Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
ทีฆนิกาเย
Dīghanikāye
ปาถิกวคฺคฎฺฐกถา
Pāthikavaggaṭṭhakathā
๑. ปาถิกสุตฺตวณฺณนา
1. Pāthikasuttavaṇṇanā
สุนกฺขตฺตวตฺถุวณฺณนา
Sunakkhattavatthuvaṇṇanā
๑. เอวํ เม สุตํ…เป.… มเลฺลสุ วิหรตีติ ปาถิกสุตฺตํฯ ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนาฯ มเลฺลสุ วิหรตีติ มลฺลา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีสเทฺทน ‘‘มลฺลา’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมิํ มเลฺลสุ ชนปเทฯ ‘‘อนุปิยํ นาม มลฺลานํ นิคโม’’ติ อนุปิยนฺติ เอวํนามโก มลฺลานํ ชนปทสฺส เอโก นิคโม, ตํ โคจรคามํ กตฺวา เอกสฺมิํ ฉายูทกสมฺปเนฺน วนสเณฺฑ วิหรตีติ อโตฺถฯ อโนปิยนฺติปิ ปาโฐฯ ปาวิสีติ ปวิโฎฺฐฯ ภควา ปน น ตาว ปวิโฎฺฐ, ปวิสิสฺสามีติ นิกฺขนฺตตฺตา ปน ปาวิสีติ วุโตฺตฯ ยถา กิํ, ยถา ‘‘คามํ คมิสฺสามี’’ติ นิกฺขโนฺต ปุริโส ตํ คามํ อปโตฺตปิ ‘‘กุหิํ อิตฺถนฺนาโม’’ติ วุเตฺต ‘‘คามํ คโต’’ติ วุจฺจติ, เอวํฯ เอตทโหสีติ คามสมีเป ฐตฺวา สูริยํ โอโลเกนฺตสฺส เอตทโหสิฯ อติปฺปโค โขติ อติวิย ปโค โข, น ตาว กุเลสุ ยาคุภตฺตํ นิฎฺฐิตนฺติฯ กิํ ปน ภควา กาลํ อชานิตฺวา นิกฺขโนฺตติ? น อชานิตฺวาฯ ปจฺจูสกาเลเยว หิ ภควา ญาณชาลํ ปตฺถริตฺวา โลกํ โวโลเกโนฺต ญาณชาลสฺส อโนฺต ปวิฎฺฐํ ภคฺควโคตฺตํ ฉนฺนปริพฺพาชกํ ทิสฺวา ‘‘อชฺชาหํ อิมสฺส ปริพฺพาชกสฺส มยา ปุเพฺพ กตการณํ สมาหริตฺวา ธมฺมํ กเถสฺสามิ, สา ธมฺมกถา อสฺส มยิ ปสาทปฺปฎิลาภวเสน สผลา ภวิสฺสตี’’ติ ญตฺวาว ปริพฺพาชการามํ ปวิสิตุกาโม อติปฺปโคว นิกฺขมิฯ ตสฺมา ตตฺถ ปวิสิตุกามตาย เอวํ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิฯ
1.Evaṃme sutaṃ…pe… mallesu viharatīti pāthikasuttaṃ. Tatrāyaṃ apubbapadavaṇṇanā. Mallesu viharatīti mallā nāma jānapadino rājakumārā, tesaṃ nivāso ekopi janapado ruḷhīsaddena ‘‘mallā’’ti vuccati, tasmiṃ mallesu janapade. ‘‘Anupiyaṃ nāma mallānaṃ nigamo’’ti anupiyanti evaṃnāmako mallānaṃ janapadassa eko nigamo, taṃ gocaragāmaṃ katvā ekasmiṃ chāyūdakasampanne vanasaṇḍe viharatīti attho. Anopiyantipi pāṭho. Pāvisīti paviṭṭho. Bhagavā pana na tāva paviṭṭho, pavisissāmīti nikkhantattā pana pāvisīti vutto. Yathā kiṃ, yathā ‘‘gāmaṃ gamissāmī’’ti nikkhanto puriso taṃ gāmaṃ apattopi ‘‘kuhiṃ itthannāmo’’ti vutte ‘‘gāmaṃ gato’’ti vuccati, evaṃ. Etadahosīti gāmasamīpe ṭhatvā sūriyaṃ olokentassa etadahosi. Atippago khoti ativiya pago kho, na tāva kulesu yāgubhattaṃ niṭṭhitanti. Kiṃ pana bhagavā kālaṃ ajānitvā nikkhantoti? Na ajānitvā. Paccūsakāleyeva hi bhagavā ñāṇajālaṃ pattharitvā lokaṃ volokento ñāṇajālassa anto paviṭṭhaṃ bhaggavagottaṃ channaparibbājakaṃ disvā ‘‘ajjāhaṃ imassa paribbājakassa mayā pubbe katakāraṇaṃ samāharitvā dhammaṃ kathessāmi, sā dhammakathā assa mayi pasādappaṭilābhavasena saphalā bhavissatī’’ti ñatvāva paribbājakārāmaṃ pavisitukāmo atippagova nikkhami. Tasmā tattha pavisitukāmatāya evaṃ cittaṃ uppādesi.
๒. เอตทโวจาติ ภควนฺตํ ทิสฺวา มานถทฺธตํ อกตฺวา สตฺถารํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา เอตํ เอตุ โข, ภเนฺตติอาทิกํ วจนํ อโวจฯ อิมํ ปริยายนฺติ อิมํ วารํ, อชฺช อิมํ อาคมนวารนฺติ อโตฺถฯ กิํ ปน ภควา ปุเพฺพปิ ตตฺถ คตปุโพฺพติ? น คตปุโพฺพ, โลกสมุทาจารวเสน ปน เอวมาหฯ โลกิยา หิ จิรสฺสํ อาคตมฺปิ อนาคตปุพฺพมฺปิ มนาปชาติกํ อาคตํ ทิสฺวา ‘‘กุโต ภวํ อาคโต, จิรสฺสํ ภวํ อาคโต, กถํ เต อิธาคมนมโคฺค ญาโต, กิํ มคฺคมูโฬฺหสี’’ติอาทีนิ วทนฺติฯ ตสฺมา อยมฺปิ โลกสมุทาจารวเสน เอวมาหาติ เวทิตโพฺพฯ อิทมาสนนฺติ อตฺตโน นิสินฺนาสนํ ปโปฺผเฎตฺวา สมฺปาเทตฺวา ททมาโน เอวมาหฯ สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺตติ สุนกฺขโตฺต นาม ลิจฺฉวิราชปุโตฺตฯ โส กิร ตสฺส คิหิสหาโย โหติ, กาเลน กาลํ ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉติฯ ปจฺจกฺขาโตติ ‘‘ปจฺจกฺขามิ ทานาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ น ทานาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส วิหริสฺสามี’’ติ เอวํ ปฎิอกฺขาโต นิสฺสโฎฺฐ ปริจฺจโตฺตฯ
2.Etadavocāti bhagavantaṃ disvā mānathaddhataṃ akatvā satthāraṃ paccuggantvā etaṃ etu kho, bhantetiādikaṃ vacanaṃ avoca. Imaṃ pariyāyanti imaṃ vāraṃ, ajja imaṃ āgamanavāranti attho. Kiṃ pana bhagavā pubbepi tattha gatapubboti? Na gatapubbo, lokasamudācāravasena pana evamāha. Lokiyā hi cirassaṃ āgatampi anāgatapubbampi manāpajātikaṃ āgataṃ disvā ‘‘kuto bhavaṃ āgato, cirassaṃ bhavaṃ āgato, kathaṃ te idhāgamanamaggo ñāto, kiṃ maggamūḷhosī’’tiādīni vadanti. Tasmā ayampi lokasamudācāravasena evamāhāti veditabbo. Idamāsananti attano nisinnāsanaṃ papphoṭetvā sampādetvā dadamāno evamāha. Sunakkhatto licchaviputtoti sunakkhatto nāma licchavirājaputto. So kira tassa gihisahāyo hoti, kālena kālaṃ tassa santikaṃ gacchati. Paccakkhātoti ‘‘paccakkhāmi dānāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ na dānāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ uddissa viharissāmī’’ti evaṃ paṭiakkhāto nissaṭṭho pariccatto.
๓. ภควนฺตํ อุทฺทิสฺสาติ ภควา เม สตฺถา ‘‘ภควโต อหํ โอวาทํ ปฎิกโรมี’’ติ เอวํ อปทิสิตฺวาฯ โก สโนฺต กํ ปจฺจาจิกฺขสีติ ยาจโก วา ยาจิตกํ ปจฺจาจิเกฺขยฺย, ยาจิตโก วา ยาจกํฯ ตฺวํ ปน เนว ยาจโก น ยาจิตโก, เอวํ สเนฺต, โมฆปุริส, โก สโนฺต โก สมาโน กํ ปจฺจาจิกฺขสีติ ทเสฺสติฯ ปสฺส โมฆปุริสาติ ปสฺส ตุจฺฉปุริสฯ ยาวญฺจ เต อิทํ อปรทฺธนฺติ ยตฺตกํ อิทํ ตว อปรทฺธํ, ยตฺตโก เต อปราโธ ตตฺตโก โทโสติ เอวาหํ ภคฺคว ตสฺส โทสํ อาโรเปสินฺติ ทเสฺสติฯ
3.Bhagavantaṃ uddissāti bhagavā me satthā ‘‘bhagavato ahaṃ ovādaṃ paṭikaromī’’ti evaṃ apadisitvā. Ko santo kaṃ paccācikkhasīti yācako vā yācitakaṃ paccācikkheyya, yācitako vā yācakaṃ. Tvaṃ pana neva yācako na yācitako, evaṃ sante, moghapurisa, ko santo ko samāno kaṃ paccācikkhasīti dasseti. Passa moghapurisāti passa tucchapurisa. Yāvañca te idaṃ aparaddhanti yattakaṃ idaṃ tava aparaddhaṃ, yattako te aparādho tattako dosoti evāhaṃ bhaggava tassa dosaṃ āropesinti dasseti.
๔. อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาติ ปญฺจสีลทสสีลสงฺขาตา มนุสฺสธมฺมาอุตฺตริฯ อิทฺธิปาฎิหาริยนฺติ อิทฺธิภูตํ ปาฎิหาริยํฯ กเต วาติ กตมฺหิ วาฯ ยสฺสตฺถายาติ ยสฺส ทุกฺขกฺขยสฺส อตฺถายฯ โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺสาติ โส ธโมฺม ตกฺกรสฺส ยถา มยา ธโมฺม เทสิโต, ตถา การกสฺส สมฺมา ปฎิปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส สพฺพวฎฺฎทุกฺขกฺขยาย อมตนิพฺพานสจฺฉิกิริยาย คจฺฉติ, น คจฺฉติ, สํวตฺตติ, น สํวตฺตตีติ ปุจฺฉติฯ ตตฺร สุนกฺขตฺตาติ ตสฺมิํ สุนกฺขตฺต มยา เทสิเต ธเมฺม ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย สํวตฺตมาเน กิํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กตํ กริสฺสติ, โก เตน กเตน อโตฺถฯ ตสฺมิญฺหิ กเตปิ อกเตปิ มม สาสนสฺส ปริหานิ นตฺถิ, เทวมนุสฺสานญฺหิ อมตนิพฺพานสมฺปาปนตฺถาย อหํ ปารมิโย ปูเรสิํ, น ปาฎิหาริยกรณตฺถายาติ ปาฎิหาริยสฺส นิรตฺถกตํ ทเสฺสตฺวา ‘‘ปสฺส, โมฆปุริสา’’ติ ทุติยํ โทสํ อาโรเปสิฯ
4.Uttarimanussadhammāti pañcasīladasasīlasaṅkhātā manussadhammāuttari. Iddhipāṭihāriyanti iddhibhūtaṃ pāṭihāriyaṃ. Kate vāti katamhi vā. Yassatthāyāti yassa dukkhakkhayassa atthāya. Soniyyāti takkarassāti so dhammo takkarassa yathā mayā dhammo desito, tathā kārakassa sammā paṭipannassa puggalassa sabbavaṭṭadukkhakkhayāya amatanibbānasacchikiriyāya gacchati, na gacchati, saṃvattati, na saṃvattatīti pucchati. Tatra sunakkhattāti tasmiṃ sunakkhatta mayā desite dhamme takkarassa sammā dukkhakkhayāya saṃvattamāne kiṃ uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ kataṃ karissati, ko tena katena attho. Tasmiñhi katepi akatepi mama sāsanassa parihāni natthi, devamanussānañhi amatanibbānasampāpanatthāya ahaṃ pāramiyo pūresiṃ, na pāṭihāriyakaraṇatthāyāti pāṭihāriyassa niratthakataṃ dassetvā ‘‘passa, moghapurisā’’ti dutiyaṃ dosaṃ āropesi.
๕. อคฺคญฺญนฺติ โลกปญฺญตฺติํฯ ‘‘อิทํ นาม โลกสฺส อคฺค’’นฺติ เอวํ ชานิตพฺพมฺปิ อคฺคํ มริยาทํ น ตํ ปญฺญเปตีติ วทติฯ เสสเมตฺถ อนนฺตรวาทานุสาเรเนว เวทิตพฺพํฯ
5.Aggaññanti lokapaññattiṃ. ‘‘Idaṃ nāma lokassa agga’’nti evaṃ jānitabbampi aggaṃ mariyādaṃ na taṃ paññapetīti vadati. Sesamettha anantaravādānusāreneva veditabbaṃ.
๖. อเนกปริยาเยน โขติ อิทํ กสฺมา อารทฺธํฯ สุนกฺขโตฺต กิร ‘‘ภควโต คุณํ มเกฺขสฺสามิ, ‘‘โทสํ ปญฺญเปสฺสามี’’ติ เอตฺตกํ วิปฺปลปิตฺวา ภควโต กถํ สุณโนฺต อปฺปติโฎฺฐ นิรโว อฎฺฐาสิฯ
6.Anekapariyāyena khoti idaṃ kasmā āraddhaṃ. Sunakkhatto kira ‘‘bhagavato guṇaṃ makkhessāmi, ‘‘dosaṃ paññapessāmī’’ti ettakaṃ vippalapitvā bhagavato kathaṃ suṇanto appatiṭṭho niravo aṭṭhāsi.
อถ ภควา – ‘‘สุนกฺขตฺต, เอวํ ตฺวํ มกฺขิภาเว ฐิโต สยเมว ครหํ ปาปุณิสฺสสี’’ติ มกฺขิภาเว อาทีนวทสฺสนตฺถํ อเนกปริยาเยนาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อเนกปริยาเยนาติ อเนกการเณนฯ วชฺชิคาเมติ วชฺชิราชานํ คาเม, เวสาลีนคเร โน วิสหีติ นาสกฺขิฯ โส อวิสหโนฺตติ โส สุนกฺขโตฺต ยสฺส ปุเพฺพ ติณฺณํ รตนานํ วณฺณํ กเถนฺตสฺส มุขํ นปฺปโหติ, โส ทานิ เตเนว มุเขน อวณฺณํ กเถติ, อทฺธา อวิสหโนฺต อสโกฺกโนฺต พฺรหฺมจริยํ จริตุํ อตฺตโน พาลตาย อวณฺณํ กเถตฺวา หีนายาวโตฺตฯ พุโทฺธ ปน สุพุโทฺธว, ธโมฺม สฺวากฺขาโตว, สโงฺฆ สุปฺปฎิปโนฺนวฯ เอวํ ตีณิ รตนานิ โถเมนฺตา มนุสฺสา ตุเยฺหว โทสํ ทเสฺสสฺสนฺตีติฯ อิติ โข เตติ เอวํ โข เต, สุนกฺขตฺต, วตฺตาโร ภวิสฺสนฺติฯ ตโต เอวํ โทเส อุปฺปเนฺน สตฺถา อตีตานาคเต อปฺปฎิหตญาโณ, มยฺหํ เอวํ โทโส อุปฺปชฺชิสฺสตีติ ชานโนฺตปิ ปุเรตรํ น กเถสีติ วตฺตุํ น ลจฺฉสีติ ทเสฺสติฯ อปกฺกเมวาติ อปกฺกมิเยว, อปกฺกโนฺต วา จุโตติ อโตฺถฯ ยถา ตํ อาปายิโกติ ยถา อปาเย นิพฺพตฺตนารโห สโตฺต อปกฺกเมยฺย, เอวเมว อปกฺกมีติ อโตฺถฯ
Atha bhagavā – ‘‘sunakkhatta, evaṃ tvaṃ makkhibhāve ṭhito sayameva garahaṃ pāpuṇissasī’’ti makkhibhāve ādīnavadassanatthaṃ anekapariyāyenātiādimāha. Tattha anekapariyāyenāti anekakāraṇena. Vajjigāmeti vajjirājānaṃ gāme, vesālīnagare no visahīti nāsakkhi. So avisahantoti so sunakkhatto yassa pubbe tiṇṇaṃ ratanānaṃ vaṇṇaṃ kathentassa mukhaṃ nappahoti, so dāni teneva mukhena avaṇṇaṃ katheti, addhā avisahanto asakkonto brahmacariyaṃ carituṃ attano bālatāya avaṇṇaṃ kathetvā hīnāyāvatto. Buddho pana subuddhova, dhammo svākkhātova, saṅgho suppaṭipannova. Evaṃ tīṇi ratanāni thomentā manussā tuyheva dosaṃ dassessantīti. Iti kho teti evaṃ kho te, sunakkhatta, vattāro bhavissanti. Tato evaṃ dose uppanne satthā atītānāgate appaṭihatañāṇo, mayhaṃ evaṃ doso uppajjissatīti jānantopi puretaraṃ na kathesīti vattuṃ na lacchasīti dasseti. Apakkamevāti apakkamiyeva, apakkanto vā cutoti attho. Yathātaṃ āpāyikoti yathā apāye nibbattanāraho satto apakkameyya, evameva apakkamīti attho.
โกรกฺขตฺติยวตฺถุวณฺณนา
Korakkhattiyavatthuvaṇṇanā
๗. เอกมิทาหนฺติ อิมินา กิํ ทเสฺสติ? อิทํ สุตฺตํ ทฺวีหิ ปเทหิ อาพทฺธํ อิทฺธิปาฎิหาริยํ น กโรตีติ จ อคฺคญฺญํ น ปญฺญเปตีติ จฯ ตตฺถ ‘‘อคฺคญฺญํ น ปญฺญเปตี’’ติ อิทํ ปทํ สุตฺตปริโยสาเน ทเสฺสสฺสติฯ ‘‘ปาฎิหาริยํ น กโรตี’’ติ อิมสฺส ปน ปทสฺส อนุสนฺธิทสฺสนวเสน อยํ เทสนา อารทฺธาฯ
7.Ekamidāhanti iminā kiṃ dasseti? Idaṃ suttaṃ dvīhi padehi ābaddhaṃ iddhipāṭihāriyaṃ na karotīti ca aggaññaṃ na paññapetīti ca. Tattha ‘‘aggaññaṃ na paññapetī’’ti idaṃ padaṃ suttapariyosāne dassessati. ‘‘Pāṭihāriyaṃ na karotī’’ti imassa pana padassa anusandhidassanavasena ayaṃ desanā āraddhā.
ตตฺถ เอกมิทาหนฺติ เอกสฺมิํ อหํฯ สมยนฺติ สมเย, เอกสฺมิํ กาเล อหนฺติ อโตฺถฯ ถูลูสูติ ถูลู นาม ชนปโท, ตตฺถ วิหรามิฯ อุตฺตรกา นามาติ อิตฺถิลิงฺควเสน อุตฺตรกาติ เอวํนามโก ถูลูนํ ชนปทสฺส นิคโม, ตํ นิคมํ โคจรคามํ กตฺวาติ อโตฺถฯ อเจโลติ นโคฺคฯ โกรกฺขตฺติโยติ อโนฺตวงฺกปาโท ขตฺติโยฯ กุกฺกุรวติโกติ สมาทินฺนกุกฺกุรวโต สุนโข วิย ฆายิตฺวา ขาทติ, อุทฺธนนฺตเร นิปชฺชติ, อญฺญมฺปิ สุนขกิริยเมว กโรติฯ จตุกฺกุณฺฑิโกติ จตุสงฺฆฎฺฎิโต เทฺว ชาณูนิ เทฺว จ กปฺปเร ภูมิยํ ฐเปตฺวา วิจรติฯ ฉมานิกิณฺณนฺติ ภูมิยํ นิกิณฺณํ ปกฺขิตฺตํ ฐปิตํฯ ภกฺขสนฺติ ภกฺขํ ยํกิญฺจิ ขาทนียํ โภชนียํฯ มุเขเนวาติ หเตฺถน อปรามสิตฺวา ขาทนียํ มุเขเนว ขาทติ, โภชนียมฺปิ มุเขเนว ภุญฺชติฯ สาธุรูโปติ สุนฺทรรูโปฯ อยํ สมโณติ อยํ อรหตํ สมโณ เอโกติฯ ตตฺถ วตาติ ปตฺถนเตฺถ นิปาโตฯ เอวํ กิรสฺส ปตฺถนา อโหสิ ‘‘อิมินา สมเณน สทิโส อโญฺญ สมโณ นาม นตฺถิ, อยญฺหิ อปฺปิจฺฉตาย วตฺถํ น นิวาเสติ, ‘เอส ปปโญฺจ’ติ มญฺญมาโน ภิกฺขาภาชนมฺปิ น ปริหรติ, ฉมานิกิณฺณเมว ขาทติ, อยํ สมโณ นามฯ มยํ ปน กิํ สมณา’’ติ? เอวํ สพฺพญฺญุพุทฺธสฺส ปจฺฉโต จรโนฺตว อิมํ ปาปกํ วิตกฺกํ วิตเกฺกสิฯ
Tattha ekamidāhanti ekasmiṃ ahaṃ. Samayanti samaye, ekasmiṃ kāle ahanti attho. Thūlūsūti thūlū nāma janapado, tattha viharāmi. Uttarakā nāmāti itthiliṅgavasena uttarakāti evaṃnāmako thūlūnaṃ janapadassa nigamo, taṃ nigamaṃ gocaragāmaṃ katvāti attho. Aceloti naggo. Korakkhattiyoti antovaṅkapādo khattiyo. Kukkuravatikoti samādinnakukkuravato sunakho viya ghāyitvā khādati, uddhanantare nipajjati, aññampi sunakhakiriyameva karoti. Catukkuṇḍikoti catusaṅghaṭṭito dve jāṇūni dve ca kappare bhūmiyaṃ ṭhapetvā vicarati. Chamānikiṇṇanti bhūmiyaṃ nikiṇṇaṃ pakkhittaṃ ṭhapitaṃ. Bhakkhasanti bhakkhaṃ yaṃkiñci khādanīyaṃ bhojanīyaṃ. Mukhenevāti hatthena aparāmasitvā khādanīyaṃ mukheneva khādati, bhojanīyampi mukheneva bhuñjati. Sādhurūpoti sundararūpo. Ayaṃ samaṇoti ayaṃ arahataṃ samaṇo ekoti. Tattha vatāti patthanatthe nipāto. Evaṃ kirassa patthanā ahosi ‘‘iminā samaṇena sadiso añño samaṇo nāma natthi, ayañhi appicchatāya vatthaṃ na nivāseti, ‘esa papañco’ti maññamāno bhikkhābhājanampi na pariharati, chamānikiṇṇameva khādati, ayaṃ samaṇo nāma. Mayaṃ pana kiṃ samaṇā’’ti? Evaṃ sabbaññubuddhassa pacchato carantova imaṃ pāpakaṃ vitakkaṃ vitakkesi.
เอตทโวจาติ ภควา กิร จิเนฺตสิ ‘‘อยํ สุนกฺขโตฺต ปาปชฺฌาสโย, กิํ นุ อิมํ ทิสฺวา จิเนฺตสี’’ติ? อเถวํ จิเนฺตโนฺต ตสฺส อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา ‘‘อยํ โมฆปุริโส มาทิสสฺส สพฺพญฺญุโน ปจฺฉโต อาคจฺฉโนฺต อเจลํ อรหาติ มญฺญติ, อิเธว ทานายํ พาโล นิคฺคหํ อรหตี’’ติ อนิวตฺติตฺวาว เอตํ ตฺวมฺปิ นามาติอาทิวจนมโวจฯ ตตฺถ ตฺวมฺปิ นามาติ ครหเตฺถ ปิกาโรฯ ครหโนฺต หิ นํ ภควา ‘‘ตฺวมฺปิ นามา’’ติ อาหฯ ‘‘ตฺวมฺปิ นาม เอวํ หีนชฺฌาสโย, อหํ สมโณ สกฺยปุตฺติโยติ เอวํ ปฎิชานิสฺสสี’’ติ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโยฯ กิํ ปน มํ, ภเนฺตติ มยฺหํ, ภเนฺต, กิํ คารยฺหํ ทิสฺวา ภควา ‘‘เอวมาหา’’ติ ปุจฺฉติฯ อถสฺส ภควา อาจิกฺขโนฺต ‘‘นนุ เต’’ติอาทิมาหฯ มจฺฉรายตีติ ‘‘มา อญฺญสฺส อรหตฺตํ โหตู’’ติ กิํ ภควา เอวํ อรหตฺตสฺส มจฺฉรายตีติ ปุจฺฉติฯ น โข อหนฺติ อหํ, โมฆปุริส, สเทวกสฺส โลกสฺส อรหตฺตปฺปฎิลาภเมว ปจฺจาสีสามิ, เอตทตฺถเมว เม พหูนิ ทุกฺกรานิ กโรเนฺตน ปารมิโย ปูริตา, น โข อหํ, โมฆปุริส, อรหตฺตสฺส มจฺฉรายามิฯ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตนฺติ น อรหนฺตํ อรหาติ, อรหเนฺต จ อนรหโนฺตติ เอวํ ตสฺส ทิฎฺฐิ อุปฺปนฺนาฯ ตํ สนฺธาย ‘‘ปาปกํ ทิฎฺฐิคต’’นฺติ อาหฯ ยํ โข ปนาติ ยํ เอตํ อเจลํ เอวํ มญฺญสิฯ สตฺตมํ ทิวสนฺติ สตฺตเม ทิวเสฯ อลสเกนาติ อลสกพฺยาธินาฯ กาลงฺกริสฺสตีติ อุทฺธุมาตอุทโร มริสฺสติฯ
Etadavocāti bhagavā kira cintesi ‘‘ayaṃ sunakkhatto pāpajjhāsayo, kiṃ nu imaṃ disvā cintesī’’ti? Athevaṃ cintento tassa ajjhāsayaṃ viditvā ‘‘ayaṃ moghapuriso mādisassa sabbaññuno pacchato āgacchanto acelaṃ arahāti maññati, idheva dānāyaṃ bālo niggahaṃ arahatī’’ti anivattitvāva etaṃ tvampi nāmātiādivacanamavoca. Tattha tvampi nāmāti garahatthe pikāro. Garahanto hi naṃ bhagavā ‘‘tvampi nāmā’’ti āha. ‘‘Tvampi nāma evaṃ hīnajjhāsayo, ahaṃ samaṇo sakyaputtiyoti evaṃ paṭijānissasī’’ti ayañhettha adhippāyo. Kiṃ pana maṃ, bhanteti mayhaṃ, bhante, kiṃ gārayhaṃ disvā bhagavā ‘‘evamāhā’’ti pucchati. Athassa bhagavā ācikkhanto ‘‘nanu te’’tiādimāha. Maccharāyatīti ‘‘mā aññassa arahattaṃ hotū’’ti kiṃ bhagavā evaṃ arahattassa maccharāyatīti pucchati. Na kho ahanti ahaṃ, moghapurisa, sadevakassa lokassa arahattappaṭilābhameva paccāsīsāmi, etadatthameva me bahūni dukkarāni karontena pāramiyo pūritā, na kho ahaṃ, moghapurisa, arahattassa maccharāyāmi. Pāpakaṃ diṭṭhigatanti na arahantaṃ arahāti, arahante ca anarahantoti evaṃ tassa diṭṭhi uppannā. Taṃ sandhāya ‘‘pāpakaṃ diṭṭhigata’’nti āha. Yaṃ kho panāti yaṃ etaṃ acelaṃ evaṃ maññasi. Sattamaṃ divasanti sattame divase. Alasakenāti alasakabyādhinā. Kālaṅkarissatīti uddhumātaudaro marissati.
กาลกญฺจิกาติ เตสํ อสุรานํ นามํฯ เตสํ กิร ติคาวุโต อตฺตภาโว อปฺปมํสโลหิโต ปุราณปณฺณสทิโส กกฺกฎกานํ วิย อกฺขีนิ นิกฺขมิตฺวา มตฺถเก ติฎฺฐนฺติ, มุขํ สูจิปาสกสทิสํ มตฺถกสฺมิํเยว โหติ, เตน โอณมิตฺวา โคจรํ คณฺหนฺติฯ พีรณตฺถมฺพเกติ พีรณติณตฺถโมฺพ ตสฺมิํ สุสาเน อตฺถิ, ตสฺมา ตํ พีรณตฺถมฺพกนฺติ วุจฺจติฯ
Kālakañcikāti tesaṃ asurānaṃ nāmaṃ. Tesaṃ kira tigāvuto attabhāvo appamaṃsalohito purāṇapaṇṇasadiso kakkaṭakānaṃ viya akkhīni nikkhamitvā matthake tiṭṭhanti, mukhaṃ sūcipāsakasadisaṃ matthakasmiṃyeva hoti, tena oṇamitvā gocaraṃ gaṇhanti. Bīraṇatthambaketi bīraṇatiṇatthambo tasmiṃ susāne atthi, tasmā taṃ bīraṇatthambakanti vuccati.
เตนุปสงฺกมีติ ภควติ เอตฺตกํ วตฺวา ตสฺมิํ คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา วิหารํ คเต วิหารา นิกฺขมิตฺวา อุปสงฺกมิฯ เยน ตฺวนฺติ เยน การเณน ตฺวํฯ ยสฺมาปิ ภควตา พฺยากโต, ตสฺมาติ อโตฺถฯ มตฺตํ มตฺตนฺติ ปมาณยุตฺตํ ปมาณยุตฺตํฯ ‘‘มนฺตา มนฺตา’’ติปิ ปาโฐ, ปญฺญาย อุปปริกฺขิตฺวา อุปปริกฺขิตฺวาติ อโตฺถฯ ยถา สมณสฺส โคตมสฺสาติ ยถา สมณสฺส โคตมสฺส มิจฺฉา วจนํ อสฺส, ตถา กเรยฺยาสีติ อาหฯ เอวํ วุเตฺต อเจโล สุนโข วิย อุทฺธนฎฺฐาเน นิปโนฺน สีสํ อุกฺขิปิตฺวา อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกโนฺต กิํ กเถสิ ‘‘สมโณ นาม โคตโม อมฺหากํ เวรี วิสภาโค, สมณสฺส โคตมสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฎฺฐาย มยํ สูริเย อุคฺคเต ขโชฺชปนกา วิย ชาตาฯ สมโณ โคตโม อเมฺห, เอวํ วาจํ วเทยฺย อญฺญถา วาฯ เวริโน ปน กถา นาม ตจฺฉา น โหติ, คจฺฉ ตฺวํ อหเมตฺถ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ วตฺวา ปุนเทว นิปชฺชิฯ
Tenupasaṅkamīti bhagavati ettakaṃ vatvā tasmiṃ gāme piṇḍāya caritvā vihāraṃ gate vihārā nikkhamitvā upasaṅkami. Yena tvanti yena kāraṇena tvaṃ. Yasmāpi bhagavatā byākato, tasmāti attho. Mattaṃmattanti pamāṇayuttaṃ pamāṇayuttaṃ. ‘‘Mantā mantā’’tipi pāṭho, paññāya upaparikkhitvā upaparikkhitvāti attho. Yathā samaṇassa gotamassāti yathā samaṇassa gotamassa micchā vacanaṃ assa, tathā kareyyāsīti āha. Evaṃ vutte acelo sunakho viya uddhanaṭṭhāne nipanno sīsaṃ ukkhipitvā akkhīni ummīletvā olokento kiṃ kathesi ‘‘samaṇo nāma gotamo amhākaṃ verī visabhāgo, samaṇassa gotamassa uppannakālato paṭṭhāya mayaṃ sūriye uggate khajjopanakā viya jātā. Samaṇo gotamo amhe, evaṃ vācaṃ vadeyya aññathā vā. Verino pana kathā nāma tacchā na hoti, gaccha tvaṃ ahamettha kattabbaṃ jānissāmī’’ti vatvā punadeva nipajji.
๘. เอกทฺวีหิกายาติ เอกํ เทฺวติ วตฺวา คเณสิฯ ยถา ตนฺติ ยถา อสทฺทหมาโน โกจิ คเณยฺย, เอวํ คเณสิฯ เอกทิวสญฺจ ติกฺขตฺตุํ อุปสงฺกมิตฺวา เอโก ทิวโส อตีโต, เทฺว ทิวสา อตีตาติ อาโรเจสิฯ สตฺตมํ ทิวสนฺติ โส กิร สุนกฺขตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา สตฺตาหํ นิราหาโรว อโหสิฯ อถสฺส สตฺตเม ทิวเส เอโก อุปฎฺฐาโก ‘‘อมฺหากํ กุลูปกสมณสฺส อชฺช สตฺตโม ทิวโส เคหํ อนาคจฺฉนฺตสฺส อผาสุ นุ โข ชาต’’นฺติ สูกรมํสํ ปจาเปตฺวา ภตฺตมาทาย คนฺตฺวา ปุรโต ภูมิยํ นิกฺขิปิฯ อเจโล ทิสฺวา จิเนฺตสิ ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส กถา ตจฺฉา วา อตจฺฉา วา โหตุ, อาหารํ ปน ขาทิตฺวา สุหิตสฺส เม มรณมฺปิ สุมรณ’’นฺติ เทฺว หเตฺถ ชณฺณุกานิ จ ภูมิยํ ฐเปตฺวา กุจฺฉิปูรํ ภุญฺชิฯ โส รตฺติภาเค ชีราเปตุํ อสโกฺกโนฺต อลสเกน กาลมกาสิฯ สเจปิ หิ โส ‘‘น ภุเญฺชยฺย’’นฺติ จิเนฺตยฺย, ตถาปิ ตํ ทิวสํ ภุญฺชิตฺวา อลสเกน กาลํ กเรยฺยฯ อเทฺวชฺฌวจนา หิ ตถาคตาติฯ
8.Ekadvīhikāyāti ekaṃ dveti vatvā gaṇesi. Yathā tanti yathā asaddahamāno koci gaṇeyya, evaṃ gaṇesi. Ekadivasañca tikkhattuṃ upasaṅkamitvā eko divaso atīto, dve divasā atītāti ārocesi. Sattamaṃ divasanti so kira sunakkhattassa vacanaṃ sutvā sattāhaṃ nirāhārova ahosi. Athassa sattame divase eko upaṭṭhāko ‘‘amhākaṃ kulūpakasamaṇassa ajja sattamo divaso gehaṃ anāgacchantassa aphāsu nu kho jāta’’nti sūkaramaṃsaṃ pacāpetvā bhattamādāya gantvā purato bhūmiyaṃ nikkhipi. Acelo disvā cintesi ‘‘samaṇassa gotamassa kathā tacchā vā atacchā vā hotu, āhāraṃ pana khāditvā suhitassa me maraṇampi sumaraṇa’’nti dve hatthe jaṇṇukāni ca bhūmiyaṃ ṭhapetvā kucchipūraṃ bhuñji. So rattibhāge jīrāpetuṃ asakkonto alasakena kālamakāsi. Sacepi hi so ‘‘na bhuñjeyya’’nti cinteyya, tathāpi taṃ divasaṃ bhuñjitvā alasakena kālaṃ kareyya. Advejjhavacanā hi tathāgatāti.
พีรณตฺถมฺพเกติ ติตฺถิยา กิร ‘‘กาลงฺกโต โกรกฺขตฺติโย’’ติ สุตฺวา ทิวสานิ คเณตฺวา อิทํ ตาว สจฺจํ ชาตํ, อิทานิ นํ อญฺญตฺถ ฉเฑฺฑตฺวา ‘‘มุสาวาเทน สมณํ โคตมํ นิคฺคณฺหิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา ตสฺส สรีรํ วลฺลิยา พนฺธิตฺวา อากฑฺฒนฺตา ‘‘เอตฺถ ฉเฑฺฑสฺสาม, เอตฺถ ฉเฑฺฑสฺสามา’’ติ คจฺฉนฺติฯ คตคตฎฺฐานํ องฺคณเมว โหติฯ เต กฑฺฒมานา พีรณตฺถมฺพกสุสานํเยว คนฺตฺวา สุสานภาวํ ญตฺวา ‘‘อญฺญตฺถ ฉเฑฺฑสฺสามา’’ติ อากฑฺฒิํสุฯ อถ เนสํ วลฺลิ ฉิชฺชิตฺถ, ปจฺฉา จาเลตุํ นาสกฺขิํสุฯ เต ตโตว ปกฺกนฺตาฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘พีรณตฺถมฺพเก สุสาเน ฉเฑฺฑสุ’’นฺติฯ
Bīraṇatthambaketi titthiyā kira ‘‘kālaṅkato korakkhattiyo’’ti sutvā divasāni gaṇetvā idaṃ tāva saccaṃ jātaṃ, idāni naṃ aññattha chaḍḍetvā ‘‘musāvādena samaṇaṃ gotamaṃ niggaṇhissāmā’’ti gantvā tassa sarīraṃ valliyā bandhitvā ākaḍḍhantā ‘‘ettha chaḍḍessāma, ettha chaḍḍessāmā’’ti gacchanti. Gatagataṭṭhānaṃ aṅgaṇameva hoti. Te kaḍḍhamānā bīraṇatthambakasusānaṃyeva gantvā susānabhāvaṃ ñatvā ‘‘aññattha chaḍḍessāmā’’ti ākaḍḍhiṃsu. Atha nesaṃ valli chijjittha, pacchā cāletuṃ nāsakkhiṃsu. Te tatova pakkantā. Tena vuttaṃ – ‘‘bīraṇatthambake susāne chaḍḍesu’’nti.
๙. เตนุปสงฺกมีติ กสฺมา อุปสงฺกมิ? โส กิร จิเนฺตสิ ‘‘อวเสสํ ตาว สมณสฺส โคตมสฺส วจนํ สเมติ, มตสฺส ปน อุฎฺฐาย อเญฺญน สทฺธิํ กถนํ นาม นตฺถิ, หนฺทาหํ คนฺตฺวา ปุจฺฉามิฯ สเจ กเถติ, สุนฺทรํฯ โน เจ กเถติ, สมณํ โคตมํ มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อิมินา การเณน อุปสงฺกมิฯ อาโกเฎสีติ ปหริฯ ชานามิ อาวุโสติ มตสรีรํ อุฎฺฐหิตฺวา กเถตุํ สมตฺถํ นาม นตฺถิ, อิทํ กถํ กเถสีติ? พุทฺธานุภาเวนฯ ภควา กิร โกรกฺขตฺติยํ อสุรโยนิโต อาเนตฺวา สรีเร อธิโมเจตฺวา กถาเปสิฯ ตเมว วา สรีรํ กถาเปสิ, อจิเนฺตโยฺย หิ พุทฺธวิสโยฯ
9.Tenupasaṅkamīti kasmā upasaṅkami? So kira cintesi ‘‘avasesaṃ tāva samaṇassa gotamassa vacanaṃ sameti, matassa pana uṭṭhāya aññena saddhiṃ kathanaṃ nāma natthi, handāhaṃ gantvā pucchāmi. Sace katheti, sundaraṃ. No ce katheti, samaṇaṃ gotamaṃ musāvādena niggaṇhissāmī’’ti iminā kāraṇena upasaṅkami. Ākoṭesīti pahari. Jānāmi āvusoti matasarīraṃ uṭṭhahitvā kathetuṃ samatthaṃ nāma natthi, idaṃ kathaṃ kathesīti? Buddhānubhāvena. Bhagavā kira korakkhattiyaṃ asurayonito ānetvā sarīre adhimocetvā kathāpesi. Tameva vā sarīraṃ kathāpesi, acinteyyo hi buddhavisayo.
๑๐. ตเถว ตํ วิปากนฺติ ตสฺส วจนสฺส วิปากํ ตเถว, อุทาหุ โนติ ลิงฺควิปลฺลาโส กโต, ตเถว โส วิปาโกติ อโตฺถฯ เกจิ ปน ‘‘วิปกฺก’’นฺติปิ ปฐนฺติ, นิพฺพตฺตนฺติ อโตฺถฯ
10.Tatheva taṃ vipākanti tassa vacanassa vipākaṃ tatheva, udāhu noti liṅgavipallāso kato, tatheva so vipākoti attho. Keci pana ‘‘vipakka’’ntipi paṭhanti, nibbattanti attho.
เอตฺถ ฐตฺวา ปาฎิหาริยานิ สมาเนตพฺพานิฯ สพฺพาเนว เหตานิ ปญฺจ ปาฎิหาริยานิ โหนฺติฯ ‘‘สตฺตเม ทิวเส มริสฺสตี’’ติ วุตฺตํ, โส ตเถว มโต, อิทํ ปฐมํ ปาฎิหาริยํฯ ‘‘อลสเกนา’’ติ วุตฺตํ, อลสเกเนว มโต, อิทํ ทุติยํฯ ‘‘กาลกญฺจิเกสุ นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ วุตฺตํ, ตเตฺถว นิพฺพโตฺต, อิทํ ตติยํฯ ‘‘พีรณตฺถมฺพเก สุสาเน ฉเฑฺฑสฺสนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตเตฺถว ฉฑฺฑิโต , อิทํ จตุตฺถํฯ ‘‘นิพฺพตฺตฎฺฐานโต อาคนฺตฺวา สุนกฺขเตฺตน สทฺธิํ กเถสฺสตี’’ติ วุโตฺต, โส กเถสิเยว, อิทํ ปญฺจมํ ปาฎิหาริยํฯ
Ettha ṭhatvā pāṭihāriyāni samānetabbāni. Sabbāneva hetāni pañca pāṭihāriyāni honti. ‘‘Sattame divase marissatī’’ti vuttaṃ, so tatheva mato, idaṃ paṭhamaṃ pāṭihāriyaṃ. ‘‘Alasakenā’’ti vuttaṃ, alasakeneva mato, idaṃ dutiyaṃ. ‘‘Kālakañcikesu nibbattissatī’’ti vuttaṃ, tattheva nibbatto, idaṃ tatiyaṃ. ‘‘Bīraṇatthambake susāne chaḍḍessantī’’ti vuttaṃ, tattheva chaḍḍito , idaṃ catutthaṃ. ‘‘Nibbattaṭṭhānato āgantvā sunakkhattena saddhiṃ kathessatī’’ti vutto, so kathesiyeva, idaṃ pañcamaṃ pāṭihāriyaṃ.
อเจลกฬารมฎฺฎกวตฺถุวณฺณนา
Acelakaḷāramaṭṭakavatthuvaṇṇanā
๑๑. กฬารมฎฺฎโกติ นิกฺขนฺตทนฺตมตฺตโกฯ นามเมว วา ตเสฺสตํฯ ลาภคฺคปฺปโตฺตติ ลาภคฺคํ ปโตฺต, อคฺคลาภํ ปโตฺตติ วุตฺตํ โหติฯ ยสคฺคปฺปโตฺตติ ยสคฺคํ อคฺคปริวารํ ปโตฺตฯ วตปทานีติ วตานิเยว, วตโกฎฺฐาสา วาฯ สมตฺตานีติ คหิตานิฯ สมาทินฺนานีติ ตเสฺสว เววจนํฯ ปุรตฺถิเมน เวสาลินฺติ เวสาลิโต อวิทูเร ปุรตฺถิมาย ทิสายฯ เจติยนฺติ ยกฺขเจติยฎฺฐานํฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ
11.Kaḷāramaṭṭakoti nikkhantadantamattako. Nāmameva vā tassetaṃ. Lābhaggappattoti lābhaggaṃ patto, aggalābhaṃ pattoti vuttaṃ hoti. Yasaggappattoti yasaggaṃ aggaparivāraṃ patto. Vatapadānīti vatāniyeva, vatakoṭṭhāsā vā. Samattānīti gahitāni. Samādinnānīti tasseva vevacanaṃ. Puratthimena vesālinti vesālito avidūre puratthimāya disāya. Cetiyanti yakkhacetiyaṭṭhānaṃ. Esa nayo sabbattha.
๑๒. เยน อเจลโกติ ภควโต วตฺตํ กตฺวา เยน อเจโล กฬารมฎฺฎโก เตนุปสงฺกมิฯ ปญฺหํ อปุจฺฉีติ คมฺภีรํ ติลกฺขณาหตํ ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ น สมฺปายาสีติ น สมฺมา ญาณคติยา ปายาสิ, อโนฺธ วิย วิสมฎฺฐาเน ตตฺถ ตเตฺถว ปกฺขลิฯ เนว อาทิํ, น ปริโยสานมทฺทสฯ อถ วา ‘‘น สมฺปายาสี’’ติ น สมฺปาเทสิ, สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ นาสกฺขิฯ อสมฺปายโนฺตติ กพรกฺขีนิ ปริวเตฺตตฺวา โอโลเกโนฺต ‘‘อสิกฺขิตกสฺส สนฺติเก วุโฎฺฐสิ, อโนกาเสปิ ปพฺพชิโต ปญฺหํ ปุจฺฉโนฺต วิจรสิ, อเปหิ มา เอตสฺมิํ ฐาเน อฎฺฐาสี’’ติ วทโนฺตฯ โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตฺวากาสีติ กุปฺปนาการํ โกปํ, ทุสฺสนาการํ โทสํ, อตุฎฺฐาการภูตํ โทมนสฺสสงฺขาตํ อปฺปจฺจยญฺจ ปากฎมกาสิฯ อาสาทิมฺหเสติ อาสาทิยิมฺห ฆฎฺฎยิมฺหฯ มา วต โน อโหสีติ อโห วต เม น ภเวยฺยฯ มํ วต โน อโหสีติปิ ปาโฐฯ ตตฺถ มนฺติ สามิวจนเตฺถ อุปโยควจนํ, อโหสิ วต นุ มมาติ อโตฺถฯ เอวญฺจ ปน จิเนฺตตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา ‘‘ขมถ เม, ภเนฺต’’ติ ตํ ขมาเปสิฯ โสปิ อิโต ปฎฺฐาย อญฺญํ กิญฺจิ ปญฺหํ นาม น ปุจฺฉิสฺสสีติฯ อาม น ปุจฺฉิสฺสามีติฯ ยทิ เอวํ คจฺฉ, ขมามิ เตติ ตํ อุโยฺยเชสิฯ
12.Yena acelakoti bhagavato vattaṃ katvā yena acelo kaḷāramaṭṭako tenupasaṅkami. Pañhaṃ apucchīti gambhīraṃ tilakkhaṇāhataṃ pañhaṃ pucchi. Na sampāyāsīti na sammā ñāṇagatiyā pāyāsi, andho viya visamaṭṭhāne tattha tattheva pakkhali. Neva ādiṃ, na pariyosānamaddasa. Atha vā ‘‘na sampāyāsī’’ti na sampādesi, sampādetvā kathetuṃ nāsakkhi. Asampāyantoti kabarakkhīni parivattetvā olokento ‘‘asikkhitakassa santike vuṭṭhosi, anokāsepi pabbajito pañhaṃ pucchanto vicarasi, apehi mā etasmiṃ ṭhāne aṭṭhāsī’’ti vadanto. Kopañca dosañca appaccayañca pātvākāsīti kuppanākāraṃ kopaṃ, dussanākāraṃ dosaṃ, atuṭṭhākārabhūtaṃ domanassasaṅkhātaṃ appaccayañca pākaṭamakāsi. Āsādimhaseti āsādiyimha ghaṭṭayimha. Mā vata no ahosīti aho vata me na bhaveyya. Maṃ vata no ahosītipi pāṭho. Tattha manti sāmivacanatthe upayogavacanaṃ, ahosi vata nu mamāti attho. Evañca pana cintetvā ukkuṭikaṃ nisīditvā ‘‘khamatha me, bhante’’ti taṃ khamāpesi. Sopi ito paṭṭhāya aññaṃ kiñci pañhaṃ nāma na pucchissasīti. Āma na pucchissāmīti. Yadi evaṃ gaccha, khamāmi teti taṃ uyyojesi.
๑๔. ปริหิโตติ ปริทหิโต นิวตฺถวโตฺถฯ สานุจาริโกติ อนุจาริกา วุจฺจติ ภริยา, สห อนุจาริกาย สานุจาริโก, ตํ ตํ พฺรหฺมจริยํ ปหาย สภริโยติ อโตฺถฯ โอทนกุมฺมาสนฺติ สุรามํสโต อติเรกํ โอทนมฺปิ กุมฺมาสมฺปิ ภุญฺชมาโนฯ ยสา นิหีโนติ ยํ ลาภคฺคยสคฺคํ ปโตฺต, ตโต ปริหีโน หุตฺวาฯ ‘‘กตํ โหติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริย’’นฺติ อิธ สตฺตวตปทาติกฺกมวเสน สตฺต ปาฎิหาริยานิ เวทิตพฺพานิฯ
14.Parihitoti paridahito nivatthavattho. Sānucārikoti anucārikā vuccati bhariyā, saha anucārikāya sānucāriko, taṃ taṃ brahmacariyaṃ pahāya sabhariyoti attho. Odanakummāsanti surāmaṃsato atirekaṃ odanampi kummāsampi bhuñjamāno. Yasā nihīnoti yaṃ lābhaggayasaggaṃ patto, tato parihīno hutvā. ‘‘Kataṃ hoti uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriya’’nti idha sattavatapadātikkamavasena satta pāṭihāriyāni veditabbāni.
อเจลปาถิกปุตฺตวตฺถุวณฺณนา
Acelapāthikaputtavatthuvaṇṇanā
๑๕. ปาถิกปุโตฺตติ ปาถิกสฺส ปุโตฺตฯ ญาณวาเทนาติ ญาณวาเทน สทฺธิํฯ อุปฑฺฒปถนฺติ โยชนํ เจ, โน อนฺตเร ภเวยฺย, โคตโม อฑฺฒโยชนํ, อหํ อฑฺฒโยชนํฯ เอส นโย อฑฺฒโยชนาทีสุฯ เอกปทวารมฺปิ อติกฺกมฺม คจฺฉโต ชโย ภวิสฺสติ, อนาคจฺฉโต ปราชโยติฯ เต ตตฺถาติ เต มยํ ตตฺถ สมาคตฎฺฐาเนฯ ตทฺทิคุณํ ตทฺทิคุณาหนฺติ ตโต ตโต ทิคุณํ ทิคุณํ อหํ กริสฺสามิ, ภควตา สทฺธิํ ปาฎิหาริยํ กาตุํ อสมตฺถภาวํ ชานโนฺตปิ ‘‘อุตฺตมปุริเสน สทฺธิํ ปฎฺฐเปตฺวา อสกฺกุณนฺตสฺสาปิ ปาสํโส โหตี’’ติ ญตฺวา เอวมาหฯ นครวาสิโนปิ ตํ สุตฺวา ‘‘อสมโตฺถ นาม เอวํ น คชฺชติ, อทฺธา อยมฺปิ อรหา ภวิสฺสตี’’ติ ตสฺส มหนฺตํ สกฺการมกํสุฯ
15.Pāthikaputtoti pāthikassa putto. Ñāṇavādenāti ñāṇavādena saddhiṃ. Upaḍḍhapathanti yojanaṃ ce, no antare bhaveyya, gotamo aḍḍhayojanaṃ, ahaṃ aḍḍhayojanaṃ. Esa nayo aḍḍhayojanādīsu. Ekapadavārampi atikkamma gacchato jayo bhavissati, anāgacchato parājayoti. Te tatthāti te mayaṃ tattha samāgataṭṭhāne. Taddiguṇaṃ taddiguṇāhanti tato tato diguṇaṃ diguṇaṃ ahaṃ karissāmi, bhagavatā saddhiṃ pāṭihāriyaṃ kātuṃ asamatthabhāvaṃ jānantopi ‘‘uttamapurisena saddhiṃ paṭṭhapetvā asakkuṇantassāpi pāsaṃso hotī’’ti ñatvā evamāha. Nagaravāsinopi taṃ sutvā ‘‘asamattho nāma evaṃ na gajjati, addhā ayampi arahā bhavissatī’’ti tassa mahantaṃ sakkāramakaṃsu.
๑๖. เยนาหํ เตนุปสงฺกมีติ ‘‘สุนกฺขโตฺต กิร ปาถิกปุโตฺต เอวํ วทตี’’ติ อโสฺสสิฯ อถสฺส หีนชฺฌาสยตฺตา หีนทสฺสนาย จิตฺตํ อุทปาทิฯ
16.Yenāhaṃ tenupasaṅkamīti ‘‘sunakkhatto kira pāthikaputto evaṃ vadatī’’ti assosi. Athassa hīnajjhāsayattā hīnadassanāya cittaṃ udapādi.
โส ภควโต วตฺตํ กตฺวา ภควติ คนฺธกุฎิํ ปวิเฎฺฐ ปาถิกปุตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘ตุเมฺห กิร เอวรูปิํ กถํ กเถถา’’ติ? ‘‘อาม, กเถมา’’ติฯ ยทิ เอวํ ‘‘มา ภายิตฺถ วิสฺสตฺถา ปุนปฺปุนํ เอวํ วทถ, อหํ สมณสฺส โคตมสฺส อุปฎฺฐาโก, ตสฺส วิสยํ วิชานามิ, ตุเมฺหหิ สทฺธิํ ปาฎิหาริยํ กาตุํ น สกฺขิสฺสติ, อหํ สมณสฺส โคตมสฺส กเถตฺวา ภยํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ อญฺญโต คเหตฺวา คมิสฺสามิ, ตุเมฺห มา ภายิตฺถา’’ติ ตํ อสฺสาเสตฺวา ภควโต สนฺติกํ คโตฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เยนาหํ เตนุปสงฺกมี’’ติฯ ตํ วาจนฺติอาทีสุ ‘‘อหํ อพุโทฺธว สมาโน พุโทฺธมฺหีติ วิจริํ, อภูตํ เม กถิตํ นาหํ พุโทฺธ’’ติ วทโนฺต ตํ วาจํ ปชหติ นามฯ รโห นิสีทิตฺวา จินฺตยมาโน ‘‘อหํ ‘เอตฺตกํ กาลํ อพุโทฺธว สมาโน พุโทฺธมฺหี’ติ วิจริํ, อิโต ทานิ ปฎฺฐาย นาหํ พุโทฺธ’’ติ จินฺตยโนฺต ตํ จิตฺตํ ปชหติ นามฯ ‘‘อหํ ‘เอตฺตกํ กาลํ อพุโทฺธว สมาโน พุโทฺธมฺหี’ติ ปาปกํ ทิฎฺฐิํ คเหตฺวา วิจริํ, อิโต ทานิ ปฎฺฐาย อิมํ ทิฎฺฐิํ ปชหามี’’ติ ปชหโนฺต ตํ ทิฎฺฐิํ ปฎินิสฺสชฺชติ นามฯ เอวํ อกโรโนฺต ปน ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวาติ วุจฺจติฯ วิปเตยฺยาติ พนฺธนา มุตฺตตาลปกฺกํ วิย คีวโต ปเตยฺย, สตฺตธา วา ปน ผเลยฺยฯ
So bhagavato vattaṃ katvā bhagavati gandhakuṭiṃ paviṭṭhe pāthikaputtassa santikaṃ gantvā pucchi ‘‘tumhe kira evarūpiṃ kathaṃ kathethā’’ti? ‘‘Āma, kathemā’’ti. Yadi evaṃ ‘‘mā bhāyittha vissatthā punappunaṃ evaṃ vadatha, ahaṃ samaṇassa gotamassa upaṭṭhāko, tassa visayaṃ vijānāmi, tumhehi saddhiṃ pāṭihāriyaṃ kātuṃ na sakkhissati, ahaṃ samaṇassa gotamassa kathetvā bhayaṃ uppādetvā taṃ aññato gahetvā gamissāmi, tumhe mā bhāyitthā’’ti taṃ assāsetvā bhagavato santikaṃ gato. Tena vuttaṃ ‘‘yenāhaṃ tenupasaṅkamī’’ti. Taṃ vācantiādīsu ‘‘ahaṃ abuddhova samāno buddhomhīti vicariṃ, abhūtaṃ me kathitaṃ nāhaṃ buddho’’ti vadanto taṃ vācaṃ pajahati nāma. Raho nisīditvā cintayamāno ‘‘ahaṃ ‘ettakaṃ kālaṃ abuddhova samāno buddhomhī’ti vicariṃ, ito dāni paṭṭhāya nāhaṃ buddho’’ti cintayanto taṃ cittaṃ pajahati nāma. ‘‘Ahaṃ ‘ettakaṃ kālaṃ abuddhova samāno buddhomhī’ti pāpakaṃ diṭṭhiṃ gahetvā vicariṃ, ito dāni paṭṭhāya imaṃ diṭṭhiṃ pajahāmī’’ti pajahanto taṃ diṭṭhiṃ paṭinissajjati nāma. Evaṃ akaronto pana taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvāti vuccati. Vipateyyāti bandhanā muttatālapakkaṃ viya gīvato pateyya, sattadhā vā pana phaleyya.
๑๗. รกฺขเตตนฺติ รกฺขตุ เอตํฯ เอกํเสนาติ นิปฺปริยาเยนฯ โอธาริตาติ ภาสิตาฯ อเจโล จ, ภเนฺต, ปาถิกปุโตฺตติ เอวํ เอกํเสน ภควโต วาจาย โอธาริตาย สเจ อเจโล ปาถิกปุโตฺตฯ วิรูปรูเปนาติ วิคตรูเปน วิคจฺฉิตสภาเวน รูเปน อตฺตโน รูปํ ปหาย อทิสฺสมาเนน กาเยนฯ สีหพฺยคฺฆาทิวเสน วา วิวิธรูเปน สมฺมุขีภาวํ อาคเจฺฉยฺยฯ ตทสฺส ภควโต มุสาติ เอวํ สเนฺต ภควโต ตํ วจนํ มุสา ภเวยฺยาติ มุสาวาเทน นิคฺคณฺหาติฯ ฐเปตฺวา กิร เอตํ น อเญฺญน ภควา มุสาวาเทน นิคฺคหิตปุโพฺพติฯ
17.Rakkhatetanti rakkhatu etaṃ. Ekaṃsenāti nippariyāyena. Odhāritāti bhāsitā. Aceloca, bhante, pāthikaputtoti evaṃ ekaṃsena bhagavato vācāya odhāritāya sace acelo pāthikaputto. Virūparūpenāti vigatarūpena vigacchitasabhāvena rūpena attano rūpaṃ pahāya adissamānena kāyena. Sīhabyagghādivasena vā vividharūpena sammukhībhāvaṃ āgaccheyya. Tadassa bhagavato musāti evaṃ sante bhagavato taṃ vacanaṃ musā bhaveyyāti musāvādena niggaṇhāti. Ṭhapetvā kira etaṃ na aññena bhagavā musāvādena niggahitapubboti.
๑๘. ทฺวยคามินีติ สรูเปน อตฺถิภาวํ, อเตฺถน นตฺถิภาวนฺติ เอวํ ทฺวยคามินีฯ อลิกตุจฺฉนิปฺผลวาจาย เอตํ อธิวจนํฯ
18.Dvayagāminīti sarūpena atthibhāvaṃ, atthena natthibhāvanti evaṃ dvayagāminī. Alikatucchanipphalavācāya etaṃ adhivacanaṃ.
๑๙. อชิโตปิ นาม ลิจฺฉวีนํ เสนาปตีติ โส กิร ภควโต อุปฎฺฐาโก อโหสิ, โส กาลมกาสิฯ อถสฺส สรีรกิจฺจํ กตฺวา มนุสฺสา ปาถิกปุตฺตํ ปุจฺฉิํสุ ‘‘กุหิํ นิพฺพโตฺต เสนาปตี’’ติ? โส อาห – ‘‘มหานิรเย นิพฺพโตฺต’’ติฯ อิทญฺจ ปน วตฺวา ปุน อาห ‘‘ตุมฺหากํ เสนาปติ มม สนฺติกํ อาคมฺม อหํ ตุมฺหากํ วจนมกตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ ปติฎฺฐเปตฺวา นิรเย นิพฺพโตฺตมฺหี’’ติ ปโรทิตฺถาติฯ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหารายาติ เอตฺถ ‘‘ปาฎิหาริยกรณตฺถายา’’ติ กสฺมา น วทติ? อภาวาฯ สมฺมุขีภาโวปิ หิสฺส เตน สทฺธิํ นตฺถิ, กุโต ปาฎิหาริยกรณํ, ตสฺมา ตถา อวตฺวา ‘‘ทิวาวิหารายา’’ติ อาหฯ
19.Ajitopi nāma licchavīnaṃ senāpatīti so kira bhagavato upaṭṭhāko ahosi, so kālamakāsi. Athassa sarīrakiccaṃ katvā manussā pāthikaputtaṃ pucchiṃsu ‘‘kuhiṃ nibbatto senāpatī’’ti? So āha – ‘‘mahāniraye nibbatto’’ti. Idañca pana vatvā puna āha ‘‘tumhākaṃ senāpati mama santikaṃ āgamma ahaṃ tumhākaṃ vacanamakatvā samaṇassa gotamassa vādaṃ patiṭṭhapetvā niraye nibbattomhī’’ti paroditthāti. Tenupasaṅkami divāvihārāyāti ettha ‘‘pāṭihāriyakaraṇatthāyā’’ti kasmā na vadati? Abhāvā. Sammukhībhāvopi hissa tena saddhiṃ natthi, kuto pāṭihāriyakaraṇaṃ, tasmā tathā avatvā ‘‘divāvihārāyā’’ti āha.
อิทฺธิปาฎิหาริยกถาวณฺณนา
Iddhipāṭihāriyakathāvaṇṇanā
๒๐. คหปติเนจยิกาติ คหปติ มหาสาลาฯ เตสญฺหิ มหาธนธญฺญนิจโย, ตสฺมา ‘‘เนจยิกา’’ติ วุจฺจนฺติฯ อเนกสหสฺสาติ สหเสฺสหิปิ อปริมาณคณนาฯ เอวํ มหติํ กิร ปริสํ ฐเปตฺวา สุนกฺขตฺตํ อโญฺญ สนฺนิปาเตตุํ สมโตฺถ นตฺถิฯ เตเนว ภควา เอตฺตกํ กาลํ สุนกฺขตฺตํ คเหตฺวา วิจริฯ
20.Gahapatinecayikāti gahapati mahāsālā. Tesañhi mahādhanadhaññanicayo, tasmā ‘‘necayikā’’ti vuccanti. Anekasahassāti sahassehipi aparimāṇagaṇanā. Evaṃ mahatiṃ kira parisaṃ ṭhapetvā sunakkhattaṃ añño sannipātetuṃ samattho natthi. Teneva bhagavā ettakaṃ kālaṃ sunakkhattaṃ gahetvā vicari.
๒๑. ภยนฺติ จิตฺตุตฺราสภยํฯ ฉมฺภิตตฺตนฺติ สกลสรีรจลนํฯ โลมหํโสติ โลมานํ อุทฺธคฺคภาโวฯ โส กิร จิเนฺตสิ – ‘‘อหํ อติมหนฺตํ กถํ กเถตฺวา สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคเลน สทฺธิํ ปฎิวิรุโทฺธ, มยฺหํ โข ปนพฺภนฺตเร อรหตฺตํ วา ปาฎิหาริยกรณเหตุ วา นตฺถิ, สมโณ ปน โคตโม ปาฎิหาริยํ กริสฺสติ, อถสฺส ปาฎิหาริยํ ทิสฺวา มหาชโน ‘ตฺวํ ทานิ ปาฎิหาริยํ กาตุํ อสโกฺกโนฺต กสฺมา อตฺตโน ปมาณมชานิตฺวา โลเก อคฺคปุคฺคเลน สทฺธิํ ปฎิมโลฺล หุตฺวา คชฺชสี’ติ กฎฺฐเลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ วิเหเฐสฺสตี’’ติฯ เตนสฺส มหาชนสนฺนิปาตเญฺจว เตน ภควโต จ อาคมนํ สุตฺวา ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา อุทปาทิฯ โส ตโต ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม ตินฺทุกขาณุกปริพฺพาชการามํ อคมาสิฯ ตมตฺถํ ทเสฺสตุํ อถ โข ภควาติอาทิมาห ฯ ตตฺถ อุปสงฺกมีติ น เกวลํ อุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปน ทูรํ อฑฺฒโยชนนฺตรํ ปริพฺพาชการามํ ปวิโฎฺฐฯ ตตฺถปิ จิตฺตสฺสาทํ อลภมาโน อนฺตเนฺตน อาวิชฺฌิตฺวา อารามปจฺจเนฺต เอกํ คหนฎฺฐานํ อุปธาเรตฺวา ปาสาณผลเก นิสีทิฯ อถ ภควา จิเนฺตสิ – ‘‘สเจ อยํ พาโล กสฺสจิเทว กถํ คเหตฺวา อิธาคเจฺฉยฺย, มา นสฺสตุ พาโล’’ติ ‘‘นิสินฺนปาสาณผลกํ ตสฺส สรีเร อลฺลีนํ โหตู’’ติ อธิฎฺฐาสิฯ สห อธิฎฺฐานจิเตฺตน ตํ ตสฺส สรีเร อลฺลียิฯ โส มหาอทฺทุพนฺธนพโทฺธ วิย ฉินฺนปาโท วิย จ อโหสิฯ
21.Bhayanti cittutrāsabhayaṃ. Chambhitattanti sakalasarīracalanaṃ. Lomahaṃsoti lomānaṃ uddhaggabhāvo. So kira cintesi – ‘‘ahaṃ atimahantaṃ kathaṃ kathetvā sadevake loke aggapuggalena saddhiṃ paṭiviruddho, mayhaṃ kho panabbhantare arahattaṃ vā pāṭihāriyakaraṇahetu vā natthi, samaṇo pana gotamo pāṭihāriyaṃ karissati, athassa pāṭihāriyaṃ disvā mahājano ‘tvaṃ dāni pāṭihāriyaṃ kātuṃ asakkonto kasmā attano pamāṇamajānitvā loke aggapuggalena saddhiṃ paṭimallo hutvā gajjasī’ti kaṭṭhaleḍḍudaṇḍādīhi viheṭhessatī’’ti. Tenassa mahājanasannipātañceva tena bhagavato ca āgamanaṃ sutvā bhayaṃ vā chambhitattaṃ vā lomahaṃso vā udapādi. So tato dukkhā muccitukāmo tindukakhāṇukaparibbājakārāmaṃ agamāsi. Tamatthaṃ dassetuṃ atha kho bhagavātiādimāha . Tattha upasaṅkamīti na kevalaṃ upasaṅkami, upasaṅkamitvā pana dūraṃ aḍḍhayojanantaraṃ paribbājakārāmaṃ paviṭṭho. Tatthapi cittassādaṃ alabhamāno antantena āvijjhitvā ārāmapaccante ekaṃ gahanaṭṭhānaṃ upadhāretvā pāsāṇaphalake nisīdi. Atha bhagavā cintesi – ‘‘sace ayaṃ bālo kassacideva kathaṃ gahetvā idhāgaccheyya, mā nassatu bālo’’ti ‘‘nisinnapāsāṇaphalakaṃ tassa sarīre allīnaṃ hotū’’ti adhiṭṭhāsi. Saha adhiṭṭhānacittena taṃ tassa sarīre allīyi. So mahāaddubandhanabaddho viya chinnapādo viya ca ahosi.
อโสฺสสีติ อิโต จิโต จ ปาถิกปุตฺตํ ปริเยสมานา ปริสา ตสฺส อนุปทํ คนฺตฺวา นิสินฺนฎฺฐานํ ญตฺวา อาคเตน อญฺญตเรน ปุริเสน ‘‘ตุเมฺห กํ ปริเยสถา’’ติ วุเตฺต ปาถิกปุตฺตนฺติฯ โส ‘‘ตินฺทุกขาณุกปริพฺพาชการาเม นิสิโนฺน’’ติ วุตฺตวจเนน อโสฺสสิฯ
Assosīti ito cito ca pāthikaputtaṃ pariyesamānā parisā tassa anupadaṃ gantvā nisinnaṭṭhānaṃ ñatvā āgatena aññatarena purisena ‘‘tumhe kaṃ pariyesathā’’ti vutte pāthikaputtanti. So ‘‘tindukakhāṇukaparibbājakārāme nisinno’’ti vuttavacanena assosi.
๒๒. สํสปฺปตีติ โอสีทติฯ ตเตฺถว สญฺจรติฯ ปาวฬา วุจฺจติ อานิสทฎฺฐิกาฯ
22.Saṃsappatīti osīdati. Tattheva sañcarati. Pāvaḷā vuccati ānisadaṭṭhikā.
๒๓. ปราภูตรูโปติ ปราชิตรูโป, วินฎฺฐรูโป วาฯ
23.Parābhūtarūpoti parājitarūpo, vinaṭṭharūpo vā.
๒๕. โคยุเคหีติ โคยุเตฺตหิ สตมเตฺตหิ วา สหสฺสมเตฺตหิ วา ยุเคหิฯ อาวิเญฺฉยฺยามาติ อากเฑฺฒยฺยามฯ ฉิเชฺชยฺยุนฺติ ฉิเนฺทยฺยุํฯ ปาถิกปุโตฺต วา พนฺธฎฺฐาเน ฉิเชฺชยฺยฯ
25.Goyugehīti goyuttehi satamattehi vā sahassamattehi vā yugehi. Āviñcheyyāmāti ākaḍḍheyyāma. Chijjeyyunti chindeyyuṃ. Pāthikaputto vā bandhaṭṭhāne chijjeyya.
๒๖. ทารุปตฺติกเนฺตวาสีติ ทารุปตฺติกสฺส อเนฺตวาสีฯ ตสฺส กิร เอตทโหสิ ‘‘ติฎฺฐตุ ตาว ปาฎิหาริยํ, สมโณ โคตโม ‘อเจโล ปาถิกปุโตฺต อาสนาปิ น วุฎฺฐหิสฺสตี’ติ อาหฯ หนฺทาหํ คนฺตฺวา เยน เกนจิ อุปาเยน ตํ อาสนา วุฎฺฐาเปมิฯ เอตฺตาวตา จ สมณสฺส โคตมสฺส ปราชโย ภวิสฺสตี’’ติฯ ตสฺมา เอวมาหฯ
26.Dārupattikantevāsīti dārupattikassa antevāsī. Tassa kira etadahosi ‘‘tiṭṭhatu tāva pāṭihāriyaṃ, samaṇo gotamo ‘acelo pāthikaputto āsanāpi na vuṭṭhahissatī’ti āha. Handāhaṃ gantvā yena kenaci upāyena taṃ āsanā vuṭṭhāpemi. Ettāvatā ca samaṇassa gotamassa parājayo bhavissatī’’ti. Tasmā evamāha.
๒๗. สีหสฺสาติ จตฺตาโร สีหา ติณสีโห จ กาฬสีโห จ ปณฺฑุสีโห จ เกสรสีโห จฯ เตสํ จตุนฺนํ สีหานํ เกสรสีโห อคฺคตํ คโต, โส อิธาธิเปฺปโตฯ มิครโญฺญติ สพฺพจตุปฺปทานํ รโญฺญฯ อาสยนฺติ นิวาสํฯ สีหนาทนฺติ อภีตนาทํฯ โคจราย ปกฺกเมยฺยนฺติ อาหารตฺถาย ปกฺกเมยฺยํฯ วรํ วรนฺติ อุตฺตมุตฺตมํ, ถูลํ ถูลนฺติ อโตฺถฯ มุทุมํสานีติ มุทูนิ มํสานิ ฯ ‘‘มธุมํสานี’’ติปิ ปาโฐ, มธุรมํสานีติ อโตฺถฯ อชฺฌุเปยฺยนฺติ อุปคเจฺฉยฺยํฯ สีหนาทํ นทิตฺวาติ เย ทุพฺพลา ปาณา, เต ปลายนฺตูติ อตฺตโน สูรภาวสนฺนิสฺสิเตน การุเญฺญน นทิตฺวาฯ
27.Sīhassāti cattāro sīhā tiṇasīho ca kāḷasīho ca paṇḍusīho ca kesarasīho ca. Tesaṃ catunnaṃ sīhānaṃ kesarasīho aggataṃ gato, so idhādhippeto. Migaraññoti sabbacatuppadānaṃ rañño. Āsayanti nivāsaṃ. Sīhanādanti abhītanādaṃ. Gocarāyapakkameyyanti āhāratthāya pakkameyyaṃ. Varaṃ varanti uttamuttamaṃ, thūlaṃ thūlanti attho. Mudumaṃsānīti mudūni maṃsāni . ‘‘Madhumaṃsānī’’tipi pāṭho, madhuramaṃsānīti attho. Ajjhupeyyanti upagaccheyyaṃ. Sīhanādaṃ naditvāti ye dubbalā pāṇā, te palāyantūti attano sūrabhāvasannissitena kāruññena naditvā.
๒๘. วิฆาสสํวโฑฺฒติ วิฆาเสน สํวโฑฺฒ, วิฆาสํ ภกฺขิตา ติริตฺตมํสํ ขาทิตฺวา วฑฺฒิโตฯ ทิโตฺตติ ทปฺปิโต ถูลสรีโรฯ พลวาติ พลสมฺปโนฺนฯ เอตทโหสีติ กสฺมา อโหสิ? อสฺมิมานโทเสนฯ
28.Vighāsasaṃvaḍḍhoti vighāsena saṃvaḍḍho, vighāsaṃ bhakkhitā tirittamaṃsaṃ khāditvā vaḍḍhito. Dittoti dappito thūlasarīro. Balavāti balasampanno. Etadahosīti kasmā ahosi? Asmimānadosena.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – เอกทิวสํ กิร โส สีโห โคจรโต นิวตฺตมาโน ตํ สิงฺคาลํ ภเยน ปลายมานํ ทิสฺวา การุญฺญชาโต หุตฺวา ‘‘วยส, มา ภายิ, ติฎฺฐ โก นาม ตฺว’’นฺติ อาหฯ ชมฺพุโก นามาหํ สามีติฯ วยส, ชมฺพุก, อิโต ปฎฺฐาย มํ อุปฎฺฐาตุํ สกฺขิสฺสสีติฯ อุปฎฺฐหิสฺสามีติฯ โส ตโต ปฎฺฐาย อุปฎฺฐาติฯ สีโห โคจรโต อาคจฺฉโนฺต มหนฺตํ มหนฺตํ มํสขณฺฑํ อาหรติฯ โส ตํ ขาทิตฺวา อวิทูเร ปาสาณปิเฎฺฐ วสติฯ โส กติปาหจฺจเยเนว ถูลสรีโร มหาขโนฺธ ชาโตฯ อถ นํ สีโห อโวจ – ‘‘วยส, ชมฺพุก, มม วิชมฺภนกาเล อวิทูเร ฐตฺวา ‘วิโรจ สามี’ติ วตฺตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติฯ สโกฺกมิ สามีติฯ โส ตสฺส วิชมฺภนกาเล ตถา กโรติ ฯ เตน สีหสฺส อติเรโก อสฺมิมาโน โหติฯ
Tatrāyaṃ anupubbikathā – ekadivasaṃ kira so sīho gocarato nivattamāno taṃ siṅgālaṃ bhayena palāyamānaṃ disvā kāruññajāto hutvā ‘‘vayasa, mā bhāyi, tiṭṭha ko nāma tva’’nti āha. Jambuko nāmāhaṃ sāmīti. Vayasa, jambuka, ito paṭṭhāya maṃ upaṭṭhātuṃ sakkhissasīti. Upaṭṭhahissāmīti. So tato paṭṭhāya upaṭṭhāti. Sīho gocarato āgacchanto mahantaṃ mahantaṃ maṃsakhaṇḍaṃ āharati. So taṃ khāditvā avidūre pāsāṇapiṭṭhe vasati. So katipāhaccayeneva thūlasarīro mahākhandho jāto. Atha naṃ sīho avoca – ‘‘vayasa, jambuka, mama vijambhanakāle avidūre ṭhatvā ‘viroca sāmī’ti vattuṃ sakkhissasī’’ti. Sakkomi sāmīti. So tassa vijambhanakāle tathā karoti . Tena sīhassa atireko asmimāno hoti.
อเถกทิวสํ ชรสิงฺคาโล อุทกโสณฺฑิยํ ปานียํ ปิวโนฺต อตฺตโน ฉายํ โอโลเกโนฺต อทฺทส อตฺตโน ถูลสรีรตเญฺจว มหาขนฺธตญฺจฯ ทิสฺวา ‘ชรสิงฺคาโลสฺมี’ติ มนํ อกตฺวา ‘‘อหมฺปิ สีโห ชาโต’’ติ มญฺญิฯ ตโต อตฺตนาว อตฺตานํ เอตทโวจ – ‘‘วยส, ชมฺพุก, ยุตฺตํ นาม ตว อิมินา อตฺตภาเวน ปรสฺส อุจฺฉิฎฺฐมํสํ ขาทิตุํ, กิํ ตฺวํ ปุริโส น โหสิ, สีหสฺสาปิ จตฺตาโร ปาทา เทฺว ทาฐา เทฺว กณฺณา เอกํ นงฺคุฎฺฐํ, ตวปิ สพฺพํ ตเถว, เกวลํ ตว เกสรภารมตฺตเมว นตฺถี’’ติฯ ตเสฺสวํ จินฺตยโต อสฺมิมาโน วฑฺฒิฯ อถสฺส เตน อสฺมิมานโทเสน เอตํ ‘‘โก จาห’’นฺติอาทิ มญฺญิตมโหสิฯ ตตฺถ โก จาหนฺติ อหํ โก, สีโห มิคราชา โก, น เม ญาติ, น สามิโก, กิมหํ ตสฺส นิปจฺจการํ กโรมีติ อธิปฺปาโยฯ สิงฺคาลกํเยวาติ สิงฺคาลรวเมวฯ เภรณฺฑกํเยวาติ อปฺปิยอมนาปสทฺทเมวฯ เก จ ฉเว สิงฺคาเลติ โก จ ลามโก สิงฺคาโลฯ เก ปน สีหนาเทติ โก ปน สีหนาโท สิงฺคาลสฺส จ สีหนาทสฺส จ โก สมฺพโนฺธติ อธิปฺปาโยฯ สุคตาปทาเนสูติ สุคตลกฺขเณสุฯ สุคตสฺส สาสนสมฺภูตาสุ ตีสุ สิกฺขาสุฯ กถํ ปเนส ตตฺถ ชีวติ? เอตสฺส หิ จตฺตาโร ปจฺจเย ททมานา สีลาทิคุณสมฺปนฺนานํ สมฺพุทฺธานํ เทมาติ เทนฺติ, เตน เอส อพุโทฺธ สมาโน พุทฺธานํ นิยามิตปจฺจเย ปริภุญฺชโนฺต สุคตาปทาเนสุ ชีวติ นามฯ สุคตาติริตฺตานีติ เตสํ กิร โภชนานิ ททมานา พุทฺธานญฺจ พุทฺธสาวกานญฺจ ทตฺวา ปจฺฉา อวเสสํ สายนฺหสมเย เทนฺติฯ เอวเมส สุคตาติริตฺตานิ ภุญฺชติ นามฯ ตถาคเตติ ตถาคตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อาสาเทตพฺพํ ฆฎฺฎยิตพฺพํฯ อถ วา ‘‘ตถาคเต’’ติอาทีนิ อุปโยคพหุวจนาเนวฯ อาสาเทตพฺพนฺติ อิทมฺปิ พหุวจนเมว เอกวจนํ วิย วุตฺตํฯ อาสาทนาติ อหํ พุเทฺธน สทฺธิํ ปาฎิหาริยํ กริสฺสามีติ ฆฎฺฎนาฯ
Athekadivasaṃ jarasiṅgālo udakasoṇḍiyaṃ pānīyaṃ pivanto attano chāyaṃ olokento addasa attano thūlasarīratañceva mahākhandhatañca. Disvā ‘jarasiṅgālosmī’ti manaṃ akatvā ‘‘ahampi sīho jāto’’ti maññi. Tato attanāva attānaṃ etadavoca – ‘‘vayasa, jambuka, yuttaṃ nāma tava iminā attabhāvena parassa ucchiṭṭhamaṃsaṃ khādituṃ, kiṃ tvaṃ puriso na hosi, sīhassāpi cattāro pādā dve dāṭhā dve kaṇṇā ekaṃ naṅguṭṭhaṃ, tavapi sabbaṃ tatheva, kevalaṃ tava kesarabhāramattameva natthī’’ti. Tassevaṃ cintayato asmimāno vaḍḍhi. Athassa tena asmimānadosena etaṃ ‘‘ko cāha’’ntiādi maññitamahosi. Tattha ko cāhanti ahaṃ ko, sīho migarājā ko, na me ñāti, na sāmiko, kimahaṃ tassa nipaccakāraṃ karomīti adhippāyo. Siṅgālakaṃyevāti siṅgālaravameva. Bheraṇḍakaṃyevāti appiyaamanāpasaddameva. Ke ca chave siṅgāleti ko ca lāmako siṅgālo. Ke pana sīhanādeti ko pana sīhanādo siṅgālassa ca sīhanādassa ca ko sambandhoti adhippāyo. Sugatāpadānesūti sugatalakkhaṇesu. Sugatassa sāsanasambhūtāsu tīsu sikkhāsu. Kathaṃ panesa tattha jīvati? Etassa hi cattāro paccaye dadamānā sīlādiguṇasampannānaṃ sambuddhānaṃ demāti denti, tena esa abuddho samāno buddhānaṃ niyāmitapaccaye paribhuñjanto sugatāpadānesu jīvati nāma. Sugatātirittānīti tesaṃ kira bhojanāni dadamānā buddhānañca buddhasāvakānañca datvā pacchā avasesaṃ sāyanhasamaye denti. Evamesa sugatātirittāni bhuñjati nāma. Tathāgateti tathāgataṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ āsādetabbaṃ ghaṭṭayitabbaṃ. Atha vā ‘‘tathāgate’’tiādīni upayogabahuvacanāneva. Āsādetabbanti idampi bahuvacanameva ekavacanaṃ viya vuttaṃ. Āsādanāti ahaṃ buddhena saddhiṃ pāṭihāriyaṃ karissāmīti ghaṭṭanā.
๒๙. สเมกฺขิยานาติ สเมกฺขิตฺวา, มญฺญิตฺวาติ อโตฺถฯ อมญฺญีติ ปุน อมญฺญิตฺถ โกตฺถูติ สิงฺคาโลฯ
29.Samekkhiyānāti samekkhitvā, maññitvāti attho. Amaññīti puna amaññittha kotthūti siṅgālo.
๓๐. อตฺตานํ วิฆาเส สเมกฺขิยาติ โสณฺฑิยํ อุจฺฉิโฎฺฐทเก ถูลํ อตฺตภาวํ ทิสฺวาฯ ยาว อตฺตานํ น ปสฺสตีติ ยาว อหํ สีหวิฆาสสํวฑฺฒิตโก ชรสิงฺคาโลติ เอวํ ยถาภูตํ อตฺตานํ น ปสฺสติฯ พฺยโคฺฆติ มญฺญตีติ สีโหหมสฺมีติ มญฺญติ, สีเหน วา สมานพโล พฺยโคฺฆเยว อหนฺติ มญฺญติฯ
30.Attānaṃ vighāse samekkhiyāti soṇḍiyaṃ ucchiṭṭhodake thūlaṃ attabhāvaṃ disvā. Yāva attānaṃ na passatīti yāva ahaṃ sīhavighāsasaṃvaḍḍhitako jarasiṅgāloti evaṃ yathābhūtaṃ attānaṃ na passati. Byagghoti maññatīti sīhohamasmīti maññati, sīhena vā samānabalo byagghoyeva ahanti maññati.
๓๑. ภุตฺวาน เภเกติ อาวาฎมณฺฑูเก ขาทิตฺวาฯ ขลมูสิกาโยติ ขเลสุ มูสิกาโย จ ขาทิตฺวาฯ กฎสีสุ ขิตฺตานิ จ โกณปานีติ สุสาเนสุ ฉฑฺฑิตกุณปานิ จ ขาทิตฺวาฯ มหาวเนติ มหเนฺต วนสฺมิํฯ สุญฺญวเนติ ตุจฺฉวเนฯ วิวโฑฺฒติ วฑฺฒิโตฯ ตเถว โส สิงฺคาลกํ อนทีติ เอวํ สํวโฑฺฒปิ มิคราชาหมสฺมีติ มญฺญิตฺวาปิ ยถา ปุเพฺพ ทุพฺพลสิงฺคาลกาเล, ตเถว โส สิงฺคาลรวํเยว อรวีติ ฯ อิมายปิ คาถาย เภกาทีนิ ภุตฺวา วฑฺฒิตสิงฺคาโล วิย ลาภสกฺการคิโทฺธ ตฺวนฺติ ปาถิกปุตฺตเมว ฆเฎฺฎสิฯ
31.Bhutvāna bheketi āvāṭamaṇḍūke khāditvā. Khalamūsikāyoti khalesu mūsikāyo ca khāditvā. Kaṭasīsu khittāni ca koṇapānīti susānesu chaḍḍitakuṇapāni ca khāditvā. Mahāvaneti mahante vanasmiṃ. Suññavaneti tucchavane. Vivaḍḍhoti vaḍḍhito. Tatheva so siṅgālakaṃ anadīti evaṃ saṃvaḍḍhopi migarājāhamasmīti maññitvāpi yathā pubbe dubbalasiṅgālakāle, tatheva so siṅgālaravaṃyeva aravīti . Imāyapi gāthāya bhekādīni bhutvā vaḍḍhitasiṅgālo viya lābhasakkāragiddho tvanti pāthikaputtameva ghaṭṭesi.
นาเคหีติ หตฺถีหิฯ มหาพนฺธนาติ มหตา กิเลสพนฺธนา โมเจตฺวาฯ มหาวิทุคฺคาติ มหาวิทุคฺคํ นาม จตฺตาโร โอฆาฯ ตโต อุทฺธริตฺวา นิพฺพานถเล ปติฎฺฐเปตฺวาฯ
Nāgehīti hatthīhi. Mahābandhanāti mahatā kilesabandhanā mocetvā. Mahāviduggāti mahāviduggaṃ nāma cattāro oghā. Tato uddharitvā nibbānathale patiṭṭhapetvā.
อคฺคญฺญปญฺญตฺติกถาวณฺณนา
Aggaññapaññattikathāvaṇṇanā
๓๖. อิติ ‘‘ภควา เอตฺตเกน กถามเคฺคน ปาฎิหาริยํ น กโรตี’’ติ ปทสฺส อนุสนฺธิํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ‘‘น อคฺคญฺญํ ปญฺญาเปตี’’ติ อิมสฺส อนุสนฺธิํ ทเสฺสโนฺต อคฺคญฺญญฺจาหนฺติ เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ อคฺคญฺญญฺจาหนฺติ อหํ, ภคฺคว, อคฺคญฺญญฺจ ปชานามิ โลกุปฺปตฺติจริยวํสญฺจฯ ตญฺจ ปชานามีติ น เกวลํ อคฺคญฺญเมว, ตญฺจ อคฺคญฺญํ ปชานามิฯ ตโต จ อุตฺตริตรํ สีลสมาธิโต ปฎฺฐาย ยาว สพฺพญฺญุตญฺญาณา ปชานามิฯ ตญฺจ ปชานํ น ปรามสามีติ ตญฺจ ปชานโนฺตปิ อหํ อิทํ นาม ปชานามีติ ตณฺหาทิฎฺฐิมานวเสน น ปรามสามิฯ นตฺถิ ตถาคตสฺส ปรามาโสติ ทีเปติฯ ปจฺจตฺตเญฺญว นิพฺพุติ วิทิตาติ อตฺตนาเยว อตฺตนิ กิเลสนิพฺพานํ วิทิตํฯ ยทภิชานํ ตถาคโตติ ยํ กิเลสนิพฺพานํ ชานโนฺต ตถาคโตฯ โน อนยํ อาปชฺชตีติ อวิทิตนิพฺพานา ติตฺถิยา วิย อนยํ ทุกฺขํ พฺยสนํ นาปชฺชติฯ
36. Iti ‘‘bhagavā ettakena kathāmaggena pāṭihāriyaṃ na karotī’’ti padassa anusandhiṃ dassetvā idāni ‘‘na aggaññaṃ paññāpetī’’ti imassa anusandhiṃ dassento aggaññañcāhanti desanaṃ ārabhi. Tattha aggaññañcāhanti ahaṃ, bhaggava, aggaññañca pajānāmi lokuppatticariyavaṃsañca. Tañca pajānāmīti na kevalaṃ aggaññameva, tañca aggaññaṃ pajānāmi. Tato ca uttaritaraṃ sīlasamādhito paṭṭhāya yāva sabbaññutaññāṇā pajānāmi. Tañca pajānaṃ na parāmasāmīti tañca pajānantopi ahaṃ idaṃ nāma pajānāmīti taṇhādiṭṭhimānavasena na parāmasāmi. Natthi tathāgatassa parāmāsoti dīpeti. Paccattaññevanibbuti viditāti attanāyeva attani kilesanibbānaṃ viditaṃ. Yadabhijānaṃ tathāgatoti yaṃ kilesanibbānaṃ jānanto tathāgato. No anayaṃ āpajjatīti aviditanibbānā titthiyā viya anayaṃ dukkhaṃ byasanaṃ nāpajjati.
๓๗. อิทานิ ยํ ตํ ติตฺถิยา อคฺคญฺญํ ปญฺญเปนฺติ, ตํ ทเสฺสโนฺต สนฺติ ภคฺควาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิสฺสรกุตฺตํ พฺรหฺมกุตฺตนฺติ อิสฺสรกตํ พฺรหฺมกตํ, อิสฺสรนิมฺมิตํ พฺรหฺมนิมฺมิตนฺติ อโตฺถฯ พฺรหฺมา เอว หิ เอตฺถ อาธิปจฺจภาเวน อิสฺสโรติ เวทิตโพฺพฯ อาจริยกนฺติ อาจริยภาวํ อาจริยวาทํฯ ตตฺถ อาจริยวาโท อคฺคญฺญํฯ อคฺคญฺญํ ปน เอตฺถ เทสิตนฺติ กตฺวา โส อคฺคญฺญํ เตฺวว วุโตฺตฯ กถํ วิหิตกนฺติ เกน วิหิตํ กินฺติ วิหิตํฯ เสสํ พฺรหฺมชาเล วิตฺถาริตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
37. Idāni yaṃ taṃ titthiyā aggaññaṃ paññapenti, taṃ dassento santi bhaggavātiādimāha. Tattha issarakuttaṃ brahmakuttanti issarakataṃ brahmakataṃ, issaranimmitaṃ brahmanimmitanti attho. Brahmā eva hi ettha ādhipaccabhāvena issaroti veditabbo. Ācariyakanti ācariyabhāvaṃ ācariyavādaṃ. Tattha ācariyavādo aggaññaṃ. Aggaññaṃ pana ettha desitanti katvā so aggaññaṃ tveva vutto. Kathaṃ vihitakanti kena vihitaṃ kinti vihitaṃ. Sesaṃ brahmajāle vitthāritanayeneva veditabbaṃ.
๔๑. ขิฑฺฑาปโทสิกนฺติ ขิฑฺฑาปโทสิกมูลํฯ
41.Khiḍḍāpadosikanti khiḍḍāpadosikamūlaṃ.
๔๗. อสตาติ อวิชฺชมาเนน, อสํวิชฺชมานเฎฺฐนาติ อโตฺถฯ ตุจฺฉาติ ตุเจฺฉน อโนฺตสารวิรหิเตนฯ มุสาติ มุสาวาเทนฯ อภูเตนาติ ภูตตฺถวิรหิเตนฯ อพฺภาจิกฺขนฺตีติ อภิอาจิกฺขนฺติฯ วิปรีโตติ วิปรีตสโญฺญ วิปรีตจิโตฺตฯ ภิกฺขโว จาติ น เกวลํ สมโณ โคตโมเยว, เย จ อสฺส อนุสิฎฺฐิํ กโรนฺติ, เต ภิกฺขู จ วิปรีตาฯ อถ ยํ สนฺธาย วิปรีโตติ วทนฺติ, ตํ ทเสฺสตุํ สมโณ โคตโมติอาทิ วุตฺตํฯ สุภํ วิโมกฺขนฺติ วณฺณกสิณํฯ อสุภเนฺตฺววาติ สุภญฺจ อสุภญฺจ สพฺพํ อสุภนฺติ เอวํ ปชานาติฯ สุภเนฺตฺวว ตสฺมิํ สมเยติ สุภนฺติ เอว จ ตสฺมิํ สมเย ปชานาติ, น อสุภํฯ ภิกฺขโว จาติ เย เต เอวํ วทนฺติ, เตสํ ภิกฺขโว จ อเนฺตวาสิกสมณา วิปรีตาฯ ปโหตีติ สมโตฺถ ปฎิพโลฯ
47.Asatāti avijjamānena, asaṃvijjamānaṭṭhenāti attho. Tucchāti tucchena antosāravirahitena. Musāti musāvādena. Abhūtenāti bhūtatthavirahitena. Abbhācikkhantīti abhiācikkhanti. Viparītoti viparītasañño viparītacitto. Bhikkhavo cāti na kevalaṃ samaṇo gotamoyeva, ye ca assa anusiṭṭhiṃ karonti, te bhikkhū ca viparītā. Atha yaṃ sandhāya viparītoti vadanti, taṃ dassetuṃ samaṇo gotamotiādi vuttaṃ. Subhaṃ vimokkhanti vaṇṇakasiṇaṃ. Asubhantvevāti subhañca asubhañca sabbaṃ asubhanti evaṃ pajānāti. Subhantveva tasmiṃ samayeti subhanti eva ca tasmiṃ samaye pajānāti, na asubhaṃ. Bhikkhavo cāti ye te evaṃ vadanti, tesaṃ bhikkhavo ca antevāsikasamaṇā viparītā. Pahotīti samattho paṭibalo.
๔๘. ทุกฺกรํ โขติ อยํ ปริพฺพาชโก ยทิทํ ‘‘เอวํปสโนฺน อหํ, ภเนฺต’’ติอาทิมาห, ตํ สาเฐเยฺยน โกหเญฺญน อาหฯ เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สมโณ โคตโม มยฺหํ เอตฺตกํ ธมฺมกถํ กเถสิ, ตมหํ สุตฺวาปิ ปพฺพชิตุํ น สโกฺกมิ, มยา เอตสฺส สาสนํ ปฎิปนฺนสทิเสน ภวิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ ตโต โส สาเฐเยฺยน โกหเญฺญน เอวมาหฯ เตนสฺส ภควา มมฺมํ ฆเฎฺฎโนฺต วิย ‘‘ทุกฺกรํ โข เอตํ, ภคฺคว ตยา อญฺญทิฎฺฐิเกนา’’ติอาทิมาหฯ ตํ โปฎฺฐปาทสุเตฺต วุตฺตตฺถเมวฯ สาธุกมนุรกฺขาติ สุฎฺฐุ อนุรกฺขฯ
48.Dukkaraṃ khoti ayaṃ paribbājako yadidaṃ ‘‘evaṃpasanno ahaṃ, bhante’’tiādimāha, taṃ sāṭheyyena kohaññena āha. Evaṃ kirassa ahosi – ‘‘samaṇo gotamo mayhaṃ ettakaṃ dhammakathaṃ kathesi, tamahaṃ sutvāpi pabbajituṃ na sakkomi, mayā etassa sāsanaṃ paṭipannasadisena bhavituṃ vaṭṭatī’’ti. Tato so sāṭheyyena kohaññena evamāha. Tenassa bhagavā mammaṃ ghaṭṭento viya ‘‘dukkaraṃ kho etaṃ, bhaggava tayā aññadiṭṭhikenā’’tiādimāha. Taṃ poṭṭhapādasutte vuttatthameva. Sādhukamanurakkhāti suṭṭhu anurakkha.
อิติ ภควา ปสาทมตฺตานุรกฺขเณ ปริพฺพาชกํ นิโยเชสิฯ โสปิ เอวํ มหนฺตํ สุตฺตนฺตํ สุตฺวาปิ นาสกฺขิ กิเลสกฺขยํ กาตุํฯ เทสนา ปนสฺส อายติํ วาสนาย ปจฺจโย อโหสิฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
Iti bhagavā pasādamattānurakkhaṇe paribbājakaṃ niyojesi. Sopi evaṃ mahantaṃ suttantaṃ sutvāpi nāsakkhi kilesakkhayaṃ kātuṃ. Desanā panassa āyatiṃ vāsanāya paccayo ahosi. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.
สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถาย
Sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāya
ปาถิกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pāthikasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๑. ปาถิกสุตฺตํ • 1. Pāthikasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๑. ปาถิกสุตฺตวณฺณนา • 1. Pāthikasuttavaṇṇanā