Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
๔. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา
4. Paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
๑๑๐. จตุเตฺถ อปญฺญาเตติ อปฺปสิเทฺธฯ อิมํ ปน อฎฺฐ มาเส มณฺฑปาทีสุ ฐปนสงฺขาตํ อตฺถวิเสสํ คเหตฺวา ภควตา ปฐมเมว สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตนฺติ อธิปฺปายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฎฺฐมาเส’’ติอาทิวจเนน อนุปญฺญตฺติสทิเสน ปกาเสตฺวา วิสุํ อนุปญฺญตฺติ น วุตฺตาฯ ปริวาเร ปเนตํ อนุชานนวจนํ อนุปญฺญตฺติฎฺฐานนฺติ ‘‘เอกา อนุปญฺญตฺตี’’ติ (ปริ. ๖๕-๖๗) วุตฺตํฯ
110. Catutthe apaññāteti appasiddhe. Imaṃ pana aṭṭha māse maṇḍapādīsu ṭhapanasaṅkhātaṃ atthavisesaṃ gahetvā bhagavatā paṭhamameva sikkhāpadaṃ paññattanti adhippāyaṃ ‘‘anujānāmi, bhikkhave, aṭṭhamāse’’tiādivacanena anupaññattisadisena pakāsetvā visuṃ anupaññatti na vuttā. Parivāre panetaṃ anujānanavacanaṃ anupaññattiṭṭhānanti ‘‘ekā anupaññattī’’ti (pari. 65-67) vuttaṃ.
นววายิโมติ อธุนา สุเตฺตน วีตกเจฺฉน ปลิเวฐิตมโญฺจฯ โอนโทฺธติ กปฺปิยจเมฺมน โอนโทฺธฯ เต หิ วเสฺสน สีฆํ น นสฺสนฺติฯ ‘‘อุกฺกฎฺฐอโพฺภกาสิโก’’ติ อิทํ ตสฺส สุขปฎิปตฺติทสฺสนมตฺตํ, อุกฺกฎฺฐสฺสาปิ ปน จีวรกุฎิ วฎฺฎเตวฯ กายานุคติกตฺตาติ ภิกฺขุโน ตเตฺถว นิสีทนภาวํ ทีเปติ, เตน จ วสฺสภเยน สยํ อญฺญตฺถ คจฺฉนฺตสฺส อาปตฺตีติ ทเสฺสติ ฯ อโพฺภกาสิกานํ เตมนตฺถาย นิยเมตฺวา ทายเกหิ ทินฺนมฺปิ อตฺตานํ รกฺขเนฺตน รกฺขิตพฺพเมวฯ
Navavāyimoti adhunā suttena vītakacchena paliveṭhitamañco. Onaddhoti kappiyacammena onaddho. Te hi vassena sīghaṃ na nassanti. ‘‘Ukkaṭṭhaabbhokāsiko’’ti idaṃ tassa sukhapaṭipattidassanamattaṃ, ukkaṭṭhassāpi pana cīvarakuṭi vaṭṭateva. Kāyānugatikattāti bhikkhuno tattheva nisīdanabhāvaṃ dīpeti, tena ca vassabhayena sayaṃ aññattha gacchantassa āpattīti dasseti . Abbhokāsikānaṃ temanatthāya niyametvā dāyakehi dinnampi attānaṃ rakkhantena rakkhitabbameva.
‘‘วลาหกานํ อนุฎฺฐิตภาวํ สลฺลเกฺขตฺวา’’ติ อิมินา คิมฺหาเนปิ เมเฆ อุฎฺฐิเต อโพฺภกาเส นิกฺขิปิตุํ น วฎฺฎตีติ ทีเปติฯ ตตฺร ตตฺราติ เจติยงฺคณาทิเก ตสฺมิํ ตสฺมิํ อโพฺภกาเส นิยเมตฺวา นิกฺขิตฺตาฯ มชฺฌโต ปฎฺฐาย ปาทฎฺฐานาภิมุขาติ ยตฺถ สมนฺตโต สมฺมชฺชิตฺวา องฺคณมเชฺฌ สพฺพทา กจวรสฺส สงฺกฑฺฒเนน มเชฺฌ วาลิกา สญฺจิตา โหติฯ ตตฺถ กตฺตพฺพวิธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ อุจฺจวตฺถุปาทฎฺฐานาภิมุขํ วา วาลิกา หริตพฺพาฯ ยตฺถ วา ปน โกเณสุ วาลิกา สญฺจิตา, ตตฺถ ตโต ปฎฺฐาย อปรทิสาภิมุขา หริตพฺพาติ เกจิ อตฺถํ วทนฺติฯ เกจิ ปน ‘‘สมฺมฎฺฐฎฺฐานสฺส ปทวฬเญฺชน อวิโกปนตฺถาย สยํ อสมฺมฎฺฐฎฺฐาเน ฐตฺวา อตฺตโน ปาทาภิมุขํ วาลิกา หริตพฺพาติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตตฺถ ‘‘มชฺฌโต ปฎฺฐายา’’ติ วจนสฺส ปโยชนํ น ทิสฺสติฯ
‘‘Valāhakānaṃ anuṭṭhitabhāvaṃ sallakkhetvā’’ti iminā gimhānepi meghe uṭṭhite abbhokāse nikkhipituṃ na vaṭṭatīti dīpeti. Tatra tatrāti cetiyaṅgaṇādike tasmiṃ tasmiṃ abbhokāse niyametvā nikkhittā. Majjhato paṭṭhāya pādaṭṭhānābhimukhāti yattha samantato sammajjitvā aṅgaṇamajjhe sabbadā kacavarassa saṅkaḍḍhanena majjhe vālikā sañcitā hoti. Tattha kattabbavidhidassanatthaṃ vuttaṃ. Uccavatthupādaṭṭhānābhimukhaṃ vā vālikā haritabbā. Yattha vā pana koṇesu vālikā sañcitā, tattha tato paṭṭhāya aparadisābhimukhā haritabbāti keci atthaṃ vadanti. Keci pana ‘‘sammaṭṭhaṭṭhānassa padavaḷañjena avikopanatthāya sayaṃ asammaṭṭhaṭṭhāne ṭhatvā attano pādābhimukhaṃ vālikā haritabbāti vutta’’nti vadanti, tattha ‘‘majjhato paṭṭhāyā’’ti vacanassa payojanaṃ na dissati.
๑๑๑. วงฺกปาทตามเตฺตน กุฬีรปาทกสฺส เสเสหิ วิเสโส, น อฎนีสุ ปาทปฺปเวสนวิเสเสนาติ ทเสฺสตุํ ‘‘โย วา ปน โกจี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสาติ อุปสมฺปนฺนเสฺสวฯ
111. Vaṅkapādatāmattena kuḷīrapādakassa sesehi viseso, na aṭanīsu pādappavesanavisesenāti dassetuṃ ‘‘yo vā pana kocī’’tiādi vuttaṃ. Tassāti upasampannasseva.
นิสีทิตฺวา…เป.… ปาจิตฺติยนฺติ เอตฺถ เมฆุฎฺฐานาภาวํ ญตฺวา ‘‘ปจฺฉา อาคนฺตฺวา อุทฺธริสฺสามี’’ติ อาโภเคน คจฺฉนฺตสฺส อนาปตฺติ, เตน ปุนาคนฺตพฺพเมวฯ กปฺปํ ลภิตฺวาติ ‘‘คจฺฉ, มา อิธ ติฎฺฐา’’ติ วุตฺตวจนํ ลภิตฺวาฯ
Nisīditvā…pe… pācittiyanti ettha meghuṭṭhānābhāvaṃ ñatvā ‘‘pacchā āgantvā uddharissāmī’’ti ābhogena gacchantassa anāpatti, tena punāgantabbameva. Kappaṃ labhitvāti ‘‘gaccha, mā idha tiṭṭhā’’ti vuttavacanaṃ labhitvā.
อาวาสิกานํเยว ปลิโพโธติ อาคนฺตุเกสุ กิญฺจิ อวตฺวา นิสีทิตฺวา ‘‘อาวาสิกา เอว อุทฺธริสฺสนฺตี’’ติ คเตสุปิ อาวาสิกานเมว ปลิโพโธฯ มหาปจฺจริวาเท ปน ‘‘อิทํ อมฺหาก’’นฺติ อวตฺวาปิ นิสินฺนานเมวาติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา’’ติ วุตฺตตฺตา อนาณตฺติยา ปญฺญาปิตตฺตาปิ ทุกฺกเฎ การณํ วุตฺตํฯ อุสฺสารโกติ สรภาณโกฯ โส หิ อุทฺธํ อุทฺธํ ปาฬิปาฐํ สาเรติ ปวเตฺตตีติ อุสฺสารโกติ วุจฺจติฯ
Āvāsikānaṃyeva palibodhoti āgantukesu kiñci avatvā nisīditvā ‘‘āvāsikā eva uddharissantī’’ti gatesupi āvāsikānameva palibodho. Mahāpaccarivāde pana ‘‘idaṃ amhāka’’nti avatvāpi nisinnānamevāti adhippāyo. ‘‘Santharitvā vā santharāpetvā vā’’ti vuttattā anāṇattiyā paññāpitattāpi dukkaṭe kāraṇaṃ vuttaṃ. Ussārakoti sarabhāṇako. So hi uddhaṃ uddhaṃ pāḷipāṭhaṃ sāreti pavattetīti ussārakoti vuccati.
๑๑๒. วณฺณานุรกฺขณตฺถํ กตาติ ปฎขณฺฑาทีหิ สิพฺพิตฺวา กตาฯ ภูมิยํ อตฺถริตพฺพาติ จิมิลิกาย สติ ตสฺสา อุปริ, อสติ สุทฺธภูมิยํ อตฺถริตพฺพาฯ ‘‘สีหจมฺมาทีนํ ปริหรเณเยว ปฎิเกฺขโป’’ติ อิมินา มญฺจปีฐาทีสุ อตฺถริตฺวา ปุน สํหริตฺวา ฐปนาทิวเสน อตฺตโน อตฺถาย ปริหรณเมว น วฎฺฎติ, ภูมตฺถรณาทิวเสน ปริโภโค ปน อตฺตโน ปริหรณํ น โหตีติ ทเสฺสติฯ ขนฺธเก หิ ‘‘อโนฺตปิ มเญฺจ ปญฺญตฺตานิ โหนฺติ, พหิปิ มเญฺจ ปญฺญตฺตานิ โหนฺตี’’ติ เอวํ อตฺตโน อตฺตโน อตฺถาย มญฺจาทีสุ ปญฺญเปตฺวา ปริหรณวตฺถุสฺมิํ –
112.Vaṇṇānurakkhaṇatthaṃ katāti paṭakhaṇḍādīhi sibbitvā katā. Bhūmiyaṃ attharitabbāti cimilikāya sati tassā upari, asati suddhabhūmiyaṃ attharitabbā. ‘‘Sīhacammādīnaṃ pariharaṇeyeva paṭikkhepo’’ti iminā mañcapīṭhādīsu attharitvā puna saṃharitvā ṭhapanādivasena attano atthāya pariharaṇameva na vaṭṭati, bhūmattharaṇādivasena paribhogo pana attano pariharaṇaṃ na hotīti dasseti. Khandhake hi ‘‘antopi mañce paññattāni honti, bahipi mañce paññattāni hontī’’ti evaṃ attano attano atthāya mañcādīsu paññapetvā pariharaṇavatthusmiṃ –
‘‘น, ภิกฺขเว, มหาจมฺมานิ ธาเรตพฺพานิ สีหจมฺมํ พฺยคฺฆจมฺมํ ทีปิจมฺมํฯ โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๕๕) –
‘‘Na, bhikkhave, mahācammāni dhāretabbāni sīhacammaṃ byagghacammaṃ dīpicammaṃ. Yo dhāreyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 255) –
ปฎิเกฺขโป กโตฯ ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อธิปฺปาโย ทฎฺฐโพฺพฯ ทารุมยปีฐนฺติ ผลกมยปีฐเมวฯ ปาทกถลิกนฺติ อโธตปาทํ ยสฺมิํ ฆํสนฺตา โธวนฺติ, ตํ ทารุผลกาทิฯ
Paṭikkhepo kato. Tasmā vuttanayenevettha adhippāyo daṭṭhabbo. Dārumayapīṭhanti phalakamayapīṭhameva. Pādakathalikanti adhotapādaṃ yasmiṃ ghaṃsantā dhovanti, taṃ dāruphalakādi.
๑๑๓. ‘‘อาคนฺตฺวา อุทฺธริสฺสามีติ คจฺฉตี’’ติ วุตฺตตฺตา อเญฺญนปิ การเณน อโนตาเปนฺตสฺสปิ อาคมเน สาเปกฺขสฺส อนาปตฺติฯ เตเนว มาติกาฎฺฐกถายํ ‘‘มญฺจาทีนํ สงฺฆิกตา, วุตฺตลกฺขเณ เทเส สนฺถรณํ วา สนฺถราปนํ วา, อปลิพุทฺธตา, อาปทาย อภาโว, นิรเปกฺขตา, เลฑฺฑุปาตาติกฺกโม’’ติ (กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา) เอวเมตฺถ นิรเปกฺขตาย สทฺธิํ ฉ องฺคานิ วุตฺตานิฯ
113. ‘‘Āgantvā uddharissāmīti gacchatī’’ti vuttattā aññenapi kāraṇena anotāpentassapi āgamane sāpekkhassa anāpatti. Teneva mātikāṭṭhakathāyaṃ ‘‘mañcādīnaṃ saṅghikatā, vuttalakkhaṇe dese santharaṇaṃ vā santharāpanaṃ vā, apalibuddhatā, āpadāya abhāvo, nirapekkhatā, leḍḍupātātikkamo’’ti (kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā) evamettha nirapekkhatāya saddhiṃ cha aṅgāni vuttāni.
ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ภูตคามวโคฺค • 2. Bhūtagāmavaggo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๔. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๔. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๔. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๔. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทํ • 4. Paṭhamasenāsanasikkhāpadaṃ