Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๓. อุรุเวลวโคฺค

    3. Uruvelavaggo

    ๑. ปฐมอุรุเวลสุตฺตวณฺณนา

    1. Paṭhamauruvelasuttavaṇṇanā

    ๒๑. ตติยสฺส ปฐเม อุรุเวลายนฺติ เอตฺถ อุรุเวลาติ มหาเวลา, มหาวาลิกราสีติ อโตฺถฯ อถ วา อุรูติ วาลุกา วุจฺจติ, เวลาติ มริยาทาฯ เวลาติกฺกมนเหตุ อาหฎา อุรุ อุรุเวลาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อตีเต กิร อนุปฺปเนฺน พุเทฺธ ทสสหสฺสา กุลปุตฺตา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตสฺมิํ ปเทเส วิหรนฺตา เอกทิวสํ สนฺนิปติตฺวา กติกวตฺตํ อกํสุ – ‘‘กายกมฺมวจีกมฺมานิ นาม ปเรสมฺปิ ปากฎานิ โหนฺติ, มโนกมฺมํ ปน อปากฎํฯ ตสฺมา โย กามวิตกฺกํ วา พฺยาปาทวิตกฺกํ วา วิหิํสาวิตกฺกํ วา วิตเกฺกติ, ตสฺส อโญฺญ โจทโก นาม นตฺถิฯ โส อตฺตนาว อตฺตานํ โจเทตฺวา ปตฺตปุเฎน วาลุกํ อาหริตฺวา อิมสฺมิํ ฐาเน อากิรตุ, อิทมสฺส ทณฺฑกมฺม’’นฺติฯ ตโต ปฎฺฐาย โย ตาทิสํ วิตกฺกํ วิตเกฺกติ, โส ตตฺถ ปตฺตปุเฎน วาลุกํ อากิรติ, เอวํ ตตฺถ อนุกฺกเมน มหาวาลุกราสิ ชาโตฯ ตโต นํ ปจฺฉิมา ชนตา ปริกฺขิปิตฺวา เจติยฎฺฐานมกาสิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อุรุเวลาติ มหาเวลา, มหาวาลิกราสีติ อโตฺถ’’ติฯ ตเมว สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อถ วา อุรูติ วาลุกา วุจฺจติ, เวลาติ มริยาทา, เวลาติกฺกมนเหตุ อาหฎา อุรุ อุรุเวลาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ’’ติฯ

    21. Tatiyassa paṭhame uruvelāyanti ettha uruvelāti mahāvelā, mahāvālikarāsīti attho. Atha vā urūti vālukā vuccati, velāti mariyādā. Velātikkamanahetu āhaṭā uru uruvelāti evamettha attho daṭṭhabbo. Atīte kira anuppanne buddhe dasasahassā kulaputtā tāpasapabbajjaṃ pabbajitvā tasmiṃ padese viharantā ekadivasaṃ sannipatitvā katikavattaṃ akaṃsu – ‘‘kāyakammavacīkammāni nāma paresampi pākaṭāni honti, manokammaṃ pana apākaṭaṃ. Tasmā yo kāmavitakkaṃ vā byāpādavitakkaṃ vā vihiṃsāvitakkaṃ vā vitakketi, tassa añño codako nāma natthi. So attanāva attānaṃ codetvā pattapuṭena vālukaṃ āharitvā imasmiṃ ṭhāne ākiratu, idamassa daṇḍakamma’’nti. Tato paṭṭhāya yo tādisaṃ vitakkaṃ vitakketi, so tattha pattapuṭena vālukaṃ ākirati, evaṃ tattha anukkamena mahāvālukarāsi jāto. Tato naṃ pacchimā janatā parikkhipitvā cetiyaṭṭhānamakāsi, taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘uruvelāti mahāvelā, mahāvālikarāsīti attho’’ti. Tameva sandhāya vuttaṃ – ‘‘atha vā urūti vālukā vuccati, velāti mariyādā, velātikkamanahetu āhaṭā uru uruvelāti evamettha attho daṭṭhabbo’’ti.

    นชฺชา เนรญฺชราย ตีเรติ อุรุเวลคามํ นิสฺสาย เนรญฺชรานทีตีเร วิหรามีติ ทเสฺสติฯ อชปาลนิโคฺรเธติ อชปาลกา ตสฺส นิโคฺรธสฺส ฉายาย นิสีทนฺติปิ ติฎฺฐนฺติปิ, ตสฺมา โส อชปาลนิโคฺรโธเตฺวว สงฺขํ คโต, ตสฺส เหฎฺฐาติ อโตฺถฯ ปฐมาภิสมฺพุโทฺธติ สมฺพุโทฺธ หุตฺวา ปฐมเมวฯ อุทปาทีติ อยํ วิตโกฺก ปญฺจเม สตฺตาเห อุทปาทิฯ กสฺมา อุทปาทีติ? สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณตฺตา เจว ปุพฺพาเสวนตาย จฯ ตตฺถ ปุพฺพาเสวนาย ปกาสนตฺถํ ติตฺติรชาตกํ อาหริตพฺพํฯ หตฺถิวานรติตฺติรา กิร เอกสฺมิํ ปเทเส วิหรนฺตา ‘‘โย อมฺหากํ มหลฺลโก, ตสฺมิํ สคารวา วิหริสฺสามา’’ติ นิโคฺรธํ ทเสฺสตฺวา ‘‘โก นุ โข อมฺหากํ มหลฺลโก’’ติ วีมํสนฺตา ติตฺติรสฺส มหลฺลกภาวํ ญตฺวา ตสฺส เชฎฺฐาปจายนกมฺมํ กตฺวา อญฺญมญฺญํ สมคฺคา สโมฺมทมานา วิหริตฺวา สคฺคปรายณา อเหสุํฯ ตํ การณํ ญตฺวา รุเกฺข อธิวตฺถา เทวตา อิมํ คาถมาห –

    Najjā nerañjarāya tīreti uruvelagāmaṃ nissāya nerañjarānadītīre viharāmīti dasseti. Ajapālanigrodheti ajapālakā tassa nigrodhassa chāyāya nisīdantipi tiṭṭhantipi, tasmā so ajapālanigrodhotveva saṅkhaṃ gato, tassa heṭṭhāti attho. Paṭhamābhisambuddhoti sambuddho hutvā paṭhamameva. Udapādīti ayaṃ vitakko pañcame sattāhe udapādi. Kasmā udapādīti? Sabbabuddhānaṃ āciṇṇattā ceva pubbāsevanatāya ca. Tattha pubbāsevanāya pakāsanatthaṃ tittirajātakaṃ āharitabbaṃ. Hatthivānaratittirā kira ekasmiṃ padese viharantā ‘‘yo amhākaṃ mahallako, tasmiṃ sagāravā viharissāmā’’ti nigrodhaṃ dassetvā ‘‘ko nu kho amhākaṃ mahallako’’ti vīmaṃsantā tittirassa mahallakabhāvaṃ ñatvā tassa jeṭṭhāpacāyanakammaṃ katvā aññamaññaṃ samaggā sammodamānā viharitvā saggaparāyaṇā ahesuṃ. Taṃ kāraṇaṃ ñatvā rukkhe adhivatthā devatā imaṃ gāthamāha –

    ‘‘เย วุฑฺฒมปจายนฺติ, นรา ธมฺมสฺส โกวิทา;

    ‘‘Ye vuḍḍhamapacāyanti, narā dhammassa kovidā;

    ทิเฎฺฐว ธเมฺม ปาสํสา, สมฺปราเย จ สุคฺคตี’’ติฯ (ชา. ๑.๑.๓๗);

    Diṭṭheva dhamme pāsaṃsā, samparāye ca suggatī’’ti. (jā. 1.1.37);

    เอวํ อเหตุกติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพโตฺตปิ ตถาคโต สคารววาสํ โรเจสิ, อิทานิ กสฺมา น โรเจสฺสตีติฯ อคารโวติ อญฺญสฺมิํ คารวรหิโต, กญฺจิ ครุฎฺฐาเน อฎฺฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ อปฺปติโสฺสติ ปติสฺสยรหิโต, กญฺจิ เชฎฺฐกฎฺฐาเน อฎฺฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วาติ เอตฺถ สมิตปาปพาหิตปาปาเยว สมณพฺราหฺมณา อธิเปฺปตาฯ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวาติ สกฺการเญฺจว กตฺวา ครุการญฺจ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ

    Evaṃ ahetukatiracchānayoniyaṃ nibbattopi tathāgato sagāravavāsaṃ rocesi, idāni kasmā na rocessatīti. Agāravoti aññasmiṃ gāravarahito, kañci garuṭṭhāne aṭṭhapetvāti attho. Appatissoti patissayarahito, kañci jeṭṭhakaṭṭhāne aṭṭhapetvāti attho. Samaṇaṃvā brāhmaṇaṃ vāti ettha samitapāpabāhitapāpāyeva samaṇabrāhmaṇā adhippetā. Sakkatvā garuṃ katvāti sakkārañceva katvā garukārañca upaṭṭhapetvā.

    สเทวเก โลเกติอาทีสุ สทฺธิํ เทเวหิ สเทวเกฯ เทวคฺคหเณน เจตฺถ มารพฺรเหฺมสุ คหิเตสุปิ มาโร นาม วสวตฺตี สเพฺพสํ อุปริ วสํ วเตฺตติ, พฺรหฺมา นาม มหานุภาโว, เอกงฺคุลิยา เอกสฺมิํ จกฺกวาฬสหเสฺส อาโลกํ ผรติ, ทฺวีหิ ทฺวีสุ, ทสหิ องฺคุลีหิ ทสสุ จกฺกวาฬสหเสฺสสุ อาโลกํ ผรติฯ โส อิมินา สีลสมฺปนฺนตโรติ วตฺตุํ มา ลภนฺตูติ สมารเก สพฺรหฺมเกติ วิสุํ วุตฺตํฯ ตถา สมณา นาม เอกนิกายาทิวเสน พหุสฺสุตา สีลวโนฺต ปณฺฑิตา, พฺราหฺมณาปิ วตฺถุวิชฺชาทิวเสน พหุสฺสุตา ปณฺฑิตาฯ เต อิมินา สมฺปนฺนตราติ วตฺตุํ มา ลภนฺตูติ สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชายาติ วุตฺตํฯ สเทวมนุสฺสายาติ อิทํ ปน นิปฺปเทสโต ทสฺสนตฺถํ คหิตเมว คเหตฺวา วุตฺตํฯ อปิเจตฺถ ปุริมานิ ตีณิ ปทานิ โลกวเสน วุตฺตานิ, ปจฺฉิมานิ เทฺว ปชาวเสนฯ สีลสมฺปนฺนตรนฺติ สีเลน สมฺปนฺนตรํ, อธิกตรนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ สีลาทโย จตฺตาโร ธมฺมา โลกิยโลกุตฺตรา กถิตา, วิมุตฺติญาณทสฺสนํ โลกิยเมวฯ ปจฺจเวกฺขณญาณเมว เหตํฯ ปาตุรโหสีติ ‘‘อยํ สตฺถา อวีจิโต ยาว ภวคฺคา สีลาทีหิ อตฺตนา อธิกตรํ อปสฺสโนฺต ‘มยา ปฎิวิทฺธนวโลกุตฺตรธมฺมเมว สกฺกตฺวา อุปนิสฺสาย วิหริสฺสามี’ติ จิเนฺตติ, การณํ ภควา จิเนฺตติ, อตฺถํ วุฑฺฒิํ วิเสสํ จิเนฺตติ, คจฺฉามิสฺส อุสฺสาหํ ชเนสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ปุรโต ปากโฎ อโหสิ, อภิมุเข อฎฺฐาสีติ อโตฺถฯ

    Sadevake loketiādīsu saddhiṃ devehi sadevake. Devaggahaṇena cettha mārabrahmesu gahitesupi māro nāma vasavattī sabbesaṃ upari vasaṃ vatteti, brahmā nāma mahānubhāvo, ekaṅguliyā ekasmiṃ cakkavāḷasahasse ālokaṃ pharati, dvīhi dvīsu, dasahi aṅgulīhi dasasu cakkavāḷasahassesu ālokaṃ pharati. So iminā sīlasampannataroti vattuṃ mā labhantūti samārake sabrahmaketi visuṃ vuttaṃ. Tathā samaṇā nāma ekanikāyādivasena bahussutā sīlavanto paṇḍitā, brāhmaṇāpi vatthuvijjādivasena bahussutā paṇḍitā. Te iminā sampannatarāti vattuṃ mā labhantūti sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāyāti vuttaṃ. Sadevamanussāyāti idaṃ pana nippadesato dassanatthaṃ gahitameva gahetvā vuttaṃ. Apicettha purimāni tīṇi padāni lokavasena vuttāni, pacchimāni dve pajāvasena. Sīlasampannataranti sīlena sampannataraṃ, adhikataranti attho. Ettha ca sīlādayo cattāro dhammā lokiyalokuttarā kathitā, vimuttiñāṇadassanaṃ lokiyameva. Paccavekkhaṇañāṇameva hetaṃ. Pāturahosīti ‘‘ayaṃ satthā avīcito yāva bhavaggā sīlādīhi attanā adhikataraṃ apassanto ‘mayā paṭividdhanavalokuttaradhammameva sakkatvā upanissāya viharissāmī’ti cinteti, kāraṇaṃ bhagavā cinteti, atthaṃ vuḍḍhiṃ visesaṃ cinteti, gacchāmissa ussāhaṃ janessāmī’’ti cintetvā purato pākaṭo ahosi, abhimukhe aṭṭhāsīti attho.

    วิหํสุ วิหรนฺติ จาติ เอตฺถ โย วเทยฺย – ‘‘วิหรนฺตีติ วจนโต ปจฺจุปฺปเนฺนปิ พหู พุทฺธา’’ติ, โส ‘‘ภควาปิ ภเนฺต เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติ อิมินา วจเนน ปฎิพาหิตโพฺพฯ

    Vihaṃsuviharanti cāti ettha yo vadeyya – ‘‘viharantīti vacanato paccuppannepi bahū buddhā’’ti, so ‘‘bhagavāpi bhante etarahi arahaṃ sammāsambuddho’’ti iminā vacanena paṭibāhitabbo.

    ‘‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ;

    ‘‘Na me ācariyo atthi, sadiso me na vijjati;

    สเทวกสฺมิํ โลกสฺมิํ, นตฺถิ เม ปฎิปุคฺคโล’’ติฯ (มหาว. ๑๑; ม. นิ. ๒.๓๔๑) –

    Sadevakasmiṃ lokasmiṃ, natthi me paṭipuggalo’’ti. (mahāva. 11; ma. ni. 2.341) –

    อาทีหิ จสฺส สุเตฺตหิ อเญฺญสํ พุทฺธานํ อภาโว ทีเปตโพฺพฯ ตสฺมาติ ยสฺมา สเพฺพปิ พุทฺธา สทฺธมฺมครุโน, ตสฺมาฯ มหตฺตมภิกงฺขตาติ มหนฺตภาวํ ปตฺถยมาเนนฯ สรํ พุทฺธาน สาสนนฺติ พุทฺธานํ สาสนํ สรเนฺตนฯ

    Ādīhi cassa suttehi aññesaṃ buddhānaṃ abhāvo dīpetabbo. Tasmāti yasmā sabbepi buddhā saddhammagaruno, tasmā. Mahattamabhikaṅkhatāti mahantabhāvaṃ patthayamānena. Saraṃ buddhāna sāsananti buddhānaṃ sāsanaṃ sarantena.

    ยโตติ ยสฺมิํ กาเลฯ มหเตฺตน สมนฺนาคโตติ รตฺตญฺญุมหตฺตํ เวปุลฺลมหตฺตํ พฺรหฺมจริยมหตฺตํ ลาภคฺคมหตฺตนฺติ อิมินา จตุพฺพิเธน มหเตฺตน สมนฺนาคโตฯ อถ เม สเงฺฆปิ คารโวติ อถ มยฺหํ สเงฺฆปิ คารโว ชาโตฯ กิสฺมิํ ปน กาเล ภควตา สเงฺฆ คารโว กโตติ? มหาปชาปติยา ทุสฺสยุคทานกาเลฯ ตทา หิ ภควา อตฺตโน อุปนีตํ ทุสฺสยุคํ ‘‘สเงฺฆ, โคตมิ, เทหิ, สเงฺฆ เต ทิเนฺน อหเญฺจว ปูชิโต ภวิสฺสามิ สโงฺฆ จา’’ติ วทโนฺต สเงฺฆ คารวํ อกาสิ นามฯ

    Yatoti yasmiṃ kāle. Mahattena samannāgatoti rattaññumahattaṃ vepullamahattaṃ brahmacariyamahattaṃ lābhaggamahattanti iminā catubbidhena mahattena samannāgato. Atha me saṅghepi gāravoti atha mayhaṃ saṅghepi gāravo jāto. Kismiṃ pana kāle bhagavatā saṅghe gāravo katoti? Mahāpajāpatiyā dussayugadānakāle. Tadā hi bhagavā attano upanītaṃ dussayugaṃ ‘‘saṅghe, gotami, dehi, saṅghe te dinne ahañceva pūjito bhavissāmi saṅgho cā’’ti vadanto saṅghe gāravaṃ akāsi nāma.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑. ปฐมอุรุเวลสุตฺตํ • 1. Paṭhamauruvelasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑. ปฐมอุรุเวลสุตฺตวณฺณนา • 1. Paṭhamauruvelasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact