Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā

    ๑. ปฐมสุตฺตนฺตนิเทฺทสวณฺณนา

    1. Paṭhamasuttantaniddesavaṇṇanā

    ตถเฎฺฐนาติ ยถาสภาวเฎฺฐนฯ ปีฬนฎฺฐาทโย ญาณกถายํ วุตฺตตฺถาเยวฯ

    Tathaṭṭhenāti yathāsabhāvaṭṭhena. Pīḷanaṭṭhādayo ñāṇakathāyaṃ vuttatthāyeva.

    . เอกปฺปฎิเวธานีติ เอเกน มคฺคญาเณน ปฎิเวโธ, เอกโต วา ปฎิเวโธ เอเตสนฺติ เอกปฺปฎิเวธานิฯ อนตฺตเฎฺฐนาติ จตุนฺนมฺปิ สจฺจานํ อตฺตวิรหิตตฺตา อนตฺตเฎฺฐนฯ วุตฺตเญฺหตํ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๖๗) – ปรมตฺถโต หิ สพฺพาเนว สจฺจานิ เวทกการกนิพฺพุตคมกาภาวโต สุญฺญานีติ เวทิตพฺพานิฯ เตเนตํ วุจฺจติ –

    9.Ekappaṭivedhānīti ekena maggañāṇena paṭivedho, ekato vā paṭivedho etesanti ekappaṭivedhāni. Anattaṭṭhenāti catunnampi saccānaṃ attavirahitattā anattaṭṭhena. Vuttañhetaṃ visuddhimagge (visuddhi. 2.567) – paramatthato hi sabbāneva saccāni vedakakārakanibbutagamakābhāvato suññānīti veditabbāni. Tenetaṃ vuccati –

    ‘‘ทุกฺขเมว หิ, น โกจิ ทุกฺขิโต, การโก น, กิริยาว วิชฺชติ;

    ‘‘Dukkhameva hi, na koci dukkhito, kārako na, kiriyāva vijjati;

    อตฺถิ นิพฺพุติ, น นิพฺพุโต ปุมา, มคฺคมตฺถิ, คมโก น วิชฺชตี’’ติฯ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๖๗);

    Atthi nibbuti, na nibbuto pumā, maggamatthi, gamako na vijjatī’’ti. (visuddhi. 2.567);

    อถ วา –

    Atha vā –

    ‘‘ธุวสุภสุขตฺตสุญฺญํ, ปุริมทฺวยมตฺตสุญฺญมมตปทํ;

    ‘‘Dhuvasubhasukhattasuññaṃ, purimadvayamattasuññamamatapadaṃ;

    ธุวสุขอตฺตวิรหิโต, มโคฺค อิติ สุญฺญตา เตสู’’ติฯ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๖๗);

    Dhuvasukhaattavirahito, maggo iti suññatā tesū’’ti. (visuddhi. 2.567);

    สจฺจเฎฺฐนาติ อวิสํวาทกเฎฺฐนฯ ปฎิเวธเฎฺฐนาติ มคฺคกฺขเณ ปฎิวิชฺฌิตพฺพเฎฺฐนฯ เอกสงฺคหิตานีติ ตถฎฺฐาทินา เอเกเกเนว อเตฺถน สงฺคหิตานิ, เอกคณนํ คตานีติ อโตฺถฯ ยํ เอกสงฺคหิตํ, ตํ เอกตฺตนฺติ ยสฺมา เอเกน สงฺคหิตํ, ตสฺมา เอกตฺตนฺติ อโตฺถฯ สจฺจานํ พหุเตฺตปิ เอกตฺตมเปกฺขิตฺวา เอกวจนํ กตํฯ เอกตฺตํ เอเกน ญาเณน ปฎิวิชฺฌตีติ ปุพฺพภาเค จตุนฺนํ สจฺจานํ นานเตฺตกตฺตํ สฺวาวตฺถิตํ ววตฺถเปตฺวา ฐิโต มคฺคกฺขเณ เอเกน มคฺคญาเณน ตถฎฺฐาทิตํตํเอกตฺตํ ปฎิวิชฺฌติฯ กถํ? นิโรธสจฺจสฺส ตถฎฺฐาทิเก เอกเตฺต ปฎิวิเทฺธ เสสสจฺจานมฺปิ ตถฎฺฐาทิกํ เอกตฺตํ ปฎิวิทฺธเมว โหติฯ ยถา ปุพฺพภาเค ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ นานเตฺตกตฺตํ สฺวาวตฺถิตํ ววตฺถเปตฺวา ฐิตสฺส มคฺควุฎฺฐานกาเล อนิจฺจโต วา ทุกฺขโต วา อนตฺตโต วา วุฎฺฐหนฺตสฺส เอกสฺมิมฺปิ ขเนฺธ อนิจฺจาทิโต ทิเฎฺฐ เสสขนฺธาปิ อนิจฺจาทิโต ทิฎฺฐาว โหนฺติ, เอวมิทนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ทุกฺขสฺส ทุกฺขโฎฺฐ ตถโฎฺฐติ ทุกฺขสจฺจสฺส ปีฬนฎฺฐาทิโก จตุพฺพิโธ อโตฺถ สภาวเฎฺฐน ตถโฎฺฐฯ เสสสเจฺจสุปิ เอเสว นโยฯ โสเยว จตุพฺพิโธ อโตฺถ อตฺตาภาวโต อนตฺตโฎฺฐฯ วุตฺตสภาเว อวิสํวาทกโต สจฺจโฎฺฐฯ มคฺคกฺขเณ ปฎิวิชฺฌิตพฺพโต ปฎิเวธโฎฺฐ วุโตฺตติ เวทิตพฺพํฯ

    Saccaṭṭhenāti avisaṃvādakaṭṭhena. Paṭivedhaṭṭhenāti maggakkhaṇe paṭivijjhitabbaṭṭhena. Ekasaṅgahitānīti tathaṭṭhādinā ekekeneva atthena saṅgahitāni, ekagaṇanaṃ gatānīti attho. Yaṃ ekasaṅgahitaṃ, taṃ ekattanti yasmā ekena saṅgahitaṃ, tasmā ekattanti attho. Saccānaṃ bahuttepi ekattamapekkhitvā ekavacanaṃ kataṃ. Ekattaṃ ekena ñāṇena paṭivijjhatīti pubbabhāge catunnaṃ saccānaṃ nānattekattaṃ svāvatthitaṃ vavatthapetvā ṭhito maggakkhaṇe ekena maggañāṇena tathaṭṭhāditaṃtaṃekattaṃ paṭivijjhati. Kathaṃ? Nirodhasaccassa tathaṭṭhādike ekatte paṭividdhe sesasaccānampi tathaṭṭhādikaṃ ekattaṃ paṭividdhameva hoti. Yathā pubbabhāge pañcannaṃ khandhānaṃ nānattekattaṃ svāvatthitaṃ vavatthapetvā ṭhitassa maggavuṭṭhānakāle aniccato vā dukkhato vā anattato vā vuṭṭhahantassa ekasmimpi khandhe aniccādito diṭṭhe sesakhandhāpi aniccādito diṭṭhāva honti, evamidanti daṭṭhabbaṃ. Dukkhassa dukkhaṭṭho tathaṭṭhoti dukkhasaccassa pīḷanaṭṭhādiko catubbidho attho sabhāvaṭṭhena tathaṭṭho. Sesasaccesupi eseva nayo. Soyeva catubbidho attho attābhāvato anattaṭṭho. Vuttasabhāve avisaṃvādakato saccaṭṭho. Maggakkhaṇe paṭivijjhitabbato paṭivedhaṭṭho vuttoti veditabbaṃ.

    ๑๐. ยํ อนิจฺจนฺติอาทิ สามญฺญลกฺขณปุพฺพงฺคมํ กตฺวา ทสฺสิตํฯ ตตฺถ ยํ อนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํฯ ยํ ทุกฺขํ, ตํ อนิจฺจนฺติ ทุกฺขสมุทยมคฺคา คหิตาฯ ตานิ หิ ตีณิ สจฺจานิ อนิจฺจานิ เจว อนิจฺจตฺตา ทุกฺขานิ จฯ ยํ อนิจฺจญฺจ ทุกฺขญฺจ, ตํ อนตฺตาติ ตานิเยว ตีณิ คหิตานิฯ ยํ อนิจฺจญฺจ ทุกฺขญฺจ อนตฺตา จาติ เตหิ ตีหิ สห นิโรธสจฺจญฺจ สงฺคหิตํฯ จตฺตาริปิ หิ อนตฺตาเยวฯ ตํ ตถนฺติ ตํ สจฺจจตุกฺกํ สภาวภูตํฯ ตํ สจฺจนฺติ ตเทว สจฺจจตุกฺกํ ยถาสภาเว อวิสํวาทกํฯ นวหากาเรหีติอาทีสุ ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อภิเญฺญยฺย’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๑.๓; สํ. นิ. ๔.๔๖) วจนโต อภิญฺญเฎฺฐน, ทุกฺขสฺส ปริญฺญเฎฺฐ, สมุทยสฺส ปหานเฎฺฐ, มคฺคสฺส ภาวนเฎฺฐ, นิโรธสฺส สจฺฉิกิริยเฎฺฐ อาเวนิเกปิ อิธ จตูสุปิ สเจฺจสุ ญาตปริญฺญาสพฺภาวโต ปริญฺญเฎฺฐน, จตุสจฺจทสฺสเนน ปหานสพฺภาวโต ปหานเฎฺฐน, จตุสจฺจภาวนาสพฺภาวโต ภาวนเฎฺฐน, จตุนฺนํ สจฺจานํ สจฺฉิกิริยสพฺภาวโต สจฺฉิกิริยเฎฺฐนาติ นิทฺทิฎฺฐนฺติ เวทิตพฺพํฯ นวหากาเรหิ ตถเฎฺฐนาติอาทีสุ ปฐมํ วุตฺตนเยเนว โยชนา กาตพฺพาฯ

    10.Yaṃ aniccantiādi sāmaññalakkhaṇapubbaṅgamaṃ katvā dassitaṃ. Tattha yaṃ aniccaṃ, taṃ dukkhaṃ. Yaṃ dukkhaṃ, taṃ aniccanti dukkhasamudayamaggā gahitā. Tāni hi tīṇi saccāni aniccāni ceva aniccattā dukkhāni ca. Yaṃ aniccañca dukkhañca, taṃ anattāti tāniyeva tīṇi gahitāni. Yaṃ aniccañca dukkhañca anattā cāti tehi tīhi saha nirodhasaccañca saṅgahitaṃ. Cattāripi hi anattāyeva. Taṃ tathanti taṃ saccacatukkaṃ sabhāvabhūtaṃ. Taṃ saccanti tadeva saccacatukkaṃ yathāsabhāve avisaṃvādakaṃ. Navahākārehītiādīsu ‘‘sabbaṃ, bhikkhave, abhiññeyya’’nti (paṭi. ma. 1.3; saṃ. ni. 4.46) vacanato abhiññaṭṭhena, dukkhassa pariññaṭṭhe, samudayassa pahānaṭṭhe, maggassa bhāvanaṭṭhe, nirodhassa sacchikiriyaṭṭhe āvenikepi idha catūsupi saccesu ñātapariññāsabbhāvato pariññaṭṭhena, catusaccadassanena pahānasabbhāvato pahānaṭṭhena, catusaccabhāvanāsabbhāvato bhāvanaṭṭhena, catunnaṃ saccānaṃ sacchikiriyasabbhāvato sacchikiriyaṭṭhenāti niddiṭṭhanti veditabbaṃ. Navahākārehi tathaṭṭhenātiādīsu paṭhamaṃ vuttanayeneva yojanā kātabbā.

    ๑๑. ทฺวาทสหิ อากาเรหีติอาทีสุ ตถฎฺฐาทโย ญาณกถายํ วุตฺตตฺถาฯ เอเตสํ นิเทฺทเสปิ วุตฺตนเยเนว โยชนา เวทิตพฺพาฯ

    11.Dvādasahi ākārehītiādīsu tathaṭṭhādayo ñāṇakathāyaṃ vuttatthā. Etesaṃ niddesepi vuttanayeneva yojanā veditabbā.

    ๑๒. สจฺจานํ กติ ลกฺขณานีติอาทีสุ อุปริ วตฺตพฺพานิ ฉ ลกฺขณานิ สงฺขตาสงฺขตวเสน ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา เทฺว ลกฺขณานีติ อาหฯ ตตฺถ สงฺขตลกฺขณญฺจ อสงฺขตลกฺขณญฺจาติ ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, สงฺขตสฺส สงฺขตลกฺขณานิ อุปฺปาโท ปญฺญายติ, วโย ปญฺญายติ, ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายติฯ ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อสงฺขตสฺส อสงฺขตลกฺขณานิ น อุปฺปาโท ปญฺญายติ, น วโย ปญฺญายติ, น ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๗-๔๘) เอวํ วุตฺตํ สงฺขตสฺส สงฺขตมิติ ลกฺขณญฺจ อสงฺขตสฺส อสงฺขตมิติ ลกฺขณญฺจฯ สงฺขตํ ปน น ลกฺขณํ, ลกฺขณํ น สงฺขตํฯ น จ สงฺขตํ วินา ลกฺขณํ ปญฺญาเปตุํ สกฺกา, นปิ ลกฺขณํ วินา สงฺขตํฯ ลกฺขเณน ปน สงฺขตํ ปากฎํ โหติฯ

    12.Saccānaṃ kati lakkhaṇānītiādīsu upari vattabbāni cha lakkhaṇāni saṅkhatāsaṅkhatavasena dvidhā bhinditvā dve lakkhaṇānīti āha. Tattha saṅkhatalakkhaṇañca asaṅkhatalakkhaṇañcāti ‘‘tīṇimāni, bhikkhave, saṅkhatassa saṅkhatalakkhaṇāni uppādo paññāyati, vayo paññāyati, ṭhitassa aññathattaṃ paññāyati. Tīṇimāni, bhikkhave, asaṅkhatassa asaṅkhatalakkhaṇāni na uppādo paññāyati, na vayo paññāyati, na ṭhitassa aññathattaṃ paññāyatī’’ti (a. ni. 3.47-48) evaṃ vuttaṃ saṅkhatassa saṅkhatamiti lakkhaṇañca asaṅkhatassa asaṅkhatamiti lakkhaṇañca. Saṅkhataṃ pana na lakkhaṇaṃ, lakkhaṇaṃ na saṅkhataṃ. Na ca saṅkhataṃ vinā lakkhaṇaṃ paññāpetuṃ sakkā, napi lakkhaṇaṃ vinā saṅkhataṃ. Lakkhaṇena pana saṅkhataṃ pākaṭaṃ hoti.

    ปุน ตเทว ลกฺขณทฺวยํ วิตฺถารโต ทเสฺสโนฺต ฉ ลกฺขณานีติ อาหฯ สงฺขตานํ สจฺจานนฺติ ทุกฺขสมุทยมคฺคสจฺจานํฯ ตานิ หิ ปจฺจเยหิ สงฺคมฺม กตตฺตา สงฺขตานิฯ อุปฺปาโทติ ชาติฯ ปญฺญายตีติ ชานียติฯ วโยติ ภโงฺคฯ ฐิตานํ อญฺญถตฺตนฺติ ฐิติปฺปตฺตานํ อญฺญถาภาโว ชราฯ ติณฺณํ สงฺขตสจฺจานํ นิปฺผนฺนตฺตา อุปฺปาทวยญฺญถตฺตํ วุตฺตํ, เตสํเยว ปน อุปฺปาทสฺส, ชราย ภงฺคสฺส จ อนิปฺผนฺนตฺตา อุปฺปาทวยญฺญถตฺตํ น วตฺตพฺพํฯ สงฺขตนิสฺสิตตฺตา อุปฺปาทวยญฺญถตฺตํ น ปญฺญายตีติ น วตฺตพฺพํฯ สงฺขตวิการตฺตา ปน สงฺขตนฺติ วตฺตพฺพํฯ ทุกฺขสมุทยานํ อุปฺปาทชราภงฺคา สจฺจปริยาปนฺนา, มคฺคสจฺจสฺส อุปฺปาทชราภงฺคา น สจฺจปริยาปนฺนาติ วทนฺติฯ ตตฺถ ‘‘สงฺขตานํ อุปฺปาทกฺขเณ สงฺขตาปิ อุปฺปาทลกฺขณมฺปิ กาลสงฺขาโต ตสฺส ขโณปิ ปญฺญายติ, อุปฺปาเท วีติวเตฺต สงฺขตาปิ ชราลกฺขณมฺปิ กาลสงฺขาโต ตสฺส ขโณปิ ปญฺญายติ, ภงฺคกฺขเณ สงฺขตาปิ ชราปิ ภงฺคลกฺขณมฺปิ กาลสงฺขาโต ตสฺส ขโณปิ ปญฺญายตี’’ติ ขนฺธกวคฺคฎฺฐกถายํ (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓.๓๗-๓๘) วุตฺตํฯ อสงฺขตสฺส สจฺจสฺสาติ นิโรธสจฺจสฺสฯ ตญฺหิ ปจฺจเยหิ สมาคมฺม อกตตฺตา สยเมว นิปฺผนฺนนฺติ อสงฺขตํฯ ฐิตสฺสาติ นิจฺจตฺตา ฐิตสฺส, น ฐานปฺปตฺตตฺตาฯ ปุน ตเทว ลกฺขณทฺวยํ วิตฺถารโต ทเสฺสโนฺต ทฺวาทส ลกฺขณานีติ อาหฯ

    Puna tadeva lakkhaṇadvayaṃ vitthārato dassento cha lakkhaṇānīti āha. Saṅkhatānaṃ saccānanti dukkhasamudayamaggasaccānaṃ. Tāni hi paccayehi saṅgamma katattā saṅkhatāni. Uppādoti jāti. Paññāyatīti jānīyati. Vayoti bhaṅgo. Ṭhitānaṃ aññathattanti ṭhitippattānaṃ aññathābhāvo jarā. Tiṇṇaṃ saṅkhatasaccānaṃ nipphannattā uppādavayaññathattaṃ vuttaṃ, tesaṃyeva pana uppādassa, jarāya bhaṅgassa ca anipphannattā uppādavayaññathattaṃ na vattabbaṃ. Saṅkhatanissitattā uppādavayaññathattaṃ na paññāyatīti na vattabbaṃ. Saṅkhatavikārattā pana saṅkhatanti vattabbaṃ. Dukkhasamudayānaṃ uppādajarābhaṅgā saccapariyāpannā, maggasaccassa uppādajarābhaṅgā na saccapariyāpannāti vadanti. Tattha ‘‘saṅkhatānaṃ uppādakkhaṇe saṅkhatāpi uppādalakkhaṇampi kālasaṅkhāto tassa khaṇopi paññāyati, uppāde vītivatte saṅkhatāpi jarālakkhaṇampi kālasaṅkhāto tassa khaṇopi paññāyati, bhaṅgakkhaṇe saṅkhatāpi jarāpi bhaṅgalakkhaṇampi kālasaṅkhāto tassa khaṇopi paññāyatī’’ti khandhakavaggaṭṭhakathāyaṃ (saṃ. ni. aṭṭha. 2.3.37-38) vuttaṃ. Asaṅkhatassa saccassāti nirodhasaccassa. Tañhi paccayehi samāgamma akatattā sayameva nipphannanti asaṅkhataṃ. Ṭhitassāti niccattā ṭhitassa, na ṭhānappattattā. Puna tadeva lakkhaṇadvayaṃ vitthārato dassento dvādasa lakkhaṇānīti āha.

    จตุนฺนํ สจฺจานํ กติ กุสลาติอาทีสุ อพฺยากตนฺติ วิปากาพฺยากตํ กิริยาพฺยากตํ รูปาพฺยากตํ นิพฺพานาพฺยากตนฺติ จตูสุ อพฺยากเตสุ นิพฺพานาพฺยากตํฯ จตฺตาริปิ หิ กุสลากุสลลกฺขเณน น พฺยากตตฺตา อพฺยากตานิฯ สิยา กุสลนฺติ กามาวจรรูปาวจรารูปาวจรกุสลานํ วเสน กุสลมฺปิ ภเวยฺยฯ สิยา อกุสลนฺติ ตณฺหํ ฐเปตฺวา เสสากุสลวเสนฯ สิยา อพฺยากตนฺติ กามาวจรรูปาวจรารูปาวจรวิปากกิริยานํ รูปานญฺจ วเสนฯ สิยา ตีณิ สจฺจานีติอาทีสุ สงฺคหิตานีติ คณิตานิฯ วตฺถุวเสนาติ อกุสลกุสลาพฺยากตทุกฺขสมุทยนิโรธมคฺคสงฺขาตวตฺถุวเสนฯ ยํ ทุกฺขสจฺจํ อกุสลนฺติ ฐเปตฺวา ตณฺหํ อวเสสํ อกุสลํฯ อกุสลเฎฺฐน เทฺว สจฺจานิ เอกสเจฺจน สงฺคหิตานีติ อิมานิ เทฺว ทุกฺขสมุทยสจฺจานิ อกุสลเฎฺฐน เอกสเจฺจน สงฺคหิตานิ, อกุสลสจฺจํ นาม โหตีติ อโตฺถฯ เอกสจฺจํ ทฺวีหิ สเจฺจหิ สงฺคหิตนฺติ เอกํ อกุสลสจฺจํ ทฺวีหิ ทุกฺขสมุทยสเจฺจหิ สงฺคหิตํฯ ยํ ทุกฺขสจฺจํ กุสลนฺติ เตภูมกํ กุสลํฯ อิมานิ เทฺว ทุกฺขมคฺคสจฺจานิ กุสลเฎฺฐน เอกสเจฺจน สงฺคหิตานิ, กุสลสจฺจํ นาม โหติฯ เอกํ กุสลสจฺจํ ทฺวีหิ ทุกฺขมคฺคสเจฺจหิ สงฺคหิตํฯ ยํ ทุกฺขสจฺจํ อพฺยากตนฺติ เตภูมกวิปากกิริยา รูปญฺจฯ อิมานิ เทฺว ทุกฺขนิโรธสจฺจานิ อพฺยากตเฎฺฐน เอกสเจฺจน สงฺคหิตานิ, เอกํ อพฺยากตสจฺจํ นาม โหติฯ เอกํ อพฺยากตสจฺจํ ทฺวีหิ ทุกฺขนิโรธสเจฺจหิ สงฺคหิตํฯ ตีณิ สจฺจานิ เอกสเจฺจน สงฺคหิตานีติ สมุทยมคฺคนิโรธสจฺจานิ เอเกน อกุสลกุสลาพฺยากตภูเตน ทุกฺขสเจฺจน สงฺคหิตานิฯ เอกํ สจฺจํ ตีหิ สเจฺจหิ สงฺคหิตนฺติ เอกํ ทุกฺขสจฺจํ วิสุํ อกุสลกุสลอพฺยากตภูเตหิ สมุทยมคฺคนิโรธสเจฺจหิ สงฺคหิตํฯ เกจิ ปน ‘‘ทุกฺขสมุทยสจฺจานิ อกุสลเฎฺฐน สมุทยสเจฺจน สงฺคหิตานิ, ทุกฺขมคฺคสจฺจานิ กุสลเฎฺฐน มคฺคสเจฺจน สงฺคหิตานิ, น ทสฺสนเฎฺฐนฯ ทุกฺขนิโรธสจฺจานิ อพฺยากตเฎฺฐน นิโรธสเจฺจน สงฺคหิตานิ, น อสงฺขตเฎฺฐนา’’ติ วณฺณยนฺติฯ

    Catunnaṃsaccānaṃ kati kusalātiādīsu abyākatanti vipākābyākataṃ kiriyābyākataṃ rūpābyākataṃ nibbānābyākatanti catūsu abyākatesu nibbānābyākataṃ. Cattāripi hi kusalākusalalakkhaṇena na byākatattā abyākatāni. Siyā kusalanti kāmāvacararūpāvacarārūpāvacarakusalānaṃ vasena kusalampi bhaveyya. Siyā akusalanti taṇhaṃ ṭhapetvā sesākusalavasena. Siyā abyākatanti kāmāvacararūpāvacarārūpāvacaravipākakiriyānaṃ rūpānañca vasena. Siyā tīṇi saccānītiādīsu saṅgahitānīti gaṇitāni. Vatthuvasenāti akusalakusalābyākatadukkhasamudayanirodhamaggasaṅkhātavatthuvasena. Yaṃ dukkhasaccaṃ akusalanti ṭhapetvā taṇhaṃ avasesaṃ akusalaṃ. Akusalaṭṭhena dve saccāni ekasaccena saṅgahitānīti imāni dve dukkhasamudayasaccāni akusalaṭṭhena ekasaccena saṅgahitāni, akusalasaccaṃ nāma hotīti attho. Ekasaccaṃ dvīhi saccehi saṅgahitanti ekaṃ akusalasaccaṃ dvīhi dukkhasamudayasaccehi saṅgahitaṃ. Yaṃ dukkhasaccaṃ kusalanti tebhūmakaṃ kusalaṃ. Imāni dve dukkhamaggasaccāni kusalaṭṭhena ekasaccena saṅgahitāni, kusalasaccaṃ nāma hoti. Ekaṃ kusalasaccaṃ dvīhi dukkhamaggasaccehi saṅgahitaṃ. Yaṃ dukkhasaccaṃ abyākatanti tebhūmakavipākakiriyā rūpañca. Imāni dve dukkhanirodhasaccāni abyākataṭṭhena ekasaccena saṅgahitāni, ekaṃ abyākatasaccaṃ nāma hoti. Ekaṃ abyākatasaccaṃ dvīhi dukkhanirodhasaccehi saṅgahitaṃ. Tīṇi saccāni ekasaccena saṅgahitānīti samudayamagganirodhasaccāni ekena akusalakusalābyākatabhūtena dukkhasaccena saṅgahitāni. Ekaṃ saccaṃ tīhi saccehi saṅgahitanti ekaṃ dukkhasaccaṃ visuṃ akusalakusalaabyākatabhūtehi samudayamagganirodhasaccehi saṅgahitaṃ. Keci pana ‘‘dukkhasamudayasaccāni akusalaṭṭhena samudayasaccena saṅgahitāni, dukkhamaggasaccāni kusalaṭṭhena maggasaccena saṅgahitāni, na dassanaṭṭhena. Dukkhanirodhasaccāni abyākataṭṭhena nirodhasaccena saṅgahitāni, na asaṅkhataṭṭhenā’’ti vaṇṇayanti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๑. ปฐมสุตฺตนฺตนิเทฺทโส • 1. Paṭhamasuttantaniddeso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact