Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๒. วิหารวโคฺค
2. Vihāravaggo
๑. ปฐมวิหารสุตฺตวณฺณนา
1. Paṭhamavihārasuttavaṇṇanā
๑๑. อฑฺฒมาสนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํฯ ปฎิสลฺลียิตุนฺติ ยถาวุตฺตํ กาลํ ปฎิ ทิวเส ทิวเส สมาปตฺติยํ ธมฺมจินฺตายํ จิตฺตํ นิลียิตุํฯ วิเนตโพฺพติ สมุเจฺฉทวินเยน วิเนตโพฺพ อริยมคฺคาธิคนฺตโพฺพฯ ตนฺติ ทิฎฺฐานุคติอาปชฺชนํฯ อสฺสาติ ชนตายฯ อปคจฺฉตีติ สตฺถุ สนฺติกโต อเปติฯ สูติ นิปาตมตฺตํฯ
11.Aḍḍhamāsanti accantasaṃyoge upayogavacanaṃ. Paṭisallīyitunti yathāvuttaṃ kālaṃ paṭi divase divase samāpattiyaṃ dhammacintāyaṃ cittaṃ nilīyituṃ. Vinetabboti samucchedavinayena vinetabbo ariyamaggādhigantabbo. Tanti diṭṭhānugatiāpajjanaṃ. Assāti janatāya. Apagacchatīti satthu santikato apeti. Sūti nipātamattaṃ.
ปเทเสนาติ เอกเทเสนฯ สห ปเทเสนาติ สปเทโสฯ สฺวายํ สปเทโส ยสฺมา เวทนาวเสเนว ปาฬิยํ อาคโต, ตสฺมา ปรมตฺถธมฺมโกฎฺฐาเส เวทนา อนวเสสโต ลพฺภติ, เต คณฺหโนฺต ‘‘ขนฺธปเทโส’’ติอาทิมาหฯ ตํ สพฺพนฺติ ขนฺธปเทสาทิกํ สพฺพมฺปิฯ ‘‘สมฺมสโนฺต’’ติ ปทสฺส อตฺถทสฺสนวเสน ‘‘ปจฺจเวกฺขโนฺต’’ติ อาหฯ ปจฺจเวกฺขณา อิธ สมฺมสนํ นาม, น วิปสฺสนาฯ วิปสฺสนาสมฺมสนํ ปน ภควโต วิสาขปุณฺณมายํ เอว นิปฺผนฺนํ, ตสฺมา ภควโต อญฺญภูมิกาปิ เวทนา อญฺญภูมิกานํ สตฺตานํ วิรุทฺธา อุปฺปชฺชเตวาติ วุตฺตํ ‘‘ยาว ภวคฺคา ปวตฺตา สุขา เวทนา’’ติฯ สพฺพากาเรนาติ สรูปโต สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทาทิโตติ สพฺพากาเรนฯ ปริคฺคณฺหโนฺต อุปปริกฺขโนฺตฯ
Padesenāti ekadesena. Saha padesenāti sapadeso. Svāyaṃ sapadeso yasmā vedanāvaseneva pāḷiyaṃ āgato, tasmā paramatthadhammakoṭṭhāse vedanā anavasesato labbhati, te gaṇhanto ‘‘khandhapadeso’’tiādimāha. Taṃ sabbanti khandhapadesādikaṃ sabbampi. ‘‘Sammasanto’’ti padassa atthadassanavasena ‘‘paccavekkhanto’’ti āha. Paccavekkhaṇā idha sammasanaṃ nāma, na vipassanā. Vipassanāsammasanaṃ pana bhagavato visākhapuṇṇamāyaṃ eva nipphannaṃ, tasmā bhagavato aññabhūmikāpi vedanā aññabhūmikānaṃ sattānaṃ viruddhā uppajjatevāti vuttaṃ ‘‘yāva bhavaggā pavattā sukhā vedanā’’ti. Sabbākārenāti sarūpato samudayato atthaṅgamato assādāditoti sabbākārena. Pariggaṇhanto upaparikkhanto.
นิปฺปเทสาเนว อนวเสสาเนวฯ อินฺทฺริยสติปฎฺฐานปเทโส สุวิเญฺญโยฺยติ อนุทฺธโตฯ อสฺสาติ ภควโตฯ ฐาเนติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพสงฺขาเต โอกาเสฯ สา สา จ วิหารสมาปตฺตีติ ขนฺธวเสน อายตนาทิวเสน จ ปวตฺติตฺวา เตสํ เอกเทสภูตํ เวทนํเยว ปริคฺคเหตฺวา ตํ สมฺมสิตฺวา อนุกฺกเมน สมาปนฺนา ฌานสมาปตฺติ ผลสมาปตฺติ จฯ ผลสมาปตฺติ หิ ตถา สมฺมสิตฺวา ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชนวเสน อตฺถโต อภินฺนาปิ อธิฎฺฐานภูตธมฺมเภเทน ภินฺนา วิย วุจฺจติ, ยโต จตุวีสติโกฎิสตสหสฺสเภทา เทวสิกํ วฬญฺชนสมาปตฺติโย อฎฺฐกถายํ วุตฺตาฯ กามํ อญฺญธมฺมวเสนปิ ชาตา เอว, เวทนาวเสน ปเนตฺถ อภินิเวโส กโต เวทนานุภาเวน ชาตาฯ กสฺมา เอวํ ชาตาติ? พุทฺธานํ ญาณปทสฺส อนฺตรวิภาคตฺตาฯ ตถา หิ ภควา สกลมฺปิ อฑฺฒมาสํ เวทนาวเสเนว สมฺมสนํ ปวเตฺตติ, ตทนุสาเรน จ ตา วิหารสมาปตฺติโย สมาปชฺชิฯ ตยิทํ อจฺฉริยํ อนญฺญสาธารณํ ภิกฺขู ปเวเทโนฺต สตฺถา – ‘‘เยน สฺวาห’’นฺติอาทิมโวจฯ
Nippadesāneva anavasesāneva. Indriyasatipaṭṭhānapadeso suviññeyyoti anuddhato. Assāti bhagavato. Ṭhāneti tasmiṃ tasmiṃ paccavekkhitabbasaṅkhāte okāse. Sā sā ca vihārasamāpattīti khandhavasena āyatanādivasena ca pavattitvā tesaṃ ekadesabhūtaṃ vedanaṃyeva pariggahetvā taṃ sammasitvā anukkamena samāpannā jhānasamāpatti phalasamāpatti ca. Phalasamāpatti hi tathā sammasitvā punappunaṃ samāpajjanavasena atthato abhinnāpi adhiṭṭhānabhūtadhammabhedena bhinnā viya vuccati, yato catuvīsatikoṭisatasahassabhedā devasikaṃ vaḷañjanasamāpattiyo aṭṭhakathāyaṃ vuttā. Kāmaṃ aññadhammavasenapi jātā eva, vedanāvasena panettha abhiniveso kato vedanānubhāvena jātā. Kasmā evaṃ jātāti? Buddhānaṃ ñāṇapadassa antaravibhāgattā. Tathā hi bhagavā sakalampi aḍḍhamāsaṃ vedanāvaseneva sammasanaṃ pavatteti, tadanusārena ca tā vihārasamāpattiyo samāpajji. Tayidaṃ acchariyaṃ anaññasādhāraṇaṃ bhikkhū pavedento satthā – ‘‘yena svāha’’ntiādimavoca.
อกุสลาวาติ ปาณาติปาต-อทินฺนาทาน-กาเมสุมิจฺฉาจาร-มุสาวาท-ปิสุณวาจาสมฺผปฺปลาป-อภิชฺฌา-พฺยาปาทวเสน ตํตํมิจฺฉาทสฺสนวเสน จ อกุสลา เวทนา เอว โหติฯ พฺรหฺมโลกาทีสุ อุปฺปชฺชิตฺวา ตตฺถ นิจฺจา ธุวา ภวิสฺสามาติ เอวํ ทิฎฺฐิํ อุปนิสฺสายาติ โยเชตพฺพํฯ เทวกุลาทีสุ เทวปูชตฺถํ, สพฺพชนปริโภคตฺถํ วา มาลาวจฺฉํ โรเปนฺติฯ วธพนฺธนาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน อทินฺนาทาน-มิจฺฉาจาร-มุสาวาท-ปิสุณวาจา-สมฺผปฺปลาปาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ทิฎฺฐธมฺมวิปากสฺส อปจุรตฺตา อปากฎตฺตา จ ‘‘ภวนฺตรคตาน’’นฺติ วุตฺตํฯ
Akusalāvāti pāṇātipāta-adinnādāna-kāmesumicchācāra-musāvāda-pisuṇavācāsamphappalāpa-abhijjhā-byāpādavasena taṃtaṃmicchādassanavasena ca akusalā vedanā eva hoti. Brahmalokādīsu uppajjitvā tattha niccā dhuvā bhavissāmāti evaṃ diṭṭhiṃ upanissāyāti yojetabbaṃ. Devakulādīsu devapūjatthaṃ, sabbajanaparibhogatthaṃ vā mālāvacchaṃ ropenti. Vadhabandhanādīnīti ādi-saddena adinnādāna-micchācāra-musāvāda-pisuṇavācā-samphappalāpādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Diṭṭhadhammavipākassa apacurattā apākaṭattā ca ‘‘bhavantaragatāna’’nti vuttaṃ.
อิติ เนสนฺติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ, ปการโตฺถ วาฯ เตน ยถา ผรุสวาจาวเสน, เอวํ ตทเญฺญสมฺปิ อกุสลกมฺมานํ วเสน สมฺมาทิฎฺฐิปจฺจยา อกุสลเวทนาปฺปวตฺติ ยถารหํ นีหริตฺวา วตฺตพฺพาฯ เอเสว นโยติ อิมินา ยถา มิจฺฉาทิฎฺฐิปจฺจยา สมฺมาทิฎฺฐิปจฺจยา จ กุสลากุสลวิปากเวทนา สหชาตโกฎิยา อุปนิสฺสยโกฎิยา จ วเสน ยถารหํ โยเชตฺวา ทสฺสิตา, เอวํ มิจฺฉาสงฺกปฺปปจฺจยาทีสุปิ ยถารหํ โยเชตฺวา ทเสฺสตพฺพาติ อิมมตฺถํ อติทิสติฯ ฉนฺทปจฺจยาติ เอตฺถ ตณฺหาฉนฺทสหิโต กตฺตุกามตาฉโนฺท อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘ฉนฺทปจฺจยาติอาทีสุ ปน ฉนฺทปจฺจยา อฎฺฐโลภสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตา เวทนา เวทิตพฺพา’’ติฯ วิตกฺกปจฺจยาติ เอตฺถ อปฺปนาปฺปโตฺตว วิตโกฺก อธิเปฺปโตติ วุตฺตํ ‘‘วิตกฺกปจฺจยา ปฐมชฺฌานเวทนาวา’’ติฯ วิตกฺกปจฺจยา ปฐมชฺฌานเวทนาย คหิตตฺตา ‘‘ฐเปตฺวา ปฐมชฺฌาน’’นฺติฯ อุปริ ติโสฺส รูปาวจรา, เหฎฺฐา ติโสฺส อรูปาวจรา เอวํ เสสา ฉ สญฺญาสมาปตฺติเวทนาฯ
Iti nesanti ettha iti-saddo ādiattho, pakārattho vā. Tena yathā pharusavācāvasena, evaṃ tadaññesampi akusalakammānaṃ vasena sammādiṭṭhipaccayā akusalavedanāppavatti yathārahaṃ nīharitvā vattabbā. Eseva nayoti iminā yathā micchādiṭṭhipaccayā sammādiṭṭhipaccayā ca kusalākusalavipākavedanā sahajātakoṭiyā upanissayakoṭiyā ca vasena yathārahaṃ yojetvā dassitā, evaṃ micchāsaṅkappapaccayādīsupi yathārahaṃ yojetvā dassetabbāti imamatthaṃ atidisati. Chandapaccayāti ettha taṇhāchandasahito kattukāmatāchando adhippetoti āha ‘‘chandapaccayātiādīsu pana chandapaccayā aṭṭhalobhasahagatacittasampayuttā vedanā veditabbā’’ti. Vitakkapaccayāti ettha appanāppattova vitakko adhippetoti vuttaṃ ‘‘vitakkapaccayā paṭhamajjhānavedanāvā’’ti. Vitakkapaccayā paṭhamajjhānavedanāya gahitattā ‘‘ṭhapetvā paṭhamajjhāna’’nti. Upari tisso rūpāvacarā, heṭṭhā tisso arūpāvacarā evaṃ sesā cha saññāsamāpattivedanā.
ติณฺณนฺติ ฉนฺทวิตกฺกสญฺญานํฯ อวูปสเมติ ปฎิปเกฺขน อวูปสมิเตฯ ติณฺณญฺหิ เตสํ สหภาเวน ปจฺจยตา อฎฺฐโลภสหคตจิเตฺตสุ เอวฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ ตํ วุตฺตเมวฯ ฉนฺทมตฺตสฺสาติ เตสุ ตีสุ ฉนฺทมตฺตสฺสฯ วูปสเม ปฐมชฺฌานเวทนาว อปฺปนาปฺปตฺตสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ ฉนฺทวิตกฺกานํ วูปสเม ทุติยชฺฌานาทิเวทนา อธิเปฺปตา สญฺญาย อวูปสนฺตตฺตาฯ ทุติยชฺฌานาทิเวทนาคหเณน หิ สพฺพา สญฺญาสมาปตฺติโย จ คหิตาว โหนฺติฯ ติณฺณมฺปิ วูปสเมติ ฉนฺทวิตกฺกสญฺญานํ วูปสเม เนวสญฺญานาสญฺญายตนเวทนา อธิเปฺปตาฯ ภวคฺคปฺปตฺตสญฺญา หิ วูปสมนฺติ ฉนฺทสงฺกปฺปานํ อจฺจนฺตสุขุมภาวปฺปตฺติยาฯ เหฎฺฐา ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิปจฺจยา’’ติ เอตฺถ สมฺมาทิฎฺฐิคฺคหเณน เหฎฺฐิมมคฺคสมฺมาทิฎฺฐิปิ คหิตาว โหตีติ อาห – ‘‘อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยาติ อรหตฺตผลสฺส ปตฺตตฺถายา’’ติฯ อถ วา เหฎฺฐิมมคฺคาธิคเมน วินา อคฺคมโคฺค นตฺถีติ เหฎฺฐิมมคฺคาธิคมํ อตฺถาปนฺนํ กตฺวา ‘‘อรหตฺตผลสฺส ปตฺตตฺถายา’’ติ วุตฺตํฯ อายเมติ ผเลน มิสฺสิโต โหติ เอเตนาติ อายาโม, สมฺมาวายาโมติ อาห ‘‘อตฺถิ อายามนฺติ อตฺถิ วีริย’’นฺติฯ ตสฺส วีริยารมฺภสฺสาติ อญฺญาธิคมการณสฺส สมฺมาวายามสฺส วเสนฯ ปาฬิยํ ฐาน-สโทฺท การณปริยาโยติ อาห – ‘‘อรหตฺตผลสฺส การเณ’’ติฯ ตปฺปจฺจยาติ เอตฺถ ตํ-สเทฺทน ‘‘ฐาเน’’ติ วุตฺตการณเมว ปจฺจามฎฺฐนฺติ อาห – ‘‘อรหตฺตสฺส ฐานปจฺจยา’’ติฯ จตุมคฺคสหชาตาติ เอเตน ‘‘อรหตฺตผลสฺส ปตฺตตฺถายา’’ติ เอตฺถ เหฎฺฐิมมคฺคานํ อตฺถาปตฺติวเสน คหิตภาวเมว โชเตติฯ เกจิ ปน ‘‘จตุมคฺคสหชาตาติ วตฺวา นิพฺพตฺติตโลกุตฺตรเวทนาติ ภูตกถนํ วิเสสนํฯ นิพฺพตฺติตโลกุตฺตรเวทนาติ ปฐมํ อเปกฺขิตพฺพํ, ปจฺฉา จตุมคฺคสหชาตา’’ติ วทนฺติฯ
Tiṇṇanti chandavitakkasaññānaṃ. Avūpasameti paṭipakkhena avūpasamite. Tiṇṇañhi tesaṃ sahabhāvena paccayatā aṭṭhalobhasahagatacittesu eva. Tattha yaṃ vattabbaṃ taṃ vuttameva. Chandamattassāti tesu tīsu chandamattassa. Vūpasame paṭhamajjhānavedanāva appanāppattassa adhippetattā. Chandavitakkānaṃ vūpasame dutiyajjhānādivedanā adhippetā saññāya avūpasantattā. Dutiyajjhānādivedanāgahaṇena hi sabbā saññāsamāpattiyo ca gahitāva honti. Tiṇṇampi vūpasameti chandavitakkasaññānaṃ vūpasame nevasaññānāsaññāyatanavedanā adhippetā. Bhavaggappattasaññā hi vūpasamanti chandasaṅkappānaṃ accantasukhumabhāvappattiyā. Heṭṭhā ‘‘sammādiṭṭhipaccayā’’ti ettha sammādiṭṭhiggahaṇena heṭṭhimamaggasammādiṭṭhipi gahitāva hotīti āha – ‘‘appattassa pattiyāti arahattaphalassa pattatthāyā’’ti. Atha vā heṭṭhimamaggādhigamena vinā aggamaggo natthīti heṭṭhimamaggādhigamaṃ atthāpannaṃ katvā ‘‘arahattaphalassa pattatthāyā’’ti vuttaṃ. Āyameti phalena missito hoti etenāti āyāmo, sammāvāyāmoti āha ‘‘atthi āyāmanti atthi vīriya’’nti. Tassa vīriyārambhassāti aññādhigamakāraṇassa sammāvāyāmassa vasena. Pāḷiyaṃ ṭhāna-saddo kāraṇapariyāyoti āha – ‘‘arahattaphalassa kāraṇe’’ti. Tappaccayāti ettha taṃ-saddena ‘‘ṭhāne’’ti vuttakāraṇameva paccāmaṭṭhanti āha – ‘‘arahattassa ṭhānapaccayā’’ti. Catumaggasahajātāti etena ‘‘arahattaphalassa pattatthāyā’’ti ettha heṭṭhimamaggānaṃ atthāpattivasena gahitabhāvameva joteti. Keci pana ‘‘catumaggasahajātāti vatvā nibbattitalokuttaravedanāti bhūtakathanaṃ visesanaṃ. Nibbattitalokuttaravedanāti paṭhamaṃ apekkhitabbaṃ, pacchā catumaggasahajātā’’ti vadanti.
ปฐมวิหารสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamavihārasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. ปฐมวิหารสุตฺตํ • 1. Paṭhamavihārasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. ปฐมวิหารสุตฺตวณฺณนา • 1. Paṭhamavihārasuttavaṇṇanā