Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    สํยุตฺตนิกาเย

    Saṃyuttanikāye

    นิทานวคฺค-อฎฺฐกถา

    Nidānavagga-aṭṭhakathā

    ๑. นิทานสํยุตฺตํ

    1. Nidānasaṃyuttaṃ

    ๑. พุทฺธวโคฺค

    1. Buddhavaggo

    ๑. ปฎิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตวณฺณนา

    1. Paṭiccasamuppādasuttavaṇṇanā

    . เอวํ เม สุตนฺติ – นิทานวเคฺค ปฐมํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตํฯ ตตฺรายํ อนุปุพฺพปทวณฺณนา – ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสีติ, เอตฺถ ตตฺราติ เทสกาลปริทีปนํฯ ตญฺหิ ‘‘ยํ สมยํ วิหรติ, ตตฺร สมเย, ยสฺมิญฺจ เชตวเน วิหรติ, ตตฺร เชตวเน’’ติ ทีเปติฯ ภาสิตพฺพยุเตฺต วา เทสกาเล ทีเปติฯ น หิ ภควา อยุเตฺต เทเส กาเล จ ธมฺมํ ภาสติฯ ‘‘อกาโล โข ตาว พาหิยา’’ติอาทิ (อุทา. ๑๐) เจตฺถ สาธกํฯ โขติ ปทปูรณมเตฺต, อวธารเณ อาทิกาลเตฺถ วา นิปาโตฯ ภควาติ โลกครุทีปนํฯ ภิกฺขูติ กถาสวนยุตฺตปุคฺคลวจนํฯ อปิเจตฺถ ‘‘ภิกฺขโกติ ภิกฺขุ, ภิกฺขาจริยํ อชฺฌูปคโตติ ภิกฺขู’’ติอาทินา (ปารา. ๔๕; วิภ. ๕๑๐) นเยน วจนโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อามเนฺตสีติ อาลปิ, อภาสิ, สโมฺพเธสิ, อยเมตฺถ อโตฺถฯ อญฺญตฺร ปน ญาปเนปิ โหติฯ ยถาห – ‘‘อามนฺตยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฎิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว’’ติฯ ปโกฺกสเนปิฯ ยถาห – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน สาริปุตฺตํ อามเนฺตหี’’ติ (อ. นิ. ๙.๑๑)ฯ ภิกฺขโวติ อามนฺตนาการทีปนํฯ ตญฺจ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺธตฺตา วุตฺตํฯ ภิกฺขนสีลตาคุณยุโตฺตปิ หิ ภิกฺขุ, ภิกฺขนธมฺมตาคุณยุโตฺตปิ ภิกฺขเน สาธุการิตาคุณยุโตฺตปีติ สทฺทวิทู มญฺญนฺติฯ เตน จ เตสํ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิเทฺธน วจเนน หีนาธิกชนเสวิตวุตฺติํ ปกาเสโนฺต อุทฺธตทีนภาวนิคฺคหํ กโรติฯ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ อิมินา จ กรุณาวิปฺผารโสมฺมหทยนยนนิปาตปุพฺพงฺคเมน วจเนน เต อตฺตโน อภิมุเข กโรโนฺต เตเนว กเถตุกมฺยตาทีปเกน เนสํ วจเนน โสตุกมฺยตํ ชเนติ, เตเนว จ สโมฺพธนเตฺถน สาธุกํ มนสิกาเรปิ นิโยเชติฯ สาธุกํ มนสิการายตฺตา หิ สาสนสมฺปตฺติฯ

    1.Evaṃme sutanti – nidānavagge paṭhamaṃ paṭiccasamuppādasuttaṃ. Tatrāyaṃ anupubbapadavaṇṇanā – tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesīti, ettha tatrāti desakālaparidīpanaṃ. Tañhi ‘‘yaṃ samayaṃ viharati, tatra samaye, yasmiñca jetavane viharati, tatra jetavane’’ti dīpeti. Bhāsitabbayutte vā desakāle dīpeti. Na hi bhagavā ayutte dese kāle ca dhammaṃ bhāsati. ‘‘Akālo kho tāva bāhiyā’’tiādi (udā. 10) cettha sādhakaṃ. Khoti padapūraṇamatte, avadhāraṇe ādikālatthe vā nipāto. Bhagavāti lokagarudīpanaṃ. Bhikkhūti kathāsavanayuttapuggalavacanaṃ. Apicettha ‘‘bhikkhakoti bhikkhu, bhikkhācariyaṃ ajjhūpagatoti bhikkhū’’tiādinā (pārā. 45; vibha. 510) nayena vacanattho veditabbo. Āmantesīti ālapi, abhāsi, sambodhesi, ayamettha attho. Aññatra pana ñāpanepi hoti. Yathāha – ‘‘āmantayāmi vo, bhikkhave, paṭivedayāmi vo, bhikkhave’’ti. Pakkosanepi. Yathāha – ‘‘ehi tvaṃ, bhikkhu, mama vacanena sāriputtaṃ āmantehī’’ti (a. ni. 9.11). Bhikkhavoti āmantanākāradīpanaṃ. Tañca bhikkhanasīlatādiguṇayogasiddhattā vuttaṃ. Bhikkhanasīlatāguṇayuttopi hi bhikkhu, bhikkhanadhammatāguṇayuttopi bhikkhane sādhukāritāguṇayuttopīti saddavidū maññanti. Tena ca tesaṃ bhikkhanasīlatādiguṇayogasiddhena vacanena hīnādhikajanasevitavuttiṃ pakāsento uddhatadīnabhāvaniggahaṃ karoti. ‘‘Bhikkhavo’’ti iminā ca karuṇāvipphārasommahadayanayananipātapubbaṅgamena vacanena te attano abhimukhe karonto teneva kathetukamyatādīpakena nesaṃ vacanena sotukamyataṃ janeti, teneva ca sambodhanatthena sādhukaṃ manasikārepi niyojeti. Sādhukaṃ manasikārāyattā hi sāsanasampatti.

    อปเรสุปิ เทวมนุเสฺสสุ วิชฺชมาเนสุ กสฺมา ภิกฺขูเยว อามเนฺตสีติ เจ? เชฎฺฐเสฎฺฐาสนฺนสทาสนฺนิหิตภาวโตฯ สพฺพปริสสาธารณา หิ ภควโต ธมฺมเทสนา, ปริสาย เชฎฺฐา ภิกฺขู ปฐมํ อุปฺปนฺนตฺตา, เสฎฺฐา อนคาริยภาวํ อาทิํ กตฺวา สตฺถุจริยานุวิธายกตฺตา สกลสาสนปฎิคฺคาหกตฺตา จ, อาสนฺนา ตตฺถ นิสิเนฺนสุ สตฺถุสนฺติกตฺตา, สทาสนฺนิหิตา สตฺถุสนฺติกาวจรตฺตาติฯ อปิจ เต ธมฺมเทสนาย ภาชนํ ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปตฺติสพฺภาวโตฯ วิเสสโต จ เอกเจฺจ ภิกฺขูเยว สนฺธาย อยํ เทสนาปีติ เอวํ อามเนฺตสิฯ

    Aparesupi devamanussesu vijjamānesu kasmā bhikkhūyeva āmantesīti ce? Jeṭṭhaseṭṭhāsannasadāsannihitabhāvato. Sabbaparisasādhāraṇā hi bhagavato dhammadesanā, parisāya jeṭṭhā bhikkhū paṭhamaṃ uppannattā, seṭṭhā anagāriyabhāvaṃ ādiṃ katvā satthucariyānuvidhāyakattā sakalasāsanapaṭiggāhakattā ca, āsannā tattha nisinnesu satthusantikattā, sadāsannihitā satthusantikāvacarattāti. Apica te dhammadesanāya bhājanaṃ yathānusiṭṭhaṃ paṭipattisabbhāvato. Visesato ca ekacce bhikkhūyeva sandhāya ayaṃ desanāpīti evaṃ āmantesi.

    กิมตฺถํ ปน ภควา ธมฺมํ เทเสโนฺต ปฐมํ ภิกฺขู อามเนฺตสิ, น ธมฺมเมว เทเสสีติ? สติชนนตฺถํฯ ภิกฺขู อญฺญํ จิเนฺตนฺตาปิ วิกฺขิตฺตจิตฺตาปิ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตาปิ กมฺมฎฺฐานํ มนสิกโรนฺตาปิ นิสินฺนา โหนฺติฯ เต อนามเนฺตตฺวา ธเมฺม เทสิยมาเน ‘‘อยํ เทสนา กิํนิทานา กิํปจฺจยา กตมาย อฎฺฐุปฺปตฺติยา เทสิตา’’ติ สลฺลเกฺขตุํ อสโกฺกนฺตา ทุคฺคหิตํ วา คเณฺหยฺยุํ, น วา คเณฺหยฺยุํ, เตน เนสํ สติชนนตฺถํ ภควา ปฐมํ อามเนฺตตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ เทเสติฯ

    Kimatthaṃ pana bhagavā dhammaṃ desento paṭhamaṃ bhikkhū āmantesi, na dhammameva desesīti? Satijananatthaṃ. Bhikkhū aññaṃ cintentāpi vikkhittacittāpi dhammaṃ paccavekkhantāpi kammaṭṭhānaṃ manasikarontāpi nisinnā honti. Te anāmantetvā dhamme desiyamāne ‘‘ayaṃ desanā kiṃnidānā kiṃpaccayā katamāya aṭṭhuppattiyā desitā’’ti sallakkhetuṃ asakkontā duggahitaṃ vā gaṇheyyuṃ, na vā gaṇheyyuṃ, tena nesaṃ satijananatthaṃ bhagavā paṭhamaṃ āmantetvā pacchā dhammaṃ deseti.

    ภทเนฺตติ คารววจนเมตํ, สตฺถุโน ปฎิวจนทานํ วาฯ อปิเจตฺถ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ วทมาโน ภควา ภิกฺขู อาลปติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ วทมานา เต ภควนฺตํ ปจฺจาลปนฺติฯ ตถา หิ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ ภควา อาภาสติ, ‘‘ภทเนฺต’’ติ ปจฺจาภาสนฺติฯ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ ปฎิวจนํ ทาเปติ, ‘‘ภทเนฺต’’ติ ปฎิวจนํ เทนฺติฯ เต ภิกฺขูติ เย ภควา อามเนฺตสิ, เตฯ ภควโต ปจฺจโสฺสสุนฺติ ภควโต อามนฺตนํ ปติอโสฺสสุํ, อภิมุขา หุตฺวา สุณิํสุ สมฺปฎิจฺฉิํสุ ปฎิคฺคเหสุนฺติ อโตฺถฯ ภควา เอตทโวจาติ, ภควา เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลสุตฺตํ อโวจฯ เอตฺตาวตา ยํ อายสฺมตา อานเนฺทน อตฺถพฺยญฺชนสมฺปนฺนสฺส พุทฺธานํ เทสนาญาณคมฺภีรภาวสํสูจกสฺส อิมสฺส สุตฺตสฺส สุขาวคาหณตฺถํ กาลเทสเทสกปริสาปเทสปฺปฎิมณฺฑิตํ นิทานํ ภาสิตํ, ตสฺส อตฺถวณฺณนา สมตฺตาฯ

    Bhadanteti gāravavacanametaṃ, satthuno paṭivacanadānaṃ vā. Apicettha ‘‘bhikkhavo’’ti vadamāno bhagavā bhikkhū ālapati. ‘‘Bhadante’’ti vadamānā te bhagavantaṃ paccālapanti. Tathā hi ‘‘bhikkhavo’’ti bhagavā ābhāsati, ‘‘bhadante’’ti paccābhāsanti. ‘‘Bhikkhavo’’ti paṭivacanaṃ dāpeti, ‘‘bhadante’’ti paṭivacanaṃ denti. Te bhikkhūti ye bhagavā āmantesi, te. Bhagavato paccassosunti bhagavato āmantanaṃ patiassosuṃ, abhimukhā hutvā suṇiṃsu sampaṭicchiṃsu paṭiggahesunti attho. Bhagavā etadavocāti, bhagavā etaṃ idāni vattabbaṃ sakalasuttaṃ avoca. Ettāvatā yaṃ āyasmatā ānandena atthabyañjanasampannassa buddhānaṃ desanāñāṇagambhīrabhāvasaṃsūcakassa imassa suttassa sukhāvagāhaṇatthaṃ kāladesadesakaparisāpadesappaṭimaṇḍitaṃ nidānaṃ bhāsitaṃ, tassa atthavaṇṇanā samattā.

    อิทานิ ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ โวติอาทินา นเยน ภควตา นิกฺขิตฺตสฺส สุตฺตสฺส สํวณฺณนาย โอกาโส อนุปฺปโตฺตฯ สา ปเนสา สุตฺตวณฺณนา ยสฺมา สุตฺตนิเกฺขปํ วิจาเรตฺวา วุจฺจมานา ปากฎา โหติ, ตสฺมา สุตฺตนิเกฺขปํ ตาว วิจาเรสฺสามฯ จตฺตาโร หิ สุตฺตนิเกฺขปา – อตฺตชฺฌาสโย, ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉาวสิโก, อฎฺฐุปฺปตฺติโกติฯ ตตฺถ ยานิ สุตฺตานิ ภควา ปเรหิ อนชฺฌิโฎฺฐ เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถติ, เสยฺยถิทํ – ทสพลสุตฺตนฺตหารโก จโนฺทปม-วีโณปม-สมฺมปฺปธาน-อิทฺธิปาท-อินฺทฺริยพล-โพชฺฌงฺคมคฺคงฺค-สุตฺตนฺตหารโกติ เอวมาทีนิ, เตสํ อตฺตชฺฌาสโย นิเกฺขโปฯ

    Idāni paṭiccasamuppādaṃ votiādinā nayena bhagavatā nikkhittassa suttassa saṃvaṇṇanāya okāso anuppatto. Sā panesā suttavaṇṇanā yasmā suttanikkhepaṃ vicāretvā vuccamānā pākaṭā hoti, tasmā suttanikkhepaṃ tāva vicāressāma. Cattāro hi suttanikkhepā – attajjhāsayo, parajjhāsayo, pucchāvasiko, aṭṭhuppattikoti. Tattha yāni suttāni bhagavā parehi anajjhiṭṭho kevalaṃ attano ajjhāsayeneva katheti, seyyathidaṃ – dasabalasuttantahārako candopama-vīṇopama-sammappadhāna-iddhipāda-indriyabala-bojjhaṅgamaggaṅga-suttantahārakoti evamādīni, tesaṃ attajjhāsayo nikkhepo.

    ยานิ ปน ‘‘ปริปกฺกา โข ราหุลสฺส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมาฯ ยํนูนาหํ ราหุลํ อุตฺตริํ อาสวานํ ขเย วิเนยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๑๒๑; ม. นิ. ๓.๔๑๖) เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ ขนฺติํ นิชฺฌานกฺขมํ มนํ อภินีหารํ พุชฺฌนภาวญฺจ อเปกฺขิตฺวา ปรชฺฌาสยวเสน กถิตานิ, เสยฺยถิทํ – จูฬราหุโลวาทสุตฺตํ, มหาราหุโลวาทสุตฺตํ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ, อนตฺตลกฺขณสุตฺตํ, อาสีวิโสปมสุตฺตํ, ธาตุวิภงฺคสุตฺตนฺติ, เอวมาทีนิ, เตสํ ปรชฺฌาสโย นิเกฺขโปฯ

    Yāni pana ‘‘paripakkā kho rāhulassa vimuttiparipācanīyā dhammā. Yaṃnūnāhaṃ rāhulaṃ uttariṃ āsavānaṃ khaye vineyya’’nti (saṃ. ni. 4.121; ma. ni. 3.416) evaṃ paresaṃ ajjhāsayaṃ khantiṃ nijjhānakkhamaṃ manaṃ abhinīhāraṃ bujjhanabhāvañca apekkhitvā parajjhāsayavasena kathitāni, seyyathidaṃ – cūḷarāhulovādasuttaṃ, mahārāhulovādasuttaṃ, dhammacakkappavattanaṃ, anattalakkhaṇasuttaṃ, āsīvisopamasuttaṃ, dhātuvibhaṅgasuttanti, evamādīni, tesaṃ parajjhāsayo nikkhepo.

    ภควนฺตํ ปน อุปสงฺกมิตฺวา จตโสฺส ปริสา จตฺตาโร วณฺณา นาคา สุปณฺณา คนฺธพฺพา อสุรา ยกฺขา มหาราชาโน ตาวติํสาทโย เทวา มหาพฺรหฺมาติ เอวมาทโย ‘‘โพชฺฌงฺคา โพชฺฌงฺคาติ, ภเนฺต, วุจฺจนฺติ – (สํ. นิ. ๕.๒๐๒) นีวรณา นีวรณาติ, ภเนฺต, วุจฺจนฺติ – อิเม นุ โข, ภเนฺต, ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา, กิํสูธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฎฺฐ’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๓) นเยน ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติฯ เอวํ ปุเฎฺฐน ภควตา ยานิ กถิตานิ โพชฺฌงฺคสํยุตฺตาทีนิ, ยานิ วา ปนญฺญานิปิ เทวตาสํยุตฺต, มารสํยุตฺต, พฺรหฺมสํยุตฺต, สกฺกปญฺห, จูฬเวทลฺล, มหาเวทลฺล, สามญฺญผลอาฬวก, สูจิโลม, ขรโลมสุตฺตาทีนิ, เตสํ ปุจฺฉาวสิโก นิเกฺขโปฯ

    Bhagavantaṃ pana upasaṅkamitvā catasso parisā cattāro vaṇṇā nāgā supaṇṇā gandhabbā asurā yakkhā mahārājāno tāvatiṃsādayo devā mahābrahmāti evamādayo ‘‘bojjhaṅgā bojjhaṅgāti, bhante, vuccanti – (saṃ. ni. 5.202) nīvaraṇā nīvaraṇāti, bhante, vuccanti – ime nu kho, bhante, pañcupādānakkhandhā, kiṃsūdha vittaṃ purisassa seṭṭha’’ntiādinā (saṃ. ni. 1.246; su. ni. 183) nayena pañhaṃ pucchanti. Evaṃ puṭṭhena bhagavatā yāni kathitāni bojjhaṅgasaṃyuttādīni, yāni vā panaññānipi devatāsaṃyutta, mārasaṃyutta, brahmasaṃyutta, sakkapañha, cūḷavedalla, mahāvedalla, sāmaññaphalaāḷavaka, sūciloma, kharalomasuttādīni, tesaṃ pucchāvasiko nikkhepo.

    ยานิ ปน ตานิ อุปฺปนฺนํ การณํ ปฎิจฺจ กถิตานิ, เสยฺยถิทํ – ธมฺมทายาทํฯ จูฬสีหนาทสุตฺตํ ปุตฺตมํสูปมํ ทารุกฺขนฺธูปมํ อคฺคิกฺขนฺธูปมํ เผณปิณฺฑูปมํ ปาริจฺฉตฺตกูปมนฺติ เอวมาทีนิ, เตสํ อฎฺฐุปฺปตฺติโก นิเกฺขโปฯ

    Yāni pana tāni uppannaṃ kāraṇaṃ paṭicca kathitāni, seyyathidaṃ – dhammadāyādaṃ. Cūḷasīhanādasuttaṃ puttamaṃsūpamaṃ dārukkhandhūpamaṃ aggikkhandhūpamaṃ pheṇapiṇḍūpamaṃ pāricchattakūpamanti evamādīni, tesaṃ aṭṭhuppattiko nikkhepo.

    เอวเมเตสุ จตูสุ นิเกฺขเปสุ อิมสฺส ปฎิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตสฺส ปรชฺฌาสโย นิเกฺขโปฯ ปรปุคฺคลชฺฌาสยวเสน หิทํ ภควตา นิกฺขิตฺตํฯ กตเมสํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสนาติ? อุคฺฆฎิตญฺญูนํฯ จตฺตาโร หิ ปุคฺคลา อุคฺฆฎิตญฺญู วิปญฺจิตญฺญู เนโยฺย ปทปรโมติฯ ตตฺถ ยสฺส ปุคฺคลสฺส สห อุทาหฎเวลาย ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล อุคฺฆฎิตญฺญูฯ ยสฺส ปุคฺคลสฺส สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อเตฺถ วิภชิยมาเน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล วิปญฺจิตญฺญูฯ ยสฺส ปุคฺคลสฺส อุเทฺทสโต ปริปุจฺฉโต โยนิโส มนสิกโรโต, กลฺยาณมิเตฺต เสวโต, ภชโต, ปยิรุปาสโต, อนุปุเพฺพน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล เนโยฺยฯ ยสฺส ปุคฺคลสฺส พหุมฺปิ สุณโต, พหุมฺปิ ธารยโต, พหุมฺปิ วาจยโต น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปทปรโมฯ อิติ อิเมสุ จตูสุ ปุคฺคเลสุ อุคฺฆฎิตญฺญูปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสน อิทํ สุตฺตํ นิกฺขิตฺตํฯ

    Evametesu catūsu nikkhepesu imassa paṭiccasamuppādasuttassa parajjhāsayo nikkhepo. Parapuggalajjhāsayavasena hidaṃ bhagavatā nikkhittaṃ. Katamesaṃ puggalānaṃ ajjhāsayavasenāti? Ugghaṭitaññūnaṃ. Cattāro hi puggalā ugghaṭitaññū vipañcitaññū neyyo padaparamoti. Tattha yassa puggalassa saha udāhaṭavelāya dhammābhisamayo hoti, ayaṃ vuccati puggalo ugghaṭitaññū. Yassa puggalassa saṃkhittena bhāsitassa vitthārena atthe vibhajiyamāne dhammābhisamayo hoti, ayaṃ vuccati puggalo vipañcitaññū. Yassa puggalassa uddesato paripucchato yoniso manasikaroto, kalyāṇamitte sevato, bhajato, payirupāsato, anupubbena dhammābhisamayo hoti, ayaṃ vuccati puggalo neyyo. Yassa puggalassa bahumpi suṇato, bahumpi dhārayato, bahumpi vācayato na tāya jātiyā dhammābhisamayo hoti, ayaṃ vuccati puggalo padaparamo. Iti imesu catūsu puggalesu ugghaṭitaññūpuggalānaṃ ajjhāsayavasena idaṃ suttaṃ nikkhittaṃ.

    ตทา กิร ปญฺจสตา ชนปทวาสิกา ภิกฺขู สเพฺพว เอกจรา ทฺวิจรา ติจรา จตุจรา ปญฺจจรา สภาควุตฺติโน ธุตงฺคธรา อารทฺธวีริยา ยุตฺตโยคา วิปสฺสกา สณฺหํ สุขุมํ สุญฺญตํ ปจฺจยาการเทสนํ ปตฺถยมานา สายนฺหสมเย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, วนฺทิตฺวา, รตฺตกมฺพลสาณิยา ปริกฺขิปมานา วิย เทสนํ ปจฺจาสีสมานา ปริวาเรตฺวา นิสีทิํสุฯ เตสํ อชฺฌาสยวเสน ภควา อิทํ สุตฺตํ อารภิฯ ยถา หิ เฉโก จิตฺตกาโร อปริกมฺมกตภิตฺติํ ลภิตฺวา, น อาทิโตว รูปํ สมุฎฺฐาเปสิ, มหามตฺติกเลปาทีหิ ปน ภิตฺติปริกมฺมํ ตาว กตฺวา , กตปริกมฺมาย ภิตฺติยา รูปํ สมุฎฺฐาเปติ, กตปริกมฺมํ ปน ภิตฺติํ ลภิตฺวา, ภิตฺติปริกมฺมพฺยาปารํ อกตฺวา, รงฺคชาตานิ โยเชตฺวา, วฎฺฎิกํ วา ตูลิกํ วา อาทาย รูปเมว สมุฎฺฐาเปติ, เอวเมว ภควา อกตาภินิเวสํ อาทิกมฺมิกกุลปุตฺตํ ลภิตฺวา นาสฺส อาทิโตว อรหตฺตปทฎฺฐานํ สณฺหํ สุขุมํ สุญฺญตํ วิปสฺสนาลกฺขณํ อาจิกฺขติ, สีลสมาธิกมฺมสฺสกตาทิฎฺฐิสมฺปทาย ปน โยเชโนฺต ปุพฺพภาคปฎิปทํ ตาว อาจิกฺขติฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

    Tadā kira pañcasatā janapadavāsikā bhikkhū sabbeva ekacarā dvicarā ticarā catucarā pañcacarā sabhāgavuttino dhutaṅgadharā āraddhavīriyā yuttayogā vipassakā saṇhaṃ sukhumaṃ suññataṃ paccayākāradesanaṃ patthayamānā sāyanhasamaye bhagavantaṃ upasaṅkamitvā, vanditvā, rattakambalasāṇiyā parikkhipamānā viya desanaṃ paccāsīsamānā parivāretvā nisīdiṃsu. Tesaṃ ajjhāsayavasena bhagavā idaṃ suttaṃ ārabhi. Yathā hi cheko cittakāro aparikammakatabhittiṃ labhitvā, na āditova rūpaṃ samuṭṭhāpesi, mahāmattikalepādīhi pana bhittiparikammaṃ tāva katvā , kataparikammāya bhittiyā rūpaṃ samuṭṭhāpeti, kataparikammaṃ pana bhittiṃ labhitvā, bhittiparikammabyāpāraṃ akatvā, raṅgajātāni yojetvā, vaṭṭikaṃ vā tūlikaṃ vā ādāya rūpameva samuṭṭhāpeti, evameva bhagavā akatābhinivesaṃ ādikammikakulaputtaṃ labhitvā nāssa āditova arahattapadaṭṭhānaṃ saṇhaṃ sukhumaṃ suññataṃ vipassanālakkhaṇaṃ ācikkhati, sīlasamādhikammassakatādiṭṭhisampadāya pana yojento pubbabhāgapaṭipadaṃ tāva ācikkhati. Yaṃ sandhāya vuttaṃ –

    ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลญฺจ สุวิสุทฺธํ ทิฎฺฐิ จ อุชุกาฯ ยโต โข เต, ภิกฺขุ, สีลญฺจ สุวิสุทฺธํ ภวิสฺสติ ทิฎฺฐิ จ อุชุกาฯ ตโต ตฺวํ, ภิกฺขุ, สีลํ นิสฺสาย สีเล ปติฎฺฐาย จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน ติวิเธน ภาเวยฺยาสิฯ กตเม จตฺตาโร? อิธ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อชฺฌตฺตํ วา กาเย กายานุปสฺสี วิหราหิ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ พหิทฺธา วา กาเย…เป.… อชฺฌตฺตพหิทฺธา วา กาเย…เป.… ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหราหิ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ ยโต โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, สีลํ นิสฺสาย สีเล ปติฎฺฐาย อิเม จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน เอวํ ติวิเธน ภาเวสฺสสิ, ตโต ตุยฺหํ, ภิกฺขุ, ยา รตฺติ วา ทิวโส วา อาคมิสฺสติ, วุทฺธิเยว ปาฎิกงฺขา กุสเลสุ ธเมฺมสุ, โน ปริหานี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙)ฯ

    ‘‘Tasmātiha tvaṃ, bhikkhu, ādimeva visodhehi kusalesu dhammesu. Ko cādi kusalānaṃ dhammānaṃ? Sīlañca suvisuddhaṃ diṭṭhi ca ujukā. Yato kho te, bhikkhu, sīlañca suvisuddhaṃ bhavissati diṭṭhi ca ujukā. Tato tvaṃ, bhikkhu, sīlaṃ nissāya sīle patiṭṭhāya cattāro satipaṭṭhāne tividhena bhāveyyāsi. Katame cattāro? Idha tvaṃ, bhikkhu, ajjhattaṃ vā kāye kāyānupassī viharāhi ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Bahiddhā vā kāye…pe… ajjhattabahiddhā vā kāye…pe… dhammesu dhammānupassī viharāhi ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Yato kho tvaṃ, bhikkhu, sīlaṃ nissāya sīle patiṭṭhāya ime cattāro satipaṭṭhāne evaṃ tividhena bhāvessasi, tato tuyhaṃ, bhikkhu, yā ratti vā divaso vā āgamissati, vuddhiyeva pāṭikaṅkhā kusalesu dhammesu, no parihānī’’ti (saṃ. ni. 5.369).

    เอวํ อาทิกมฺมิกกุลปุตฺตสฺส สีลกถาย ปริกมฺมํ กเถตฺวา, อรหตฺตปทฎฺฐานํ สณฺหํ สุขุมํ สุญฺญตํ วิปสฺสนาลกฺขณํ อาจิกฺขติฯ

    Evaṃ ādikammikakulaputtassa sīlakathāya parikammaṃ kathetvā, arahattapadaṭṭhānaṃ saṇhaṃ sukhumaṃ suññataṃ vipassanālakkhaṇaṃ ācikkhati.

    ปริสุทฺธสีลํ ปน อารทฺธวีริยํ ยุตฺตโยคํ วิปสฺสกํ ลภิตฺวา, นาสฺส ปุพฺพภาคปฎิปทํ อาจิกฺขติ, อุชุกเมว ปน อรหตฺตปทฎฺฐานํ สณฺหํ สุขุมํ สุญฺญตํ วิปสฺสนาลกฺขณํ อาจิกฺขติฯ อิเม ปญฺจสตา ภิกฺขู ปุพฺพภาคปฎิปทํ ปริโสเธตฺวา ฐิตา สุธนฺตสุวณฺณสทิสา สุปริมชฺชิตมณิกฺขนฺธสนฺนิภา, เอโก โลกุตฺตรมโคฺคว เนสํ อนาคโตฯ อิติ ตสฺสาคมนตฺถาย สตฺถา เตสํ อชฺฌาสยํ อเปกฺขมาโน อิทํ สุตฺตํ อารภิฯ

    Parisuddhasīlaṃ pana āraddhavīriyaṃ yuttayogaṃ vipassakaṃ labhitvā, nāssa pubbabhāgapaṭipadaṃ ācikkhati, ujukameva pana arahattapadaṭṭhānaṃ saṇhaṃ sukhumaṃ suññataṃ vipassanālakkhaṇaṃ ācikkhati. Ime pañcasatā bhikkhū pubbabhāgapaṭipadaṃ parisodhetvā ṭhitā sudhantasuvaṇṇasadisā suparimajjitamaṇikkhandhasannibhā, eko lokuttaramaggova nesaṃ anāgato. Iti tassāgamanatthāya satthā tesaṃ ajjhāsayaṃ apekkhamāno idaṃ suttaṃ ārabhi.

    ตตฺถ ปฎิจฺจสมุปฺปาทนฺติ ปจฺจยาการํฯ ปจฺจยากาโร หิ อญฺญมญฺญํ ปฎิจฺจ สหิเต ธเมฺม อุปฺปาเทติฯ ตสฺมา ปฎิจฺจสมุปฺปาโทติ วุจฺจติฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคโต คเหตโพฺพฯ

    Tattha paṭiccasamuppādanti paccayākāraṃ. Paccayākāro hi aññamaññaṃ paṭicca sahite dhamme uppādeti. Tasmā paṭiccasamuppādoti vuccati. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimaggato gahetabbo.

    โวติ อยํ โว-สโทฺท ปจฺจตฺต-อุปโยคกรณ-สมฺปทาน-สามิวจน-ปทปูรเณสุ ทิสฺสติฯ ‘‘กจฺจิ ปน โว อนุรุทฺธา สมคฺคา สโมฺมทมานา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๒๖; มหาว. ๔๖๖) หิ ปจฺจเตฺต ทิสฺสติฯ ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ปณาเมมิ โว’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๕๗) อุปโยเคฯ ‘‘น โว มม สนฺติเก วตฺถพฺพ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๕๗) กรเณฯ ‘‘วนปตฺถปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙๐) สมฺปทาเนฯ ‘‘สเพฺพสํ โว, สาริปุตฺต, สุภาสิต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔๕) สามิวจเนฯ ‘‘เย หิ โว อริยา ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๕) ปทปูรณมเตฺตฯ อิธ ปนายํ สมฺปทาเน ทฎฺฐโพฺพฯ ภิกฺขเวติ ปติสฺสเวน อภิมุขีภูตานํ ปุน อาลปนํฯ เทเสสฺสามีติ เทสนาปฎิชานนํฯ ตํ สุณาถาติ ตํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ ตํ เทสนํ มยา วุจฺจมานํ สุณาถฯ

    Voti ayaṃ vo-saddo paccatta-upayogakaraṇa-sampadāna-sāmivacana-padapūraṇesu dissati. ‘‘Kacci pana vo anuruddhā samaggā sammodamānā’’tiādīsu (ma. ni. 1.326; mahāva. 466) hi paccatte dissati. ‘‘Gacchatha, bhikkhave, paṇāmemi vo’’tiādīsu (ma. ni. 2.157) upayoge. ‘‘Na vo mama santike vatthabba’’ntiādīsu (ma. ni. 2.157) karaṇe. ‘‘Vanapatthapariyāyaṃ vo, bhikkhave, desessāmī’’tiādīsu (ma. ni. 1.190) sampadāne. ‘‘Sabbesaṃ vo, sāriputta, subhāsita’’ntiādīsu (ma. ni. 1.345) sāmivacane. ‘‘Ye hi vo ariyā parisuddhakāyakammantā’’tiādīsu (ma. ni. 1.35) padapūraṇamatte. Idha panāyaṃ sampadāne daṭṭhabbo. Bhikkhaveti patissavena abhimukhībhūtānaṃ puna ālapanaṃ. Desessāmīti desanāpaṭijānanaṃ. Taṃ suṇāthāti taṃ paṭiccasamuppādaṃ taṃ desanaṃ mayā vuccamānaṃ suṇātha.

    สาธุกํ มนสิ กโรถาติ เอตฺถ ปน สาธุกํ สาธูติ เอกตฺถเมตํฯ อยญฺจ สาธุสโทฺท อายาจน-สมฺปฎิจฺฉน-สมฺปหํสน-สุนฺทร-ทฬฺหีกมฺมาทีสุ ทิสฺสติฯ ‘‘สาธุ เม, ภเนฺต, ภควา สํขิเตฺตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๒๕๗; สํ. นิ. ๔.๖๕; ๕.๓๘๑) หิ อายาจเน ทิสฺสติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺตติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) สมฺปฎิจฺฉเนฯ ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๔๙) สมฺปหํสเนฯ

    Sādhukaṃ manasi karothāti ettha pana sādhukaṃ sādhūti ekatthametaṃ. Ayañca sādhusaddo āyācana-sampaṭicchana-sampahaṃsana-sundara-daḷhīkammādīsu dissati. ‘‘Sādhu me, bhante, bhagavā saṃkhittena dhammaṃ desetū’’tiādīsu (a. ni. 4.257; saṃ. ni. 4.65; 5.381) hi āyācane dissati. ‘‘Sādhu, bhanteti kho so bhikkhu bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā’’tiādīsu (ma. ni. 3.86) sampaṭicchane. ‘‘Sādhu sādhu, sāriputtā’’tiādīsu (dī. ni. 3.349) sampahaṃsane.

    ‘‘สาธุ ธมฺมรุจี ราชา, สาธุ ปญฺญาณวา นโร;

    ‘‘Sādhu dhammarucī rājā, sādhu paññāṇavā naro;

    สาธุ มิตฺตานมทฺทุโพฺภ, ปาปสฺส อกรณํ สุข’’นฺติฯ –

    Sādhu mittānamaddubbho, pāpassa akaraṇaṃ sukha’’nti. –

    อาทีสุ (ชา. ๒.๑๘.๑๐๑) สุนฺทเรฯ ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, สาธุกํ สุณาหี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๑๙๒) สาธุกสโทฺทเยว ทฬฺหีกเมฺม อาณตฺติยนฺติปิ วุจฺจติฯ อิธ ปนายํ เอเตฺถว ทฬฺหีกเมฺม อาณตฺติยา จ อโตฺถ เวทิตโพฺพ, สุนฺทรเตฺถปิ วฎฺฎติฯ ทฬฺหีกรณเตฺถน หิ ‘‘ทฬฺหํ อิมํ ธมฺมํ สุณาถ, สุคฺคหิตํ คณฺหนฺตา’’, อาณตฺติอเตฺถน ‘‘มม อาณตฺติยา สุณาถ’’ สุนฺทรเตฺถน ‘‘สุนฺทรมิมํ ภทฺทกํ ธมฺมํ สุณาถา’’ติ เอตํ ทีปิตํ โหติฯ มนสิ กโรถาติ อาวเชฺชถฯ สมนฺนาหรถาติ อโตฺถฯ อวิกฺขิตฺตจิตฺตา หุตฺวา นิสาเมถ, จิเตฺต กโรถาติ อธิปฺปาโยฯ

    Ādīsu (jā. 2.18.101) sundare. ‘‘Tena hi, brāhmaṇa, sādhukaṃ suṇāhī’’tiādīsu (a. ni. 5.192) sādhukasaddoyeva daḷhīkamme āṇattiyantipi vuccati. Idha panāyaṃ ettheva daḷhīkamme āṇattiyā ca attho veditabbo, sundaratthepi vaṭṭati. Daḷhīkaraṇatthena hi ‘‘daḷhaṃ imaṃ dhammaṃ suṇātha, suggahitaṃ gaṇhantā’’, āṇattiatthena ‘‘mama āṇattiyā suṇātha’’ sundaratthena ‘‘sundaramimaṃ bhaddakaṃ dhammaṃ suṇāthā’’ti etaṃ dīpitaṃ hoti. Manasi karothāti āvajjetha. Samannāharathāti attho. Avikkhittacittā hutvā nisāmetha, citte karothāti adhippāyo.

    อิทาเนตฺถ ตํ สุณาถาติ โสตินฺทฺริยวิเกฺขปนิวารณเมตํฯ สาธุกํ มนสิ กโรถาติ มนสิกาเร ทฬฺหีกมฺมนิโยชเนน มนินฺทฺริยวิเกฺขปนิวารณํฯ ปุริมเญฺจตฺถ พฺยญฺชนวิปลฺลาสคาหนิวารณํ, ปจฺฉิมํ อตฺถวิปลฺลาสคาหนิวารณํฯ ปุริเมน จ ธมฺมสฺสวเน นิโยเชติ, ปจฺฉิเมน สุตานํ ธมฺมานํ ธารณูปปริกฺขาสุฯ ปุริเมน จ ‘‘สพฺยญฺชโน อยํ ธโมฺม, ตสฺมา สวนีโย’’ติ ทีเปติ, ปจฺฉิเมน ‘‘สาโตฺถ, ตสฺมา มนสิ กาตโพฺพ’’ติฯ สาธุกปทํ วา อุภยปเทหิ โยเชตฺวา, ‘‘ยสฺมา อยํ ธโมฺม ธมฺมคมฺภีโร จ เทสนาคมฺภีโร จ, ตสฺมา สุณาถ สาธุกํฯ ยสฺมา อตฺถคมฺภีโร จ ปฎิเวธคมฺภีโร จ, ตสฺมา สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพาฯ ภาสิสฺสามีติ เทเสสฺสามิฯ ‘‘ตํ สุณาถา’’ติ เอตฺถ ปฎิญฺญาตํ เทสนํ สํขิตฺตโตว น เทเสสฺสามิ, อปิจ โข วิตฺถารโตปิ นํ ภาสิสฺสามีติ วุตฺตํ โหติฯ สเงฺขปวิตฺถารวาจกานิ หิ เอตานิ ปทานิฯ ยถาห วงฺคีสเตฺถโร –

    Idānettha taṃ suṇāthāti sotindriyavikkhepanivāraṇametaṃ. Sādhukaṃ manasi karothāti manasikāre daḷhīkammaniyojanena manindriyavikkhepanivāraṇaṃ. Purimañcettha byañjanavipallāsagāhanivāraṇaṃ, pacchimaṃ atthavipallāsagāhanivāraṇaṃ. Purimena ca dhammassavane niyojeti, pacchimena sutānaṃ dhammānaṃ dhāraṇūpaparikkhāsu. Purimena ca ‘‘sabyañjano ayaṃ dhammo, tasmā savanīyo’’ti dīpeti, pacchimena ‘‘sāttho, tasmā manasi kātabbo’’ti. Sādhukapadaṃ vā ubhayapadehi yojetvā, ‘‘yasmā ayaṃ dhammo dhammagambhīro ca desanāgambhīro ca, tasmā suṇātha sādhukaṃ. Yasmā atthagambhīro ca paṭivedhagambhīro ca, tasmā sādhukaṃ manasi karothā’’ti evaṃ yojanā veditabbā. Bhāsissāmīti desessāmi. ‘‘Taṃ suṇāthā’’ti ettha paṭiññātaṃ desanaṃ saṃkhittatova na desessāmi, apica kho vitthāratopi naṃ bhāsissāmīti vuttaṃ hoti. Saṅkhepavitthāravācakāni hi etāni padāni. Yathāha vaṅgīsatthero –

    ‘‘สํขิเตฺตนปิ เทเสติ, วิตฺถาเรนปิ ภาสติ;

    ‘‘Saṃkhittenapi deseti, vitthārenapi bhāsati;

    สาฬิกายิว นิโคฺฆโส, ปฎิภานํ อุทีรยี’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๒๑๔; เถรคา. ๑๒๔๑);

    Sāḷikāyiva nigghoso, paṭibhānaṃ udīrayī’’ti. (saṃ. ni. 1.214; theragā. 1241);

    เอวํ วุเตฺต อุสฺสาหชาตา หุตฺวา เอวํ, ภเนฺตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํ สตฺถุ วจนํ สมฺปฎิจฺฉิํสุ, ปฎิคฺคเหสุนฺติ วุตฺตํ โหติฯ

    Evaṃ vutte ussāhajātā hutvā evaṃ, bhanteti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ satthu vacanaṃ sampaṭicchiṃsu, paṭiggahesunti vuttaṃ hoti.

    อถ เนสํ ภควา เอตทโวจ – เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปฎิจฺจสมุปฺปาโท’’ติอาทิํ สกลํ สุตฺตํ อโวจฯ ตตฺถ กตโม จ, ภิกฺขเว, ปฎิจฺจสมุปฺปาโทติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาฯ ปญฺจวิธา หิ ปุจฺฉา อทิฎฺฐโชตนาปุจฺฉา ทิฎฺฐสํสนฺทนาปุจฺฉา วิมติเจฺฉทนาปุจฺฉา อนุมติปุจฺฉา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ, ตาสํ อิทํ นานตฺตํ –

    Atha nesaṃ bhagavā etadavoca – etaṃ idāni vattabbaṃ ‘‘katamo ca, bhikkhave, paṭiccasamuppādo’’tiādiṃ sakalaṃ suttaṃ avoca. Tattha katamo ca, bhikkhave, paṭiccasamuppādoti kathetukamyatāpucchā. Pañcavidhā hi pucchā adiṭṭhajotanāpucchā diṭṭhasaṃsandanāpucchā vimaticchedanāpucchā anumatipucchā kathetukamyatāpucchāti, tāsaṃ idaṃ nānattaṃ –

    กตมา อทิฎฺฐโชตนา ปุจฺฉา (มหานิ. ๑๕๐; จูฬนิ. ปุณฺณกมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๑๒)? ปกติยา ลกฺขณํ อญฺญาตํ โหติ อทิฎฺฐํ อตุลิตํ อตีริตํ อวิภูตํ อวิภาวิตํฯ ตสฺส ญาณาย ทสฺสนาย ตุลนาย ตีรณาย วิภูตาย วิภาวนตฺถาย ปญฺหํ ปุจฺฉติฯ อยํ อทิฎฺฐโชตนาปุจฺฉาฯ

    Katamā adiṭṭhajotanā pucchā (mahāni. 150; cūḷani. puṇṇakamāṇavapucchāniddesa 12)? Pakatiyā lakkhaṇaṃ aññātaṃ hoti adiṭṭhaṃ atulitaṃ atīritaṃ avibhūtaṃ avibhāvitaṃ. Tassa ñāṇāya dassanāya tulanāya tīraṇāya vibhūtāya vibhāvanatthāya pañhaṃ pucchati. Ayaṃ adiṭṭhajotanāpucchā.

    กตมา ทิฎฺฐสํสนฺทนาปุจฺฉา? ปกติยา ลกฺขณํ ญาตํ โหติ ทิฎฺฐํ ตุลิตํ ตีริตํ วิภูตํ วิภาวิตํฯ โส อเญฺญหิ ปณฺฑิเตหิ สทฺธิํ สํสนฺทนตฺถาย ปญฺหํ ปุจฺฉติฯ อยํ ทิฎฺฐสํสนฺทนาปุจฺฉาฯ

    Katamā diṭṭhasaṃsandanāpucchā? Pakatiyā lakkhaṇaṃ ñātaṃ hoti diṭṭhaṃ tulitaṃ tīritaṃ vibhūtaṃ vibhāvitaṃ. So aññehi paṇḍitehi saddhiṃ saṃsandanatthāya pañhaṃ pucchati. Ayaṃ diṭṭhasaṃsandanāpucchā.

    กตมา วิมติเจฺฉทนาปุจฺฉา? ปกติยา สํสยปกฺขโนฺท โหติ วิมติปกฺขโนฺท เทฺวฬฺหกชาโต – ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข, กถํ นุ โข’’ติ, โส วิมติเจฺฉทนตฺถาย ปญฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ วิมติเจฺฉทนาปุจฺฉาฯ

    Katamā vimaticchedanāpucchā? Pakatiyā saṃsayapakkhando hoti vimatipakkhando dveḷhakajāto – ‘‘evaṃ nu kho, na nu kho, kathaṃ nu kho’’ti, so vimaticchedanatthāya pañhaṃ pucchati, ayaṃ vimaticchedanāpucchā.

    กตมา อนุมติปุจฺฉา? ภควา ภิกฺขูนํ อนุมติยา ปญฺหํ ปุจฺฉติ – ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ, อนิจฺจํ, ภเนฺตฯ ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วาติ, ทุกฺขํ, ภเนฺตฯ ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘‘เอตํ มม เอโสหมสฺมิ เอโส เม อตฺตา’’ติ, โน เหตํ ภเนฺตติ (สํ. นิ. ๓.๗๙)ฯ อยํ อนุมติปุจฺฉาฯ

    Katamā anumatipucchā? Bhagavā bhikkhūnaṃ anumatiyā pañhaṃ pucchati – ‘‘taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, rūpaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti, aniccaṃ, bhante. Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vāti, dukkhaṃ, bhante. Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ, kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘‘etaṃ mama esohamasmi eso me attā’’ti, no hetaṃ bhanteti (saṃ. ni. 3.79). Ayaṃ anumatipucchā.

    กตมา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา? ภควา ภิกฺขูนํ กเถตุกมฺยตาย ปญฺหํ ปุจฺฉติ – ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, สติปฎฺฐานาฯ กตเม จตฺตาโร’’ติ? อยํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติฯ

    Katamā kathetukamyatāpucchā? Bhagavā bhikkhūnaṃ kathetukamyatāya pañhaṃ pucchati – ‘‘cattārome, bhikkhave, satipaṭṭhānā. Katame cattāro’’ti? Ayaṃ kathetukamyatāpucchāti.

    ตตฺถ พุทฺธานํ ปุริมา ติโสฺส ปุจฺฉา นตฺถิฯ กสฺมา? พุทฺธานญฺหิ ตีสุ อทฺธาสุ กิญฺจิ สงฺขตํ อทฺธาวิมุตฺตํ วา อสงฺขตํ อทิฎฺฐํ อโชติตํ อตุลิตํ อตีริตํ อวิภูตํ อวิภาวิตํ นาม นตฺถิฯ เตน เนสํ อทิฎฺฐโชตนาปุจฺฉา นตฺถิฯ ยํ ปน ภควตา อตฺตโน ญาเณน ปฎิวิทฺธํ, ตสฺส อเญฺญน สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา สทฺธิํ สํสนฺทนกิจฺจํ นตฺถิฯ เตนสฺส ทิฎฺฐสํสนฺทนาปุจฺฉา นตฺถิฯ ยสฺมา ปเนส อกถํกถี ติณฺณวิจิกิโจฺฉ สพฺพธเมฺมสุ วิหตสํสโยฯ เตนสฺส วิมติเจฺฉทนาปุจฺฉา นตฺถิฯ อิตรา ปน เทฺว ปุจฺฉา ภควโต อตฺถิฯ ตาสุ อยํ กเถตุกมฺยตา ปุจฺฉาติ เวทิตพฺพาฯ

    Tattha buddhānaṃ purimā tisso pucchā natthi. Kasmā? Buddhānañhi tīsu addhāsu kiñci saṅkhataṃ addhāvimuttaṃ vā asaṅkhataṃ adiṭṭhaṃ ajotitaṃ atulitaṃ atīritaṃ avibhūtaṃ avibhāvitaṃ nāma natthi. Tena nesaṃ adiṭṭhajotanāpucchā natthi. Yaṃ pana bhagavatā attano ñāṇena paṭividdhaṃ, tassa aññena samaṇena vā brāhmaṇena vā devena vā mārena vā brahmunā vā saddhiṃ saṃsandanakiccaṃ natthi. Tenassa diṭṭhasaṃsandanāpucchā natthi. Yasmā panesa akathaṃkathī tiṇṇavicikiccho sabbadhammesu vihatasaṃsayo. Tenassa vimaticchedanāpucchā natthi. Itarā pana dve pucchā bhagavato atthi. Tāsu ayaṃ kathetukamyatā pucchāti veditabbā.

    อิทานิ ตาว ปุจฺฉาย ปุฎฺฐํ ปจฺจยาการํ วิภชโนฺต อวิชฺชาปจฺจยา, ภิกฺขเว, สงฺขาราติอาทิมาหฯ เอตฺถ จ ยถา นาม ‘‘ปิตรํ กเถสฺสามี’’ติ อารโทฺธ ‘‘ติสฺสสฺส ปิตา โสณสฺส ปิตา’’ติ ปฐมตรํ ปุตฺตมฺปิ กเถติ, เอวเมว ภควา ปจฺจยํ กเถตุํ อารโทฺธ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา นเยน สงฺขาราทีนํ ปจฺจเย อวิชฺชาทิธเมฺม กเถโนฺต ปจฺจยุปฺปนฺนมฺปิ กเถสิฯ อาหารวคฺคสฺส ปน ปริโยสาเน ‘‘ปฎิจฺจสมุปฺปาทญฺจ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ ปฎิจฺจสมุปฺปเนฺน จ ธเมฺม’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐) อุภยํ อารภิตฺวา อุภยมฺปิ กเถสิฯ อิทานิ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติอาทีสุ ปน อวิชฺชา จ สา ปจฺจโย จาติ อวิชฺชาปจฺจโยฯ ตสฺมา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สมฺภวนฺตีติ อิมินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาเรน ปน สพฺพาการสมฺปนฺนา อนุโลมปฎิจฺจสมุปฺปาทกถา วิสุทฺธิมเคฺค กถิตา, ตสฺมา สา ตตฺถ กถิตวเสเนว คเหตพฺพาฯ

    Idāni tāva pucchāya puṭṭhaṃ paccayākāraṃ vibhajanto avijjāpaccayā, bhikkhave, saṅkhārātiādimāha. Ettha ca yathā nāma ‘‘pitaraṃ kathessāmī’’ti āraddho ‘‘tissassa pitā soṇassa pitā’’ti paṭhamataraṃ puttampi katheti, evameva bhagavā paccayaṃ kathetuṃ āraddho ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā’’tiādinā nayena saṅkhārādīnaṃ paccaye avijjādidhamme kathento paccayuppannampi kathesi. Āhāravaggassa pana pariyosāne ‘‘paṭiccasamuppādañca vo, bhikkhave, desessāmi paṭiccasamuppanne ca dhamme’’ti (saṃ. ni. 2.20) ubhayaṃ ārabhitvā ubhayampi kathesi. Idāni avijjāpaccayā saṅkhārātiādīsu pana avijjā ca sā paccayo cāti avijjāpaccayo. Tasmā avijjāpaccayā saṅkhārā sambhavantīti iminā nayena attho veditabbo. Ayamettha saṅkhepo, vitthārena pana sabbākārasampannā anulomapaṭiccasamuppādakathā visuddhimagge kathitā, tasmā sā tattha kathitavaseneva gahetabbā.

    ปฎิโลมกถายํ ปน อวิชฺชาย เตฺววาติ อวิชฺชาย ตุ เอวฯ อเสสวิราคนิโรธาติ วิราคสงฺขาเตน มเคฺคน อเสสนิโรธาฯ สงฺขารนิโรโธติ สงฺขารานํ อนุปฺปาทนิโรโธ โหติฯ เอวํนิโรธานํ ปน สงฺขารานํ นิโรธา วิญฺญาณาทีนญฺจ นิโรธา นามรูปาทีนิ นิรุทฺธานิเยว โหนฺตีติ ทเสฺสตุํ สงฺขารนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธติอาทีนิ วตฺวา, เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตีติ อาหฯ ตตฺถ เกวลสฺสาติ สกลสฺส, สุทฺธสฺส วา, สตฺตวิรหิตสฺสาติ อโตฺถฯ ทุกฺขกฺขนฺธสฺสาติ ทุกฺขราสิสฺสฯ นิโรโธ โหตีติ อนุปฺปาโท โหติฯ อิติ ภควา อนุโลมโต ทฺวาทสหิ ปเทหิ วฎฺฎกถํ กเถตฺวา ตเมว วฎฺฎํ วินิวเฎฺฎตฺวา ปฎิโลมโต ทฺวาทสหิ ปเทหิ วิวฎฺฎํ กเถโนฺต อรหเตฺตน เทสนาย กูฎํ คณฺหิฯ เทสนาปริโยสาเน เต ปญฺจสตา อารทฺธวิปสฺสกา อุคฺฆฎิตญฺญูปุคฺคลา สูริยรสฺมิสมฺผุฎฺฐานิ ปริปากคตานิ ปทุมานิ วิย สจฺจานิ พุชฺฌิตฺวา อรหตฺตผเล ปติฎฺฐหิํสุฯ

    Paṭilomakathāyaṃ pana avijjāya tvevāti avijjāya tu eva. Asesavirāganirodhāti virāgasaṅkhātena maggena asesanirodhā. Saṅkhāranirodhoti saṅkhārānaṃ anuppādanirodho hoti. Evaṃnirodhānaṃ pana saṅkhārānaṃ nirodhā viññāṇādīnañca nirodhā nāmarūpādīni niruddhāniyeva hontīti dassetuṃ saṅkhāranirodhā viññāṇanirodhotiādīni vatvā, evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa nirodho hotīti āha. Tattha kevalassāti sakalassa, suddhassa vā, sattavirahitassāti attho. Dukkhakkhandhassāti dukkharāsissa. Nirodho hotīti anuppādo hoti. Iti bhagavā anulomato dvādasahi padehi vaṭṭakathaṃ kathetvā tameva vaṭṭaṃ vinivaṭṭetvā paṭilomato dvādasahi padehi vivaṭṭaṃ kathento arahattena desanāya kūṭaṃ gaṇhi. Desanāpariyosāne te pañcasatā āraddhavipassakā ugghaṭitaññūpuggalā sūriyarasmisamphuṭṭhāni paripākagatāni padumāni viya saccāni bujjhitvā arahattaphale patiṭṭhahiṃsu.

    อิทมโวจ ภควาติ อิทํ วฎฺฎวิวฎฺฎวเสน สกลสุตฺตํ ภควา อโวจฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขูติ ตุฎฺฐจิตฺตา เต ปญฺจสตา ขีณาสวา ภิกฺขูฯ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ กรวีกรุตมญฺชุนา กณฺณสุเขน ปณฺฑิตชนหทยานํ อมตาภิเสกสทิเสน พฺรหฺมสฺสเรน ภาสโต ภควโต วจนํ อภินนฺทิํสุ, อนุโมทิํสุ เจว สมฺปฎิจฺฉิํสุ จาติ อโตฺถฯ เตเนตํ วุจฺจติ –

    Idamavoca bhagavāti idaṃ vaṭṭavivaṭṭavasena sakalasuttaṃ bhagavā avoca. Attamanā te bhikkhūti tuṭṭhacittā te pañcasatā khīṇāsavā bhikkhū. Bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti karavīkarutamañjunā kaṇṇasukhena paṇḍitajanahadayānaṃ amatābhisekasadisena brahmassarena bhāsato bhagavato vacanaṃ abhinandiṃsu, anumodiṃsu ceva sampaṭicchiṃsu cāti attho. Tenetaṃ vuccati –

    ‘‘สุภาสิตํ สุลปิตํ, สาธุ สาธูติ ตาทิโน;

    ‘‘Subhāsitaṃ sulapitaṃ, sādhu sādhūti tādino;

    อนุโมทมานา สิรสา, สมฺปฎิจฺฉิํสุ ภิกฺขโว’’ติฯ

    Anumodamānā sirasā, sampaṭicchiṃsu bhikkhavo’’ti.

    ปฐมปฎิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamapaṭiccasamuppādasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. ปฎิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตํ • 1. Paṭiccasamuppādasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. ปฎิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตวณฺณนา • 1. Paṭiccasamuppādasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact