Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
ทีฆนิกาโย
Dīghanikāyo
ปาถิกวคฺคปาฬิ
Pāthikavaggapāḷi
๑. ปาถิกสุตฺตํ
1. Pāthikasuttaṃ
สุนกฺขตฺตวตฺถุ
Sunakkhattavatthu
๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา มเลฺลสุ วิหรติ อนุปิยํ นาม 1 มลฺลานํ นิคโมฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อนุปิยํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อติปฺปโค โข ตาว อนุปิยายํ 2 ปิณฺฑาย จริตุํฯ ยํนูนาหํ เยน ภคฺควโคตฺตสฺส ปริพฺพาชกสฺส อาราโม, เยน ภคฺควโคโตฺต ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกเมยฺย’’นฺติฯ
1. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā mallesu viharati anupiyaṃ nāma 3 mallānaṃ nigamo. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya anupiyaṃ piṇḍāya pāvisi. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘atippago kho tāva anupiyāyaṃ 4 piṇḍāya carituṃ. Yaṃnūnāhaṃ yena bhaggavagottassa paribbājakassa ārāmo, yena bhaggavagotto paribbājako tenupasaṅkameyya’’nti.
๒. อถ โข ภควา เยน ภคฺควโคตฺตสฺส ปริพฺพาชกสฺส อาราโม, เยน ภคฺควโคโตฺต ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกมิฯ อถ โข ภคฺควโคโตฺต ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอตุ โข, ภเนฺต, ภควาฯ สฺวาคตํ, ภเนฺต, ภควโตฯ จิรสฺสํ โข, ภเนฺต, ภควา อิมํ ปริยายมกาสิ ยทิทํ อิธาคมนายฯ นิสีทตุ, ภเนฺต, ภควา, อิทมาสนํ ปญฺญตฺต’’นฺติฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญเตฺต อาสเนฯ ภคฺควโคโตฺตปิ โข ปริพฺพาชโก อญฺญตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ภคฺควโคโตฺต ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปุริมานิ, ภเนฺต, ทิวสานิ ปุริมตรานิ สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘ปจฺจกฺขาโต ทานิ มยา, ภคฺคว, ภควาฯ น ทานาหํ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส วิหรามี’ติฯ กเจฺจตํ, ภเนฺต, ตเถว, ยถา สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต อวจา’’ติ? ‘‘ตเถว โข เอตํ, ภคฺคว, ยถา สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต อวจ’’ฯ
2. Atha kho bhagavā yena bhaggavagottassa paribbājakassa ārāmo, yena bhaggavagotto paribbājako tenupasaṅkami. Atha kho bhaggavagotto paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘etu kho, bhante, bhagavā. Svāgataṃ, bhante, bhagavato. Cirassaṃ kho, bhante, bhagavā imaṃ pariyāyamakāsi yadidaṃ idhāgamanāya. Nisīdatu, bhante, bhagavā, idamāsanaṃ paññatta’’nti. Nisīdi bhagavā paññatte āsane. Bhaggavagottopi kho paribbājako aññataraṃ nīcaṃ āsanaṃ gahetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho bhaggavagotto paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘purimāni, bhante, divasāni purimatarāni sunakkhatto licchaviputto yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā maṃ etadavoca – ‘paccakkhāto dāni mayā, bhaggava, bhagavā. Na dānāhaṃ bhagavantaṃ uddissa viharāmī’ti. Kaccetaṃ, bhante, tatheva, yathā sunakkhatto licchaviputto avacā’’ti? ‘‘Tatheva kho etaṃ, bhaggava, yathā sunakkhatto licchaviputto avaca’’.
๓. ปุริมานิ, ภคฺคว, ทิวสานิ ปุริมตรานิ สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต มํ เอตทโวจ – ‘ปจฺจกฺขามิ ทานาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํฯ น ทานาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส วิหริสฺสามี’ติฯ ‘เอวํ วุเตฺต, อหํ, ภคฺคว, สุนกฺขตฺตํ ลิจฺฉวิปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘อปิ นุ ตาหํ, สุนกฺขตฺต, เอวํ อวจํ, เอหิ ตฺวํ, สุนกฺขตฺต, มมํ อุทฺทิสฺส วิหราหี’ติ? ‘โน เหตํ, ภเนฺต’ฯ ‘ตฺวํ วา ปน มํ เอวํ อวจ – อหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส วิหริสฺสามี’ติ? ‘โน เหตํ, ภเนฺต’ฯ ‘อิติ กิร, สุนกฺขตฺต, เนวาหํ ตํ วทามิ – เอหิ ตฺวํ, สุนกฺขตฺต, มมํ อุทฺทิสฺส วิหราหีติฯ นปิ กิร มํ ตฺวํ วเทสิ – อหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส วิหริสฺสามีติฯ เอวํ สเนฺต, โมฆปุริส, โก สโนฺต กํ ปจฺจาจิกฺขสิ? ปสฺส, โมฆปุริส, ยาวญฺจ 5 เต อิทํ อปรทฺธ’นฺติฯ
3. Purimāni, bhaggava, divasāni purimatarāni sunakkhatto licchaviputto yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto maṃ etadavoca – ‘paccakkhāmi dānāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ. Na dānāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ uddissa viharissāmī’ti. ‘Evaṃ vutte, ahaṃ, bhaggava, sunakkhattaṃ licchaviputtaṃ etadavocaṃ – ‘api nu tāhaṃ, sunakkhatta, evaṃ avacaṃ, ehi tvaṃ, sunakkhatta, mamaṃ uddissa viharāhī’ti? ‘No hetaṃ, bhante’. ‘Tvaṃ vā pana maṃ evaṃ avaca – ahaṃ, bhante, bhagavantaṃ uddissa viharissāmī’ti? ‘No hetaṃ, bhante’. ‘Iti kira, sunakkhatta, nevāhaṃ taṃ vadāmi – ehi tvaṃ, sunakkhatta, mamaṃ uddissa viharāhīti. Napi kira maṃ tvaṃ vadesi – ahaṃ, bhante, bhagavantaṃ uddissa viharissāmīti. Evaṃ sante, moghapurisa, ko santo kaṃ paccācikkhasi? Passa, moghapurisa, yāvañca 6 te idaṃ aparaddha’nti.
๔. ‘น หิ ปน เม, ภเนฺต, ภควา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กโรตี’ติฯ ‘อปิ นุ ตาหํ, สุนกฺขตฺต, เอวํ อวจํ – เอหิ ตฺวํ, สุนกฺขตฺต, มมํ อุทฺทิสฺส วิหราหิ, อหํ เต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กริสฺสามี’ติ? ‘โน เหตํ, ภเนฺต’ฯ ‘ตฺวํ วา ปน มํ เอวํ อวจ – อหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส วิหริสฺสามิ, ภควา เม อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กริสฺสตี’ติ? ‘โน เหตํ, ภเนฺต’ฯ ‘อิติ กิร, สุนกฺขตฺต, เนวาหํ ตํ วทามิ – เอหิ ตฺวํ, สุนกฺขตฺต, มมํ อุทฺทิสฺส วิหราหิ, อหํ เต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กริสฺสามี’ติ; นปิ กิร มํ ตฺวํ วเทสิ – อหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส วิหริสฺสามิ, ภควา เม อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กริสฺสตี’ติฯ เอวํ สเนฺต, โมฆปุริส , โก สโนฺต กํ ปจฺจาจิกฺขสิ? ตํ กิํ มญฺญสิ, สุนกฺขตฺต, กเต วา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริเย อกเต วา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริเย ยสฺสตฺถาย มยา ธโมฺม เทสิโต โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’ติ? ‘กเต วา, ภเนฺต, อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริเย อกเต วา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริเย ยสฺสตฺถาย ภควตา ธโมฺม เทสิโต โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’ติฯ ‘อิติ กิร, สุนกฺขตฺต, กเต วา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริเย, อกเต วา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริเย, ยสฺสตฺถาย มยา ธโมฺม เทสิโต, โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายฯ ตตฺร, สุนกฺขตฺต, กิํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กตํ กริสฺสติ? ปสฺส, โมฆปุริส, ยาวญฺจ เต อิทํ อปรทฺธ’นฺติฯ
4. ‘Na hi pana me, bhante, bhagavā uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karotī’ti. ‘Api nu tāhaṃ, sunakkhatta, evaṃ avacaṃ – ehi tvaṃ, sunakkhatta, mamaṃ uddissa viharāhi, ahaṃ te uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karissāmī’ti? ‘No hetaṃ, bhante’. ‘Tvaṃ vā pana maṃ evaṃ avaca – ahaṃ, bhante, bhagavantaṃ uddissa viharissāmi, bhagavā me uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karissatī’ti? ‘No hetaṃ, bhante’. ‘Iti kira, sunakkhatta, nevāhaṃ taṃ vadāmi – ehi tvaṃ, sunakkhatta, mamaṃ uddissa viharāhi, ahaṃ te uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karissāmī’ti; napi kira maṃ tvaṃ vadesi – ahaṃ, bhante, bhagavantaṃ uddissa viharissāmi, bhagavā me uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karissatī’ti. Evaṃ sante, moghapurisa , ko santo kaṃ paccācikkhasi? Taṃ kiṃ maññasi, sunakkhatta, kate vā uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriye akate vā uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriye yassatthāya mayā dhammo desito so niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāyā’ti? ‘Kate vā, bhante, uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriye akate vā uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriye yassatthāya bhagavatā dhammo desito so niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāyā’ti. ‘Iti kira, sunakkhatta, kate vā uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriye, akate vā uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriye, yassatthāya mayā dhammo desito, so niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāya. Tatra, sunakkhatta, kiṃ uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ kataṃ karissati? Passa, moghapurisa, yāvañca te idaṃ aparaddha’nti.
๕. ‘น หิ ปน เม, ภเนฺต, ภควา อคฺคญฺญํ ปญฺญเปตี’ติ 7? ‘อปิ นุ ตาหํ, สุนกฺขตฺต, เอวํ อวจํ – เอหิ ตฺวํ, สุนกฺขตฺต, มมํ อุทฺทิสฺส วิหราหิ, อหํ เต อคฺคญฺญํ ปญฺญเปสฺสามี’ติ? ‘โน เหตํ, ภเนฺต’ฯ ‘ตฺวํ วา ปน มํ เอวํ อวจ – อหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส วิหริสฺสามิ, ภควา เม อคฺคญฺญํ ปญฺญเปสฺสตี’ติ? ‘โน เหตํ, ภเนฺต’ฯ ‘อิติ กิร, สุนกฺขตฺต, เนวาหํ ตํ วทามิ – เอหิ ตฺวํ, สุนกฺขตฺต, มมํ อุทฺทิสฺส วิหราหิ, อหํ เต อคฺคญฺญํ ปญฺญเปสฺสามีติฯ นปิ กิร มํ ตฺวํ วเทสิ – อหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส วิหริสฺสามิ, ภควา เม อคฺคญฺญํ ปญฺญเปสฺสตี’ติฯ เอวํ สเนฺต, โมฆปุริส, โก สโนฺต กํ ปจฺจาจิกฺขสิ? ตํ กิํ มญฺญสิ, สุนกฺขตฺต, ปญฺญเตฺต วา อคฺคเญฺญ, อปญฺญเตฺต วา อคฺคเญฺญ, ยสฺสตฺถาย มยา ธโมฺม เทสิโต, โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’ติ? ‘ปญฺญเตฺต วา, ภเนฺต, อคฺคเญฺญ, อปญฺญเตฺต วา อคฺคเญฺญ, ยสฺสตฺถาย ภควตา ธโมฺม เทสิโต, โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’ติฯ ‘อิติ กิร, สุนกฺขตฺต, ปญฺญเตฺต วา อคฺคเญฺญ, อปญฺญเตฺต วา อคฺคเญฺญ, ยสฺสตฺถาย มยา ธโมฺม เทสิโต, โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายฯ ตตฺร, สุนกฺขตฺต, กิํ อคฺคญฺญํ ปญฺญตฺตํ กริสฺสติ? ปสฺส, โมฆปุริส, ยาวญฺจ เต อิทํ อปรทฺธํ’ฯ
5. ‘Na hi pana me, bhante, bhagavā aggaññaṃ paññapetī’ti 8? ‘Api nu tāhaṃ, sunakkhatta, evaṃ avacaṃ – ehi tvaṃ, sunakkhatta, mamaṃ uddissa viharāhi, ahaṃ te aggaññaṃ paññapessāmī’ti? ‘No hetaṃ, bhante’. ‘Tvaṃ vā pana maṃ evaṃ avaca – ahaṃ, bhante, bhagavantaṃ uddissa viharissāmi, bhagavā me aggaññaṃ paññapessatī’ti? ‘No hetaṃ, bhante’. ‘Iti kira, sunakkhatta, nevāhaṃ taṃ vadāmi – ehi tvaṃ, sunakkhatta, mamaṃ uddissa viharāhi, ahaṃ te aggaññaṃ paññapessāmīti. Napi kira maṃ tvaṃ vadesi – ahaṃ, bhante, bhagavantaṃ uddissa viharissāmi, bhagavā me aggaññaṃ paññapessatī’ti. Evaṃ sante, moghapurisa, ko santo kaṃ paccācikkhasi? Taṃ kiṃ maññasi, sunakkhatta, paññatte vā aggaññe, apaññatte vā aggaññe, yassatthāya mayā dhammo desito, so niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāyā’ti? ‘Paññatte vā, bhante, aggaññe, apaññatte vā aggaññe, yassatthāya bhagavatā dhammo desito, so niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāyā’ti. ‘Iti kira, sunakkhatta, paññatte vā aggaññe, apaññatte vā aggaññe, yassatthāya mayā dhammo desito, so niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāya. Tatra, sunakkhatta, kiṃ aggaññaṃ paññattaṃ karissati? Passa, moghapurisa, yāvañca te idaṃ aparaddhaṃ’.
๖. ‘อเนกปริยาเยน โข เต, สุนกฺขตฺต, มม วโณฺณ ภาสิโต วชฺชิคาเม – อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควาติฯ อิติ โข เต, สุนกฺขตฺต, อเนกปริยาเยน มม วโณฺณ ภาสิโต วชฺชิคาเมฯ
6. ‘Anekapariyāyena kho te, sunakkhatta, mama vaṇṇo bhāsito vajjigāme – itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavāti. Iti kho te, sunakkhatta, anekapariyāyena mama vaṇṇo bhāsito vajjigāme.
‘อเนกปริยาเยน โข เต, สุนกฺขตฺต, ธมฺมสฺส วโณฺณ ภาสิโต วชฺชิคาเม – สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม สนฺทิฎฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหีติฯ อิติ โข เต, สุนกฺขตฺต, อเนกปริยาเยน ธมฺมสฺส วโณฺณ ภาสิโต วชฺชิคาเมฯ
‘Anekapariyāyena kho te, sunakkhatta, dhammassa vaṇṇo bhāsito vajjigāme – svākkhāto bhagavatā dhammo sandiṭṭhiko akāliko ehipassiko opaneyyiko paccattaṃ veditabbo viññūhīti. Iti kho te, sunakkhatta, anekapariyāyena dhammassa vaṇṇo bhāsito vajjigāme.
‘อเนกปริยาเยน โข เต, สุนกฺขตฺต, สงฺฆสฺส วโณฺณ ภาสิโต วชฺชิคาเม – สุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ, อุชุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ, ญายปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ, สามีจิปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฎฺฐ ปุริสปุคฺคลา, เอส ภควโต สาวกสโงฺฆ, อาหุเนโยฺย ปาหุเนโยฺย ทกฺขิเณโยฺย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญเกฺขตฺตํ โลกสฺสาติฯ อิติ โข เต, สุนกฺขตฺต, อเนกปริยาเยน สงฺฆสฺส วโณฺณ ภาสิโต วชฺชิคาเมฯ
‘Anekapariyāyena kho te, sunakkhatta, saṅghassa vaṇṇo bhāsito vajjigāme – suppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho, ujuppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho, ñāyappaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho, sāmīcippaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho, yadidaṃ cattāri purisayugāni aṭṭha purisapuggalā, esa bhagavato sāvakasaṅgho, āhuneyyo pāhuneyyo dakkhiṇeyyo añjalikaraṇīyo anuttaraṃ puññakkhettaṃ lokassāti. Iti kho te, sunakkhatta, anekapariyāyena saṅghassa vaṇṇo bhāsito vajjigāme.
‘อาโรจยามิ โข เต, สุนกฺขตฺต, ปฎิเวทยามิ โข เต, สุนกฺขตฺตฯ ภวิสฺสนฺติ โข เต, สุนกฺขตฺต, วตฺตาโร, โน วิสหิ สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต สมเณ โคตเม พฺรหฺมจริยํ จริตุํ, โส อวิสหโนฺต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวโตฺตติฯ อิติ โข เต, สุนกฺขตฺต, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร’ติฯ
‘Ārocayāmi kho te, sunakkhatta, paṭivedayāmi kho te, sunakkhatta. Bhavissanti kho te, sunakkhatta, vattāro, no visahi sunakkhatto licchaviputto samaṇe gotame brahmacariyaṃ carituṃ, so avisahanto sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattoti. Iti kho te, sunakkhatta, bhavissanti vattāro’ti.
เอวํ ปิ โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต มยา วุจฺจมาโน อปกฺกเมว อิมสฺมา ธมฺมวินยา, ยถา ตํ อาปายิโก เนรยิโกฯ
Evaṃ pi kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto mayā vuccamāno apakkameva imasmā dhammavinayā, yathā taṃ āpāyiko nerayiko.
โกรกฺขตฺติยวตฺถุ
Korakkhattiyavatthu
๗. ‘‘เอกมิทาหํ, ภคฺคว, สมยํ ถูลูสุ 9 วิหรามิ อุตฺตรกา นาม ถูลูนํ นิคโมฯ อถ ขฺวาหํ, ภคฺคว, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สุนกฺขเตฺตน ลิจฺฉวิปุเตฺตน ปจฺฉาสมเณน อุตฺตรกํ ปิณฺฑาย ปาวิสิํฯ เตน โข ปน สมเยน อเจโล โกรกฺขตฺติโย กุกฺกุรวติโก จตุกฺกุณฺฑิโก 10 ฉมานิกิณฺณํ ภกฺขสํ มุเขเนว ขาทติ, มุเขเนว ภุญฺชติฯ อทฺทสา โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ กุกฺกุรวติกํ จตุกฺกุณฺฑิกํ ฉมานิกิณฺณํ ภกฺขสํ มุเขเนว ขาทนฺตํ มุเขเนว ภุญฺชนฺตํฯ ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘สาธุรูโป วต, โภ, อยํ 11 สมโณ จตุกฺกุณฺฑิโก ฉมานิกิณฺณํ ภกฺขสํ มุเขเนว ขาทติ, มุเขเนว ภุญฺชตี’ติฯ
7. ‘‘Ekamidāhaṃ, bhaggava, samayaṃ thūlūsu 12 viharāmi uttarakā nāma thūlūnaṃ nigamo. Atha khvāhaṃ, bhaggava, pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya sunakkhattena licchaviputtena pacchāsamaṇena uttarakaṃ piṇḍāya pāvisiṃ. Tena kho pana samayena acelo korakkhattiyo kukkuravatiko catukkuṇḍiko 13 chamānikiṇṇaṃ bhakkhasaṃ mukheneva khādati, mukheneva bhuñjati. Addasā kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto acelaṃ korakkhattiyaṃ kukkuravatikaṃ catukkuṇḍikaṃ chamānikiṇṇaṃ bhakkhasaṃ mukheneva khādantaṃ mukheneva bhuñjantaṃ. Disvānassa etadahosi – ‘sādhurūpo vata, bho, ayaṃ 14 samaṇo catukkuṇḍiko chamānikiṇṇaṃ bhakkhasaṃ mukheneva khādati, mukheneva bhuñjatī’ti.
‘‘อถ ขฺวาหํ, ภคฺคว, สุนกฺขตฺตสฺส ลิจฺฉวิปุตฺตสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย สุนกฺขตฺตํ ลิจฺฉวิปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘ตฺวมฺปิ นาม, โมฆปุริส, สมโณ สกฺยปุตฺติโย 15 ปฎิชานิสฺสสี’ติ! ‘กิํ ปน มํ, ภเนฺต, ภควา เอวมาห – ‘ตฺวมฺปิ นาม, โมฆปุริส, สมโณ สกฺยปุตฺติโย 16 ปฎิชานิสฺสสี’ติ? ‘นนุ เต, สุนกฺขตฺต, อิมํ อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ กุกฺกุรวติกํ จตุกฺกุณฺฑิกํ ฉมานิกิณฺณํ ภกฺขสํ มุเขเนว ขาทนฺตํ มุเขเนว ภุญฺชนฺตํ ทิสฺวาน เอตทโหสิ – สาธุรูโป วต, โภ, อยํ สมโณ จตุกฺกุณฺฑิโก ฉมานิกิณฺณํ ภกฺขสํ มุเขเนว ขาทติ, มุเขเนว ภุญฺชตี’ติ? ‘เอวํ, ภเนฺตฯ กิํ ปน, ภเนฺต, ภควา อรหตฺตสฺส มจฺฉรายตี’ติ? ‘น โข อหํ, โมฆปุริส, อรหตฺตสฺส มจฺฉรายามิฯ อปิ จ, ตุเยฺหเวตํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ, ตํ ปชหฯ มา เต อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายฯ ยํ โข ปเนตํ, สุนกฺขตฺต, มญฺญสิ อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ – สาธุรูโป อยํ สมโณติ 17ฯ โส สตฺตมํ ทิวสํ อลสเกน กาลงฺกริสฺสติฯ กาลงฺกโต 18 จ กาลกญฺจิกา 19 นาม อสุรา สพฺพนิหีโน อสุรกาโย, ตตฺร อุปปชฺชิสฺสติฯ กาลงฺกตญฺจ นํ พีรณตฺถมฺพเก สุสาเน ฉเฑฺฑสฺสนฺติฯ อากงฺขมาโน จ ตฺวํ, สุนกฺขตฺต, อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุเจฺฉยฺยาสิ – ชานาสิ, อาวุโส โกรกฺขตฺติย 20, อตฺตโน คตินฺติ? ฐานํ โข ปเนตํ, สุนกฺขตฺต, วิชฺชติ ยํ เต อเจโล โกรกฺขตฺติโย พฺยากริสฺสติ – ชานามิ, อาวุโส สุนกฺขตฺต, อตฺตโน คติํ; กาลกญฺจิกา นาม อสุรา สพฺพนิหีโน อสุรกาโย, ตตฺรามฺหิ อุปปโนฺนติฯ
‘‘Atha khvāhaṃ, bhaggava, sunakkhattassa licchaviputtassa cetasā cetoparivitakkamaññāya sunakkhattaṃ licchaviputtaṃ etadavocaṃ – ‘tvampi nāma, moghapurisa, samaṇo sakyaputtiyo 21 paṭijānissasī’ti! ‘Kiṃ pana maṃ, bhante, bhagavā evamāha – ‘tvampi nāma, moghapurisa, samaṇo sakyaputtiyo 22 paṭijānissasī’ti? ‘Nanu te, sunakkhatta, imaṃ acelaṃ korakkhattiyaṃ kukkuravatikaṃ catukkuṇḍikaṃ chamānikiṇṇaṃ bhakkhasaṃ mukheneva khādantaṃ mukheneva bhuñjantaṃ disvāna etadahosi – sādhurūpo vata, bho, ayaṃ samaṇo catukkuṇḍiko chamānikiṇṇaṃ bhakkhasaṃ mukheneva khādati, mukheneva bhuñjatī’ti? ‘Evaṃ, bhante. Kiṃ pana, bhante, bhagavā arahattassa maccharāyatī’ti? ‘Na kho ahaṃ, moghapurisa, arahattassa maccharāyāmi. Api ca, tuyhevetaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ, taṃ pajaha. Mā te ahosi dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya. Yaṃ kho panetaṃ, sunakkhatta, maññasi acelaṃ korakkhattiyaṃ – sādhurūpo ayaṃ samaṇoti 23. So sattamaṃ divasaṃ alasakena kālaṅkarissati. Kālaṅkato 24 ca kālakañcikā 25 nāma asurā sabbanihīno asurakāyo, tatra upapajjissati. Kālaṅkatañca naṃ bīraṇatthambake susāne chaḍḍessanti. Ākaṅkhamāno ca tvaṃ, sunakkhatta, acelaṃ korakkhattiyaṃ upasaṅkamitvā puccheyyāsi – jānāsi, āvuso korakkhattiya 26, attano gatinti? Ṭhānaṃ kho panetaṃ, sunakkhatta, vijjati yaṃ te acelo korakkhattiyo byākarissati – jānāmi, āvuso sunakkhatta, attano gatiṃ; kālakañcikā nāma asurā sabbanihīno asurakāyo, tatrāmhi upapannoti.
‘‘อถ โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต เยน อเจโล โกรกฺขตฺติโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ เอตทโวจ – ‘พฺยากโต โขสิ, อาวุโส โกรกฺขตฺติย, สมเณน โคตเมน – อเจโล โกรกฺขตฺติโย สตฺตมํ ทิวสํ อลสเกน กาลงฺกริสฺสติฯ กาลงฺกโต จ กาลกญฺจิกา นาม อสุรา สพฺพนิหีโน อสุรกาโย , ตตฺร อุปปชฺชิสฺสติฯ กาลงฺกตญฺจ นํ พีรณตฺถมฺพเก สุสาเน ฉเฑฺฑสฺสนฺตี’ติฯ เยน ตฺวํ, อาวุโส โกรกฺขตฺติย, มตฺตํ มตฺตญฺจ ภตฺตํ ภุเญฺชยฺยาสิ, มตฺตํ มตฺตญฺจ ปานียํ ปิเวยฺยาสิฯ ยถา สมณสฺส โคตมสฺส มิจฺฉา อสฺส วจน’นฺติฯ
‘‘Atha kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto yena acelo korakkhattiyo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā acelaṃ korakkhattiyaṃ etadavoca – ‘byākato khosi, āvuso korakkhattiya, samaṇena gotamena – acelo korakkhattiyo sattamaṃ divasaṃ alasakena kālaṅkarissati. Kālaṅkato ca kālakañcikā nāma asurā sabbanihīno asurakāyo , tatra upapajjissati. Kālaṅkatañca naṃ bīraṇatthambake susāne chaḍḍessantī’ti. Yena tvaṃ, āvuso korakkhattiya, mattaṃ mattañca bhattaṃ bhuñjeyyāsi, mattaṃ mattañca pānīyaṃ piveyyāsi. Yathā samaṇassa gotamassa micchā assa vacana’nti.
๘. ‘‘อถ โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต เอกทฺวีหิกาย สตฺตรตฺตินฺทิวานิ คเณสิ, ยถา ตํ ตถาคตสฺส อสทฺทหมาโนฯ อถ โข, ภคฺคว, อเจโล โกรกฺขตฺติโย สตฺตมํ ทิวสํ อลสเกน กาลมกาสิฯ กาลงฺกโต จ กาลกญฺจิกา นาม อสุรา สพฺพนิหีโน อสุรกาโย, ตตฺร อุปปชฺชิฯ กาลงฺกตญฺจ นํ พีรณตฺถมฺพเก สุสาเน ฉเฑฺฑสุํฯ
8. ‘‘Atha kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto ekadvīhikāya sattarattindivāni gaṇesi, yathā taṃ tathāgatassa asaddahamāno. Atha kho, bhaggava, acelo korakkhattiyo sattamaṃ divasaṃ alasakena kālamakāsi. Kālaṅkato ca kālakañcikā nāma asurā sabbanihīno asurakāyo, tatra upapajji. Kālaṅkatañca naṃ bīraṇatthambake susāne chaḍḍesuṃ.
๙. ‘‘อโสฺสสิ โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต – ‘อเจโล กิร โกรกฺขตฺติโย อลสเกน กาลงฺกโต พีรณตฺถมฺพเก สุสาเน ฉฑฺฑิโต’ติฯ อถ โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต เยน พีรณตฺถมฺพกํ สุสานํ, เยน อเจโล โกรกฺขตฺติโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ ติกฺขตฺตุํ ปาณินา อาโกเฎสิ – ‘ชานาสิ, อาวุโส โกรกฺขตฺติย, อตฺตโน คติ’นฺติ? อถ โข, ภคฺคว, อเจโล โกรกฺขตฺติโย ปาณินา ปิฎฺฐิํ ปริปุญฺฉโนฺต วุฎฺฐาสิฯ ‘ชานามิ, อาวุโส สุนกฺขตฺต, อตฺตโน คติํฯ กาลกญฺจิกา นาม อสุรา สพฺพนิหีโน อสุรกาโย, ตตฺรามฺหิ อุปปโนฺน’ติ วตฺวา ตเตฺถว อุตฺตาโน ปปติ 27ฯ
9. ‘‘Assosi kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto – ‘acelo kira korakkhattiyo alasakena kālaṅkato bīraṇatthambake susāne chaḍḍito’ti. Atha kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto yena bīraṇatthambakaṃ susānaṃ, yena acelo korakkhattiyo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā acelaṃ korakkhattiyaṃ tikkhattuṃ pāṇinā ākoṭesi – ‘jānāsi, āvuso korakkhattiya, attano gati’nti? Atha kho, bhaggava, acelo korakkhattiyo pāṇinā piṭṭhiṃ paripuñchanto vuṭṭhāsi. ‘Jānāmi, āvuso sunakkhatta, attano gatiṃ. Kālakañcikā nāma asurā sabbanihīno asurakāyo, tatrāmhi upapanno’ti vatvā tattheva uttāno papati 28.
๑๐. ‘‘อถ โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อหํ, ภคฺคว , สุนกฺขตฺตํ ลิจฺฉวิปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘ตํ กิํ มญฺญสิ, สุนกฺขตฺต, ยเถว เต อหํ อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ อารพฺภ พฺยากาสิํ, ตเถว ตํ วิปากํ, อญฺญถา วา’ติ? ‘ยเถว เม, ภเนฺต, ภควา อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ อารพฺภ พฺยากาสิ, ตเถว ตํ วิปากํ, โน อญฺญถา’ติฯ ‘ตํ กิํ มญฺญสิ, สุนกฺขตฺต, ยทิ เอวํ สเนฺต กตํ วา โหติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ, อกตํ วาติ? ‘อทฺธา โข, ภเนฺต, เอวํ สเนฺต กตํ โหติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ, โน อกต’นฺติฯ ‘เอวมฺปิ โข มํ ตฺวํ, โมฆปุริส, อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กโรนฺตํ เอวํ วเทสิ – น หิ ปน เม, ภเนฺต, ภควา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กโรตีติฯ ปสฺส, โมฆปุริส, ยาวญฺจ เต อิทํ อปรทฺธ’นฺติฯ ‘‘เอวมฺปิ โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต มยา วุจฺจมาโน อปกฺกเมว อิมสฺมา ธมฺมวินยา, ยถา ตํ อาปายิโก เนรยิโกฯ
10. ‘‘Atha kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho ahaṃ, bhaggava , sunakkhattaṃ licchaviputtaṃ etadavocaṃ – ‘taṃ kiṃ maññasi, sunakkhatta, yatheva te ahaṃ acelaṃ korakkhattiyaṃ ārabbha byākāsiṃ, tatheva taṃ vipākaṃ, aññathā vā’ti? ‘Yatheva me, bhante, bhagavā acelaṃ korakkhattiyaṃ ārabbha byākāsi, tatheva taṃ vipākaṃ, no aññathā’ti. ‘Taṃ kiṃ maññasi, sunakkhatta, yadi evaṃ sante kataṃ vā hoti uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ, akataṃ vāti? ‘Addhā kho, bhante, evaṃ sante kataṃ hoti uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ, no akata’nti. ‘Evampi kho maṃ tvaṃ, moghapurisa, uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karontaṃ evaṃ vadesi – na hi pana me, bhante, bhagavā uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karotīti. Passa, moghapurisa, yāvañca te idaṃ aparaddha’nti. ‘‘Evampi kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto mayā vuccamāno apakkameva imasmā dhammavinayā, yathā taṃ āpāyiko nerayiko.
อเจลกฬารมฎฺฎกวตฺถุ
Acelakaḷāramaṭṭakavatthu
๑๑. ‘‘เอกมิทาหํ, ภคฺคว, สมยํ เวสาลิยํ วิหรามิ มหาวเน กูฎาคารสาลายํฯ เตน โข ปน สมเยน อเจโล กฬารมฎฺฎโก เวสาลิยํ ปฎิวสติ ลาภคฺคปฺปโตฺต เจว ยสคฺคปฺปโตฺต จ วชฺชิคาเมฯ ตสฺส สตฺตวตปทานิ 29 สมตฺตานิ สมาทินฺนานิ โหนฺติ – ‘ยาวชีวํ อเจลโก อสฺสํ, น วตฺถํ ปริทเหยฺยํ, ยาวชีวํ พฺรหฺมจารี อสฺสํ, น เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสเวยฺยํ, ยาวชีวํ สุรามํเสเนว ยาเปยฺยํ, น โอทนกุมฺมาสํ ภุเญฺชยฺยํฯ ปุรตฺถิเมน เวสาลิํ อุเทนํ นาม เจติยํ, ตํ นาติกฺกเมยฺยํ, ทกฺขิเณน เวสาลิํ โคตมกํ นาม เจติยํ, ตํ นาติกฺกเมยฺยํ, ปจฺฉิเมน เวสาลิํ สตฺตมฺพํ นาม เจติยํ, ตํ นาติกฺกเมยฺยํ, อุตฺตเรน เวสาลิํ พหุปุตฺตํ นาม 30 เจติยํ ตํ นาติกฺกเมยฺย’นฺติฯ โส อิเมสํ สตฺตนฺนํ วตปทานํ สมาทานเหตุ ลาภคฺคปฺปโตฺต เจว ยสคฺคปฺปโตฺต จ วชฺชิคาเมฯ
11. ‘‘Ekamidāhaṃ, bhaggava, samayaṃ vesāliyaṃ viharāmi mahāvane kūṭāgārasālāyaṃ. Tena kho pana samayena acelo kaḷāramaṭṭako vesāliyaṃ paṭivasati lābhaggappatto ceva yasaggappatto ca vajjigāme. Tassa sattavatapadāni 31 samattāni samādinnāni honti – ‘yāvajīvaṃ acelako assaṃ, na vatthaṃ paridaheyyaṃ, yāvajīvaṃ brahmacārī assaṃ, na methunaṃ dhammaṃ paṭiseveyyaṃ, yāvajīvaṃ surāmaṃseneva yāpeyyaṃ, na odanakummāsaṃ bhuñjeyyaṃ. Puratthimena vesāliṃ udenaṃ nāma cetiyaṃ, taṃ nātikkameyyaṃ, dakkhiṇena vesāliṃ gotamakaṃ nāma cetiyaṃ, taṃ nātikkameyyaṃ, pacchimena vesāliṃ sattambaṃ nāma cetiyaṃ, taṃ nātikkameyyaṃ, uttarena vesāliṃ bahuputtaṃ nāma 32 cetiyaṃ taṃ nātikkameyya’nti. So imesaṃ sattannaṃ vatapadānaṃ samādānahetu lābhaggappatto ceva yasaggappatto ca vajjigāme.
๑๒. ‘‘อถ โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต เยน อเจโล กฬารมฎฺฎโก เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อเจลํ กฬารมฎฺฎกํ ปญฺหํ อปุจฺฉิฯ ตสฺส อเจโล กฬารมฎฺฎโก ปญฺหํ ปุโฎฺฐ น สมฺปายาสิฯ อสมฺปายโนฺต โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตฺวากาสิฯ อถ โข, ภคฺคว, สุนกฺขตฺตสฺส ลิจฺฉวิปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘สาธุรูปํ วต โภ อรหนฺตํ สมณํ อาสาทิมฺหเส 33ฯ มา วต โน อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’ติฯ
12. ‘‘Atha kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto yena acelo kaḷāramaṭṭako tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā acelaṃ kaḷāramaṭṭakaṃ pañhaṃ apucchi. Tassa acelo kaḷāramaṭṭako pañhaṃ puṭṭho na sampāyāsi. Asampāyanto kopañca dosañca appaccayañca pātvākāsi. Atha kho, bhaggava, sunakkhattassa licchaviputtassa etadahosi – ‘sādhurūpaṃ vata bho arahantaṃ samaṇaṃ āsādimhase 34. Mā vata no ahosi dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyā’ti.
๑๓. ‘‘อถ โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อหํ, ภคฺคว, สุนกฺขตฺตํ ลิจฺฉวิปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘ตฺวมฺปิ นาม, โมฆปุริส, สมโณ สกฺยปุตฺติโย ปฎิชานิสฺสสี’ติ! ‘กิํ ปน มํ, ภเนฺต, ภควา เอวมาห – ตฺวมฺปิ นาม, โมฆปุริส, สมโณ สกฺยปุตฺติโย ปฎิชานิสฺสสี’ติ? ‘นนุ ตฺวํ, สุนกฺขตฺต, อเจลํ กฬารมฎฺฎกํ อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺหํ อปุจฺฉิฯ ตสฺส เต อเจโล กฬารมฎฺฎโก ปญฺหํ ปุโฎฺฐ น สมฺปายาสิฯ อสมฺปายโนฺต โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตฺวากาสิฯ ตสฺส เต เอตทโหสิ – ‘‘สาธุรูปํ วต, โภ, อรหนฺตํ สมณํ อาสาทิมฺหเสฯ มา วต โน อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’ติฯ ‘เอวํ, ภเนฺตฯ กิํ ปน, ภเนฺต, ภควา อรหตฺตสฺส มจฺฉรายตี’ติ? ‘น โข อหํ, โมฆปุริส, อรหตฺตสฺส มจฺฉรายามิ, อปิ จ ตุเยฺหเวตํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ, ตํ ปชหฯ มา เต อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายฯ ยํ โข ปเนตํ, สุนกฺขตฺต, มญฺญสิ อเจลํ กฬารมฎฺฎกํ – สาธุรูโป อยํ 35 สมโณติ, โส นจิรเสฺสว ปริหิโต สานุจาริโก วิจรโนฺต โอทนกุมฺมาสํ ภุญฺชมาโน สพฺพาเนว เวสาลิยานิ เจติยานิ สมติกฺกมิตฺวา ยสา นิหีโน 36 กาลํ กริสฺสตี’ติฯ
13. ‘‘Atha kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho ahaṃ, bhaggava, sunakkhattaṃ licchaviputtaṃ etadavocaṃ – ‘tvampi nāma, moghapurisa, samaṇo sakyaputtiyo paṭijānissasī’ti! ‘Kiṃ pana maṃ, bhante, bhagavā evamāha – tvampi nāma, moghapurisa, samaṇo sakyaputtiyo paṭijānissasī’ti? ‘Nanu tvaṃ, sunakkhatta, acelaṃ kaḷāramaṭṭakaṃ upasaṅkamitvā pañhaṃ apucchi. Tassa te acelo kaḷāramaṭṭako pañhaṃ puṭṭho na sampāyāsi. Asampāyanto kopañca dosañca appaccayañca pātvākāsi. Tassa te etadahosi – ‘‘sādhurūpaṃ vata, bho, arahantaṃ samaṇaṃ āsādimhase. Mā vata no ahosi dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyā’ti. ‘Evaṃ, bhante. Kiṃ pana, bhante, bhagavā arahattassa maccharāyatī’ti? ‘Na kho ahaṃ, moghapurisa, arahattassa maccharāyāmi, api ca tuyhevetaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ, taṃ pajaha. Mā te ahosi dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya. Yaṃ kho panetaṃ, sunakkhatta, maññasi acelaṃ kaḷāramaṭṭakaṃ – sādhurūpo ayaṃ 37 samaṇoti, so nacirasseva parihito sānucāriko vicaranto odanakummāsaṃ bhuñjamāno sabbāneva vesāliyāni cetiyāni samatikkamitvā yasā nihīno 38 kālaṃ karissatī’ti.
‘‘‘อถ โข, ภคฺคว, อเจโล กฬารมฎฺฎโก นจิรเสฺสว ปริหิโต สานุจาริโก วิจรโนฺต โอทนกุมฺมาสํ ภุญฺชมาโน สพฺพาเนว เวสาลิยานิ เจติยานิ สมติกฺกมิตฺวา ยสา นิหีโน กาลมกาสิฯ
‘‘‘Atha kho, bhaggava, acelo kaḷāramaṭṭako nacirasseva parihito sānucāriko vicaranto odanakummāsaṃ bhuñjamāno sabbāneva vesāliyāni cetiyāni samatikkamitvā yasā nihīno kālamakāsi.
๑๔. ‘‘อโสฺสสิ โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต – ‘อเจโล กิร กฬารมฎฺฎโก ปริหิโต สานุจาริโก วิจรโนฺต โอทนกุมฺมาสํ ภุญฺชมาโน สพฺพาเนว เวสาลิยานิ เจติยานิ สมติกฺกมิตฺวา ยสา นิหีโน กาลงฺกโต’ติฯ อถ โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อหํ, ภคฺคว, สุนกฺขตฺตํ ลิจฺฉวิปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘ตํ กิํ มญฺญสิ, สุนกฺขตฺต, ยเถว เต อหํ อเจลํ กฬารมฎฺฎกํ อารพฺภ พฺยากาสิํ, ตเถว ตํ วิปากํ, อญฺญถา วา’ติ? ‘ยเถว เม, ภเนฺต, ภควา อเจลํ กฬารมฎฺฎกํ อารพฺภ พฺยากาสิ, ตเถว ตํ วิปากํ, โน อญฺญถา’ติฯ ‘ตํ กิํ มญฺญสิ, สุนกฺขตฺต, ยทิ เอวํ สเนฺต กตํ วา โหติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ อกตํ วา’ติ? ‘อทฺธา โข, ภเนฺต, เอวํ สเนฺต กตํ โหติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ, โน อกต’นฺติฯ ‘เอวมฺปิ โข มํ ตฺวํ, โมฆปุริส, อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กโรนฺตํ เอวํ วเทสิ – น หิ ปน เม, ภเนฺต, ภควา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กโรตี’’ติฯ ปสฺส, โมฆปุริส, ยาวญฺจ เต อิทํ อปรทฺธ’นฺติฯ ‘‘เอว’มฺปิ โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต มยา วุจฺจมาโน อปกฺกเมว อิมสฺมา ธมฺมวินยา, ยถา ตํ อาปายิโก เนรยิโกฯ
14. ‘‘Assosi kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto – ‘acelo kira kaḷāramaṭṭako parihito sānucāriko vicaranto odanakummāsaṃ bhuñjamāno sabbāneva vesāliyāni cetiyāni samatikkamitvā yasā nihīno kālaṅkato’ti. Atha kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho ahaṃ, bhaggava, sunakkhattaṃ licchaviputtaṃ etadavocaṃ – ‘taṃ kiṃ maññasi, sunakkhatta, yatheva te ahaṃ acelaṃ kaḷāramaṭṭakaṃ ārabbha byākāsiṃ, tatheva taṃ vipākaṃ, aññathā vā’ti? ‘Yatheva me, bhante, bhagavā acelaṃ kaḷāramaṭṭakaṃ ārabbha byākāsi, tatheva taṃ vipākaṃ, no aññathā’ti. ‘Taṃ kiṃ maññasi, sunakkhatta, yadi evaṃ sante kataṃ vā hoti uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ akataṃ vā’ti? ‘Addhā kho, bhante, evaṃ sante kataṃ hoti uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ, no akata’nti. ‘Evampi kho maṃ tvaṃ, moghapurisa, uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karontaṃ evaṃ vadesi – na hi pana me, bhante, bhagavā uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karotī’’ti. Passa, moghapurisa, yāvañca te idaṃ aparaddha’nti. ‘‘Eva’mpi kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto mayā vuccamāno apakkameva imasmā dhammavinayā, yathā taṃ āpāyiko nerayiko.
อเจลปาถิกปุตฺตวตฺถุ
Acelapāthikaputtavatthu
๑๕. ‘‘เอกมิทาหํ, ภคฺคว, สมยํ ตเตฺถว เวสาลิยํ วิหรามิ มหาวเน กูฎาคารสาลายํฯ เตน โข ปน สมเยน อเจโล ปาถิกปุโตฺต 39 เวสาลิยํ ปฎิวสติ ลาภคฺคปฺปโตฺต เจว ยสคฺคปฺปโตฺต จ วชฺชิคาเมฯ โส เวสาลิยํ ปริสติ เอวํ วาจํ ภาสติ – ‘สมโณปิ โคตโม ญาณวาโท, อหมฺปิ ญาณวาโทฯ ญาณวาโท โข ปน ญาณวาเทน อรหติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ ทเสฺสตุํฯ สมโณ โคตโม อุปฑฺฒปถํ อาคเจฺฉยฺย, อหมฺปิ อุปฑฺฒปถํ คเจฺฉยฺยํฯ เต ตตฺถ อุโภปิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กเรยฺยามฯ เอกํ เจ สมโณ โคตโม อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กริสฺสติ, ทฺวาหํ กริสฺสามิฯ เทฺว เจ สมโณ โคตโม อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยานิ กริสฺสติ, จตฺตาราหํ กริสฺสามิ ฯ จตฺตาริ เจ สมโณ โคตโม อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยานิ กริสฺสติ, อฎฺฐาหํ กริสฺสามิฯ อิติ ยาวตกํ ยาวตกํ สมโณ โคตโม อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กริสฺสติ, ตทฺทิคุณํ ตทฺทิคุณาหํ กริสฺสามี’ติฯ
15. ‘‘Ekamidāhaṃ, bhaggava, samayaṃ tattheva vesāliyaṃ viharāmi mahāvane kūṭāgārasālāyaṃ. Tena kho pana samayena acelo pāthikaputto 40 vesāliyaṃ paṭivasati lābhaggappatto ceva yasaggappatto ca vajjigāme. So vesāliyaṃ parisati evaṃ vācaṃ bhāsati – ‘samaṇopi gotamo ñāṇavādo, ahampi ñāṇavādo. Ñāṇavādo kho pana ñāṇavādena arahati uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ dassetuṃ. Samaṇo gotamo upaḍḍhapathaṃ āgaccheyya, ahampi upaḍḍhapathaṃ gaccheyyaṃ. Te tattha ubhopi uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ kareyyāma. Ekaṃ ce samaṇo gotamo uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karissati, dvāhaṃ karissāmi. Dve ce samaṇo gotamo uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyāni karissati, cattārāhaṃ karissāmi . Cattāri ce samaṇo gotamo uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyāni karissati, aṭṭhāhaṃ karissāmi. Iti yāvatakaṃ yāvatakaṃ samaṇo gotamo uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karissati, taddiguṇaṃ taddiguṇāhaṃ karissāmī’ti.
๑๖. ‘‘อถ โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต มํ เอตทโวจ – ‘อเจโล, ภเนฺต, ปาถิกปุโตฺต เวสาลิยํ ปฎิวสติ ลาภคฺคปฺปโตฺต เจว ยสคฺคปฺปโตฺต จ วชฺชิคาเมฯ โส เวสาลิยํ ปริสติ เอวํ วาจํ ภาสติ – สมโณปิ โคตโม ญาณวาโท, อหมฺปิ ญาณวาโทฯ ญาณวาโท โข ปน ญาณวาเทน อรหติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ ทเสฺสตุํฯ สมโณ โคตโม อุปฑฺฒปถํ อาคเจฺฉยฺย, อหมฺปิ อุปฑฺฒปถํ คเจฺฉยฺยํฯ เต ตตฺถ อุโภปิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กเรยฺยามฯ เอกํ เจ สมโณ โคตโม อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กริสฺสติ, ทฺวาหํ กริสฺสามิฯ เทฺว เจ สมโณ โคตโม อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยานิ กริสฺสติ, จตฺตาราหํ กริสฺสามิฯ จตฺตาริ เจ สมโณ โคตโม อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยานิ กริสฺสติ, อฎฺฐาหํ กริสฺสามิฯ อิติ ยาวตกํ ยาวตกํ สมโณ โคตโม อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กริสฺสติ, ตทฺทิคุณํ ตทฺทิคุณาหํ กริสฺสามี’’ติฯ
16. ‘‘Atha kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto maṃ etadavoca – ‘acelo, bhante, pāthikaputto vesāliyaṃ paṭivasati lābhaggappatto ceva yasaggappatto ca vajjigāme. So vesāliyaṃ parisati evaṃ vācaṃ bhāsati – samaṇopi gotamo ñāṇavādo, ahampi ñāṇavādo. Ñāṇavādo kho pana ñāṇavādena arahati uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ dassetuṃ. Samaṇo gotamo upaḍḍhapathaṃ āgaccheyya, ahampi upaḍḍhapathaṃ gaccheyyaṃ. Te tattha ubhopi uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ kareyyāma. Ekaṃ ce samaṇo gotamo uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karissati, dvāhaṃ karissāmi. Dve ce samaṇo gotamo uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyāni karissati, cattārāhaṃ karissāmi. Cattāri ce samaṇo gotamo uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyāni karissati, aṭṭhāhaṃ karissāmi. Iti yāvatakaṃ yāvatakaṃ samaṇo gotamo uttari manussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karissati, taddiguṇaṃ taddiguṇāhaṃ karissāmī’’ti.
‘‘เอวํ วุเตฺต, อหํ, ภคฺคว, สุนกฺขตฺตํ ลิจฺฉวิปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘อภโพฺพ โข, สุนกฺขตฺต, อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา มม สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ คเจฺฉยฺยนฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยา’ติฯ
‘‘Evaṃ vutte, ahaṃ, bhaggava, sunakkhattaṃ licchaviputtaṃ etadavocaṃ – ‘abhabbo kho, sunakkhatta, acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā mama sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ gaccheyyanti, muddhāpi tassa vipateyyā’ti.
๑๗. ‘รกฺขเตตํ, ภเนฺต, ภควา วาจํ, รกฺขเตตํ สุคโต วาจ’นฺติฯ ‘กิํ ปน มํ ตฺวํ, สุนกฺขตฺต, เอวํ วเทสิ – รกฺขเตตํ, ภเนฺต, ภควา วาจํ, รกฺขเตตํ สุคโต วาจ’นฺติ? ‘ภควตา จสฺส, ภเนฺต, เอสา วาจา เอกํเสน โอธาริตา 41 – อภโพฺพ อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา มม สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ คเจฺฉยฺยนฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยาติฯ อเจโล จ, ภเนฺต, ปาถิกปุโตฺต วิรูปรูเปน ภควโต สมฺมุขีภาวํ อาคเจฺฉยฺย, ตทสฺส ภควโต มุสา’ติฯ
17. ‘Rakkhatetaṃ, bhante, bhagavā vācaṃ, rakkhatetaṃ sugato vāca’nti. ‘Kiṃ pana maṃ tvaṃ, sunakkhatta, evaṃ vadesi – rakkhatetaṃ, bhante, bhagavā vācaṃ, rakkhatetaṃ sugato vāca’nti? ‘Bhagavatā cassa, bhante, esā vācā ekaṃsena odhāritā 42 – abhabbo acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā mama sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ gaccheyyanti, muddhāpi tassa vipateyyāti. Acelo ca, bhante, pāthikaputto virūparūpena bhagavato sammukhībhāvaṃ āgaccheyya, tadassa bhagavato musā’ti.
๑๘. ‘อปิ นุ, สุนกฺขตฺต, ตถาคโต ตํ วาจํ ภาเสยฺย ยา สา วาจา ทฺวยคามินี’ติ? ‘กิํ ปน, ภเนฺต, ภควตา อเจโล ปาถิกปุโตฺต เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต – อภโพฺพ อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา มม สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ คเจฺฉยฺยนฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยา’ติ?
18. ‘Api nu, sunakkhatta, tathāgato taṃ vācaṃ bhāseyya yā sā vācā dvayagāminī’ti? ‘Kiṃ pana, bhante, bhagavatā acelo pāthikaputto cetasā ceto paricca vidito – abhabbo acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā mama sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ gaccheyyanti, muddhāpi tassa vipateyyā’ti?
‘อุทาหุ , เทวตา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อภโพฺพ, ภเนฺต, อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา ภควโต สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ คเจฺฉยฺยนฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยา’ติ?
‘Udāhu , devatā bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ – abhabbo, bhante, acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā bhagavato sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ gaccheyyanti, muddhāpi tassa vipateyyā’ti?
๑๙. ‘เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต เจว เม, สุนกฺขตฺต , อเจโล ปาถิกปุโตฺต อภโพฺพ อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา มม สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ คเจฺฉยฺยนฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยา’ติฯ
19. ‘Cetasā ceto paricca vidito ceva me, sunakkhatta , acelo pāthikaputto abhabbo acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā mama sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ gaccheyyanti, muddhāpi tassa vipateyyā’ti.
‘เทวตาปิ เม เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อภโพฺพ , ภเนฺต, อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา ภควโต สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ คเจฺฉยฺยนฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยา’ติฯ
‘Devatāpi me etamatthaṃ ārocesuṃ – abhabbo , bhante, acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā bhagavato sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ gaccheyyanti, muddhāpi tassa vipateyyā’ti.
‘อชิโตปิ นาม ลิจฺฉวีนํ เสนาปติ อธุนา กาลงฺกโต ตาวติํสกายํ อุปปโนฺนฯ โสปิ มํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาโรเจสิ – อลชฺชี, ภเนฺต, อเจโล ปาถิกปุโตฺต; มุสาวาที, ภเนฺต, อเจโล ปาถิกปุโตฺตฯ มมฺปิ, ภเนฺต, อเจโล ปาถิกปุโตฺต พฺยากาสิ วชฺชิคาเม – อชิโต ลิจฺฉวีนํ เสนาปติ มหานิรยํ อุปปโนฺนติฯ น โข ปนาหํ, ภเนฺต, มหานิรยํ อุปปโนฺน; ตาวติํสกายมฺหิ อุปปโนฺนฯ อลชฺชี, ภเนฺต, อเจโล ปาถิกปุโตฺต; มุสาวาที, ภเนฺต, อเจโล ปาถิกปุโตฺต; อภโพฺพ จ, ภเนฺต, อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา ภควโต สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ คเจฺฉยฺยนฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยา’ติฯ
‘Ajitopi nāma licchavīnaṃ senāpati adhunā kālaṅkato tāvatiṃsakāyaṃ upapanno. Sopi maṃ upasaṅkamitvā evamārocesi – alajjī, bhante, acelo pāthikaputto; musāvādī, bhante, acelo pāthikaputto. Mampi, bhante, acelo pāthikaputto byākāsi vajjigāme – ajito licchavīnaṃ senāpati mahānirayaṃ upapannoti. Na kho panāhaṃ, bhante, mahānirayaṃ upapanno; tāvatiṃsakāyamhi upapanno. Alajjī, bhante, acelo pāthikaputto; musāvādī, bhante, acelo pāthikaputto; abhabbo ca, bhante, acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā bhagavato sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ gaccheyyanti, muddhāpi tassa vipateyyā’ti.
‘อิติ โข, สุนกฺขตฺต, เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต เจว เม อเจโล ปาถิกปุโตฺต อภโพฺพ อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา มม สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ คเจฺฉยฺยนฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยาติฯ เทวตาปิ เม เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อภโพฺพ, ภเนฺต , อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา ภควโต สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ คเจฺฉยฺยนฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยา’ติฯ
‘Iti kho, sunakkhatta, cetasā ceto paricca vidito ceva me acelo pāthikaputto abhabbo acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā mama sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ gaccheyyanti, muddhāpi tassa vipateyyāti. Devatāpi me etamatthaṃ ārocesuṃ – abhabbo, bhante , acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā bhagavato sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ gaccheyyanti, muddhāpi tassa vipateyyā’ti.
‘โส โข ปนาหํ, สุนกฺขตฺต, เวสาลิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฎิกฺกโนฺต เยน อเจลสฺส ปาถิกปุตฺตสฺส อาราโม เตนุปสงฺกมิสฺสามิ ทิวาวิหารายฯ ยสฺสทานิ ตฺวํ, สุนกฺขตฺต, อิจฺฉสิ, ตสฺส อาโรเจหี’ติฯ
‘So kho panāhaṃ, sunakkhatta, vesāliyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātappaṭikkanto yena acelassa pāthikaputtassa ārāmo tenupasaṅkamissāmi divāvihārāya. Yassadāni tvaṃ, sunakkhatta, icchasi, tassa ārocehī’ti.
อิทฺธิปาฎิหาริยกถา
Iddhipāṭihāriyakathā
๒๐. ‘‘อถ ขฺวาหํ 43, ภคฺคว, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิํฯ เวสาลิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฎิกฺกโนฺต เยน อเจลสฺส ปาถิกปุตฺตสฺส อาราโม เตนุปสงฺกมิํ ทิวาวิหารายฯ อถ โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต ตรมานรูโป เวสาลิํ ปวิสิตฺวา เยน อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา ลิจฺฉวี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อภิญฺญาเต อภิญฺญาเต ลิจฺฉวี เอตทโวจ – ‘เอสาวุโส, ภควา เวสาลิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฎิกฺกโนฺต เยน อเจลสฺส ปาถิกปุตฺตสฺส อาราโม เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหารายฯ อภิกฺกมถายสฺมโนฺต อภิกฺกมถายสฺมโนฺต, สาธุรูปานํ สมณานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ ภวิสฺสตี’ติ ฯ อถ โข, ภคฺคว, อภิญฺญาตานํ อภิญฺญาตานํ ลิจฺฉวีนํ เอตทโหสิ – ‘สาธุรูปานํ กิร, โภ, สมณานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ ภวิสฺสติ; หนฺท วต, โภ, คจฺฉามา’ติฯ เยน จ อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา พฺราหฺมณมหาสาลา คหปติเนจยิกา นานาติตฺถิยา 44 สมณพฺราหฺมณา เตนุปสงฺกมิฯ อุปสงฺกมิตฺวา อภิญฺญาเต อภิญฺญาเต นานาติตฺถิเย 45 สมณพฺราหฺมเณ เอตทโวจ – ‘เอสาวุโส, ภควา เวสาลิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฎิกฺกโนฺต เยน อเจลสฺส ปาถิกปุตฺตสฺส อาราโม เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหารายฯ อภิกฺกมถายสฺมโนฺต อภิกฺกมถายสฺมโนฺต, สาธุรูปานํ สมณานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ ภวิสฺสตี’ติฯ อถ โข, ภคฺคว, อภิญฺญาตานํ อภิญฺญาตานํ นานาติตฺถิยานํ สมณพฺราหฺมณานํ เอตทโหสิ – ‘สาธุรูปานํ กิร, โภ, สมณานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ ภวิสฺสติ; หนฺท วต, โภ, คจฺฉามา’ติฯ
20. ‘‘Atha khvāhaṃ 46, bhaggava, pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya vesāliṃ piṇḍāya pāvisiṃ. Vesāliyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātappaṭikkanto yena acelassa pāthikaputtassa ārāmo tenupasaṅkamiṃ divāvihārāya. Atha kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto taramānarūpo vesāliṃ pavisitvā yena abhiññātā abhiññātā licchavī tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā abhiññāte abhiññāte licchavī etadavoca – ‘esāvuso, bhagavā vesāliyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātappaṭikkanto yena acelassa pāthikaputtassa ārāmo tenupasaṅkami divāvihārāya. Abhikkamathāyasmanto abhikkamathāyasmanto, sādhurūpānaṃ samaṇānaṃ uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ bhavissatī’ti . Atha kho, bhaggava, abhiññātānaṃ abhiññātānaṃ licchavīnaṃ etadahosi – ‘sādhurūpānaṃ kira, bho, samaṇānaṃ uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ bhavissati; handa vata, bho, gacchāmā’ti. Yena ca abhiññātā abhiññātā brāhmaṇamahāsālā gahapatinecayikā nānātitthiyā 47 samaṇabrāhmaṇā tenupasaṅkami. Upasaṅkamitvā abhiññāte abhiññāte nānātitthiye 48 samaṇabrāhmaṇe etadavoca – ‘esāvuso, bhagavā vesāliyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātappaṭikkanto yena acelassa pāthikaputtassa ārāmo tenupasaṅkami divāvihārāya. Abhikkamathāyasmanto abhikkamathāyasmanto, sādhurūpānaṃ samaṇānaṃ uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ bhavissatī’ti. Atha kho, bhaggava, abhiññātānaṃ abhiññātānaṃ nānātitthiyānaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ etadahosi – ‘sādhurūpānaṃ kira, bho, samaṇānaṃ uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ bhavissati; handa vata, bho, gacchāmā’ti.
‘‘อถ โข, ภคฺคว, อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา ลิจฺฉวี, อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา จ พฺราหฺมณมหาสาลา คหปติเนจยิกา นานาติตฺถิยา สมณพฺราหฺมณา เยน อเจลสฺส ปาถิกปุตฺตสฺส อาราโม เตนุปสงฺกมิํสุฯ สา เอสา, ภคฺคว, ปริสา มหา โหติ 49 อเนกสตา อเนกสหสฺสาฯ
‘‘Atha kho, bhaggava, abhiññātā abhiññātā licchavī, abhiññātā abhiññātā ca brāhmaṇamahāsālā gahapatinecayikā nānātitthiyā samaṇabrāhmaṇā yena acelassa pāthikaputtassa ārāmo tenupasaṅkamiṃsu. Sā esā, bhaggava, parisā mahā hoti 50 anekasatā anekasahassā.
๒๑. ‘‘อโสฺสสิ โข, ภคฺคว, อเจโล ปาถิกปุโตฺต – ‘อภิกฺกนฺตา กิร อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา ลิจฺฉวี, อภิกฺกนฺตา อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา จ พฺราหฺมณมหาสาลา คหปติเนจยิกา นานาติตฺถิยา สมณพฺราหฺมณาฯ สมโณปิ โคตโม มยฺหํ อาราเม ทิวาวิหารํ นิสิโนฺน’ติฯ สุตฺวานสฺส ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส อุทปาทิฯ อถ โข, ภคฺคว, อเจโล ปาถิกปุโตฺต ภีโต สํวิโคฺค โลมหฎฺฐชาโต เยน ตินฺทุกขาณุปริพฺพาชการาโม เตนุปสงฺกมิฯ
21. ‘‘Assosi kho, bhaggava, acelo pāthikaputto – ‘abhikkantā kira abhiññātā abhiññātā licchavī, abhikkantā abhiññātā abhiññātā ca brāhmaṇamahāsālā gahapatinecayikā nānātitthiyā samaṇabrāhmaṇā. Samaṇopi gotamo mayhaṃ ārāme divāvihāraṃ nisinno’ti. Sutvānassa bhayaṃ chambhitattaṃ lomahaṃso udapādi. Atha kho, bhaggava, acelo pāthikaputto bhīto saṃviggo lomahaṭṭhajāto yena tindukakhāṇuparibbājakārāmo tenupasaṅkami.
‘‘อโสฺสสิ โข, ภคฺคว, สา ปริสา – ‘อเจโล กิร ปาถิกปุโตฺต ภีโต สํวิโคฺค โลมหฎฺฐชาโต เยน ตินฺทุกขาณุปริพฺพาชการาโม เตนุปสงฺกโนฺต’ติ 51ฯ อถ โข, ภคฺคว, สา ปริสา อญฺญตรํ ปุริสํ อามเนฺตสิ –
‘‘Assosi kho, bhaggava, sā parisā – ‘acelo kira pāthikaputto bhīto saṃviggo lomahaṭṭhajāto yena tindukakhāṇuparibbājakārāmo tenupasaṅkanto’ti 52. Atha kho, bhaggava, sā parisā aññataraṃ purisaṃ āmantesi –
‘เอหิ ตฺวํ, โภ ปุริส, เยน ตินฺทุกขาณุปริพฺพาชการาโม, เยน อเจโล ปาถิกปุโตฺต เตนุปสงฺกมฯ อุปสงฺกมิตฺวา อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ เอวํ วเทหิ – อภิกฺกมาวุโส, ปาถิกปุตฺต, อภิกฺกนฺตา อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา ลิจฺฉวี, อภิกฺกนฺตา อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา จ พฺราหฺมณมหาสาลา คหปติเนจยิกา นานาติตฺถิยา สมณพฺราหฺมณา, สมโณปิ โคตโม อายสฺมโต อาราเม ทิวาวิหารํ นิสิโนฺน; ภาสิตา โข ปน เต เอสา, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, เวสาลิยํ ปริสติ วาจา สมโณปิ โคตโม ญาณวาโท, อหมฺปิ ญาณวาโทฯ ญาณวาโท โข ปน ญาณวาเทน อรหติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ ทเสฺสตุํฯ สมโณ โคตโม อุปฑฺฒปถํ อาคเจฺฉยฺย อหมฺปิ อุปฑฺฒปถํ คเจฺฉยฺยํฯ เต ตตฺถ อุโภปิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กเรยฺยามฯ เอกํ เจ สมโณ โคตโม อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กริสฺสติ, ทฺวาหํ กริสฺสามิฯ เทฺว เจ สมโณ โคตโม อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยานิ กริสฺสติ, จตฺตาราหํ กริสฺสามิฯ จตฺตาริ เจ สมโณ โคตโม อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยานิ กริสฺสติ , อฎฺฐาหํ กริสฺสามิฯ อิติ ยาวตกํ ยาวตกํ สมโณ โคตโม อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กริสฺสติ, ตทฺทิคุณํ ตทฺทิคุณาหํ กริสฺสามี’ติ อภิกฺกมเสฺสว 53 โข; อาวุโส ปาถิกปุตฺต, อุปฑฺฒปถํฯ สพฺพปฐมํเยว อาคนฺตฺวา สมโณ โคตโม อายสฺมโต อาราเม ทิวาวิหารํ นิสิโนฺน’ติฯ
‘Ehi tvaṃ, bho purisa, yena tindukakhāṇuparibbājakārāmo, yena acelo pāthikaputto tenupasaṅkama. Upasaṅkamitvā acelaṃ pāthikaputtaṃ evaṃ vadehi – abhikkamāvuso, pāthikaputta, abhikkantā abhiññātā abhiññātā licchavī, abhikkantā abhiññātā abhiññātā ca brāhmaṇamahāsālā gahapatinecayikā nānātitthiyā samaṇabrāhmaṇā, samaṇopi gotamo āyasmato ārāme divāvihāraṃ nisinno; bhāsitā kho pana te esā, āvuso pāthikaputta, vesāliyaṃ parisati vācā samaṇopi gotamo ñāṇavādo, ahampi ñāṇavādo. Ñāṇavādo kho pana ñāṇavādena arahati uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ dassetuṃ. Samaṇo gotamo upaḍḍhapathaṃ āgaccheyya ahampi upaḍḍhapathaṃ gaccheyyaṃ. Te tattha ubhopi uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ kareyyāma. Ekaṃ ce samaṇo gotamo uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karissati, dvāhaṃ karissāmi. Dve ce samaṇo gotamo uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyāni karissati, cattārāhaṃ karissāmi. Cattāri ce samaṇo gotamo uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyāni karissati , aṭṭhāhaṃ karissāmi. Iti yāvatakaṃ yāvatakaṃ samaṇo gotamo uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karissati, taddiguṇaṃ taddiguṇāhaṃ karissāmī’ti abhikkamasseva 54 kho; āvuso pāthikaputta, upaḍḍhapathaṃ. Sabbapaṭhamaṃyeva āgantvā samaṇo gotamo āyasmato ārāme divāvihāraṃ nisinno’ti.
๒๒. ‘‘เอวํ, โภติ โข, ภคฺคว, โส ปุริโส ตสฺสา ปริสาย ปฎิสฺสุตฺวา เยน ตินฺทุกขาณุปริพฺพาชการาโม, เยน อเจโล ปาถิกปุโตฺต เตนุปสงฺกมิฯ อุปสงฺกมิตฺวา อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘อภิกฺกมาวุโส ปาถิกปุตฺต, อภิกฺกนฺตา อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา ลิจฺฉวี, อภิกฺกนฺตา อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา จ พฺราหฺมณมหาสาลา คหปติเนจยิกา นานาติตฺถิยา สมณพฺราหฺมณาฯ สมโณปิ โคตโม อายสฺมโต อาราเม ทิวาวิหารํ นิสิโนฺนฯ ภาสิตา โข ปน เต เอสา, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, เวสาลิยํ ปริสติ วาจา – สมโณปิ โคตโม ญาณวาโท; อหมฺปิ ญาณวาโทฯ ญาณวาโท โข ปน ญาณวาเทน อรหติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ ทเสฺสตุํ…เป.… ตทฺทิคุณํ ตทฺทิคุณาหํ กริสฺสามีติฯ อภิกฺกมเสฺสว โข, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, อุปฑฺฒปถํฯ สพฺพปฐมํเยว อาคนฺตฺวา สมโณ โคตโม อายสฺมโต อาราเม ทิวาวิหารํ นิสิโนฺน’ติฯ
22. ‘‘Evaṃ, bhoti kho, bhaggava, so puriso tassā parisāya paṭissutvā yena tindukakhāṇuparibbājakārāmo, yena acelo pāthikaputto tenupasaṅkami. Upasaṅkamitvā acelaṃ pāthikaputtaṃ etadavoca – ‘abhikkamāvuso pāthikaputta, abhikkantā abhiññātā abhiññātā licchavī, abhikkantā abhiññātā abhiññātā ca brāhmaṇamahāsālā gahapatinecayikā nānātitthiyā samaṇabrāhmaṇā. Samaṇopi gotamo āyasmato ārāme divāvihāraṃ nisinno. Bhāsitā kho pana te esā, āvuso pāthikaputta, vesāliyaṃ parisati vācā – samaṇopi gotamo ñāṇavādo; ahampi ñāṇavādo. Ñāṇavādo kho pana ñāṇavādena arahati uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ dassetuṃ…pe… taddiguṇaṃ taddiguṇāhaṃ karissāmīti. Abhikkamasseva kho, āvuso pāthikaputta, upaḍḍhapathaṃ. Sabbapaṭhamaṃyeva āgantvā samaṇo gotamo āyasmato ārāme divāvihāraṃ nisinno’ti.
‘‘เอวํ วุเตฺต, ภคฺคว, อเจโล ปาถิกปุโตฺต ‘อายามิ อาวุโส, อายามิ อาวุโส’ติ วตฺวา ตเตฺถว สํสปฺปติ 55, น สโกฺกติ อาสนาปิ วุฎฺฐาตุํฯ อถ โข โส, ภคฺคว, ปุริโส อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘กิํ สุ นาม เต, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, ปาวฬา สุ นาม เต ปีฐกสฺมิํ อลฺลีนา, ปีฐกํ สุ นาม เต ปาวฬาสุ อลฺลีนํ? อายามิ อาวุโส, อายามิ อาวุโสติ วตฺวา ตเตฺถว สํสปฺปสิ, น สโกฺกสิ อาสนาปิ วุฎฺฐาตุ’นฺติฯ เอวมฺปิ โข, ภคฺคว, วุจฺจมาโน อเจโล ปาถิกปุโตฺต ‘อายามิ อาวุโส, อายามิ อาวุโส’ติ วตฺวา ตเตฺถว สํสปฺปติ , น สโกฺกติ อาสนาปิ วุฎฺฐาตุํฯ
‘‘Evaṃ vutte, bhaggava, acelo pāthikaputto ‘āyāmi āvuso, āyāmi āvuso’ti vatvā tattheva saṃsappati 56, na sakkoti āsanāpi vuṭṭhātuṃ. Atha kho so, bhaggava, puriso acelaṃ pāthikaputtaṃ etadavoca – ‘kiṃ su nāma te, āvuso pāthikaputta, pāvaḷā su nāma te pīṭhakasmiṃ allīnā, pīṭhakaṃ su nāma te pāvaḷāsu allīnaṃ? Āyāmi āvuso, āyāmi āvusoti vatvā tattheva saṃsappasi, na sakkosi āsanāpi vuṭṭhātu’nti. Evampi kho, bhaggava, vuccamāno acelo pāthikaputto ‘āyāmi āvuso, āyāmi āvuso’ti vatvā tattheva saṃsappati , na sakkoti āsanāpi vuṭṭhātuṃ.
๒๓. ‘‘ยทา โข โส, ภคฺคว, ปุริโส อญฺญาสิ – ‘ปราภูตรูโป อยํ อเจโล ปาถิกปุโตฺตฯ อายามิ อาวุโส, อายามิ อาวุโสติ วตฺวา ตเตฺถว สํสปฺปติ, น สโกฺกติ อาสนาปิ วุฎฺฐาตุ’นฺติฯ อถ ตํ ปริสํ อาคนฺตฺวา เอวมาโรเจสิ – ‘ปราภูตรูโป, โภ 57, อเจโล ปาถิกปุโตฺตฯ อายามิ อาวุโส, อายามิ อาวุโสติ วตฺวา ตเตฺถว สํสปฺปติ, น สโกฺกติ อาสนาปิ วุฎฺฐาตุ’นฺติฯ เอวํ วุเตฺต, อหํ, ภคฺคว, ตํ ปริสํ เอตทโวจํ – ‘อภโพฺพ โข, อาวุโส, อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา มม สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – ‘อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ คเจฺฉยฺย’นฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยาติฯ
23. ‘‘Yadā kho so, bhaggava, puriso aññāsi – ‘parābhūtarūpo ayaṃ acelo pāthikaputto. Āyāmi āvuso, āyāmi āvusoti vatvā tattheva saṃsappati, na sakkoti āsanāpi vuṭṭhātu’nti. Atha taṃ parisaṃ āgantvā evamārocesi – ‘parābhūtarūpo, bho 58, acelo pāthikaputto. Āyāmi āvuso, āyāmi āvusoti vatvā tattheva saṃsappati, na sakkoti āsanāpi vuṭṭhātu’nti. Evaṃ vutte, ahaṃ, bhaggava, taṃ parisaṃ etadavocaṃ – ‘abhabbo kho, āvuso, acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā mama sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ‘ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ gaccheyya’nti, muddhāpi tassa vipateyyāti.
ปฐมภาณวาโร นิฎฺฐิโตฯ
Paṭhamabhāṇavāro niṭṭhito.
๒๔. ‘‘อถ โข, ภคฺคว, อญฺญตโร ลิจฺฉวิมหามโตฺต อุฎฺฐายาสนา ตํ ปริสํ เอตทโวจ – ‘เตน หิ, โภ, มุหุตฺตํ ตาว อาคเมถ, ยาวาหํ คจฺฉามิ 59ฯ อเปฺปว นาม อหมฺปิ สกฺกุเณยฺยํ อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ อิมํ ปริสํ อาเนตุ’นฺติฯ
24. ‘‘Atha kho, bhaggava, aññataro licchavimahāmatto uṭṭhāyāsanā taṃ parisaṃ etadavoca – ‘tena hi, bho, muhuttaṃ tāva āgametha, yāvāhaṃ gacchāmi 60. Appeva nāma ahampi sakkuṇeyyaṃ acelaṃ pāthikaputtaṃ imaṃ parisaṃ ānetu’nti.
‘‘อถ โข โส, ภคฺคว, ลิจฺฉวิมหามโตฺต เยน ตินฺทุกขาณุปริพฺพาชการาโม, เยน อเจโล ปาถิกปุโตฺต เตนุปสงฺกมิฯ อุปสงฺกมิตฺวา อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘อภิกฺกมาวุโส ปาถิกปุตฺต, อภิกฺกนฺตํ เต เสโยฺย, อภิกฺกนฺตา อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา ลิจฺฉวี, อภิกฺกนฺตา อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา จ พฺราหฺมณมหาสาลา คหปติเนจยิกา นานาติตฺถิยา สมณพฺราหฺมณาฯ สมโณปิ โคตโม อายสฺมโต อาราเม ทิวาวิหารํ นิสิโนฺนฯ ภาสิตา โข ปน เต เอสา, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, เวสาลิยํ ปริสติ วาจา – สมโณปิ โคตโม ญาณวาโท…เป.… ตทฺทิคุณํ ตทฺทิคุณาหํ กริสฺสามีติฯ อภิกฺกมเสฺสว โข, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, อุปฑฺฒปถํฯ สพฺพปฐมํเยว อาคนฺตฺวา สมโณ โคตโม อายสฺมโต อาราเม ทิวาวิหารํ นิสิโนฺนฯ ภาสิตา โข ปเนสา, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, สมเณน โคตเมน ปริสติ วาจา – อภโพฺพ โข อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา มม สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ คเจฺฉยฺยนฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยาติฯ อภิกฺกมาวุโส ปาถิกปุตฺต, อภิกฺกมเนเนว เต ชยํ กริสฺสาม, สมณสฺส โคตมสฺส ปราชย’นฺติฯ
‘‘Atha kho so, bhaggava, licchavimahāmatto yena tindukakhāṇuparibbājakārāmo, yena acelo pāthikaputto tenupasaṅkami. Upasaṅkamitvā acelaṃ pāthikaputtaṃ etadavoca – ‘abhikkamāvuso pāthikaputta, abhikkantaṃ te seyyo, abhikkantā abhiññātā abhiññātā licchavī, abhikkantā abhiññātā abhiññātā ca brāhmaṇamahāsālā gahapatinecayikā nānātitthiyā samaṇabrāhmaṇā. Samaṇopi gotamo āyasmato ārāme divāvihāraṃ nisinno. Bhāsitā kho pana te esā, āvuso pāthikaputta, vesāliyaṃ parisati vācā – samaṇopi gotamo ñāṇavādo…pe… taddiguṇaṃ taddiguṇāhaṃ karissāmīti. Abhikkamasseva kho, āvuso pāthikaputta, upaḍḍhapathaṃ. Sabbapaṭhamaṃyeva āgantvā samaṇo gotamo āyasmato ārāme divāvihāraṃ nisinno. Bhāsitā kho panesā, āvuso pāthikaputta, samaṇena gotamena parisati vācā – abhabbo kho acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā mama sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ gaccheyyanti, muddhāpi tassa vipateyyāti. Abhikkamāvuso pāthikaputta, abhikkamaneneva te jayaṃ karissāma, samaṇassa gotamassa parājaya’nti.
‘‘เอวํ วุเตฺต, ภคฺคว, อเจโล ปาถิกปุโตฺต ‘อายามิ อาวุโส, อายามิ อาวุโส’ติ วตฺวา ตเตฺถว สํสปฺปติ, น สโกฺกติ อาสนาปิ วุฎฺฐาตุํฯ อถ โข โส, ภคฺคว, ลิจฺฉวิมหามโตฺต อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘กิํ สุ นาม เต, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, ปาวฬา สุ นาม เต ปีฐกสฺมิํ อลฺลีนา, ปีฐกํ สุ นาม เต ปาวฬาสุ อลฺลีนํ ? อายามิ อาวุโส, อายามิ อาวุโสติ วตฺวา ตเตฺถว สํสปฺปสิ, น สโกฺกสิ อาสนาปิ วุฎฺฐาตุ’นฺติ ฯ เอวมฺปิ โข, ภคฺคว, วุจฺจมาโน อเจโล ปาถิกปุโตฺต ‘อายามิ อาวุโส, อายามิ อาวุโส’ติ วตฺวา ตเตฺถว สํสปฺปติ, น สโกฺกติ อาสนาปิ วุฎฺฐาตุํฯ
‘‘Evaṃ vutte, bhaggava, acelo pāthikaputto ‘āyāmi āvuso, āyāmi āvuso’ti vatvā tattheva saṃsappati, na sakkoti āsanāpi vuṭṭhātuṃ. Atha kho so, bhaggava, licchavimahāmatto acelaṃ pāthikaputtaṃ etadavoca – ‘kiṃ su nāma te, āvuso pāthikaputta, pāvaḷā su nāma te pīṭhakasmiṃ allīnā, pīṭhakaṃ su nāma te pāvaḷāsu allīnaṃ ? Āyāmi āvuso, āyāmi āvusoti vatvā tattheva saṃsappasi, na sakkosi āsanāpi vuṭṭhātu’nti . Evampi kho, bhaggava, vuccamāno acelo pāthikaputto ‘āyāmi āvuso, āyāmi āvuso’ti vatvā tattheva saṃsappati, na sakkoti āsanāpi vuṭṭhātuṃ.
๒๕. ‘‘ยทา โข โส, ภคฺคว, ลิจฺฉวิมหามโตฺต อญฺญาสิ – ‘ปราภูตรูโป อยํ อเจโล ปาถิกปุโตฺต อายามิ อาวุโส, อายามิ อาวุโสติ วตฺวา ตเตฺถว สํสปฺปติ, น สโกฺกติ อาสนาปิ วุฎฺฐาตุ’นฺติฯ อถ ตํ ปริสํ อาคนฺตฺวา เอวมาโรเจสิ – ‘ปราภูตรูโป, โภ 61, อเจโล ปาถิกปุโตฺต อายามิ อาวุโส, อายามิ อาวุโสติ วตฺวา ตเตฺถว สํสปฺปติ, น สโกฺกติ อาสนาปิ วุฎฺฐาตุ’นฺติฯ เอวํ วุเตฺต, อหํ, ภคฺคว, ตํ ปริสํ เอตทโวจํ – ‘อภโพฺพ โข, อาวุโส, อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา มม สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ คเจฺฉยฺยนฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยฯ สเจ ปายสฺมนฺตานํ ลิจฺฉวีนํ เอวมสฺส – มยํ อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ วรตฺตาหิ 62 พนฺธิตฺวา โคยุเคหิ อาวิเญฺฉยฺยามาติ 63, ตา วรตฺตา ฉิเชฺชยฺยุํ ปาถิกปุโตฺต วาฯ อภโพฺพ ปน อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา มม สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ คเจฺฉยฺยนฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยา’ติฯ
25. ‘‘Yadā kho so, bhaggava, licchavimahāmatto aññāsi – ‘parābhūtarūpo ayaṃ acelo pāthikaputto āyāmi āvuso, āyāmi āvusoti vatvā tattheva saṃsappati, na sakkoti āsanāpi vuṭṭhātu’nti. Atha taṃ parisaṃ āgantvā evamārocesi – ‘parābhūtarūpo, bho 64, acelo pāthikaputto āyāmi āvuso, āyāmi āvusoti vatvā tattheva saṃsappati, na sakkoti āsanāpi vuṭṭhātu’nti. Evaṃ vutte, ahaṃ, bhaggava, taṃ parisaṃ etadavocaṃ – ‘abhabbo kho, āvuso, acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā mama sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ gaccheyyanti, muddhāpi tassa vipateyya. Sace pāyasmantānaṃ licchavīnaṃ evamassa – mayaṃ acelaṃ pāthikaputtaṃ varattāhi 65 bandhitvā goyugehi āviñcheyyāmāti 66, tā varattā chijjeyyuṃ pāthikaputto vā. Abhabbo pana acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā mama sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ gaccheyyanti, muddhāpi tassa vipateyyā’ti.
๒๖. ‘‘อถ โข, ภคฺคว, ชาลิโย ทารุปตฺติกเนฺตวาสี อุฎฺฐายาสนา ตํ ปริสํ เอตทโวจ – ‘เตน หิ, โภ, มุหุตฺตํ ตาว อาคเมถ, ยาวาหํ คจฺฉามิ; อเปฺปว นาม อหมฺปิ สกฺกุเณยฺยํ อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ อิมํ ปริสํ อาเนตุ’’นฺติฯ
26. ‘‘Atha kho, bhaggava, jāliyo dārupattikantevāsī uṭṭhāyāsanā taṃ parisaṃ etadavoca – ‘tena hi, bho, muhuttaṃ tāva āgametha, yāvāhaṃ gacchāmi; appeva nāma ahampi sakkuṇeyyaṃ acelaṃ pāthikaputtaṃ imaṃ parisaṃ ānetu’’nti.
‘‘อถ โข, ภคฺคว, ชาลิโย ทารุปตฺติกเนฺตวาสี เยน ตินฺทุกขาณุปริพฺพาชการาโม, เยน อเจโล ปาถิกปุโตฺต เตนุปสงฺกมิฯ อุปสงฺกมิตฺวา อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘อภิกฺกมาวุโส ปาถิกปุตฺต, อภิกฺกนฺตํ เต เสโยฺยฯ อภิกฺกนฺตา อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา ลิจฺฉวี, อภิกฺกนฺตา อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา จ พฺราหฺมณมหาสาลา คหปติเนจยิกา นานาติตฺถิยา สมณพฺราหฺมณาฯ สมโณปิ โคตโม อายสฺมโต อาราเม ทิวาวิหารํ นิสิโนฺนฯ ภาสิตา โข ปน เต เอสา, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, เวสาลิยํ ปริสติ วาจา – สมโณปิ โคตโม ญาณวาโท…เป.… ตทฺทิคุณํ ตทฺทิคุณาหํ กริสฺสามีติฯ อภิกฺกมเสฺสว, โข อาวุโส ปาถิกปุตฺต, อุปฑฺฒปถํฯ สพฺพปฐมํเยว อาคนฺตฺวา สมโณ โคตโม อายสฺมโต อาราเม ทิวาวิหารํ นิสิโนฺนฯ ภาสิตา โข ปเนสา, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, สมเณน โคตเมน ปริสติ วาจา – อภโพฺพ อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา มม สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ คเจฺฉยฺยนฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยฯ สเจ ปายสฺมนฺตานํ ลิจฺฉวีนํ เอวมสฺส – มยํ อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ วรตฺตาหิ พนฺธิตฺวา โคยุเคหิ อาวิเญฺฉยฺยามาติฯ ตา วรตฺตา ฉิเชฺชยฺยุํ ปาถิกปุโตฺต วาฯ อภโพฺพ ปน อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา มม สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ อาคเจฺฉยฺยนฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยาติฯ อภิกฺกมาวุโส ปาถิกปุตฺต, อภิกฺกมเนเนว เต ชยํ กริสฺสาม, สมณสฺส โคตมสฺส ปราชย’นฺติฯ
‘‘Atha kho, bhaggava, jāliyo dārupattikantevāsī yena tindukakhāṇuparibbājakārāmo, yena acelo pāthikaputto tenupasaṅkami. Upasaṅkamitvā acelaṃ pāthikaputtaṃ etadavoca – ‘abhikkamāvuso pāthikaputta, abhikkantaṃ te seyyo. Abhikkantā abhiññātā abhiññātā licchavī, abhikkantā abhiññātā abhiññātā ca brāhmaṇamahāsālā gahapatinecayikā nānātitthiyā samaṇabrāhmaṇā. Samaṇopi gotamo āyasmato ārāme divāvihāraṃ nisinno. Bhāsitā kho pana te esā, āvuso pāthikaputta, vesāliyaṃ parisati vācā – samaṇopi gotamo ñāṇavādo…pe… taddiguṇaṃ taddiguṇāhaṃ karissāmīti. Abhikkamasseva, kho āvuso pāthikaputta, upaḍḍhapathaṃ. Sabbapaṭhamaṃyeva āgantvā samaṇo gotamo āyasmato ārāme divāvihāraṃ nisinno. Bhāsitā kho panesā, āvuso pāthikaputta, samaṇena gotamena parisati vācā – abhabbo acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā mama sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ gaccheyyanti, muddhāpi tassa vipateyya. Sace pāyasmantānaṃ licchavīnaṃ evamassa – mayaṃ acelaṃ pāthikaputtaṃ varattāhi bandhitvā goyugehi āviñcheyyāmāti. Tā varattā chijjeyyuṃ pāthikaputto vā. Abhabbo pana acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā mama sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ āgaccheyyanti, muddhāpi tassa vipateyyāti. Abhikkamāvuso pāthikaputta, abhikkamaneneva te jayaṃ karissāma, samaṇassa gotamassa parājaya’nti.
‘‘เอวํ วุเตฺต, ภคฺคว, อเจโล ปาถิกปุโตฺต ‘อายามิ อาวุโส, อายามิ อาวุโส’ติ วตฺวา ตเตฺถว สํสปฺปติ, น สโกฺกติ อาสนาปิ วุฎฺฐาตุํฯ อถ โข, ภคฺคว, ชาลิโย ทารุปตฺติกเนฺตวาสี อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘กิํ สุ นาม เต, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, ปาวฬา สุ นาม เต ปีฐกสฺมิํ อลฺลีนา, ปีฐกํ สุ นาม เต ปาวฬาสุ อลฺลีนํ? อายามิ อาวุโส, อายามิ อาวุโสติ วตฺวา ตเตฺถว สํสปฺปสิ, น สโกฺกสิ อาสนาปิ วุฎฺฐาตุ’นฺติฯ เอวมฺปิ โข, ภคฺคว, วุจฺจมาโน อเจโล ปาถิกปุโตฺต ‘‘อายามิ อาวุโส, อายามิ อาวุโส’’ติ วตฺวา ตเตฺถว สํสปฺปติ, น สโกฺกติ อาสนาปิ วุฎฺฐาตุนฺติฯ
‘‘Evaṃ vutte, bhaggava, acelo pāthikaputto ‘āyāmi āvuso, āyāmi āvuso’ti vatvā tattheva saṃsappati, na sakkoti āsanāpi vuṭṭhātuṃ. Atha kho, bhaggava, jāliyo dārupattikantevāsī acelaṃ pāthikaputtaṃ etadavoca – ‘kiṃ su nāma te, āvuso pāthikaputta, pāvaḷā su nāma te pīṭhakasmiṃ allīnā, pīṭhakaṃ su nāma te pāvaḷāsu allīnaṃ? Āyāmi āvuso, āyāmi āvusoti vatvā tattheva saṃsappasi, na sakkosi āsanāpi vuṭṭhātu’nti. Evampi kho, bhaggava, vuccamāno acelo pāthikaputto ‘‘āyāmi āvuso, āyāmi āvuso’’ti vatvā tattheva saṃsappati, na sakkoti āsanāpi vuṭṭhātunti.
๒๗. ‘‘ยทา โข, ภคฺคว, ชาลิโย ทารุปตฺติกเนฺตวาสี อญฺญาสิ – ‘ปราภูตรูโป อยํ อเจโล ปาถิกปุโตฺต ‘อายามิ อาวุโส, อายามิ อาวุโสติ วตฺวา ตเตฺถว สํสปฺปติ, น สโกฺกติ อาสนาปิ วุฎฺฐาตุ’นฺติ, อถ นํ เอตทโวจ –
27. ‘‘Yadā kho, bhaggava, jāliyo dārupattikantevāsī aññāsi – ‘parābhūtarūpo ayaṃ acelo pāthikaputto ‘āyāmi āvuso, āyāmi āvusoti vatvā tattheva saṃsappati, na sakkoti āsanāpi vuṭṭhātu’nti, atha naṃ etadavoca –
‘ภูตปุพฺพํ, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, สีหสฺส มิครโญฺญ เอตทโหสิ – ยํนูนาหํ อญฺญตรํ วนสณฺฑํ นิสฺสาย อาสยํ กเปฺปยฺยํฯ ตตฺราสยํ กเปฺปตฺวา สายนฺหสมยํ อาสยา นิกฺขเมยฺยํ, อาสยา นิกฺขมิตฺวา วิชเมฺภยฺยํ, วิชมฺภิตฺวา สมนฺตา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกยฺยํ, สมนฺตา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นเทยฺยํ, ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกเมยฺยํฯ โส วรํ วรํ มิคสํเฆ 67 วธิตฺวา มุทุมํสานิ มุทุมํสานิ ภกฺขยิตฺวา ตเมว อาสยํ อชฺฌุเปยฺย’นฺติฯ
‘Bhūtapubbaṃ, āvuso pāthikaputta, sīhassa migarañño etadahosi – yaṃnūnāhaṃ aññataraṃ vanasaṇḍaṃ nissāya āsayaṃ kappeyyaṃ. Tatrāsayaṃ kappetvā sāyanhasamayaṃ āsayā nikkhameyyaṃ, āsayā nikkhamitvā vijambheyyaṃ, vijambhitvā samantā catuddisā anuvilokeyyaṃ, samantā catuddisā anuviloketvā tikkhattuṃ sīhanādaṃ nadeyyaṃ, tikkhattuṃ sīhanādaṃ naditvā gocarāya pakkameyyaṃ. So varaṃ varaṃ migasaṃghe 68 vadhitvā mudumaṃsāni mudumaṃsāni bhakkhayitvā tameva āsayaṃ ajjhupeyya’nti.
‘อถ โข, อาวุโส, โส สีโห มิคราชา อญฺญตรํ วนสณฺฑํ นิสฺสาย อาสยํ กเปฺปสิฯ ตตฺราสยํ กเปฺปตฺวา สายนฺหสมยํ อาสยา นิกฺขมิ, อาสยา นิกฺขมิตฺวา วิชมฺภิ, วิชมฺภิตฺวา สมนฺตา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกสิ, สมนฺตา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิ, ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกามิฯ โส วรํ วรํ มิคสเงฺฆ วธิตฺวา มุทุมํสานิ มุทุมํสานิ ภกฺขยิตฺวา ตเมว อาสยํ อชฺฌุเปสิฯ
‘Atha kho, āvuso, so sīho migarājā aññataraṃ vanasaṇḍaṃ nissāya āsayaṃ kappesi. Tatrāsayaṃ kappetvā sāyanhasamayaṃ āsayā nikkhami, āsayā nikkhamitvā vijambhi, vijambhitvā samantā catuddisā anuvilokesi, samantā catuddisā anuviloketvā tikkhattuṃ sīhanādaṃ nadi, tikkhattuṃ sīhanādaṃ naditvā gocarāya pakkāmi. So varaṃ varaṃ migasaṅghe vadhitvā mudumaṃsāni mudumaṃsāni bhakkhayitvā tameva āsayaṃ ajjhupesi.
๒๘. ‘ตเสฺสว โข, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, สีหสฺส มิครโญฺญ วิฆาสสํวโฑฺฒ ชรสิงฺคาโล 69 ทิโตฺต เจว พลวา จฯ อถ โข, อาวุโส, ตสฺส ชรสิงฺคาลสฺส เอตทโหสิ – โก จาหํ, โก สีโห มิคราชาฯ ยํนูนาหมฺปิ อญฺญตรํ วนสณฺฑํ นิสฺสาย อาสยํ กเปฺปยฺยํฯ ตตฺราสยํ กเปฺปตฺวา สายนฺหสมยํ อาสยา นิกฺขเมยฺยํ, อาสยา นิกฺขมิตฺวา วิชเมฺภยฺยํ, วิชมฺภิตฺวา สมนฺตา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกยฺยํ, สมนฺตา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นเทยฺยํ, ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกเมยฺยํฯ โส วรํ วรํ มิคสเงฺฆ วธิตฺวา มุทุมํสานิ มุทุมํสานิ ภกฺขยิตฺวา ตเมว อาสยํ อชฺฌุเปยฺย’นฺติฯ
28. ‘Tasseva kho, āvuso pāthikaputta, sīhassa migarañño vighāsasaṃvaḍḍho jarasiṅgālo 70 ditto ceva balavā ca. Atha kho, āvuso, tassa jarasiṅgālassa etadahosi – ko cāhaṃ, ko sīho migarājā. Yaṃnūnāhampi aññataraṃ vanasaṇḍaṃ nissāya āsayaṃ kappeyyaṃ. Tatrāsayaṃ kappetvā sāyanhasamayaṃ āsayā nikkhameyyaṃ, āsayā nikkhamitvā vijambheyyaṃ, vijambhitvā samantā catuddisā anuvilokeyyaṃ, samantā catuddisā anuviloketvā tikkhattuṃ sīhanādaṃ nadeyyaṃ, tikkhattuṃ sīhanādaṃ naditvā gocarāya pakkameyyaṃ. So varaṃ varaṃ migasaṅghe vadhitvā mudumaṃsāni mudumaṃsāni bhakkhayitvā tameva āsayaṃ ajjhupeyya’nti.
‘อถ โข โส, อาวุโส, ชรสิงฺคาโล อญฺญตรํ วนสณฺฑํ นิสฺสาย อาสยํ กเปฺปสิฯ ตตฺราสยํ กเปฺปตฺวา สายนฺหสมยํ อาสยา นิกฺขมิ, อาสยา นิกฺขมิตฺวา วิชมฺภิ, วิชมฺภิตฺวา สมนฺตา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกสิ, สมนฺตา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิสฺสามีติ สิงฺคาลกํเยว อนทิ เภรณฺฑกํเยว 71 อนทิ, เก จ ฉเว สิงฺคาเล, เก ปน สีหนาเทติ 72ฯ
‘Atha kho so, āvuso, jarasiṅgālo aññataraṃ vanasaṇḍaṃ nissāya āsayaṃ kappesi. Tatrāsayaṃ kappetvā sāyanhasamayaṃ āsayā nikkhami, āsayā nikkhamitvā vijambhi, vijambhitvā samantā catuddisā anuvilokesi, samantā catuddisā anuviloketvā tikkhattuṃ sīhanādaṃ nadissāmīti siṅgālakaṃyeva anadi bheraṇḍakaṃyeva 73 anadi, ke ca chave siṅgāle, ke pana sīhanādeti 74.
‘เอวเมว โข ตฺวํ, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, สุคตาปทาเนสุ ชีวมาโน สุคตาติริตฺตานิ ภุญฺชมาโน ตถาคเต อรหเนฺต สมฺมาสมฺพุเทฺธ อาสาเทตพฺพํ มญฺญสิฯ เก จ ฉเว ปาถิกปุเตฺต, กา จ ตถาคตานํ อรหนฺตานํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อาสาทนา’ติฯ
‘Evameva kho tvaṃ, āvuso pāthikaputta, sugatāpadānesu jīvamāno sugatātirittāni bhuñjamāno tathāgate arahante sammāsambuddhe āsādetabbaṃ maññasi. Ke ca chave pāthikaputte, kā ca tathāgatānaṃ arahantānaṃ sammāsambuddhānaṃ āsādanā’ti.
๒๙. ‘‘ยโต โข, ภคฺคว, ชาลิโย ทารุปตฺติกเนฺตวาสี อิมินา โอปเมฺมน เนว อสกฺขิ อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ ตมฺหา อาสนา จาเวตุํฯ อถ นํ เอตทโวจ –
29. ‘‘Yato kho, bhaggava, jāliyo dārupattikantevāsī iminā opammena neva asakkhi acelaṃ pāthikaputtaṃ tamhā āsanā cāvetuṃ. Atha naṃ etadavoca –
‘สีโหติ อตฺตานํ สเมกฺขิยาน,
‘Sīhoti attānaṃ samekkhiyāna,
อมญฺญิ โกตฺถุ มิคราชาหมสฺมิ;
Amaññi kotthu migarājāhamasmi;
เก จ ฉเว สิงฺคาเล เก ปน สีหนาเท’ติฯ
Ke ca chave siṅgāle ke pana sīhanāde’ti.
‘เอวเมว โข ตฺวํ, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, สุคตาปทาเนสุ ชีวมาโน สุคตาติริตฺตานิ ภุญฺชมาโน ตถาคเต อรหเนฺต สมฺมาสมฺพุเทฺธ อาสาเทตพฺพํ มญฺญสิฯ เก จ ฉเว ปาถิกปุเตฺต, กา จ ตถาคตานํ อรหนฺตานํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อาสาทนา’ติฯ
‘Evameva kho tvaṃ, āvuso pāthikaputta, sugatāpadānesu jīvamāno sugatātirittāni bhuñjamāno tathāgate arahante sammāsambuddhe āsādetabbaṃ maññasi. Ke ca chave pāthikaputte, kā ca tathāgatānaṃ arahantānaṃ sammāsambuddhānaṃ āsādanā’ti.
๓๐. ‘‘ยโต โข, ภคฺคว, ชาลิโย ทารุปตฺติกเนฺตวาสี อิมินาปิ โอปเมฺมน เนว อสกฺขิ อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ ตมฺหา อาสนา จาเวตุํฯ อถ นํ เอตทโวจ –
30. ‘‘Yato kho, bhaggava, jāliyo dārupattikantevāsī imināpi opammena neva asakkhi acelaṃ pāthikaputtaṃ tamhā āsanā cāvetuṃ. Atha naṃ etadavoca –
‘อญฺญํ อนุจงฺกมนํ, อตฺตานํ วิฆาเส สเมกฺขิย;
‘Aññaṃ anucaṅkamanaṃ, attānaṃ vighāse samekkhiya;
ยาว อตฺตานํ น ปสฺสติ, โกตฺถุ ตาว พฺยโคฺฆติ มญฺญติฯ
Yāva attānaṃ na passati, kotthu tāva byagghoti maññati.
ตเถว โส สิงฺคาลกํ อนทิ;
Tatheva so siṅgālakaṃ anadi;
เก จ ฉเว สิงฺคาเล เก ปน สีหนาเท’ติฯ
Ke ca chave siṅgāle ke pana sīhanāde’ti.
‘เอวเมว โข ตฺวํ, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, สุคตาปทาเนสุ ชีวมาโน สุคตาติริตฺตานิ ภุญฺชมาโน ตถาคเต อรหเนฺต สมฺมาสมฺพุเทฺธ อาสาเทตพฺพํ มญฺญสิฯ เก จ ฉเว ปาถิกปุเตฺต, กา จ ตถาคตานํ อรหนฺตานํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อาสาทนา’ติฯ
‘Evameva kho tvaṃ, āvuso pāthikaputta, sugatāpadānesu jīvamāno sugatātirittāni bhuñjamāno tathāgate arahante sammāsambuddhe āsādetabbaṃ maññasi. Ke ca chave pāthikaputte, kā ca tathāgatānaṃ arahantānaṃ sammāsambuddhānaṃ āsādanā’ti.
๓๑. ‘‘ยโต โข, ภคฺคว, ชาลิโย ทารุปตฺติกเนฺตวาสี อิมินาปิ โอปเมฺมน เนว อสกฺขิ อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ ตมฺหา อาสนา จาเวตุํฯ อถ นํ เอตทโวจ –
31. ‘‘Yato kho, bhaggava, jāliyo dārupattikantevāsī imināpi opammena neva asakkhi acelaṃ pāthikaputtaṃ tamhā āsanā cāvetuṃ. Atha naṃ etadavoca –
มหาวเน สุญฺญวเน วิวโฑฺฒ,
Mahāvane suññavane vivaḍḍho,
อมญฺญิ โกตฺถุ มิคราชาหมสฺมิฯ
Amaññi kotthu migarājāhamasmi.
ตเถว โส สิงฺคาลกํ อนทิ;
Tatheva so siṅgālakaṃ anadi;
เก จ ฉเว สิงฺคาเล เก ปน สีหนาเท’ติฯ
Ke ca chave siṅgāle ke pana sīhanāde’ti.
‘เอวเมว โข ตฺวํ, อาวุโส ปาถิกปุตฺต, สุคตาปทาเนสุ ชีวมาโน สุคตาติริตฺตานิ ภุญฺชมาโน ตถาคเต อรหเนฺต สมฺมาสมฺพุเทฺธ อาสาเทตพฺพํ มญฺญสิฯ เก จ ฉเว ปาถิกปุเตฺต, กา จ ตถาคตานํ อรหนฺตานํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อาสาทนา’ติฯ
‘Evameva kho tvaṃ, āvuso pāthikaputta, sugatāpadānesu jīvamāno sugatātirittāni bhuñjamāno tathāgate arahante sammāsambuddhe āsādetabbaṃ maññasi. Ke ca chave pāthikaputte, kā ca tathāgatānaṃ arahantānaṃ sammāsambuddhānaṃ āsādanā’ti.
๓๒. ‘‘ยโต โข, ภคฺคว, ชาลิโย ทารุปตฺติกเนฺตวาสี อิมินาปิ โอปเมฺมน เนว อสกฺขิ อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ ตมฺหา อาสนา จาเวตุํฯ อถ ตํ ปริสํ อาคนฺตฺวา เอวมาโรเจสิ – ‘ปราภูตรูโป, โภ, อเจโล ปาถิกปุโตฺต อายามิ อาวุโส, อายามิ อาวุโสติ วตฺวา ตเตฺถว สํสปฺปติ, น สโกฺกติ อาสนาปิ วุฎฺฐาตุ’นฺติฯ
32. ‘‘Yato kho, bhaggava, jāliyo dārupattikantevāsī imināpi opammena neva asakkhi acelaṃ pāthikaputtaṃ tamhā āsanā cāvetuṃ. Atha taṃ parisaṃ āgantvā evamārocesi – ‘parābhūtarūpo, bho, acelo pāthikaputto āyāmi āvuso, āyāmi āvusoti vatvā tattheva saṃsappati, na sakkoti āsanāpi vuṭṭhātu’nti.
๓๓. ‘‘เอวํ วุเตฺต, อหํ, ภคฺคว, ตํ ปริสํ เอตทโวจํ – ‘อภโพฺพ โข, อาวุโส, อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา มม สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ คเจฺฉยฺยนฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยฯ สเจปายสฺมนฺตานํ ลิจฺฉวีนํ เอวมสฺส – มยํ อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ วรตฺตาหิ พนฺธิตฺวา นาเคหิ 81 อาวิเญฺฉยฺยามาติ ฯ ตา วรตฺตา ฉิเชฺชยฺยุํ ปาถิกปุโตฺต วาฯ อภโพฺพ ปน อเจโล ปาถิกปุโตฺต ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา มม สมฺมุขีภาวํ อาคนฺตุํฯ สเจปิสฺส เอวมสฺส – อหํ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สมฺมุขีภาวํ คเจฺฉยฺยนฺติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยา’ติฯ
33. ‘‘Evaṃ vutte, ahaṃ, bhaggava, taṃ parisaṃ etadavocaṃ – ‘abhabbo kho, āvuso, acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā mama sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ gaccheyyanti, muddhāpi tassa vipateyya. Sacepāyasmantānaṃ licchavīnaṃ evamassa – mayaṃ acelaṃ pāthikaputtaṃ varattāhi bandhitvā nāgehi 82 āviñcheyyāmāti . Tā varattā chijjeyyuṃ pāthikaputto vā. Abhabbo pana acelo pāthikaputto taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā mama sammukhībhāvaṃ āgantuṃ. Sacepissa evamassa – ahaṃ taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā samaṇassa gotamassa sammukhībhāvaṃ gaccheyyanti, muddhāpi tassa vipateyyā’ti.
๓๔. ‘‘อถ ขฺวาหํ, ภคฺคว, ตํ ปริสํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิํ สมาทเปสิํ สมุเตฺตเชสิํ สมฺปหํเสสิํ, ตํ ปริสํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุเตฺตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา มหาพนฺธนา โมกฺขํ กริตฺวา จตุราสีติปาณสหสฺสานิ มหาวิทุคฺคา อุทฺธริตฺวา เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา สตฺตตาลํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อญฺญํ สตฺตตาลมฺปิ อจฺจิํ 83 อภินิมฺมินิตฺวา ปชฺชลิตฺวา ธูมายิตฺวา 84 มหาวเน กูฎาคารสาลายํ ปจฺจุฎฺฐาสิํฯ
34. ‘‘Atha khvāhaṃ, bhaggava, taṃ parisaṃ dhammiyā kathāya sandassesiṃ samādapesiṃ samuttejesiṃ sampahaṃsesiṃ, taṃ parisaṃ dhammiyā kathāya sandassetvā samādapetvā samuttejetvā sampahaṃsetvā mahābandhanā mokkhaṃ karitvā caturāsītipāṇasahassāni mahāviduggā uddharitvā tejodhātuṃ samāpajjitvā sattatālaṃ vehāsaṃ abbhuggantvā aññaṃ sattatālampi acciṃ 85 abhinimminitvā pajjalitvā dhūmāyitvā 86 mahāvane kūṭāgārasālāyaṃ paccuṭṭhāsiṃ.
๓๕. ‘‘อถ โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อหํ, ภคฺคว, สุนกฺขตฺตํ ลิจฺฉวิปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘ตํ กิํ มญฺญสิ, สุนกฺขตฺต, ยเถว เต อหํ อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ อารพฺภ พฺยากาสิํ, ตเถว ตํ วิปากํ อญฺญถา วา’ติ? ‘ยเถว เม, ภเนฺต, ภควา อเจลํ ปาถิกปุตฺตํ อารพฺภ พฺยากาสิ, ตเถว ตํ วิปากํ, โน อญฺญถา’ติฯ
35. ‘‘Atha kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho ahaṃ, bhaggava, sunakkhattaṃ licchaviputtaṃ etadavocaṃ – ‘taṃ kiṃ maññasi, sunakkhatta, yatheva te ahaṃ acelaṃ pāthikaputtaṃ ārabbha byākāsiṃ, tatheva taṃ vipākaṃ aññathā vā’ti? ‘Yatheva me, bhante, bhagavā acelaṃ pāthikaputtaṃ ārabbha byākāsi, tatheva taṃ vipākaṃ, no aññathā’ti.
‘ตํ กิํ มญฺญสิ, สุนกฺขตฺต, ยทิ เอวํ สเนฺต กตํ วา โหติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ, อกตํ วา’ติ? ‘อทฺธา โข, ภเนฺต, เอวํ สเนฺต กตํ โหติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ, โน อกต’นฺติฯ ‘เอวมฺปิ โข มํ ตฺวํ, โมฆปุริส, อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กโรนฺตํ เอวํ วเทสิ – น หิ ปน เม, ภเนฺต, ภควา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กโรตีติฯ ปสฺส, โมฆปุริส, ยาวญฺจ เต อิทํ อปรทฺธํ’ติฯ
‘Taṃ kiṃ maññasi, sunakkhatta, yadi evaṃ sante kataṃ vā hoti uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ, akataṃ vā’ti? ‘Addhā kho, bhante, evaṃ sante kataṃ hoti uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ, no akata’nti. ‘Evampi kho maṃ tvaṃ, moghapurisa, uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karontaṃ evaṃ vadesi – na hi pana me, bhante, bhagavā uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karotīti. Passa, moghapurisa, yāvañca te idaṃ aparaddhaṃ’ti.
‘‘เอวมฺปิ โข, ภคฺคว, สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต มยา วุจฺจมาโน อปกฺกเมว อิมสฺมา ธมฺมวินยา, ยถา ตํ อาปายิโก เนรยิโกฯ
‘‘Evampi kho, bhaggava, sunakkhatto licchaviputto mayā vuccamāno apakkameva imasmā dhammavinayā, yathā taṃ āpāyiko nerayiko.
อคฺคญฺญปญฺญตฺติกถา
Aggaññapaññattikathā
๓๗. ‘‘สนฺติ, ภคฺคว, เอเก สมณพฺราหฺมณา อิสฺสรกุตฺตํ พฺรหฺมกุตฺตํ อาจริยกํ อคฺคญฺญํ ปญฺญเปนฺติฯ ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘สจฺจํ กิร ตุเมฺห อายสฺมโนฺต อิสฺสรกุตฺตํ พฺรหฺมกุตฺตํ อาจริยกํ อคฺคญฺญํ ปญฺญเปถา’ติ? เต จ เม เอวํ ปุฎฺฐา, ‘อาโม’ติ 91 ปฎิชานนฺติฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘กถํวิหิตกํ ปน 92 ตุเมฺห อายสฺมโนฺต อิสฺสรกุตฺตํ พฺรหฺมกุตฺตํ อาจริยกํ อคฺคญฺญํ ปญฺญเปถา’ติ? เต มยา ปุฎฺฐา น สมฺปายนฺติ, อสมฺปายนฺตา มมเญฺญว ปฎิปุจฺฉนฺติฯ เตสาหํ ปุโฎฺฐ พฺยากโรมิ –
37. ‘‘Santi, bhaggava, eke samaṇabrāhmaṇā issarakuttaṃ brahmakuttaṃ ācariyakaṃ aggaññaṃ paññapenti. Tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘saccaṃ kira tumhe āyasmanto issarakuttaṃ brahmakuttaṃ ācariyakaṃ aggaññaṃ paññapethā’ti? Te ca me evaṃ puṭṭhā, ‘āmo’ti 93 paṭijānanti. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘kathaṃvihitakaṃ pana 94 tumhe āyasmanto issarakuttaṃ brahmakuttaṃ ācariyakaṃ aggaññaṃ paññapethā’ti? Te mayā puṭṭhā na sampāyanti, asampāyantā mamaññeva paṭipucchanti. Tesāhaṃ puṭṭho byākaromi –
๓๘. ‘โหติ โข โส, อาวุโส, สมโย ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน อยํ โลโก สํวฎฺฎติฯ สํวฎฺฎมาเน โลเก เยภุเยฺยน สตฺตา อาภสฺสรสํวตฺตนิกา โหนฺติฯ เต ตตฺถ โหนฺติ มโนมยา ปีติภกฺขา สยํปภา อนฺตลิกฺขจรา สุภฎฺฐายิโน จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติฎฺฐนฺติฯ
38. ‘Hoti kho so, āvuso, samayo yaṃ kadāci karahaci dīghassa addhuno accayena ayaṃ loko saṃvaṭṭati. Saṃvaṭṭamāne loke yebhuyyena sattā ābhassarasaṃvattanikā honti. Te tattha honti manomayā pītibhakkhā sayaṃpabhā antalikkhacarā subhaṭṭhāyino ciraṃ dīghamaddhānaṃ tiṭṭhanti.
‘โหติ โข โส, อาวุโส, สมโย ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน อยํ โลโก วิวฎฺฎติฯ วิวฎฺฎมาเน โลเก สุญฺญํ พฺรหฺมวิมานํ ปาตุภวติฯ อถ โข 95 อญฺญตโร สโตฺต อายุกฺขยา วา ปุญฺญกฺขยา วา อาภสฺสรกายา จวิตฺวา สุญฺญํ พฺรหฺมวิมานํ อุปปชฺชติ ฯ โส ตตฺถ โหติ มโนมโย ปีติภโกฺข สยํปโภ อนฺตลิกฺขจโร สุภฎฺฐายี, จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติฎฺฐติฯ
‘Hoti kho so, āvuso, samayo yaṃ kadāci karahaci dīghassa addhuno accayena ayaṃ loko vivaṭṭati. Vivaṭṭamāne loke suññaṃ brahmavimānaṃ pātubhavati. Atha kho 96 aññataro satto āyukkhayā vā puññakkhayā vā ābhassarakāyā cavitvā suññaṃ brahmavimānaṃ upapajjati . So tattha hoti manomayo pītibhakkho sayaṃpabho antalikkhacaro subhaṭṭhāyī, ciraṃ dīghamaddhānaṃ tiṭṭhati.
‘ตสฺส ตตฺถ เอกกสฺส ทีฆรตฺตํ นิวุสิตตฺตา อนภิรติ ปริตสฺสนา อุปฺปชฺชติ – อโห วต อเญฺญปิ สตฺตา อิตฺถตฺตํ อาคเจฺฉยฺยุนฺติฯ อถ อเญฺญปิ สตฺตา อายุกฺขยา วา ปุญฺญกฺขยา วา อาภสฺสรกายา จวิตฺวา พฺรหฺมวิมานํ อุปปชฺชนฺติ ตสฺส สตฺตสฺส สหพฺยตํฯ เตปิ ตตฺถ โหนฺติ มโนมยา ปีติภกฺขา สยํปภา อนฺตลิกฺขจรา สุภฎฺฐายิโน, จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติฎฺฐนฺติฯ
‘Tassa tattha ekakassa dīgharattaṃ nivusitattā anabhirati paritassanā uppajjati – aho vata aññepi sattā itthattaṃ āgaccheyyunti. Atha aññepi sattā āyukkhayā vā puññakkhayā vā ābhassarakāyā cavitvā brahmavimānaṃ upapajjanti tassa sattassa sahabyataṃ. Tepi tattha honti manomayā pītibhakkhā sayaṃpabhā antalikkhacarā subhaṭṭhāyino, ciraṃ dīghamaddhānaṃ tiṭṭhanti.
๓๙. ‘ตตฺราวุโส, โย โส สโตฺต ปฐมํ อุปปโนฺน, ตสฺส เอวํ โหติ – อหมสฺมิ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุทโส วสวตฺตี อิสฺสโร กตฺตา นิมฺมาตา เสโฎฺฐ สชิตา 97 วสี ปิตา ภูตภพฺยานํ, มยา อิเม สตฺตา นิมฺมิตาฯ ตํ กิสฺส เหตุ? มมญฺหิ ปุเพฺพ เอตทโหสิ – อโห วต อเญฺญปิ สตฺตา อิตฺถตฺตํ อาคเจฺฉยฺยุนฺติ; อิติ มม จ มโนปณิธิฯ อิเม จ สตฺตา อิตฺถตฺตํ อาคตาติฯ
39. ‘Tatrāvuso, yo so satto paṭhamaṃ upapanno, tassa evaṃ hoti – ahamasmi brahmā mahābrahmā abhibhū anabhibhūto aññadatthudaso vasavattī issaro kattā nimmātā seṭṭho sajitā 98 vasī pitā bhūtabhabyānaṃ, mayā ime sattā nimmitā. Taṃ kissa hetu? Mamañhi pubbe etadahosi – aho vata aññepi sattā itthattaṃ āgaccheyyunti; iti mama ca manopaṇidhi. Ime ca sattā itthattaṃ āgatāti.
‘เยปิ เต สตฺตา ปจฺฉา อุปปนฺนา, เตสมฺปิ เอวํ โหติ – อยํ โข ภวํ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุทโส วสวตฺตี อิสฺสโร กตฺตา นิมฺมาตา เสโฎฺฐ สชิตา วสี ปิตา ภูตภพฺยานํ; อิมินา มยํ โภตา พฺรหฺมุนา นิมฺมิตาฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อิมญฺหิ มยํ อทฺทสาม อิธ ปฐมํ อุปปนฺนํ; มยํ ปนามฺห ปจฺฉา อุปปนฺนาติฯ
‘Yepi te sattā pacchā upapannā, tesampi evaṃ hoti – ayaṃ kho bhavaṃ brahmā mahābrahmā abhibhū anabhibhūto aññadatthudaso vasavattī issaro kattā nimmātā seṭṭho sajitā vasī pitā bhūtabhabyānaṃ; iminā mayaṃ bhotā brahmunā nimmitā. Taṃ kissa hetu? Imañhi mayaṃ addasāma idha paṭhamaṃ upapannaṃ; mayaṃ panāmha pacchā upapannāti.
๔๐. ‘ตตฺราวุโส , โย โส สโตฺต ปฐมํ อุปปโนฺน, โส ทีฆายุกตโร จ โหติ วณฺณวนฺตตโร จ มเหสกฺขตโร จฯ เย ปน เต สตฺตา ปจฺฉา อุปปนฺนา, เต อปฺปายุกตรา จ โหนฺติ ทุพฺพณฺณตรา จ อเปฺปสกฺขตรา จฯ
40. ‘Tatrāvuso , yo so satto paṭhamaṃ upapanno, so dīghāyukataro ca hoti vaṇṇavantataro ca mahesakkhataro ca. Ye pana te sattā pacchā upapannā, te appāyukatarā ca honti dubbaṇṇatarā ca appesakkhatarā ca.
‘ฐานํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ, ยํ อญฺญตโร สโตฺต ตมฺหา กายา จวิตฺวา อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉติฯ อิตฺถตฺตํ อาคโต สมาโน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต ตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ; ตโต ปรํ นานุสฺสรติฯ
‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, āvuso, vijjati, yaṃ aññataro satto tamhā kāyā cavitvā itthattaṃ āgacchati. Itthattaṃ āgato samāno agārasmā anagāriyaṃ pabbajati. Agārasmā anagāriyaṃ pabbajito samāno ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte taṃ pubbenivāsaṃ anussarati; tato paraṃ nānussarati.
‘โส เอวมาห – โย โข โส ภวํ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุทโส วสวตฺตี อิสฺสโร กตฺตา นิมฺมาตา เสโฎฺฐ สชิตา วสี ปิตา ภูตภพฺยานํ, เยน มยํ โภตา พฺรหฺมุนา นิมฺมิตาฯ โส นิโจฺจ ธุโว 99 สสฺสโต อวิปริณามธโมฺม สสฺสติสมํ ตเถว ฐสฺสติฯ เย ปน มยํ อหุมฺหา เตน โภตา พฺรหฺมุนา นิมฺมิตา, เต มยํ อนิจฺจา อทฺธุวา 100 อปฺปายุกา จวนธมฺมา อิตฺถตฺตํ อาคตา’ติฯ เอวํวิหิตกํ โน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต อิสฺสรกุตฺตํ พฺรหฺมกุตฺตํ อาจริยกํ อคฺคญฺญํ ปญฺญเปถาติฯ ‘เต เอวมาหํสุ – เอวํ โข โน, อาวุโส โคตม, สุตํ, ยเถวายสฺมา โคตโม อาหา’ติฯ ‘‘อคฺคญฺญญฺจาหํ, ภคฺคว, ปชานามิฯ ตญฺจ ปชานามิ, ตโต จ อุตฺตริตรํ ปชานามิ, ตญฺจ ปชานํ น ปรามสามิ, อปรามสโต จ เม ปจฺจตฺตเญฺญว นิพฺพุติ วิทิตาฯ ยทภิชานํ ตถาคโต โน อนยํ อาปชฺชติฯ
‘So evamāha – yo kho so bhavaṃ brahmā mahābrahmā abhibhū anabhibhūto aññadatthudaso vasavattī issaro kattā nimmātā seṭṭho sajitā vasī pitā bhūtabhabyānaṃ, yena mayaṃ bhotā brahmunā nimmitā. So nicco dhuvo 101 sassato avipariṇāmadhammo sassatisamaṃ tatheva ṭhassati. Ye pana mayaṃ ahumhā tena bhotā brahmunā nimmitā, te mayaṃ aniccā addhuvā 102 appāyukā cavanadhammā itthattaṃ āgatā’ti. Evaṃvihitakaṃ no tumhe āyasmanto issarakuttaṃ brahmakuttaṃ ācariyakaṃ aggaññaṃ paññapethāti. ‘Te evamāhaṃsu – evaṃ kho no, āvuso gotama, sutaṃ, yathevāyasmā gotamo āhā’ti. ‘‘Aggaññañcāhaṃ, bhaggava, pajānāmi. Tañca pajānāmi, tato ca uttaritaraṃ pajānāmi, tañca pajānaṃ na parāmasāmi, aparāmasato ca me paccattaññeva nibbuti viditā. Yadabhijānaṃ tathāgato no anayaṃ āpajjati.
๔๑. ‘‘สนฺติ, ภคฺคว, เอเก สมณพฺราหฺมณา ขิฑฺฑาปโทสิกํ อาจริยกํ อคฺคญฺญํ ปญฺญเปนฺติฯ ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘สจฺจํ กิร ตุเมฺห อายสฺมโนฺต ขิฑฺฑาปโทสิกํ อาจริยกํ อคฺคญฺญํ ปญฺญเปถา’ติ? เต จ เม เอวํ ปุฎฺฐา ‘อาโม’ติ ปฎิชานนฺติฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘กถํวิหิตกํ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต ขิฑฺฑาปโทสิกํ อาจริยกํ อคฺคญฺญํ ปญฺญเปถา’ติ? เต มยา ปุฎฺฐา น สมฺปายนฺติ, อสมฺปายนฺตา มมเญฺญว ปฎิปุจฺฉนฺติ, เตสาหํ ปุโฎฺฐ พฺยากโรมิ –
41. ‘‘Santi, bhaggava, eke samaṇabrāhmaṇā khiḍḍāpadosikaṃ ācariyakaṃ aggaññaṃ paññapenti. Tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘saccaṃ kira tumhe āyasmanto khiḍḍāpadosikaṃ ācariyakaṃ aggaññaṃ paññapethā’ti? Te ca me evaṃ puṭṭhā ‘āmo’ti paṭijānanti. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘kathaṃvihitakaṃ pana tumhe āyasmanto khiḍḍāpadosikaṃ ācariyakaṃ aggaññaṃ paññapethā’ti? Te mayā puṭṭhā na sampāyanti, asampāyantā mamaññeva paṭipucchanti, tesāhaṃ puṭṭho byākaromi –
‘ฐานํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ, ยํ อญฺญตโร สโตฺต ตมฺหา กายา จวิตฺวา อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉติ, อิตฺถตฺตํ อาคโต สมาโน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต ตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ; ตโต ปรํ นานุสฺสรติฯ
‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, āvuso, vijjati, yaṃ aññataro satto tamhā kāyā cavitvā itthattaṃ āgacchati, itthattaṃ āgato samāno agārasmā anagāriyaṃ pabbajati, agārasmā anagāriyaṃ pabbajito samāno ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte taṃ pubbenivāsaṃ anussarati; tato paraṃ nānussarati.
‘โส เอวมาห – เย โข เต โภโนฺต เทวา น ขิฑฺฑาปโทสิกา เต น อติเวลํ หสฺสขิฑฺฑารติธมฺมสมาปนฺนา วิหรนฺติฯ เตสํ นาติเวลํ หสฺสขิฑฺฑารติธมฺมสมาปนฺนานํ วิหรตํ สติ น สมฺมุสฺสติ, สติยา อสโมฺมสา เต เทวา ตมฺหา กายา น จวนฺติ, นิจฺจา ธุวา สสฺสตา อวิปริณามธมฺมา สสฺสติสมํ ตเถว ฐสฺสนฺติฯ เย ปน มยํ อหุมฺหา ขิฑฺฑาปโทสิกา เต มยํ อติเวลํ หสฺสขิฑฺฑารติธมฺมสมาปนฺนา วิหริมฺหา, เตสํ โน อติเวลํ หสฺสขิฑฺฑารติธมฺมสมาปนฺนานํ วิหรตํ สติ สมฺมุสฺสติ, สติยา สโมฺมสา เอวํ 107 มยํ ตมฺหา กายา จุตา, อนิจฺจา อทฺธุวา อปฺปายุกา จวนธมฺมา อิตฺถตฺตํ อาคตาติฯ เอวํวิหิตกํ โน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต ขิฑฺฑาปโทสิกํ อาจริยกํ อคฺคญฺญํ ปญฺญเปถา’ติฯ ‘เต เอวมาหํสุ – เอวํ โข โน, อาวุโส โคตม, สุตํ, ยเถวายสฺมา โคตโม อาหา’ติฯ ‘‘อคฺคญฺญญฺจาหํ, ภคฺคว, ปชานามิ…เป.… ยทภิชานํ ตถาคโต โน อนยํ อาปชฺชติฯ
‘So evamāha – ye kho te bhonto devā na khiḍḍāpadosikā te na ativelaṃ hassakhiḍḍāratidhammasamāpannā viharanti. Tesaṃ nātivelaṃ hassakhiḍḍāratidhammasamāpannānaṃ viharataṃ sati na sammussati, satiyā asammosā te devā tamhā kāyā na cavanti, niccā dhuvā sassatā avipariṇāmadhammā sassatisamaṃ tatheva ṭhassanti. Ye pana mayaṃ ahumhā khiḍḍāpadosikā te mayaṃ ativelaṃ hassakhiḍḍāratidhammasamāpannā viharimhā, tesaṃ no ativelaṃ hassakhiḍḍāratidhammasamāpannānaṃ viharataṃ sati sammussati, satiyā sammosā evaṃ 108 mayaṃ tamhā kāyā cutā, aniccā addhuvā appāyukā cavanadhammā itthattaṃ āgatāti. Evaṃvihitakaṃ no tumhe āyasmanto khiḍḍāpadosikaṃ ācariyakaṃ aggaññaṃ paññapethā’ti. ‘Te evamāhaṃsu – evaṃ kho no, āvuso gotama, sutaṃ, yathevāyasmā gotamo āhā’ti. ‘‘Aggaññañcāhaṃ, bhaggava, pajānāmi…pe… yadabhijānaṃ tathāgato no anayaṃ āpajjati.
๔๓. ‘‘สนฺติ, ภคฺคว, เอเก สมณพฺราหฺมณา มโนปโทสิกํ อาจริยกํ อคฺคญฺญํ ปญฺญเปนฺติฯ ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘สจฺจํ กิร ตุเมฺห อายสฺมโนฺต มโนปโทสิกํ อาจริยกํ อคฺคญฺญํ ปญฺญเปถา’ติ? เต จ เม เอวํ ปุฎฺฐา ‘อาโม’ติ ปฎิชานนฺติฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘กถํวิหิตกํ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต มโนปโทสิกํ อาจริยกํ อคฺคญฺญํ ปญฺญเปถา’ติ? เต มยา ปุฎฺฐา น สมฺปายนฺติ, อสมฺปายนฺตา มมเญฺญว ปฎิปุจฺฉนฺติฯ เตสาหํ ปุโฎฺฐ พฺยากโรมิ –
43. ‘‘Santi, bhaggava, eke samaṇabrāhmaṇā manopadosikaṃ ācariyakaṃ aggaññaṃ paññapenti. Tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘saccaṃ kira tumhe āyasmanto manopadosikaṃ ācariyakaṃ aggaññaṃ paññapethā’ti? Te ca me evaṃ puṭṭhā ‘āmo’ti paṭijānanti. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘kathaṃvihitakaṃ pana tumhe āyasmanto manopadosikaṃ ācariyakaṃ aggaññaṃ paññapethā’ti? Te mayā puṭṭhā na sampāyanti, asampāyantā mamaññeva paṭipucchanti. Tesāhaṃ puṭṭho byākaromi –
๔๔. ‘สนฺตาวุโส, มโนปโทสิกา นาม เทวาฯ เต อติเวลํ อญฺญมญฺญํ อุปนิชฺฌายนฺติฯ เต อติเวลํ อญฺญมญฺญํ อุปนิชฺฌายนฺตา อญฺญมญฺญมฺหิ จิตฺตานิ ปทูเสนฺติฯ เต อญฺญมญฺญํ ปทุฎฺฐจิตฺตา กิลนฺตกายา กิลนฺตจิตฺตาฯ เต เทวา ตมฺหา กายา จวนฺติฯ
44. ‘Santāvuso, manopadosikā nāma devā. Te ativelaṃ aññamaññaṃ upanijjhāyanti. Te ativelaṃ aññamaññaṃ upanijjhāyantā aññamaññamhi cittāni padūsenti. Te aññamaññaṃ paduṭṭhacittā kilantakāyā kilantacittā. Te devā tamhā kāyā cavanti.
‘ฐานํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ, ยํ อญฺญตโร สโตฺต ตมฺหา กายา จวิตฺวา อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉติฯ อิตฺถตฺตํ อาคโต สมาโน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต ตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ, ตโต ปรํ นานุสฺสรติฯ
‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, āvuso, vijjati, yaṃ aññataro satto tamhā kāyā cavitvā itthattaṃ āgacchati. Itthattaṃ āgato samāno agārasmā anagāriyaṃ pabbajati. Agārasmā anagāriyaṃ pabbajito samāno ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte taṃ pubbenivāsaṃ anussarati, tato paraṃ nānussarati.
‘โส เอวมาห – เย โข เต โภโนฺต เทวา น มโนปโทสิกา เต นาติเวลํ อญฺญมญฺญํ อุปนิชฺฌายนฺติฯ เต นาติเวลํ อญฺญมญฺญํ อุปนิชฺฌายนฺตา อญฺญมญฺญมฺหิ จิตฺตานิ นปฺปทูเสนฺติฯ เต อญฺญมญฺญํ อปฺปทุฎฺฐจิตฺตา อกิลนฺตกายา อกิลนฺตจิตฺตาฯ เต เทวา ตมฺหา 109 กายา น จวนฺติ, นิจฺจา ธุวา สสฺสตา อวิปริณามธมฺมา สสฺสติสมํ ตเถว ฐสฺสนฺติฯ เย ปน มยํ อหุมฺหา มโนปโทสิกา, เต มยํ อติเวลํ อญฺญมญฺญํ อุปนิชฺฌายิมฺหาฯ เต มยํ อติเวลํ อญฺญมญฺญํ อุปนิชฺฌายนฺตา อญฺญมญฺญมฺหิ จิตฺตานิ ปทูสิมฺหา 110ฯ เต มยํ อญฺญมญฺญํ ปทุฎฺฐจิตฺตา กิลนฺตกายา กิลนฺตจิตฺตาฯ เอวํ มยํ 111 ตมฺหา กายา จุตา, อนิจฺจา อทฺธุวา อปฺปายุกา จวนธมฺมา อิตฺถตฺตํ อาคตาติฯ เอวํวิหิตกํ โน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต มโนปโทสิกํ อาจริยกํ อคฺคญฺญํ ปญฺญเปถา’ติฯ ‘เต เอวมาหํสุ – เอวํ โข โน, อาวุโส โคตม, สุตํ, ยเถวายสฺมา โคตโม อาหา’ติฯ ‘‘อคฺคญฺญญฺจาหํ, ภคฺคว, ปชานามิ…เป.… ยทภิชานํ ตถาคโต โน อนยํ อาปชฺชติฯ
‘So evamāha – ye kho te bhonto devā na manopadosikā te nātivelaṃ aññamaññaṃ upanijjhāyanti. Te nātivelaṃ aññamaññaṃ upanijjhāyantā aññamaññamhi cittāni nappadūsenti. Te aññamaññaṃ appaduṭṭhacittā akilantakāyā akilantacittā. Te devā tamhā 112 kāyā na cavanti, niccā dhuvā sassatā avipariṇāmadhammā sassatisamaṃ tatheva ṭhassanti. Ye pana mayaṃ ahumhā manopadosikā, te mayaṃ ativelaṃ aññamaññaṃ upanijjhāyimhā. Te mayaṃ ativelaṃ aññamaññaṃ upanijjhāyantā aññamaññamhi cittāni padūsimhā 113. Te mayaṃ aññamaññaṃ paduṭṭhacittā kilantakāyā kilantacittā. Evaṃ mayaṃ 114 tamhā kāyā cutā, aniccā addhuvā appāyukā cavanadhammā itthattaṃ āgatāti. Evaṃvihitakaṃ no tumhe āyasmanto manopadosikaṃ ācariyakaṃ aggaññaṃ paññapethā’ti. ‘Te evamāhaṃsu – evaṃ kho no, āvuso gotama, sutaṃ, yathevāyasmā gotamo āhā’ti. ‘‘Aggaññañcāhaṃ, bhaggava, pajānāmi…pe… yadabhijānaṃ tathāgato no anayaṃ āpajjati.
๔๕. ‘‘สนฺติ, ภคฺคว, เอเก สมณพฺราหฺมณา อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อาจริยกํ อคฺคญฺญํ ปญฺญเปนฺติฯ ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘สจฺจํ กิร ตุเมฺห อายสฺมโนฺต อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อาจริยกํ อคฺคญฺญํ ปญฺญเปถา’ติ? เต จ เม เอวํ ปุฎฺฐา ‘อาโม’ติ ปฎิชานนฺติฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘กถํวิหิตกํ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อาจริยกํ อคฺคญฺญํ ปญฺญเปถา’ติ? เต มยา ปุฎฺฐา น สมฺปายนฺติ, อสมฺปายนฺตา มมเญฺญว ปฎิปุจฺฉนฺติฯ เตสาหํ ปุโฎฺฐ พฺยากโรมิ –
45. ‘‘Santi, bhaggava, eke samaṇabrāhmaṇā adhiccasamuppannaṃ ācariyakaṃ aggaññaṃ paññapenti. Tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘saccaṃ kira tumhe āyasmanto adhiccasamuppannaṃ ācariyakaṃ aggaññaṃ paññapethā’ti? Te ca me evaṃ puṭṭhā ‘āmo’ti paṭijānanti. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘kathaṃvihitakaṃ pana tumhe āyasmanto adhiccasamuppannaṃ ācariyakaṃ aggaññaṃ paññapethā’ti? Te mayā puṭṭhā na sampāyanti, asampāyantā mamaññeva paṭipucchanti. Tesāhaṃ puṭṭho byākaromi –
๔๖. ‘สนฺตาวุโส, อสญฺญสตฺตา นาม เทวาฯ สญฺญุปฺปาทา จ ปน เต เทวา ตมฺหา กายา จวนฺติฯ
46. ‘Santāvuso, asaññasattā nāma devā. Saññuppādā ca pana te devā tamhā kāyā cavanti.
‘ฐานํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติฯ ยํ อญฺญตโร สโตฺต ตมฺหา กายา จวิตฺวา อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉติฯ อิตฺถตฺตํ อาคโต สมาโน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต ตํ 115 สญฺญุปฺปาทํ อนุสฺสรติ, ตโต ปรํ นานุสฺสรติฯ
‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, āvuso, vijjati. Yaṃ aññataro satto tamhā kāyā cavitvā itthattaṃ āgacchati. Itthattaṃ āgato samāno agārasmā anagāriyaṃ pabbajati. Agārasmā anagāriyaṃ pabbajito samāno ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte taṃ 116 saññuppādaṃ anussarati, tato paraṃ nānussarati.
‘โส เอวมาห – อธิจฺจสมุปฺปโนฺน อตฺตา จ โลโก จฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อหญฺหิ ปุเพฺพ นาโหสิํ, โสมฺหิ เอตรหิ อหุตฺวา สนฺตตาย 117 ปริณโตติฯ เอวํวิหิตกํ โน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อาจริยกํ อคฺคญฺญํ ปญฺญเปถา’ติ? ‘เต เอวมาหํสุ – เอวํ โข โน, อาวุโส โคตม, สุตํ ยเถวายสฺมา โคตโม อาหา’ติฯ ‘‘อคฺคญฺญญฺจาหํ, ภคฺคว, ปชานามิ ตญฺจ ปชานามิ, ตโต จ อุตฺตริตรํ ปชานามิ, ตญฺจ ปชานํ น ปรามสามิ, อปรามสโต จ เม ปจฺจตฺตเญฺญว นิพฺพุติ วิทิตาฯ ยทภิชานํ ตถาคโต โน อนยํ อาปชฺชติฯ
‘So evamāha – adhiccasamuppanno attā ca loko ca. Taṃ kissa hetu? Ahañhi pubbe nāhosiṃ, somhi etarahi ahutvā santatāya 118 pariṇatoti. Evaṃvihitakaṃ no tumhe āyasmanto adhiccasamuppannaṃ ācariyakaṃ aggaññaṃ paññapethā’ti? ‘Te evamāhaṃsu – evaṃ kho no, āvuso gotama, sutaṃ yathevāyasmā gotamo āhā’ti. ‘‘Aggaññañcāhaṃ, bhaggava, pajānāmi tañca pajānāmi, tato ca uttaritaraṃ pajānāmi, tañca pajānaṃ na parāmasāmi, aparāmasato ca me paccattaññeva nibbuti viditā. Yadabhijānaṃ tathāgato no anayaṃ āpajjati.
๔๗. ‘‘เอวํวาทิํ โข มํ, ภคฺคว, เอวมกฺขายิํ เอเก สมณพฺราหฺมณา อสตา ตุจฺฉา มุสา อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ – ‘วิปรีโต สมโณ โคตโม ภิกฺขโว จฯ สมโณ โคตโม เอวมาห – ยสฺมิํ สมเย สุภํ วิโมกฺขํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, สพฺพํ ตสฺมิํ สมเย อสุภเนฺตฺวว 119 ปชานาตี’ติ 120ฯ น โข ปนาหํ, ภคฺคว, เอวํ วทามิ – ‘ยสฺมิํ สมเย สุภํ วิโมกฺขํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, สพฺพํ ตสฺมิํ สมเย อสุภเนฺตฺวว ปชานาตี’ติฯ เอวญฺจ ขฺวาหํ, ภคฺคว, วทามิ – ‘ยสฺมิํ สมเย สุภํ วิโมกฺขํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, สุภเนฺตฺวว ตสฺมิํ สมเย ปชานาตี’ติฯ
47. ‘‘Evaṃvādiṃ kho maṃ, bhaggava, evamakkhāyiṃ eke samaṇabrāhmaṇā asatā tucchā musā abhūtena abbhācikkhanti – ‘viparīto samaṇo gotamo bhikkhavo ca. Samaṇo gotamo evamāha – yasmiṃ samaye subhaṃ vimokkhaṃ upasampajja viharati, sabbaṃ tasmiṃ samaye asubhantveva 121 pajānātī’ti 122. Na kho panāhaṃ, bhaggava, evaṃ vadāmi – ‘yasmiṃ samaye subhaṃ vimokkhaṃ upasampajja viharati, sabbaṃ tasmiṃ samaye asubhantveva pajānātī’ti. Evañca khvāhaṃ, bhaggava, vadāmi – ‘yasmiṃ samaye subhaṃ vimokkhaṃ upasampajja viharati, subhantveva tasmiṃ samaye pajānātī’ti.
‘‘เต จ, ภเนฺต, วิปรีตา, เย ภควนฺตํ วิปรีตโต ทหนฺติ ภิกฺขโว จฯ เอวํปสโนฺน อหํ, ภเนฺต, ภควติฯ ปโหติ เม ภควา ตถา ธมฺมํ เทเสตุํ, ยถา อหํ สุภํ วิโมกฺขํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’’นฺติฯ
‘‘Te ca, bhante, viparītā, ye bhagavantaṃ viparītato dahanti bhikkhavo ca. Evaṃpasanno ahaṃ, bhante, bhagavati. Pahoti me bhagavā tathā dhammaṃ desetuṃ, yathā ahaṃ subhaṃ vimokkhaṃ upasampajja vihareyya’’nti.
๔๘. ‘‘ทุกฺกรํ โข เอตํ, ภคฺคว, ตยา อญฺญทิฎฺฐิเกน อญฺญขนฺติเกน อญฺญรุจิเกน อญฺญตฺราโยเคน อญฺญตฺราจริยเกน สุภํ วิโมกฺขํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํฯ อิงฺฆ ตฺวํ, ภคฺคว, โย จ เต อยํ มยิ ปสาโท, ตเมว ตฺวํ สาธุกมนุรกฺขา’’ติฯ ‘‘สเจ ตํ, ภเนฺต, มยา ทุกฺกรํ อญฺญทิฎฺฐิเกน อญฺญขนฺติเกน อญฺญรุจิเกน อญฺญตฺราโยเคน อญฺญตฺราจริยเกน สุภํ วิโมกฺขํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํฯ โย จ เม อยํ, ภเนฺต, ภควติ ปสาโท, ตเมวาหํ สาธุกมนุรกฺขิสฺสามี’’ติฯ อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน ภคฺควโคโตฺต ปริพฺพาชโก ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
48. ‘‘Dukkaraṃ kho etaṃ, bhaggava, tayā aññadiṭṭhikena aññakhantikena aññarucikena aññatrāyogena aññatrācariyakena subhaṃ vimokkhaṃ upasampajja viharituṃ. Iṅgha tvaṃ, bhaggava, yo ca te ayaṃ mayi pasādo, tameva tvaṃ sādhukamanurakkhā’’ti. ‘‘Sace taṃ, bhante, mayā dukkaraṃ aññadiṭṭhikena aññakhantikena aññarucikena aññatrāyogena aññatrācariyakena subhaṃ vimokkhaṃ upasampajja viharituṃ. Yo ca me ayaṃ, bhante, bhagavati pasādo, tamevāhaṃ sādhukamanurakkhissāmī’’ti. Idamavoca bhagavā. Attamano bhaggavagotto paribbājako bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๑. ปาถิกสุตฺตวณฺณนา • 1. Pāthikasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๑. ปาถิกสุตฺตวณฺณนา • 1. Pāthikasuttavaṇṇanā