Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๕. ปฐมโยธาชีวสุตฺตํ
5. Paṭhamayodhājīvasuttaṃ
๗๕. ‘‘ปญฺจิเม , ภิกฺขเว, โยธาชีวา สโนฺต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิํฯ กตเม ปญฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ โยธาชีโว รชคฺคเญฺญว ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ น สนฺถมฺภติ น สโกฺกติ สงฺคามํ โอตริตุํฯ เอวรูโปปิ 1, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ 2 โยธาชีโว โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ปฐโม โยธาชีโว สโนฺต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมิํฯ
75. ‘‘Pañcime , bhikkhave, yodhājīvā santo saṃvijjamānā lokasmiṃ. Katame pañca? Idha, bhikkhave, ekacco yodhājīvo rajaggaññeva disvā saṃsīdati visīdati na santhambhati na sakkoti saṅgāmaṃ otarituṃ. Evarūpopi 3, bhikkhave, idhekacco 4 yodhājīvo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, paṭhamo yodhājīvo santo saṃvijjamāno lokasmiṃ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ โยธาชีโว สหติ รชคฺคํ; อปิ จ โข ธชคฺคเญฺญว ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สโกฺกติ สงฺคามํ โอตริตุํฯ เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ โยธาชีโว โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย โยธาชีโว สโนฺต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมิํฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, idhekacco yodhājīvo sahati rajaggaṃ; api ca kho dhajaggaññeva disvā saṃsīdati visīdati, na santhambhati, na sakkoti saṅgāmaṃ otarituṃ. Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco yodhājīvo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, dutiyo yodhājīvo santo saṃvijjamāno lokasmiṃ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ โยธาชีโว สหติ รชคฺคํ สหติ ธชคฺคํ; อปิ จ โข อุสฺสารณเญฺญว 5 สุตฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สโกฺกติ สงฺคามํ โอตริตุํฯ เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ โยธาชีโว โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย โยธาชีโว สโนฺต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมิํฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, idhekacco yodhājīvo sahati rajaggaṃ sahati dhajaggaṃ; api ca kho ussāraṇaññeva 6 sutvā saṃsīdati visīdati, na santhambhati, na sakkoti saṅgāmaṃ otarituṃ. Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco yodhājīvo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, tatiyo yodhājīvo santo saṃvijjamāno lokasmiṃ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ โยธาชีโว สหติ รชคฺคํ, สหติ ธชคฺคํ, สหติ อุสฺสารณํ; อปิ จ โข สมฺปหาเร หญฺญติ 7 พฺยาปชฺชติฯ เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ โยธาชีโว โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, จตุโตฺถ โยธาชีโว สโนฺต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมิํฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, idhekacco yodhājīvo sahati rajaggaṃ, sahati dhajaggaṃ, sahati ussāraṇaṃ; api ca kho sampahāre haññati 8 byāpajjati. Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco yodhājīvo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, catuttho yodhājīvo santo saṃvijjamāno lokasmiṃ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ โยธาชีโว สหติ รชคฺคํ, สหติ ธชคฺคํ, สหติ อุสฺสารณํ, สหติ สมฺปหารํฯ โส ตํ สงฺคามํ อภิวิชินิตฺวา วิชิตสงฺคาโม ตเมว สงฺคามสีสํ อชฺฌาวสติฯ เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ โยธาชีโว โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ปญฺจโม โยธาชีโว สโนฺต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมิํฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, ปญฺจ โยธาชีวา สโนฺต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิํฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, idhekacco yodhājīvo sahati rajaggaṃ, sahati dhajaggaṃ, sahati ussāraṇaṃ, sahati sampahāraṃ. So taṃ saṅgāmaṃ abhivijinitvā vijitasaṅgāmo tameva saṅgāmasīsaṃ ajjhāvasati. Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco yodhājīvo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, pañcamo yodhājīvo santo saṃvijjamāno lokasmiṃ. Ime kho, bhikkhave, pañca yodhājīvā santo saṃvijjamānā lokasmiṃ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจิเม โยธาชีวูปมา ปุคฺคลา สโนฺต สํวิชฺชมานา ภิกฺขูสุ ฯ กตเม ปญฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ รชคฺคเญฺญว ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สโกฺกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ 9ฯ สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ กิมสฺส รชคฺคสฺมิํ? อิธ, ภิกฺขเว , ภิกฺขุ สุณาติ – ‘อมุกสฺมิํ นาม คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา กุมารี วา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา’ติฯ โส ตํ สุตฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สโกฺกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํฯ สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ อิทมสฺส รชคฺคสฺมิํฯ
‘‘Evamevaṃ kho, bhikkhave, pañcime yodhājīvūpamā puggalā santo saṃvijjamānā bhikkhūsu . Katame pañca? Idha, bhikkhave, bhikkhu rajaggaññeva disvā saṃsīdati visīdati, na santhambhati, na sakkoti brahmacariyaṃ sandhāretuṃ 10. Sikkhādubbalyaṃ āvikatvā sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Kimassa rajaggasmiṃ? Idha, bhikkhave , bhikkhu suṇāti – ‘amukasmiṃ nāma gāme vā nigame vā itthī vā kumārī vā abhirūpā dassanīyā pāsādikā paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgatā’ti. So taṃ sutvā saṃsīdati visīdati, na santhambhati, na sakkoti brahmacariyaṃ sandhāretuṃ. Sikkhādubbalyaṃ āvikatvā sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Idamassa rajaggasmiṃ.
‘‘เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โยธาชีโว รชคฺคเญฺญว ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สโกฺกติ สงฺคามํ โอตริตุํ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิฯ เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ปฐโม โยธาชีวูปโม ปุคฺคโล สโนฺต สํวิชฺชมาโน ภิกฺขูสุฯ
‘‘Seyyathāpi so, bhikkhave, yodhājīvo rajaggaññeva disvā saṃsīdati visīdati, na santhambhati, na sakkoti saṅgāmaṃ otarituṃ; tathūpamāhaṃ, bhikkhave, imaṃ puggalaṃ vadāmi. Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco puggalo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, paṭhamo yodhājīvūpamo puggalo santo saṃvijjamāno bhikkhūsu.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สหติ รชคฺคํ; อปิ จ โข ธชคฺคเญฺญว ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สโกฺกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํฯ สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ กิมสฺส ธชคฺคสฺมิํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น เหว โข สุณาติ – ‘อมุกสฺมิํ นาม คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา กุมารี วา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา’ติ; อปิ จ โข สามํ ปสฺสติ อิตฺถิํ วา กุมาริํ วา อภิรูปํ ทสฺสนียํ ปาสาทิกํ ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตํฯ โส ตํ ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สโกฺกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํฯ สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ อิทมสฺส ธชคฺคสฺมิํฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu sahati rajaggaṃ; api ca kho dhajaggaññeva disvā saṃsīdati visīdati, na santhambhati, na sakkoti brahmacariyaṃ sandhāretuṃ. Sikkhādubbalyaṃ āvikatvā sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Kimassa dhajaggasmiṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu na heva kho suṇāti – ‘amukasmiṃ nāma gāme vā nigame vā itthī vā kumārī vā abhirūpā dassanīyā pāsādikā paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgatā’ti; api ca kho sāmaṃ passati itthiṃ vā kumāriṃ vā abhirūpaṃ dassanīyaṃ pāsādikaṃ paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgataṃ. So taṃ disvā saṃsīdati visīdati, na santhambhati, na sakkoti brahmacariyaṃ sandhāretuṃ. Sikkhādubbalyaṃ āvikatvā sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Idamassa dhajaggasmiṃ.
‘‘เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โยธาชีโว สหติ รชคฺคํ; อปิ จ โข ธชคฺคเญฺญว ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สโกฺกติ สงฺคามํ โอตริตุํ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิฯ เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย โยธาชีวูปโม ปุคฺคโล สโนฺต สํวิชฺชมาโน ภิกฺขูสุฯ
‘‘Seyyathāpi so, bhikkhave, yodhājīvo sahati rajaggaṃ; api ca kho dhajaggaññeva disvā saṃsīdati visīdati, na santhambhati, na sakkoti saṅgāmaṃ otarituṃ; tathūpamāhaṃ, bhikkhave, imaṃ puggalaṃ vadāmi. Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco puggalo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, dutiyo yodhājīvūpamo puggalo santo saṃvijjamāno bhikkhūsu.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สหติ รชคฺคํ, สหติ ธชคฺคํ; อปิ จ โข อุสฺสารณเญฺญว สุตฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สโกฺกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํฯ สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ กิมสฺส อุสฺสารณาย? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ อรญฺญคตํ วา รุกฺขมูลคตํ วา สุญฺญาคารคตํ วา มาตุคาโม อุปสงฺกมิตฺวา อูหสติ 11 อุลฺลปติ อุชฺชคฺฆติ อุปฺปเณฺฑติฯ โส มาตุคาเมน อูหสิยมาโน อุลฺลปิยมาโน อุชฺชคฺฆิยมาโน อุปฺปณฺฑิยมาโน สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สโกฺกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํฯ สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ อิทมสฺส อุสฺสารณายฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu sahati rajaggaṃ, sahati dhajaggaṃ; api ca kho ussāraṇaññeva sutvā saṃsīdati visīdati, na santhambhati, na sakkoti brahmacariyaṃ sandhāretuṃ. Sikkhādubbalyaṃ āvikatvā sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Kimassa ussāraṇāya? Idha, bhikkhave, bhikkhuṃ araññagataṃ vā rukkhamūlagataṃ vā suññāgāragataṃ vā mātugāmo upasaṅkamitvā ūhasati 12 ullapati ujjagghati uppaṇḍeti. So mātugāmena ūhasiyamāno ullapiyamāno ujjagghiyamāno uppaṇḍiyamāno saṃsīdati visīdati, na santhambhati, na sakkoti brahmacariyaṃ sandhāretuṃ. Sikkhādubbalyaṃ āvikatvā sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Idamassa ussāraṇāya.
‘‘เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โยธาชีโว สหติ รชคฺคํ, สหติ ธชคฺคํ; อปิ จ โข อุสฺสารณเญฺญว สุตฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สโกฺกติ สงฺคามํ โอตริตุํ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิฯ เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย โยธาชีวูปโม ปุคฺคโล สโนฺต สํวิชฺชมาโน ภิกฺขูสุฯ
‘‘Seyyathāpi so, bhikkhave, yodhājīvo sahati rajaggaṃ, sahati dhajaggaṃ; api ca kho ussāraṇaññeva sutvā saṃsīdati visīdati, na santhambhati, na sakkoti saṅgāmaṃ otarituṃ; tathūpamāhaṃ, bhikkhave, imaṃ puggalaṃ vadāmi. Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco puggalo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, tatiyo yodhājīvūpamo puggalo santo saṃvijjamāno bhikkhūsu.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สหติ รชคฺคํ, สหติ ธชคฺคํ, สหติ อุสฺสารณํ; อปิ จ โข สมฺปหาเร หญฺญติ พฺยาปชฺชติฯ กิมสฺส สมฺปหารสฺมิํ ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ อรญฺญคตํ วา รุกฺขมูลคตํ วา สุญฺญาคารคตํ วา มาตุคาโม อุปสงฺกมิตฺวา อภินิสีทติ อภินิปชฺชติ อโชฺฌตฺถรติฯ โส มาตุคาเมน อภินิสีทิยมาโน อภินิปชฺชิยมาโน อโชฺฌตฺถริยมาโน สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวติฯ อิทมสฺส สมฺปหารสฺมิํฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu sahati rajaggaṃ, sahati dhajaggaṃ, sahati ussāraṇaṃ; api ca kho sampahāre haññati byāpajjati. Kimassa sampahārasmiṃ ? Idha, bhikkhave, bhikkhuṃ araññagataṃ vā rukkhamūlagataṃ vā suññāgāragataṃ vā mātugāmo upasaṅkamitvā abhinisīdati abhinipajjati ajjhottharati. So mātugāmena abhinisīdiyamāno abhinipajjiyamāno ajjhotthariyamāno sikkhaṃ apaccakkhāya dubbalyaṃ anāvikatvā methunaṃ dhammaṃ paṭisevati. Idamassa sampahārasmiṃ.
‘‘เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โยธาชีโว สหติ รชคฺคํ, สหติ ธชคฺคํ, สหติ อุสฺสารณํ, อปิ จ โข สมฺปหาเร หญฺญติ พฺยาปชฺชติ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิฯ เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, จตุโตฺถ โยธาชีวูปโม ปุคฺคโล สโนฺต สํวิชฺชมาโน ภิกฺขูสุฯ
‘‘Seyyathāpi so, bhikkhave, yodhājīvo sahati rajaggaṃ, sahati dhajaggaṃ, sahati ussāraṇaṃ, api ca kho sampahāre haññati byāpajjati; tathūpamāhaṃ, bhikkhave, imaṃ puggalaṃ vadāmi. Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco puggalo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, catuttho yodhājīvūpamo puggalo santo saṃvijjamāno bhikkhūsu.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สหติ รชคฺคํ, สหติ ธชคฺคํ, สหติ อุสฺสารณํ, สหติ สมฺปหารํ, โส ตํ สงฺคามํ อภิวิชินิตฺวา วิชิตสงฺคาโม ตเมว สงฺคามสีสํ อชฺฌาวสติ ฯ กิมสฺส สงฺคามวิชยสฺมิํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรญฺญคตํ วา รุกฺขมูลคตํ วา สุญฺญาคารคตํ วา มาตุคาโม อุปสงฺกมิตฺวา อภินิสีทติ อภินิปชฺชติ อโชฺฌตฺถรติฯ โส มาตุคาเมน อภินิสีทิยมาโน อภินิปชฺชิยมาโน อโชฺฌตฺถริยมาโน วินิเวเฐตฺวา วินิโมเจตฺวา เยน กามํ ปกฺกมติฯ โส วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรญฺญํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อโพฺภกาสํ ปลาลปุญฺชํฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu sahati rajaggaṃ, sahati dhajaggaṃ, sahati ussāraṇaṃ, sahati sampahāraṃ, so taṃ saṅgāmaṃ abhivijinitvā vijitasaṅgāmo tameva saṅgāmasīsaṃ ajjhāvasati . Kimassa saṅgāmavijayasmiṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu araññagataṃ vā rukkhamūlagataṃ vā suññāgāragataṃ vā mātugāmo upasaṅkamitvā abhinisīdati abhinipajjati ajjhottharati. So mātugāmena abhinisīdiyamāno abhinipajjiyamāno ajjhotthariyamāno viniveṭhetvā vinimocetvā yena kāmaṃ pakkamati. So vivittaṃ senāsanaṃ bhajati araññaṃ rukkhamūlaṃ pabbataṃ kandaraṃ giriguhaṃ susānaṃ vanapatthaṃ abbhokāsaṃ palālapuñjaṃ.
‘‘โส อรญฺญคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุญฺญาคารคโต วา นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวา ฯ โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิเชฺฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติ; พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิโตฺต วิหรติ, สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติ; ถินมิทฺธํ ปหาย วิคตถินมิโทฺธ วิหรติ อาโลกสญฺญี สโต สมฺปชาโน, ถินมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติ; อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิโตฺต, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติ; วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิโจฺฉ วิหรติ อกถํกถี กุสเลสุ ธเมฺมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธติฯ โส อิเม ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต สมฺปชาโน, สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทติ ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ
‘‘So araññagato vā rukkhamūlagato vā suññāgāragato vā nisīdati pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā . So abhijjhaṃ loke pahāya vigatābhijjhena cetasā viharati, abhijjhāya cittaṃ parisodheti; byāpādapadosaṃ pahāya abyāpannacitto viharati, sabbapāṇabhūtahitānukampī byāpādapadosā cittaṃ parisodheti; thinamiddhaṃ pahāya vigatathinamiddho viharati ālokasaññī sato sampajāno, thinamiddhā cittaṃ parisodheti; uddhaccakukkuccaṃ pahāya anuddhato viharati ajjhattaṃ vūpasantacitto, uddhaccakukkuccā cittaṃ parisodheti; vicikicchaṃ pahāya tiṇṇavicikiccho viharati akathaṃkathī kusalesu dhammesu, vicikicchāya cittaṃ parisodheti. So ime pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe vivicceva kāmehi…pe… pītiyā ca virāgā upekkhako ca viharati sato sampajāno, sukhañca kāyena paṭisaṃvedeti yaṃ taṃ ariyā ācikkhanti – ‘upekkhako satimā sukhavihārī’ti tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā, pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปเตฺต อาสวานํ ขยญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติฯ โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, วิมุตฺตสฺมิํ วิมุตฺตมิติ ญาณํ โหติฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติฯ อิทมสฺส สงฺคามวิชยสฺมิํฯ
‘‘So evaṃ samāhite citte parisuddhe pariyodāte anaṅgaṇe vigatūpakkilese mudubhūte kammaniye ṭhite āneñjappatte āsavānaṃ khayañāṇāya cittaṃ abhininnāmeti. So ‘idaṃ dukkha’nti yathābhūtaṃ pajānāti, ‘ayaṃ dukkhasamudayo’ti yathābhūtaṃ pajānāti, ‘ayaṃ dukkhanirodho’ti yathābhūtaṃ pajānāti, ‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’ti yathābhūtaṃ pajānāti, ‘ime āsavā’ti yathābhūtaṃ pajānāti, ‘ayaṃ āsavasamudayo’ti yathābhūtaṃ pajānāti, ‘ayaṃ āsavanirodho’ti yathābhūtaṃ pajānāti, ‘ayaṃ āsavanirodhagāminī paṭipadā’ti yathābhūtaṃ pajānāti. Tassa evaṃ jānato evaṃ passato kāmāsavāpi cittaṃ vimuccati, bhavāsavāpi cittaṃ vimuccati, avijjāsavāpi cittaṃ vimuccati, vimuttasmiṃ vimuttamiti ñāṇaṃ hoti. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti pajānāti. Idamassa saṅgāmavijayasmiṃ.
‘‘เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โยธาชีโว สหติ รชคฺคํ, สหติ ธชคฺคํ, สหติ อุสฺสารณํ, สหติ สมฺปหารํ, โส ตํ สงฺคามํ อภิวิชินิตฺวา วิชิตสงฺคาโม ตเมว สงฺคามสีสํ อชฺฌาวสติ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิฯ เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ปญฺจโม โยธาชีวูปโม ปุคฺคโล สโนฺต สํวิชฺชมาโน ภิกฺขูสุฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, ปญฺจ โยธาชีวูปมา ปุคฺคลา สโนฺต สํวิชฺชมานา ภิกฺขูสู’’ติฯ ปญฺจมํฯ
‘‘Seyyathāpi so, bhikkhave, yodhājīvo sahati rajaggaṃ, sahati dhajaggaṃ, sahati ussāraṇaṃ, sahati sampahāraṃ, so taṃ saṅgāmaṃ abhivijinitvā vijitasaṅgāmo tameva saṅgāmasīsaṃ ajjhāvasati; tathūpamāhaṃ, bhikkhave, imaṃ puggalaṃ vadāmi. Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco puggalo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, pañcamo yodhājīvūpamo puggalo santo saṃvijjamāno bhikkhūsu. Ime kho, bhikkhave, pañca yodhājīvūpamā puggalā santo saṃvijjamānā bhikkhūsū’’ti. Pañcamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๕. ปฐมโยธาชีวสุตฺตวณฺณนา • 5. Paṭhamayodhājīvasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๕. ปฐมโยธาชีวสุตฺตวณฺณนา • 5. Paṭhamayodhājīvasuttavaṇṇanā