Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
ทีฆนิกาเย
Dīghanikāye
ปาถิกวคฺคฎีกา
Pāthikavaggaṭīkā
๑. ปาถิกสุตฺตวณฺณนา
1. Pāthikasuttavaṇṇanā
สุนกฺขตฺตวตฺถุวณฺณนา
Sunakkhattavatthuvaṇṇanā
๑. อปุพฺพปทวณฺณนาติ อตฺถสํวณฺณนาวเสน เหฎฺฐา อคฺคหิตตาย อปุพฺพสฺส อภินวสฺส ปทสฺส วณฺณนา อตฺถวิภาวนาฯ ‘‘หิตฺวา ปุนปฺปุนาคตมตฺถ’’นฺติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.คนฺถารมฺภกถา) หิ วุตฺตํฯ มเลฺลสูติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ ฉายูทกสมฺปเนฺน วนสเณฺฑ วิหรตีติ อนุปิยสามนฺตา กตสฺส วิหารสฺส อภาวโตฯ ยทิ น ตาว ปวิโฎฺฐ, กสฺมา ‘‘ปาวิสี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปวิสิสฺสามี’’ติอาทิ, เตน อวสฺสํ ภาวินิ ภูเต วิย อุปจารา โหนฺตีติ ทเสฺสติฯ อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวโนฺต ‘‘ยถา กิ’’นฺติอาทิมาหฯ เอตนฺติ เอตํ ‘‘อติปฺปโค โข’’ติอาทิกํ จินฺตนํ อโหสิฯ อติวิย ปโค โขติ อติวิย ปาโตวฯ ฉนฺนโกปีนตาย, ปริพฺพาชกปพฺพชฺชุปคเมน จ ฉนฺนปริพฺพาชกํ, น นคฺคปริพฺพาชกํฯ
1.Apubbapadavaṇṇanāti atthasaṃvaṇṇanāvasena heṭṭhā aggahitatāya apubbassa abhinavassa padassa vaṇṇanā atthavibhāvanā. ‘‘Hitvā punappunāgatamattha’’nti (dī. ni. aṭṭha. 1.ganthārambhakathā) hi vuttaṃ. Mallesūti ettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttanayameva. Chāyūdakasampanne vanasaṇḍe viharatīti anupiyasāmantā katassa vihārassa abhāvato. Yadi na tāva paviṭṭho, kasmā ‘‘pāvisī’’ti vuttanti āha ‘‘pavisissāmī’’tiādi, tena avassaṃ bhāvini bhūte viya upacārā hontīti dasseti. Idāni tamatthaṃ upamāya vibhāvento ‘‘yathā ki’’ntiādimāha. Etanti etaṃ ‘‘atippago kho’’tiādikaṃ cintanaṃ ahosi. Ativiyapago khoti ativiya pātova. Channakopīnatāya, paribbājakapabbajjupagamena ca channaparibbājakaṃ, na naggaparibbājakaṃ.
๒. ยสฺมา ภควโต อุจฺจากุลปฺปสุตตํ, มหาภินิกฺขมนนิกฺขนฺตตํ, อนญฺญสาธารณทุกฺกรจรณํ, วิเวกวาสํ, โลกสมฺภาวิตตํ, โอวาทานุสาสนีหิ โลกสฺส พหุปการตํ, ปรปฺปวาทมทฺทนํ, มหิทฺธิกตํ , มหานุภาวตนฺติ เอวมาทิกํ ตํตํอตฺตปจฺจกฺขคุณวิเสสํ นิสฺสาย เยภุเยฺยน อญฺญติตฺถิยาปิ ภควนฺตํ ทิสฺวา อาทรคารวพหุมานํ ทเสฺสนฺติเยว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภควนฺตํ ทิสฺวา มานถทฺธตํ อกตฺวา’’ติอาทิฯ โลกสมุทาจารวเสนาติ โลโกปจารวเสนฯ จิรสฺสนฺติ จิรกาเลนฯ อาทีนิ วทนฺติ อุปจารวเสนฯ ตสฺสาติ ภคฺควโคตฺตสฺส ปริพฺพาชกสฺสฯ คิหิสหาโยติ คิหิกาลโต ปฎฺฐาย สหาโยฯ ปจฺจกฺขาโตติ เยนากาเรน ปจฺจกฺขานา, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปจฺจกฺขามี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
2. Yasmā bhagavato uccākulappasutataṃ, mahābhinikkhamananikkhantataṃ, anaññasādhāraṇadukkaracaraṇaṃ, vivekavāsaṃ, lokasambhāvitataṃ, ovādānusāsanīhi lokassa bahupakārataṃ, parappavādamaddanaṃ, mahiddhikataṃ , mahānubhāvatanti evamādikaṃ taṃtaṃattapaccakkhaguṇavisesaṃ nissāya yebhuyyena aññatitthiyāpi bhagavantaṃ disvā ādaragāravabahumānaṃ dassentiyeva, tasmā vuttaṃ ‘‘bhagavantaṃ disvā mānathaddhataṃ akatvā’’tiādi. Lokasamudācāravasenāti lokopacāravasena. Cirassanti cirakālena. Ādīni vadanti upacāravasena. Tassāti bhaggavagottassa paribbājakassa. Gihisahāyoti gihikālato paṭṭhāya sahāyo. Paccakkhātoti yenākārena paccakkhānā, taṃ dassetuṃ ‘‘paccakkhāmī’’tiādi vuttaṃ.
๓. อุทฺทิสฺสาติ สตฺถุการภาเวน อุทฺทิสฺสาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ภควา เม’’ติอาทิมาหฯ ยทา สุนกฺขตฺตสฺส ‘‘ภควนฺตํ ปจฺจกฺขามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, วาจา ภินฺนา, ตทา เอวสฺส ภควตา สทฺธิํ โกจิ สมฺพโนฺธ นตฺถิ อสกฺยปุตฺติยภาวโต สาสนโต ปริพาหิรตฺตาฯ อยํ ตาเวตฺถ สาสนยุตฺติ, สา ปนายํ ฐเปตฺวา สาสนยุตฺติโกวิเท อเญฺญสํ น สมฺมเทว วิสโยติ ภควา สพฺพสาธารณวเสนสฺส อตฺตนา สมฺพนฺธาภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิ นู’’ติ อาทิํ วตฺวา สุนกฺขตฺตํ ‘‘โก สโนฺต กํ ปจฺจาจิกฺขสี’’ติ อาหฯ ยสฺมา มุขาคโตยํ สมฺพโนฺธ, น ปูชาคตาทิโก, โย จ ยาจกยาจิตพฺพตาวเสน โหติ, ตทุภยเญฺจตฺถ นตฺถีติ ทเสฺสโนฺต ภควา สุนกฺขตฺตํ ‘‘โก สโนฺต กํ ปจฺจาจิกฺขสี’’ติ อโวจ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยาจโก วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยาจิตโก วา ยาจกํ ปจฺจาจิเกฺขยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ ตฺวํ ปน เนว ยาจโก ‘‘อหํ ภเนฺต ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส วิหริสฺสามี’’ติ เอวํ มม สนฺติกํ อนุปคตตฺตาฯ น ยาจิตโก ‘‘เอหิ ตฺวํ สุนกฺขตฺต มมํ อุทฺทิสฺส วิหราหี’’ติ เอวํ มยา อปตฺถิตตฺตาฯ
3.Uddissāti satthukārabhāvena uddissāti ayamettha adhippāyoti taṃ dassento ‘‘bhagavā me’’tiādimāha. Yadā sunakkhattassa ‘‘bhagavantaṃ paccakkhāmī’’ti cittaṃ uppannaṃ, vācā bhinnā, tadā evassa bhagavatā saddhiṃ koci sambandho natthi asakyaputtiyabhāvato sāsanato paribāhirattā. Ayaṃ tāvettha sāsanayutti, sā panāyaṃ ṭhapetvā sāsanayuttikovide aññesaṃ na sammadeva visayoti bhagavā sabbasādhāraṇavasenassa attanā sambandhābhāvaṃ dassetuṃ ‘‘api nū’’ti ādiṃ vatvā sunakkhattaṃ ‘‘ko santo kaṃ paccācikkhasī’’ti āha. Yasmā mukhāgatoyaṃ sambandho, na pūjāgatādiko, yo ca yācakayācitabbatāvasena hoti, tadubhayañcettha natthīti dassento bhagavā sunakkhattaṃ ‘‘ko santo kaṃ paccācikkhasī’’ti avoca, tasmā tamatthaṃ dassetuṃ ‘‘yācako vā’’tiādi vuttaṃ. Yācitako vā yācakaṃ paccācikkheyyāti sambandho. Tvaṃ pana neva yācako ‘‘ahaṃ bhante bhagavantaṃ uddissa viharissāmī’’ti evaṃ mama santikaṃ anupagatattā. Na yācitako ‘‘ehi tvaṃ sunakkhatta mamaṃ uddissa viharāhī’’ti evaṃ mayā apatthitattā.
โก สมาโนติ ยาจกยาจิตเกสุ โก นาม โหโนฺตฯ กนฺติ ยาจกยาจิตเกสุ เอว กํ นาม โหนฺตํ มํ ปจฺจาจิกฺขสิฯ ตุจฺฉปุริสาติ ฌานมคฺคาทิอุตฺตริมนุสฺสธเมฺมสุ กสฺสจิปิ อภาวา ริตฺตปุริสาฯ นนุ จายํ สุนกฺขโตฺต โลกิยชฺฌานานิ, เอกจฺจาภิญฺญญฺจ อุปฺปาเทสีติ? กิญฺจาปิ อุปฺปาเทสิ, ตโต ปน ภควติ อาฆาตุปฺปาทเนน สเหว ปริหีโน อโหสิฯ อปราโธ นาม สุปฺปฎิปตฺติยา วิรชฺฌนเหตุภูโต กิเลสุปฺปาโทติ อาห ‘‘ยตฺตโก เต อปราโธ, ตตฺตโก โทโส’’ติฯ ยาวญฺจาติ อวธิปริเจฺฉทภาวทสฺสนํ ‘‘ยาวญฺจ เตน ภควตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓) วิยฯ เตติ ตยาฯ อิทนฺติ นิปาตมตฺตํฯ อปรทฺธนฺติ อปรชฺฌิตํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ปจฺจาจิกฺขามิทานาหํ ภเนฺต ภควนฺต’’นฺติอาทีนิ วทเนฺตน ตุจฺฉปุริส ตยา ยาวญฺจิทํ อปรทฺธํ, น ตสฺส อปราธสฺส ปมาณํ อตฺถีติฯ
Ko samānoti yācakayācitakesu ko nāma honto. Kanti yācakayācitakesu eva kaṃ nāma hontaṃ maṃ paccācikkhasi. Tucchapurisāti jhānamaggādiuttarimanussadhammesu kassacipi abhāvā rittapurisā. Nanu cāyaṃ sunakkhatto lokiyajjhānāni, ekaccābhiññañca uppādesīti? Kiñcāpi uppādesi, tato pana bhagavati āghātuppādanena saheva parihīno ahosi. Aparādho nāma suppaṭipattiyā virajjhanahetubhūto kilesuppādoti āha ‘‘yattako te aparādho,tattako doso’’ti. Yāvañcāti avadhiparicchedabhāvadassanaṃ ‘‘yāvañca tena bhagavatā’’tiādīsu (dī. ni. 1.3) viya. Teti tayā. Idanti nipātamattaṃ. Aparaddhanti aparajjhitaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘paccācikkhāmidānāhaṃ bhante bhagavanta’’ntiādīni vadantena tucchapurisa tayā yāvañcidaṃ aparaddhaṃ, na tassa aparādhassa pamāṇaṃ atthīti.
๔. มนุสฺสธมฺมาติ ภาวนานุโยเคน วินา มนุเสฺสหิ อนุฎฺฐาตพฺพธมฺมาฯ โส หิ มนุสฺสานํ จิตฺตาธิฎฺฐานมเตฺตน อิชฺฌนโต เตสํ สมฺภาวิตธโมฺม วิย ฐิโต ตถา วุโตฺต, มนุสฺสคฺคหณเญฺจตฺถ เตสุ พหุลํ ปวตฺตนโตฯ อิทฺธิภูตํ ปาฎิหาริยํ, น อาเทสนานุสาสนีปาฎิหาริยนฺติ อธิปฺปาโยฯ กเตติ ปวตฺติเตฯ นิยฺยาตีติ นิคฺคจฺฉติ, วฎฺฎทุกฺขโต นิคฺคมนวเสน ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ ธเมฺม หิ นิคฺคจฺฉเนฺต ตํสมงฺคิปุคฺคโล ‘‘นิคฺคจฺฉตี’’ติ วุจฺจติ, อฎฺฐกถายํ ปน นิ-สโทฺท อุปสคฺคมตฺตํ, ยาติ อิเจฺจว อโตฺถติ ทเสฺสตุํ คจฺฉตีติ อโตฺถ วุโตฺตฯ ตตฺราติ ปธานภาเวน วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ภุมฺมวเสน ปฎินิเทฺทโสติ ตสฺมิํ ธเมฺม สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย นิยฺยเนฺตติ อยเมตฺถ อโตฺถติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ตสฺมิํ…เป.… สํวตฺตมาเน’’ติฯ
4.Manussadhammāti bhāvanānuyogena vinā manussehi anuṭṭhātabbadhammā. So hi manussānaṃ cittādhiṭṭhānamattena ijjhanato tesaṃ sambhāvitadhammo viya ṭhito tathā vutto, manussaggahaṇañcettha tesu bahulaṃ pavattanato. Iddhibhūtaṃ pāṭihāriyaṃ, na ādesanānusāsanīpāṭihāriyanti adhippāyo. Kateti pavattite. Niyyātīti niggacchati, vaṭṭadukkhato niggamanavasena pavattatīti attho. Dhamme hi niggacchante taṃsamaṅgipuggalo ‘‘niggacchatī’’ti vuccati, aṭṭhakathāyaṃ pana ni-saddo upasaggamattaṃ, yāti icceva atthoti dassetuṃ gacchatīti attho vutto. Tatrāti padhānabhāvena vuttassa atthassa bhummavasena paṭiniddesoti tasmiṃ dhamme sammā dukkhakkhayāya niyyanteti ayamettha atthoti dassento āha ‘‘tasmiṃ…pe… saṃvattamāne’’ti.
๕. อคฺคนฺติ ญายตีติ อคฺคญฺญํฯ โลกปญฺญตฺตินฺติ โลกสฺส ปญฺญาปนํฯ โลกสฺส อคฺคนฺติ โลกุปฺปตฺติสมเย ‘‘อิทํ นาม โลกสฺส อคฺค’’นฺติ เอวํ ชานิตพฺพํ พุชฺฌิตพฺพํฯ อคฺคมริยาทนฺติ อาทิมริยาทํฯ
5. Agganti ñāyatīti aggaññaṃ. Lokapaññattinti lokassa paññāpanaṃ. Lokassa agganti lokuppattisamaye ‘‘idaṃ nāma lokassa agga’’nti evaṃ jānitabbaṃ bujjhitabbaṃ. Aggamariyādanti ādimariyādaṃ.
๖. เอตฺตกํ วิปฺปลปิตฺวาติ ‘‘น ทานาหํ ภเนฺต ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส วิหริสฺสามี’’ติ, ‘‘น หิ ปน เม ภเนฺต ภควา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กโรตี’’ติ, ‘‘น หิ ปน เม ภเนฺต ภควา อคฺคญฺญํ ปญฺญเปตี’’ติ จ เอตฺตกํ วิปฺปลปิตฺวาฯ อิทํ กิร โส ภควา สตฺถุกิจฺจํ อิทฺธิปาฎิหาริยํ, อคฺคญฺญปญฺญาปนญฺจ กาตุํ น สโกฺกตีติ ปกาเสโนฺต กเถสิฯ เตนาห ‘‘สุนกฺขโตฺต กิรา’’ติอาทิฯ อุตฺตรวจนวเสน ปติฎฺฐาภาวโต อปฺปติโฎฺฐฯ ตโต เอว นิรโว นิสฺสโทฺทฯ
6.Ettakaṃ vippalapitvāti ‘‘na dānāhaṃ bhante bhagavantaṃ uddissa viharissāmī’’ti, ‘‘na hi pana me bhante bhagavā uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karotī’’ti, ‘‘na hi pana me bhante bhagavā aggaññaṃ paññapetī’’ti ca ettakaṃ vippalapitvā. Idaṃ kira so bhagavā satthukiccaṃ iddhipāṭihāriyaṃ, aggaññapaññāpanañca kātuṃ na sakkotīti pakāsento kathesi. Tenāha ‘‘sunakkhatto kirā’’tiādi. Uttaravacanavasena patiṭṭhābhāvato appatiṭṭho. Tato eva niravo nissaddo.
อาทีนวทสฺสนตฺถนฺติ ทิฎฺฐธมฺมิกสฺส อาทีนวสฺส ทสฺสนตฺถํฯ เตนาห ‘‘สยเมว ครหํ ปาปุณิสฺสสี’’ติฯ สมฺปรายิกา ปน อาทีนวา อเนกวิธา, เต ทเสฺสโนฺต สุนกฺขโตฺต น สทฺทเหยฺยาติ ทิฎฺฐธมฺมิกเสฺสว คหณํ ฯ อเนกการเณนาติ ‘‘อิติปิ โส ภควา อรห’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๕๗, ๒๕๕) อเนกวิเธน วณฺณการเณนฯ เอวํ เม อวโณฺณ น ภวิสฺสตีติ อชฺฌาสเยน อตฺตโน พาลตาย วณฺณารหานํ อวณฺณํ กเถตฺวาฯ เอวํ ภควา มกฺขิภาเว อาทีนวํ ทเสฺสตฺวา ปุน ตสฺส กถเน การณํ วิภาเวตุํ ‘‘อิติ โข เต’’ติอาทิมาหาติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตโต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอวญฺหิ สุนกฺขตฺตสฺส อปฺปโกปิ วจโนกาโส น ภวิสฺสตีติฯ อปกฺกมีติ อตฺตนา ยถาฐิตา วุฎฺฐาย อปสกฺกิฯ อปกฺกโนฺต สาสนโต ภโฎฺฐฯ เตนาห ‘‘จุโต’’ติฯ เอวเมวาติ อปกฺกมโนฺต จ น ยถา ตถา อปกฺกมิ, ยถา ปน กายสฺส เภทา อปาเย นิพฺพเตฺตยฺย, เอวเมว อปกฺกมิฯ
Ādīnavadassanatthanti diṭṭhadhammikassa ādīnavassa dassanatthaṃ. Tenāha ‘‘sayameva garahaṃ pāpuṇissasī’’ti. Samparāyikā pana ādīnavā anekavidhā, te dassento sunakkhatto na saddaheyyāti diṭṭhadhammikasseva gahaṇaṃ . Anekakāraṇenāti ‘‘itipi so bhagavā araha’’ntiādinā (dī. ni. 1.157, 255) anekavidhena vaṇṇakāraṇena. Evaṃ me avaṇṇo na bhavissatīti ajjhāsayena attano bālatāya vaṇṇārahānaṃ avaṇṇaṃ kathetvā. Evaṃ bhagavā makkhibhāve ādīnavaṃ dassetvā puna tassa kathane kāraṇaṃ vibhāvetuṃ ‘‘iti kho te’’tiādimāhāti taṃ dassetuṃ ‘‘tato’’tiādi vuttaṃ. Evañhi sunakkhattassa appakopi vacanokāso na bhavissatīti. Apakkamīti attanā yathāṭhitā vuṭṭhāya apasakki. Apakkanto sāsanato bhaṭṭho. Tenāha ‘‘cuto’’ti. Evamevāti apakkamanto ca na yathā tathā apakkami, yathā pana kāyassa bhedā apāye nibbatteyya, evameva apakkami.
โกรขตฺติยวตฺถุวณฺณนา
Korakhattiyavatthuvaṇṇanā
๗. ทฺวีหิ ปเทหีติ ทฺวีหิ วาเกฺยหิ อารทฺธํ พฺยติเรกวเสน ตทุภยตฺถนิเทฺทสวเสน อุปริเทสนาย ปวตฺตตฺตาฯ อนุสนฺธิทสฺสนวเสนาติ ยถานุสนฺธิสงฺขาตอนุสนฺธิทสฺสนวเสนฯ
7.Dvīhi padehīti dvīhi vākyehi āraddhaṃ byatirekavasena tadubhayatthaniddesavasena uparidesanāya pavattattā. Anusandhidassanavasenāti yathānusandhisaṅkhātaanusandhidassanavasena.
เอกํ สมยนฺติ จ ภุมฺมเตฺถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘เอกสฺมิํ สมเย’’ติ จฯ ถูลู นาม ชนปโทติ ชนปทีนํ ราชกุมารานํ วเสน ตถาลทฺธนาโมฯ กุกฺกุรวตํ สมาทานวเสน เอตสฺมิํ อตฺถีติ กุกฺกุรวติโกติ อาห ‘‘สมาทินฺนกุกฺกุรวโต’’ติฯ อญฺญมฺปีติ ‘‘จตุโกฺกณฺฑิกเสฺสว วิจรณํ, ตถา กตฺวาว ขาทนํ, ภุญฺชนํ, วามปาทํ อุทฺธริตฺวา มุตฺตสฺส วิสฺสชฺชน’’นฺติ เอวมาทิกํ อญฺญมฺปิ สุนเขหิ กาตพฺพกิริยํฯ จตูหิ สรีราวยเวหิ กุณฺฑนํ คมนํ จตุโกฺกโณฺฑ, โส เอตสฺมิํ อตฺถีติ จตุโกฺกณฺฑิโกฯ โส ปน ยสฺมา จตูหิ สรีราวยเวหิ สงฺฆฎฺฎิตคมโน โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จตุสงฺฆฎฺฎิโต’’ติฯ เตเนวาห ‘‘เทฺว ชณฺณูนี’’ติอาทิฯ ภกฺขสนฺติ วา ภกฺขิตพฺพํ, อสิตพฺพญฺจฯ เตเนวาห ‘‘ยํ กิญฺจิ ขาทนียํ โภชนีย’’นฺติฯ กามํ ขาทนญฺจ นาม มุเขน กาตพฺพํ, หเตฺถน ปน ตตฺถ อุปนามนํ นิวาเรตุํ อวธารณํ กตนฺติ อาห ‘‘หเตฺถน อปรามสิตฺวา’’ติ, อคฺคเหตฺวาติ อโตฺถฯ สุนฺทรรูโปติ สุนฺทรภาโวฯ วตาติ ปตฺถนเตฺถ นิปาโต ‘‘อโห วตาหํ ลาภี อสฺส’’นฺติอาทีสุ วิยฯ ‘‘สมเณน นาม เอวรูเปน ภวิตพฺพํ อโห วตาหํ เอทิโส ภเวยฺย’’นฺติ เอวํ ตสฺส ปตฺถนา อโหสิฯ เตนาห ‘‘เอวํ กิรา’’ติอาทิฯ
Ekaṃ samayanti ca bhummatthe upayogavacananti āha ‘‘ekasmiṃ samaye’’ti ca. Thūlū nāma janapadoti janapadīnaṃ rājakumārānaṃ vasena tathāladdhanāmo. Kukkuravataṃ samādānavasena etasmiṃ atthīti kukkuravatikoti āha ‘‘samādinnakukkuravato’’ti. Aññampīti ‘‘catukkoṇḍikasseva vicaraṇaṃ, tathā katvāva khādanaṃ, bhuñjanaṃ, vāmapādaṃ uddharitvā muttassa vissajjana’’nti evamādikaṃ aññampi sunakhehi kātabbakiriyaṃ. Catūhi sarīrāvayavehi kuṇḍanaṃ gamanaṃ catukkoṇḍo, so etasmiṃ atthīti catukkoṇḍiko. So pana yasmā catūhi sarīrāvayavehi saṅghaṭṭitagamano hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘catusaṅghaṭṭito’’ti. Tenevāha ‘‘dve jaṇṇūnī’’tiādi. Bhakkhasanti vā bhakkhitabbaṃ, asitabbañca. Tenevāha ‘‘yaṃ kiñci khādanīyaṃ bhojanīya’’nti. Kāmaṃ khādanañca nāma mukhena kātabbaṃ, hatthena pana tattha upanāmanaṃ nivāretuṃ avadhāraṇaṃ katanti āha ‘‘hatthena aparāmasitvā’’ti, aggahetvāti attho. Sundararūpoti sundarabhāvo. Vatāti patthanatthe nipāto ‘‘aho vatāhaṃ lābhī assa’’ntiādīsu viya. ‘‘Samaṇena nāma evarūpena bhavitabbaṃ aho vatāhaṃ ediso bhaveyya’’nti evaṃ tassa patthanā ahosi. Tenāha ‘‘evaṃ kirā’’tiādi.
ครหเตฺถ อปิ-กาโร ‘‘อปิ สิเญฺจ ปลณฺฑก’’นฺติอาทีสุ วิยฯ อรหเนฺต จ พุเทฺธ, พุทฺธสาวเก ‘‘อรหโนฺต ขีณาสวา น โหนฺตี’’ติ เอวํ ตสฺส ทิฎฺฐิ อุปฺปนฺนาฯ ยถาห มหาสีหนาทสุเตฺต ‘‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสสา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๖)ฯ สตฺตมํ ทิวสนฺติ ภุมฺมเตฺถ อุปโยควจนํฯ อลสเกนาติ อชีรเณน อามโรเคนฯ
Garahattheapi-kāro ‘‘api siñce palaṇḍaka’’ntiādīsu viya. Arahante ca buddhe, buddhasāvake ‘‘arahanto khīṇāsavā na hontī’’ti evaṃ tassa diṭṭhi uppannā. Yathāha mahāsīhanādasutte ‘‘natthi samaṇassa gotamassa uttarimanussadhammā alamariyañāṇadassanavisesā’’ti (ma. ni. 1.146). Sattamaṃdivasanti bhummatthe upayogavacanaṃ. Alasakenāti ajīraṇena āmarogena.
อฎฺฐิตจมตฺตตาย ปุราณปณฺณสทิโสฯ พีรณตฺถมฺพกนฺติ พีรณคจฺฉาฯ
Aṭṭhitacamattatāya purāṇapaṇṇasadiso.Bīraṇatthambakanti bīraṇagacchā.
มตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ มตฺตํ, โภชนมตฺตวนฺตนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ปมาณยุตฺต’’นฺติฯ มนฺตา มนฺตาติ มนฺตาย มนฺตายฯ
Mattā etassa atthīti mattaṃ, bhojanamattavantanti attho. Tenāha ‘‘pamāṇayutta’’nti. Mantā mantāti mantāya mantāya.
๘. เอกทฺวีหิกาย คณนายฯ นิราหาโรว อโหสิ ภควโต วจนํ อญฺญถา กาตุกาโม, ตถาภูโตปิ สตฺตเม ทิวเส อุปฎฺฐาเกน อุปนีตํ ภกฺขสํ ทิสฺวา ‘‘ธี’’ติ อุปฎฺฐาเปตุํ อสโกฺกโนฺต โภชนตณฺหาย อากฑฺฒิยมานหทโย ตํ กุจฺฉิปูรํ ภุญฺชิตฺวา ภควตา วุตฺตนิยาเมเนว กาลมกาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อถสฺสา’’ติอาทิฯ สเจปิ…เป.… จิเนฺตยฺยาติ ยทิ เอโส อเจโล ‘‘ธี’’ติ ปจฺจุปฎฺฐเปตฺวา ‘‘อชฺชปิ อหํ น ภุเญฺชยฺย’’นฺติ จิเนฺตยฺย, ตถาจินฺตเน สติปิ เทวตาวิคฺคเหน ตํ ทิวสํ…เป.… กเรยฺยฯ กสฺมา? อเทฺวชฺฌวจนา หิ ตถาคตา, น เตสํ วจนํ วิตถํ โหติฯ
8.Ekadvīhikāya gaṇanāya. Nirāhārova ahosi bhagavato vacanaṃ aññathā kātukāmo, tathābhūtopi sattame divase upaṭṭhākena upanītaṃ bhakkhasaṃ disvā ‘‘dhī’’ti upaṭṭhāpetuṃ asakkonto bhojanataṇhāya ākaḍḍhiyamānahadayo taṃ kucchipūraṃ bhuñjitvā bhagavatā vuttaniyāmeneva kālamakāsi. Tena vuttaṃ ‘‘athassā’’tiādi. Sacepi…pe… cinteyyāti yadi eso acelo ‘‘dhī’’ti paccupaṭṭhapetvā ‘‘ajjapi ahaṃ na bhuñjeyya’’nti cinteyya, tathācintane satipi devatāviggahena taṃ divasaṃ…pe… kareyya. Kasmā? Advejjhavacanā hi tathāgatā, na tesaṃ vacanaṃ vitathaṃ hoti.
คตคตฎฺฐานํ องฺคณเมว โหตีติ เตหิ ตํ กฑฺฒิตฺวา คจฺฉเนฺตหิ คตคตปฺปเทโส อุตฺตรกสามนฺตา วิวฎงฺคณเมว หุตฺวา อุปฎฺฐาติฯ เตติ ติตฺถิยาฯ สุสานํเยว คนฺตฺวาติ ‘‘พีรณตฺถมฺพกํ อติกฺกมิสฺสามา’’ติ คจฺฉนฺตาปิ อเนกวารํ ตํ อนุสํยายิตฺวา ปุนปิ ตํเยว สุสานํ อุปคนฺตฺวาฯ
Gatagataṭṭhānaṃ aṅgaṇameva hotīti tehi taṃ kaḍḍhitvā gacchantehi gatagatappadeso uttarakasāmantā vivaṭaṅgaṇameva hutvā upaṭṭhāti. Teti titthiyā. Susānaṃyeva gantvāti ‘‘bīraṇatthambakaṃ atikkamissāmā’’ti gacchantāpi anekavāraṃ taṃ anusaṃyāyitvā punapi taṃyeva susānaṃ upagantvā.
๙. อิทนฺติ อิทํ มตสรีรํฯ ‘‘ตเมว วา สรีรํ กถาเปสีติ ตํ สรีรํ อธิฎฺฐหิตฺวา ฐิตเปเตน กถาเปสี’’ติ เกจิฯ โกรขตฺติยํ วา อสุรโยนิโต อาเนตฺวา กถาเปตุ อญฺญํ วา เปตํ, โก เอตฺถ วิเสโสฯ ‘‘อจิเนฺตโยฺย หิ พุทฺธวิสโย’’ติ ปน วจนโต ตเทว สรีรํ สุนกฺขเตฺตน ปหตมตฺตํ พุทฺธานุภาเวน อุฎฺฐาย ตมตฺถํ ญาเปสีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปุริโมเยว ปน อโตฺถ อฎฺฐกถาสุ วินิจฺฉิโตฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘นิพฺพตฺตฎฺฐานโต’’ติอาทิ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๑๐)ฯ
9.Idanti idaṃ matasarīraṃ. ‘‘Tameva vā sarīraṃ kathāpesīti taṃ sarīraṃ adhiṭṭhahitvā ṭhitapetena kathāpesī’’ti keci. Korakhattiyaṃ vā asurayonito ānetvā kathāpetu aññaṃ vā petaṃ, ko ettha viseso. ‘‘Acinteyyo hi buddhavisayo’’ti pana vacanato tadeva sarīraṃ sunakkhattena pahatamattaṃ buddhānubhāvena uṭṭhāya tamatthaṃ ñāpesīti daṭṭhabbaṃ. Purimoyeva pana attho aṭṭhakathāsu vinicchito. Tathā hi vakkhati ‘‘nibbattaṭṭhānato’’tiādi (dī. ni. aṭṭha. 3.10).
๑๐. วิปากนฺติ ผลํ, อตฺถนิพฺพตฺตีติ อโตฺถฯ
10.Vipākanti phalaṃ, atthanibbattīti attho.
สมาเนตพฺพานีติ สมฺมา อาเนตพฺพานิ, สรูปโต อาเนตฺวา ทเสฺสตพฺพานีติ อโตฺถฯ ปาฎิหาริยานํ ปฐมาทิตา ภควตา วุตฺตานุปุพฺพิยา เวทิตพฺพาฯ เกจิ ปเนตฺถ ‘‘ปรจิตฺตวิภาวนํ, อายุปริเจฺฉทวิภาวนํ, พฺยาธิวิภาวนํ, คติวิภาวนํ, สรีรนิเกฺขปวิภาวนํ, สุนกฺขเตฺตน สทฺธิํ กถาวิภาวนญฺจาติ ฉ ปาฎิหาริยานี’’ติ วทนฺติ, ตํ ยทิ สุนกฺขตฺตสฺส จิตฺตวิภาวนํ สนฺธาย วุตฺตํ, เอวํ สติ ‘‘สตฺตา’’ติ วตฺตพฺพํ ตสฺส ภาวิอวณฺณวิภาวนาย สทฺธิํฯ อถ อเจลสฺส มรณจิตฺตวิภาวนํ, ตํ ‘‘สตฺตมํ ทิวสํ กาลํ กริสฺสตี’’ติ อิมินา สงฺคหิตนฺติ วิสุํ น วตฺตพฺพํ, ตสฺมา อฎฺฐกถายํ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํฯ
Samānetabbānīti sammā ānetabbāni, sarūpato ānetvā dassetabbānīti attho. Pāṭihāriyānaṃ paṭhamāditā bhagavatā vuttānupubbiyā veditabbā. Keci panettha ‘‘paracittavibhāvanaṃ, āyuparicchedavibhāvanaṃ, byādhivibhāvanaṃ, gativibhāvanaṃ, sarīranikkhepavibhāvanaṃ, sunakkhattena saddhiṃ kathāvibhāvanañcāti cha pāṭihāriyānī’’ti vadanti, taṃ yadi sunakkhattassa cittavibhāvanaṃ sandhāya vuttaṃ, evaṃ sati ‘‘sattā’’ti vattabbaṃ tassa bhāviavaṇṇavibhāvanāya saddhiṃ. Atha acelassa maraṇacittavibhāvanaṃ, taṃ ‘‘sattamaṃ divasaṃ kālaṃ karissatī’’ti iminā saṅgahitanti visuṃ na vattabbaṃ, tasmā aṭṭhakathāyaṃ vuttanayeneva gahetabbaṃ.
อเจลกฬารมฎฺฎกวตฺถุวณฺณนา
Acelakaḷāramaṭṭakavatthuvaṇṇanā
๑๑. นิกฺขนฺตทนฺตมฎฺฎโกติ นิกฺขนฺตทโนฺต มฎฺฎโกฯ โส กิร อเจลกภาวโต ปุเพฺพ มฎฺฎกิโต หุตฺวา วิจริ วิวรทโนฺต จ, เตน นํ ‘‘โกรมฎฺฎโก’’ติ สญฺชานนฺติฯ ยํ กิญฺจิ ตสฺส เทโนฺต ‘‘สาธุรูโป อยํ สมโณ’’ติ สมฺภาเวโนฺต อคฺคํ เสฎฺฐํเยว เทนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ลาภคฺคํ ปโตฺต, อคฺคลาภํ ปโตฺต’’ติฯ พหู อเจลกา ตํ ปริวาเรตฺวา วิจรนฺติ, คหฎฺฐา จ ตํ พหู อฑฺฒา วิภวสมฺปนฺนา กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยสคฺคํ อคฺคปริวารํ ปโตฺต’’ติฯ วตานิเยว ปชฺชิตพฺพโต ปทานิฯ อญฺญมญฺญํ อสงฺกรโต วตโกฎฺฐาสา วาฯ สมตฺตานีติ สมํ อตฺตนิ คหิตานิฯ ปุรตฺถิเมนาติ เอน-สทฺทสมฺพเนฺธน ‘‘เวสาลิ’’นฺติ อุปโยควจนํ, อวิทูรเตฺถ จ เอน-สโทฺท ปญฺจมฺยโนฺตติ อาห ‘‘เวสาลิโต อวิทูเร’’ติฯ
11.Nikkhantadantamaṭṭakoti nikkhantadanto maṭṭako. So kira acelakabhāvato pubbe maṭṭakito hutvā vicari vivaradanto ca, tena naṃ ‘‘koramaṭṭako’’ti sañjānanti. Yaṃ kiñci tassa dento ‘‘sādhurūpo ayaṃ samaṇo’’ti sambhāvento aggaṃ seṭṭhaṃyeva denti. Tena vuttaṃ ‘‘lābhaggaṃ patto, aggalābhaṃ patto’’ti. Bahū acelakā taṃ parivāretvā vicaranti, gahaṭṭhā ca taṃ bahū aḍḍhā vibhavasampannā kālena kālaṃ upasaṅkamitvā payirupāsanti. Tena vuttaṃ ‘‘yasaggaṃ aggaparivāraṃ patto’’ti. Vatāniyeva pajjitabbato padāni. Aññamaññaṃ asaṅkarato vatakoṭṭhāsā vā.Samattānīti samaṃ attani gahitāni. Puratthimenāti ena-saddasambandhena ‘‘vesāli’’nti upayogavacanaṃ, avidūratthe ca ena-saddo pañcamyantoti āha ‘‘vesālito avidūre’’ti.
๑๒. สาสเน ปริจยวเสน ติลกฺขณาหตํ ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ น สมฺปายาสีติ นาวพุชฺฌิ น สมฺปาเทสิฯ เตนาห ‘‘สมฺมา ญาณคติยา’’ติอาทิฯ สมฺปายนํ วา สมฺปาทนํฯ ปญฺหํ ปุฎฺฐสฺส จ สมฺปาทนํ นาม สมฺมเทว กถนนฺติ ตทภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาหฯ โกปวเสน ตสฺส อกฺขีนิ กมฺปนภาวํ อาปชฺชิํสูติ อาห ‘‘กมฺปนกฺขีนิปิ ปริวเตฺตตฺวา’’ติฯ โกปนฺติ โกธํ, โส ปน จิตฺตสฺส ปกุปฺปนวเสน ปวตฺตตีติ อาห ‘‘กุปฺปนาการ’’นฺติ ฯ โทสนฺติ อาฆาตํ, โส ปน อารมฺมเณ ทุสฺสนวเสน ปวตฺตีติ อาห ‘‘ทุสฺสนาการ’’นฺติฯ อตุฎฺฐาการนฺติ ตุฎฺฐิยา ปีติยา ปฎิปกฺขภูตปฺปวตฺติอาการํฯ กายวจีวิกาเรหิ ปากฎมกาสิฯ มา วต โนติ เอตฺถ มาติ ปฎิเกฺขโป, โนติ มยฺหนฺติ อโตฺถติ อาห ‘‘อโห วต เม น ภเวยฺยา’’ติฯ มํ วต โนติ เอตฺถ ปน โนติ สํสเยติ อาห ‘‘อโหสิ วต นุ มมา’’ติฯ
12. Sāsane paricayavasena tilakkhaṇāhataṃ pañhaṃ pucchi.Na sampāyāsīti nāvabujjhi na sampādesi. Tenāha ‘‘sammā ñāṇagatiyā’’tiādi. Sampāyanaṃ vā sampādanaṃ. Pañhaṃ puṭṭhassa ca sampādanaṃ nāma sammadeva kathananti tadabhāvaṃ dassento ‘‘atha vā’’tiādimāha. Kopavasena tassa akkhīni kampanabhāvaṃ āpajjiṃsūti āha ‘‘kampanakkhīnipi parivattetvā’’ti. Kopanti kodhaṃ, so pana cittassa pakuppanavasena pavattatīti āha ‘‘kuppanākāra’’nti . Dosanti āghātaṃ, so pana ārammaṇe dussanavasena pavattīti āha ‘‘dussanākāra’’nti. Atuṭṭhākāranti tuṭṭhiyā pītiyā paṭipakkhabhūtappavattiākāraṃ. Kāyavacīvikārehi pākaṭamakāsi. Mā vata noti ettha māti paṭikkhepo, noti mayhanti atthoti āha ‘‘aho vata me na bhaveyyā’’ti. Maṃ vata noti ettha pana noti saṃsayeti āha ‘‘ahosi vata nu mamā’’ti.
๑๔. ปริปุโพฺพ ทหิต-สโทฺท วตฺถนิวาสนํ วทตีติ อาห ‘‘ปริทหิโต นิวตฺถวโตฺถ’’ติฯ ยสนิมิตฺตกตาย ลาภสฺส ยสปริหานิยาว ลาภปริหานิ วุตฺตา โหตีติ ปาฬิยํ ‘‘ยสา นิหีโน’’ติ วุตฺตํฯ
14.Paripubbo dahita-saddo vatthanivāsanaṃ vadatīti āha ‘‘paridahito nivatthavattho’’ti. Yasanimittakatāya lābhassa yasaparihāniyāva lābhaparihāni vuttā hotīti pāḷiyaṃ ‘‘yasā nihīno’’ti vuttaṃ.
อเจลปาถิกปุตฺตวตฺถุวณฺณนา
Acelapāthikaputtavatthuvaṇṇanā
๑๕. ‘‘อหํ สพฺพํ ชานามี’’ติ เอวํ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ วทติ ปฎิชานาตีติ ญาณวาโท, เตน มยา ญาณวาเทน สทฺธิํฯ อติกฺกมฺม คจฺฉโตติ อุปฑฺฒภาเคน ปริจฺฉินฺนํ ปเทสํ อติกฺกมิตฺวา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กาตุํ คจฺฉโตฯ กิํ ปนายํ อเจโล ปาถิกปุโตฺต อตฺตโน ปมาณํ น ชานาตีติ? โน น ชานาติฯ ยทิ เอวํ, กสฺมา สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชีติ? ‘‘เอวาหํ โลเก ปาสํโส ภวิสฺสามี’’ติ โกหเญฺญ กตฺวา สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘นครวาสิโน’’ติอาทิฯ ปฎฺฐเปตฺวาติ ยุคคฺคาหํ อารภิตฺวาฯ
15. ‘‘Ahaṃ sabbaṃ jānāmī’’ti evaṃ sabbaññutaññāṇaṃ vadati paṭijānātīti ñāṇavādo, tena mayā ñāṇavādena saddhiṃ.Atikkamma gacchatoti upaḍḍhabhāgena paricchinnaṃ padesaṃ atikkamitvā iddhipāṭihāriyaṃ kātuṃ gacchato. Kiṃ panāyaṃ acelo pāthikaputto attano pamāṇaṃ na jānātīti? No na jānāti. Yadi evaṃ, kasmā sukkhagajjitaṃ gajjīti? ‘‘Evāhaṃ loke pāsaṃso bhavissāmī’’ti kohaññe katvā sukkhagajjitaṃ gajji. Tena vuttaṃ ‘‘nagaravāsino’’tiādi. Paṭṭhapetvāti yugaggāhaṃ ārabhitvā.
๑๖. หีนชฺฌาสยตฺตา…เป.… อุทปาทิฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘หีนาธิมุตฺติกา สตฺตา หีนาธิมุตฺติเก เอว สเตฺต เสวนฺติ ภชนฺติ ปยิรุปาสนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๙๘)ฯ
16.Hīnajjhāsayattā…pe… udapādi. Vuttañhetaṃ ‘‘hīnādhimuttikā sattā hīnādhimuttike eva satte sevanti bhajanti payirupāsantī’’ti (saṃ. ni. 2.98).
ยสฺมา ตถาวุตฺตา วาจา ตถารูปจิตฺตเหตุกา, ตญฺจ จิตฺตํ ตถารูปทิฎฺฐิจิตฺตเหตุกํ, ตสฺมา ‘‘ตํ วาจํ อปฺปหายา’’ติ วตฺวา ยถา ตสฺสา อปฺปหานํ โหติ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตํ จิตฺตํ อปฺปหายา’’ติ อาห, ตสฺส จ ยถา อปฺปหานํ โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา’’ติ อโวจฯ ยสฺมา วา ตถารูปา วาจา มหาสาวชฺชา, จิตฺตํ ตโต มหาสาวชฺชตรํ ตํสมุฎฺฐาปกภาวโต, ทิฎฺฐิ ปน ตโต มหาสาวชฺชตมา ตทุภยสฺส มูลภาวโต, ตสฺมา เตสํ มหาสาวชฺชตาย อิมํ วิภาคํ ทเสฺสตฺวา อยํ อนุกฺกโม ฐปิโตติ เวทิตโพฺพฯ เตสํ ปน ยถา ปหานํ โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อห’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘นาหํ พุโทฺธ’’ติ วทโนฺตติ สาเฐเยฺยน วินา อุชุกเมว ‘‘อหํ พุโทฺธ น โหมี’’ติ วทโนฺตฯ จิตฺตทิฎฺฐิปฺปหาเนปิ เอเสว นโยฯ วิปเตยฺยาติ เอตฺถ วิ-สโทฺท ปฐเม วิกเปฺป อุปสคฺคมตฺตํ, ทุติเย ปน วิสรณโตฺถติ อาห ‘‘สตฺตธา วา ปน ผเลยฺยา’’ติฯ
Yasmā tathāvuttā vācā tathārūpacittahetukā, tañca cittaṃ tathārūpadiṭṭhicittahetukaṃ, tasmā ‘‘taṃ vācaṃ appahāyā’’ti vatvā yathā tassā appahānaṃ hoti, taṃ dassento ‘‘taṃ cittaṃ appahāyā’’ti āha, tassa ca yathā appahānaṃ hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā’’ti avoca. Yasmā vā tathārūpā vācā mahāsāvajjā, cittaṃ tato mahāsāvajjataraṃ taṃsamuṭṭhāpakabhāvato, diṭṭhi pana tato mahāsāvajjatamā tadubhayassa mūlabhāvato, tasmā tesaṃ mahāsāvajjatāya imaṃ vibhāgaṃ dassetvā ayaṃ anukkamo ṭhapitoti veditabbo. Tesaṃ pana yathā pahānaṃ hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘aha’’ntiādi vuttaṃ. ‘‘Nāhaṃ buddho’’ti vadantoti sāṭheyyena vinā ujukameva ‘‘ahaṃ buddho na homī’’ti vadanto. Cittadiṭṭhippahānepi eseva nayo. Vipateyyāti ettha vi-saddo paṭhame vikappe upasaggamattaṃ, dutiye pana visaraṇatthoti āha ‘‘sattadhā vā pana phaleyyā’’ti.
๑๗. เอกํเสนาติ เอกเนฺตน, เอกนฺติกํ ปน วจนปริยายวินิมุตฺตํ โหตีติ อาห ‘‘นิปฺปริยาเยนา’’ติฯ โอธาริตาติ อวธาริตา นิยเมตฺวา ภาสิตาฯ วิคตรูเปนาติ อปคตสภาเวน ฯ เตนาห ‘‘วิคจฺฉิตสภาเวนา’’ติ, อิทฺธานุภาเวน อปนีตสกภาเวนฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน’’ติอาทิฯ
17.Ekaṃsenāti ekantena, ekantikaṃ pana vacanapariyāyavinimuttaṃ hotīti āha ‘‘nippariyāyenā’’ti. Odhāritāti avadhāritā niyametvā bhāsitā. Vigatarūpenāti apagatasabhāvena . Tenāha ‘‘vigacchitasabhāvenā’’ti, iddhānubhāvena apanītasakabhāvena. Tena vuttaṃ ‘‘attano’’tiādi.
๑๘. ทฺวยํ คจฺฉตีติ ทฺวยคามินีฯ กีทิสํ ทฺวยนฺติ อาห ‘‘สรูเปนา’’ติอาทิฯ อยญฺหิ โส คณฺฑสฺสุปริโผฎฺฐพฺพาโทสํฯ
18. Dvayaṃ gacchatīti dvayagāminī. Kīdisaṃ dvayanti āha ‘‘sarūpenā’’tiādi. Ayañhi so gaṇḍassupariphoṭṭhabbādosaṃ.
๑๙. อชิตสฺส ลิจฺฉวิเสนาปติสฺส มหานิรเย นิพฺพตฺติตฺวา ตโต อาคนฺตฺวา อเจลสฺส ปาถิกปุตฺตสฺส สนฺติเก ปโรทนํฯ อภาวาติ ปุเพฺพ วุตฺตปฺปการสฺส ปาฎิหาริยกรณสฺส อภาวาฯ ภควา ปน สนฺนิปติตปริสายํ ปสาทชนนตฺถํ ตทนุรูปํ ปาฎิหาริยมกาสิเยวฯ ยถาห ‘‘เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา’’ติอาทิฯ
19. Ajitassa licchavisenāpatissa mahāniraye nibbattitvā tato āgantvā acelassa pāthikaputtassa santike parodanaṃ. Abhāvāti pubbe vuttappakārassa pāṭihāriyakaraṇassa abhāvā. Bhagavā pana sannipatitaparisāyaṃ pasādajananatthaṃ tadanurūpaṃ pāṭihāriyamakāsiyeva. Yathāha ‘‘tejodhātuṃ samāpajjitvā’’tiādi.
อิทฺธิปาฎิหาริยกถาวณฺณนา
Iddhipāṭihāriyakathāvaṇṇanā
๒๐. นิจยนํ ธนธญฺญานํ สญฺจยนํ นิจโย, ตตฺถ นิยุตฺตาติ เนจยิกา, คหปติ เอว เนจยิกา คหปติเนจยิกาฯ เอตฺตกานิ ชงฺฆสหสฺสานีติ ปริมาณาภาวโต สหเสฺสหิปิ อปริมาณคณนาฯ เตเนวาติ อิมสฺส วเสน สนฺนิปติตาย เอวํ มหติยา ปริสาย พนฺธนโมกฺขํ กาตุํ ลพฺภติ, เอเตเนว การเณนฯ
20. Nicayanaṃ dhanadhaññānaṃ sañcayanaṃ nicayo, tattha niyuttāti necayikā, gahapati eva necayikā gahapatinecayikā. Ettakāni jaṅghasahassānīti parimāṇābhāvato sahassehipi aparimāṇagaṇanā. Tenevāti imassa vasena sannipatitāya evaṃ mahatiyā parisāya bandhanamokkhaṃ kātuṃ labbhati, eteneva kāraṇena.
๒๑. จิตฺตุตฺราสภยนฺติ จิตฺตสฺส อุตฺราสนากาเรน ปวตฺตภยํ, น ญาณภยํ, นาปิ ‘‘ภายติ เอตสฺมา’’ติ เอวํ วุตฺตํ อารมฺมณภยํฯ ฉมฺภิตตฺตนฺติ เตเนว จิตฺตุตฺราสภเยน สกลสรีรสฺส ฉมฺภิตภาโวฯ โลมหํโสติ เตเนว ภเยน, เตน จ ฉมฺภิตเตฺตน สกลสรีเร โลมานํ หฎฺฐภาโว, โส ปน เตสํ ภิตฺติยํ นาคทนฺตานํ วิย อุทฺธํมุขตาติ อาห ‘‘โลมานํ อุทฺธคฺคภาโว’’ติฯ อนฺตเนฺตน อาวิชฺฌิตฺวาติ อตฺตโน นิสีทนตฺถํ นิคูฬฺหฎฺฐานํ อุปปริกฺขโนฺต ปริพฺพาชการามํ ปริยเนฺตน อนุสํยายิตฺวา, กสฺสจิเทว สุนกฺขตฺตสฺส วา สุนกฺขตฺตสทิสสฺส วา สพฺพญฺญุปฎิญฺญํ อปฺปหาย สตฺถุ สมฺมุขีภาเว สตฺตธา ตสฺส มุทฺธาผลนํ ธมฺมตาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘มา นสฺสตุ พาโล’’ติอาทิฯ
21.Cittutrāsabhayanti cittassa utrāsanākārena pavattabhayaṃ, na ñāṇabhayaṃ, nāpi ‘‘bhāyati etasmā’’ti evaṃ vuttaṃ ārammaṇabhayaṃ. Chambhitattanti teneva cittutrāsabhayena sakalasarīrassa chambhitabhāvo. Lomahaṃsoti teneva bhayena, tena ca chambhitattena sakalasarīre lomānaṃ haṭṭhabhāvo, so pana tesaṃ bhittiyaṃ nāgadantānaṃ viya uddhaṃmukhatāti āha ‘‘lomānaṃ uddhaggabhāvo’’ti. Antantena āvijjhitvāti attano nisīdanatthaṃ nigūḷhaṭṭhānaṃ upaparikkhanto paribbājakārāmaṃ pariyantena anusaṃyāyitvā, kassacideva sunakkhattassa vā sunakkhattasadisassa vā sabbaññupaṭiññaṃ appahāya satthu sammukhībhāve sattadhā tassa muddhāphalanaṃ dhammatā. Tena vuttaṃ ‘‘mā nassatu bālo’’tiādi.
๒๒. สํสปฺปตีติ ตเตฺถว ปาสาณผลเก พาลทารโก วิย อุฎฺฐาตุํ อสโกฺกโนฺต อวสีทนวเสน อิโต จิโต จ สํสปฺปติฯ เตนาห ‘‘โอสีทตี’’ติฯ ตเตฺถว สญฺจรตีติ ตสฺมิํเยว ปาสาเณ อานิสทุปฎฺฐิโน สญฺจลนํ นิสชฺชวเสเนว สญฺจรติ, น อุฎฺฐาย ปทสาฯ
22.Saṃsappatīti tattheva pāsāṇaphalake bāladārako viya uṭṭhātuṃ asakkonto avasīdanavasena ito cito ca saṃsappati. Tenāha ‘‘osīdatī’’ti. Tattheva sañcaratīti tasmiṃyeva pāsāṇe ānisadupaṭṭhino sañcalanaṃ nisajjavaseneva sañcarati, na uṭṭhāya padasā.
๒๓. วินฎฺฐรูโปติ สมฺภาวนาย วินาเสน, ลาภสฺส วินาเสน จ วินฎฺฐสภาโวฯ
23.Vinaṭṭharūpoti sambhāvanāya vināsena, lābhassa vināsena ca vinaṭṭhasabhāvo.
ปฐมภาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamabhāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
๒๕. โคยุเตฺตหีติ พลวนฺตพลีพทฺทโยชิเตหิฯ
25.Goyuttehīti balavantabalībaddayojitehi.
๒๖. ตสฺสาติ ชาลิยสฺสฯ อยญฺหิ มณฺฑิเสน ปริพฺพาชเกน สทฺธิํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุณิ, ตโต ปุเรตรํ ภควโต คุณานํ อชานนกาเล อยํ ปวตฺติฯ เตเนวาห ‘‘ติฎฺฐตุ ตาว ปาฎิหาริยํ…เป.… ปราชโย ภวิสฺสตี’’ติฯ
26.Tassāti jāliyassa. Ayañhi maṇḍisena paribbājakena saddhiṃ bhagavantaṃ upasaṅkamitvā dhammaṃ suṇi, tato puretaraṃ bhagavato guṇānaṃ ajānanakāle ayaṃ pavatti. Tenevāha ‘‘tiṭṭhatu tāva pāṭihāriyaṃ…pe… parājayo bhavissatī’’ti.
๒๗. ติณสีโหติ ติณสทิสหริตวโณฺณ สีโหฯ กาฬสีโหติ กาฬวโณฺณ สีโหฯ ปณฺฑุสีโหติ ปณฺฑุวโณฺณ สีโหฯ เกสรสีโหติ เกสรวโนฺต เสตวโณฺณ, โลหิตวโณฺณ วา สีโหฯ มิครโญฺญติ เอตฺถ มิค-สโทฺท กิญฺจาปิ ปสทกุรุงฺคาทีสุ เกสุจิเทว จตุปฺปเทสุ นิรุโฬฺห, อิธ ปน สพฺพสาธารณวเสนาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘มิครโญฺญติ สพฺพจตุปฺปทานํ รโญฺญ’’ติ วุตฺตํฯ อาคนฺตฺวา เสติ เอตฺถาติ อาสโย, นิวาสนฎฺฐานํฯ สีหนาทนฺติ ปริสฺสยานํ สหนโต, ปฎิปกฺขสฺส จ หนนโต ‘‘สีโห’’ติ ลทฺธนามสฺส มิคาธิปสฺส โฆสํ, โส ปน เตน ยสฺมา กุโตจิปิ อภีตภาเวน ปวตฺตียติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อภีตนาท’’นฺติฯ ตตฺถ ตตฺถ ตาสุ ตาสุ ทิสาสุ คนฺตฺวา จริตพฺพตาย ภกฺขิตพฺพตาย โคจโร ฆาโสติ อาห ‘‘โคจรายาติ อาหารตฺถายา’’ติฯ วรํ วรนฺติ มิคสเงฺฆ มิคสมูเห มุทุมํสตาย วรํ วรํ มหิํสวนวราหาทิํ วธิตฺวาติ โยชนาฯ เตนาห ‘‘ถูลํ ถูล’’นฺติฯ วรวรภาเวน หิ ตสฺส วรภาโว อิจฺฉิโตฯ สูรภาวํ สนฺนิสฺสิตํ สูรภาวสนฺนิสฺสิตํ, เตนฯ สูรภาเวนาปิ หิ ‘‘กิํ อิเม ปาณเก ทุพฺพเล หนฺตฺวา’’ติ อปฺปถาเมสุ ปาเณสุ การุญฺญํ อุปติฎฺฐติฯ
27.Tiṇasīhoti tiṇasadisaharitavaṇṇo sīho. Kāḷasīhoti kāḷavaṇṇo sīho. Paṇḍusīhoti paṇḍuvaṇṇo sīho. Kesarasīhoti kesaravanto setavaṇṇo, lohitavaṇṇo vā sīho. Migaraññoti ettha miga-saddo kiñcāpi pasadakuruṅgādīsu kesucideva catuppadesu niruḷho, idha pana sabbasādhāraṇavasenāti dassento ‘‘migaraññoti sabbacatuppadānaṃ rañño’’ti vuttaṃ. Āgantvā seti etthāti āsayo, nivāsanaṭṭhānaṃ. Sīhanādanti parissayānaṃ sahanato, paṭipakkhassa ca hananato ‘‘sīho’’ti laddhanāmassa migādhipassa ghosaṃ, so pana tena yasmā kutocipi abhītabhāvena pavattīyati, tasmā vuttaṃ ‘‘abhītanāda’’nti. Tattha tattha tāsu tāsu disāsu gantvā caritabbatāya bhakkhitabbatāya gocaro ghāsoti āha ‘‘gocarāyāti āhāratthāyā’’ti. Varaṃvaranti migasaṅghe migasamūhe mudumaṃsatāya varaṃ varaṃ mahiṃsavanavarāhādiṃ vadhitvāti yojanā. Tenāha ‘‘thūlaṃ thūla’’nti. Varavarabhāvena hi tassa varabhāvo icchito. Sūrabhāvaṃ sannissitaṃ sūrabhāvasannissitaṃ, tena. Sūrabhāvenāpi hi ‘‘kiṃ ime pāṇake dubbale hantvā’’ti appathāmesu pāṇesu kāruññaṃ upatiṭṭhati.
๒๘. วิฆาโสติ ปรสฺส ภกฺขิตเสสตาย วิรูโป ฆาโส วิฆาโส, อุจฺฉิฎฺฐํฯ เตนาห ‘‘ภกฺขิตาติริตฺตมํส’’นฺติ, ตสฺมิํ วิฆาเส, วิฆาสนิมิตฺตนฺติ อโตฺถฯ อสฺมิมานโทเสนาติ อสฺมิมานโทสเหตุ, อหํการนิมิตฺตนฺติ อโตฺถฯ โส ปนสฺส อสฺมิมาโน ยถา อุปฺปชฺชิ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺราย’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ
28.Vighāsoti parassa bhakkhitasesatāya virūpo ghāso vighāso, ucchiṭṭhaṃ. Tenāha ‘‘bhakkhitātirittamaṃsa’’nti, tasmiṃ vighāse, vighāsanimittanti attho. Asmimānadosenāti asmimānadosahetu, ahaṃkāranimittanti attho. So panassa asmimāno yathā uppajji, taṃ dassetuṃ ‘‘tatrāya’’ntiādi vuttaṃ.
‘‘เสคาลกํเยวา’’ติปิ ปาโฐ, ยถาวุโตฺตว อโตฺถฯ เภรณฺฑกํเยวาติ เภรณฺฑสกุณรวสทิสํเยว, เภรโณฺฑ นาม เอโก ปกฺขี ทฺวิมุโข, ตสฺส กิร สโทฺท อติวิย วิรูโป อมนาโปฯ เตนาห ‘‘อปฺปิยอมนาปสทฺทเมวา’’ติฯ สมฺมาปฎิปตฺติยา วิเสสโต สุฎฺฐุ คตาติ สุคตา, สมฺมาสมฺพุทฺธาฯ เต อปทายนฺติ โสเธนฺติ สตฺตสนฺตานํ เอเตหีติ สุคตาปทานานิ, ติโสฺส สิกฺขาฯ ยสฺมา ตาหิ เต ‘‘สุคตา’’ติ ลกฺขียนฺติ, ตา จ เตสํ โอวาทภูตา, ตสฺมา ‘‘สุคตลกฺขเณสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยทิ ตา สุคตสฺส ลกฺขณภูตา, สาสนภูตา จ, กถํ ปเนส ปาถิกปุโตฺต ตตฺถ ตาสุ สิกฺขาสุ ชีวติ, โก ตสฺส ตาหิ สมฺพโนฺธติ อาห ‘‘เอตสฺส หี’’ติอาทิฯ สมฺพุทฺธานํ เทมาติ เทนฺตีติ พุทฺธสญฺญาย เทนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ เตน เอส…เป.… ชีวติ นาม น สุคตนฺวยอชฺฌุปคมนโตฯ ‘‘ตถาคเต’’ติอาทิ เอกเตฺต ปุถุวจนนฺติ อาห ‘‘ตถาคต’’นฺติอาทิฯ พหุวจนํ เอว ครุสฺมิํ เอกสฺมิมฺปิ พหุวจนปฺปโยคโต เอกวจนํ วิย วุตฺตํ วจนวิปลฺลาเสนฯ
‘‘Segālakaṃyevā’’tipi pāṭho, yathāvuttova attho. Bheraṇḍakaṃyevāti bheraṇḍasakuṇaravasadisaṃyeva, bheraṇḍo nāma eko pakkhī dvimukho, tassa kira saddo ativiya virūpo amanāpo. Tenāha ‘‘appiyaamanāpasaddamevā’’ti. Sammāpaṭipattiyā visesato suṭṭhu gatāti sugatā, sammāsambuddhā. Te apadāyanti sodhenti sattasantānaṃ etehīti sugatāpadānāni, tisso sikkhā. Yasmā tāhi te ‘‘sugatā’’ti lakkhīyanti, tā ca tesaṃ ovādabhūtā, tasmā ‘‘sugatalakkhaṇesū’’tiādi vuttaṃ. Yadi tā sugatassa lakkhaṇabhūtā, sāsanabhūtā ca, kathaṃ panesa pāthikaputto tattha tāsu sikkhāsu jīvati, ko tassa tāhi sambandhoti āha ‘‘etassa hī’’tiādi. Sambuddhānaṃ demāti dentīti buddhasaññāya dentīti adhippāyo. Tena esa…pe… jīvati nāma na sugatanvayaajjhupagamanato. ‘‘Tathāgate’’tiādi ekatte puthuvacananti āha ‘‘tathāgata’’ntiādi. Bahuvacanaṃ eva garusmiṃ ekasmimpi bahuvacanappayogato ekavacanaṃ viya vuttaṃ vacanavipallāsena.
๒๙. สเมกฺขิตฺวาติ สมํ กตฺวา มิจฺฉาทสฺสเนน อเปกฺขิตฺวา, ตํ ปน อเปกฺขนํ ตถา มญฺญนเมวาติ อาห ‘‘มญฺญิตฺวา’’ติฯ ปุเพฺพ วุตฺตํ สเมกฺขนมฺปิ มญฺญนํ เอวาติ วุตฺตํ ‘‘อมญฺญีติ ปุน อมญฺญิตฺถา’’ติ, เตน อปราปรํ ตสฺส มญฺญนปฺปวตฺติํ ทเสฺสติฯ เภรณฺฑกรวํ โกสติ วิโกฺกสตีติ โกตฺถุฯ
29.Samekkhitvāti samaṃ katvā micchādassanena apekkhitvā, taṃ pana apekkhanaṃ tathā maññanamevāti āha ‘‘maññitvā’’ti. Pubbe vuttaṃ samekkhanampi maññanaṃ evāti vuttaṃ ‘‘amaññīti puna amaññitthā’’ti, tena aparāparaṃ tassa maññanappavattiṃ dasseti. Bheraṇḍakaravaṃ kosati vikkosatīti kotthu.
๓๐. เต เต ปาเณ พฺยาปาเทโนฺต ฆสตีติ พฺยโคฺฆติ อิมินา นิพฺพจเนน ‘‘พฺยโคฺฆ’’ติ มิคราชสฺสปิ สิยา นามนฺติ อาห ‘‘พฺยโคฺฆติ มญฺญตีติ สีโหหมสฺมีติ มญฺญตี’’ติฯ ยทิปิ ยถาวุตฺตนิพฺพจนวเสน สีโหปิ ‘‘พฺยโคฺฆ’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, พฺยคฺฆ-สโทฺท ปน มิคราเช เอว นิรุโฬฺหติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สีเหน วา’’ติอาทิมาหฯ
30. Te te pāṇe byāpādento ghasatīti byagghoti iminā nibbacanena ‘‘byaggho’’ti migarājassapi siyā nāmanti āha ‘‘byagghoti maññatīti sīhohamasmīti maññatī’’ti. Yadipi yathāvuttanibbacanavasena sīhopi ‘‘byaggho’’ti vattabbataṃ arahati, byaggha-saddo pana migarāje eva niruḷhoti dassento ‘‘sīhena vā’’tiādimāha.
๓๑. สีเหน วิจริตวเน สํวฑฺฒตฺตา วุตฺตํ ‘‘มหาวเน สุญฺญวเน วิวโฑฺฒ’’ติฯ
31. Sīhena vicaritavane saṃvaḍḍhattā vuttaṃ ‘‘mahāvane suññavane vivaḍḍho’’ti.
๓๔. กิเลสพนฺธนาติ ตณฺหาพนฺธนโตฯ ตณฺหาพนฺธนญฺหิ ถิรํ ทฬฺหพนฺธนํ ทุโมฺมจนียํฯ ยถาห –
34.Kilesabandhanāti taṇhābandhanato. Taṇhābandhanañhi thiraṃ daḷhabandhanaṃ dummocanīyaṃ. Yathāha –
‘‘สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ,
‘‘Sārattarattā maṇikuṇḍalesu,
ปุเตฺตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา;
Puttesu dāresu ca yā apekkhā;
เอตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา,
Etaṃ daḷhaṃ bandhanamāhu dhīrā,
โอหารินํ สิถิลํ ทุปฺปมุญฺจ’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๔๖; ชา. ๑.๒.๑๐๒);
Ohārinaṃ sithilaṃ duppamuñca’’nti. (dha. pa. 346; jā. 1.2.102);
กิเลสพนฺธนาติ วา ทสวิธสํโยชนโตฯ มหาวิทุคฺคํ นาม จตฺตาโร โอฆา มหนฺตํ ชลวิทุคฺคํ วิย อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ ทุคฺคมเฎฺฐนฯ
Kilesabandhanāti vā dasavidhasaṃyojanato. Mahāviduggaṃ nāma cattāro oghā mahantaṃ jalaviduggaṃ viya anupacitakusalasambhārehi duggamaṭṭhena.
อคฺคญฺญปญฺญตฺติกถาวณฺณนา
Aggaññapaññattikathāvaṇṇanā
๓๖. อิมสฺส ปทสฺสฯ อิทํ นาม โลกสฺส อคฺคนฺติ ชานิตพฺพํ, ตํ อคฺคญฺญํ, โส ปน โลกสฺส อุปฺปตฺติกฺกโม ปวตฺติ ปเวณี จาติ อาห ‘‘โลกุปฺปตฺติจริยวํส’’นฺติฯ สมฺมาสโมฺพธิโต อุตฺตริตรํ นาม กิญฺจิ นตฺถิ ปชานิตเพฺพสุ, ตํ ปน โกฎิํ กตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘ยาว สพฺพญฺญุตญฺญาณา ปชานามี’’ติ อาหฯ ‘‘มม ปชานนา’’ติ อสฺสาเทโนฺต ตณฺหาวเสน, ‘‘อหํ ปชานามี’’ติ อภินิวิสโนฺต ทิฎฺฐิวเสน, ‘‘สุฎฺฐุ ปชานามิ สมฺมา ปชานามี’’ติ ปคฺคณฺหโนฺต มานวเสน น ปรามสามีติ โยชนาฯ ‘‘ปจฺจตฺตเญฺญวา’’ติ ปทํ ‘‘นิพฺพุติ วิทิตา’’ติ ปททฺวเยนาปิ โยเชตพฺพํ ‘‘ปจฺจตฺตํเยว อุปฺปาทิตา นิพฺพุติ จ ปจฺจตฺตํเยว วิทิตา’’ติ, สยมฺภุญาเณน นิพฺพตฺติตา นิพฺพุติ สยเมว วิทิตาติ อโตฺถฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘ปจฺจตฺต’’นฺติ ปทํ วิวิธวิภตฺติกํ หุตฺวา อาวุตฺตินเยน อาวตฺตตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘อตฺตนาเยว อตฺตนี’’ติ วุตฺตํฯ อวิทิตนิพฺพานาติ อปฺปฎิลทฺธนิพฺพานา มิจฺฉาปฎิปนฺนตฺตาฯ ปชานนมฺปิ หิ ตทธิคมวเสเนว เวทิตพฺพํฯ เอติ อิฎฺฐภาเวน ปวตฺตตีติ อโย, สุขํฯ ตปฺปฎิเกฺขเปน อนโย, ทุกฺขํฯ ตเทว หิตสุขสฺส พฺยสนโต พฺยสนํฯ
36.Imassa padassa. Idaṃ nāma lokassa agganti jānitabbaṃ, taṃ aggaññaṃ, so pana lokassa uppattikkamo pavatti paveṇī cāti āha ‘‘lokuppatticariyavaṃsa’’nti. Sammāsambodhito uttaritaraṃ nāma kiñci natthi pajānitabbesu, taṃ pana koṭiṃ katvā dassento ‘‘yāva sabbaññutaññāṇā pajānāmī’’ti āha. ‘‘Mama pajānanā’’ti assādento taṇhāvasena, ‘‘ahaṃ pajānāmī’’ti abhinivisanto diṭṭhivasena, ‘‘suṭṭhu pajānāmi sammā pajānāmī’’ti paggaṇhanto mānavasena na parāmasāmīti yojanā. ‘‘Paccattaññevā’’ti padaṃ ‘‘nibbuti viditā’’ti padadvayenāpi yojetabbaṃ ‘‘paccattaṃyeva uppāditā nibbuti ca paccattaṃyeva viditā’’ti, sayambhuñāṇena nibbattitā nibbuti sayameva viditāti attho. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘paccatta’’nti padaṃ vividhavibhattikaṃ hutvā āvuttinayena āvattatīti dassetuṃ ‘‘attanāyeva attanī’’ti vuttaṃ. Aviditanibbānāti appaṭiladdhanibbānā micchāpaṭipannattā. Pajānanampi hi tadadhigamavaseneva veditabbaṃ. Eti iṭṭhabhāvena pavattatīti ayo, sukhaṃ. Tappaṭikkhepena anayo, dukkhaṃ. Tadeva hitasukhassa byasanato byasanaṃ.
๓๗. ตํ ทเสฺสโนฺตติ ภควาปิ ‘‘อญฺญติตฺถิโย ตตฺถ สารสญฺญี’’ติ ตํ ทเสฺสโนฺตฯ อาธิปจฺจภาเวนาติ อาธิปจฺจสภาเวนฯ ยสฺส อาจริยวาทสฺส วเสน ปุริโส ‘‘อาจริโย’’ติ วุจฺจติ, โส อาจริยวาโท อาจริยภาโวติ อาห ‘‘อาจริยภาวํ อาจริยวาท’’นฺติฯ เอตฺถาติ อาจริยวาเทฯ อิติ กตฺวาติ อิมินา การเณนฯ โสติ อาจริยวาโทฯ ‘‘อคฺคญฺญํ’’ เตฺวว วุโตฺต อคฺคญฺญวิสยตฺตาฯ เกน วิหิตนฺติ เกน ปกาเรน วิหิตํฯ เตนาห ‘‘เกน วิหิตํ กินฺติ วิหิต’’นฺติฯ พฺรหฺมชาเลติ พฺรหฺมชาลสํวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๘)ฯ ตตฺถ หิ วิตฺถารโต วุตฺตวิธิํ อิธ อติทิสติ, ปาฬิ ปน ตตฺถ เจว อิธ จ เอกสทิสา วาติฯ
37.Taṃ dassentoti bhagavāpi ‘‘aññatitthiyo tattha sārasaññī’’ti taṃ dassento. Ādhipaccabhāvenāti ādhipaccasabhāvena. Yassa ācariyavādassa vasena puriso ‘‘ācariyo’’ti vuccati, so ācariyavādo ācariyabhāvoti āha ‘‘ācariyabhāvaṃ ācariyavāda’’nti. Etthāti ācariyavāde. Iti katvāti iminā kāraṇena. Soti ācariyavādo. ‘‘Aggaññaṃ’’ tveva vutto aggaññavisayattā. Kena vihitanti kena pakārena vihitaṃ. Tenāha ‘‘kena vihitaṃ kinti vihita’’nti. Brahmajāleti brahmajālasaṃvaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 1.28). Tattha hi vitthārato vuttavidhiṃ idha atidisati, pāḷi pana tattha ceva idha ca ekasadisā vāti.
๔๑. ขิฑฺฑา ปโทสิกา มูลภูตา เอตฺถ สนฺตีติ ขิฑฺฑาปโทสิกํ, อาจริยกํฯ เตเนวาห ‘‘ขิฑฺฑาปโทสิกมูลก’’นฺติฯ มโนปโทสิกนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ
41. Khiḍḍā padosikā mūlabhūtā ettha santīti khiḍḍāpadosikaṃ, ācariyakaṃ. Tenevāha ‘‘khiḍḍāpadosikamūlaka’’nti. Manopadosikanti etthāpi eseva nayo.
๔๗. เยน วจเนน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ตสฺส อวิชฺชมานตา นาม อตฺถวเสเนวาติ อาห ‘‘อสํวิชฺชมานเฎฺฐนา’’ติฯ ตุจฺฉา, มุสาติ จ กรณเตฺถ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘ตุเจฺฉน, มุสาวาเทนา’’ติฯ วจนสฺส อโนฺตสารํ นาม อวิปรีโต อโตฺถติ ตทภาเวนาห ‘‘อโนฺตสารวิรหิเตนา’’ติฯ อภิอาจิกฺขนฺตีติ อภิภวิตฺวา ฆเฎฺฎนฺตา กเถนฺติ, อโกฺกสนฺตีติ อโตฺถฯ วิปรีตสโญฺญติ อยาถาวสโญฺญฯ สุภํ วิโมกฺขนฺติ ‘‘สุภ’’นฺติ วุตฺตวิโมกฺขํฯ วณฺณกสิณนฺติ สุนีลกสุปีตกาทิวณฺณกสิณํฯ สพฺพนฺติ ยํ สุภํ, อสุภญฺจ วณฺณกสิณํ, ตญฺจ สพฺพํฯ น อสุภนฺติ อสุภมฺปิ ‘‘อสุภ’’นฺติ ตสฺมิํ สมเย น สญฺชานาติ, อถ โข ‘‘สุภํ’’ เตฺวว สญฺชานาตีติ อโตฺถฯ วิปรีตา อยาถาวคาหิตาย, อยาถาววาทิตาย จฯ
47. Yena vacanena abbhācikkhanti, tassa avijjamānatā nāma atthavasenevāti āha ‘‘asaṃvijjamānaṭṭhenā’’ti. Tucchā, musāti ca karaṇatthe paccattavacananti āha ‘‘tucchena, musāvādenā’’ti. Vacanassa antosāraṃ nāma aviparīto atthoti tadabhāvenāha ‘‘antosāravirahitenā’’ti. Abhiācikkhantīti abhibhavitvā ghaṭṭentā kathenti, akkosantīti attho. Viparītasaññoti ayāthāvasañño. Subhaṃ vimokkhanti ‘‘subha’’nti vuttavimokkhaṃ. Vaṇṇakasiṇanti sunīlakasupītakādivaṇṇakasiṇaṃ. Sabbanti yaṃ subhaṃ, asubhañca vaṇṇakasiṇaṃ, tañca sabbaṃ. Na asubhanti asubhampi ‘‘asubha’’nti tasmiṃ samaye na sañjānāti, atha kho ‘‘subhaṃ’’ tveva sañjānātīti attho. Viparītā ayāthāvagāhitāya, ayāthāvavāditāya ca.
๔๘. ยสฺมา โส ปริพฺพาชโก อวิสฺสฎฺฐมิจฺฉาคาหิตาย สมฺมา อปฺปฎิปชฺชิตุกาโม สมฺมาปฎิปนฺนํ วิย มํ สมโณ โคตโม, ภิกฺขโว จ สญฺชานนฺตูติ อธิปฺปาเยน ‘‘ตถา ธมฺมํ เทเสตุ’’นฺติอาทิมาห, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มยา เอตสฺส…เป.… วฎฺฎตี’’ติฯ มมฺมนฺติ มมฺมปฺปเทสํ ปีฬาชนนฎฺฐานํฯ สุฎฺฐูติ สกฺกจฺจํฯ ยถา น วินสฺสติ, เอวํ อนุรกฺขฯ
48. Yasmā so paribbājako avissaṭṭhamicchāgāhitāya sammā appaṭipajjitukāmo sammāpaṭipannaṃ viya maṃ samaṇo gotamo, bhikkhavo ca sañjānantūti adhippāyena ‘‘tathā dhammaṃ desetu’’ntiādimāha, tasmā vuttaṃ ‘‘mayā etassa…pe… vaṭṭatī’’ti. Mammanti mammappadesaṃ pīḷājananaṭṭhānaṃ. Suṭṭhūti sakkaccaṃ. Yathā na vinassati, evaṃ anurakkha.
วาสนายาติ กิเลสกฺขยาวหาย ปฎิปตฺติยา วาสนายฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวาติฯ
Vāsanāyāti kilesakkhayāvahāya paṭipattiyā vāsanāya. Sesaṃ suviññeyyamevāti.
ปาถิกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ
Pāthikasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๑. ปาถิกสุตฺตํ • 1. Pāthikasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๑. ปาถิกสุตฺตวณฺณนา • 1. Pāthikasuttavaṇṇanā