Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    สํยุตฺตนิกาเย

    Saṃyuttanikāye

    นิทานวคฺคฎีกา

    Nidānavaggaṭīkā

    ๑. นิทานสํยุตฺตํ

    1. Nidānasaṃyuttaṃ

    ๑. พุทฺธวโคฺค

    1. Buddhavaggo

    ๑. ปฎิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตวณฺณนา

    1. Paṭiccasamuppādasuttavaṇṇanā

    . ทุติยสุตฺตาทีนิปิ ปฎิจฺจสมุปฺปาทวเสเนว เทสิตานีติ อาห ‘‘ปฐมํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทสุตฺต’’นฺติฯ ตตฺราติ ปทํ เย เทสกาลา อิธ วิหรณกิริยาย วิเสสนภาเวน วุตฺตา, เตสํ ปริทีปนนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยํ สมยํ…เป.… ทีเปตี’’ติ อาหฯ ตํ-สโทฺท หิ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปฎินิเทฺทโส, ตสฺมา อิธ เทสสฺส กาลสฺส วา ปฎินิเทฺทโส ภวิตุํ อรหติ, น อญฺญสฺสฯ อยํ ตาว ตตฺรสทฺทสฺส ปฎินิเทฺทสภาเว อตฺถวิภาวนาฯ ยสฺมา ปน อีทิเสสุ ฐาเนสุ ตตฺรสโทฺท ธมฺมเทสนาวิสิฎฺฐํ เทสํ กาลญฺจ วิภาเวติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภาสิตพฺพยุเตฺต วา เทสกาเล’’ติ ฯ เตน ตตฺราติ ยตฺถ ภควา ธมฺมเทสนตฺถํ ภิกฺขู อาลปิ อภาสิ, ตาทิเส เทเส, กาเล วาติ อโตฺถฯ น หีติอาทินา ตเมวตฺถํ สมเตฺถติฯ

    1. Dutiyasuttādīnipi paṭiccasamuppādavaseneva desitānīti āha ‘‘paṭhamaṃ paṭiccasamuppādasutta’’nti. Tatrāti padaṃ ye desakālā idha viharaṇakiriyāya visesanabhāvena vuttā, tesaṃ paridīpananti dassento ‘‘yaṃ samayaṃ…pe… dīpetī’’ti āha. Taṃ-saddo hi vuttassa atthassa paṭiniddeso, tasmā idha desassa kālassa vā paṭiniddeso bhavituṃ arahati, na aññassa. Ayaṃ tāva tatrasaddassa paṭiniddesabhāve atthavibhāvanā. Yasmā pana īdisesu ṭhānesu tatrasaddo dhammadesanāvisiṭṭhaṃ desaṃ kālañca vibhāveti, tasmā vuttaṃ ‘‘bhāsitabbayutte vā desakāle’’ti . Tena tatrāti yattha bhagavā dhammadesanatthaṃ bhikkhū ālapi abhāsi, tādise dese, kāle vāti attho. Na hītiādinā tamevatthaṃ samattheti.

    นนุ จ ยตฺถ ฐิโต ภควา ‘‘อกาโล โข ตาวา’’ติอาทินา พาหิยสฺส ธมฺมเทสนํ ปฎิกฺขิปิ, ตเตฺถว อนฺตรวีถิยํ ฐิโตว ตสฺส ธมฺมํ เทเสสีติ? สจฺจเมตํฯ อเทเสตพฺพกาเล อเทสนาย หิ อิทํ อุทาหรณํฯ เตนาห ‘‘อกาโล โข ตาวา’’ติฯ ยํ ปน ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘อนฺตรฆรํ ปวิฎฺฐมฺหา’’ติ, ตมฺปิ ตสฺส อกาลภาวเสฺสว ปริยาเยน ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ตสฺส หิ ตทา อทฺธานปริสฺสเมน รูปกาเย อกมฺมญฺญตา อโหสิ, พลวปีติเวเคน นามกาเยฯ ตทุภยสฺส วูปสมํ อาคเมโนฺต ปปญฺจปริหารตฺถํ ภควา ‘‘อกาโล โข’’ติ ปริยาเยน ปฎิกฺขิปิฯ อเทเสตพฺพเทเส อเทสนาย ปน อุทาหรณํ ‘‘อถ โข ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิ, วิหารโต นิกฺขมิตฺวา วิหารปจฺฉายายํ ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีที’’ติ เอวมาทิกํ อิธ อาทิสเทฺทน สงฺคหิตํฯ ‘‘ส โข โส ภิกฺขเว พาโล อิธ ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺวา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๔๘) ปทปูรณมเตฺต โข-สโทฺท, ‘‘ทุกฺขํ โข อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๒๑) อวธารเณ, ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๑) อาทิกาลเตฺถ, วากฺยารเมฺภติ อโตฺถฯ ตตฺถ ปทปูรเณน วจนาลงฺการมตฺตํ กตํ โหติ, อาทิกาลเตฺถน วากฺยสฺส อุปญฺญาสมตฺตํ, อวธารณเตฺถน ปน นิยมทสฺสนํฯ ‘‘ตสฺมา อามเนฺตสิ เอวา’’ติ อามนฺตเน นิยโม ทสฺสิโต โหตีติฯ

    Nanu ca yattha ṭhito bhagavā ‘‘akālo kho tāvā’’tiādinā bāhiyassa dhammadesanaṃ paṭikkhipi, tattheva antaravīthiyaṃ ṭhitova tassa dhammaṃ desesīti? Saccametaṃ. Adesetabbakāle adesanāya hi idaṃ udāharaṇaṃ. Tenāha ‘‘akālo kho tāvā’’ti. Yaṃ pana tattha vuttaṃ ‘‘antaragharaṃ paviṭṭhamhā’’ti, tampi tassa akālabhāvasseva pariyāyena dassanatthaṃ vuttaṃ. Tassa hi tadā addhānaparissamena rūpakāye akammaññatā ahosi, balavapītivegena nāmakāye. Tadubhayassa vūpasamaṃ āgamento papañcaparihāratthaṃ bhagavā ‘‘akālo kho’’ti pariyāyena paṭikkhipi. Adesetabbadese adesanāya pana udāharaṇaṃ ‘‘atha kho bhagavā maggā okkamma aññatarasmiṃ rukkhamūle nisīdi, vihārato nikkhamitvā vihārapacchāyāyaṃ paññatte āsane nisīdī’’ti evamādikaṃ idha ādisaddena saṅgahitaṃ. ‘‘Sa kho so bhikkhave bālo idha pāpāni kammāni karitvā’’ti evamādīsu (ma. ni. 3.248) padapūraṇamatte kho-saddo, ‘‘dukkhaṃ kho agāravo viharati appatisso’’tiādīsu (a. ni. 4.21) avadhāraṇe, ‘‘kittāvatā nu kho, āvuso, satthu pavivittassa viharato sāvakā vivekaṃ nānusikkhantī’’tiādīsu (ma. ni. 1.31) ādikālatthe, vākyārambheti attho. Tattha padapūraṇena vacanālaṅkāramattaṃ kataṃ hoti, ādikālatthena vākyassa upaññāsamattaṃ, avadhāraṇatthena pana niyamadassanaṃ. ‘‘Tasmā āmantesi evā’’ti āmantane niyamo dassito hotīti.

    ‘‘ภควาติ โลกครุทีปน’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ปุเพฺพ ‘‘ภควา’’ติ ปทํ วุตฺตนฺติ? ยทิปิ ปุเพฺพ วุตฺตํ, ตํ ปน ยถาวุตฺตฎฺฐาเน วิหรณกิริยาย กตฺตุวิเสสทสฺสนปรํ, น อามนฺตนกิริยาย, อิธ ปน อามนฺตนกิริยาย, ตสฺมา ตทตฺถํ ปุน ภควาติ ปาฬิยํ วุตฺตนฺติฯ ตสฺสตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘ภควาติ โลกครุทีปน’’นฺติ อาหฯ กถาสวนยุตฺตปุคฺคลวจนนฺติ วกฺขมานาย ปฎิจฺจสมุปฺปาทเทสนาย สวนโยคฺยปุคฺคลวจนํฯ จตูสุปิ ปริสาสุ ภิกฺขู เอว เอทิสานํ เทสนานํ วิเสเสน ภาชนภูตาติ สาติสเยน สาสนสมฺปฎิคฺคาหกภาวทสฺสนตฺถํ อิธ ภิกฺขุคหณนฺติ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สทฺทตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติ อาหฯ ตตฺถ ภิกฺขโกติ ภิกฺขูติ ภิกฺขนสีลตฺตา ภิกฺขนธมฺมตฺตา ภิกฺขูติ อโตฺถฯ ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ พุทฺธาทีหิปิ อชฺฌุปคตํ ภิกฺขาจริยํ อุญฺฉาจริยํ อชฺฌุปคตตฺตา อนุฎฺฐิตตฺตา ภิกฺขุฯ โย หิ โกจิ อปฺปํ วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, โส กสิโครกฺขาทีหิ ชีวิกกปฺปนํ หิตฺวา ลิงฺคสมฺปฎิจฺฉเนเนว ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคตตฺตา ภิกฺขุฯ ปรปฎิพทฺธชีวิกตฺตา วา วิหารมเชฺฌ กาชภตฺตํ ภุญฺชมาโนปิ ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขุ ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชาย อุสฺสาหชาตตฺตา วา ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขูติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    ‘‘Bhagavāti lokagarudīpana’’nti kasmā vuttaṃ, nanu pubbe ‘‘bhagavā’’ti padaṃ vuttanti? Yadipi pubbe vuttaṃ, taṃ pana yathāvuttaṭṭhāne viharaṇakiriyāya kattuvisesadassanaparaṃ, na āmantanakiriyāya, idha pana āmantanakiriyāya, tasmā tadatthaṃ puna bhagavāti pāḷiyaṃ vuttanti. Tassatthaṃ dassetuṃ ‘‘bhagavāti lokagarudīpana’’nti āha. Kathāsavanayuttapuggalavacananti vakkhamānāya paṭiccasamuppādadesanāya savanayogyapuggalavacanaṃ. Catūsupi parisāsu bhikkhū eva edisānaṃ desanānaṃ visesena bhājanabhūtāti sātisayena sāsanasampaṭiggāhakabhāvadassanatthaṃ idha bhikkhugahaṇanti dassetvā idāni saddatthaṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’ti āha. Tattha bhikkhakoti bhikkhūti bhikkhanasīlattā bhikkhanadhammattā bhikkhūti attho. Bhikkhācariyaṃ ajjhupagatoti buddhādīhipi ajjhupagataṃ bhikkhācariyaṃ uñchācariyaṃ ajjhupagatattā anuṭṭhitattā bhikkhu. Yo hi koci appaṃ vā mahantaṃ vā bhogakkhandhaṃ pahāya agārasmā anagāriyaṃ pabbajito, so kasigorakkhādīhi jīvikakappanaṃ hitvā liṅgasampaṭicchaneneva bhikkhācariyaṃ ajjhupagatattā bhikkhu. Parapaṭibaddhajīvikattā vā vihāramajjhe kājabhattaṃ bhuñjamānopi bhikkhācariyaṃ ajjhupagatoti bhikkhu piṇḍiyālopabhojanaṃ nissāya pabbajjāya ussāhajātattā vā bhikkhācariyaṃ ajjhupagatoti bhikkhūti evamettha attho daṭṭhabbo.

    อาทินา นเยนาติ ‘‘ภินฺนปฎธโรติ ภิกฺขุ, ภินฺทติ ปาปเก อกุสเล ธเมฺมติ ภิกฺขุ, ภินฺนตฺตา ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ภิกฺขู’’ติอาทินา วิภเงฺค (วิภ. ๕๐๙) อาคตนเยนฯ ญาปเนติ อวโพธเน, ปฎิเวทเนติ อโตฺถฯ ภิกฺขนสีลตา, น กสิวาณิชฺชาทีหิ ชีวนสีลตาฯ ภิกฺขนธมฺมตา ‘‘อุทฺทิสฺส อริยา ติฎฺฐนฺตี’’ติ (ชา. ๑.๗.๕๙) เอวํ วุตฺตภิกฺขนสภาวตา, น ยาจนาโกหญฺญสภาวตาฯ ภิกฺขเน สาธุการิตา ‘‘อุตฺติเฎฺฐ นปฺปมเชฺชยฺยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๘) วจนํ อนุสฺสริตฺวา ตตฺถ อปฺปมชฺชตาฯ อถ วา สีลํ นาม ปกติสภาโวฯ อิธ ปน ตถาธิฎฺฐานํฯ ธโมฺมติ วตํฯ อปเร ปน ‘‘สีลํ นาม วตวเสน สมาทานํฯ ธโมฺม นาม ปเวณิ-อาคตํ จาริตฺตํฯ สาธุการิตา สกฺกจฺจการิตา อาทรกิริยา’’ติ วเณฺณนฺติฯ

    Ādinā nayenāti ‘‘bhinnapaṭadharoti bhikkhu, bhindati pāpake akusale dhammeti bhikkhu, bhinnattā pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ bhikkhū’’tiādinā vibhaṅge (vibha. 509) āgatanayena. Ñāpaneti avabodhane, paṭivedaneti attho. Bhikkhanasīlatā, na kasivāṇijjādīhi jīvanasīlatā. Bhikkhanadhammatā ‘‘uddissa ariyā tiṭṭhantī’’ti (jā. 1.7.59) evaṃ vuttabhikkhanasabhāvatā, na yācanākohaññasabhāvatā. Bhikkhane sādhukāritā ‘‘uttiṭṭhe nappamajjeyyā’’ti (dha. pa. 168) vacanaṃ anussaritvā tattha appamajjatā. Atha vā sīlaṃ nāma pakatisabhāvo. Idha pana tathādhiṭṭhānaṃ. Dhammoti vataṃ. Apare pana ‘‘sīlaṃ nāma vatavasena samādānaṃ. Dhammo nāma paveṇi-āgataṃ cārittaṃ. Sādhukāritā sakkaccakāritā ādarakiriyā’’ti vaṇṇenti.

    หีนาธิกชนเสวิตวุตฺตินฺติ เย ภิกฺขุภาเว ฐิตาปิ ชาติมทาทิวเสน อุทฺธตา อุนฺนฬา, เย จ คิหิภาเว ปเรสุ อตฺถิกภาวมฺปิ อนุปคตตาย ภิกฺขาจริยํ ปรมกาปญฺญํ มญฺญนฺติ, เตสํ อุภเยสมฺปิ ยถากฺกมํ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ วจเนน หีนชเนหิ ทลิเทฺทหิ ปรมกาปญฺญตํ ปเตฺตหิ ปรกุเลสุ ภิกฺขาจริยาย ชีวิกํ กเปฺปเนฺตหิ เสวิตํ วุตฺติํ ปกาเสโนฺต อุทฺธตภาวนิคฺคหํ กโรติ, อธิกชเนหิ อุฬารโภคขตฺติยกุลาทิโต ปพฺพชิเตหิ พุทฺธาทีหิ อาชีวโสธนตฺถํ เสวิตํ วุตฺติํ ปกาเสโนฺต ทีนภาวนิคฺคหํ กโรตีติ โยเชตพฺพํฯ ยสฺมา ‘‘ภิกฺขโว’’ติ วจนํ อามนฺตนภาวโต อภิมุขีกรณํ, ปกรณโต สามตฺถิยโต จ สุสฺสูสาชนนํ, สกฺกจฺจสวนมนสิการนิโยชนญฺจ โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ภิกฺขโวติ อิมินา’’ติอาทิมาหฯ

    Hīnādhikajanasevitavuttinti ye bhikkhubhāve ṭhitāpi jātimadādivasena uddhatā unnaḷā, ye ca gihibhāve paresu atthikabhāvampi anupagatatāya bhikkhācariyaṃ paramakāpaññaṃ maññanti, tesaṃ ubhayesampi yathākkamaṃ ‘‘bhikkhavo’’ti vacanena hīnajanehi daliddehi paramakāpaññataṃ pattehi parakulesu bhikkhācariyāya jīvikaṃ kappentehi sevitaṃ vuttiṃ pakāsento uddhatabhāvaniggahaṃ karoti, adhikajanehi uḷārabhogakhattiyakulādito pabbajitehi buddhādīhi ājīvasodhanatthaṃ sevitaṃ vuttiṃ pakāsento dīnabhāvaniggahaṃ karotīti yojetabbaṃ. Yasmā ‘‘bhikkhavo’’ti vacanaṃ āmantanabhāvato abhimukhīkaraṇaṃ, pakaraṇato sāmatthiyato ca sussūsājananaṃ, sakkaccasavanamanasikāraniyojanañca hoti, tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘bhikkhavoti iminā’’tiādimāha.

    ตตฺถ สาธุกํ มนสิกาเรปีติ สาธุกํ สวเน สาธุกํ มนสิกาเร จฯ กถํ ปวตฺติตา สวนาทโย สาธุกํ ปวตฺติตา โหนฺตีติ? ‘‘อทฺธา อิมาย ปฎิปตฺติยา สกลสาสนสมฺปตฺติ หตฺถคตา ภวิสฺสตี’’ติ อาทรคารวโยเคน กถาทีสุ อปริภวาทินา จฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘ปญฺจหิ, ภิกฺขเว, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต สุณโนฺต สทฺธมฺมํ ภโพฺพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธเมฺมสุ สมฺมตฺตํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? น กถํ ปริโภติ, น กถิกํ ปริโภติ, น อตฺตานํ ปริโภติ , อวิกฺขิตฺตจิโตฺต ธมฺมํ สุณาติ เอกคฺคจิโตฺต, โยนิโส จ มนสิ กโรติฯ อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต สุณโนฺต สทฺธมฺมํ ภโพฺพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธเมฺมสุ สมฺมตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๕.๑๕๑)ฯ เตนาห ‘‘สาธุกํ มนสิการายตฺตา หิ สาสนสมฺปตฺตี’’ติฯ สาสนสมฺปตฺติ นาม สีลาทินิปฺผตฺติฯ ปฐมํ อุปฺปนฺนตฺตา อธิคมวเสนฯ สตฺถุจริยานุวิธายกตฺตา สีลาทิคุณานุฎฺฐาเนนฯ ติณฺณํ ยานานํ วเสน อนุธมฺมปฎิปตฺติสมฺภวโต สกลสาสนปฎิคฺคาหกตฺตา

    Tattha sādhukaṃ manasikārepīti sādhukaṃ savane sādhukaṃ manasikāre ca. Kathaṃ pavattitā savanādayo sādhukaṃ pavattitā hontīti? ‘‘Addhā imāya paṭipattiyā sakalasāsanasampatti hatthagatā bhavissatī’’ti ādaragāravayogena kathādīsu aparibhavādinā ca. Vuttañhi ‘‘pañcahi, bhikkhave, dhammehi samannāgato suṇanto saddhammaṃ bhabbo niyāmaṃ okkamituṃ kusalesu dhammesu sammattaṃ. Katamehi pañcahi? Na kathaṃ paribhoti, na kathikaṃ paribhoti, na attānaṃ paribhoti , avikkhittacitto dhammaṃ suṇāti ekaggacitto, yoniso ca manasi karoti. Imehi kho, bhikkhave, pañcahi dhammehi samannāgato suṇanto saddhammaṃ bhabbo niyāmaṃ okkamituṃ kusalesu dhammesu sammatta’’nti (a. ni. 5.151). Tenāha ‘‘sādhukaṃ manasikārāyattā hi sāsanasampattī’’ti. Sāsanasampatti nāma sīlādinipphatti. Paṭhamaṃ uppannattā adhigamavasena. Satthucariyānuvidhāyakattā sīlādiguṇānuṭṭhānena. Tiṇṇaṃ yānānaṃ vasena anudhammapaṭipattisambhavato sakalasāsanapaṭiggāhakattā.

    สนฺติกตฺตาติ สมีปภาวโตฯ สนฺติกาวจรตฺตาติ สพฺพกาลํ สํวุตฺติภาวโตฯ ยถานุสิฎฺฐนฺติ อนุสาสนิยานุรูปํ, อนุสาสนิํ อนวเสสโต ปฎิคฺคเหตฺวาติ อโตฺถฯ เอกเจฺจ ภิกฺขูติ เย ปฎิจฺจสมุปฺปาทธเมฺม เทสนาปสุตา, เตฯ ปุเพฺพ ‘‘สพฺพปริสสาธารณา หิ ภควโต ธมฺมเทสนา’’ติอาทินา ภิกฺขูนํ เอว อามนฺตนการณํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ภิกฺขู อามเนฺตตฺวา ธมฺมเทสนาย ปโยชนํ ทเสฺสตุํ กิมตฺถํ ปน ภควาติ โจทนํ สมุฎฺฐาเปติฯ ตตฺถ อญฺญํ จิเนฺตนฺตาติ อญฺญวิหิตาฯ วิกฺขิตฺตจิตฺตาติ อสมาหิตจิตฺตาฯ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตาติ หิโยฺย ตโต ปรทิวเสสุ วา สุตธมฺมํ ปติ มนสา อเวกฺขนฺตาฯ ภิกฺขู อามเนฺตตฺวา ธเมฺม เทสิยมาเน อาทิโต ปฎฺฐาย เทสนํ สลฺลเกฺขตุํ สโกฺกตีติ อิมเมวตฺถํ พฺยติเรกมุเขน ทเสฺสตุํ ‘‘เต อนามเนฺตตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Santikattāti samīpabhāvato. Santikāvacarattāti sabbakālaṃ saṃvuttibhāvato. Yathānusiṭṭhanti anusāsaniyānurūpaṃ, anusāsaniṃ anavasesato paṭiggahetvāti attho. Ekacce bhikkhūti ye paṭiccasamuppādadhamme desanāpasutā, te. Pubbe ‘‘sabbaparisasādhāraṇā hi bhagavato dhammadesanā’’tiādinā bhikkhūnaṃ eva āmantanakāraṇaṃ dassetvā idāni bhikkhū āmantetvā dhammadesanāya payojanaṃ dassetuṃ kimatthaṃ pana bhagavāti codanaṃ samuṭṭhāpeti. Tattha aññaṃ cintentāti aññavihitā. Vikkhittacittāti asamāhitacittā. Dhammaṃ paccavekkhantāti hiyyo tato paradivasesu vā sutadhammaṃ pati manasā avekkhantā. Bhikkhū āmantetvā dhamme desiyamāne ādito paṭṭhāya desanaṃ sallakkhetuṃ sakkotīti imamevatthaṃ byatirekamukhena dassetuṃ ‘‘te anāmantetvā’’tiādi vuttaṃ.

    ภิกฺขโวติ จ สนฺธิวเสน อิ-การโลโป ทฎฺฐโพฺพ ‘‘ภิกฺขโว อิตี’’ติ, อยญฺหิ อิติสโทฺท เหตุปริสมาปนาทิปทตฺถวิปริยายปการาวธารณนิทสฺสนาทิอเนกตฺถปเภโทฯ ตถา เหส ‘‘รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา ‘รูป’นฺติ วุจฺจตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๗๙) เหตุมฺหิ ทิสฺสติ, ‘‘ตสฺมาติห เม, ภิกฺขเว, ธมฺมทายาทา ภวถ, มา อามิสทายาทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๙) ปริสมาปเน, ‘‘อิติ วา เอวรูปา วิสูกทสฺสนา ปฎิวิรโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๓) อาทิอเตฺถ ‘‘มาคณฺฑิโยติ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส สงฺขา สมญฺญา ปญฺญตฺติ โวหาโร นามํ นามกมฺมํ นามเธยฺยํ นิรุตฺติ พฺยญฺชนํ อภิลาโป’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๗๓, ๗๕) ปทตฺถวิปริยาเย, ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, สปฺปฎิภโย พาโล, อปฺปฎิภโย ปณฺฑิโตฯ สอุปทฺทโว พาโล, อนุปทฺทโว ปณฺฑิโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๔) ปกาเร, ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ ปุเฎฺฐน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํฯ กิํ ปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ เจ วเทยฺย, ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิจฺจสฺส วจนีย’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๙๖) อวธารเณ, ‘‘สพฺพมตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยเมโก อโนฺต, สพฺพํ นตฺถีติ อยํ ทุติโย อโนฺต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕; ๓.๙๐) นิทสฺสเน ฯ อิธาปิ นิทสฺสเน เอว ทฎฺฐโพฺพฯ ภิกฺขโวติ อามนฺตนากาโร ตเมส อิติ-สโทฺท นิทเสฺสติ ‘‘ภิกฺขโวติ อามเนฺตสี’’ติฯ อิมินา นเยน ภทฺทเนฺตติอาทีสุปิ ยถารหํ อิติสทฺทสฺส อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Bhikkhavoti ca sandhivasena i-kāralopo daṭṭhabbo ‘‘bhikkhavo itī’’ti, ayañhi itisaddo hetuparisamāpanādipadatthavipariyāyapakārāvadhāraṇanidassanādianekatthapabhedo. Tathā hesa ‘‘ruppatīti kho, bhikkhave, tasmā ‘rūpa’nti vuccatī’’tiādīsu (saṃ. ni. 3.79) hetumhi dissati, ‘‘tasmātiha me, bhikkhave, dhammadāyādā bhavatha, mā āmisadāyādā’’tiādīsu (ma. ni. 1.29) parisamāpane, ‘‘iti vā evarūpā visūkadassanā paṭivirato’’tiādīsu (dī. ni. 1.13) ādiatthe ‘‘māgaṇḍiyoti tassa brāhmaṇassa saṅkhā samaññā paññatti vohāro nāmaṃ nāmakammaṃ nāmadheyyaṃ nirutti byañjanaṃ abhilāpo’’tiādīsu (mahāni. 73, 75) padatthavipariyāye, ‘‘iti kho, bhikkhave, sappaṭibhayo bālo, appaṭibhayo paṇḍito. Saupaddavo bālo, anupaddavo paṇḍito’’tiādīsu (ma. ni. 3.124) pakāre, ‘‘atthi idappaccayā jarāmaraṇanti iti puṭṭhena satā, ānanda, atthītissa vacanīyaṃ. Kiṃ paccayā jarāmaraṇanti iti ce vadeyya, jātipaccayā jarāmaraṇanti iccassa vacanīya’’ntiādīsu (dī. ni. 2.96) avadhāraṇe, ‘‘sabbamatthīti kho, kaccāna, ayameko anto, sabbaṃ natthīti ayaṃ dutiyo anto’’tiādīsu (saṃ. ni. 2.15; 3.90) nidassane . Idhāpi nidassane eva daṭṭhabbo. Bhikkhavoti āmantanākāro tamesa iti-saddo nidasseti ‘‘bhikkhavoti āmantesī’’ti. Iminā nayena bhaddantetiādīsupi yathārahaṃ itisaddassa attho veditabbo.

    ปุเพฺพ ‘‘ภควา อามเนฺตสี’’ติ วุตฺตตฺตา ภควโต ปจฺจโสฺสสุนฺติ อิธ ภควโตติ สามิวจนํ อามนฺตนเมว สมฺพนฺธีอนฺตรํ อเปกฺขตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘ภควโต อามนฺตนํ ปฎิอโสฺสสุ’’นฺติ วุตฺตํฯ ภควโตติ อิทํ ปน ปฎิสฺสวสมฺพเนฺธน สมฺปทานวจนํฯ เอตฺตาวตา ยํ กาลเทสเทสกปริสาปเทสปฎิมณฺฑิตํ นิทานํ ภาสิตนฺติ สมฺพโนฺธฯ เอตฺถาห – กิมตฺถํ ปน ธมฺมวินยสงฺคเห กริยมาเน นิทานวจนํ, นนุ ภควตา ภาสิตวจนเสฺสว สงฺคโห กาตโพฺพติ? วุจฺจเต – เทสนาย ฐิติอสโมฺมสสเทฺธยฺยภาวสมฺปาทนตฺถํฯ กาลเทสเทสกนิมิตฺตปริสาปเทเสหิ อุปนิพนฺธิตฺวา ฐปิตา หิ เทสนา จิรฎฺฐิติกา โหติ อสโมฺมสธมฺมา สเทฺธยฺยา จ, เทสกาลกตฺตุโสตุนิมิเตฺตหิ อุปนิพโนฺธ วิย โวหารวินิจฺฉโยฯ เตเนว จายสฺมตา มหากสฺสเปน ‘‘ปฎิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตํ, อาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทินา เทสาทิปุจฺฉาสุ กตาสุ ตาสํ วิสฺสชฺชนํ กโรเนฺตน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ อายสฺมตา อานเนฺทน อิมสฺส สุตฺตสฺส นิทานํ ภาสิตํฯ

    Pubbe ‘‘bhagavā āmantesī’’ti vuttattā bhagavato paccassosunti idha bhagavatoti sāmivacanaṃ āmantanameva sambandhīantaraṃ apekkhatīti iminā adhippāyena ‘‘bhagavato āmantanaṃ paṭiassosu’’nti vuttaṃ. Bhagavatoti idaṃ pana paṭissavasambandhena sampadānavacanaṃ. Ettāvatā yaṃ kāladesadesakaparisāpadesapaṭimaṇḍitaṃ nidānaṃ bhāsitanti sambandho. Etthāha – kimatthaṃ pana dhammavinayasaṅgahe kariyamāne nidānavacanaṃ, nanu bhagavatā bhāsitavacanasseva saṅgaho kātabboti? Vuccate – desanāya ṭhitiasammosasaddheyyabhāvasampādanatthaṃ. Kāladesadesakanimittaparisāpadesehi upanibandhitvā ṭhapitā hi desanā ciraṭṭhitikā hoti asammosadhammā saddheyyā ca, desakālakattusotunimittehi upanibandho viya vohāravinicchayo. Teneva cāyasmatā mahākassapena ‘‘paṭiccasamuppādasuttaṃ, āvuso ānanda, kattha bhāsita’’ntiādinā desādipucchāsu katāsu tāsaṃ vissajjanaṃ karontena dhammabhaṇḍāgārikena ‘‘evaṃ me suta’’nti āyasmatā ānandena imassa suttassa nidānaṃ bhāsitaṃ.

    อปิจ สตฺถุ สมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจนํฯ ตถาคตสฺส หิ ภควโต ปุพฺพรจนานุมานาคมตกฺกาภาวโต สมฺมาสมฺพุทฺธภาวสิทฺธิฯ น หิ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺพรจนาทีหิ อโตฺถ อตฺถิ, สพฺพตฺถ อปฺปฎิหตญาณจารตาย เอกปฺปมาณตฺตา จ เญยฺยธเมฺมสุฯ ตถา อาจริยมุฎฺฐิธมฺมมจฺฉริยสตฺถุสาวกานุโรธาภาวโต ขีณาสวตฺตสิทฺธิฯ น หิ สพฺพโส ขีณาสวสฺส เต สมฺภวนฺตีติ สุวิสุทฺธา จสฺส ปรานุคฺคหปฺปวตฺติ, เอวํ เทสกสํกิเลสภูตานํ ทิฎฺฐิสีลสมฺปทาทูสกานํ อวิชฺชาตณฺหานํ อจฺจนฺตาภาวสํสูจเกหิ ญาณสมฺปทาปหานสมฺปทาภิพฺยญฺชนเกหิ จ สํพุทฺธวิสุทฺธภาเวหิ ปุริมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธิ, ตโต เอว จ อนฺตรายิกนิยฺยานิกธเมฺมสุ สโมฺมหาภาวสิทฺธิโต ปจฺฉิมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธีติ ภควโต จตุเวสารชฺชสมนฺนาคโม อตฺตหิตปรหิตปฎิปตฺติ จ นิทานวจเนน ปกาสิตา โหติ, ตตฺถ ตตฺถ สมฺปตฺตปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ ฐานุปฺปตฺติกปฎิภาเนน ธมฺมเทสนาทีปนโต, อิธ ปน มูลทฺวยวเสน อนฺตทฺวยรหิตสฺส ติสนฺธิกาลพนฺธสฺส จตุพฺพิธนยสเงฺขปคมฺภีรภาวยุตฺตสฺส ปฎิจฺจสมุปฺปาทสฺส โพธิยา นิทสฺสนโต จาติ โยเชตพฺพํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺถุ สมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติฯ

    Apica satthu sampattipakāsanatthaṃ nidānavacanaṃ. Tathāgatassa hi bhagavato pubbaracanānumānāgamatakkābhāvato sammāsambuddhabhāvasiddhi. Na hi sammāsambuddhassa pubbaracanādīhi attho atthi, sabbattha appaṭihatañāṇacāratāya ekappamāṇattā ca ñeyyadhammesu. Tathā ācariyamuṭṭhidhammamacchariyasatthusāvakānurodhābhāvato khīṇāsavattasiddhi. Na hi sabbaso khīṇāsavassa te sambhavantīti suvisuddhā cassa parānuggahappavatti, evaṃ desakasaṃkilesabhūtānaṃ diṭṭhisīlasampadādūsakānaṃ avijjātaṇhānaṃ accantābhāvasaṃsūcakehi ñāṇasampadāpahānasampadābhibyañjanakehi ca saṃbuddhavisuddhabhāvehi purimavesārajjadvayasiddhi, tato eva ca antarāyikaniyyānikadhammesu sammohābhāvasiddhito pacchimavesārajjadvayasiddhīti bhagavato catuvesārajjasamannāgamo attahitaparahitapaṭipatti ca nidānavacanena pakāsitā hoti, tattha tattha sampattaparisāya ajjhāsayānurūpaṃ ṭhānuppattikapaṭibhānena dhammadesanādīpanato, idha pana mūladvayavasena antadvayarahitassa tisandhikālabandhassa catubbidhanayasaṅkhepagambhīrabhāvayuttassa paṭiccasamuppādassa bodhiyā nidassanato cāti yojetabbaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘satthu sampattipakāsanatthaṃ nidānavacana’’nti.

    ตถา สาสนสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจนํฯ ญาณกรุณาปริคฺคหิตสพฺพกิริยสฺส หิ ภควโต นตฺถิ นิรตฺถิกา ปวตฺติ, อตฺตหิตตฺถา วา, ตสฺมา ปเรสํ เอว อตฺถาย ปวตฺตสพฺพกิริยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สกลมฺปิ กายวจีมโนกมฺมํ ยถาปวตฺตํ วุจฺจมานํ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกปรมเตฺถหิ ยถารหํ สตฺตานํ อนุสาสนเฎฺฐน สาสนํ, น กพฺพรจนาฯ ตยิทํ สตฺถุจริตํ กาลเทสเทสกปริสาปเทเสหิ สทฺธิํ ตตฺถ ตตฺถ นิทานวจเนหิ ยถารหํ ปกาสียติ, อิธ ปน ทฺวาทสปทิกปจฺจยาการวิภาวเนน เตนฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สาสนสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติฯ

    Tathā sāsanasampattipakāsanatthaṃ nidānavacanaṃ. Ñāṇakaruṇāpariggahitasabbakiriyassa hi bhagavato natthi niratthikā pavatti, attahitatthā vā, tasmā paresaṃ eva atthāya pavattasabbakiriyassa sammāsambuddhassa sakalampi kāyavacīmanokammaṃ yathāpavattaṃ vuccamānaṃ diṭṭhadhammikasamparāyikaparamatthehi yathārahaṃ sattānaṃ anusāsanaṭṭhena sāsanaṃ, na kabbaracanā. Tayidaṃ satthucaritaṃ kāladesadesakaparisāpadesehi saddhiṃ tattha tattha nidānavacanehi yathārahaṃ pakāsīyati, idha pana dvādasapadikapaccayākāravibhāvanena tena. Tena vuttaṃ ‘‘sāsanasampattipakāsanatthaṃ nidānavacana’’nti.

    อปิจ สตฺถุ ปมาณภาวปฺปกาสเนน สาสนสฺส ปมาณภาวทสฺสนตฺถํ นิทานวจนํ, ตญฺจสฺส ปมาณภาวทสฺสนํ เหฎฺฐา วุตฺตนยานุสาเรน ‘‘ภควา’’ติ จ อิมินา ปเทน วิภาวิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ‘‘ภควา’’ติ จ อิมินา ตถาคตสฺส ราคโทสโมหาทิ-สพฺพสํกิเลสมลทุจฺจริตาทิโทสปฺปหานทีปเนน วจเนน อนญฺญสาธารณสุปริสุทฺธญาณกรุณาทิคุณวิเสสโยคปริทีปเนน ตโต เอว สพฺพสตฺตุตฺตมภาวทีปเนน อยมโตฺถ สพฺพถา ปกาสิโต โหตีติฯ อิทเมตฺถ นิทานวจเน ปโยชนนิทสฺสนํฯ

    Apica satthu pamāṇabhāvappakāsanena sāsanassa pamāṇabhāvadassanatthaṃ nidānavacanaṃ, tañcassa pamāṇabhāvadassanaṃ heṭṭhā vuttanayānusārena ‘‘bhagavā’’ti ca iminā padena vibhāvitanti veditabbaṃ. ‘‘Bhagavā’’ti ca iminā tathāgatassa rāgadosamohādi-sabbasaṃkilesamaladuccaritādidosappahānadīpanena vacanena anaññasādhāraṇasuparisuddhañāṇakaruṇādiguṇavisesayogaparidīpanena tato eva sabbasattuttamabhāvadīpanena ayamattho sabbathā pakāsito hotīti. Idamettha nidānavacane payojananidassanaṃ.

    นิกฺขิตฺตสฺสาติ เทสิตสฺสฯ เทสนาปิ หิ เทเสตพฺพสฺส สีลาทิอตฺถสฺส วิเนยฺยสนฺตาเนสุ นิกฺขิปนโต ‘‘นิเกฺขโป’’ติ วุจฺจตีติ ‘‘สุตฺตนิเกฺขปํ ตาว วิจาเรตฺวา วุจฺจมานา ปากฎา โหตี’’ติ สามญฺญโต ภควโต เทสนาย สมุฎฺฐานสฺส วิภาคํ ทเสฺสตฺวา ‘‘เอตฺถายํ เทสนา เอวํสมุฎฺฐานา’’ติ เทสนาย สมุฎฺฐาเน ทสฺสิเต สุตฺตสฺส สมฺมเทว นิทานปริชานเนน วณฺณนาย สุวิเญฺญยฺยตฺตา วุตฺตํฯ ตโต เหฎฺฐา ‘‘กสฺมา ภควตา ปฎิจฺจสมุปฺปาทวเสเนว เทสนา อารทฺธา’’ติ เกนจิ โจทนาย กตาย ‘‘ปรชฺฌาสโยยํ สุตฺตนิเกฺขโป’’ติ ปริหาโร สุกถิโต โหติฯ ตตฺถ ยถา อเนกสตอเนกสหสฺสเภทานิปิ สุตฺตนฺตานิ สํกิเลสภาคิยาทิปธานนเยน โสฬสวิธตํ นาติวตฺตนฺติ, เอวํ อตฺตชฺฌาสยาทิสุตฺตนิเกฺขปวเสน จตุพฺพิธภาวนฺติ อาห ‘‘จตฺตาโร หิ สุตฺตนิเกฺขปา’’ติฯ เอตฺถ จ ยถา อตฺตชฺฌาสยสฺส อฎฺฐุปฺปตฺติยา จ ปรชฺฌาสยปุจฺฉาหิ สทฺธิํ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ ‘‘อตฺตชฺฌาสโย จ ปรชฺฌาสโย จ, อตฺตชฺฌาสโย จ ปุจฺฉาวสิโก จ, อตฺตชฺฌาสโย จ ปรชฺฌาสโย จ ปุจฺฉาวสิโก จ, อฎฺฐุปฺปตฺติโก จ ปรชฺฌาสโย จ, อฎฺฐุปฺปตฺติโก จ ปุจฺฉาวสิโก จ, อฎฺฐุปฺปตฺติโก จ ปรชฺฌาสโย จ ปุจฺฉาวสิโก จา’’ติ อชฺฌาสยปุจฺฉานุสนฺธิสมฺภวโต, เอวํ ยทิปิ อฎฺฐุปฺปตฺติยา อชฺฌาสเยนปิ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ, อตฺตชฺฌาสยาทีหิ ปน ปุรโต ฐิเตหิ อฎฺฐุปฺปตฺติยา สํสโคฺค นตฺถีติฯ นยิธ นิรวเสโส วิตฺถารนโย สมฺภวตีติ ‘‘จตฺตาโร หิ สุตฺตนิเกฺขปา’’ติ วุตฺตํฯ ตทโนฺตคธตฺตา วา สมฺภวนฺตานํ เสสนิเกฺขปานํ มูลนิเกฺขปวเสน จตฺตาโรว ทสฺสิตา, ตถาทสฺสนเญฺจตฺถ อยํ สํสคฺคเภโท คเหตโพฺพติฯ

    Nikkhittassāti desitassa. Desanāpi hi desetabbassa sīlādiatthassa vineyyasantānesu nikkhipanato ‘‘nikkhepo’’ti vuccatīti ‘‘suttanikkhepaṃ tāva vicāretvā vuccamānā pākaṭā hotī’’ti sāmaññato bhagavato desanāya samuṭṭhānassa vibhāgaṃ dassetvā ‘‘etthāyaṃ desanā evaṃsamuṭṭhānā’’ti desanāya samuṭṭhāne dassite suttassa sammadeva nidānaparijānanena vaṇṇanāya suviññeyyattā vuttaṃ. Tato heṭṭhā ‘‘kasmā bhagavatā paṭiccasamuppādavaseneva desanā āraddhā’’ti kenaci codanāya katāya ‘‘parajjhāsayoyaṃ suttanikkhepo’’ti parihāro sukathito hoti. Tattha yathā anekasataanekasahassabhedānipi suttantāni saṃkilesabhāgiyādipadhānanayena soḷasavidhataṃ nātivattanti, evaṃ attajjhāsayādisuttanikkhepavasena catubbidhabhāvanti āha ‘‘cattāro hi suttanikkhepā’’ti. Ettha ca yathā attajjhāsayassa aṭṭhuppattiyā ca parajjhāsayapucchāhi saddhiṃ saṃsaggabhedo sambhavati ‘‘attajjhāsayo ca parajjhāsayo ca, attajjhāsayo ca pucchāvasiko ca, attajjhāsayo ca parajjhāsayo ca pucchāvasiko ca, aṭṭhuppattiko ca parajjhāsayo ca, aṭṭhuppattiko ca pucchāvasiko ca, aṭṭhuppattiko ca parajjhāsayo ca pucchāvasiko cā’’ti ajjhāsayapucchānusandhisambhavato, evaṃ yadipi aṭṭhuppattiyā ajjhāsayenapi saṃsaggabhedo sambhavati, attajjhāsayādīhi pana purato ṭhitehi aṭṭhuppattiyā saṃsaggo natthīti. Nayidha niravaseso vitthāranayo sambhavatīti ‘‘cattāro hi suttanikkhepā’’ti vuttaṃ. Tadantogadhattā vā sambhavantānaṃ sesanikkhepānaṃ mūlanikkhepavasena cattārova dassitā, tathādassanañcettha ayaṃ saṃsaggabhedo gahetabboti.

    ตตฺรายํ วจนโตฺถ – นิกฺขิปียตีติ นิเกฺขโป, สุตฺตํ เอว นิเกฺขโป สุตฺตนิเกฺขโปฯ อถ วา นิกฺขิปนํ นิเกฺขโป, สุตฺตสฺส นิเกฺขโป สุตฺตนิเกฺขโป, สุตฺตเทสนาติ อโตฺถฯ อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย, โส อสฺส อตฺถิ การณภูโตติ อตฺตชฺฌาสโยฯ อตฺตโน อชฺฌาสโย เอตสฺสาติ วา อตฺตชฺฌาสโยฯ ปรชฺฌาสเยปิ เอเสว นโยฯ ปุจฺฉาย วเสน ปวตฺตธโมฺม เอตสฺส อตฺถีติ, ปุจฺฉาวสิโกฯ สุตฺตเทสนาย วตฺถุภูตสฺส อตฺถสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถุปฺปตฺติ, อตฺถุปฺปตฺติเยว อฎฺฐุปฺปตฺติ, สา เอตสฺส อตฺถีติ อฎฺฐุปฺปตฺติโกฯ อถ วา นิกฺขิปียติ สุตฺตํ เอเตนาติ สุตฺตนิเกฺขโป, อตฺตชฺฌาสยาทิ เอวฯ เอตสฺมิํ ปน อตฺถวิกเปฺป อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโยฯ ปเรสํ อชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโยฯ ปุจฺฉียตีติ ปุจฺฉา, ปุจฺฉิตฺวา ญาตโพฺพ อโตฺถฯ ตสฺส ปุจฺฉาวเสน ปวตฺตํ ธมฺมปฎิคฺคาหกานํ วจนํ ปุจฺฉาวสิกํ, ตเทว นิเกฺขปสทฺทาเปกฺขาย ปุลฺลิงฺควเสน ‘‘ปุจฺฉาวสิโก’’ติ วุตฺตํฯ ตถา อฎฺฐุปฺปตฺติ เอว อฎฺฐุปฺปตฺติโกติ เอวเมฺปตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Tatrāyaṃ vacanattho – nikkhipīyatīti nikkhepo, suttaṃ eva nikkhepo suttanikkhepo. Atha vā nikkhipanaṃ nikkhepo, suttassa nikkhepo suttanikkhepo, suttadesanāti attho. Attano ajjhāsayo attajjhāsayo, so assa atthi kāraṇabhūtoti attajjhāsayo. Attano ajjhāsayo etassāti vā attajjhāsayo. Parajjhāsayepi eseva nayo. Pucchāya vasena pavattadhammo etassa atthīti, pucchāvasiko. Suttadesanāya vatthubhūtassa atthassa uppatti atthuppatti, atthuppattiyeva aṭṭhuppatti, sā etassa atthīti aṭṭhuppattiko. Atha vā nikkhipīyati suttaṃ etenāti suttanikkhepo, attajjhāsayādi eva. Etasmiṃ pana atthavikappe attano ajjhāsayo attajjhāsayo. Paresaṃ ajjhāsayo parajjhāsayo. Pucchīyatīti pucchā, pucchitvā ñātabbo attho. Tassa pucchāvasena pavattaṃ dhammapaṭiggāhakānaṃ vacanaṃ pucchāvasikaṃ, tadeva nikkhepasaddāpekkhāya pulliṅgavasena ‘‘pucchāvasiko’’ti vuttaṃ. Tathā aṭṭhuppatti eva aṭṭhuppattikoti evampettha attho veditabbo.

    อปิเจตฺถ ปเรสํ อินฺทฺริยปริปากาทิการณนิรเปกฺขตฺตา อตฺตชฺฌาสยสฺส วิสุํ สุตฺตนิเกฺขปภาโว ยุโตฺต เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว ธมฺมตนฺติฐปนตฺถํ ปวตฺติตเทสนตฺตาฯ ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ ปน ปเรสํ อชฺฌาสยปุจฺฉานํ เทสนาปวตฺติเหตุภูตานํ อุปฺปตฺติยํ ปวตฺติตานํ กถํ อฎฺฐุปฺปตฺติยํ อนวโรโธ, ปุจฺฉาวสิกอฎฺฐุปฺปตฺติกานํ วา ปรชฺฌาสยานุโรเธน ปวตฺติตานํ กถํ ปรชฺฌาสเย อนวโรโธติ? น โจเทตพฺพเมตํฯ ปเรสญฺหิ อภินีหารปริปุจฺฉาทิวินิมุตฺตเสฺสว สุตฺตเทสนาการณุปฺปาทสฺส อฎฺฐุปฺปตฺติภาเวน คหิตตฺตา ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ วิสุํ คหณํฯ ตถา หิ พฺรหฺมชาลธมฺมทายาทสุตฺตาทีนํ วณฺณาวณฺณอามิสุปฺปาทาทิเทสนานิมิตฺตํ ‘‘อฎฺฐุปฺปตฺตี’’ติ วุจฺจติฯ ปเรสํ ปุจฺฉํ วินา อชฺฌาสยํ เอว นิมิตฺตํ กตฺวา เทสิโต ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉาวเสน เอว เทสิโต ปุจฺฉาวสิโกติ ปากโฎวายมโตฺถติฯ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถติ ธมฺมตนฺติฐปนตฺถนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ทสพลสุตฺตนฺตหารโกติ ทสพลวเคฺค อนุปุเพฺพน นิกฺขิตฺตานํ สุตฺตานํ อาวลิ, ตถา จโนฺทปมหารกาทโยฯ

    Apicettha paresaṃ indriyaparipākādikāraṇanirapekkhattā attajjhāsayassa visuṃ suttanikkhepabhāvo yutto kevalaṃ attano ajjhāsayeneva dhammatantiṭhapanatthaṃ pavattitadesanattā. Parajjhāsayapucchāvasikānaṃ pana paresaṃ ajjhāsayapucchānaṃ desanāpavattihetubhūtānaṃ uppattiyaṃ pavattitānaṃ kathaṃ aṭṭhuppattiyaṃ anavarodho, pucchāvasikaaṭṭhuppattikānaṃ vā parajjhāsayānurodhena pavattitānaṃ kathaṃ parajjhāsaye anavarodhoti? Na codetabbametaṃ. Paresañhi abhinīhāraparipucchādivinimuttasseva suttadesanākāraṇuppādassa aṭṭhuppattibhāvena gahitattā parajjhāsayapucchāvasikānaṃ visuṃ gahaṇaṃ. Tathā hi brahmajāladhammadāyādasuttādīnaṃ vaṇṇāvaṇṇaāmisuppādādidesanānimittaṃ ‘‘aṭṭhuppattī’’ti vuccati. Paresaṃ pucchaṃ vinā ajjhāsayaṃ eva nimittaṃ katvā desito parajjhāsayo, pucchāvasena eva desito pucchāvasikoti pākaṭovāyamatthoti. Attano ajjhāsayeneva katheti dhammatantiṭhapanatthanti daṭṭhabbaṃ. Dasabalasuttantahārakoti dasabalavagge anupubbena nikkhittānaṃ suttānaṃ āvali, tathā candopamahārakādayo.

    วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา สทฺธินฺทฺริยาทโยฯ อชฺฌาสยนฺติ อธิมุตฺติํฯ ขนฺตินฺติ ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติํฯ มนนฺติ จิตฺตํฯ อภินีหารนฺติ ปณิธานํฯ พุชฺฌนภาวนฺติ พุชฺฌนสภาวํ, ปฎิวิชฺฌนาการํ วาฯ

    Vimuttiparipācanīyā dhammā saddhindriyādayo. Ajjhāsayanti adhimuttiṃ. Khantinti diṭṭhinijjhānakkhantiṃ. Mananti cittaṃ. Abhinīhāranti paṇidhānaṃ. Bujjhanabhāvanti bujjhanasabhāvaṃ, paṭivijjhanākāraṃ vā.

    อุคฺฆฎิตญฺญูติ อุคฺฆฎนํ นาม ญาณุคฺฆฎนํ, ญาเณน อุคฺฆฎิตมเตฺต เอว ธมฺมํ ชานาตีติ อโตฺถฯ วิปญฺจิตํ วิตฺถาริตเมว อตฺถํ ชานาตีติ วิปญฺจิตญฺญูฯ อุเทฺทสาทีหิ เนตโพฺพติ เนโยฺยฯ พฺยญฺชนปทํ ปรมํ อสฺสาติ ปทปรโมฯ สห อุทาหฎเวลายาติ อุทาหารธมฺมสฺส อุเทฺทเส อุทาหฎมเตฺต เอวฯ ธมฺมาภิสมโยติ จตุสจฺจธมฺมสฺส ญาเณน สทฺธิํ อภิสมาโยโคฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา’’ติอาทินา นเยน สํขิเตฺตน มาติกาย ฐปิยมานาย เทสนานุสาเรน ญาณํ เปเสตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิตุํ สมโตฺถ ปุคฺคโล ‘‘อุคฺฆฎิตญฺญู’’ติ วุจฺจติฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ สํขิเตฺตน มาติกํ ฐเปตฺวา วิตฺถาเรน อเตฺถ วิภชิยมาเน อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สมโตฺถ ปุคฺคโล ‘‘วิปญฺจิตญฺญู’’ติ วุจฺจติฯ อุเทฺทสโตติ อุเทฺทสเหตุ, อุทฺทิสนฺตสฺส อุทฺทิสาเปนฺตสฺส วาติ อโตฺถ, ‘‘อุทฺทิสโต’’ติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถฯ ปริปุจฺฉโตติ ปริปุจฺฉนฺตสฺสฯ อนุปุเพฺพน ธมฺมาภิสมโย โหตีติ อนุกฺกเมน อรหตฺตปฺปตฺติ โหติฯ น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหตีติ เตน อตฺตภาเวน มคฺคํ วา ผลํ วา อนฺตมโส ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา นิพฺพเตฺตตุํ น สโกฺกติฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ ปุคฺคโล พฺยญฺชนปทเมว ปรมํ กตฺวา ฐิตตฺตา ‘‘ปทปรโม’’ติ วุจฺจติฯ

    Ugghaṭitaññūti ugghaṭanaṃ nāma ñāṇugghaṭanaṃ, ñāṇena ugghaṭitamatte eva dhammaṃ jānātīti attho. Vipañcitaṃ vitthāritameva atthaṃ jānātīti vipañcitaññū. Uddesādīhi netabboti neyyo. Byañjanapadaṃ paramaṃ assāti padaparamo. Saha udāhaṭavelāyāti udāhāradhammassa uddese udāhaṭamatte eva. Dhammābhisamayoti catusaccadhammassa ñāṇena saddhiṃ abhisamāyogo. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ ‘‘cattāro satipaṭṭhānā’’tiādinā nayena saṃkhittena mātikāya ṭhapiyamānāya desanānusārena ñāṇaṃ pesetvā arahattaṃ gaṇhituṃ samattho puggalo ‘‘ugghaṭitaññū’’ti vuccati. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ saṃkhittena mātikaṃ ṭhapetvā vitthārena atthe vibhajiyamāne arahattaṃ pāpuṇituṃ samattho puggalo ‘‘vipañcitaññū’’ti vuccati. Uddesatoti uddesahetu, uddisantassa uddisāpentassa vāti attho, ‘‘uddisato’’tipi pāṭho, ayamevattho. Paripucchatoti paripucchantassa. Anupubbena dhammābhisamayo hotīti anukkamena arahattappatti hoti. Na tāya jātiyā dhammābhisamayo hotīti tena attabhāvena maggaṃ vā phalaṃ vā antamaso jhānaṃ vā vipassanaṃ vā nibbattetuṃ na sakkoti. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ puggalo byañjanapadameva paramaṃ katvā ṭhitattā ‘‘padaparamo’’ti vuccati.

    เอกจราติ วิเวกาภิรติยา เอกวิหาริโนฯ ทฺวิจราติ เทฺว เอกชฺฌาสยา หุตฺวา ญาณจริยาทิวเสน วิจรนฺตาฯ เอส นโย เสเสสุฯ สตฺตสุญฺญตาปกาสเนน สุญฺญตํฯ ตโต เอว สณฺหํ สุขุมํฯ ‘‘ปเรสํ อชฺฌาสยวเสน ภควา อิทํ สุตฺตํ อารภี’’ติ วตฺวา เต ปน ‘‘ปเร’’ติ วุตฺตปุคฺคลา อปริกมฺมิกา สุปริโสธิตปุพฺพภาคปฎิปทา จาติ ทุวิธา, ตทุภเยสุ สตฺถุ ปฎิปตฺติํ อุปมามุเขน ปกาเสโนฺต ยถา หีติอาทิมาหฯ รูปํ น สมุฎฺฐาเปติ ลิขนวเสน น อุปฺปาเทติฯ อกตาภินิเวสนฺติ วิปสฺสนาภาวนาย อกตานุโยคํฯ สีล…เป.… สมฺปทายาติ อสมาทินฺนสีลํ สีลสมฺปทาย, สุปริสุทฺธสีลํ สมาธิสมฺปทาย, อนุชุกตทิฎฺฐิชุกมฺมํ ทิฎฺฐิสมฺปทาย โยเชโนฺตติ โยชนาฯ

    Ekacarāti vivekābhiratiyā ekavihārino. Dvicarāti dve ekajjhāsayā hutvā ñāṇacariyādivasena vicarantā. Esa nayo sesesu. Sattasuññatāpakāsanena suññataṃ. Tato eva saṇhaṃ sukhumaṃ. ‘‘Paresaṃ ajjhāsayavasena bhagavā idaṃ suttaṃ ārabhī’’ti vatvā te pana ‘‘pare’’ti vuttapuggalā aparikammikā suparisodhitapubbabhāgapaṭipadā cāti duvidhā, tadubhayesu satthu paṭipattiṃ upamāmukhena pakāsento yathā hītiādimāha. Rūpaṃ na samuṭṭhāpeti likhanavasena na uppādeti. Akatābhinivesanti vipassanābhāvanāya akatānuyogaṃ. Sīla…pe… sampadāyāti asamādinnasīlaṃ sīlasampadāya, suparisuddhasīlaṃ samādhisampadāya, anujukatadiṭṭhijukammaṃ diṭṭhisampadāya yojentoti yojanā.

    นฺติ ยํ ปุพฺพภาคปฎิปทํ สนฺธายฯ สีลนฺติ จตุปาริสุทฺธิสีลํฯ ทิฎฺฐิ จาติ กมฺมสฺสกตาทิฎฺฐิ เจว กมฺมปถสมฺมาทิฎฺฐิ จฯ ติวิเธนาติ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา อชฺฌตฺตพหิทฺธาติ เอวํ วิสยภาวโต ติปฺปกาเรนฯ ยถาวุตฺตทิฎฺฐิวิสุทฺธิยา วิเสสปจฺจยํ สีลํเยว ภาวนาย อธิฎฺฐานนฺติ วุตฺตํ ‘‘สีลํ นิสฺสาย สีเล ปติฎฺฐายา’’ติฯ

    Yanti yaṃ pubbabhāgapaṭipadaṃ sandhāya. Sīlanti catupārisuddhisīlaṃ. Diṭṭhi cāti kammassakatādiṭṭhi ceva kammapathasammādiṭṭhi ca. Tividhenāti ajjhattaṃ bahiddhā ajjhattabahiddhāti evaṃ visayabhāvato tippakārena. Yathāvuttadiṭṭhivisuddhiyā visesapaccayaṃ sīlaṃyeva bhāvanāya adhiṭṭhānanti vuttaṃ ‘‘sīlaṃ nissāya sīle patiṭṭhāyā’’ti.

    สุธนฺตสุวณฺณํ อปคตสพฺพกาฬกํฯ จตุรสฺสาทิโธโต สุปริมชฺชิตมณิกฺขโนฺธฯ ปจฺจยธมฺมานํ อวิชฺชาทีนํ ตสฺส ตสฺส ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส เหตุปจฺจยาทิภาโว ปจฺจยากาโรฯ โส ปน อตฺถโต อวิชฺชา เอวาติ อาห ‘‘ปฎิจฺจสมุปฺปาทนฺติ ปจฺจยาการ’’นฺติฯ เตนาห ‘‘ปจฺจยากาโร หี’’ติอาทิฯ

    Sudhantasuvaṇṇaṃ apagatasabbakāḷakaṃ. Caturassādidhoto suparimajjitamaṇikkhandho. Paccayadhammānaṃ avijjādīnaṃ tassa tassa paccayuppannassa hetupaccayādibhāvo paccayākāro. So pana atthato avijjā evāti āha ‘‘paṭiccasamuppādanti paccayākāra’’nti. Tenāha ‘‘paccayākāro hī’’tiādi.

    กามํ โว-สโทฺท ปทปรฎฺฐิโต ปฎิโยคีอตฺถวิเสสวาจโก, นามปรภูโต ปน ตํ ตํ กตฺตุกมฺมกรณาทิสาธนวิสิฎฺฐเมว ปโพเธติ, หิ-นิปาตปรภูโต ปน วจนาลงฺการมตฺตเมวาติ อาห ‘‘โวติ…เป.… ทิสฺสตี’’ติฯ ตํเทสนนฺติ ตสฺส ปฎิจฺจสมุปฺปาทสฺส เทสนํฯ สา หิ อิธ ต-สเทฺทน ปจฺจามสียติฯ ‘‘สุณาถา’’ติ โสตวิเญฺญยฺยตาวจนโต น เกวลํ ปฎิจฺจสมุปฺปาโทฯ

    Kāmaṃ vo-saddo padaparaṭṭhito paṭiyogīatthavisesavācako, nāmaparabhūto pana taṃ taṃ kattukammakaraṇādisādhanavisiṭṭhameva pabodheti, hi-nipātaparabhūto pana vacanālaṅkāramattamevāti āha ‘‘voti…pe… dissatī’’ti. Taṃdesananti tassa paṭiccasamuppādassa desanaṃ. Sā hi idha ta-saddena paccāmasīyati. ‘‘Suṇāthā’’ti sotaviññeyyatāvacanato na kevalaṃ paṭiccasamuppādo.

    เอกตฺถเมตํ ปทํ ก-สเทฺทน ปทวฑฺฒนมตฺตสฺส กตตฺตา, ตสฺมา สาธุสทฺทสฺส กโต อตฺถุทฺธาโร สาธุกสทฺทสฺสปิ กโต เอว โหตีติ อธิปฺปาโยฯ สาธุ ภเนฺตติ ยาจามหํ ภเนฺตติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘อายาจเน’’ติฯ ปุน สาธุ ภเนฺตติ เอวํ ภเนฺตติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘สมฺปฎิจฺฉเน’’ติฯ สาธุ สาธูติ อโห อโหติ อยเมตฺถ อโตฺถติ วุตฺตํ ‘‘สมฺปหํสเน’’ติฯ สาธุ ธมฺมรุจีติ ปุญฺญกาโม สุนฺทโรติ อโตฺถฯ ปญฺญาณวาติ ปญฺญวาฯ อทฺทุโพฺภติ อทูสโกฯ ทฬฺหีกเมฺมติ ถิรีกรเณ สกฺกจฺจกิริยายํฯ อาณตฺติยนฺติ อาณาปเนฯ ‘‘สุณาถ สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติ หิ วุเตฺต สาธุกสเทฺทน สวนมนสิการานํ สกฺกจฺจกิริยา วิย ตทาณาปนมฺปิ วุตฺตํ โหติฯ อายาจนตฺถตา วิย จสฺส อาณาปนตฺถตา เวทิตพฺพาฯ

    Ekatthametaṃ padaṃ ka-saddena padavaḍḍhanamattassa katattā, tasmā sādhusaddassa kato atthuddhāro sādhukasaddassapi kato eva hotīti adhippāyo. Sādhu bhanteti yācāmahaṃ bhanteti ayamettha atthoti āha ‘‘āyācane’’ti. Puna sādhu bhanteti evaṃ bhanteti ayamettha atthoti āha ‘‘sampaṭicchane’’ti. Sādhu sādhūti aho ahoti ayamettha atthoti vuttaṃ ‘‘sampahaṃsane’’ti. Sādhu dhammarucīti puññakāmo sundaroti attho. Paññāṇavāti paññavā. Addubbhoti adūsako. Daḷhīkammeti thirīkaraṇe sakkaccakiriyāyaṃ. Āṇattiyanti āṇāpane. ‘‘Suṇātha sādhukaṃ manasi karothā’’ti hi vutte sādhukasaddena savanamanasikārānaṃ sakkaccakiriyā viya tadāṇāpanampi vuttaṃ hoti. Āyācanatthatā viya cassa āṇāpanatthatā veditabbā.

    อิทาเนตฺถ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพาติ สมฺพโนฺธฯ โสตินฺทฺริยวิเกฺขปนิวารณํ สวเน นิโยชนวเสน กิริยนฺตรปฎิเสธนภาวโต, โสตํ โอทหถาติ หิ อโตฺถฯ มนินฺทฺริยวิเกฺขปนิวารณํ อญฺญจินฺตาปฎิเสธนโตฯ ปุริมนฺติ ‘‘สุณาถา’’ติ ปทํฯ เอตฺถาติ ‘‘สุณาถ, มนสิ กโรถา’’ติ ปททฺวเย, เอตสฺมิํ วา อธิกาเรฯ พฺยญฺชนวิปลฺลาสคฺคาหนิวารณํ โสตทฺวาเร วิเกฺขปปฎิพาหกตฺตาฯ น หิ ยาถาวโต สุณนฺตสฺส สทฺทโต วิปลฺลาสคฺคาโห โหติฯ อตฺถวิปลฺลาสคฺคาหนิวารณํ มนินฺทฺริยวิเกฺขปปฎิพาหกตฺตาฯ น หิ สกฺกจฺจํ ธมฺมํ อุปธาเรนฺตสฺส อตฺถวิปลฺลาสคฺคาโห โหติฯ ธมฺมสฺสวเน นิโยเชติ ‘‘สุณาถา’’ติ วิทหนโตฯ ธารณูปปริกฺขาสูติ เอตฺถ อุปปริกฺขคฺคหเณเนว ตุลนตีรณาทิเก ทิฎฺฐิยา จ สุปฺปฎิเวธํ สงฺคณฺหาติฯ สพฺยญฺชโนติ เอตฺถ ยถาธิเปฺปตมตฺถํ พฺยญฺชยตีติ พฺยญฺชนํ, สภาวนิรุตฺติฯ สห พฺยญฺชเนหีติ สพฺยญฺชโน, พฺยญฺชนสมฺปโนฺนติ อโตฺถฯ อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต อโตฺถ, จตุปาริสุทฺธิสีลาทิโกฯ สห อเตฺถนาติ สาโตฺถ, อตฺถสมฺปโนฺนติ อโตฺถฯ ธมฺมคมฺภีโรติอาทีสุ ธโมฺม นาม ตนฺติฯ เทสนา นาม ตสฺสา มนสา ววตฺถปิตาย ตนฺติยา เทสนา กถนํฯ อโตฺถ นาม ตนฺติยา อโตฺถฯ ปฎิเวโธ นาม ตนฺติยา ตนฺติอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธฯ ยสฺมา เจเต ธมฺมเทสนาอตฺถปฎิเวธา สสาทีหิ วิย มหาสมุโทฺท มนฺทพุทฺธีหิ ทุโกฺขคาฬฺหา อลพฺภเนยฺยปติฎฺฐา จ, ตสฺมา คมฺภีราฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา อยํ ธโมฺม…เป.… สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติฯ

    Idānettha evaṃ yojanā veditabbāti sambandho. Sotindriyavikkhepanivāraṇaṃ savane niyojanavasena kiriyantarapaṭisedhanabhāvato, sotaṃ odahathāti hi attho. Manindriyavikkhepanivāraṇaṃ aññacintāpaṭisedhanato. Purimanti ‘‘suṇāthā’’ti padaṃ. Etthāti ‘‘suṇātha, manasi karothā’’ti padadvaye, etasmiṃ vā adhikāre. Byañjanavipallāsaggāhanivāraṇaṃ sotadvāre vikkhepapaṭibāhakattā. Na hi yāthāvato suṇantassa saddato vipallāsaggāho hoti. Atthavipallāsaggāhanivāraṇaṃ manindriyavikkhepapaṭibāhakattā. Na hi sakkaccaṃ dhammaṃ upadhārentassa atthavipallāsaggāho hoti. Dhammassavane niyojeti ‘‘suṇāthā’’ti vidahanato. Dhāraṇūpaparikkhāsūti ettha upaparikkhaggahaṇeneva tulanatīraṇādike diṭṭhiyā ca suppaṭivedhaṃ saṅgaṇhāti. Sabyañjanoti ettha yathādhippetamatthaṃ byañjayatīti byañjanaṃ, sabhāvanirutti. Saha byañjanehīti sabyañjano, byañjanasampannoti attho. Araṇīyato upagantabbato attho, catupārisuddhisīlādiko. Saha atthenāti sāttho, atthasampannoti attho. Dhammagambhīrotiādīsu dhammo nāma tanti. Desanā nāma tassā manasā vavatthapitāya tantiyā desanā kathanaṃ. Attho nāma tantiyā attho. Paṭivedho nāma tantiyā tantiatthassa ca yathābhūtāvabodho. Yasmā cete dhammadesanāatthapaṭivedhā sasādīhi viya mahāsamuddo mandabuddhīhi dukkhogāḷhā alabbhaneyyapatiṭṭhā ca, tasmā gambhīrā. Tena vuttaṃ ‘‘yasmā ayaṃ dhammo…pe… sādhukaṃ manasi karothā’’ti.

    เอตฺถ จ ปฎิเวธสฺส ทุกฺกรภาวโต ธมฺมตฺถานํ เทสนาญาณสฺส ทุกฺกรภาวโต เทสนาย ทุโกฺขคาหตา, ปฎิเวธสฺส ปน อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ตพฺพิสยญาณุปฺปตฺติยา จ ทุกฺกรภาวโต ทุโกฺขคาหตา เวทิตพฺพาฯ เทสนํ นาม อุทฺทิสนํ สเงฺขปทสฺสนสทิสํฯ ตถา หิ วิภงฺคสุเตฺต ‘‘เทเสสฺสามี’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘ภาสิสฺสามี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺส นิทฺทิสนํ ภาสนนฺติ อิธาธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘วิตฺถารโตปิ นํ ภาสิสฺสามีติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ ปริพฺยตฺตํ กถนํ วา ภาสนํ

    Ettha ca paṭivedhassa dukkarabhāvato dhammatthānaṃ desanāñāṇassa dukkarabhāvato desanāya dukkhogāhatā, paṭivedhassa pana uppādetuṃ asakkuṇeyyattā tabbisayañāṇuppattiyā ca dukkarabhāvato dukkhogāhatā veditabbā. Desanaṃ nāma uddisanaṃ saṅkhepadassanasadisaṃ. Tathā hi vibhaṅgasutte ‘‘desessāmī’’ti vatvā puna ‘‘bhāsissāmī’’ti vuttaṃ. Tassa niddisanaṃ bhāsananti idhādhippetanti āha ‘‘vitthāratopi naṃ bhāsissāmīti vuttaṃ hotī’’ti. Paribyattaṃ kathanaṃ vā bhāsanaṃ.

    สาฬิกายิว นิโคฺฆโสติ สาฬิกาย อาลาโป วิย มธุโร กณฺณสุโข เปมนีโยฯ ปฎิภานํ สโทฺทฯ อุทีรยีติ อุจฺจารียติ, วุจฺจตีติ อโตฺถฯ เอวํ วุเตฺต อุสฺสาหชาตาติ เอวํ ‘‘สุณาถ สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติ วุเตฺต ‘‘น กิร สตฺถา สเงฺขเปเนว เทเสสฺสติ, วิตฺถาเรนปิ ภาสิสฺสตี’’ติ สญฺชาตุสฺสาหา หฎฺฐตุฎฺฐา หุตฺวาฯ

    Sāḷikāyiva nigghosoti sāḷikāya ālāpo viya madhuro kaṇṇasukho pemanīyo. Paṭibhānaṃ saddo. Udīrayīti uccārīyati, vuccatīti attho. Evaṃ vutte ussāhajātāti evaṃ ‘‘suṇātha sādhukaṃ manasi karotha, bhāsissāmī’’ti vutte ‘‘na kira satthā saṅkhepeneva desessati, vitthārenapi bhāsissatī’’ti sañjātussāhā haṭṭhatuṭṭhā hutvā.

    กตโมติ ตสฺส ปทสฺส สามญฺญโต ปุจฺฉาภาโว ญายติ, น วิเสสโตติ ตสฺส ปุจฺฉาวิเสสภาวํ กเถโนฺต ‘‘กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา’’ติ วตฺวา เตเนว ปสเงฺคน มหานิเทฺทเส อาคตา สพฺพาปิ ปุจฺฉา อตฺถุทฺธารนเยน ทเสฺสติ ‘‘ปญฺจวิธา หิ ปุจฺฉา’’ติอาทินาฯ ตตฺถ อทิฎฺฐํ โชเตติ เอตายาติ อทิฎฺฐโชตนาฯ ทิฎฺฐํ สํสนฺทียติ เอตายาติ ทิฎฺฐสํสนฺทนาฯ สํสนฺทนเญฺจตฺถ สากจฺฉาวเสน วินิจฺฉยกรณํฯ วิมติํ ฉินฺทติ เอตายาติ วิมติเจฺฉทนาฯ อนุมติยา ปุจฺฉนํ อนุมติปุจฺฉาฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ ภิกฺขเว’’ติอาทิปุจฺฉาย หิ ‘‘กา ตุมฺหากํ อนุมตี’’ติ อนุมติ ปุจฺฉิตา โหติฯ กเถตุกมฺยตา กเถตุกมฺยตายฯ

    Katamoti tassa padassa sāmaññato pucchābhāvo ñāyati, na visesatoti tassa pucchāvisesabhāvaṃ kathento ‘‘kathetukamyatāpucchā’’ti vatvā teneva pasaṅgena mahāniddese āgatā sabbāpi pucchā atthuddhāranayena dasseti ‘‘pañcavidhā hi pucchā’’tiādinā. Tattha adiṭṭhaṃ joteti etāyāti adiṭṭhajotanā. Diṭṭhaṃ saṃsandīyati etāyāti diṭṭhasaṃsandanā. Saṃsandanañcettha sākacchāvasena vinicchayakaraṇaṃ. Vimatiṃ chindati etāyāti vimaticchedanā. Anumatiyā pucchanaṃ anumatipucchā. ‘‘Taṃ kiṃ maññatha bhikkhave’’tiādipucchāya hi ‘‘kā tumhākaṃ anumatī’’ti anumati pucchitā hoti. Kathetukamyatā kathetukamyatāya.

    ลกฺขณนฺติ ญาตุํ ปุจฺฉิโต โย โกจิ สภาโวฯ อญฺญาตนฺติ เยน เกนจิ ญาเณน อญฺญาตภาวมาหฯ อทิฎฺฐนฺติ ทสฺสนภูเตน ญาเณน จกฺขุนา วิย น ทิฎฺฐตํฯ อตุลิตนฺติ ‘‘เอตฺตกํ อิท’’นฺติ ตุลนภูเตน ญาเณน น ตุลิตตํฯ อตีริตนฺติ ตีรณภูเตน ญาเณน อกตญาณกิริยาสมาปนตํฯ อวิภูตนฺติ ญาณสฺส อปากฎภาวํฯ อวิภาวิตนฺติ ญาเณน อปากฎีกตภาวํฯ

    Lakkhaṇanti ñātuṃ pucchito yo koci sabhāvo. Aññātanti yena kenaci ñāṇena aññātabhāvamāha. Adiṭṭhanti dassanabhūtena ñāṇena cakkhunā viya na diṭṭhataṃ. Atulitanti ‘‘ettakaṃ ida’’nti tulanabhūtena ñāṇena na tulitataṃ. Atīritanti tīraṇabhūtena ñāṇena akatañāṇakiriyāsamāpanataṃ. Avibhūtanti ñāṇassa apākaṭabhāvaṃ. Avibhāvitanti ñāṇena apākaṭīkatabhāvaṃ.

    ปญฺจสุ ปุจฺฉาสุ ยา พุทฺธานํ สพฺพโต น สนฺติ, ตา ทเสฺสตฺวา อิธาธิเปฺปตปุจฺฉํ นิคเมตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ ยทิ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท ปจฺจยากาโร, อถ กสฺมา ภควตา ปฎิจฺจสมุปฺปาทเทสนาย สงฺขาราทโย ปจฺจยุปฺปนฺนา กถิตาติ อาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิฯ ปจฺจยุปฺปนฺนมฺปิ กเถติ ปจฺจยุปฺปนฺนทสฺสเนน ปจฺจยธมฺมานํ ปจฺจยภาวสฺส กถิตภาวโตฯ อาหารวคฺคสฺสาติอาทิ ‘‘ปจฺจยากาโร ปฎิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ‘‘สมฺภวนฺตี’’ติ ปาฬิยํ ปรโต วุตฺตํ กิริยาปทํ อาเนตฺวา โยเชติ, อญฺญถา สงฺขารา กิํ กตาติ วา กโรนฺตีติ วา น ญาเยยฺยฯ ปวตฺติยา อนุโลมโต ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา’’ติอาทิกา อนุโลมปฎิจฺจสมุปฺปาทกถา

    Pañcasu pucchāsu yā buddhānaṃ sabbato na santi, tā dassetvā idhādhippetapucchaṃ nigametuṃ ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ. Taṃ suviññeyyameva. Yadi paṭiccasamuppādo paccayākāro, atha kasmā bhagavatā paṭiccasamuppādadesanāya saṅkhārādayo paccayuppannā kathitāti āha ‘‘ettha cā’’tiādi. Paccayuppannampi katheti paccayuppannadassanena paccayadhammānaṃ paccayabhāvassa kathitabhāvato. Āhāravaggassātiādi ‘‘paccayākāro paṭiccasamuppādo’’ti dassanatthaṃ vuttaṃ. ‘‘Sambhavantī’’ti pāḷiyaṃ parato vuttaṃ kiriyāpadaṃ ānetvā yojeti, aññathā saṅkhārā kiṃ katāti vā karontīti vā na ñāyeyya. Pavattiyā anulomato ‘‘avijjāpaccayā’’tiādikā anulomapaṭiccasamuppādakathā.

    ‘‘อวิชฺชาย เตฺววา’’ติอาทิกา ปน ตสฺส วิโลมโต ปฎิโลมกถาฯ อจฺจนฺตเมว สงฺขาเร วิรชฺชติ เอเตนาติ วิราโค, มโคฺคฯ อเสสนิโรธาติ อเสเสตฺวา นิโรธา สมุจฺฉินฺทนาฯ เอวํ นิโรธานนฺติ เอวํ อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุทฺธานํ สงฺขารานํ นิโรธาฯ อิติ อวิชฺชาทีนํ นิโรธวจเนน อรหตฺตํ วทติฯ สกลสฺสาติ อนวเสสสฺสฯ สตฺตวิรหิตสฺสาติ ปรปริกปฺปิตชีวรหิตสฺสฯ วินิวเตฺตตฺวาติ อนุปฺปาทนิโรธทสฺสนวเสน วิปริวเตฺตตฺวาฯ

    ‘‘Avijjāya tvevā’’tiādikā pana tassa vilomato paṭilomakathā. Accantameva saṅkhāre virajjati etenāti virāgo, maggo. Asesanirodhāti asesetvā nirodhā samucchindanā. Evaṃ nirodhānanti evaṃ anuppādanirodhena niruddhānaṃ saṅkhārānaṃ nirodhā. Iti avijjādīnaṃ nirodhavacanena arahattaṃ vadati. Sakalassāti anavasesassa. Sattavirahitassāti paraparikappitajīvarahitassa. Vinivattetvāti anuppādanirodhadassanavasena viparivattetvā.

    อตฺตมนาติ ปีติโสมนเสฺสน คหิตจิตฺตาฯ ตถาภูตา จ หฎฺฐจิตฺตา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘ตุฎฺฐจิตฺตา’’ติฯ ‘‘ตสฺส วจนํ อภินนฺทิตพฺพ’’นฺติ เอตฺถ อภินนฺทนสโทฺท อนุโมทนโตฺถฯ ‘‘อภินนฺทิตฺวา’’ติ เอตฺถ สมฺปฎิจฺฉนโตฺถฯ อิธ ปน อุภยโตฺถปิ วฎฺฎตีติ อาห ‘‘อนุโมทิํสุ เจว สมฺปฎิจฺฉิํสุ จา’’ติฯ

    Attamanāti pītisomanassena gahitacittā. Tathābhūtā ca haṭṭhacittā nāma hontīti āha ‘‘tuṭṭhacittā’’ti. ‘‘Tassa vacanaṃ abhinanditabba’’nti ettha abhinandanasaddo anumodanattho. ‘‘Abhinanditvā’’ti ettha sampaṭicchanattho. Idha pana ubhayatthopi vaṭṭatīti āha ‘‘anumodiṃsu ceva sampaṭicchiṃsu cā’’ti.

    ปฎิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭiccasamuppādasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. ปฎิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตํ • 1. Paṭiccasamuppādasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. ปฎิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตวณฺณนา • 1. Paṭiccasamuppādasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact