Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
๔. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา
4. Paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
๑๐๘-๑๑๐. จตุเตฺถ หิมวเสฺสนาติ หิมเมว วุตฺตํฯ อปญฺญาเตติ อปฺปตีเต, อปฺปสิเทฺธติ อโตฺถฯ ‘‘มณฺฑเป วา รุกฺขมูเล วาติ วจนโต วิวฎงฺคเณปิ นิกฺขิปิตุํ วฎฺฎตี’’ติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ โคจรปฺปสุตาติ โคจรฎฺฐานํ ปฎิปนฺนาฯ ‘‘อฎฺฐ มาเส’’ติ อิมินา วสฺสานํ จาตุมาสํ เจปิ เทโว น วสฺสติ, ปฎิกฺขิตฺตเมวาติ อาห ‘‘อฎฺฐ มาเสติ วจนโต…เป.… นิกฺขิปิตุํ น วฎฺฎติเยวา’’ติฯ ตตฺถ จตฺตาโร มาเสติ วสฺสานสฺส จตฺตาโร มาเสฯ อวสฺสิกสเงฺกเตติ อิมินา อนุญฺญาเตปิ อฎฺฐ มาเส ยตฺถ เหมเนฺต เทโว วสฺสติ, ตตฺถ อปเรปิ จตฺตาโร มาสา ปฎิกฺขิตฺตาติ อาห ‘‘อวสฺสิกสเงฺกเตติ วจนโต’’ติอาทิฯ อิมินา อิมํ ทีเปติ ‘‘ยสฺมิํ เทเส เหมเนฺต เทโว วสฺสติ, ตตฺถ อฎฺฐ มาเส ปฎิกฺขิปิตฺวา จตฺตาโร มาสา อนุญฺญาตาฯ ยตฺถ ปน วสฺสาเนเยว วสฺสติ, ตตฺถ จตฺตาโร มาเส ปฎิกฺขิปิตฺวา อฎฺฐ มาสา อนุญฺญาตา’’ติฯ
108-110. Catutthe himavassenāti himameva vuttaṃ. Apaññāteti appatīte, appasiddheti attho. ‘‘Maṇḍape vā rukkhamūle vāti vacanato vivaṭaṅgaṇepi nikkhipituṃ vaṭṭatī’’ti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Gocarappasutāti gocaraṭṭhānaṃ paṭipannā. ‘‘Aṭṭha māse’’ti iminā vassānaṃ cātumāsaṃ cepi devo na vassati, paṭikkhittamevāti āha ‘‘aṭṭha māseti vacanato…pe… nikkhipituṃ na vaṭṭatiyevā’’ti. Tattha cattāro māseti vassānassa cattāro māse. Avassikasaṅketeti iminā anuññātepi aṭṭha māse yattha hemante devo vassati, tattha aparepi cattāro māsā paṭikkhittāti āha ‘‘avassikasaṅketeti vacanato’’tiādi. Iminā imaṃ dīpeti ‘‘yasmiṃ dese hemante devo vassati, tattha aṭṭha māse paṭikkhipitvā cattāro māsā anuññātā. Yattha pana vassāneyeva vassati, tattha cattāro māse paṭikkhipitvā aṭṭha māsā anuññātā’’ti.
อิมินาว นเยน มชฺฌิมปเทเส ยตฺถ เหมเนฺต หิมวสฺสํ วสฺสติ, ตตฺถาปิ อเฎฺฐว มาสา ปฎิกฺขิตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ ตสฺมา วสฺสานกาเล ปกติอโชฺฌกาเส โอวสฺสกมณฺฑเป รุกฺขมูเล จ สนฺถริตุํ น วฎฺฎติ, เหมนฺตกาเล ปกติอโชฺฌกาเส โอวสฺสกมณฺฑปาทีสุปิ วฎฺฎติฯ ตญฺจ โข ยตฺถ หิมวเสฺสน เสนาสนํ น เตมติ, คิมฺหกาเลปิ ปกติอโชฺฌกาสาทีสุ วฎฺฎติเยว, ตญฺจ โข อกาลเมฆาทสฺสเน, กากาทีนํ นิพทฺธวาสรุกฺขมูเล ปน กทาจิปิ น วฎฺฎตีติ เอวเมตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
Imināva nayena majjhimapadese yattha hemante himavassaṃ vassati, tatthāpi aṭṭheva māsā paṭikkhittāti veditabbā. Tasmā vassānakāle pakatiajjhokāse ovassakamaṇḍape rukkhamūle ca santharituṃ na vaṭṭati, hemantakāle pakatiajjhokāse ovassakamaṇḍapādīsupi vaṭṭati. Tañca kho yattha himavassena senāsanaṃ na temati, gimhakālepi pakatiajjhokāsādīsu vaṭṭatiyeva, tañca kho akālameghādassane, kākādīnaṃ nibaddhavāsarukkhamūle pana kadācipi na vaṭṭatīti evamettha vinicchayo veditabbo.
อิมญฺจ ปน อตฺถวิเสสํ คเหตฺวา ภควตา ปฐมเมว สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตนฺติ วิสุํ อนุปญฺญตฺติ น วุตฺตาฯ เตเนว หิ มาติกาฎฺฐกถายํ (กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘อิติ ยตฺถ จ ยทา จ สนฺถริตุํ น วฎฺฎติ, ตํ สพฺพมิธ อโชฺฌกาสสงฺขเมว คต’’นฺติฯ อถ วา อวิเสเสน อโชฺฌกาเส สนฺถรณสนฺถราปนานิ ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘‘อีทิเส กาเล อีทิเส จ ปเทเส ฐเปถา’’ติ อนุชานนมเตฺตเนว อลนฺติ น สิกฺขาปเท วิสุํ อนุปญฺญตฺติ อุทฺธฎาติ เวทิตพฺพาฯ ปริวาเร (ปริ. ๖๕-๖๗) ปน อิมเสฺสว สิกฺขาปทสฺส อนุรูปวเสน ปญฺญตฺตตฺตา ‘‘เอกา อนุปญฺญตฺตี’’ติ วุตฺตํฯ
Imañca pana atthavisesaṃ gahetvā bhagavatā paṭhamameva sikkhāpadaṃ paññattanti visuṃ anupaññatti na vuttā. Teneva hi mātikāṭṭhakathāyaṃ (kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā) vuttaṃ ‘‘iti yattha ca yadā ca santharituṃ na vaṭṭati, taṃ sabbamidha ajjhokāsasaṅkhameva gata’’nti. Atha vā avisesena ajjhokāse santharaṇasantharāpanāni paṭikkhipitvā ‘‘īdise kāle īdise ca padese ṭhapethā’’ti anujānanamatteneva alanti na sikkhāpade visuṃ anupaññatti uddhaṭāti veditabbā. Parivāre (pari. 65-67) pana imasseva sikkhāpadassa anurūpavasena paññattattā ‘‘ekā anupaññattī’’ti vuttaṃ.
นววายิโม สีฆํ น นสฺสตีติ อาห ‘‘นววายิโม วา’’ติฯ โอนทฺธโกติ จเมฺมน โอนโทฺธฯ อุกฺกฎฺฐอโพฺภกาสิโกติ อิทํ ตสฺส ปริวิตกฺกทสฺสนมตฺตํ, อุกฺกฎฺฐอโพฺภกาสิกสฺส ปน จีวรกุฎิ น วฎฺฎตีติ นตฺถิฯ กายานุคติกตฺตาติ ภิกฺขุโน ตเตฺถว สนฺนิหิตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อิมินา จ ตสฺมิํเยว กาเล อนาปตฺติ วุตฺตา, จีวรกุฎิโต นิกฺขมิตฺวา ปน อญฺญตฺถ คจฺฉนฺตสฺส ปิณฺฑาย ปวิสนฺตสฺสปิ อาปตฺติเยวฯ ‘‘ยสฺมา ปน ทายเกหิ ทานกาเลเยว สหสฺสคฺฆนกมฺปิ กมฺพลํ ‘ปาทปุญฺฉนิํ กตฺวา ปริภุญฺชถา’ติ ทินฺนํ ตเถว ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติ, ตสฺมา ‘อิมํ มญฺจปีฐาทิเสนาสนํ อโพฺภกาเสปิ ยถาสุขํ ปริภุญฺชถา’ติ ทายเกหิ ทินฺนํ เจ, สพฺพสฺมิมฺปิ กาเล อโพฺภกาเส นิกฺขิปิตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ เปเสตฺวา คนฺตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘โย ภิกฺขุ อิมํ ฐานํ อาคนฺตฺวา วสติ, ตสฺส เทถา’’ติ วตฺวา เปเสตพฺพํฯ
Navavāyimo sīghaṃ na nassatīti āha ‘‘navavāyimo vā’’ti. Onaddhakoti cammena onaddho. Ukkaṭṭhaabbhokāsikoti idaṃ tassa parivitakkadassanamattaṃ, ukkaṭṭhaabbhokāsikassa pana cīvarakuṭi na vaṭṭatīti natthi. Kāyānugatikattāti bhikkhuno tattheva sannihitabhāvaṃ sandhāya vuttaṃ. Iminā ca tasmiṃyeva kāle anāpatti vuttā, cīvarakuṭito nikkhamitvā pana aññattha gacchantassa piṇḍāya pavisantassapi āpattiyeva. ‘‘Yasmā pana dāyakehi dānakāleyeva sahassagghanakampi kambalaṃ ‘pādapuñchaniṃ katvā paribhuñjathā’ti dinnaṃ tatheva paribhuñjituṃ vaṭṭati, tasmā ‘imaṃ mañcapīṭhādisenāsanaṃ abbhokāsepi yathāsukhaṃ paribhuñjathā’ti dāyakehi dinnaṃ ce, sabbasmimpi kāle abbhokāse nikkhipituṃ vaṭṭatī’’ti vadanti. Pesetvā gantabbanti ettha ‘‘yo bhikkhu imaṃ ṭhānaṃ āgantvā vasati, tassa dethā’’ti vatvā pesetabbaṃ.
วลาหกานํ อนุฎฺฐิตภาวํ สลฺลเกฺขตฺวาติ อิมินา จ คิมฺหาเนปิ เมเฆ อุฎฺฐิเต มญฺจปีฐาทิํ ยํกิญฺจิ เสนาสนํ อโชฺฌกาเส นิกฺขิปิตุํ น วฎฺฎตีติ ทีปิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ‘‘ปาทฎฺฐานาภิมุขาติ นิสีทนฺตานํ ปาทปตนฎฺฐานาภิมุข’’นฺติ เกจิฯ ‘‘สมฺมชฺชนฺตสฺส ปาทฎฺฐานาภิมุข’’นฺติ อปเรฯ ‘‘พหิ วาลุกาย อคมนนิมิตฺตํ ปาทฎฺฐานาภิมุขา วาลิกา หริตพฺพาติ วุตฺต’’นฺติ เอเก ฯ กจวรํ หเตฺถหิ คเหตฺวา พหิ ฉเฎฺฎตพฺพนฺติ อิมินา กจวรํ ฉเฑฺฑสฺสามีติ วาลิกา น ฉเฑฺฑตพฺพาติ ทีเปติฯ
Valāhakānaṃ anuṭṭhitabhāvaṃ sallakkhetvāti iminā ca gimhānepi meghe uṭṭhite mañcapīṭhādiṃ yaṃkiñci senāsanaṃ ajjhokāse nikkhipituṃ na vaṭṭatīti dīpitanti veditabbaṃ. ‘‘Pādaṭṭhānābhimukhāti nisīdantānaṃ pādapatanaṭṭhānābhimukha’’nti keci. ‘‘Sammajjantassa pādaṭṭhānābhimukha’’nti apare. ‘‘Bahi vālukāya agamananimittaṃ pādaṭṭhānābhimukhā vālikā haritabbāti vutta’’nti eke . Kacavaraṃ hatthehi gahetvā bahi chaṭṭetabbanti iminā kacavaraṃ chaḍḍessāmīti vālikā na chaḍḍetabbāti dīpeti.
๑๑๑. อโนฺต สํเวเฐตฺวา พทฺธนฺติ เอรกปตฺตาทีหิ เวณิํ กตฺวา ตาย เวณิยา อุโภสุ ปเสฺสสุ วิตฺถตฎฺฐาเนสุ พหุํ เวเฐตฺวา ตโต ปฎฺฐาย ยาว มชฺฌฎฺฐานํ, ตาว อโนฺต อากฑฺฒนวเสน เวเฐตฺวา มเชฺฌ สงฺขิปิตฺวา ติริยํ ตตฺถ ตตฺถ พนฺธิตฺวา กตํฯ กปฺปํ ลภิตฺวาติ คจฺฉาติ วุตฺตวจเนน กปฺปํ ลภิตฺวาฯ เถรสฺส หิ อาณตฺติยา คจฺฉนฺตสฺส อนาปตฺติฯ ปุริมนเยเนวาติ ‘‘นิสีทิตฺวา สยํ คจฺฉโนฺต’’ติอาทินา ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนวฯ อญฺญตฺถ คจฺฉตีติ ตํ มคฺคํ อติกฺกมิตฺวา อญฺญตฺถ คจฺฉติฯ เลฑฺฑุปาตุปจารโต พหิ ฐิตตฺตา ‘‘ปาทุทฺธาเรน กาเรตโพฺพ’’ติ วุตฺตํ, อญฺญตฺถ คจฺฉนฺตสฺส ปฐมปาทุทฺธาเร ทุกฺกฎํ, ทุติยปาทุทฺธาเร ปาจิตฺติยนฺติ อโตฺถฯ ปากติกํ อกตฺวาติ อปฺปฎิสาเมตฺวาฯ อนฺตรสนฺนิปาเตติ อนฺตรนฺตรา สนฺนิปาเตฯ
111.Anto saṃveṭhetvā baddhanti erakapattādīhi veṇiṃ katvā tāya veṇiyā ubhosu passesu vitthataṭṭhānesu bahuṃ veṭhetvā tato paṭṭhāya yāva majjhaṭṭhānaṃ, tāva anto ākaḍḍhanavasena veṭhetvā majjhe saṅkhipitvā tiriyaṃ tattha tattha bandhitvā kataṃ. Kappaṃ labhitvāti gacchāti vuttavacanena kappaṃ labhitvā. Therassa hi āṇattiyā gacchantassa anāpatti. Purimanayenevāti ‘‘nisīditvā sayaṃ gacchanto’’tiādinā pubbe vuttanayeneva. Aññattha gacchatīti taṃ maggaṃ atikkamitvā aññattha gacchati. Leḍḍupātupacārato bahi ṭhitattā ‘‘pāduddhārena kāretabbo’’ti vuttaṃ, aññattha gacchantassa paṭhamapāduddhāre dukkaṭaṃ, dutiyapāduddhāre pācittiyanti attho. Pākatikaṃ akatvāti appaṭisāmetvā. Antarasannipāteti antarantarā sannipāte.
อาวาสิกานํเยว ปลิโพโธติ เอตฺถ อาคนฺตุเกหิ อาคนฺตฺวา กิญฺจิ อวตฺวา ตตฺถ นิสิเนฺนปิ อาวาสิกานํเยว ปลิโพโธติ อธิปฺปาโยฯ มหาปจฺจริวาเท ปน ‘‘อเญฺญสุ อาคนฺตฺวา นิสิเนฺนสู’’ติ อิทํ อมฺหากนฺติ วตฺวา วา อวตฺวา วา นิสิเนฺนสูติ อธิปฺปาโยฯ มหาอฎฺฐกถาวาเท ‘‘อาปตฺตี’’ติ ปาจิตฺติยเมว วุตฺตํฯ มหาปจฺจริยํ ปน สนฺถรณสนฺถราปเน สติ ปาจิตฺติเยน ภวิตพฺพนฺติ อนาณตฺติยา ปญฺญตฺตตฺตา ทุกฺกฎํ วุตฺตํฯ ‘‘อิทํ อุสฺสารกสฺส, อิทํ ธมฺมกถิกสฺสา’’ติ วิสุํ ปญฺญตฺตตฺตา อนาณตฺติยา ปญฺญเตฺตปิ ปาจิตฺติเยเนว ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘ตสฺมิํ อาคนฺตฺวา นิสิเนฺน ตสฺส ปลิโพโธ’’ติ วุตฺตํฯ เกจิ ปน วทนฺติ ‘‘อนาณตฺติยา ปญฺญเตฺตปิ ธมฺมกถิกสฺส อนุฎฺฐาปนียตฺตา ปาจิตฺติเยน ภวิตพฺพํ, อาคนฺตุกสฺส ปน ปจฺฉา อาคเตหิ วุฑฺฒตเรหิ อุฎฺฐาเปตพฺพตฺตา ทุกฺกฎํ วุตฺต’’นฺติฯ
Āvāsikānaṃyeva palibodhoti ettha āgantukehi āgantvā kiñci avatvā tattha nisinnepi āvāsikānaṃyeva palibodhoti adhippāyo. Mahāpaccarivāde pana ‘‘aññesu āgantvā nisinnesū’’ti idaṃ amhākanti vatvā vā avatvā vā nisinnesūti adhippāyo. Mahāaṭṭhakathāvāde ‘‘āpattī’’ti pācittiyameva vuttaṃ. Mahāpaccariyaṃ pana santharaṇasantharāpane sati pācittiyena bhavitabbanti anāṇattiyā paññattattā dukkaṭaṃ vuttaṃ. ‘‘Idaṃ ussārakassa, idaṃ dhammakathikassā’’ti visuṃ paññattattā anāṇattiyā paññattepi pācittiyeneva bhavitabbanti adhippāyena ‘‘tasmiṃ āgantvā nisinne tassa palibodho’’ti vuttaṃ. Keci pana vadanti ‘‘anāṇattiyā paññattepi dhammakathikassa anuṭṭhāpanīyattā pācittiyena bhavitabbaṃ, āgantukassa pana pacchā āgatehi vuḍḍhatarehi uṭṭhāpetabbattā dukkaṭaṃ vutta’’nti.
๑๑๒. ภูมิยํ อตฺถริตพฺพาติ จิมิลิกาย สติ ตสฺสา อุปริ, อสติ สุทฺธภูมิยํ อตฺถริตพฺพาฯ สีหจมฺมาทีนํ ปริหรเณเยว ปฎิเกฺขโป เวทิตโพฺพติ อิมินา –
112.Bhūmiyaṃ attharitabbāti cimilikāya sati tassā upari, asati suddhabhūmiyaṃ attharitabbā. Sīhacammādīnaṃ pariharaṇeyeva paṭikkhepo veditabboti iminā –
‘‘น , ภิกฺขเว, มหาจมฺมานิ ธาเรตพฺพานิ สีหจมฺมํ พฺยคฺฆจมฺมํ ทีปิจมฺมํ, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๕๕) –
‘‘Na , bhikkhave, mahācammāni dhāretabbāni sīhacammaṃ byagghacammaṃ dīpicammaṃ, yo dhāreyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 255) –
เอวํ วุตฺตาย ขนฺธกปาฬิยา อธิปฺปายํ วิภาเวติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อโนฺตปิ มเญฺจ ปญฺญตฺตานิ โหนฺติ, พหิปิ มเญฺจ ปญฺญตฺตานิ โหนฺตี’’ติ อิมสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ สิกฺขาปทสฺส ปญฺญตฺตตฺตา มญฺจปีเฐสุ อตฺถริตฺวา ปริโภโคเยว ปฎิกฺขิโตฺต, ภูมตฺถรณวเสน ปริโภโค ปน อปฺปฎิกฺขิโตฺตติฯ ยทิ เอวํ ‘‘ปริหรเณเยว ปฎิเกฺขโป’’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตนฺติ? ยถา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพํ ปาสาทปริโภค’’นฺติ (จูฬว. ๓๒๐) วจนโต ปุคฺคลิเกปิ เสนาสเน เสนาสนปริโภควเสน นิยมิตํ สุวณฺณฆฎาทิกํ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎมานมฺปิ เกวลํ อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎติ, เอวมิทํ ภูมตฺถรณวเสน ปริภุญฺชิยมานมฺปิ อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา ตํ ตํ วิหารํ หริตฺวา ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปริหรเณเยว ปฎิเกฺขโป เวทิตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ ทารุมยปีฐนฺติ ผลกมยเมว ปีฐํ วุตฺตํฯ ปาทกถลิกนฺติ อโธตปาทฎฺฐปนกํฯ อโชฺฌกาเส รชนํ ปจิตฺวา…เป.… ปฎิสาเมตพฺพนฺติ เอตฺถ เถเว อสติ รชนกเมฺม นิฎฺฐิเต ปฎิสาเมตพฺพํฯ
Evaṃ vuttāya khandhakapāḷiyā adhippāyaṃ vibhāveti. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘antopi mañce paññattāni honti, bahipi mañce paññattāni hontī’’ti imasmiṃ vatthusmiṃ sikkhāpadassa paññattattā mañcapīṭhesu attharitvā paribhogoyeva paṭikkhitto, bhūmattharaṇavasena paribhogo pana appaṭikkhittoti. Yadi evaṃ ‘‘pariharaṇeyeva paṭikkhepo’’ti idaṃ kasmā vuttanti? Yathā ‘‘anujānāmi, bhikkhave, sabbaṃ pāsādaparibhoga’’nti (cūḷava. 320) vacanato puggalikepi senāsane senāsanaparibhogavasena niyamitaṃ suvaṇṇaghaṭādikaṃ paribhuñjituṃ vaṭṭamānampi kevalaṃ attano santakaṃ katvā paribhuñjituṃ na vaṭṭati, evamidaṃ bhūmattharaṇavasena paribhuñjiyamānampi attano santakaṃ katvā taṃ taṃ vihāraṃ haritvā paribhuñjituṃ na vaṭṭatīti dassanatthaṃ ‘‘pariharaṇeyeva paṭikkhepo veditabbo’’ti vuttaṃ. Dārumayapīṭhanti phalakamayameva pīṭhaṃ vuttaṃ. Pādakathalikanti adhotapādaṭṭhapanakaṃ. Ajjhokāse rajanaṃ pacitvā…pe… paṭisāmetabbanti ettha theve asati rajanakamme niṭṭhite paṭisāmetabbaṃ.
๑๑๓. ‘‘ภิกฺขุ วา สามเณโร วา อารามิโก วา ลชฺชี โหตีติ วุตฺตตฺตา อลชฺชิํ อาปุจฺฉิตฺวา คนฺตุํ น วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ โอตาเปโนฺต คจฺฉตีติ เอตฺถ ‘‘กิญฺจาปิ ‘เอตฺตกํ ทูรํ คนฺตพฺพ’นฺติ ปริเจฺฉโท นตฺถิ, ตถาปิ เลฑฺฑุปาตํ อติกฺกมฺม นาติทูรํ คนฺตพฺพ’’นฺติ วทนฺติฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ มญฺจาทีนํ สงฺฆิกตา, วุตฺตลกฺขเณ เทเส สนฺถรณํ วา สนฺถราปนํ วา, อปลิพุทฺธตา, อาปทาย อภาโว, เลฑฺฑุปาตาติกฺกโมติ อิมานิ ปเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ
113.‘‘Bhikkhu vā sāmaṇero vā ārāmiko vā lajjī hotīti vuttattā alajjiṃ āpucchitvā gantuṃ na vaṭṭatī’’ti vadanti. Otāpento gacchatīti ettha ‘‘kiñcāpi ‘ettakaṃ dūraṃ gantabba’nti paricchedo natthi, tathāpi leḍḍupātaṃ atikkamma nātidūraṃ gantabba’’nti vadanti. Sesamettha uttānameva. Mañcādīnaṃ saṅghikatā, vuttalakkhaṇe dese santharaṇaṃ vā santharāpanaṃ vā, apalibuddhatā, āpadāya abhāvo, leḍḍupātātikkamoti imāni panettha pañca aṅgāni.
มาติกาฎฺฐกถายํ (กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา) ปน อนาปุจฺฉํ วา คเจฺฉยฺยาติ เอตฺถ ‘‘โย ภิกฺขุ วา สามเณโร วา อารามิโก วา ลชฺชี โหติ, อตฺตโน ปลิโพธํ วิย มญฺญติ, ตถารูปํ อนาปุจฺฉิตฺวา ตํ เสนาสนํ ตสฺส อนิยฺยาเตตฺวา นิรเปโกฺข คจฺฉติ, ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาตํ อติกฺกเมยฺย, เอเกน ปาเทน เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม ทุกฺกฎํ, ทุติยปาทาติกฺกเม ปาจิตฺติย’’นฺติ วตฺวา อเงฺคสุปิ นิรเปกฺขตาย สทฺธิํ ฉ องฺคานิ วุตฺตานิฯ ปาฬิยํ ปน อฎฺฐกถายญฺจ ‘‘นิรเปโกฺข คจฺฉตี’’ติ อยํ วิเสโส น ทิสฺสติฯ ‘‘โอตาเปโนฺต คจฺฉตี’’ติ จ โอตาปนวิสเย เอว สาเปกฺขคมเน อนาปตฺติ วุตฺตาฯ ยทิ อญฺญตฺถาปิ สาเปกฺขคมเน อนาปตฺติ สิยา, ‘‘อนาปตฺติ สาเปโกฺข คจฺฉตี’’ติ อวิเสเสน วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, ตสฺมา วีมํสิตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพนฺติฯ
Mātikāṭṭhakathāyaṃ (kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā) pana anāpucchaṃ vā gaccheyyāti ettha ‘‘yo bhikkhu vā sāmaṇero vā ārāmiko vā lajjī hoti, attano palibodhaṃ viya maññati, tathārūpaṃ anāpucchitvā taṃ senāsanaṃ tassa aniyyātetvā nirapekkho gacchati, thāmamajjhimassa purisassa leḍḍupātaṃ atikkameyya, ekena pādena leḍḍupātātikkame dukkaṭaṃ, dutiyapādātikkame pācittiya’’nti vatvā aṅgesupi nirapekkhatāya saddhiṃ cha aṅgāni vuttāni. Pāḷiyaṃ pana aṭṭhakathāyañca ‘‘nirapekkho gacchatī’’ti ayaṃ viseso na dissati. ‘‘Otāpento gacchatī’’ti ca otāpanavisaye eva sāpekkhagamane anāpatti vuttā. Yadi aññatthāpi sāpekkhagamane anāpatti siyā, ‘‘anāpatti sāpekkho gacchatī’’ti avisesena vattabbaṃ bhaveyya, tasmā vīmaṃsitvā yuttataraṃ gahetabbanti.
ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ภูตคามวโคฺค • 2. Bhūtagāmavaggo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๔. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๔. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๔. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๔. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทํ • 4. Paṭhamasenāsanasikkhāpadaṃ