kathā, ariyo vā tuṇhībhāvo’’ti (ma. ni. 1.273; udā. 12, 28, 29) vuttattā.
นิทฺทารามตาติ เอตฺถ โย คจฺฉโนฺตปิ นิสิโนฺนปิ นิปโนฺนปิ ถินมิทฺธาภิภูโต นิทฺทายติเยว, อยํ นิทฺทาราโม นามฯ ยสฺส ปน กรชกาเย เคลเญฺญน จิตฺตํ ภวเงฺค โอตรติ, นายํ นิทฺทาราโมฯ เตเนวาห – ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, อคฺคิเวสฺสน, คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฎิกฺกโนฺต จตุคฺคุณํ สงฺฆาฎิํ ปญฺญาเปตฺวา ทกฺขิเณน ปเสฺสน สโต สมฺปชาโน นิทฺทํ โอกฺกมิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗)ฯ สงฺคณิการามตาติ เอตฺถ โย เอกสฺส ทุติโย, ทฺวินฺนํ ตติโย, ติณฺณํ จตุโตฺถติ เอวํ สํสโฎฺฐว วิหรติ, เอกโก อสฺสาทํ น ลภติ, อยํ สงฺคณิการาโมฯ โย ปน จตูสุ อิริยาปเถสุ เอกโกว อสฺสาทํ ลภติ, นายํ สงฺคณิการาโม เวทิตโพฺพฯ เสขานํ ปฎิลทฺธคุณสฺส ปริหานาสมฺภวโต ‘‘อุปริคุเณหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Niddārāmatāti ettha yo gacchantopi nisinnopi nipannopi thinamiddhābhibhūto niddāyatiyeva, ayaṃ niddārāmo nāma. Yassa pana karajakāye gelaññena cittaṃ bhavaṅge otarati, nāyaṃ niddārāmo. Tenevāha – ‘‘abhijānāmi kho panāhaṃ, aggivessana, gimhānaṃ pacchime māse pacchābhattaṃ piṇḍapātappaṭikkanto catugguṇaṃ saṅghāṭiṃ paññāpetvā dakkhiṇena passena sato sampajāno niddaṃ okkamitā’’ti (ma. ni. 1.387). Saṅgaṇikārāmatāti ettha yo ekassa dutiyo, dvinnaṃ tatiyo, tiṇṇaṃ catutthoti evaṃ saṃsaṭṭhova viharati, ekako assādaṃ na labhati, ayaṃ saṅgaṇikārāmo. Yo pana catūsu iriyāpathesu ekakova assādaṃ labhati, nāyaṃ saṅgaṇikārāmo veditabbo. Sekhānaṃ paṭiladdhaguṇassa parihānāsambhavato ‘‘upariguṇehī’’tiādi vuttaṃ.
ปฐมเสขสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamasekhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๙. ปฐมเสขสุตฺตํ • 9. Paṭhamasekhasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๙. ปฐมเสขสุตฺตวณฺณนา • 9. Paṭhamasekhasuttavaṇṇanā