Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๔. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา
4. Paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
๑๐๘. จตุตฺถสิกฺขาปเท – เหมนฺติเก กาเลติ เหมนฺตกาเล หิมปาตสมเยฯ กายํ โอตาเปนฺตาติ มญฺจปีฐาทีสุ นิสินฺนา พาลาตเปน กายํ โอตาเปนฺตาฯ กาเล อาโรจิเตติ ยาคุภตฺตาทีสุ ยสฺส กสฺสจิ กาเล อาโรจิเตฯ โอวฎฺฐํ โหตีติ หิมวเสฺสน โอวฎฺฐํ ตินฺตํ โหติฯ
108. Catutthasikkhāpade – hemantike kāleti hemantakāle himapātasamaye. Kāyaṃ otāpentāti mañcapīṭhādīsu nisinnā bālātapena kāyaṃ otāpentā. Kāle ārociteti yāgubhattādīsu yassa kassaci kāle ārocite. Ovaṭṭhaṃ hotīti himavassena ovaṭṭhaṃ tintaṃ hoti.
๑๑๐. อวสฺสิกสเงฺกเตติ วสฺสิกวสฺสานมาสาติ เอวํ อปญฺญเตฺต จตฺตาโร เหมนฺติเก จตฺตาโร จ คิมฺหิเก อฎฺฐ มาเสติ อโตฺถฯ มณฺฑเป วาติ สาขามณฺฑเป วา ปทรมณฺฑเป วาฯ รุกฺขมูเล วาติ ยสฺส กสฺสจิ รุกฺขสฺส เหฎฺฐาฯ ยตฺถ กากา วา กุลลา วา น อูหทนฺตีติ ยตฺถ ธุวนิวาเสน กุลาวเก กตฺวา วสมานา เอเต กากกุลลา วา อเญฺญ วา สกุนฺตา ตํ เสนาสนํ น อูหทนฺติ, ตาทิเส รุกฺขมูเล นิกฺขิปิตุํ อนุชานามีติฯ ตสฺมา ยตฺถ โคจรปฺปสุตา สกุนฺตา วิสฺสมิตฺวา คจฺฉนฺติ, ตสฺส รุกฺขสฺส มูเล นิกฺขิปิตุํ วฎฺฎติฯ ยสฺมิํ ปน ธุวนิวาเสน กุลาวเก กตฺวา วสนฺติ, ตสฺส รุกฺขสฺส มูเล น นิกฺขิปิตพฺพํฯ ‘‘อฎฺฐ มาเส’’ติ วจนโต เยสุ ชนปเทสุ วสฺสกาเล น วสฺสติ, เตสุปิ จตฺตาโร มาเส นิกฺขิปิตุํ น วฎฺฎติเยวฯ ‘‘อวสฺสิกสเงฺกเต’’ติ วจนโต ยตฺถ เหมเนฺต เทโว วสฺสติ, ตตฺถ เหมเนฺตปิ อโชฺฌกาเส นิกฺขิปิตุํ น วฎฺฎติฯ คิเมฺห ปน สพฺพตฺถ วิคตวลาหกํ วิสุทฺธํ นภํ โหติ, เอวรูเป กาเล เกนจิเทว กรณีเยน อโชฺฌกาเส มญฺจปีฐํ นิกฺขิปิตุํ วฎฺฎติฯ
110.Avassikasaṅketeti vassikavassānamāsāti evaṃ apaññatte cattāro hemantike cattāro ca gimhike aṭṭha māseti attho. Maṇḍape vāti sākhāmaṇḍape vā padaramaṇḍape vā. Rukkhamūle vāti yassa kassaci rukkhassa heṭṭhā. Yattha kākā vā kulalā vā na ūhadantīti yattha dhuvanivāsena kulāvake katvā vasamānā ete kākakulalā vā aññe vā sakuntā taṃ senāsanaṃ na ūhadanti, tādise rukkhamūle nikkhipituṃ anujānāmīti. Tasmā yattha gocarappasutā sakuntā vissamitvā gacchanti, tassa rukkhassa mūle nikkhipituṃ vaṭṭati. Yasmiṃ pana dhuvanivāsena kulāvake katvā vasanti, tassa rukkhassa mūle na nikkhipitabbaṃ. ‘‘Aṭṭha māse’’ti vacanato yesu janapadesu vassakāle na vassati, tesupi cattāro māse nikkhipituṃ na vaṭṭatiyeva. ‘‘Avassikasaṅkete’’ti vacanato yattha hemante devo vassati, tattha hemantepi ajjhokāse nikkhipituṃ na vaṭṭati. Gimhe pana sabbattha vigatavalāhakaṃ visuddhaṃ nabhaṃ hoti, evarūpe kāle kenacideva karaṇīyena ajjhokāse mañcapīṭhaṃ nikkhipituṃ vaṭṭati.
อโพฺภกาสิเกนาปิ วตฺตํ ชานิตพฺพํ, ตสฺส หิ สเจ ปุคฺคลิกมญฺจโก อตฺถิ, ตเตฺถว สยิตพฺพํฯ สงฺฆิกํ คณฺหเนฺตน เวเตฺตน วา วาเกน วา วีตมญฺจโก คเหตโพฺพฯ ตสฺมิํ อสติ ปุราณมญฺจโก คเหตโพฺพฯ ตสฺมิมฺปิ อสติ นววายิโม วา โอนทฺธโก วา คเหตโพฺพฯ คเหตฺวา จ ปน ‘‘อหํ อุกฺกฎฺฐรุกฺขมูลิโก อุกฺกฎฺฐอโพฺภกาสิโก’’ติ จีวรกุฎิมฺปิ อกตฺวา อสมเย อโชฺฌกาเส รุกฺขมูเล วา ปญฺญเปตฺวา นิปชฺชิตุํ น วฎฺฎติฯ สเจ ปน จตุคฺคุเณนปิ จีวเรน กตกุฎิ อเตเมนฺตํ รกฺขิตุํ น สโกฺกติ, สตฺตาหวทฺทลิกาทีนิ ภวนฺติ, ภิกฺขุโน กายานุคติกตฺตา วฎฺฎติฯ
Abbhokāsikenāpi vattaṃ jānitabbaṃ, tassa hi sace puggalikamañcako atthi, tattheva sayitabbaṃ. Saṅghikaṃ gaṇhantena vettena vā vākena vā vītamañcako gahetabbo. Tasmiṃ asati purāṇamañcako gahetabbo. Tasmimpi asati navavāyimo vā onaddhako vā gahetabbo. Gahetvā ca pana ‘‘ahaṃ ukkaṭṭharukkhamūliko ukkaṭṭhaabbhokāsiko’’ti cīvarakuṭimpi akatvā asamaye ajjhokāse rukkhamūle vā paññapetvā nipajjituṃ na vaṭṭati. Sace pana catugguṇenapi cīvarena katakuṭi atementaṃ rakkhituṃ na sakkoti, sattāhavaddalikādīni bhavanti, bhikkhuno kāyānugatikattā vaṭṭati.
อรเญฺญ ปณฺณกุฎีสุ วสนฺตานํ สีลสมฺปทาย ปสนฺนจิตฺตา มนุสฺสา นวํ มญฺจปีฐํ เทนฺติ ‘‘สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชถา’’ติ วสิตฺวา คจฺฉเนฺตหิ สามนฺตวิหาเร สภาคภิกฺขูนํ เปเสตฺวา คนฺตพฺพํ, สภาคานํ อภาเว อโนวสฺสเก นิกฺขิปิตฺวา คนฺตพฺพํ, อโนวสฺสเก อสติ รุเกฺข ลเคฺคตฺวา คนฺตพฺพํฯ เจติยงฺคเณ สมฺมชฺชนิํ คเหตฺวา โภชนสาลงฺคณํ วา อุโปสถาคารงฺคณํ วา ปริเวณทิวาฎฺฐานอคฺคิสาลาทีสุ วา อญฺญตรํ สมฺมชฺชิตฺวา โธวิตฺวา ปุน สมฺมชฺชนีมาฬเกเยว ฐเปตพฺพาฯ อุโปสถาคาราทีสุ อญฺญตรสฺมิํ คเหตฺวา อวเสสานิ สมฺมชฺชนฺตสฺสาปิ เอเสว นโยฯ
Araññe paṇṇakuṭīsu vasantānaṃ sīlasampadāya pasannacittā manussā navaṃ mañcapīṭhaṃ denti ‘‘saṅghikaparibhogena paribhuñjathā’’ti vasitvā gacchantehi sāmantavihāre sabhāgabhikkhūnaṃ pesetvā gantabbaṃ, sabhāgānaṃ abhāve anovassake nikkhipitvā gantabbaṃ, anovassake asati rukkhe laggetvā gantabbaṃ. Cetiyaṅgaṇe sammajjaniṃ gahetvā bhojanasālaṅgaṇaṃ vā uposathāgāraṅgaṇaṃ vā pariveṇadivāṭṭhānaaggisālādīsu vā aññataraṃ sammajjitvā dhovitvā puna sammajjanīmāḷakeyeva ṭhapetabbā. Uposathāgārādīsu aññatarasmiṃ gahetvā avasesāni sammajjantassāpi eseva nayo.
โย ปน ภิกฺขาจารมคฺคํ สมฺมชฺชโนฺตว คนฺตุกาโม โหติ, เตน สมฺมชฺชิตฺวา สเจ อนฺตรามเคฺค สาลา อตฺถิ, ตตฺถ ฐเปตพฺพาฯ สเจ นตฺถิ, วลาหกานํ อนุฎฺฐิตภาวํ สลฺลเกฺขตฺวา ‘‘ยาวาหํ คามโต นิกฺขมามิ, ตาว น วสฺสิสฺสตี’’ติ ชานเนฺตน ยตฺถ กตฺถจิ นิกฺขิปิตฺวา ปุน ปจฺจาคจฺฉเนฺตน ปากติกฎฺฐาเน ฐเปตพฺพาฯ สเจ วสฺสิสฺสตีติ ชานโนฺต อโชฺฌกาเส ฐเปติ, ทุกฺกฎนฺติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ สเจ ปน ตตฺร ตเตฺรว สมฺมชฺชนตฺถาย สมฺมชฺชนี นิกฺขิตฺตา โหติ, ตํ ตํ ฐานํ สมฺมชฺชิตฺวา ตตฺร ตเตฺรว นิกฺขิปิตุํ วฎฺฎติฯ อาสนสาลํ สมฺมชฺชเนฺตน วตฺตํ ชานิตพฺพํฯ ตตฺริทํ วตฺตํ – มชฺฌโต ปฎฺฐาย ปาทฎฺฐานาภิมุขา วาลิกา หริตพฺพาฯ กจวรํ หเตฺถหิ คเหตฺวา พหิ ฉเฑฺฑตพฺพํฯ
Yo pana bhikkhācāramaggaṃ sammajjantova gantukāmo hoti, tena sammajjitvā sace antarāmagge sālā atthi, tattha ṭhapetabbā. Sace natthi, valāhakānaṃ anuṭṭhitabhāvaṃ sallakkhetvā ‘‘yāvāhaṃ gāmato nikkhamāmi, tāva na vassissatī’’ti jānantena yattha katthaci nikkhipitvā puna paccāgacchantena pākatikaṭṭhāne ṭhapetabbā. Sace vassissatīti jānanto ajjhokāse ṭhapeti, dukkaṭanti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Sace pana tatra tatreva sammajjanatthāya sammajjanī nikkhittā hoti, taṃ taṃ ṭhānaṃ sammajjitvā tatra tatreva nikkhipituṃ vaṭṭati. Āsanasālaṃ sammajjantena vattaṃ jānitabbaṃ. Tatridaṃ vattaṃ – majjhato paṭṭhāya pādaṭṭhānābhimukhā vālikā haritabbā. Kacavaraṃ hatthehi gahetvā bahi chaḍḍetabbaṃ.
๑๑๑. มสารโกติ มญฺจปาเท วิชฺฌิตฺวา ตตฺถ อฎนิโย ปเวเสตฺวา กโตฯ พุนฺทิกาพโทฺธติ อฎนีหิ มญฺจปาเท ฑํสาเปตฺวา ปลฺลงฺกสเงฺขเปน กโตฯ กุฬีรปาทโกติ อสฺสเมณฺฑกาทีนํ ปาทสทิเสหิ ปาเทหิ กโตฯ โย วา ปน โกจิ วงฺกปาทโก, อยํ วุจฺจติ กุฬีรปาทโกฯ อาหจฺจปาทโกติ อยํ ปน ‘‘อาหจฺจปาทโก นาม มโญฺจ อเงฺค วิชฺฌิตฺวา กโต โหตี’’ติ เอวํ ปรโต ปาฬิยํเยว วุโตฺต, ตสฺมา อฎนิโย วิชฺฌิตฺวา ตตฺถ ปาทสิขํ ปเวเสตฺวา อุปริ อาณิํ ทตฺวา กตมโญฺจ ‘‘อาหจฺจปาทโก’’ติ เวทิตโพฺพฯ ปีเฐปิ เอเสว นโยฯ อโนฺต สํเวเฐตฺวา พทฺธํ โหตีติ เหฎฺฐา จ อุปริ จ วิตฺถตํ มเชฺฌ สงฺขิตฺตํ ปณวสณฺฐานํ กตฺวา พทฺธํ โหติ, ตํ กิร มเชฺฌ สีหพฺยคฺฆจมฺมปริกฺขิตฺตมฺปิ กโรนฺติฯ อกปฺปิยจมฺมํ นาเมตฺถ นตฺถิฯ เสนาสนญฺหิ โสวณฺณมยมฺปิ วฎฺฎติ, ตสฺมา ตํ มหคฺฆํ โหติฯ อนุปสมฺปนฺนํ สนฺถราเปติ ตสฺส ปลิโพโธติ เยน สนฺถราปิตํ, ตสฺส ปลิโพโธฯ เลฑฺฑุปาตํ อติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสาติ ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาตํ อติกฺกมนฺตสฺส ปาจิตฺติยํฯ
111.Masārakoti mañcapāde vijjhitvā tattha aṭaniyo pavesetvā kato. Bundikābaddhoti aṭanīhi mañcapāde ḍaṃsāpetvā pallaṅkasaṅkhepena kato. Kuḷīrapādakoti assameṇḍakādīnaṃ pādasadisehi pādehi kato. Yo vā pana koci vaṅkapādako, ayaṃ vuccati kuḷīrapādako. Āhaccapādakoti ayaṃ pana ‘‘āhaccapādako nāma mañco aṅge vijjhitvā kato hotī’’ti evaṃ parato pāḷiyaṃyeva vutto, tasmā aṭaniyo vijjhitvā tattha pādasikhaṃ pavesetvā upari āṇiṃ datvā katamañco ‘‘āhaccapādako’’ti veditabbo. Pīṭhepi eseva nayo. Anto saṃveṭhetvā baddhaṃ hotīti heṭṭhā ca upari ca vitthataṃ majjhe saṅkhittaṃ paṇavasaṇṭhānaṃ katvā baddhaṃ hoti, taṃ kira majjhe sīhabyagghacammaparikkhittampi karonti. Akappiyacammaṃ nāmettha natthi. Senāsanañhi sovaṇṇamayampi vaṭṭati, tasmā taṃ mahagghaṃ hoti. Anupasampannaṃ santharāpeti tassa palibodhoti yena santharāpitaṃ, tassa palibodho. Leḍḍupātaṃ atikkamantassa āpatti pācittiyassāti thāmamajjhimassa purisassa leḍḍupātaṃ atikkamantassa pācittiyaṃ.
อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – เถโร โภชนสาลายํ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ทหรํ อาณาเปติ ‘‘คจฺฉ ทิวาฎฺฐาเน มญฺจปีฐํ ปญฺญเปหี’’ติฯ โส ตถา กตฺวา นิสิโนฺนฯ เถโร ยถารุจิํ วิจริตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ถวิกํ วา อุตฺตราสงฺคํ วา ฐเปติ, ตโต ปฎฺฐาย เถรสฺส ปลิโพโธฯ นิสีทิตฺวา สยํ คจฺฉโนฺต เนว อุทฺธรติ, น อุทฺธราเปติ, เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม ปาจิตฺติยํฯ สเจ ปน เถโร ตตฺถ ถวิกํ วา อุตฺตราสงฺคํ วา อฎฺฐเปตฺวา จงฺกมโนฺตว ทหรํ ‘‘คจฺฉ ตฺว’’นฺติ ภณติ, เตน ‘‘อิทํ ภเนฺต มญฺจปีฐ’’นฺติ อาจิกฺขิตพฺพํฯ สเจ เถโร วตฺตํ ชานาติ ‘‘ตฺวํ คจฺฉ, อหํ ปากติกํ กริสฺสามี’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ พาโล โหติ อนุคฺคหิตวโตฺต ‘‘คจฺฉ, มา อิธ ติฎฺฐ, เนว นิสีทิตุํ น นิปชฺชิตุํ เทมี’’ติ ทหรํ ตเชฺชติเยวฯ ทหเรน ‘‘ภเนฺต สุขํ สยถา’’ติ กปฺปํ ลภิตฺวา วนฺทิตฺวา คนฺตพฺพํฯ ตสฺมิํ คเต เถรเสฺสว ปลิโพโธฯ ปุริมนเยเนว จสฺส อาปตฺติ เวทิตพฺพาฯ
Ayaṃ panettha vinicchayo – thero bhojanasālāyaṃ bhattakiccaṃ katvā daharaṃ āṇāpeti ‘‘gaccha divāṭṭhāne mañcapīṭhaṃ paññapehī’’ti. So tathā katvā nisinno. Thero yathāruciṃ vicaritvā tattha gantvā thavikaṃ vā uttarāsaṅgaṃ vā ṭhapeti, tato paṭṭhāya therassa palibodho. Nisīditvā sayaṃ gacchanto neva uddharati, na uddharāpeti, leḍḍupātātikkame pācittiyaṃ. Sace pana thero tattha thavikaṃ vā uttarāsaṅgaṃ vā aṭṭhapetvā caṅkamantova daharaṃ ‘‘gaccha tva’’nti bhaṇati, tena ‘‘idaṃ bhante mañcapīṭha’’nti ācikkhitabbaṃ. Sace thero vattaṃ jānāti ‘‘tvaṃ gaccha, ahaṃ pākatikaṃ karissāmī’’ti vattabbaṃ. Sace bālo hoti anuggahitavatto ‘‘gaccha, mā idha tiṭṭha, neva nisīdituṃ na nipajjituṃ demī’’ti daharaṃ tajjetiyeva. Daharena ‘‘bhante sukhaṃ sayathā’’ti kappaṃ labhitvā vanditvā gantabbaṃ. Tasmiṃ gate therasseva palibodho. Purimanayeneva cassa āpatti veditabbā.
อถ ปน อาณตฺติกฺขเณเยว ทหโร ‘‘มยฺหํ ภเนฺต ภณฺฑกโธวนาทิ กิญฺจิ กรณียํ อตฺถี’’ติ วทติ, เถโร จ นํ ‘‘ตฺวํ ปญฺญเปตฺวา คจฺฉาหี’’ติ วตฺวา โภชนสาลโต นิกฺขมิตฺวา อญฺญตฺถ คจฺฉติ, ปาทุทฺธาเรน กาเรตโพฺพฯ สเจ ตเตฺถว คนฺตฺวา นิสีทติ ปุริมนเยเนว จสฺส เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม อาปตฺติฯ สเจ ปน เถโร สามเณรํ อาณาเปติ , สามเณเร ตตฺถ มญฺจปีฐํ ปญฺญเปตฺวา นิสิเนฺนปิ โภชนสาลโต อญฺญตฺถ คจฺฉโนฺต ปาทุทฺธาเรน กาเรตโพฺพฯ คนฺตฺวา นิสิโนฺน ปุน คมนกาเล เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม อาปตฺติยา กาเรตโพฺพฯ สเจ ปน อาณาเปโนฺต มญฺจปีฐํ ปญฺญเปตฺวา ตเตฺถว นิสีทาติ อาณาเปติ, ยตฺริจฺฉติ ตตฺร คนฺตฺวา อาคนฺตุํ ลภติฯ สยํ ปน ปากติกํ อกตฺวา คจฺฉนฺตสฺส เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม ปาจิตฺติยํฯ อนฺตรสนฺนิปาเต มญฺจปีฐานิ ปญฺญเปตฺวา นิสิเนฺนหิ คมนกาเล อารามิกานํ อิมํ ปฎิสาเมถาติ วตฺตพฺพํ, อวตฺวา คจฺฉนฺตานํ เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม อาปตฺติฯ
Atha pana āṇattikkhaṇeyeva daharo ‘‘mayhaṃ bhante bhaṇḍakadhovanādi kiñci karaṇīyaṃ atthī’’ti vadati, thero ca naṃ ‘‘tvaṃ paññapetvā gacchāhī’’ti vatvā bhojanasālato nikkhamitvā aññattha gacchati, pāduddhārena kāretabbo. Sace tattheva gantvā nisīdati purimanayeneva cassa leḍḍupātātikkame āpatti. Sace pana thero sāmaṇeraṃ āṇāpeti , sāmaṇere tattha mañcapīṭhaṃ paññapetvā nisinnepi bhojanasālato aññattha gacchanto pāduddhārena kāretabbo. Gantvā nisinno puna gamanakāle leḍḍupātātikkame āpattiyā kāretabbo. Sace pana āṇāpento mañcapīṭhaṃ paññapetvā tattheva nisīdāti āṇāpeti, yatricchati tatra gantvā āgantuṃ labhati. Sayaṃ pana pākatikaṃ akatvā gacchantassa leḍḍupātātikkame pācittiyaṃ. Antarasannipāte mañcapīṭhāni paññapetvā nisinnehi gamanakāle ārāmikānaṃ imaṃ paṭisāmethāti vattabbaṃ, avatvā gacchantānaṃ leḍḍupātātikkame āpatti.
มหาธมฺมสวนํ นาม โหติ ตตฺถ อุโปสถาคารโตปิ โภชนสาลโตปิ อาหริตฺวา มญฺจปีฐานิ ปญฺญเปนฺติฯ อาวาสิกานํเยว ปลิโพโธฯ สเจ อาคนฺตุกา ‘‘อิทํ อมฺหากํ อุปชฺฌายสฺส อิทํ อาจริยสฺสา’’ติ คณฺหนฺติ, ตโต ปฎฺฐาย เตสํเยว ปลิโพโธฯ คมนกาเล ปากติกํ อกตฺวา เลฑฺฑุปาตํ อติกฺกมนฺตานํ อาปตฺติฯ มหาปจฺจริยํ ปุน วุตฺตํ – ‘‘ยาว อเญฺญ น นิสีทนฺติ, ตาว เยหิ ปญฺญตฺตํ, เตสํ ภาโรฯ อเญฺญสุ อาคนฺตฺวา นิสิเนฺนสุ นิสินฺนกานํ ภาโรฯ สเจ เต อนุทฺธริตฺวา วา อนุทฺธราเปตฺวา วา คจฺฉนฺติ, ทุกฺกฎํฯ กสฺมา? อนาณตฺติยา ปญฺญปิตตฺตา’’ติฯ ธมฺมาสเน ปญฺญเตฺต ยาว อุสฺสารโก วา ธมฺมกถิโก วา นาคจฺฉติ, ตาว ปญฺญาปกานํ ปลิโพโธ, ตสฺมิํ อาคนฺตฺวา นิสิเนฺน ตสฺส ปลิโพโธฯ สกลํ อโหรตฺตํ ธมฺมสวนํ โหติ, อโญฺญ อุสฺสารโก วา ธมฺมกถิโก วา อุฎฺฐหติ, อโญฺญ นิสีทติ, โย โย อาคนฺตฺวา นิสีทติ, ตสฺส ตสฺส ภาโรฯ อุฎฺฐหเนฺตน ปน ‘‘อิทมาสนํ ตุมฺหากํ ภาโร’’ติ วตฺวา คนฺตพฺพํฯ สเจปิ อิตรสฺมิํ อนาคเตเยว ปฐมํ นิสิโนฺน อุฎฺฐาย คจฺฉติ, ตสฺมิญฺจ อโนฺตอุปจารเฎฺฐเยว อิตโร อาคนฺตฺวา นิสีทติ, อุฎฺฐาย คโต อาปตฺติยา น กาเรตโพฺพฯ สเจ ปน อิตรสฺมิํ อนาคเตเยว ปฐมํ นิสิโนฺน อุฎฺฐายาสนา เลฑฺฑุปาตํ อติกฺกมติ, อาปตฺติยา กาเรตโพฺพฯ สพฺพตฺถ จ ‘‘เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม ปฐมปาเท ทุกฺกฎํ, ทุติเย ปาจิตฺติย’’นฺติ อยํ นโย มหาปจฺจริยํ วุโตฺตฯ
Mahādhammasavanaṃ nāma hoti tattha uposathāgāratopi bhojanasālatopi āharitvā mañcapīṭhāni paññapenti. Āvāsikānaṃyeva palibodho. Sace āgantukā ‘‘idaṃ amhākaṃ upajjhāyassa idaṃ ācariyassā’’ti gaṇhanti, tato paṭṭhāya tesaṃyeva palibodho. Gamanakāle pākatikaṃ akatvā leḍḍupātaṃ atikkamantānaṃ āpatti. Mahāpaccariyaṃ puna vuttaṃ – ‘‘yāva aññe na nisīdanti, tāva yehi paññattaṃ, tesaṃ bhāro. Aññesu āgantvā nisinnesu nisinnakānaṃ bhāro. Sace te anuddharitvā vā anuddharāpetvā vā gacchanti, dukkaṭaṃ. Kasmā? Anāṇattiyā paññapitattā’’ti. Dhammāsane paññatte yāva ussārako vā dhammakathiko vā nāgacchati, tāva paññāpakānaṃ palibodho, tasmiṃ āgantvā nisinne tassa palibodho. Sakalaṃ ahorattaṃ dhammasavanaṃ hoti, añño ussārako vā dhammakathiko vā uṭṭhahati, añño nisīdati, yo yo āgantvā nisīdati, tassa tassa bhāro. Uṭṭhahantena pana ‘‘idamāsanaṃ tumhākaṃ bhāro’’ti vatvā gantabbaṃ. Sacepi itarasmiṃ anāgateyeva paṭhamaṃ nisinno uṭṭhāya gacchati, tasmiñca antoupacāraṭṭheyeva itaro āgantvā nisīdati, uṭṭhāya gato āpattiyā na kāretabbo. Sace pana itarasmiṃ anāgateyeva paṭhamaṃ nisinno uṭṭhāyāsanā leḍḍupātaṃ atikkamati, āpattiyā kāretabbo. Sabbattha ca ‘‘leḍḍupātātikkame paṭhamapāde dukkaṭaṃ, dutiye pācittiya’’nti ayaṃ nayo mahāpaccariyaṃ vutto.
๑๑๒. จิมิลิกํ วาติอาทีสุ จิมิลิกา นาม สุธาทิปริกมฺมกตาย ภูมิยา วณฺณานุรกฺขณตฺถํ กตา โหติ , ตํ เหฎฺฐา ปตฺถริตฺวา อุปริ กฎสารกํ ปตฺถรนฺติฯ อุตฺตรตฺถรณํ นาม มญฺจปีฐานํ อุปริ อตฺถริตพฺพกํ ปจฺจตฺถรณํฯ ภูมตฺถรณํ นาม ภูมิยํ อตฺถริตพฺพา กฎสารกาทิวิกติฯ ตฎฺฎิกํ นาม ตาลปเณฺณหิ วา วาเกหิ วา กตตฎฺฎิกาฯ จมฺมขโณฺฑ นาม สีหพฺยคฺฆทีปิตรจฺฉจมฺมาทีสุปิ ยํกิญฺจิ จมฺมํฯ อฎฺฐกถาสุ หิ เสนาสนปริโภเค ปฎิกฺขิตฺตจมฺมํ นาม น ทิสฺสติ, ตสฺมา สีหจมฺมาทีนํ ปริหรเณเยว ปฎิเกฺขโป เวทิตโพฺพฯ ปาทปุญฺฉนี นาม รชฺชุเกหิ วา ปิโลติกาหิ วา ปาทปุญฺฉนตฺถํ กตาฯ ผลกปีฐํ นาม ผลกมยํ ปีฐํฯ อถ วา ผลกเญฺจว ทารุมยปีฐญฺจ; เอเตน สพฺพมฺปิ ทารุภณฺฑาทิ สงฺคหิตํฯ มหาปจฺจริยํ ปน วิตฺถาเรเนว วุตฺตํ – ‘‘อาธารกํ ปตฺตปิธานํ ปาทกถลิกํ ตาลวณฺฎํ พีชนีปตฺตกํ ยํกิญฺจิ ทารุภณฺฑํ อนฺตมโส ปานียอุฬุงฺกํ ปานียสงฺขํ อโชฺฌกาเส นิกฺขิปิตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฎ’’นฺติฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน เอส นโย ทุติยสิกฺขาปเท ทสฺสิโตฯ อโชฺฌกาเส รชนํ ปจิตฺวา รชนภาชนํ รชนอุฬุโงฺก รชนโทณิกาติ สพฺพํ อคฺคิสาลาย ปฎิสาเมตพฺพํฯ สเจ อคฺคิสาลา นตฺถิ, อโนวสฺสเก ปพฺภาเร นิกฺขิปิตพฺพํฯ ตสฺมิมฺปิ อสติ ยตฺถ โอโลเกนฺตา ภิกฺขู ปสฺสนฺติ, ตาทิเส ฐาเน ฐเปตฺวาปิ คนฺตุํ วฎฺฎติฯ
112.Cimilikaṃ vātiādīsu cimilikā nāma sudhādiparikammakatāya bhūmiyā vaṇṇānurakkhaṇatthaṃ katā hoti , taṃ heṭṭhā pattharitvā upari kaṭasārakaṃ pattharanti. Uttarattharaṇaṃ nāma mañcapīṭhānaṃ upari attharitabbakaṃ paccattharaṇaṃ. Bhūmattharaṇaṃ nāma bhūmiyaṃ attharitabbā kaṭasārakādivikati. Taṭṭikaṃ nāma tālapaṇṇehi vā vākehi vā katataṭṭikā. Cammakhaṇḍo nāma sīhabyagghadīpitaracchacammādīsupi yaṃkiñci cammaṃ. Aṭṭhakathāsu hi senāsanaparibhoge paṭikkhittacammaṃ nāma na dissati, tasmā sīhacammādīnaṃ pariharaṇeyeva paṭikkhepo veditabbo. Pādapuñchanī nāma rajjukehi vā pilotikāhi vā pādapuñchanatthaṃ katā. Phalakapīṭhaṃ nāma phalakamayaṃ pīṭhaṃ. Atha vā phalakañceva dārumayapīṭhañca; etena sabbampi dārubhaṇḍādi saṅgahitaṃ. Mahāpaccariyaṃ pana vitthāreneva vuttaṃ – ‘‘ādhārakaṃ pattapidhānaṃ pādakathalikaṃ tālavaṇṭaṃ bījanīpattakaṃ yaṃkiñci dārubhaṇḍaṃ antamaso pānīyauḷuṅkaṃ pānīyasaṅkhaṃ ajjhokāse nikkhipitvā gacchantassa dukkaṭa’’nti. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana esa nayo dutiyasikkhāpade dassito. Ajjhokāse rajanaṃ pacitvā rajanabhājanaṃ rajanauḷuṅko rajanadoṇikāti sabbaṃ aggisālāya paṭisāmetabbaṃ. Sace aggisālā natthi, anovassake pabbhāre nikkhipitabbaṃ. Tasmimpi asati yattha olokentā bhikkhū passanti, tādise ṭhāne ṭhapetvāpi gantuṃ vaṭṭati.
อญฺญสฺส ปุคฺคลิเกติ ยสฺมิํ วิสฺสาสคฺคาโห น รุหติ, ตสฺส สนฺตเก ทุกฺกฎํฯ ยสฺมิํ ปน วิสฺสาโส รุหติ, ตสฺส สนฺตกํ อตฺตโน ปุคฺคลิกมิว โหตีติ มหาปจฺจริยาทีสุ วุตฺตํฯ
Aññassapuggaliketi yasmiṃ vissāsaggāho na ruhati, tassa santake dukkaṭaṃ. Yasmiṃ pana vissāso ruhati, tassa santakaṃ attano puggalikamiva hotīti mahāpaccariyādīsu vuttaṃ.
๑๑๓. อาปุจฺฉํ คจฺฉตีติ โย ภิกฺขุ วา สามเณโร วา อารามิโก วา ลชฺชี โหติ, อตฺตโน ปลิโพธํ วิย มญฺญติ, โย ตถารูปํ อาปุจฺฉิตฺวา คจฺฉติ, ตสฺส อนาปตฺติฯ โอตาเปโนฺต คจฺฉตีติ อาตเป โอตาเปโนฺต อาคนฺตฺวา อุทฺธริสฺสามีติ คจฺฉติ; เอวํ คจฺฉโต อนาปตฺติฯ เกนจิ ปลิพุทฺธํ โหตีติ เสนาสนํ เกนจิ อุปทฺทุตํ โหตีติ อโตฺถฯ สเจปิ หิ วุฑฺฒตโร ภิกฺขุ อุฎฺฐาเปตฺวา คณฺหาติ, สเจปิ ยโกฺข วา เปโต วา อาคนฺตฺวา นิสีทติ, โกจิ วา อิสฺสโร อาคนฺตฺวา คณฺหาติ, เสนาสนํ ปลิพุทฺธํ โหติ, สีหพฺยคฺฆาทีสุ วา ปน ตํ ปเทสํ อาคนฺตฺวา ฐิเตสุปิ เสนาสนํ ปลิพุทฺธํ โหติเยวฯ เอวํ เกนจิ ปลิพุเทฺธ อนุทฺธริตฺวาปิ คจฺฉโต อนาปตฺติฯ อาปทาสูติ ชีวิตพฺรหฺมจริยนฺตราเยสุฯ เสสํ อุตฺตานเมวาติฯ
113.Āpucchaṃ gacchatīti yo bhikkhu vā sāmaṇero vā ārāmiko vā lajjī hoti, attano palibodhaṃ viya maññati, yo tathārūpaṃ āpucchitvā gacchati, tassa anāpatti. Otāpento gacchatīti ātape otāpento āgantvā uddharissāmīti gacchati; evaṃ gacchato anāpatti. Kenaci palibuddhaṃ hotīti senāsanaṃ kenaci upaddutaṃ hotīti attho. Sacepi hi vuḍḍhataro bhikkhu uṭṭhāpetvā gaṇhāti, sacepi yakkho vā peto vā āgantvā nisīdati, koci vā issaro āgantvā gaṇhāti, senāsanaṃ palibuddhaṃ hoti, sīhabyagghādīsu vā pana taṃ padesaṃ āgantvā ṭhitesupi senāsanaṃ palibuddhaṃ hotiyeva. Evaṃ kenaci palibuddhe anuddharitvāpi gacchato anāpatti. Āpadāsūti jīvitabrahmacariyantarāyesu. Sesaṃ uttānamevāti.
กถินสมุฎฺฐานํ – กายวาจโต กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติ, กิริยากิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Kathinasamuṭṭhānaṃ – kāyavācato kāyavācācittato ca samuṭṭhāti, kiriyākiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทํ จตุตฺถํฯ
Paṭhamasenāsanasikkhāpadaṃ catutthaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ภูตคามวโคฺค • 2. Bhūtagāmavaggo
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๔. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๔. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๔. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๔. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทํ • 4. Paṭhamasenāsanasikkhāpadaṃ