Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā

    ๓. ปฐมเวทนาสุตฺตวณฺณนา

    3. Paṭhamavedanāsuttavaṇṇanā

    ๕๒. ตติเย เวทนาติ อารมฺมณรสํ เวทิยนฺติ อนุภวนฺตีติ เวทนาฯ ตา วิภาคโต ทเสฺสตุํ ‘‘สุขา เวทนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สุข-สโทฺท อตฺถุทฺธารวเสน เหฎฺฐา วุโตฺตเยวฯ ทุกฺข-สโทฺท ปน ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๘๗; วิภ. ๑๙๐) ทุกฺขวตฺถุสฺมิํ อาคโตฯ ‘‘ยสฺมา จ โข, มหาลิ, รูปํ ทุกฺขํ ทุกฺขานุปติตํ ทุกฺขาวกฺกนฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๖๐) ทุกฺขารมฺมเณฯ ‘‘ทุโกฺข ปาปสฺส อุจฺจโย’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๑๗) ทุกฺขปจฺจเยฯ ‘‘ยาวญฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรา อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ, ยาว ทุกฺขา นิรยา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๕๐) ทุกฺขปจฺจยฎฺฐาเนฯ ‘‘สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๓๒; ธ. ส. ๑๖๕) ทุกฺขเวทนายํฯ อิธาปิ ทุกฺขเวทนายเมวฯ

    52. Tatiye vedanāti ārammaṇarasaṃ vediyanti anubhavantīti vedanā. Tā vibhāgato dassetuṃ ‘‘sukhā vedanā’’tiādi vuttaṃ. Tattha sukha-saddo atthuddhāravasena heṭṭhā vuttoyeva. Dukkha-saddo pana ‘‘jātipi dukkhā’’tiādīsu (dī. ni. 2.387; vibha. 190) dukkhavatthusmiṃ āgato. ‘‘Yasmā ca kho, mahāli, rūpaṃ dukkhaṃ dukkhānupatitaṃ dukkhāvakkanta’’ntiādīsu (saṃ. ni. 3.60) dukkhārammaṇe. ‘‘Dukkho pāpassa uccayo’’tiādīsu (dha. pa. 117) dukkhapaccaye. ‘‘Yāvañcidaṃ, bhikkhave, na sukarā akkhānena pāpuṇituṃ, yāva dukkhā nirayā’’tiādīsu (ma. ni. 3.250) dukkhapaccayaṭṭhāne. ‘‘Sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā’’tiādīsu (dī. ni. 1.232; dha. sa. 165) dukkhavedanāyaṃ. Idhāpi dukkhavedanāyameva.

    วจนตฺถโต ปน สุขยตีติ สุขาฯ ทุกฺขยตีติ ทุกฺขาฯ น ทุกฺขา น สุขาติ อทุกฺขมสุขา, มกาโร ปทสนฺธิวเสน วุโตฺตฯ ตาสุ อิฎฺฐานุภวนลกฺขณา สุขา, อนิฎฺฐานุภวนลกฺขณา ทุกฺขา, อุภยวิปรีตานุภวนลกฺขณา อทุกฺขมสุขาฯ ตสฺมา สุขทุกฺขเวทนานํ อุปฺปตฺติ ปากฎา, น อทุกฺขมสุขายฯ ยทา หิ สุขํ อุปฺปชฺชติ, สกลสรีรํ เภนฺตํ มทฺทนฺตํ ผรมานํ สตโธตสปฺปิํ ขาทาเปนฺตํ วิย, สตปากเตลํ มเกฺขนฺตํ วิย, ฆฎสหเสฺสน ปริฬาหํ นิพฺพาปยมานํ วิย จ ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ วาจํ นิจฺฉารยมานเมว อุปฺปชฺชติฯ ยทา ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, สกลสรีรํ โขเภนฺตํ มทฺทนฺตํ ผรมานํ ตตฺตผาลํ ปเวเสนฺตํ วิย วิลีนตมฺพโลหํ อาสิญฺจนฺตํ วิย จ ‘‘อโห ทุกฺขํ, อโห ทุกฺข’’นฺติ วิปฺปลาเปนฺตเมว อุปฺปชฺชติฯ อิติ สุขทุกฺขเวทนานํ อุปฺปตฺติ ปากฎาฯ

    Vacanatthato pana sukhayatīti sukhā. Dukkhayatīti dukkhā. Na dukkhā na sukhāti adukkhamasukhā, makāro padasandhivasena vutto. Tāsu iṭṭhānubhavanalakkhaṇā sukhā, aniṭṭhānubhavanalakkhaṇā dukkhā, ubhayaviparītānubhavanalakkhaṇā adukkhamasukhā. Tasmā sukhadukkhavedanānaṃ uppatti pākaṭā, na adukkhamasukhāya. Yadā hi sukhaṃ uppajjati, sakalasarīraṃ bhentaṃ maddantaṃ pharamānaṃ satadhotasappiṃ khādāpentaṃ viya, satapākatelaṃ makkhentaṃ viya, ghaṭasahassena pariḷāhaṃ nibbāpayamānaṃ viya ca ‘‘aho sukhaṃ, aho sukha’’nti vācaṃ nicchārayamānameva uppajjati. Yadā dukkhaṃ uppajjati, sakalasarīraṃ khobhentaṃ maddantaṃ pharamānaṃ tattaphālaṃ pavesentaṃ viya vilīnatambalohaṃ āsiñcantaṃ viya ca ‘‘aho dukkhaṃ, aho dukkha’’nti vippalāpentameva uppajjati. Iti sukhadukkhavedanānaṃ uppatti pākaṭā.

    อทุกฺขมสุขา ปน ทุพฺพิชานา ทุทฺทีปนา อนฺธการา อวิภูตาฯ สา สุขทุกฺขานํ อปคเม สาตาสาตปฎิปกฺขวเสน มชฺฌตฺตาการภูตา นยโต คณฺหนฺตเสฺสว ปากฎา โหติฯ ยถา กิํ? ยถา ปุพฺพาปรํ สปํสุเก ปเทเส อุปจริตมคฺควเสน ปิฎฺฐิปาสาเณ มิเคน คตมโคฺค, เอวํ อิฎฺฐานิฎฺฐารมฺมเณสุ สุขทุกฺขานุภวเนนปิ มชฺฌตฺตารมฺมณานุภวนภาเวน วิญฺญายติฯ มชฺฌตฺตารมฺมณคฺคหณํ ปิฎฺฐิปาสาณคมนํ วิย อิฎฺฐานิฎฺฐารมฺมณคฺคหณาภาวโต ฯ ยญฺจ ตตฺรานุภวนํ, สา อทุกฺขมสุขาติฯ

    Adukkhamasukhā pana dubbijānā duddīpanā andhakārā avibhūtā. Sā sukhadukkhānaṃ apagame sātāsātapaṭipakkhavasena majjhattākārabhūtā nayato gaṇhantasseva pākaṭā hoti. Yathā kiṃ? Yathā pubbāparaṃ sapaṃsuke padese upacaritamaggavasena piṭṭhipāsāṇe migena gatamaggo, evaṃ iṭṭhāniṭṭhārammaṇesu sukhadukkhānubhavanenapi majjhattārammaṇānubhavanabhāvena viññāyati. Majjhattārammaṇaggahaṇaṃ piṭṭhipāsāṇagamanaṃ viya iṭṭhāniṭṭhārammaṇaggahaṇābhāvato . Yañca tatrānubhavanaṃ, sā adukkhamasukhāti.

    เอวเมตฺถ สุขทุกฺขอทุกฺขมสุขภาเวน ติธา วุตฺตาปิ กตฺถจิ สุขทุกฺขภาเวน ทฺวิธา วุตฺตาฯ ยถาห – ‘‘เทฺวปิ มยา, อานนฺท, เวทนา วุตฺตา, ปริยาเยน สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๙)ฯ กตฺถจิ ติโสฺสปิ วิสุํ วิสุํ สุขทุกฺขอทุกฺขมสุขภาเวน ‘‘สุขา เวทนา ฐิติสุขา วิปริณามทุกฺขา, ทุกฺขา เวทนา ฐิติทุกฺขา วิปริณามสุขา, อทุกฺขมสุขา เวทนา ญาณสุขา อญฺญาณทุกฺขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕)ฯ กตฺถจิ สพฺพาปิ ทุกฺขภาเวนฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘ยํ กิญฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙)ฯ

    Evamettha sukhadukkhaadukkhamasukhabhāvena tidhā vuttāpi katthaci sukhadukkhabhāvena dvidhā vuttā. Yathāha – ‘‘dvepi mayā, ānanda, vedanā vuttā, pariyāyena sukhā vedanā, dukkhā vedanā’’ti (ma. ni. 2.89). Katthaci tissopi visuṃ visuṃ sukhadukkhaadukkhamasukhabhāvena ‘‘sukhā vedanā ṭhitisukhā vipariṇāmadukkhā, dukkhā vedanā ṭhitidukkhā vipariṇāmasukhā, adukkhamasukhā vedanā ñāṇasukhā aññāṇadukkhā’’ti (ma. ni. 1.465). Katthaci sabbāpi dukkhabhāvena. Vuttañhetaṃ ‘‘yaṃ kiñci vedayitaṃ, sabbaṃ taṃ dukkhasminti vadāmī’’ti (saṃ. ni. 4.259).

    ตตฺถ สิยา – ยทิ ติโสฺส เวทนา ยถา อิธ วุตฺตา, อเญฺญสุ จ เอทิเสสุ สุเตฺตสุ อภิธเมฺม จ เอวํ อวตฺวา กสฺมา เอวํ วุตฺตํ ‘‘ยํ กิญฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามี’’ติ, ‘‘เทฺวปิ มยา, อานนฺท, เวทนา วุตฺตา’’ติ จ? สนฺธายภาสิตเมตํ, ตสฺมา สา ปริยายเทสนาฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –

    Tattha siyā – yadi tisso vedanā yathā idha vuttā, aññesu ca edisesu suttesu abhidhamme ca evaṃ avatvā kasmā evaṃ vuttaṃ ‘‘yaṃ kiñci vedayitaṃ, sabbaṃ taṃ dukkhasminti vadāmī’’ti, ‘‘dvepi mayā, ānanda, vedanā vuttā’’ti ca? Sandhāyabhāsitametaṃ, tasmā sā pariyāyadesanā. Vuttañhetaṃ bhagavatā –

    ‘‘สงฺขารานิจฺจตํ, อานนฺท, มยา สนฺธาย ภาสิตํ สงฺขารวิปริณามตํ, ‘ยํ กิญฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมิ’’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙)ฯ

    ‘‘Saṅkhārāniccataṃ, ānanda, mayā sandhāya bhāsitaṃ saṅkhāravipariṇāmataṃ, ‘yaṃ kiñci vedayitaṃ, sabbaṃ taṃ dukkhasmi’’’nti (saṃ. ni. 4.259).

    ‘‘เทฺวปิ มยา, อานนฺท, เวทนา วุตฺตา ปริยาเยนา’’ติ จ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙)ฯ

    ‘‘Dvepi mayā, ānanda, vedanā vuttā pariyāyenā’’ti ca (saṃ. ni. 4.259).

    เอตฺถ หิ สุขา อทุกฺขมสุขาติ อิมาสํ ทฺวินฺนํ เวทนานํ นิปฺปริยาเยน ทุกฺขภาโว นตฺถิ, เวเนยฺยชฺฌาสเยน ปน ตตฺถ นิจฺฉนฺททสฺสนตฺถํ ปริยาเยน ทุกฺขภาโว วุโตฺตติ สา ตาทิสี ปริยายเทสนาฯ อยํ ปน เวทนตฺตยเทสนา สภาวกถาติ กตฺวา นิปฺปริยายเทสนาติ อยเมตฺถ อาจริยานํ สมานกถาฯ

    Ettha hi sukhā adukkhamasukhāti imāsaṃ dvinnaṃ vedanānaṃ nippariyāyena dukkhabhāvo natthi, veneyyajjhāsayena pana tattha nicchandadassanatthaṃ pariyāyena dukkhabhāvo vuttoti sā tādisī pariyāyadesanā. Ayaṃ pana vedanattayadesanā sabhāvakathāti katvā nippariyāyadesanāti ayamettha ācariyānaṃ samānakathā.

    วิตณฺฑวาที ปนาห ‘‘ทุกฺขตาทฺวยวจนโต ปริยายเทสนาว เวทนตฺตยเทสนา’’ติฯ โส ‘‘มา เหว’’นฺติสฺส วจนีโย, ยสฺมา ภควตา สพฺพาสํ เวทนานํ ทุกฺขภาโว อธิปฺปายวเสน วุโตฺต ‘‘สงฺขารานิจฺจตํ, อานนฺท, มยา สนฺธาย ภาสิตํ สงฺขารวิปริณามตํ ‘ยํ กิญฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมิ’’’นฺติฯ ยทิ ปเนตฺถ เวทนตฺตยเทสนา ปริยายเทสนา สิยา, ‘‘อิทํ มยา สนฺธาย ภาสิตํ ติโสฺส เวทนา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, น ปเนตํ วุตฺตํฯ

    Vitaṇḍavādī panāha ‘‘dukkhatādvayavacanato pariyāyadesanāva vedanattayadesanā’’ti. So ‘‘mā heva’’ntissa vacanīyo, yasmā bhagavatā sabbāsaṃ vedanānaṃ dukkhabhāvo adhippāyavasena vutto ‘‘saṅkhārāniccataṃ, ānanda, mayā sandhāya bhāsitaṃ saṅkhāravipariṇāmataṃ ‘yaṃ kiñci vedayitaṃ, sabbaṃ taṃ dukkhasmi’’’nti. Yadi panettha vedanattayadesanā pariyāyadesanā siyā, ‘‘idaṃ mayā sandhāya bhāsitaṃ tisso vedanā’’ti vattabbaṃ siyā, na panetaṃ vuttaṃ.

    อปิจายเมว วตฺตโพฺพ ‘‘โก, ปนาวุโส, เวทนตฺตยเทสนาย อธิปฺปาโย’’ติ? สเจ วเทยฺย ‘‘มุทุกา ทุกฺขา เวทนา สุขา, อธิมตฺตา ทุกฺขา, มชฺฌิมา อทุกฺขมสุขาติ เวเนยฺยชฺฌาสเยน วุตฺตาฯ ตาสุ หิ น สตฺตานํ สุขาทิวฑฺฒี’’ติฯ โส วตฺตโพฺพ – โก ปนาวุโส ทุกฺขเวทนาย สภาโว, เยน ‘‘สพฺพา เวทนา ทุกฺขา’’ติ วุเจฺจยฺยุํ? ยทิ ยาย อุปฺปนฺนาย สตฺตา วิโยคเมว อิจฺฉนฺติ, โส ทุกฺขเวทนาย สภาโวฯ ยาย จ ปน อุปฺปนฺนาย สตฺตา อวิโยคเมว อิจฺฉนฺติ, ยาย น อุภยํ อิจฺฉนฺติ, สา กถํ ทุกฺขเวทนา สิยา? อถ ยา อตฺตโน นิสฺสยสฺส อุปฆาตการี, สา ทุกฺขาฯ ยา อนุคฺคหการี, สา กถํ ทุกฺขา สิยาฯ อถ ปน ยทริยา ทุกฺขโต ปสฺสนฺติ, โส ทุกฺขเวทนาย สภาโว, สงฺขารทุกฺขตาย เวทนํ อริยา ทุกฺขโต ปสฺสนฺติ, สา จ อภิณฺหสภาวาติ กถํ ตาสํ เวทนานํ มุทุมชฺฌิมาธิมตฺตทุกฺขภาโว สิยา? ยทิ จ สงฺขารทุกฺขตาย เอว เวทนานํ ทุกฺขภาโว สิยา, ‘‘ติโสฺส อิมา, ภิกฺขเว, ทุกฺขตาโย ทุกฺขทุกฺขตา, วิปริณามทุกฺขตา, สงฺขารทุกฺขตา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕) อยํ ทุกฺขตานํ วิภาคเทสนา นิปฺปโยชนา สิยาฯ ตถา จ สติ สุตฺตเมว ปฎิพาหิตํ สิยา, ปุริเมสุ จ ตีสุ รูปาวจรชฺฌาเนสุ มุทุกา ทุกฺขา เวทนาติ อาปชฺชติ สุขเวทนาวจนโตฯ จตุตฺถชฺฌาเน อรูปชฺฌาเนสุ จ มชฺฌิมา, อทุกฺขมสุขเวทนาวจนโตฯ เอวํ สเนฺต ปุริมา ติโสฺส รูปาวจรสมาปตฺติโย จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติยา อรูปสมาปตฺตีหิ จ สนฺตตราติ อาปชฺชติฯ กถํ วา สนฺตตรปฺปณีตตราสุ สมาปตฺตีสุ ทุกฺขเวทนาย อธิกภาโว ยุชฺชติ? ตสฺมา เวทนตฺตยเทสนาย ปริยายเทสนาภาโว น ยุโตฺตติฯ

    Apicāyameva vattabbo ‘‘ko, panāvuso, vedanattayadesanāya adhippāyo’’ti? Sace vadeyya ‘‘mudukā dukkhā vedanā sukhā, adhimattā dukkhā, majjhimā adukkhamasukhāti veneyyajjhāsayena vuttā. Tāsu hi na sattānaṃ sukhādivaḍḍhī’’ti. So vattabbo – ko panāvuso dukkhavedanāya sabhāvo, yena ‘‘sabbā vedanā dukkhā’’ti vucceyyuṃ? Yadi yāya uppannāya sattā viyogameva icchanti, so dukkhavedanāya sabhāvo. Yāya ca pana uppannāya sattā aviyogameva icchanti, yāya na ubhayaṃ icchanti, sā kathaṃ dukkhavedanā siyā? Atha yā attano nissayassa upaghātakārī, sā dukkhā. Yā anuggahakārī, sā kathaṃ dukkhā siyā. Atha pana yadariyā dukkhato passanti, so dukkhavedanāya sabhāvo, saṅkhāradukkhatāya vedanaṃ ariyā dukkhato passanti, sā ca abhiṇhasabhāvāti kathaṃ tāsaṃ vedanānaṃ mudumajjhimādhimattadukkhabhāvo siyā? Yadi ca saṅkhāradukkhatāya eva vedanānaṃ dukkhabhāvo siyā, ‘‘tisso imā, bhikkhave, dukkhatāyo dukkhadukkhatā, vipariṇāmadukkhatā, saṅkhāradukkhatā’’ti (dī. ni. 3.305) ayaṃ dukkhatānaṃ vibhāgadesanā nippayojanā siyā. Tathā ca sati suttameva paṭibāhitaṃ siyā, purimesu ca tīsu rūpāvacarajjhānesu mudukā dukkhā vedanāti āpajjati sukhavedanāvacanato. Catutthajjhāne arūpajjhānesu ca majjhimā, adukkhamasukhavedanāvacanato. Evaṃ sante purimā tisso rūpāvacarasamāpattiyo catutthajjhānasamāpattiyā arūpasamāpattīhi ca santatarāti āpajjati. Kathaṃ vā santatarappaṇītatarāsu samāpattīsu dukkhavedanāya adhikabhāvo yujjati? Tasmā vedanattayadesanāya pariyāyadesanābhāvo na yuttoti.

    ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ทุเกฺข สุขนฺติ สญฺญาวิปลฺลาโส’’ติ (อ. นิ. ๔.๔๙; ปฎิ. ม. ๑.๒๓๖), ตํ กถนฺติ? วิปริณามทุกฺขตาย สงฺขารทุกฺขตาย จ ยถาภูตานวโพเธน ยา เอกนฺตโต สุขสญฺญา, ยา จ ทุกฺขนิมิเตฺต สุขนิมิตฺตสญฺญา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เอวมฺปิ ‘‘สุขา, ภิกฺขเว, เวทนา ทุกฺขโต ทฎฺฐพฺพา’’ติ (อิติวุ. ๕๓) อิทํ ปน กถนฺติ? อิทํ ปน วิปริณามทสฺสเน สนฺนิโยชนตฺถํ วุตฺตํ ตสฺส ตตฺถ วิราคุปฺปตฺติยา อุปายภาวโต สุขเวทนาย พหุทุกฺขานุคตภาวโต จฯ ตถา หิ ทุกฺขสฺส เหตุภาวโต อเนเกหิ ทุกฺขธเมฺมหิ อนุพทฺธตฺตา จ ปณฺฑิตา สุขมฺปิ ทุกฺขมิเจฺจว ปฎิปนฺนาฯ

    Yaṃ pana vuttaṃ ‘‘dukkhe sukhanti saññāvipallāso’’ti (a. ni. 4.49; paṭi. ma. 1.236), taṃ kathanti? Vipariṇāmadukkhatāya saṅkhāradukkhatāya ca yathābhūtānavabodhena yā ekantato sukhasaññā, yā ca dukkhanimitte sukhanimittasaññā, taṃ sandhāya vuttaṃ. Evampi ‘‘sukhā, bhikkhave, vedanā dukkhato daṭṭhabbā’’ti (itivu. 53) idaṃ pana kathanti? Idaṃ pana vipariṇāmadassane sanniyojanatthaṃ vuttaṃ tassa tattha virāguppattiyā upāyabhāvato sukhavedanāya bahudukkhānugatabhāvato ca. Tathā hi dukkhassa hetubhāvato anekehi dukkhadhammehi anubaddhattā ca paṇḍitā sukhampi dukkhamicceva paṭipannā.

    เอวมฺปิ นเตฺถว สุขา เวทนา, สุขเหตูนํ นิยมาภาวโตฯ เย หิ สุขเวทนาย เหตุสมฺมตา ฆาสจฺฉาทนาทโย, เต เอว อธิมตฺตํ อกาเล จ ปฎิเสวิยมานา ทุกฺขเวทนาย เหตุภาวมาปชฺชนฺติฯ น จ เยเนว เหตุนา สุขํ, เตเนว ทุกฺขนฺติ ยุตฺตํ วตฺตุํฯ ตสฺมา น เต สุขเหตู, ทุกฺขนฺตราปคเม ปน อวิญฺญูนํ สุขสญฺญา ยถา จิรตรํ ฐานาทิอิริยาปถสมงฺคี หุตฺวา ตทญฺญอิริยาปถสมาโยเค มหนฺตญฺจ ภารํ วหโต ภารนิเกฺขเป เจว วูปสเม จ, ตสฺมา นเตฺถว สุขนฺติ? ตยิทํ สมฺมเทว สุขเหตุํ อปริญฺญาย ตสฺส นิยมาภาวปริกปฺปนํฯ อารมฺมณมตฺตเมว หิ เกวลํ สุขเหตุํ มนสิกตฺวา เอวํ วุตฺตํ, อชฺฌตฺติกสรีรสฺส อวตฺถาวิเสสํ สมุทิตํ ปน เอกชฺฌํ ตทุภยํ สุขาทิเหตูติ เวทิตพฺพํฯ ยาทิสญฺจ ตทุภยํ สุขเวทนาย เหตุ, ตาทิสํ น กทาจิปิ ทุกฺขเวทนาย เหตุ โหตีติ ววตฺถิตา เอว สุขาทิเหตุฯ ยถา นาม เตโชธาตุ สาลิยวฑากสสฺสาทีนํ ยาทิสมวตฺถนฺตรํ ปตฺวา สาตมธุรภาวเหตุ โหติ, น ตาทิสเมว ปตฺวา กทาจิปิ อสาตอมธุรภาวเหตุ โหติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Evampi nattheva sukhā vedanā, sukhahetūnaṃ niyamābhāvato. Ye hi sukhavedanāya hetusammatā ghāsacchādanādayo, te eva adhimattaṃ akāle ca paṭiseviyamānā dukkhavedanāya hetubhāvamāpajjanti. Na ca yeneva hetunā sukhaṃ, teneva dukkhanti yuttaṃ vattuṃ. Tasmā na te sukhahetū, dukkhantarāpagame pana aviññūnaṃ sukhasaññā yathā cirataraṃ ṭhānādiiriyāpathasamaṅgī hutvā tadaññairiyāpathasamāyoge mahantañca bhāraṃ vahato bhāranikkhepe ceva vūpasame ca, tasmā nattheva sukhanti? Tayidaṃ sammadeva sukhahetuṃ apariññāya tassa niyamābhāvaparikappanaṃ. Ārammaṇamattameva hi kevalaṃ sukhahetuṃ manasikatvā evaṃ vuttaṃ, ajjhattikasarīrassa avatthāvisesaṃ samuditaṃ pana ekajjhaṃ tadubhayaṃ sukhādihetūti veditabbaṃ. Yādisañca tadubhayaṃ sukhavedanāya hetu, tādisaṃ na kadācipi dukkhavedanāya hetu hotīti vavatthitā eva sukhādihetu. Yathā nāma tejodhātu sāliyavaḍākasassādīnaṃ yādisamavatthantaraṃ patvā sātamadhurabhāvahetu hoti, na tādisameva patvā kadācipi asātaamadhurabhāvahetu hoti, evaṃsampadamidaṃ daṭṭhabbaṃ.

    ทุกฺขาปคเมว กทาจิ สุขเวทนนฺตรํ อุปลพฺภติฯ ตตฺถ สุเขเยว สุขสญฺญา, น ทุกฺขาปคมมเตฺต ยถา อทฺธานคมนปริสฺสมกิลนฺตสฺส สมฺพาหเน อิริยาปถปริวตฺตเน จ, อญฺญถา กาลนฺตเรปิ ปริสฺสมาปคเม ตาทิสี สุขสญฺญา สิยาฯ ทุกฺขาปคมมเตฺต ปน สุขนฺติ ปริกปฺปนา เวทนาวิเสสสฺส อนุปลพฺภมานตฺตาฯ เอกเนฺตเนว เจตํ เอวํ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํ, ยโต ปณีตปฺปณีตานิเยว อารมฺมณานิ มหตา อายาเสน สตฺตา อภิปตฺถยนฺติ, น จ เนสํ เยน เกนจิ ยถาลทฺธมเตฺตน ปจฺจเยน ปติการํ กาตุํ สกฺกา ตณฺหุปฺปาเทนาติ ฯ เวทนาปจฺจยา หิ ตณฺหาอุปาทิ, ตถาภาเว จ สุคนฺธมธุรสุขสมฺผสฺสาทิวตฺถูนํ อิตรีตรภาเวน สุขวิเสสสญฺญา ชายมานา กตมสฺส ทุกฺขวิเสสสฺส อปคมเน ฆานชิวฺหากายทฺวาเรสุ, โสตทฺวาเร จ ทิพฺพสงฺคีตสทิสปญฺจงฺคิกตูริยสทฺทาวธารเณฯ ตสฺมา น ทุกฺขเวทนายเมว ทุกฺขนฺตราปคเม สุขสญฺญา, นาปิ เกวเล ทุกฺขาปคมมเตฺตติ อาคมโต ยุตฺติโตปิ ววตฺถิตา ติโสฺส เวทนาติ ภควโต เวทนตฺตยเทสนา นีตตฺถาเยว, น เนยฺยตฺถาติ สญฺญาเปตพฺพํฯ เอวเญฺจตํ อุเปติ, อิเจฺจตํ กุสลํ, โน เจ, กมฺมํ กตฺวา อุโยฺยเชตโพฺพ ‘‘คจฺฉ ยถาสุข’’นฺติฯ

    Dukkhāpagameva kadāci sukhavedanantaraṃ upalabbhati. Tattha sukheyeva sukhasaññā, na dukkhāpagamamatte yathā addhānagamanaparissamakilantassa sambāhane iriyāpathaparivattane ca, aññathā kālantarepi parissamāpagame tādisī sukhasaññā siyā. Dukkhāpagamamatte pana sukhanti parikappanā vedanāvisesassa anupalabbhamānattā. Ekanteneva cetaṃ evaṃ sampaṭicchitabbaṃ, yato paṇītappaṇītāniyeva ārammaṇāni mahatā āyāsena sattā abhipatthayanti, na ca nesaṃ yena kenaci yathāladdhamattena paccayena patikāraṃ kātuṃ sakkā taṇhuppādenāti . Vedanāpaccayā hi taṇhāupādi, tathābhāve ca sugandhamadhurasukhasamphassādivatthūnaṃ itarītarabhāvena sukhavisesasaññā jāyamānā katamassa dukkhavisesassa apagamane ghānajivhākāyadvāresu, sotadvāre ca dibbasaṅgītasadisapañcaṅgikatūriyasaddāvadhāraṇe. Tasmā na dukkhavedanāyameva dukkhantarāpagame sukhasaññā, nāpi kevale dukkhāpagamamatteti āgamato yuttitopi vavatthitā tisso vedanāti bhagavato vedanattayadesanā nītatthāyeva, na neyyatthāti saññāpetabbaṃ. Evañcetaṃ upeti, iccetaṃ kusalaṃ, no ce, kammaṃ katvā uyyojetabbo ‘‘gaccha yathāsukha’’nti.

    เอวเมตา อญฺญมญฺญปฎิปกฺขสภาวววตฺถิตลกฺขณา เอว ติโสฺส เวทนา ภควตา เทสิตาฯ ตญฺจ โข วิปสฺสนากมฺมิกานํ โยคาวจรานํ เวทนามุเขน อรูปกมฺมฎฺฐานทสฺสนตฺถํฯ ทุวิธญฺหิ กมฺมฎฺฐานํ รูปกมฺมฎฺฐานํ, อรูปกมฺมฎฺฐานนฺติฯ ตตฺถ ภควา รูปกมฺมฎฺฐานํ กเถโนฺต สเงฺขปมนสิการวเสน วา วิตฺถารมนสิการวเสน วา จตุธาตุววตฺถานาทิวเสน วา กเถติฯ อรูปกมฺมฎฺฐานํ ปน กเถโนฺต ผสฺสวเสน วา เวทนาวเสน วา จิตฺตวเสน วา กเถติฯ เอกจฺจสฺส หิ อาปาถคเต อารมฺมเณ อาวชฺชโต ตตฺถ จิตฺตเจตสิกานํ ปฐมาภินิปาโต ผโสฺส ตํ อารมฺมณํ ผุสโนฺต อุปฺปชฺชมาโน ปากโฎ โหติ, เอกจฺจสฺส ตํ อารมฺมณํ อนุภวนฺตี อุปฺปชฺชมานา เวทนา ปากฎา โหติ, เอกจฺจสฺส ตํ อารมฺมณํ วิชานนฺตํ อุปฺปชฺชมานํ วิญฺญาณํ ปากฎํ โหติฯ อิติ เตสํ เตสํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสเยน ยถาปากฎํ ผสฺสาทิมุเขน ติธา อรูปกมฺมฎฺฐานํ กเถติฯ

    Evametā aññamaññapaṭipakkhasabhāvavavatthitalakkhaṇā eva tisso vedanā bhagavatā desitā. Tañca kho vipassanākammikānaṃ yogāvacarānaṃ vedanāmukhena arūpakammaṭṭhānadassanatthaṃ. Duvidhañhi kammaṭṭhānaṃ rūpakammaṭṭhānaṃ, arūpakammaṭṭhānanti. Tattha bhagavā rūpakammaṭṭhānaṃ kathento saṅkhepamanasikāravasena vā vitthāramanasikāravasena vā catudhātuvavatthānādivasena vā katheti. Arūpakammaṭṭhānaṃ pana kathento phassavasena vā vedanāvasena vā cittavasena vā katheti. Ekaccassa hi āpāthagate ārammaṇe āvajjato tattha cittacetasikānaṃ paṭhamābhinipāto phasso taṃ ārammaṇaṃ phusanto uppajjamāno pākaṭo hoti, ekaccassa taṃ ārammaṇaṃ anubhavantī uppajjamānā vedanā pākaṭā hoti, ekaccassa taṃ ārammaṇaṃ vijānantaṃ uppajjamānaṃ viññāṇaṃ pākaṭaṃ hoti. Iti tesaṃ tesaṃ puggalānaṃ ajjhāsayena yathāpākaṭaṃ phassādimukhena tidhā arūpakammaṭṭhānaṃ katheti.

    ตตฺถ ยสฺส ผโสฺส ปากโฎ โหติ, โสปิ ‘‘น เกวลํ ผโสฺสว อุปฺปชฺชติ, เตน สทฺธิํ ตเทว อารมฺมณํ อนุภวมานา เวทนาปิ อุปฺปชฺชติ, สญฺชานมานา สญฺญาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ, วิชานมานํ วิญฺญาณมฺปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ ผสฺสปญฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติฯ ยสฺส เวทนา ปากฎา โหติ, โสปิ ‘‘น เกวลํ เวทนาว อุปฺปชฺชติ, ตาย สทฺธิํ ผุสมาโน ผโสฺสปิ อุปฺปชฺชติ, สญฺชานมานา สญฺญาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ , วิชานมานํ วิญฺญาณมฺปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ ผสฺสปญฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติฯ ยสฺส วิญฺญาณํ ปากฎํ โหติ, โสปิ ‘‘น เกวลํ วิญฺญาณเมว อุปฺปชฺชติ, เตน สทฺธิํ ตเทวารมฺมณํ ผุสมาโน ผโสฺสปิ อุปฺปชฺชติ, อนุภวมานา เวทนาปิ, สญฺชานมานา สญฺญาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ ผสฺสปญฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติฯ

    Tattha yassa phasso pākaṭo hoti, sopi ‘‘na kevalaṃ phassova uppajjati, tena saddhiṃ tadeva ārammaṇaṃ anubhavamānā vedanāpi uppajjati, sañjānamānā saññāpi, cetayamānā cetanāpi, vijānamānaṃ viññāṇampi uppajjatī’’ti phassapañcamakeyeva pariggaṇhāti. Yassa vedanā pākaṭā hoti, sopi ‘‘na kevalaṃ vedanāva uppajjati, tāya saddhiṃ phusamāno phassopi uppajjati, sañjānamānā saññāpi, cetayamānā cetanāpi , vijānamānaṃ viññāṇampi uppajjatī’’ti phassapañcamakeyeva pariggaṇhāti. Yassa viññāṇaṃ pākaṭaṃ hoti, sopi ‘‘na kevalaṃ viññāṇameva uppajjati, tena saddhiṃ tadevārammaṇaṃ phusamāno phassopi uppajjati, anubhavamānā vedanāpi, sañjānamānā saññāpi, cetayamānā cetanāpi uppajjatī’’ti phassapañcamakeyeva pariggaṇhāti.

    โส ‘‘อิเม ผสฺสปญฺจมกา ธมฺมา กิํนิสฺสิตา’’ติ อุปธาเรโนฺต ‘‘วตฺถุนิสฺสิตา’’ติ ปชานาติฯ วตฺถุ นาม กรชกาโยฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อิทญฺจ ปน เม วิญฺญาณํ เอตฺถสิตํ เอตฺถปฎิพทฺธ’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๓๕; ม. นิ. ๒.๒๕๒)ฯ โส อตฺถโต ภูตา เจว อุปาทารูปานิ จ, เอวเมตฺถ วตฺถุ รูปํ, ผสฺสปญฺจมกา นามนฺติ นามรูปมตฺตเมว ปสฺสติฯ รูปเญฺจตฺถ รูปกฺขโนฺธ, นามํ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธาติ ปญฺจกฺขนฺธมตฺตํ โหติฯ นามรูปวินิมุตฺตา หิ ปญฺจกฺขนฺธา, ปญฺจกฺขนฺธวินิมุตฺตํ วา นามรูปํ นตฺถิฯ โส ‘‘อิเม ปญฺจกฺขนฺธา กิํเหตุกา’’ติ อุปปริกฺขโนฺต ‘‘อวิชฺชาทิเหตุกา’’ติ, ตโต ‘‘ปจฺจโย เจว ปจฺจยุปฺปนฺนญฺจ อิทํ, อโญฺญ สโตฺต วา ปุคฺคโล วา นตฺถิ, สุทฺธสงฺขารปุญฺชมตฺตเมวา’’ติ สปฺปจฺจยนามรูปวเสน ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนาปฎิปาฎิยา ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสโนฺต วิจรติฯ โส ‘‘อชฺช อชฺชา’’ติ ปฎิเวธํ อากงฺขมาโน ตถารูเป สมเย อุตุสปฺปายํ, ปุคฺคลสปฺปายํ, โภชนสปฺปายํ, ธมฺมสฺสวนสปฺปายํ วา ลภิตฺวา เอกปลฺลเงฺกน นิสิโนฺนว วิปสฺสนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา อรหเตฺต ปติฎฺฐาติฯ เอวํ อิเมสํ ติณฺณํ ชนานํ ยาว อรหตฺตา กมฺมฎฺฐานํ เวทิตพฺพํฯ อิธ ปน ภควา เวทนาวเสน พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสเยน อรูปกมฺมฎฺฐานํ กเถโนฺต เวทนาวเสน กเถสิฯ ตตฺถ –

    So ‘‘ime phassapañcamakā dhammā kiṃnissitā’’ti upadhārento ‘‘vatthunissitā’’ti pajānāti. Vatthu nāma karajakāyo. Yaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘idañca pana me viññāṇaṃ etthasitaṃ etthapaṭibaddha’’nti (dī. ni. 1.235; ma. ni. 2.252). So atthato bhūtā ceva upādārūpāni ca, evamettha vatthu rūpaṃ, phassapañcamakā nāmanti nāmarūpamattameva passati. Rūpañcettha rūpakkhandho, nāmaṃ cattāro arūpino khandhāti pañcakkhandhamattaṃ hoti. Nāmarūpavinimuttā hi pañcakkhandhā, pañcakkhandhavinimuttaṃ vā nāmarūpaṃ natthi. So ‘‘ime pañcakkhandhā kiṃhetukā’’ti upaparikkhanto ‘‘avijjādihetukā’’ti, tato ‘‘paccayo ceva paccayuppannañca idaṃ, añño satto vā puggalo vā natthi, suddhasaṅkhārapuñjamattamevā’’ti sappaccayanāmarūpavasena tilakkhaṇaṃ āropetvā vipassanāpaṭipāṭiyā ‘‘aniccaṃ dukkhamanattā’’ti sammasanto vicarati. So ‘‘ajja ajjā’’ti paṭivedhaṃ ākaṅkhamāno tathārūpe samaye utusappāyaṃ, puggalasappāyaṃ, bhojanasappāyaṃ, dhammassavanasappāyaṃ vā labhitvā ekapallaṅkena nisinnova vipassanaṃ matthakaṃ pāpetvā arahatte patiṭṭhāti. Evaṃ imesaṃ tiṇṇaṃ janānaṃ yāva arahattā kammaṭṭhānaṃ veditabbaṃ. Idha pana bhagavā vedanāvasena bujjhanakānaṃ ajjhāsayena arūpakammaṭṭhānaṃ kathento vedanāvasena kathesi. Tattha –

    ‘‘ลกฺขณญฺจ อธิฎฺฐานํ, อุปฺปตฺติ อนุสโย ตถา;

    ‘‘Lakkhaṇañca adhiṭṭhānaṃ, uppatti anusayo tathā;

    ฐานํ ปวตฺติกาโล จ, อินฺทฺริยญฺจ ทฺวิธาทิตา’’ติฯ –

    Ṭhānaṃ pavattikālo ca, indriyañca dvidhāditā’’ti. –

    อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ – ตตฺถ ลกฺขณํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ อธิฎฺฐานนฺติ ผโสฺสฯ ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ หิ วจนโต ผโสฺส เวทนาย อธิฎฺฐานํฯ ตถา หิ โส เวทนาธิฎฺฐานภาวโต นิจฺจมฺมคาวีอุปมาย อุปมิโตฯ ตตฺถ สุขเวทนีโย ผโสฺส สุขาย เวทนาย อธิฎฺฐานํ, ทุกฺขเวทนีโย ผโสฺส ทุกฺขาย เวทนาย, อทุกฺขมสุขเวทนีโย ผโสฺส อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อธิฎฺฐานํ, อาสนฺนการณนฺติ อโตฺถฯ เวทนา กสฺส ปทฎฺฐานํ? ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติ วจนโต ตณฺหาย ปทฎฺฐานํ อภิปตฺถนียภาวโตฯ สุขา เวทนา ตาว ตณฺหาย ปทฎฺฐานํ โหตุ, อิตรา ปน กถนฺติ? วุจฺจเต สุขสมงฺคีปิ ตาว ตํสทิสํ ตโต วา อุตฺตริตรํ สุขํ อภิปเตฺถติ, กิมงฺค ปน ทุกฺขสมงฺคีภูโตฯ อทุกฺขมสุขา จ สนฺตภาเวน สุขมิเจฺจว วุจฺจตีติ ติโสฺสปิ เวทนา ตณฺหาย ปทฎฺฐานํฯ

    Idaṃ pakiṇṇakaṃ veditabbaṃ – tattha lakkhaṇaṃ heṭṭhā vuttameva. Adhiṭṭhānanti phasso. ‘‘Phassapaccayā vedanā’’ti hi vacanato phasso vedanāya adhiṭṭhānaṃ. Tathā hi so vedanādhiṭṭhānabhāvato niccammagāvīupamāya upamito. Tattha sukhavedanīyo phasso sukhāya vedanāya adhiṭṭhānaṃ, dukkhavedanīyo phasso dukkhāya vedanāya, adukkhamasukhavedanīyo phasso adukkhamasukhāya vedanāya adhiṭṭhānaṃ, āsannakāraṇanti attho. Vedanā kassa padaṭṭhānaṃ? ‘‘Vedanāpaccayā taṇhā’’ti vacanato taṇhāya padaṭṭhānaṃ abhipatthanīyabhāvato. Sukhā vedanā tāva taṇhāya padaṭṭhānaṃ hotu, itarā pana kathanti? Vuccate sukhasamaṅgīpi tāva taṃsadisaṃ tato vā uttaritaraṃ sukhaṃ abhipattheti, kimaṅga pana dukkhasamaṅgībhūto. Adukkhamasukhā ca santabhāvena sukhamicceva vuccatīti tissopi vedanā taṇhāya padaṭṭhānaṃ.

    อุปฺปตฺตีติ อุปฺปตฺติการณํฯ อิฎฺฐารมฺมณภูตา หิ สตฺตสงฺขารา สุขเวทนาย อุปฺปตฺติการณํ, เต เอว อนิฎฺฐารมฺมณภูตา ทุกฺขเวทนาย, มชฺฌตฺตารมฺมณภูตา อทุกฺขมสุขายฯ วิปากโต ตทาการคฺคหณโต เจตฺถ อิฎฺฐานิฎฺฐตา เวทิตพฺพาฯ

    Uppattīti uppattikāraṇaṃ. Iṭṭhārammaṇabhūtā hi sattasaṅkhārā sukhavedanāya uppattikāraṇaṃ, te eva aniṭṭhārammaṇabhūtā dukkhavedanāya, majjhattārammaṇabhūtā adukkhamasukhāya. Vipākato tadākāraggahaṇato cettha iṭṭhāniṭṭhatā veditabbā.

    อนุสโยติ อิมาสุ ตีสุ เวทนาสุ สุขาย เวทนาย ราคานุสโย อนุเสติ, ทุกฺขาย เวทนาย ปฎิฆานุสโย, อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อวิชฺชานุสโย อนุเสติฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Anusayoti imāsu tīsu vedanāsu sukhāya vedanāya rāgānusayo anuseti, dukkhāya vedanāya paṭighānusayo, adukkhamasukhāya vedanāya avijjānusayo anuseti. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘สุขาย โข, อาวุโส วิสาข, เวทนาย ราคานุสโย อนุเสตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๖๕)ฯ

    ‘‘Sukhāya kho, āvuso visākha, vedanāya rāgānusayo anusetī’’tiādi (ma. ni. 1.465).

    ทิฎฺฐิมานานุสยา เจตฺถ ราคปกฺขิยา กาตพฺพาฯ สุขาภินนฺทเนน หิ ทิฎฺฐิคติกา ‘‘สสฺสต’’นฺติอาทินา สกฺกาเย อภินิวิสนฺติ, มานชาติกา จ มานํ ชเปฺปนฺติ ‘‘เสโยฺยหมสฺมี’’ติอาทินาฯ วิจิกิจฺฉานุสโย ปน อวิชฺชาปกฺขิโก กาตโพฺพฯ ตถา หิ วุตฺตํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทวิภเงฺค (วิภ. ๒๘๘-๒๘๙) ‘‘เวทนาปจฺจยา วิจิกิจฺฉา’’ติฯ อนุสยานญฺจ ตตฺถ ตตฺถ สนฺตาเน อปฺปหีนภาเวน ถามคมนํฯ ตสฺมา ‘‘สุขาย เวทนาย ราคานุสโย อนุเสตี’’ติ มเคฺคน อปฺปหีนตฺตา อนุรูปการณลาเภ อุปฺปชฺชนารโห ราโค, ตตฺถ สยิโต วิย โหตีติ อโตฺถฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ

    Diṭṭhimānānusayā cettha rāgapakkhiyā kātabbā. Sukhābhinandanena hi diṭṭhigatikā ‘‘sassata’’ntiādinā sakkāye abhinivisanti, mānajātikā ca mānaṃ jappenti ‘‘seyyohamasmī’’tiādinā. Vicikicchānusayo pana avijjāpakkhiko kātabbo. Tathā hi vuttaṃ paṭiccasamuppādavibhaṅge (vibha. 288-289) ‘‘vedanāpaccayā vicikicchā’’ti. Anusayānañca tattha tattha santāne appahīnabhāvena thāmagamanaṃ. Tasmā ‘‘sukhāya vedanāya rāgānusayo anusetī’’ti maggena appahīnattā anurūpakāraṇalābhe uppajjanāraho rāgo, tattha sayito viya hotīti attho. Esa nayo sesesupi.

    ฐานนฺติ กาโย จิตฺตญฺจ เวทนาย ฐานํฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘ยํ ตสฺมิํ สมเย กายิกํ สุขํ กายสมฺผสฺสชํ สาตํ สุขํ เวทยิตํ (ธ. ส. ๔๔๙)ฯ ยํ ตสฺมิํ สมเย เจตสิกํ สุขํ เจโตสมฺผสฺสชํ สาตํ สุขํ เวทยิต’’นฺติ (ธ. ส. ๔๗๑) จฯ

    Ṭhānanti kāyo cittañca vedanāya ṭhānaṃ. Vuttañhetaṃ – ‘‘yaṃ tasmiṃ samaye kāyikaṃ sukhaṃ kāyasamphassajaṃ sātaṃ sukhaṃ vedayitaṃ (dha. sa. 449). Yaṃ tasmiṃ samaye cetasikaṃ sukhaṃ cetosamphassajaṃ sātaṃ sukhaṃ vedayita’’nti (dha. sa. 471) ca.

    ปวตฺติกาโลติ ปวตฺติกฺขโณ, ปวตฺตนากลนญฺจฯ ปวตฺติกฺขเณน หิ สุขทุกฺขเวทนานํ สุขทุกฺขภาโว ววตฺถิโตฯ ยถาห –

    Pavattikāloti pavattikkhaṇo, pavattanākalanañca. Pavattikkhaṇena hi sukhadukkhavedanānaṃ sukhadukkhabhāvo vavatthito. Yathāha –

    ‘‘สุขา โข, อาวุโส วิสาข, เวทนา ฐิติสุขา วิปริณามทุกฺขา, ทุกฺขา โข, อาวุโส วิสาข, เวทนา ฐิติทุกฺขา วิปริณามสุขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕)ฯ

    ‘‘Sukhā kho, āvuso visākha, vedanā ṭhitisukhā vipariṇāmadukkhā, dukkhā kho, āvuso visākha, vedanā ṭhitidukkhā vipariṇāmasukhā’’ti (ma. ni. 1.465).

    สุขาย เวทนาย อตฺถิภาโว สุขํ, นตฺถิภาโว ทุกฺขํฯ ทุกฺขาย เวทนาย อตฺถิภาโว ทุกฺขํ, นตฺถิภาโว สุขนฺติ อโตฺถฯ อทุกฺขมสุขาย เวทนาย ปวตฺตนากลนํ ปวตฺติยา อากลนํ อนากลนญฺจ ชานนํ อชานนญฺจ สุขทุกฺขภาวววตฺถานํฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    Sukhāya vedanāya atthibhāvo sukhaṃ, natthibhāvo dukkhaṃ. Dukkhāya vedanāya atthibhāvo dukkhaṃ, natthibhāvo sukhanti attho. Adukkhamasukhāya vedanāya pavattanākalanaṃ pavattiyā ākalanaṃ anākalanañca jānanaṃ ajānanañca sukhadukkhabhāvavavatthānaṃ. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘อทุกฺขมสุขา โข, อาวุโส วิสาข, เวทนา ญาณสุขา อญฺญาณทุกฺขา’’ติฯ

    ‘‘Adukkhamasukhā kho, āvuso visākha, vedanā ñāṇasukhā aññāṇadukkhā’’ti.

    อินฺทฺริยนฺติ เอตา หิ สุขาทโย ติโสฺส เวทนา สุขินฺทฺริยํ, ทุกฺขินฺทฺริยํ, โสมนสฺสินฺทฺริยํ, โทมนสฺสินฺทฺริยํ, อุเปกฺขินฺทฺริยนฺติ อธิปเตยฺยเฎฺฐน อินฺทฺริยโต ปญฺจธา วิภตฺตาฯ กายิกญฺหิ สาตํ สุขินฺทฺริยนฺติ วุตฺตํ, อสาตํ ทุกฺขินฺทฺริยนฺติฯ มานสํ ปน สาตํ โสมนสฺสินฺทฺริยนฺติ วุตฺตํ, อสาตํ โทมนสฺสินฺทฺริยนฺติฯ ทุวิธมฺปิ เนว สาตํ นาสาตํ อุเปกฺขินฺทฺริยนฺติฯ กิํ ปเนตฺถ การณํ – ยถา กายิกเจตสิกา สุขทุกฺขเวทนา ‘‘สุขินฺทฺริยํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ, ทุกฺขินฺทฺริยํ โทมนสฺสินฺทฺริย’’นฺติ วิภชิตฺวา วุตฺตา, น เอวํ อทุกฺขมสุขาติ? เภทาภาวโตฯ ยเถว หิ อนุคฺคหสภาวา พาธกสภาวา จ สุขทุกฺขเวทนา อญฺญถา กายสฺส อนุคฺคหํ พาธกญฺจ กโรนฺติ, จิตฺตสฺส จ อญฺญถา, น เอวํ อทุกฺขมสุขา, ตสฺมา เภทาภาวโต วิภชิตฺวา น วุตฺตาฯ

    Indriyanti etā hi sukhādayo tisso vedanā sukhindriyaṃ, dukkhindriyaṃ, somanassindriyaṃ, domanassindriyaṃ, upekkhindriyanti adhipateyyaṭṭhena indriyato pañcadhā vibhattā. Kāyikañhi sātaṃ sukhindriyanti vuttaṃ, asātaṃ dukkhindriyanti. Mānasaṃ pana sātaṃ somanassindriyanti vuttaṃ, asātaṃ domanassindriyanti. Duvidhampi neva sātaṃ nāsātaṃ upekkhindriyanti. Kiṃ panettha kāraṇaṃ – yathā kāyikacetasikā sukhadukkhavedanā ‘‘sukhindriyaṃ somanassindriyaṃ, dukkhindriyaṃ domanassindriya’’nti vibhajitvā vuttā, na evaṃ adukkhamasukhāti? Bhedābhāvato. Yatheva hi anuggahasabhāvā bādhakasabhāvā ca sukhadukkhavedanā aññathā kāyassa anuggahaṃ bādhakañca karonti, cittassa ca aññathā, na evaṃ adukkhamasukhā, tasmā bhedābhāvato vibhajitvā na vuttā.

    ทฺวิธาทิตาติ สพฺพาปิ หิ เวทนา เวทยิตเฎฺฐน เอกวิธาปิ นิสฺสยเภเทน ทุวิธา – กายิกา เจตสิกาติ, สุขา, ทุกฺขา, อทุกฺขมสุขาติ ติวิธา, จตุโยนิวเสน จตุพฺพิธา, อินฺทฺริยวเสน, คติวเสน จ ปญฺจวิธา, ทฺวารวเสน จ อารมฺมณวเสน จ ฉพฺพิธา, สตฺตวิญฺญาณธาตุโยเคน สตฺตวิธา, อฎฺฐโลกธมฺมปจฺจยตาย อฎฺฐวิธา, สุขาทีนํ ปเจฺจกํ อตีตาทิวิภาเคน นววิธา, ตา เอว อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภเทน อฎฺฐารสวิธา, ตถา รูปาทีสุ ฉสุ อารมฺมเณสุ เอเกกสฺมิํ สุขาทิวเสน ติโสฺส ติโสฺส กตฺวาฯ รูปารมฺมณสฺมิญฺหิ สุขาปิ อุปฺปชฺชติ, ทุกฺขาปิ, อทุกฺขมสุขาปิ, เอวํ อิตเรสุปิฯ อถ วา อฎฺฐารสมโนปวิจารวเสน อฎฺฐารสฯ วุตฺตญฺหิ –

    Dvidhāditāti sabbāpi hi vedanā vedayitaṭṭhena ekavidhāpi nissayabhedena duvidhā – kāyikā cetasikāti, sukhā, dukkhā, adukkhamasukhāti tividhā, catuyonivasena catubbidhā, indriyavasena, gativasena ca pañcavidhā, dvāravasena ca ārammaṇavasena ca chabbidhā, sattaviññāṇadhātuyogena sattavidhā, aṭṭhalokadhammapaccayatāya aṭṭhavidhā, sukhādīnaṃ paccekaṃ atītādivibhāgena navavidhā, tā eva ajjhattabahiddhābhedena aṭṭhārasavidhā, tathā rūpādīsu chasu ārammaṇesu ekekasmiṃ sukhādivasena tisso tisso katvā. Rūpārammaṇasmiñhi sukhāpi uppajjati, dukkhāpi, adukkhamasukhāpi, evaṃ itaresupi. Atha vā aṭṭhārasamanopavicāravasena aṭṭhārasa. Vuttañhi –

    ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา โสมนสฺสฎฺฐานิยํ รูปํ อุปวิจรติ, โทมนสฺสฎฺฐานิยํ, อุเปกฺขาฎฺฐานิยํ รูปํ อุปวิจรติ, โสเตน สทฺทํ…เป.… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย โสมนสฺสฎฺฐานิยํ ธมฺมํ อุปวิจรติ, โทมนสฺสฎฺฐานิยํ, อุเปกฺขาฎฺฐานิยํ ธมฺมํ อุปวิจรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๖๒)ฯ

    ‘‘Cakkhunā rūpaṃ disvā somanassaṭṭhāniyaṃ rūpaṃ upavicarati, domanassaṭṭhāniyaṃ, upekkhāṭṭhāniyaṃ rūpaṃ upavicarati, sotena saddaṃ…pe… manasā dhammaṃ viññāya somanassaṭṭhāniyaṃ dhammaṃ upavicarati, domanassaṭṭhāniyaṃ, upekkhāṭṭhāniyaṃ dhammaṃ upavicaratī’’ti (a. ni. 3.62).

    เอวํ อฎฺฐารสวิธา โหนฺติฯ ตถา ฉ เคหสฺสิตานิ โสมนสฺสานิ, ฉ เคหสฺสิตานิ โทมนสฺสานิ, ฉ เคหสฺสิตา อุเปกฺขา, ตถา เนกฺขมฺมสฺสิตา โสมนสฺสาทโยติ เอวํ ฉตฺติํสวิธา ฯ อตีเต ฉตฺติํส, อนาคเต ฉตฺติํส, ปจฺจุปฺปเนฺน ฉตฺติํสาติ อฎฺฐุตฺตรสตมฺปิ ภวนฺติฯ เอวเมตฺถ ทฺวิธาทิตา เวทิตพฺพาติฯ

    Evaṃ aṭṭhārasavidhā honti. Tathā cha gehassitāni somanassāni, cha gehassitāni domanassāni, cha gehassitā upekkhā, tathā nekkhammassitā somanassādayoti evaṃ chattiṃsavidhā . Atīte chattiṃsa, anāgate chattiṃsa, paccuppanne chattiṃsāti aṭṭhuttarasatampi bhavanti. Evamettha dvidhāditā veditabbāti.

    ปกิณฺณกกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Pakiṇṇakakathā niṭṭhitā.

    คาถาสุ สมาหิโตติ อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา สมาหิโตฯ เตน สมถภาวนานุโยคํ ทเสฺสติฯ สมฺปชาโนติ สาตฺถกสมฺปชญฺญาทินา จตุพฺพิเธน สมฺปชเญฺญน สมฺปชาโนฯ เตน วิปสฺสนานุโยคํ ทเสฺสติฯ สโตติ สโตการีฯ เตน สมถวิปสฺสนานเยน ธมฺมา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติฯ เตน สมนฺนาคตตฺตํ ทเสฺสติฯ เวทนา จ ปชานาตีติ ‘‘อิมา เวทนา, เอตฺตกา เวทนา’’ติ สภาวโต วิภาคโต ‘‘อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’’ติ อนิจฺจาทิลกฺขณโต จ ปุพฺพภาเค ตีหิ ปริญฺญาหิ ปริชานโนฺต วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อริยมเคฺคน ปริญฺญาปฎิเวเธน ปชานาติฯ เวทนานญฺจ สมฺภวนฺติ สมุทยสจฺจํฯ ยตฺถ เจตา นิรุชฺฌนฺตีติ เอตฺตาวตา เวทนา ยตฺถ นิรุชฺฌนฺติ, ตํ นิโรธสจฺจํฯ ขยคามินนฺติ เวทนานํ ขยคามินํ อริยมคฺคญฺจ ปชานาตีติ สมฺพโนฺธฯ เวทนานํ ขยาติ เอวํ จตฺตาริ สจฺจานิ ปฎิวิชฺฌเนฺตน อริยมเคฺคน เวทนานํ อนุปฺปาทนิโรธาฯ นิจฺฉาโต ปรินิพฺพุโตติ นิตฺตโณฺห, ปหีนตโณฺห, กิเลสปรินิพฺพาเนน, ขนฺธปรินิพฺพาเนน จ ปรินิพฺพุโต โหติฯ

    Gāthāsu samāhitoti upacārappanābhedena samādhinā samāhito. Tena samathabhāvanānuyogaṃ dasseti. Sampajānoti sātthakasampajaññādinā catubbidhena sampajaññena sampajāno. Tena vipassanānuyogaṃ dasseti. Satoti satokārī. Tena samathavipassanānayena dhammā bhāvanāpāripūriṃ gacchanti. Tena samannāgatattaṃ dasseti. Vedanā ca pajānātīti ‘‘imā vedanā, ettakā vedanā’’ti sabhāvato vibhāgato ‘‘aniccā dukkhā vipariṇāmadhammā’’ti aniccādilakkhaṇato ca pubbabhāge tīhi pariññāhi parijānanto vipassanaṃ vaḍḍhetvā ariyamaggena pariññāpaṭivedhena pajānāti. Vedanānañca sambhavanti samudayasaccaṃ. Yattha cetā nirujjhantīti ettāvatā vedanā yattha nirujjhanti, taṃ nirodhasaccaṃ. Khayagāminanti vedanānaṃ khayagāminaṃ ariyamaggañca pajānātīti sambandho. Vedanānaṃkhayāti evaṃ cattāri saccāni paṭivijjhantena ariyamaggena vedanānaṃ anuppādanirodhā. Nicchāto parinibbutoti nittaṇho, pahīnataṇho, kilesaparinibbānena, khandhaparinibbānena ca parinibbuto hoti.

    ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tatiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๓. ปฐมเวทนาสุตฺตํ • 3. Paṭhamavedanāsuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact