Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā |
๖. ปฎิจฺจสมุปฺปาทวิภโงฺค
6. Paṭiccasamuppādavibhaṅgo
๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ
1. Suttantabhājanīyaṃ
อุเทฺทสวารวณฺณนา
Uddesavāravaṇṇanā
๒๒๕. ‘‘วุตฺตตฺตา’’ติ อิทํ นิสฺสกฺกํ กิํ ลกฺขณํ? เหตุลกฺขณํฯ ยทิ เอวํ ตํเหตุโก วิภชฺชวาทิภาโว อาปชฺชติฯ น หิ โมคฺคลิปุตฺตติสฺสเตฺถเรน วุตฺตตฺตา พุทฺธสาวกา วิภชฺชวาทิโน อเหสุนฺติ? นยิทเมวํฯ ติวิโธ หิ เหตุ ญาปโก, การโก, สมฺปาปโกติฯ เตสุ ญาปกเหตุ อิธาธิเปฺปโต, ตสฺมา เตน มหาเถเรน ‘‘กิํ วาที, ภเนฺต, สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติ ปุเฎฺฐน ‘‘วิภชฺชวาที, มหาราชา’’ติ ตทา วุตฺตวจเนน ญายติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสาวกา วิภชฺชวาทิโน’’ติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ กิํ…เป.… วุตฺตตฺตา…เป.… วิภชฺชวาทิโน’’ติฯ ‘‘อหญฺหิ, พฺราหฺมณ, วินยาย ธมฺมํ เทเสมิ ราคสฺสา’’ติอาทิํ วตฺวา ‘‘โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสี’’ติอาทินา (ปารา. ๕-๙) เวรญฺชพฺราหฺมณสฺส ภควตา เวนยิกาทิภาโว วิภชฺช วุโตฺตติ ตํ อนุวทนฺตา สาวกาปิ ตถา วทนฺตีติ อาห ‘‘เต หิ เวนยิกาทิภาวํ วิภชฺช วทนฺตี’’ติฯ จีวราทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน โสมนสฺสาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ตานิปิ หิ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพภาเวน วิภชฺช วุตฺตานิฯ วิภชฺชวาทิปริสา วิภชฺชวาทิมณฺฑลนฺติ เอตสฺมิํ อเตฺถ ยถา ตํ โอติโณฺณ นาม โหติ, ตํทสฺสนตฺถํ ‘‘อาจริเย อนพฺภาจิกฺขเนฺตนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สกสมยาโวกฺกมาทิ หิ ปรมตฺถโต ตโทตาโรฯ ‘‘อสํกิลิฎฺฐาปิ อวิชฺชา อตฺถิ อมคฺควชฺฌา, ยาย นิวุตา ขีณาสวาปิ นามโคตฺตาทีสุ เอกจฺจํ น ชานนฺติ, สา กุสลจิตฺตุปฺปาเทสุปิ ปวตฺตตี’’ติ นิกายนฺตริยาฯ ตํ สนฺธายาห ‘‘อวิชฺชา ปุญฺญาเนญฺชาภิสงฺขารานํ เหตุปจฺจโย โหตีติอาทิํ วทโนฺต’’ติฯ อุปลกฺขณเญฺหตํ สหชาตโกฎิยาฯ อาทิ-สเทฺทน อกุสลจิเตฺตนปิ ญาณํ อุปฺปชฺชติ, ยา สํกิลิฎฺฐา ปญฺญาติ, อเจตสิกํ สีลํ, อวิญฺญตฺติสงฺขาตํ รูปภาวํ ทุสฺสิลฺยนฺติ เอวมาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ปรสมยายูหนํ ปรสมเย พฺยาปาราปตฺติยาฯ โย ตตฺถ สกสมเยน วิรุโทฺธ อโตฺถ, ตสฺส วา ทีปเนน สิยา, ปรสมเย วาทาโรปเนน วา ฯ เตสุ ปุริมํ ‘‘อาจริเย อนพฺภาจิกฺขเนฺตนา’’ติ อิมินา อปนีตนฺติ อิตรํ ทเสฺสติ ‘‘ปรสมยํ…เป.… อนายูหเนฺตนา’’ติฯ อสมฺปิเณฺฑเนฺตนาติ อุปจยตฺถํ สนฺธาย วทนฺติฯ อายูหน-สโทฺท ปน อุปจยโตฺถ น โหตีติ เกจิวาโท น สารโต คเหตโพฺพฯ
225. ‘‘Vuttattā’’ti idaṃ nissakkaṃ kiṃ lakkhaṇaṃ? Hetulakkhaṇaṃ. Yadi evaṃ taṃhetuko vibhajjavādibhāvo āpajjati. Na hi moggaliputtatissattherena vuttattā buddhasāvakā vibhajjavādino ahesunti? Nayidamevaṃ. Tividho hi hetu ñāpako, kārako, sampāpakoti. Tesu ñāpakahetu idhādhippeto, tasmā tena mahātherena ‘‘kiṃ vādī, bhante, sammāsambuddho’’ti puṭṭhena ‘‘vibhajjavādī, mahārājā’’ti tadā vuttavacanena ñāyati ‘‘sammāsambuddhasāvakā vibhajjavādino’’ti imamatthaṃ dasseti kiṃ…pe… vuttattā…pe… vibhajjavādino’’ti. ‘‘Ahañhi, brāhmaṇa, vinayāya dhammaṃ desemi rāgassā’’tiādiṃ vatvā ‘‘no ca kho yaṃ tvaṃ sandhāya vadesī’’tiādinā (pārā. 5-9) verañjabrāhmaṇassa bhagavatā venayikādibhāvo vibhajja vuttoti taṃ anuvadantā sāvakāpi tathā vadantīti āha ‘‘te hi venayikādibhāvaṃ vibhajja vadantī’’ti. Cīvarādīnanti ādi-saddena somanassādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Tānipi hi sevitabbāsevitabbabhāvena vibhajja vuttāni. Vibhajjavādiparisā vibhajjavādimaṇḍalanti etasmiṃ atthe yathā taṃ otiṇṇo nāma hoti, taṃdassanatthaṃ ‘‘ācariye anabbhācikkhantenā’’tiādi vuttaṃ. Sakasamayāvokkamādi hi paramatthato tadotāro. ‘‘Asaṃkiliṭṭhāpi avijjā atthi amaggavajjhā, yāya nivutā khīṇāsavāpi nāmagottādīsu ekaccaṃ na jānanti, sā kusalacittuppādesupi pavattatī’’ti nikāyantariyā. Taṃ sandhāyāha ‘‘avijjā puññāneñjābhisaṅkhārānaṃ hetupaccayo hotītiādiṃ vadanto’’ti. Upalakkhaṇañhetaṃ sahajātakoṭiyā. Ādi-saddena akusalacittenapi ñāṇaṃ uppajjati, yā saṃkiliṭṭhā paññāti, acetasikaṃ sīlaṃ, aviññattisaṅkhātaṃ rūpabhāvaṃ dussilyanti evamādiṃ saṅgaṇhāti. Parasamayāyūhanaṃ parasamaye byāpārāpattiyā. Yo tattha sakasamayena viruddho attho, tassa vā dīpanena siyā, parasamaye vādāropanena vā . Tesu purimaṃ ‘‘ācariye anabbhācikkhantenā’’ti iminā apanītanti itaraṃ dasseti ‘‘parasamayaṃ…pe… anāyūhantenā’’ti. Asampiṇḍentenāti upacayatthaṃ sandhāya vadanti. Āyūhana-saddo pana upacayattho na hotīti kecivādo na sārato gahetabbo.
ตพฺพิปริยาเยนาติ ยถาวินยํ อวฎฺฐาเนนฯ สาวชฺชสฺส อนวชฺชตาทีปนาทินา กมฺมนฺตรํ ภินฺทโนฺต วินาเสโนฺต, อาโลเฬโนฺต วา ธมฺมตํ ธมฺมสภาวํ วิโลเมติ วิปรีตโต ทหติฯ มหาปเทเสติ มหาอปเทเส, พุทฺธาทโย มหเนฺต มหเนฺต อปทิสิตฺวา วุตฺตานิ มหาการณานิฯ มหาปเทเสติ วา มหาโอกาเส, มหนฺตานิ ธมฺมสฺส ปติฎฺฐานฎฺฐานานีติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺรายํ วจนโตฺถ – อปทิสียตีติ อปเทโส, พุโทฺธ อปเทโส เอตสฺสาติ พุทฺธาปเทโสฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ อตฺถโต จายํ มหาปเทโส ‘‘สมฺมุขา เมตํ ภควโต สุต’’นฺติอาทินา เกนจิ อาภตสฺส ‘‘ธโมฺม’’ติ วา ‘‘อธโมฺม’’ติ วา วินิจฺฉยเน การณํฯ กิํ ปน ตนฺติ? ตสฺส ยถาภตสฺส สุโตฺตตรณาทิ เอวฯ ยทิ เอวํ กถํ จตฺตาโรติ? ธมฺมสฺส เทฺว สมฺปทาโย ภควา, สาวกา จฯ เตสุ สาวกา สงฺฆคณปุคฺคลวเสน ติวิธาฯ เอวํ ‘‘อมุมฺหา มยา อยํ ธโมฺม ปฎิคฺคหิโต’’ติ อปทิสิตพฺพานํ เภเทน จตฺตาโรฯ เตนาห ‘‘สมฺมุขา เมตํ ภควโต สุต’’นฺติอาทิฯ เนตฺติยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘พุทฺธาปเทโส สงฺฆาปเทโส สมฺพหุลเตฺถราปเทโส เอกเตฺถราปเทโส’’ติฯ
Tabbipariyāyenāti yathāvinayaṃ avaṭṭhānena. Sāvajjassa anavajjatādīpanādinā kammantaraṃ bhindanto vināsento, āloḷento vā dhammataṃ dhammasabhāvaṃ vilometi viparītato dahati. Mahāpadeseti mahāapadese, buddhādayo mahante mahante apadisitvā vuttāni mahākāraṇāni. Mahāpadeseti vā mahāokāse, mahantāni dhammassa patiṭṭhānaṭṭhānānīti vuttaṃ hoti. Tatrāyaṃ vacanattho – apadisīyatīti apadeso, buddho apadeso etassāti buddhāpadeso. Esa nayo sesesupi. Atthato cāyaṃ mahāpadeso ‘‘sammukhā metaṃ bhagavato suta’’ntiādinā kenaci ābhatassa ‘‘dhammo’’ti vā ‘‘adhammo’’ti vā vinicchayane kāraṇaṃ. Kiṃ pana tanti? Tassa yathābhatassa suttotaraṇādi eva. Yadi evaṃ kathaṃ cattāroti? Dhammassa dve sampadāyo bhagavā, sāvakā ca. Tesu sāvakā saṅghagaṇapuggalavasena tividhā. Evaṃ ‘‘amumhā mayā ayaṃ dhammo paṭiggahito’’ti apadisitabbānaṃ bhedena cattāro. Tenāha ‘‘sammukhā metaṃ bhagavato suta’’ntiādi. Nettiyampi vuttaṃ ‘‘buddhāpadeso saṅghāpadeso sambahulattherāpadeso ekattherāpadeso’’ti.
สุตฺตสุตฺตานุโลมอาจริยวาทอตฺตโนมติมหาปเทเสติ เอตฺถ ติโสฺส สงฺคีติโย อารุฬฺหานิ ตีณิ ปิฎกานิ อตฺถสูจนาทิอเตฺถน สุตฺตํฯ ยถาวุตฺตสฺส สุตฺตสฺส อนุโลมโต ยถาวุตฺตา เอว จตฺตาโร มหาปเทสา สุตฺตานุโลมํฯ ปาฬิยา อตฺถคาหเณน ธมฺมตายํ ปติฎฺฐาปนโต อฎฺฐกถา อาจริยวาโทฯ นยคฺคาเหน อนุพุทฺธิยา อตฺตโน ปฎิภานํ อตฺตโนมติฯ เอตฺถ จ สุตฺตอาจริยวาทอตฺตโนมตีนมฺปิ เกนจิ อาภตสฺส ธมฺมาธมฺมาทิภาววินิจฺฉยเน การณภาวสภาวโต มหาปเทสตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ สนฺติฎฺฐติ อปฺปฎิพาหโนฺต, อวิโลเมโนฺต จฯ ตพฺพิปริยาเยน อติธาวติฯ เอกสฺส ปทสฺส เอเกน ปกาเรน อตฺถํ วตฺวา ตเสฺสว ปุน ปการนฺตเรน อตฺถํ วทโนฺต วา อปเรหิ ปริยาเยหิ นิทฺทิสติ นาม ยถา ‘‘อวิชฺชา ทุกฺขสจฺจสฺส ยาถาวสรสลกฺขณํ ปฎิวิชฺฌิตุํ น เทตี’’ติอาทิํ วตฺวา ปุน ‘‘อยํ อวิชฺชา ทุกฺขาทีสุ อญฺญาณ’’นฺติ วุตฺตาปิ ‘‘ทุกฺขสจฺจสฺส เอกเทโส โหตี’’ติอาทิวจนํฯ อถ วา เหตุภาเวน วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปุน ผลภาเวน วจนํ ตเมวตฺถํ ปุนราวเตฺตตฺวา นิทฺทิสนํ ยถา ‘‘วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ วตฺวา ปุน ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ วจนํฯ อถ วา ‘‘สพฺพเมตํ ภวจกฺกํ กมฺมเญฺจว วิปาโก จฯ กิเลสกมฺมวิปากวเสน ติวิธ’’นฺติ จ อาทินา วุตฺตเสฺสวตฺถสฺส ทุวิธติวิธาทิวิภาคทสฺสนํ ตเมวตฺถํ ปุนราวเตฺตตฺวา นิทฺทิสนนฺติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Suttasuttānulomaācariyavādaattanomatimahāpadeseti ettha tisso saṅgītiyo āruḷhāni tīṇi piṭakāni atthasūcanādiatthena suttaṃ. Yathāvuttassa suttassa anulomato yathāvuttā eva cattāro mahāpadesā suttānulomaṃ. Pāḷiyā atthagāhaṇena dhammatāyaṃ patiṭṭhāpanato aṭṭhakathā ācariyavādo. Nayaggāhena anubuddhiyā attano paṭibhānaṃ attanomati. Ettha ca suttaācariyavādaattanomatīnampi kenaci ābhatassa dhammādhammādibhāvavinicchayane kāraṇabhāvasabhāvato mahāpadesatā vuttāti veditabbā. Santiṭṭhati appaṭibāhanto, avilomento ca. Tabbipariyāyena atidhāvati. Ekassa padassa ekena pakārena atthaṃ vatvā tasseva puna pakārantarena atthaṃ vadanto vā aparehi pariyāyehi niddisati nāma yathā ‘‘avijjā dukkhasaccassa yāthāvasarasalakkhaṇaṃ paṭivijjhituṃ na detī’’tiādiṃ vatvā puna ‘‘ayaṃ avijjā dukkhādīsu aññāṇa’’nti vuttāpi ‘‘dukkhasaccassa ekadeso hotī’’tiādivacanaṃ. Atha vā hetubhāvena vuttassa atthassa puna phalabhāvena vacanaṃ tamevatthaṃ punarāvattetvā niddisanaṃ yathā ‘‘viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti vatvā puna ‘‘nāmarūpapaccayā saḷāyatana’’nti vacanaṃ. Atha vā ‘‘sabbametaṃ bhavacakkaṃ kammañceva vipāko ca. Kilesakammavipākavasena tividha’’nti ca ādinā vuttassevatthassa duvidhatividhādivibhāgadassanaṃ tamevatthaṃ punarāvattetvā niddisananti evamettha attho veditabbo.
สตฺตโวหาโรติ ‘‘สโตฺต’’ติ สมญฺญาฯ เย หิ ธเมฺม สมูหภูเต สนฺตานวเสน วตฺตมาเน อุปาทาย สตฺตปญฺญตฺติ, ตสฺสา ตโต อญฺญถานาญฺญถาอจฺจนฺตาภาวสงฺขาเต อเนฺต อนุปคมฺม ยาถาวโต สงฺคหณํ, โพธนญฺจ ธมฺมตายํ อกุสลสฺส ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวนฺติฯ อวิชฺชาทิกสฺส ปจฺจยธมฺมสฺส สงฺขาราทิปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมํ ปติ เหตุอาทินา ปจฺจเยน ปจฺจยภาโว ปจฺจยากาโร, ปฎิจฺจสมุปฺปาโทติ อโตฺถฯ
Sattavohāroti ‘‘satto’’ti samaññā. Ye hi dhamme samūhabhūte santānavasena vattamāne upādāya sattapaññatti, tassā tato aññathānāññathāaccantābhāvasaṅkhāte ante anupagamma yāthāvato saṅgahaṇaṃ, bodhanañca dhammatāyaṃ akusalassa dukkaraṃ durabhisambhavanti. Avijjādikassa paccayadhammassa saṅkhārādipaccayuppannadhammaṃ pati hetuādinā paccayena paccayabhāvo paccayākāro, paṭiccasamuppādoti attho.
วุตฺตนเยนาติ ‘‘อาจริเย อนพฺภาจิกฺขเนฺตนา’’ติอาทินา วุตฺตนเยนฯ กามเญฺจตฺถ สพฺพาปิ อตฺถวณฺณนา อิมินาว นเยน กาตพฺพา, ปฎิจฺจสมุปฺปาทวณฺณนาย ปน ครุตรภาวํ ทเสฺสโนฺต เอวํ วทติฯ
Vuttanayenāti ‘‘ācariye anabbhācikkhantenā’’tiādinā vuttanayena. Kāmañcettha sabbāpi atthavaṇṇanā imināva nayena kātabbā, paṭiccasamuppādavaṇṇanāya pana garutarabhāvaṃ dassento evaṃ vadati.
ปาฬิธมฺมนฺติ เตปิฎกพุทฺธวจนํฯ ปฎิจฺจสมุปฺปาทนฺติ ปฎิจฺจสมุปฺปาทปาฬิํฯ
Pāḷidhammanti tepiṭakabuddhavacanaṃ. Paṭiccasamuppādanti paṭiccasamuppādapāḷiṃ.
อตฺถํ กตฺวาติ หิตํ กตฺวาฯ ยถายํ หิตาวโห โหติ, เอวํ กตฺวาฯ อฎฺฐิํ กตฺวาติ วา อตฺตานํ อตฺถิกํ กตฺวาฯ สุตจินฺตามยาทิํ ญาณวิเสสํฯ ตทงฺควิกฺขมฺภนาทินา กิเลสกฺขยวิเสสํฯ
Atthaṃ katvāti hitaṃ katvā. Yathāyaṃ hitāvaho hoti, evaṃ katvā. Aṭṭhiṃ katvāti vā attānaṃ atthikaṃ katvā. Sutacintāmayādiṃ ñāṇavisesaṃ. Tadaṅgavikkhambhanādinā kilesakkhayavisesaṃ.
ภวาทีสุ อาทีนวปฺปฎิจฺฉาทนโต, พลวูปนิสฺสยโต, กมฺมสฺส วิเสสเหตุภาวโต จ วฎฺฎสฺส มูลการณํ อวิชฺชาฯ วิปากวฎฺฎนิมิตฺตสฺส กมฺมวฎฺฎสฺส การณภูตมฺปิ กิเลสวฎฺฎํ อวิชฺชามูลกนฺติ ทสฺสนตฺถํ อวิชฺชา อาทิโต วุตฺตาฯ ตณฺหาปิ หิ อวิชฺชาย ปฎิจฺฉาทิตาทีนเว เอว วิสเย อสฺสาทานุปสฺสิโน ปวตฺตติ, น อญฺญถาฯ มูลาทิทสฺสนสามญฺญญฺจาติ วลฺลิยา มูลมชฺฌปริโยสานสฺส ทสฺสเนน ปฎิจฺจสมุปฺปาทสฺส ตํทสฺสนสามญฺญญฺจ โยเชตพฺพํ, สมนฺตจกฺขุนา สพฺพสฺส ทิฎฺฐเตฺตปิ เทสนากาเล เทสนาญาณจกฺขุนา โพเธตพฺพตาวเสน เอกเทสทสฺสนสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ
Bhavādīsu ādīnavappaṭicchādanato, balavūpanissayato, kammassa visesahetubhāvato ca vaṭṭassa mūlakāraṇaṃ avijjā. Vipākavaṭṭanimittassa kammavaṭṭassa kāraṇabhūtampi kilesavaṭṭaṃ avijjāmūlakanti dassanatthaṃ avijjā ādito vuttā. Taṇhāpi hi avijjāya paṭicchāditādīnave eva visaye assādānupassino pavattati, na aññathā. Mūlādidassanasāmaññañcāti valliyā mūlamajjhapariyosānassa dassanena paṭiccasamuppādassa taṃdassanasāmaññañca yojetabbaṃ, samantacakkhunā sabbassa diṭṭhattepi desanākāle desanāñāṇacakkhunā bodhetabbatāvasena ekadesadassanassa adhippetattā.
ทิฎฺฐิสหิตาย มานสหิตาย วา ตณฺหาย ‘‘อห’’นฺติ, อิตราย ‘‘มม’’นฺติ อภิวทโตฯ ‘‘อภินนฺทนโต’’ติ หิ อิมินา สปฺปีติกาย ตณฺหาย ปวตฺติ ทสฺสิตาฯ ‘‘อภิวทโต’’ติ อิมินา ตโต พลวตราย ทิฎฺฐิสหิตาย มานสหิตาย วาฯ ‘‘อโชฺฌสาย ติฎฺฐโต’’ติ อิมินา ปน ตโตปิ พลวตมาย ทิฎฺฐิสหิตาย, เกวลาย วา ตณฺหาย ปวตฺติ ทสฺสิตาฯ คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐาเปตฺวา ฐานญฺหิ อโชฺฌสานํฯ ตปฺปจฺจยนฺติ ตณฺหาปจฺจยํฯ กถํ ปน นนฺทิวจเนน จตุพฺพิธมฺปิ อุปาทานํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘นนฺทิตา’’ติอาทิฯ ตตฺถ นนฺทิตาตทวิปฺปโยคตาหีติ นนฺทิภาเวน สภาวโต ตณฺหุปาทานํ, ตาย นนฺทิยา ตณฺหาย อวิปฺปโยเคน อวินาภาเวน ทิฎฺฐุปาทานํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ‘‘ทิฎฺฐาภินนฺทนภาเวนา’’ติ อิมินา ทิฎฺฐิยาปิ นนฺทิภาวมาหฯ
Diṭṭhisahitāya mānasahitāya vā taṇhāya ‘‘aha’’nti, itarāya ‘‘mama’’nti abhivadato. ‘‘Abhinandanato’’ti hi iminā sappītikāya taṇhāya pavatti dassitā. ‘‘Abhivadato’’ti iminā tato balavatarāya diṭṭhisahitāya mānasahitāya vā. ‘‘Ajjhosāya tiṭṭhato’’ti iminā pana tatopi balavatamāya diṭṭhisahitāya, kevalāya vā taṇhāya pavatti dassitā. Gilitvā pariniṭṭhāpetvā ṭhānañhi ajjhosānaṃ. Tappaccayanti taṇhāpaccayaṃ. Kathaṃ pana nandivacanena catubbidhampi upādānaṃ vuttanti āha ‘‘nanditā’’tiādi. Tattha nanditātadavippayogatāhīti nandibhāvena sabhāvato taṇhupādānaṃ, tāya nandiyā taṇhāya avippayogena avinābhāvena diṭṭhupādānaṃ vuttanti veditabbaṃ. ‘‘Diṭṭhābhinandanabhāvenā’’ti iminā diṭṭhiyāpi nandibhāvamāha.
ปฎิสนฺธิปวตฺติผสฺสาทโยติ ปฎิสนฺธิยํ ปวเตฺต จ อุปฺปนฺนผสฺสมโนสเญฺจตนาวิญฺญาณานิฯ ‘‘วิปากวฎฺฎภูเต’’ติ จ อิทํ ปวตฺตวิเสสนํ ทฎฺฐพฺพํฯ วฎฺฎูปตฺถมฺภกาติ วฎฺฎตฺตยูปนิสฺสยาฯ อิตเรติ อกมฺมชาฯ ตสฺมินฺติ ยถาวุเตฺต อาหารจตุเกฺกฯ วตฺตุํ วฎฺฎนฺตีติ ตณฺหานิทานูปนิสฺสยโต ‘‘ตณฺหานิทานา’’ติ วตฺตุํ ยุชฺชนฺติฯ
Paṭisandhipavattiphassādayoti paṭisandhiyaṃ pavatte ca uppannaphassamanosañcetanāviññāṇāni. ‘‘Vipākavaṭṭabhūte’’ti ca idaṃ pavattavisesanaṃ daṭṭhabbaṃ. Vaṭṭūpatthambhakāti vaṭṭattayūpanissayā. Itareti akammajā. Tasminti yathāvutte āhāracatukke. Vattuṃ vaṭṭantīti taṇhānidānūpanissayato ‘‘taṇhānidānā’’ti vattuṃ yujjanti.
ยถา อริยมโคฺค อนฺตทฺวยวชฺชิตมชฺฌิมปฎิปทาภาวโต ‘‘ญาโย’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ปฎิจฺจสมุปฺปาโทปีติ อาห ‘‘ญาโยติ มโคฺค, โสเยว วา ปฎิจฺจสมุปฺปาโท’’ติฯ อตฺตโน ปฎิเวธาย สํวตฺตติ อสโมฺมหปฎิเวเธน ปฎิวิชฺฌิตพฺพตฺตาฯ สํวตฺตตีติ จ นิมิตฺตสฺส กตฺตูปจารวเสเนตํ วุตฺตํ ยถา ‘‘อริยภาวกรานิ สจฺจานิ อริยสจฺจานี’’ติฯ ปกติอาทโย เหฎฺฐา สจฺจวิภเงฺค เหตุวิปฺปฎิปตฺติกถายํ ทสฺสิตา เอวฯ อการณํ ‘‘การณ’’นฺติ คณฺหนฺติ ยถา กาปิลาทโยฯ น กิญฺจิ การณํ พุชฺฌนฺติ ยถา ตํ อเญฺญ พาลปุถุชฺชนาฯ อิตราสนฺติ มชฺฌโต ปฎฺฐาย ยาว ปริโยสานา เทสนาทีนํ ติสฺสนฺนํฯ ตทตฺถตาสมฺภเวปีติ ยถาสเกหิ การเณหิ ปวตฺติทสฺสนตฺถตาสมฺภเวปิฯ อตฺถนฺตรสพฺภาวโตติ ปโยชนนฺตรสพฺภาวโตฯ วุตฺตานิ หิ อฎฺฐกถายํ (วิภ. อฎฺฐ. ๒๒๕) ‘‘ชรามรณาทิกสฺส ทุกฺขสฺส อตฺตนา อธิคตการณสนฺทสฺสนตฺถํฯ อาหารนิทานววตฺถาปนานุสาเรน ยาว อตีตํ อทฺธานํ อติหริตฺวา ปุน อตีตทฺธโต ปภุติ เหตุผลปฎิปาฎิสนฺทสฺสนตฺถํฯ อนาคตทฺธเหตุสมุฎฺฐานโต ปภุติ อนาคตทฺธสนฺทสฺสนตฺถ’’นฺติ ติสฺสนฺนํ ยถากฺกมํ ตีณิ ปโยชนานิฯ
Yathā ariyamaggo antadvayavajjitamajjhimapaṭipadābhāvato ‘‘ñāyo’’ti vuccati, evaṃ paṭiccasamuppādopīti āha ‘‘ñāyoti maggo, soyeva vā paṭiccasamuppādo’’ti. Attano paṭivedhāya saṃvattati asammohapaṭivedhena paṭivijjhitabbattā. Saṃvattatīti ca nimittassa kattūpacāravasenetaṃ vuttaṃ yathā ‘‘ariyabhāvakarāni saccāni ariyasaccānī’’ti. Pakatiādayo heṭṭhā saccavibhaṅge hetuvippaṭipattikathāyaṃ dassitā eva. Akāraṇaṃ ‘‘kāraṇa’’nti gaṇhanti yathā kāpilādayo. Na kiñci kāraṇaṃ bujjhanti yathā taṃ aññe bālaputhujjanā. Itarāsanti majjhato paṭṭhāya yāva pariyosānā desanādīnaṃ tissannaṃ. Tadatthatāsambhavepīti yathāsakehi kāraṇehi pavattidassanatthatāsambhavepi. Atthantarasabbhāvatoti payojanantarasabbhāvato. Vuttāni hi aṭṭhakathāyaṃ (vibha. aṭṭha. 225) ‘‘jarāmaraṇādikassa dukkhassa attanā adhigatakāraṇasandassanatthaṃ. Āhāranidānavavatthāpanānusārena yāva atītaṃ addhānaṃ atiharitvā puna atītaddhato pabhuti hetuphalapaṭipāṭisandassanatthaṃ. Anāgataddhahetusamuṭṭhānato pabhuti anāgataddhasandassanattha’’nti tissannaṃ yathākkamaṃ tīṇi payojanāni.
ตํตํผลปฎิเวโธติ ชาติอาทีนํ ชรามรณาทิตํตํผลาวคโมฯ อนุวิโลกยโตติ ปุริเม วิกเปฺป วิปสฺสนานิมิตฺตํ อนุวิโลกนํ, ทุติเย เทสนานิมิตฺตํฯ กามุปาทานภูตา ตณฺหา มโนสเญฺจตนาหารสงฺขาตสฺส ภวสฺส, ตํสมฺปยุตฺตานํ, ตนฺนิมิตฺตานญฺจ เสสาหารานํ วิเสสปจฺจโย โหตีติ อาห ‘‘อาหารตณฺหาทโย ปจฺจุปฺปนฺนทฺธา’’ติฯ อาทิ-สเทฺทน ยาว วิญฺญาณํ คเหตพฺพํฯ อาหารตณฺหาทโยติ เอตฺถ ปจฺจุปฺปนฺนกมฺมวฎฺฎปริยาปเนฺน อาหาเร คเหตฺวา อทฺธโยชนํ กตฺวา อนาคตวิปากวฎฺฎปริยาปเนฺน คเหตฺวา โยเชตุํ วุตฺตํ ‘‘อาหารา วา ตณฺหาย ปภาเวตพฺพา อนาคโต อทฺธา’’ติฯ ปภาเวตพฺพาติ อายติํ อุปฺปาเทตพฺพาฯ ยุชฺชตีติ ผลภูเต อาหาเร ปจฺจุปฺปเนฺน ปจฺจกฺขโต ทเสฺสตฺวา ‘‘ตํนิทานํ ตณฺหํ ตสฺสา นิทาน’’นฺติอาทินา ผลปรมฺปราย การณปรมฺปราย จ ทสฺสนํ ตถาพุชฺฌนกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยานุโลมโต, ธมฺมสภาวาวิโลมนโต จ ยุตฺติยา สงฺคยฺหติฯ ยทิ ตณฺหาทโย อตีโต อทฺธา, ตณฺหาคฺคหเณเนว สงฺขาราวิชฺชา คหิตาติ กิมตฺถํ ปุน เต คหิตาติ อาห ‘‘สงฺขาราวิชฺชา ตโตปิ อตีตตโร อทฺธา วุโตฺต สํสารสฺส อนาทิภาวทสฺสนตฺถ’’นฺติฯ อตีตนฺติ วา อตีตตาสามเญฺญน อตีตตรมฺปิ สงฺคหิตํ ทฎฺฐพฺพํฯ
Taṃtaṃphalapaṭivedhoti jātiādīnaṃ jarāmaraṇāditaṃtaṃphalāvagamo. Anuvilokayatoti purime vikappe vipassanānimittaṃ anuvilokanaṃ, dutiye desanānimittaṃ. Kāmupādānabhūtā taṇhā manosañcetanāhārasaṅkhātassa bhavassa, taṃsampayuttānaṃ, tannimittānañca sesāhārānaṃ visesapaccayo hotīti āha ‘‘āhārataṇhādayo paccuppannaddhā’’ti. Ādi-saddena yāva viññāṇaṃ gahetabbaṃ. Āhārataṇhādayoti ettha paccuppannakammavaṭṭapariyāpanne āhāre gahetvā addhayojanaṃ katvā anāgatavipākavaṭṭapariyāpanne gahetvā yojetuṃ vuttaṃ ‘‘āhārā vā taṇhāya pabhāvetabbā anāgato addhā’’ti. Pabhāvetabbāti āyatiṃ uppādetabbā. Yujjatīti phalabhūte āhāre paccuppanne paccakkhato dassetvā ‘‘taṃnidānaṃ taṇhaṃ tassā nidāna’’ntiādinā phalaparamparāya kāraṇaparamparāya ca dassanaṃ tathābujjhanakānaṃ puggalānaṃ ajjhāsayānulomato, dhammasabhāvāvilomanato ca yuttiyā saṅgayhati. Yadi taṇhādayo atīto addhā, taṇhāggahaṇeneva saṅkhārāvijjā gahitāti kimatthaṃ puna te gahitāti āha ‘‘saṅkhārāvijjā tatopi atītataro addhā vutto saṃsārassa anādibhāvadassanattha’’nti. Atītanti vā atītatāsāmaññena atītatarampi saṅgahitaṃ daṭṭhabbaṃ.
ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติอาหารกาติ ปุนพฺภวูปปตฺติปจฺจยาฯ อิติ วจนโตติ เอวํ วุตฺตวจนสพฺภาวโตฯ วิญฺญาณาหาโร ตาว ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยา เหตุ, อิตเร ปน กถนฺติ อาห ‘‘ตํสมฺปยุตฺตตฺตา…เป.… กพฬีการาหารสฺสา’’ติฯ ตสฺส อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติอาหารกา จตฺตาโร อาหาราติ สมฺพโนฺธฯ สทฺธาทีนํ อุปนิสฺสยตา ปริจฺจาคาทิกาเล, ราคาทีนํ คธิตสฺส โภชนาทิกาเลฯ เตน ยถากฺกมํ กุสลากุสลกมฺมวิญฺญาณายูหนํ ทสฺสิตํฯ ตสฺมาติ ยสฺมา อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติอาหารกา จตฺตาโร อาหารา คยฺหนฺติ, ตสฺมาฯ ปุริโมเยวโตฺถติ ‘‘อาหารตณฺหาทโย ปจฺจุปฺปนฺนทฺธา’’ติอาทินา วุตฺตอโตฺถฯ อตีเตติ อตีเต อทฺธนิฯ ตโต ปรนฺติ ตโต อตีตทฺธโต ปรํ ปจฺจุปฺปเนฺน อนาคเต จ อทฺธนิ ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณ’’นฺติอาทินาฯ ปจฺจกฺขานนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนภวปริยาปนฺนตาย ปจฺจกฺขภูตานํฯ ปจฺจุปฺปนฺนํ เหตุนฺติ เอตรหิ วตฺตมานํ ตณฺหาทิกํ อาหาราทีนํ เหตุํฯ
Punabbhavābhinibbattiāhārakāti punabbhavūpapattipaccayā. Iti vacanatoti evaṃ vuttavacanasabbhāvato. Viññāṇāhāro tāva punabbhavābhinibbattiyā hetu, itare pana kathanti āha ‘‘taṃsampayuttattā…pe… kabaḷīkārāhārassā’’ti. Tassa āyatiṃ punabbhavābhinibbattiāhārakā cattāro āhārāti sambandho. Saddhādīnaṃ upanissayatā pariccāgādikāle, rāgādīnaṃ gadhitassa bhojanādikāle. Tena yathākkamaṃ kusalākusalakammaviññāṇāyūhanaṃ dassitaṃ. Tasmāti yasmā āyatiṃ punabbhavābhinibbattiāhārakā cattāro āhārā gayhanti, tasmā. Purimoyevatthoti ‘‘āhārataṇhādayo paccuppannaddhā’’tiādinā vuttaattho. Atīteti atīte addhani. Tato paranti tato atītaddhato paraṃ paccuppanne anāgate ca addhani ‘‘saṅkhārapaccayā viññāṇa’’ntiādinā. Paccakkhānanti paccuppannabhavapariyāpannatāya paccakkhabhūtānaṃ. Paccuppannaṃ hetunti etarahi vattamānaṃ taṇhādikaṃ āhārādīnaṃ hetuṃ.
สุตฺตํ อาหรติ ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓)ฯ วฎฺฎเหตุโนติ วิปากวฎฺฎเหตุโน, สกลวฎฺฎเหตุโน วาฯ อกุสลญฺหิ กมฺมํ กมฺมวฎฺฎสฺส กิเลสวฎฺฎสฺส จ ปจฺจโย โหติเยวฯ ‘‘ภวตณฺหายปิ เหตุภูตา’’ติ อิมินา กิเลสวฎฺฎสฺสาปิ อวิชฺชาย ปจฺจยภาวมาหฯ เอวเญฺจตํ, ภิกฺขเว, วุจฺจตี’’ติอาทินา วฎฺฎสีสานมฺปิ อวิชฺชาตณฺหานํ สปฺปจฺจยตาทสฺสนาปเทเสน สเพฺพสมฺปิ สงฺขตธมฺมานํ เหตุผลปรมฺปราวิเจฺฉทวุตฺติยา ปุริมาย โกฎิยา อปญฺญายนํ วิภาเวติฯ
Suttaṃāharati ‘‘āsavasamudayā avijjāsamudayo’’ti (ma. ni. 1.103). Vaṭṭahetunoti vipākavaṭṭahetuno, sakalavaṭṭahetuno vā. Akusalañhi kammaṃ kammavaṭṭassa kilesavaṭṭassa ca paccayo hotiyeva. ‘‘Bhavataṇhāyapi hetubhūtā’’ti iminā kilesavaṭṭassāpi avijjāya paccayabhāvamāha. Evañcetaṃ, bhikkhave, vuccatī’’tiādinā vaṭṭasīsānampi avijjātaṇhānaṃ sappaccayatādassanāpadesena sabbesampi saṅkhatadhammānaṃ hetuphalaparamparāvicchedavuttiyā purimāya koṭiyā apaññāyanaṃ vibhāveti.
อวิชฺชํ ตณฺหา อนุวตฺตตีติ ทุเกฺข ตณฺหํ อภิภวิตฺวา ปวตฺติยา ตโต อวิชฺชาย พลวภาวมาหฯ อวิชฺชาภิภูตา หิ สตฺตา สติปิ ตณฺหาปริตสฺสิเต เอกนฺตานตฺถสญฺญิตํ อตฺตกิลมถานุโยคทุกฺขมนุยุญฺชนฺติฯ ตณฺหํ อวิชฺชา อนุวตฺตตีติ สุเข อวิชฺชํ อภิภวิตฺวา ปวตฺติยา ตโต ตณฺหาย พลวภาวมาหฯ ยทิปิ สาวชฺชสุขานุภเว พลวตีเยว อวิชฺชา วิชฺชมานอาทีนวํ ปฎิจฺฉาเทนฺตี ติฎฺฐติ, ตณฺหา ปน ตโตปิ พลวตรตาย สเตฺต วิปุลานตฺถสญฺหิเต อนริเย สุเข นิโยเชตีติ อวิชฺชาย ตทนุวตฺตนํ วุตฺตํฯ
Avijjaṃ taṇhā anuvattatīti dukkhe taṇhaṃ abhibhavitvā pavattiyā tato avijjāya balavabhāvamāha. Avijjābhibhūtā hi sattā satipi taṇhāparitassite ekantānatthasaññitaṃ attakilamathānuyogadukkhamanuyuñjanti. Taṇhaṃ avijjā anuvattatīti sukhe avijjaṃ abhibhavitvā pavattiyā tato taṇhāya balavabhāvamāha. Yadipi sāvajjasukhānubhave balavatīyeva avijjā vijjamānaādīnavaṃ paṭicchādentī tiṭṭhati, taṇhā pana tatopi balavataratāya satte vipulānatthasañhite anariye sukhe niyojetīti avijjāya tadanuvattanaṃ vuttaṃ.
อายตนฉกฺกํ วา กาโยติ สมฺพโนฺธฯ จกฺขาทินิสฺสเย เสสธเมฺมติ จกฺขาทินิสฺสยภูเต, ตปฺปฎิพเทฺธ จ สสนฺตานปริยาปเนฺน ธเมฺมฯ จกฺขาทินิสฺสิเต เอว กตฺวาติ จกฺขาทิคฺคหเณเนว คหิเต กตฺวาฯ จกฺขาทิกายนฺติ จกฺขาทิธมฺมสมูหํ ปเรสํ ปญฺจกฺขนฺธํฯ ผเสฺสน ผุโฎฺฐติ อารมฺมณํ ผุสเนฺตน วิย อุปฺปเนฺนน สุขเวทนิเยน, ทุกฺขเวทนิเยน จ ผเสฺสน ผุโฎฺฐฯ ผเสฺส หิ ตถา อุปฺปเนฺน ตํสมงฺคีปุคฺคโล ผุโฎฺฐติ โวหาโร โหตีติฯ
Āyatanachakkaṃ vā kāyoti sambandho. Cakkhādinissaye sesadhammeti cakkhādinissayabhūte, tappaṭibaddhe ca sasantānapariyāpanne dhamme. Cakkhādinissite eva katvāti cakkhādiggahaṇeneva gahite katvā. Cakkhādikāyanti cakkhādidhammasamūhaṃ paresaṃ pañcakkhandhaṃ. Phassena phuṭṭhoti ārammaṇaṃ phusantena viya uppannena sukhavedaniyena, dukkhavedaniyena ca phassena phuṭṭho. Phasse hi tathā uppanne taṃsamaṅgīpuggalo phuṭṭhoti vohāro hotīti.
ยถา สฬายตนานิ ผสฺสสฺส วิเสสปจฺจโย, เอวํ เวทนายปีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สฬายตนานํ เวทนาย วิเสสปจฺจยภาว’’นฺติ อาหฯ ตนฺนิสฺสิตนฺติ สฬายตนนิสฺสิตํฯ อตีตทฺธาวิชฺชาตณฺหามูลโกติ อตีตทฺธภูตอวิชฺชาตณฺหามูลโกฯ กายสฺส เภทา กายูปโคติ อุภยตฺถาปิ กายสเทฺทน อุปาทินฺนกฺขนฺธปญฺจโก คหิโตฯ ตทุปคตา อุปปชฺชนํ ปฎิสนฺธิคฺคหณํฯ อุภยมูโลติ อวิชฺชาตณฺหามูโลฯ
Yathā saḷāyatanāni phassassa visesapaccayo, evaṃ vedanāyapīti dassento ‘‘saḷāyatanānaṃ vedanāya visesapaccayabhāva’’nti āha. Tannissitanti saḷāyatananissitaṃ. Atītaddhāvijjātaṇhāmūlakoti atītaddhabhūtaavijjātaṇhāmūlako. Kāyassa bhedā kāyūpagoti ubhayatthāpi kāyasaddena upādinnakkhandhapañcako gahito. Tadupagatā upapajjanaṃ paṭisandhiggahaṇaṃ. Ubhayamūloti avijjātaṇhāmūlo.
อนภิสมยภูตตฺตาติ อภิสมยสฺส ปฎิปกฺขภูตตฺตาฯ อวิชฺชายาติ อวิชฺชาย สติฯ
Anabhisamayabhūtattāti abhisamayassa paṭipakkhabhūtattā. Avijjāyāti avijjāya sati.
คหณนฺติ คเหตพฺพตํฯ ตสฺมาติ ยสฺมา สติ สงฺขารสเทฺทน อาคตสงฺขารเตฺตปิ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา ปธานตาย วิสุํ วุตฺตา โคพลีพทฺทญาเยน, ตสฺมาฯ ตตฺถ วุตฺตมฺปีติ สงฺขารสเทฺทน อาคตสงฺขาเรสุ วุตฺตมฺปิ อภิสงฺขรณกสงฺขารํ วเชฺชตฺวา อคฺคเหตฺวา อิตเร สงฺขารา โยเชตพฺพาฯ เอวญฺหิ อตฺถสฺส อุทฺธรณุทฺธริตพฺพตาทฺวยํ อสงฺกรโต ทสฺสิตํ โหติฯ ‘‘อิธ วเณฺณตพฺพภาเวนา’’ติ อิมินา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารานํ สติปิ สงฺขารสเทฺทน อาคตสงฺขารภาเว ยถาวุตฺตเมว ปธานภาวํ อุลฺลิเงฺคติฯ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ ตเทกเทโส วุโตฺตติ สมฺพโนฺธฯ อิมสฺมิํ อตฺถวิกเปฺป สงฺคณฺหนวเสน สงฺขารสเทฺทน อาคตสงฺขาเรหิ สงฺคหิตาปิ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา อิธ วเณฺณตพฺพภาเวน ปธานาติ วิสุํ คหิตา, ปุริมสฺมิํ เต วเชฺชตฺวาติ อยํ วิเสโสฯ เตนาห ‘‘วเณฺณตพฺพสพฺพสงฺคหณวเสน ทุวิธตา วุตฺตา’’ติฯ สามญฺญโต สงฺคยฺหมานมฺปิ ปธานภาวโชตนตฺถํ วิสุํ คยฺหติ ยถา ตํ ‘‘ปุญฺญญาณสมฺภารา’’ติฯ
Gahaṇanti gahetabbataṃ. Tasmāti yasmā sati saṅkhārasaddena āgatasaṅkhārattepi avijjāpaccayā saṅkhārā padhānatāya visuṃ vuttā gobalībaddañāyena, tasmā. Tattha vuttampīti saṅkhārasaddena āgatasaṅkhāresu vuttampi abhisaṅkharaṇakasaṅkhāraṃ vajjetvā aggahetvā itare saṅkhārā yojetabbā. Evañhi atthassa uddharaṇuddharitabbatādvayaṃ asaṅkarato dassitaṃ hoti. ‘‘Idha vaṇṇetabbabhāvenā’’ti iminā avijjāpaccayā saṅkhārānaṃ satipi saṅkhārasaddena āgatasaṅkhārabhāve yathāvuttameva padhānabhāvaṃ ulliṅgeti. ‘‘Avijjāpaccayā saṅkhārā’’ti tadekadeso vuttoti sambandho. Imasmiṃ atthavikappe saṅgaṇhanavasena saṅkhārasaddena āgatasaṅkhārehi saṅgahitāpi avijjāpaccayā saṅkhārā idha vaṇṇetabbabhāvena padhānāti visuṃ gahitā, purimasmiṃ te vajjetvāti ayaṃ viseso. Tenāha ‘‘vaṇṇetabbasabbasaṅgahaṇavasena duvidhatā vuttā’’ti. Sāmaññato saṅgayhamānampi padhānabhāvajotanatthaṃ visuṃ gayhati yathā taṃ ‘‘puññañāṇasambhārā’’ti.
เยน กุสลากุสลธมฺมา ‘‘วิปากธมฺมา’’ติ วุจฺจนฺติ, ตํ อายูหนํ, กิํ ปน ตนฺติ? อนุปจฺฉินฺนตณฺหาวิชฺชามาเน สนฺตาเน สพฺยาปารตาฯ เตนาห ‘‘ปฎิสนฺธิ…เป.… อายูหนรสา’’ติฯ เจตนาปธานตฺตา ปน ตสฺส เจตนากิจฺจํ กตฺวา วุตฺตํฯ ราสิกรณํ, อายูหนนฺติ จ ราสิภูตสฺส รูปารูปสงฺขาตสฺส ผลสฺส นิพฺพตฺตนโต วุตฺตํฯ ‘‘อนารมฺมณตา อพฺยากตตา’’ติ อิทํ อพฺยากตเสฺสว อนารมฺมณตฺตา อพฺยากตสมฺพนฺธินี อนารมฺมณตาติ กตฺวา วุตฺตํฯ อายตนํ, ฆฎนนฺติ จ ตํตํทฺวาริกธมฺมปฺปวตฺตนเมว ทฎฺฐพฺพํฯ
Yena kusalākusaladhammā ‘‘vipākadhammā’’ti vuccanti, taṃ āyūhanaṃ, kiṃ pana tanti? Anupacchinnataṇhāvijjāmāne santāne sabyāpāratā. Tenāha ‘‘paṭisandhi…pe… āyūhanarasā’’ti. Cetanāpadhānattā pana tassa cetanākiccaṃ katvā vuttaṃ. Rāsikaraṇaṃ, āyūhananti ca rāsibhūtassa rūpārūpasaṅkhātassa phalassa nibbattanato vuttaṃ. ‘‘Anārammaṇatā abyākatatā’’ti idaṃ abyākatasseva anārammaṇattā abyākatasambandhinī anārammaṇatāti katvā vuttaṃ. Āyatanaṃ, ghaṭananti ca taṃtaṃdvārikadhammappavattanameva daṭṭhabbaṃ.
อนนุโพธาทโย อวิชฺชาปทนิเทฺทเส อาคตาฯ อวิชฺชาปทสมฺพเนฺธน ทิฎฺฐิวิปฺปยุตฺตาติ อิตฺถิลิงฺคนิเทฺทโสฯ อสณฺฐานตฺตาติ อวิคฺคหตฺตาฯ
Ananubodhādayo avijjāpadaniddese āgatā. Avijjāpadasambandhena diṭṭhivippayuttāti itthiliṅganiddeso. Asaṇṭhānattāti aviggahattā.
โสกาทีนํ สพฺภาวาติ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ อนิฎฺฐาเปตฺวา ตทนนฺตรํ โสกาทีนมฺปิ วุตฺตานํ วิชฺชมานตฺตา เตสํ วเสน องฺคพหุตฺตปฺปสเงฺค ปฎิจฺจสมุปฺปาทงฺคานํ พหุภาเว อาปเนฺนฯ ทฺวาทเสวาติ กถํ ทฺวาทเสว, นนุ โสกาทโยปิ ธมฺมนฺตรภูตา ปฎิจฺจสมุปฺปาทเทสนายํ วุตฺตาติ? สจฺจํ วุตฺตา, น ปน องฺคนฺตรภาเวนาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น หี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ผเลนาติ ผลภูเตน ชรามรณงฺคสงฺคหิเตน โสกาทินาฯ มูลงฺคํ ทเสฺสตุนฺติ อิมาย ปฎิจฺจสมุปฺปาทเทสนาย มูลภูตํ อวิชฺชงฺคํ โสจนาทีหิ สโมฺมหาปตฺติกถเนน ทเสฺสตุํ เต โสกาทโย วุตฺตา ภวจกฺกสฺส อวิเจฺฉททสฺสนตฺถํฯ ชรามรณํ การณํ เอเตสนฺติ ชรามรณการณา , โสกาทโย, ตพฺภาโว ชรามรณการณตาฯ ชรามรณํ นิมิตฺตํ เอตสฺสาติ ชรามรณนิมิตฺตํฯ ตํ ตนฺนิมิตฺตานนฺติ เอตฺถ ตนฺติ สุตฺตํฯ ตนฺนิมิตฺตานํ ทุกฺขนิมิตฺตานํ โสกาทีนํฯ ตโต ปรายาติ อนาคเต ทุติยตฺตภาวโต ปราย ตติยตฺตภาวาทีสุ ปฎิสนฺธิยาฯ เหตุเหตุภูตาติ การณสฺส การณภูตาฯ ปฎิสนฺธิยา หิ สงฺขารา การณํ, เตสํ อวิชฺชาฯ สุตฺตนฺติ ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติ (ม. นิ. ๑.๒, ๑๗; สํ. นิ. ๒.๖๑; ธ. ส. ๑๐๐๗) อิมํ สุตฺตํ สนฺธาย วทติฯ อวิชฺชา โสกาทีนํ การณนฺติ ทสฺสิตา อสฺสุตวตาย อวิชฺชาภิภวนทีปนิยา ตทุปฺปตฺติวจนโตฯ ‘‘น โสกาทีนํ พาลสฺส ชรามรณนิมิตฺตตามตฺตสฺส สาธกํ สุตฺต’’นฺติ วุตฺตมตฺถํ ปากฎํ กาตุํ ‘‘น จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตน น จ ชรามรณนิมิตฺตเมว ทุกฺขํ ทุกฺขํ, อถ โข อวิชฺชานิมิตฺตเมฺปตฺถ วุตฺตนเยน โยเชตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ เอวํ ชรามรเณน โสกาทีนํ เอกสเงฺขปํ กตฺวา ทฺวาทเสว ปฎิจฺจสมุปฺปาทงฺคานิ เวทิตพฺพานิฯ
Sokādīnaṃsabbhāvāti ‘‘jātipaccayā jarāmaraṇa’’nti aniṭṭhāpetvā tadanantaraṃ sokādīnampi vuttānaṃ vijjamānattā tesaṃ vasena aṅgabahuttappasaṅge paṭiccasamuppādaṅgānaṃ bahubhāve āpanne. Dvādasevāti kathaṃ dvādaseva, nanu sokādayopi dhammantarabhūtā paṭiccasamuppādadesanāyaṃ vuttāti? Saccaṃ vuttā, na pana aṅgantarabhāvenāti dassento ‘‘na hī’’tiādimāha. Tattha phalenāti phalabhūtena jarāmaraṇaṅgasaṅgahitena sokādinā. Mūlaṅgaṃ dassetunti imāya paṭiccasamuppādadesanāya mūlabhūtaṃ avijjaṅgaṃ socanādīhi sammohāpattikathanena dassetuṃ te sokādayo vuttā bhavacakkassa avicchedadassanatthaṃ. Jarāmaraṇaṃ kāraṇaṃ etesanti jarāmaraṇakāraṇā , sokādayo, tabbhāvo jarāmaraṇakāraṇatā. Jarāmaraṇaṃ nimittaṃ etassāti jarāmaraṇanimittaṃ. Taṃ tannimittānanti ettha tanti suttaṃ. Tannimittānaṃ dukkhanimittānaṃ sokādīnaṃ. Tato parāyāti anāgate dutiyattabhāvato parāya tatiyattabhāvādīsu paṭisandhiyā. Hetuhetubhūtāti kāraṇassa kāraṇabhūtā. Paṭisandhiyā hi saṅkhārā kāraṇaṃ, tesaṃ avijjā. Suttanti ‘‘assutavā puthujjano’’ti (ma. ni. 1.2, 17; saṃ. ni. 2.61; dha. sa. 1007) imaṃ suttaṃ sandhāya vadati. Avijjā sokādīnaṃ kāraṇanti dassitā assutavatāya avijjābhibhavanadīpaniyā taduppattivacanato. ‘‘Na sokādīnaṃ bālassa jarāmaraṇanimittatāmattassa sādhakaṃ sutta’’nti vuttamatthaṃ pākaṭaṃ kātuṃ ‘‘na cā’’tiādi vuttaṃ. Tena na ca jarāmaraṇanimittameva dukkhaṃ dukkhaṃ, atha kho avijjānimittampettha vuttanayena yojetabbanti dasseti. Evaṃ jarāmaraṇena sokādīnaṃ ekasaṅkhepaṃ katvā dvādaseva paṭiccasamuppādaṅgāni veditabbāni.
กสฺมา ปเนตฺถ ชรามรณนฺตา เอว เทสนา กตา, กิํ ตโต ปรา ปวตฺติ นตฺถีติ? โน นตฺถิ, อปฺปหีนกิเลสสฺส หิ กมฺมโต, วิญฺญาณาทิปริโยสานภูตาย จ จุติยา ปฎิสนฺธิปาตุภาโวติ ปวตฺติตทุปรมภูตํ ชรามรณํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตินิมิตฺตํฯ ตํ ปน กมฺมูปปตฺติภวโต ชาติยา ทสฺสิตตฺตา ‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ อิมินาว ปกาสิตนฺติ น ปุน วุจฺจติ, น ตโต ปรํ ปวตฺติยา อภาวโตฯ เอกกมฺมนิพฺพตฺตสฺส จ สนฺตานสฺส ชรามรณํ ปริโยสานํฯ สติ กิเลสวเฎฺฎ กมฺมุนา ตโต ปุนพฺภวูปปตฺติ, อสติ ปน ตสฺมิํ ‘‘เอเสวโนฺต ทุกฺขสฺสา’’ติ ชรามรณปริโยสานาว เทสนา กตาฯ ยสฺมา ปน น อมรณา ชรา อตฺถิ สเพฺพสํ อุปฺปตฺติมนฺตานํ ปากานนฺตรเภทโต, น จาชรํ มรณํ อปากเภทาภาวา, ตสฺมา ตทุภยเมกมงฺคํ กตํ, น นามรูปํ วิย อุภยฎฺฐาเน เอกชฺฌํ อุปฺปตฺติยา, สฬายตนํ วิย วา อายตนภาเวน กิจฺจสมตายฯ ยา ปนายํ โอสานํ คตา ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ ทีปิตา, ตาย ‘‘วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติอาทิ, กิเลสกมฺมาภาเว ตทภาวโต ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ เอวมาทิ เอว วา อตฺถโต ปกาสิโต โหตีติ วฎฺฎตฺตยสฺส อนวฎฺฐาเนน ปริพฺภมนํ ทสฺสิตํ โหติฯ อถ วา ชราคหเณน ปริปกฺกปริปกฺกตราทิกฺกเมน วตฺตมานํ นามรูปาทิ, โสกาทิ จ คยฺหติ, ตถาสฺส ปริปากกาลวตฺตินี อวิชฺชา จฯ ยถาห –
Kasmā panettha jarāmaraṇantā eva desanā katā, kiṃ tato parā pavatti natthīti? No natthi, appahīnakilesassa hi kammato, viññāṇādipariyosānabhūtāya ca cutiyā paṭisandhipātubhāvoti pavattitaduparamabhūtaṃ jarāmaraṇaṃ punabbhavābhinibbattinimittaṃ. Taṃ pana kammūpapattibhavato jātiyā dassitattā ‘‘bhavapaccayā jātī’’ti imināva pakāsitanti na puna vuccati, na tato paraṃ pavattiyā abhāvato. Ekakammanibbattassa ca santānassa jarāmaraṇaṃ pariyosānaṃ. Sati kilesavaṭṭe kammunā tato punabbhavūpapatti, asati pana tasmiṃ ‘‘esevanto dukkhassā’’ti jarāmaraṇapariyosānāva desanā katā. Yasmā pana na amaraṇā jarā atthi sabbesaṃ uppattimantānaṃ pākānantarabhedato, na cājaraṃ maraṇaṃ apākabhedābhāvā, tasmā tadubhayamekamaṅgaṃ kataṃ, na nāmarūpaṃ viya ubhayaṭṭhāne ekajjhaṃ uppattiyā, saḷāyatanaṃ viya vā āyatanabhāvena kiccasamatāya. Yā panāyaṃ osānaṃ gatā punabbhavābhinibbatti dīpitā, tāya ‘‘viññāṇapaccayā nāmarūpa’’ntiādi, kilesakammābhāve tadabhāvato ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā’’ti evamādi eva vā atthato pakāsito hotīti vaṭṭattayassa anavaṭṭhānena paribbhamanaṃ dassitaṃ hoti. Atha vā jarāgahaṇena paripakkaparipakkatarādikkamena vattamānaṃ nāmarūpādi, sokādi ca gayhati, tathāssa paripākakālavattinī avijjā ca. Yathāha –
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, กุมาโร วุทฺธิมนฺวาย อินฺทฺริยานํ ปริปากมนฺวาย ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติ จกฺขุวิเญฺญเยฺยหิ รูเปหิ…เป.… กายวิเญฺญเยฺยหิ โผฎฺฐเพฺพหิ…เป.… รชนีเยหิฯ โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา ปิยรูเป รูเป สารชฺชติ, อปฺปิยรูเป รูเป พฺยาปชฺชติ, อนุปฎฺฐิตกายสติ จ วิหรติ ปริตฺตเจตโส, ตญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ยตฺถสฺส เต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๐๘)ฯ
‘‘Sa kho so, bhikkhave, kumāro vuddhimanvāya indriyānaṃ paripākamanvāya pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāreti cakkhuviññeyyehi rūpehi…pe… kāyaviññeyyehi phoṭṭhabbehi…pe… rajanīyehi. So cakkhunā rūpaṃ disvā piyarūpe rūpe sārajjati, appiyarūpe rūpe byāpajjati, anupaṭṭhitakāyasati ca viharati parittacetaso, tañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ yathābhūtaṃ nappajānāti, yatthassa te pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhantī’’tiādi (ma. ni. 1.408).
เอตฺถ หิ ปริปกฺกินฺทฺริยสฺส ฉสุ ทฺวาเรสุ สราคาทิคฺคหเณน ตทวินาภาวิตาย วิมุตฺติยา อปฺปชานเน จ โสกาทีนํ ปจฺจยภูตา อวิชฺชา ปกาสิตาฯ อปิจ ‘‘ปิยปฺปภวา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ วจนโต กามาสวภวาสเวหิ, ‘‘ตสฺส ‘อหํ รูปํ, มม รูปนฺติ ปริยุฎฺฐฎฺฐายิโน…เป.… รูปวิปริณามญฺญถาภาวา อุปฺปชฺชนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑) วจนโต ทิฎฺฐาสวโต, ‘‘อสฺสุตวา’’ติอาทิวจนโต อวิชฺชาสวโต โสกาทีนํ ปวตฺติ ทีปิตาติ เตสํ เหตุตาย ตคฺคหเณน คหิตา อาสวาฯ เตสํ สยญฺจ ชราสภาวตาย ชราคหเณน คยฺหนฺติ, ตโต จ ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ วจนโต อาสวนิมิตฺตาย จ อวิชฺชาย ชราคหเณน คหณํฯ ตโต จ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ อาวฎฺฎติ ภวจกฺกํฯ อปิจ ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณ’’นฺติ วตฺวา ‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ วทเนฺตนปิ ภวจกฺกสฺส อนวฎฺฐานโต ปริพฺภมนํ ทสฺสิตํฯ เอตฺถ หิ วิญฺญาเณน อวิชฺชานิวุตสฺส ปุนพฺภโว ทสฺสิโต, ชาติยา ตณฺหาย สมฺปยุตฺตสฺส, อุภยตฺถ อุภินฺนํ อนุวตฺตมานตฺตาติ อวิชฺชาตณฺหานิมิตฺตํ ภวจกฺกํ อนวฎฺฐานโต ปริพฺภมตีติ อยมโตฺถ ทีปิโตติ ชรามรณนฺตาปิ เทสนา น ตโต ปรํ ปวตฺติยา อภาวํ สูเจติ อตทตฺถตฺตา, น จ ปจฺจยนฺตรทสฺสนตฺถเมว ปุน วจนนฺติ สกฺกา วิญฺญาตุํ เอกเตฺรว ตทุภยเทสนาย ตสฺส สิทฺธตฺตาฯ ตถา ยํ กมฺมํ อวิชฺชาเหตุกํ, ตํ ตณฺหาเหตุกมฺปิฯ ยํ ตณฺหาเหตุกํ, ตํ อวิชฺชาเหตุกมฺปิ เวทิตพฺพํฯ กสฺมา? ทฺวินฺนํ ภวมูลานํ อญฺญมญฺญาวิรหโตฯ ยถา หิ ตณฺหาปจฺจยา กามุปาทานเหตุกํ กมฺมภวสงฺขารํ วทโนฺต น วินา ภวตณฺหาย อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโยติ ทเสฺสติฯ ตถา ตเมว อวิชฺชาปจฺจยํ เทเสโนฺต น อนฺตเรน อวิชฺชาย ภวตณฺหา กมฺมภวสฺส ปจฺจโยติฯ ตโต จ ปุเพฺพ ปวตฺตา อวิชฺชาทิปจฺจยา สงฺขาราทโย , ตณฺหุปาทานาทิปจฺจยา ภวาทโย จ, ตถา ตณฺหาเหตุอุปาทานปจฺจยา ภโว, อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, ภวปจฺจยา ชาติ, สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ, วิญฺญาณาทิปจฺจยานามรูปาทีติ เอวเมเตสํ องฺคานํ ปุพฺพาปรสมฺพโนฺธ ทสฺสิโต โหตีติ เวทิตพฺพํฯ
Ettha hi paripakkindriyassa chasu dvāresu sarāgādiggahaṇena tadavinābhāvitāya vimuttiyā appajānane ca sokādīnaṃ paccayabhūtā avijjā pakāsitā. Apica ‘‘piyappabhavā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā’’ti vacanato kāmāsavabhavāsavehi, ‘‘tassa ‘ahaṃ rūpaṃ, mama rūpanti pariyuṭṭhaṭṭhāyino…pe… rūpavipariṇāmaññathābhāvā uppajjanti sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā’’ti (saṃ. ni. 3.1) vacanato diṭṭhāsavato, ‘‘assutavā’’tiādivacanato avijjāsavato sokādīnaṃ pavatti dīpitāti tesaṃ hetutāya taggahaṇena gahitā āsavā. Tesaṃ sayañca jarāsabhāvatāya jarāgahaṇena gayhanti, tato ca ‘‘āsavasamudayā avijjāsamudayo’’ti vacanato āsavanimittāya ca avijjāya jarāgahaṇena gahaṇaṃ. Tato ca ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā’’ti āvaṭṭati bhavacakkaṃ. Apica ‘‘saṅkhārapaccayā viññāṇa’’nti vatvā ‘‘bhavapaccayā jātī’’ti vadantenapi bhavacakkassa anavaṭṭhānato paribbhamanaṃ dassitaṃ. Ettha hi viññāṇena avijjānivutassa punabbhavo dassito, jātiyā taṇhāya sampayuttassa, ubhayattha ubhinnaṃ anuvattamānattāti avijjātaṇhānimittaṃ bhavacakkaṃ anavaṭṭhānato paribbhamatīti ayamattho dīpitoti jarāmaraṇantāpi desanā na tato paraṃ pavattiyā abhāvaṃ sūceti atadatthattā, na ca paccayantaradassanatthameva puna vacananti sakkā viññātuṃ ekatreva tadubhayadesanāya tassa siddhattā. Tathā yaṃ kammaṃ avijjāhetukaṃ, taṃ taṇhāhetukampi. Yaṃ taṇhāhetukaṃ, taṃ avijjāhetukampi veditabbaṃ. Kasmā? Dvinnaṃ bhavamūlānaṃ aññamaññāvirahato. Yathā hi taṇhāpaccayā kāmupādānahetukaṃ kammabhavasaṅkhāraṃ vadanto na vinā bhavataṇhāya avijjā saṅkhārānaṃ paccayoti dasseti. Tathā tameva avijjāpaccayaṃ desento na antarena avijjāya bhavataṇhā kammabhavassa paccayoti. Tato ca pubbe pavattā avijjādipaccayā saṅkhārādayo , taṇhupādānādipaccayā bhavādayo ca, tathā taṇhāhetuupādānapaccayā bhavo, avijjāpaccayā saṅkhārā, bhavapaccayā jāti, saṅkhārapaccayā viññāṇaṃ, jātipaccayā jarāmaraṇaṃ, viññāṇādipaccayānāmarūpādīti evametesaṃ aṅgānaṃ pubbāparasambandho dassito hotīti veditabbaṃ.
อุเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
อวิชฺชาปทนิเทฺทสวณฺณนา
Avijjāpadaniddesavaṇṇanā
๒๒๖. ปิตา กถียตีติ อสุโก อสุกสฺส ปิตาติ ปิตุภาเวน กถียติฯ กถิยมาโน จ อสเนฺทหตฺถํ อเญฺญหิ มิตฺตทเตฺตหิ วิเสเสตฺวา กถียตีติ ตํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ทีโฆ…เป.… ทโตฺต’’ติฯ
226. Pitākathīyatīti asuko asukassa pitāti pitubhāvena kathīyati. Kathiyamāno ca asandehatthaṃ aññehi mittadattehi visesetvā kathīyatīti taṃ dassento āha ‘‘dīgho…pe… datto’’ti.
ยาถาโวติ อวิปรีโตฯ กิจฺจชาติโตติ ปฎิจฺฉาทนกิจฺจโต, อุปฺปชฺชนฎฺฐานโต จฯ
Yāthāvoti aviparīto. Kiccajātitoti paṭicchādanakiccato, uppajjanaṭṭhānato ca.
คหณการณวเสนาติ คหณสฺส การณภาววเสนฯ อญฺญเสตาทีนํ นิวตฺตกานีติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ
Gahaṇakāraṇavasenāti gahaṇassa kāraṇabhāvavasena. Aññasetādīnaṃ nivattakānīti padaṃ ānetvā sambandho.
ฉาเทนฺติยาติ ฉาทนากาเรน ปวตฺตนฺติยาฯ ตถา ปวตฺตนเหตุ ตํสมฺปยุตฺตา อวิชฺชาสมฺปยุตฺตา ทุกฺขารมฺมณา โหนฺติฯ
Chādentiyāti chādanākārena pavattantiyā. Tathā pavattanahetu taṃsampayuttā avijjāsampayuttā dukkhārammaṇā honti.
ตสฺมาติ สภาวโต อคมฺภีรตฺตา เตสํ ทุทฺทสภาวกรณี ตทารมฺมณตา อวิชฺชา อุปฺปชฺชติฯ อิตเรสนฺติ นิโรธมคฺคานํฯ สมาเนปิ ปณีตอสํกิเลสิกาทิภาเว สปฺปจฺจยโต อปฺปจฺจยสฺส วิเสสํ ทเสฺสตุํ ‘‘มคฺคสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Tasmāti sabhāvato agambhīrattā tesaṃ duddasabhāvakaraṇī tadārammaṇatā avijjā uppajjati. Itaresanti nirodhamaggānaṃ. Samānepi paṇītaasaṃkilesikādibhāve sappaccayato appaccayassa visesaṃ dassetuṃ ‘‘maggassā’’tiādi vuttaṃ.
อวิชฺชาปทนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Avijjāpadaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
สงฺขารปทนิเทฺทสวณฺณนา
Saṅkhārapadaniddesavaṇṇanā
‘‘โสเธติ อปุญฺญผลโต’’ติ อิมินา ปุญฺญสฺส วิปากทุกฺขวิวิตฺตตํ อาห, ‘‘ทุกฺขโต’’ติ อิมินา เจโตทุกฺขวิวิตฺตตํ, ‘‘สํกิเลสโต’’ติ อิมินา กิเลสทุกฺขวิวิตฺตตํฯ ‘‘อปุญฺญผลโต’’ติ วา อิมินา ปุญฺญสฺส อายติํ หิตตํ ทเสฺสติฯ ‘‘ทุกฺขสํกิเลสโต’’ติ อิมินา ปวตฺติหิตตํ ปวตฺติสุขตญฺจ ทเสฺสติฯ ตํนิปฺผาทเนนาติ หิตสุขนิพฺพตฺตเนนฯ ปุชฺชภวนิพฺพตฺตโก ปุชฺชนิพฺพตฺตโกฯ
‘‘Sodhetiapuññaphalato’’ti iminā puññassa vipākadukkhavivittataṃ āha, ‘‘dukkhato’’ti iminā cetodukkhavivittataṃ, ‘‘saṃkilesato’’ti iminā kilesadukkhavivittataṃ. ‘‘Apuññaphalato’’ti vā iminā puññassa āyatiṃ hitataṃ dasseti. ‘‘Dukkhasaṃkilesato’’ti iminā pavattihitataṃ pavattisukhatañca dasseti. Taṃnipphādanenāti hitasukhanibbattanena. Pujjabhavanibbattako pujjanibbattako.
‘‘เอวมิทํ ปุญฺญํ ปวฑฺฒตี’’ติอาทีสุ ปุญฺญผลมฺปิ ปุญฺญนฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ปุญฺญุปคนฺติ ภวสมฺปตฺตุปค’’นฺติฯ
‘‘Evamidaṃ puññaṃ pavaḍḍhatī’’tiādīsu puññaphalampi puññanti vuccatīti āha ‘‘puññupaganti bhavasampattupaga’’nti.
อาทิภาวนาติ ‘‘ปถวี ปถวี’’ติอาทินา กสิเณสุ ปวตฺตภาวนาฯ ปถวี ปถวีติ วา เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ, ปการโตฺถ วาฯ เตน อิตรกสิณานํ คหณํฯ อาทิภาวนาติอาทิภูตา ภาวนาฯ สา หิ ‘‘ปริกมฺม’’นฺติ วุจฺจติฯ มณฺฑลกรณํ กสิณมณฺฑลกรณํฯ
Ādibhāvanāti ‘‘pathavī pathavī’’tiādinā kasiṇesu pavattabhāvanā. Pathavī pathavīti vā ettha iti-saddo ādiattho, pakārattho vā. Tena itarakasiṇānaṃ gahaṇaṃ. Ādibhāvanātiādibhūtā bhāvanā. Sā hi ‘‘parikamma’’nti vuccati. Maṇḍalakaraṇaṃ kasiṇamaṇḍalakaraṇaṃ.
ทานวเสนาติ เทยฺยธมฺมปริจฺจาควเสนฯ จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ทานํ ทิยฺยติ เอเตนาติฯ ตตฺถาติ เตสุ จิตฺตเจตสิเกสุฯ ทานํ อารพฺภาติ เตหิ นิพฺพตฺติยมานํ ปริจฺจาคํ อุทฺทิสฺสฯ ยถา วา โส นิปฺปชฺชติ, ตถา ฐเปตฺวาฯ อธิกิจฺจาติ ตเสฺสว เววจนํฯ ยถา วา สมฺปยุเตฺตหิ นิพฺพตฺติยมานา ทานกิริยา นิปฺผตฺติวเสน อธิกตํ ปาปุณาติ, ตถา กตฺวาฯ เจตนาวเสเนว หิ ทานาทิกมฺมนิปฺผตฺติฯ อิตเรสูติ ‘‘สีลํ อารพฺภา’’ติอาทีสุฯ
Dānavasenāti deyyadhammapariccāgavasena. Cittacetasikā dhammā dānaṃ diyyati etenāti. Tatthāti tesu cittacetasikesu. Dānaṃ ārabbhāti tehi nibbattiyamānaṃ pariccāgaṃ uddissa. Yathā vā so nippajjati, tathā ṭhapetvā. Adhikiccāti tasseva vevacanaṃ. Yathā vā sampayuttehi nibbattiyamānā dānakiriyā nipphattivasena adhikataṃ pāpuṇāti, tathā katvā. Cetanāvaseneva hi dānādikammanipphatti. Itaresūti ‘‘sīlaṃ ārabbhā’’tiādīsu.
อสริกฺขกมฺปีติ อตฺตนา อสทิสมฺปิ กฎตฺตารูปนฺติ สมฺพโนฺธฯ วินาปิ จตุตฺถชฺฌานวิปาเกนฯ รูปตณฺหาสงฺขาตสฺสาติ ‘‘รูปตณฺหา’’ติ เอตฺถ วุตฺตรูปตณฺหมาหฯ คุญฺชนฺติ คุญฺชผลปริมาณํ ธารณียวตฺถุํฯ ตถา ตณฺฑุลํฯ
Asarikkhakampīti attanā asadisampi kaṭattārūpanti sambandho. Vināpi catutthajjhānavipākena. Rūpataṇhāsaṅkhātassāti ‘‘rūpataṇhā’’ti ettha vuttarūpataṇhamāha. Guñjanti guñjaphalaparimāṇaṃ dhāraṇīyavatthuṃ. Tathā taṇḍulaṃ.
‘‘วจนวิเสสมตฺตเมวา’’ติ อตฺถวิเสสาภาโว วุโตฺตติ อตฺถวิเสสาภาวมาห ‘‘กายทฺวาเร ปวตฺติ เอว หิ อาทานาทิปาปนา’’ติฯ ปุริเมนาติ ‘‘กายทฺวาเร ปวตฺตา’’ติ อิมินาฯ ตญฺหิ ปวตฺติมตฺตกถนโต ทฺวารูปลกฺขณํ โหติฯ ปจฺฉิเมนาติ ‘‘อาทานา’’ทิวจเนนฯ
‘‘Vacanavisesamattamevā’’ti atthavisesābhāvo vuttoti atthavisesābhāvamāha ‘‘kāyadvāre pavattieva hi ādānādipāpanā’’ti. Purimenāti ‘‘kāyadvāre pavattā’’ti iminā. Tañhi pavattimattakathanato dvārūpalakkhaṇaṃ hoti. Pacchimenāti ‘‘ādānā’’divacanena.
กายวจีสงฺขารคฺคหเณติ อุเทฺทสํ สนฺธายาหฯ กายวจีสเญฺจตนาคหเณติ นิเทฺทสํฯ วิญฺญาณสฺสาติ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณสฺสฯ สหชาตสฺส ปน อนนฺตรสฺส จ ปจฺจโย โหติเยวฯ ‘‘กุสลา วิปากธมฺมา จา’’ติ อิทํ เสกฺขปุถุชฺชนสนฺตาเน อภิญฺญาเจตนา อิธาธิเปฺปตา, น อิตราติ กตฺวา วุตฺตํฯ เตน ยถาวุตฺตอภิญฺญาเจตนาปิ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณสฺส ปจฺจโย สิยา กุสลสภาวตฺตา, วิปากธมฺมตฺตา วา ตทญฺญกุสลากุสลเจตนา วิยาติ ทเสฺสติฯ ตยิทํ โลกุตฺตรกุสลาย อเนกนฺติกํฯ น หิ สา ปฎิสนฺธิวิญฺญาณสฺส ปจฺจโยฯ อถ วิปากทายินีติ วุเจฺจยฺย, เอวมฺปิ อโหสิกเมฺมน อเนกนฺติกํฯ น หิ ตสฺสา วิปากุปฺปาทนํ อตฺถีติ อาห ‘‘น วิปากุปฺปาทเนน กุสลตา วิปากธมฺมตา จา’’ติฯ เกวลญฺหิ ยา อเญฺญสํ วิปากธมฺมานํ สพฺยาปารา สอุสฺสาหา ปวตฺติ, ตทาการาวสฺสา อปฺปหีนกิเลเส สนฺตาเน ปวตฺตีติ วิปากธมฺมตา, อนวชฺชเฎฺฐน กุสลตา จ วุตฺตาฯ เอวมฺปิ ยทิ วิปากธมฺมา อภิญฺญาเจตนา, กถํ อวิปากาติ? อสมฺภวโตติ ตํ อสมฺภวํ ทเสฺสตุํ ‘‘สา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อภิญฺญาเจตนา หิ ยทิ วิปากํ อุปฺปาเทยฺย, สภูมิกํ วา อุปฺปาเทยฺย อญฺญภูมิกํ วาฯ ตตฺถ อญฺญภูมิกสฺส ตาว อุปฺปาทนํ อยุตฺตํ ปจฺจยาภาวโต, ตถา อทสฺสนโต จฯ เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิฯ สภูมิกํ นวตฺตพฺพารมฺมณํ วา อุปฺปาเทยฺย ปริตฺตาทิอารมฺมณํ วา, เตสุ อตฺตโน กมฺมสมานารมฺมณตาย รูปาวจรวิปากสฺส ทสฺสิตตฺตา, ปริตฺตาทิอารมฺมณตฺตา จ อภิญฺญาเจตนาย นวตฺตพฺพารมฺมณํ น อุปฺปาเทยฺยฯ ตถา เอกนฺตนวตฺตพฺพารมฺมณตฺตา รูปาวจรวิปากสฺส ปริตฺตาทิอารมฺมณญฺจ น อุปฺปาเทยฺยาติ อยมสมฺภโวฯ เตนาห ‘‘อตฺตนา สทิสารมฺมณญฺจา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ติฎฺฐานิกนฺติ ปฎิสนฺธิภวงฺคจุติวเสน ฐานตฺตยวนฺตํฯ ‘‘ปถวีกสิณํ อาโปกสิณ’’นฺติอาทินา กุสเลน อภินฺนํ กตฺวา วิปากสฺส อารมฺมณํ เทสิตนฺติ อาห ‘‘จิตฺตุปฺปาทกเณฺฑ…เป.… วุตฺตตฺตา’’ติฯ ‘‘รูปาวจรติกจตุกฺกชฺฌานานิ กุสลโต จ วิปากโต จ กิริยโต จ จตุตฺถสฺส ฌานสฺส วิปาโก อากาสานญฺจายตนํ อากิญฺจญฺญายตนํ อิเม ธมฺมา นวตฺตพฺพา ‘‘ปริตฺตารมฺมณา’’ติปิ ‘มหคฺคตารมฺมณา’ติปิ ‘อปฺปมาณารมฺมณา’ติปี’’ติ วจนโต รูปาวจรวิปาโก เอกนฺตนวตฺตพฺพารมฺมโณติ อาห ‘‘น จ รูปาวจรวิปาโก ปริตฺตาทิอารมฺมโณ อตฺถี’’ติฯ สฺวายมสมฺภโว ปริตฺตาทิอารมฺมณาย อภิญฺญาเจตนาย วิปากาภาวํ สาเธติ, น นวตฺตพฺพารมฺมณาย ฯ นวตฺตพฺพารมฺมณาปิ หิ สา อตฺถีติ น พฺยาปีติ วิปากานุปฺปาทเน ตสฺสา อญฺญํ การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘กสิเณสุ จา’’ติอาทิมาหฯ สมาธิวิชมฺภนภูตา อภิญฺญา สมาธิสฺส อานิสํสมตฺตนฺติ ‘‘สมาธิผลสทิสา’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺส ตสฺส อธิฎฺฐานวิกุพฺพนทิพฺพสทฺทสวนาทิกสฺส ยทิจฺฉิตสฺส กิจฺจสฺส นิปฺผาทนมตฺตํ ปน อภิญฺญาเจตนา, น กาลนฺตรผลา, ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ วิย นาปิ วิปากผลา, อถ โข ยถาวุตฺตอานิสํสผลา ทฎฺฐพฺพาฯ
Kāyavacīsaṅkhāraggahaṇeti uddesaṃ sandhāyāha. Kāyavacīsañcetanāgahaṇeti niddesaṃ. Viññāṇassāti paṭisandhiviññāṇassa. Sahajātassa pana anantarassa ca paccayo hotiyeva. ‘‘Kusalā vipākadhammā cā’’ti idaṃ sekkhaputhujjanasantāne abhiññācetanā idhādhippetā, na itarāti katvā vuttaṃ. Tena yathāvuttaabhiññācetanāpi paṭisandhiviññāṇassa paccayo siyā kusalasabhāvattā, vipākadhammattā vā tadaññakusalākusalacetanā viyāti dasseti. Tayidaṃ lokuttarakusalāya anekantikaṃ. Na hi sā paṭisandhiviññāṇassa paccayo. Atha vipākadāyinīti vucceyya, evampi ahosikammena anekantikaṃ. Na hi tassā vipākuppādanaṃ atthīti āha ‘‘na vipākuppādanena kusalatā vipākadhammatā cā’’ti. Kevalañhi yā aññesaṃ vipākadhammānaṃ sabyāpārā saussāhā pavatti, tadākārāvassā appahīnakilese santāne pavattīti vipākadhammatā, anavajjaṭṭhena kusalatā ca vuttā. Evampi yadi vipākadhammā abhiññācetanā, kathaṃ avipākāti? Asambhavatoti taṃ asambhavaṃ dassetuṃ ‘‘sā panā’’tiādi vuttaṃ. Abhiññācetanā hi yadi vipākaṃ uppādeyya, sabhūmikaṃ vā uppādeyya aññabhūmikaṃ vā. Tattha aññabhūmikassa tāva uppādanaṃ ayuttaṃ paccayābhāvato, tathā adassanato ca. Tenāha ‘‘na hī’’tiādi. Sabhūmikaṃ navattabbārammaṇaṃ vā uppādeyya parittādiārammaṇaṃ vā, tesu attano kammasamānārammaṇatāya rūpāvacaravipākassa dassitattā, parittādiārammaṇattā ca abhiññācetanāya navattabbārammaṇaṃ na uppādeyya. Tathā ekantanavattabbārammaṇattā rūpāvacaravipākassa parittādiārammaṇañca na uppādeyyāti ayamasambhavo. Tenāha ‘‘attanā sadisārammaṇañcā’’tiādi. Tattha tiṭṭhānikanti paṭisandhibhavaṅgacutivasena ṭhānattayavantaṃ. ‘‘Pathavīkasiṇaṃ āpokasiṇa’’ntiādinā kusalena abhinnaṃ katvā vipākassa ārammaṇaṃ desitanti āha ‘‘cittuppādakaṇḍe…pe… vuttattā’’ti. ‘‘Rūpāvacaratikacatukkajjhānāni kusalato ca vipākato ca kiriyato ca catutthassa jhānassa vipāko ākāsānañcāyatanaṃ ākiñcaññāyatanaṃ ime dhammā navattabbā ‘‘parittārammaṇā’’tipi ‘mahaggatārammaṇā’tipi ‘appamāṇārammaṇā’tipī’’ti vacanato rūpāvacaravipāko ekantanavattabbārammaṇoti āha ‘‘na ca rūpāvacaravipāko parittādiārammaṇo atthī’’ti. Svāyamasambhavo parittādiārammaṇāya abhiññācetanāya vipākābhāvaṃ sādheti, na navattabbārammaṇāya . Navattabbārammaṇāpi hi sā atthīti na byāpīti vipākānuppādane tassā aññaṃ kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘kasiṇesu cā’’tiādimāha. Samādhivijambhanabhūtā abhiññā samādhissa ānisaṃsamattanti ‘‘samādhiphalasadisā’’ti vuttaṃ. Tassa tassa adhiṭṭhānavikubbanadibbasaddasavanādikassa yadicchitassa kiccassa nipphādanamattaṃ pana abhiññācetanā, na kālantaraphalā, diṭṭhadhammavedanīyaṃ viya nāpi vipākaphalā, atha kho yathāvuttaānisaṃsaphalā daṭṭhabbā.
เกจิ ปน ‘‘สมานภูมิกโต อาเสวนลาเภน พลวนฺตานิ ฌานานีติ ตานิ วิปากํ เทนฺติ สมาปตฺติภาวโต, อภิญฺญา ปน สติปิ ฌานภาเว ตทภาวโต ตสฺมิํ ตสฺมิํ อารมฺมเณ อาคนฺตุกาวาติ ทุพฺพลา, ตสฺมา วิปากํ น เทตี’’ติ วทนฺติฯ ตํ อการณํ ปุนปฺปุนํ ปริกมฺมวเสน อภิญฺญายปิ วสีภาวสพฺภาวโตฯ ยํ ปน วทนฺติ ‘‘ปาทกชฺฌาเน อตฺตนา สมานสภาเวหิ ชวเนหิ ลทฺธาเสวเน สมฺมเทว วสีภาวปฺปเตฺต ปริสุทฺธตาทิอฎฺฐงฺคสมนฺนาคเมน สาติสเย ชาเต อภิญฺญา นิพฺพตฺตนฺติ, ตาสญฺจ จตุตฺถชฺฌานิกตฺตา จตุตฺถชฺฌานภูมิโก เอว วิปาโก นิพฺพเตฺตยฺย, โส จ ยถาวุตฺตคุเณน พลวตา ปาทกชฺฌาเนเนว กโตกาเสน สิชฺฌตีติ อโนกาสตาย อภิญฺญา น วิปากํ เทตี’’ติฯ ตมฺปิ อการณํ อวิปากภาวโต ตาสํฯ สติ หิ วิปากทายิภาเว วิปากสฺส อโนกาสโจทนา ยุตฺตา, อวิปากตา จ ตาสํ วุตฺตนยา เอวฯ
Keci pana ‘‘samānabhūmikato āsevanalābhena balavantāni jhānānīti tāni vipākaṃ denti samāpattibhāvato, abhiññā pana satipi jhānabhāve tadabhāvato tasmiṃ tasmiṃ ārammaṇe āgantukāvāti dubbalā, tasmā vipākaṃ na detī’’ti vadanti. Taṃ akāraṇaṃ punappunaṃ parikammavasena abhiññāyapi vasībhāvasabbhāvato. Yaṃ pana vadanti ‘‘pādakajjhāne attanā samānasabhāvehi javanehi laddhāsevane sammadeva vasībhāvappatte parisuddhatādiaṭṭhaṅgasamannāgamena sātisaye jāte abhiññā nibbattanti, tāsañca catutthajjhānikattā catutthajjhānabhūmiko eva vipāko nibbatteyya, so ca yathāvuttaguṇena balavatā pādakajjhāneneva katokāsena sijjhatīti anokāsatāya abhiññā na vipākaṃ detī’’ti. Tampi akāraṇaṃ avipākabhāvato tāsaṃ. Sati hi vipākadāyibhāve vipākassa anokāsacodanā yuttā, avipākatā ca tāsaṃ vuttanayā eva.
น โหตีติ วิญฺญาณสฺส ปจฺจโย น โหตีติฯ อุทฺธจฺจเจตนาปิ อภิญฺญาเจตนาโต นิพฺพิเสเสน วุตฺตาติ มญฺญมาโน ‘‘วิปาเก’’ติ จ วจนํ น วิปาการหตามตฺตวาจโก, อถ โข วิปากสพฺภาววาจโกติ อาห ‘‘วิจาเรตพฺพ’’นฺติฯ ตถา จ วุตฺตํ ‘‘น หิ ‘วิปาเก’ติ วจนํ วิปากธมฺมวจนํ วิย วิปาการหตํ วทตี’’ติฯ ตตฺถ ยํ วิจาเรตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฎฺฐานํ – ยสฺมา อุทฺธจฺจเจตนา ปวตฺติวิปากเมว เทติ, น ปฎิสนฺธิวิปากํ, ตสฺมา ตสฺสา ปวตฺติวิปากสฺส วเสน วิภเงฺค วิปาโก อุทฺธโฎฯ อุภยวิปากทายิกาย ปน เจตนาย นานากฺขณิกกมฺมปจฺจโย วุจฺจตีติ ตทภาวโต ปฎฺฐาเน ตสฺสา โส น วุโตฺตฯ ยํ ปน อฎฺฐกถายํ ‘‘วิญฺญาณสฺส ปจฺจยภาเว อปเนตพฺพา’’ติ (วิภ. อฎฺฐ. ๒๒๖ สงฺขารปทนิเทฺทส) วุตฺตํ, ตํ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ ‘‘เอวํ อุทฺธจฺจเจตนาปิ น โหตี’’ติ อิทมฺปิ วิญฺญาณสฺส ปจฺจยตาภาวมตฺตํ คเหตฺวา วุตฺตํฯ เอวเญฺหตฺถ อญฺญมญฺญํ ปาฬิยา อฎฺฐกถาย จ อวิโรโธ ทฎฺฐโพฺพฯ
Na hotīti viññāṇassa paccayo na hotīti. Uddhaccacetanāpi abhiññācetanāto nibbisesena vuttāti maññamāno ‘‘vipāke’’ti ca vacanaṃ na vipākārahatāmattavācako, atha kho vipākasabbhāvavācakoti āha ‘‘vicāretabba’’nti. Tathā ca vuttaṃ ‘‘na hi ‘vipāke’ti vacanaṃ vipākadhammavacanaṃ viya vipākārahataṃ vadatī’’ti. Tattha yaṃ vicāretabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. Idaṃ panettha sanniṭṭhānaṃ – yasmā uddhaccacetanā pavattivipākameva deti, na paṭisandhivipākaṃ, tasmā tassā pavattivipākassa vasena vibhaṅge vipāko uddhaṭo. Ubhayavipākadāyikāya pana cetanāya nānākkhaṇikakammapaccayo vuccatīti tadabhāvato paṭṭhāne tassā so na vutto. Yaṃ pana aṭṭhakathāyaṃ ‘‘viññāṇassa paccayabhāve apanetabbā’’ti (vibha. aṭṭha. 226 saṅkhārapadaniddesa) vuttaṃ, taṃ paṭisandhiviññāṇameva sandhāya vuttaṃ. ‘‘Evaṃ uddhaccacetanāpina hotī’’ti idampi viññāṇassa paccayatābhāvamattaṃ gahetvā vuttaṃ. Evañhettha aññamaññaṃ pāḷiyā aṭṭhakathāya ca avirodho daṭṭhabbo.
เอตฺถาติ อุทฺธจฺจเจตนาย วิปากทาเนฯ อมตคฺคปเถติ เอวํนามเก ปกรเณฯ ‘‘ปุถุชฺชนสนฺตาเน อกุสลา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, เสกฺขสนฺตาเน ภาวนาย ปหาตพฺพา’’ติ อิมสฺส อตฺถสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘ปุถุชฺชนานํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘น วุจฺจนฺตี’’ติ อิมินา ปุถุชฺชเน ปวตฺตพหิทฺธาสํโยชนาทีนํ ภาวนาย ปหาตพฺพปริยายาภาวํ ทเสฺสติฯ ‘‘ยทิ วุเจฺจยฺยุ’’นฺติอาทินา ตเมวตฺถํ ยุตฺติโต จ อาคมโต จ วิภาเวติฯ ตตฺถ เกสญฺจีติ สกภเณฺฑ ฉนฺทราคาทีนํฯ เกจีติ สกฺกายทิฎฺฐิอาทโยฯ กทาจีติ อตีตาทิเก กิสฺมิญฺจิ กาเลฯ จตฺตตฺตาติอาทิ ปริยายวจนํฯ อุปนิสฺสายาติ อุปนิสฺสยปจฺจเย กตฺวาฯ
Etthāti uddhaccacetanāya vipākadāne. Amataggapatheti evaṃnāmake pakaraṇe. ‘‘Puthujjanasantāne akusalā dassanena pahātabbā, sekkhasantāne bhāvanāya pahātabbā’’ti imassa atthassa vuttattā ‘‘puthujjanānaṃ panā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Na vuccantī’’ti iminā puthujjane pavattabahiddhāsaṃyojanādīnaṃ bhāvanāya pahātabbapariyāyābhāvaṃ dasseti. ‘‘Yadi vucceyyu’’ntiādinā tamevatthaṃ yuttito ca āgamato ca vibhāveti. Tattha kesañcīti sakabhaṇḍe chandarāgādīnaṃ. Kecīti sakkāyadiṭṭhiādayo. Kadācīti atītādike kismiñci kāle. Cattattātiādi pariyāyavacanaṃ. Upanissāyāti upanissayapaccaye katvā.
อิตเรสนฺติ นทสฺสเนนปหาตพฺพานํฯ น จ น โหนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ เอวญฺจ กตฺวาติ ยถาวุตฺตปาฬิยํ อุทฺธจฺจคฺคหเณน อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาโท คหิโต, น ยตฺถ กตฺถจิ อุทฺธจฺจนฺติ เอวมเตฺถ สติฯ ตนฺติ ทิฎฺฐิํฯ ‘‘อตีตาทิภาเวน นวตฺตพฺพเตฺต’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อนาคตา เอว ปหาตพฺพาติ? น, อุปฺปชฺชนารหา นิปฺปริยาเยน อนาคตา นาม, ปหาตพฺพา ปน น อุปฺปชฺชนารหาติ เตสํ อตีตาทิภาเวน นวตฺตพฺพตา วุตฺตาฯ ทสฺสนํ อเปกฺขิตฺวาติ ภาวิตํ ทสฺสนมคฺคํ อุปนิธายฯ สหายวิรหาติ ทสฺสนปหาตพฺพสงฺขาตสหการิการณาภาวโตฯ วิปากํ น ชนยนฺตีติ สกลกิเลสปริกฺขเย วิย เอกจฺจปริกฺขเยปิ ตนฺนิมิตฺตํ ตํ เอกจฺจํ กมฺมํ น วิปจฺจตีติ อธิปฺปาโยฯ วิปาโก วิภเงฺค วุโตฺตติ ปฎิสนฺธิปวตฺติเภทํ ทุวิธมฺปิ วิปากํ สนฺธายาหฯ
Itaresanti nadassanenapahātabbānaṃ. Na ca na hontīti sambandho. Evañca katvāti yathāvuttapāḷiyaṃ uddhaccaggahaṇena uddhaccasahagatacittuppādo gahito, na yattha katthaci uddhaccanti evamatthe sati. Tanti diṭṭhiṃ. ‘‘Atītādibhāvena navattabbatte’’ti kasmā vuttaṃ, nanu anāgatā eva pahātabbāti? Na, uppajjanārahā nippariyāyena anāgatā nāma, pahātabbā pana na uppajjanārahāti tesaṃ atītādibhāvena navattabbatā vuttā. Dassanaṃ apekkhitvāti bhāvitaṃ dassanamaggaṃ upanidhāya. Sahāyavirahāti dassanapahātabbasaṅkhātasahakārikāraṇābhāvato. Vipākaṃ na janayantīti sakalakilesaparikkhaye viya ekaccaparikkhayepi tannimittaṃ taṃ ekaccaṃ kammaṃ na vipaccatīti adhippāyo. Vipāko vibhaṅge vuttoti paṭisandhipavattibhedaṃ duvidhampi vipākaṃ sandhāyāha.
อกุสลานนฺติ ยถาวุตฺตวิเสสานํ ปุถุชฺชนสนฺตาเน อกุสลานํฯ อปฺปหาตพฺพานนฺติ อปฺปหาตพฺพสภาวานํ กุสลาทีนํฯ อปฺปหาตพฺพวิรุทฺธสภาวตา สาวชฺชตาฯ ‘‘เอวมฺปี’’ติอาทิ โทสนฺตรทสฺสนํฯ เตน ยทิปิ เตสํ อกุสลานํ อิมสฺมิํ ติเก ตติยปทสงฺคโห น สิยา, นวตฺตพฺพตา ปน อาปชฺชตีติ ทีเปติฯ สเพฺพน สพฺพํ ธมฺมวเสน อสงฺคหิตสฺส ติกทุเกสุ นวตฺตพฺพตาปตฺตีติ อาห ‘‘นาปชฺชตี’’ติฯ อิทานิ ตํ นวตฺตพฺพตานาปชฺชนํ ‘‘จิตฺตุปฺปาทกเณฺฑ’’ติอาทินา การณโต, นิทสฺสนโต จ วิภาเวติฯ ยตฺถาติ ยสฺมิํ ติเกฯ นิโยคโตติ นิยมโต เอกนฺตโตฯ เตสนฺติ ปทตฺตยสงฺคหิตธมฺมานํฯ ยถาวุตฺตปเทสุ วิยาติ ยถาวุเตฺตสุ ปฐมาทีสุ ตีสุ ปเทสุฯ ยถา ภินฺทิตพฺพา จิตฺตุปฺปาทา, อิตเร จ ยถารหํ ราสิตฺตยวเสน ภินฺทิตฺวา ภชาปิตา ตํตํโกฎฺฐาสโต กตา, เอวํฯ ตตฺถาปีติ จตุตฺถโกฎฺฐาเสปิฯ ภชาเปตเพฺพติ นวตฺตพฺพภาวํ ภชาเปตเพฺพฯ ตทภาวาติ ตสฺส จตุตฺถโกฎฺฐาสสฺส อภาวาฯ ตถาติ นวตฺตพฺพภาเวนฯ
Akusalānanti yathāvuttavisesānaṃ puthujjanasantāne akusalānaṃ. Appahātabbānanti appahātabbasabhāvānaṃ kusalādīnaṃ. Appahātabbaviruddhasabhāvatā sāvajjatā. ‘‘Evampī’’tiādi dosantaradassanaṃ. Tena yadipi tesaṃ akusalānaṃ imasmiṃ tike tatiyapadasaṅgaho na siyā, navattabbatā pana āpajjatīti dīpeti. Sabbena sabbaṃ dhammavasena asaṅgahitassa tikadukesu navattabbatāpattīti āha ‘‘nāpajjatī’’ti. Idāni taṃ navattabbatānāpajjanaṃ ‘‘cittuppādakaṇḍe’’tiādinā kāraṇato, nidassanato ca vibhāveti. Yatthāti yasmiṃ tike. Niyogatoti niyamato ekantato. Tesanti padattayasaṅgahitadhammānaṃ. Yathāvuttapadesu viyāti yathāvuttesu paṭhamādīsu tīsu padesu. Yathā bhinditabbā cittuppādā, itare ca yathārahaṃ rāsittayavasena bhinditvā bhajāpitā taṃtaṃkoṭṭhāsato katā, evaṃ. Tatthāpīti catutthakoṭṭhāsepi. Bhajāpetabbeti navattabbabhāvaṃ bhajāpetabbe. Tadabhāvāti tassa catutthakoṭṭhāsassa abhāvā. Tathāti navattabbabhāvena.
อุปฺปนฺนตฺติเก อตีตา, อิธ ยถาวุตฺตอกุสลา น วุตฺตา, อเปกฺขิตพฺพภาเวนารหิตาปิ ตํสภาวานติวตฺตนโต ตถา วุจฺจนฺตีติ นวตฺตพฺพตาปตฺติโทสํ ปริหรโนฺต ตสฺส อุทาหรณํ ตาว ทเสฺสตุํ ‘‘อถ วา ยถา สปฺปฎิเฆหี’’ติอาทิมาหฯ ตํสภาโว เจตฺถ สาวชฺชตาวิสิโฎฺฐ ทสฺสนปหาตพฺพภาวาภาโวฯ ‘‘เอวญฺจ สตี’’ติอาทินา อิมสฺมิํ ปเกฺข ลทฺธคุณํ ทเสฺสติฯ ภาวนาย ปหาตพฺพานนฺติ ปริยาเยน นิปฺปริยาเยน จ ภาวนาย ปหาตพฺพานํ, ตตฺถ ปุริมานํ อมุขฺยสภาวตฺตา, ปจฺฉิมานํ อวิปากตฺตา นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยตา น วุตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ ยถา จ ภาวนาย ปหาตพฺพานํ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว นตฺถิ, เอวํ ทสฺสเนน ปหาตพฺพานํ วเสน เตสํ ปจฺจยลาโภปิ นตฺถีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น จ…เป.… วุตฺตา’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘เย หิ…เป.… ปวตฺตนฺตี’’ติฯ ตตฺถ น เต ทสฺสนโต อุทฺธํ ปวตฺตนฺตีติ เย ทสฺสเนน ปหาตพฺพปจฺจยา กิเลสา, เต ทสฺสเนน ปหาตพฺพปกฺขิกา เอวาติ เตสํ ภาวนาย ปหาตพฺพปริยาโย เอว นตฺถิ, กถํ เตสํ วเสน ทสฺสเนน ปหาตพฺพา ภาวนาย ปหาตพฺพานํ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโยติ วุเจฺจยฺยาติ อโตฺถฯ อถ วา เย ปุถุชฺชนสนฺตาเน น ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, น เต ปรมตฺถโต ภาวนาย ปหาตพฺพาฯ เย ปน เต เสกฺขสนฺตาเน, น เตสํ ปจฺจยภูตา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา อตฺถีติ เอวมฺปิ ทสฺสเนน ปหาตพฺพา ภาวนาย ปหาตพฺพานํ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโยติ น วุตฺตาติ เวทิตพฺพํฯ ยทิ ทสฺสเนนปหาตพฺพปจฺจยา กิเลสา ทสฺสนปกฺขิกา, ตปฺปจฺจยํ อุทฺธจฺจสหคตํ ทสฺสเนน ปหาตพฺพํ สิยาติ กถํ ตสฺส เอกนฺตภาวนาย ปหาตพฺพตา วุตฺตาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ทสฺสเนน ปหาตพฺพปจฺจยสฺสา’’ติอาทิฯ ตสฺมาติ ยสฺมา สราควีตราคสนฺตาเนสุ สหายเวกเลฺลน กมฺมสฺส วิปากาวิปากธมฺมตา วิย ปุถุชฺชนเสกฺขสนฺตาเนสุ อุทฺธจฺจสหคตสฺส วุตฺตนเยน สวิปากาวิปากตา สิทฺธา, ตสฺมาฯ ตสฺสาติ อุทฺธจฺจสหคตสฺสฯ ตาทิสเสฺสวาติ อุทฺธจฺจสหคตภาเวน เอกสภาวสฺสฯ
Uppannattike atītā, idha yathāvuttaakusalā na vuttā, apekkhitabbabhāvenārahitāpi taṃsabhāvānativattanato tathā vuccantīti navattabbatāpattidosaṃ pariharanto tassa udāharaṇaṃ tāva dassetuṃ ‘‘athavā yathā sappaṭighehī’’tiādimāha. Taṃsabhāvo cettha sāvajjatāvisiṭṭho dassanapahātabbabhāvābhāvo. ‘‘Evañca satī’’tiādinā imasmiṃ pakkhe laddhaguṇaṃ dasseti. Bhāvanāya pahātabbānanti pariyāyena nippariyāyena ca bhāvanāya pahātabbānaṃ, tattha purimānaṃ amukhyasabhāvattā, pacchimānaṃ avipākattā nānākkhaṇikakammapaccayatā na vuttāti adhippāyo. Yathā ca bhāvanāya pahātabbānaṃ nānākkhaṇikakammapaccayabhāvo natthi, evaṃ dassanena pahātabbānaṃ vasena tesaṃ paccayalābhopi natthīti dassento ‘‘na ca…pe… vuttā’’ti vatvā tattha kāraṇamāha ‘‘ye hi…pe… pavattantī’’ti. Tattha na te dassanato uddhaṃ pavattantīti ye dassanena pahātabbapaccayā kilesā, te dassanena pahātabbapakkhikā evāti tesaṃ bhāvanāya pahātabbapariyāyo eva natthi, kathaṃ tesaṃ vasena dassanena pahātabbā bhāvanāya pahātabbānaṃ kenaci paccayena paccayoti vucceyyāti attho. Atha vā ye puthujjanasantāne na dassanena pahātabbā, na te paramatthato bhāvanāya pahātabbā. Ye pana te sekkhasantāne, na tesaṃ paccayabhūtā dassanena pahātabbā atthīti evampi dassanena pahātabbā bhāvanāya pahātabbānaṃ kenaci paccayena paccayoti na vuttāti veditabbaṃ. Yadi dassanenapahātabbapaccayā kilesā dassanapakkhikā, tappaccayaṃ uddhaccasahagataṃ dassanena pahātabbaṃ siyāti kathaṃ tassa ekantabhāvanāya pahātabbatā vuttāti codanaṃ sandhāyāha ‘‘dassanena pahātabbapaccayassā’’tiādi. Tasmāti yasmā sarāgavītarāgasantānesu sahāyavekallena kammassa vipākāvipākadhammatā viya puthujjanasekkhasantānesu uddhaccasahagatassa vuttanayena savipākāvipākatā siddhā, tasmā. Tassāti uddhaccasahagatassa. Tādisassevāti uddhaccasahagatabhāvena ekasabhāvassa.
เอตฺถ จ ยํ ‘‘น ภาวนาย ปหาตพฺพมฺปิ อตฺถิ อุทฺธจฺจสหคต’’นฺติอาทิ อมตคฺคปเถ วุตฺตํ, ตํ อการณํ, กสฺมา? ตสฺส เอกเนฺตน ภาวนาย ปหาตพฺพตฺตาฯ ยถาห ‘‘กตเม ธมฺมา ภาวนาย ปหาตพฺพา? อุทฺธจฺจสหคโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ (ธ. ส. ๑๕๘๓)ฯ ยทิ หิ อุทฺธจฺจสหคตํ น ภาวนาย ปหาตพฺพมฺปิ อภวิสฺส, ยถา อตีตารมฺมณตฺติเก ‘‘นิโยคา อนาคตารมฺมณา นตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘กามาวจรกุสลสฺส วิปากโต ทส จิตฺตุปฺปาทา’’ติอาทินา ปุน วิภชิตฺวา วุตฺตํ, เอวมิธาปิ ‘‘กตเม ธมฺมา ภาวนาย ปหาตพฺพา? นิโยคา ภาวนาย ปหาตพฺพา นตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺธจฺจสหคโต จิตฺตุปฺปาโท สิยา ภาวนาย ปหาตโพฺพ, สิยา น วตฺตโพฺพ ‘ทสฺสเนน ปหาตโพฺพ’ติปิ ‘ภาวนาย ปหาตโพฺพ’ติปี’’ติอาทิ วตฺตพฺพํ สิยา, น จ ตถา วุตฺตํฯ ยา จ ตมตฺถํ ปฎิปาเทเนฺตน ‘‘ยทิ วุเจฺจยฺยุ’’นฺติอาทินา ยุตฺติ วุตฺตา, สาปิ อยุตฺติฯ กสฺมา? ทสฺสเนน ปหาตพฺพารมฺมณานํ ราคทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉุทฺธจฺจานํ ทสฺสเนน ปหาตพฺพภาวเสฺสว อิจฺฉิตตฺตาฯ
Ettha ca yaṃ ‘‘na bhāvanāya pahātabbampi atthi uddhaccasahagata’’ntiādi amataggapathe vuttaṃ, taṃ akāraṇaṃ, kasmā? Tassa ekantena bhāvanāya pahātabbattā. Yathāha ‘‘katame dhammā bhāvanāya pahātabbā? Uddhaccasahagato cittuppādo’’ti (dha. sa. 1583). Yadi hi uddhaccasahagataṃ na bhāvanāya pahātabbampi abhavissa, yathā atītārammaṇattike ‘‘niyogā anāgatārammaṇā natthī’’ti vatvā ‘‘kāmāvacarakusalassa vipākato dasa cittuppādā’’tiādinā puna vibhajitvā vuttaṃ, evamidhāpi ‘‘katame dhammā bhāvanāya pahātabbā? Niyogā bhāvanāya pahātabbā natthī’’ti vatvā ‘‘uddhaccasahagato cittuppādo siyā bhāvanāya pahātabbo, siyā na vattabbo ‘dassanena pahātabbo’tipi ‘bhāvanāya pahātabbo’tipī’’tiādi vattabbaṃ siyā, na ca tathā vuttaṃ. Yā ca tamatthaṃ paṭipādentena ‘‘yadi vucceyyu’’ntiādinā yutti vuttā, sāpi ayutti. Kasmā? Dassanena pahātabbārammaṇānaṃ rāgadiṭṭhivicikicchuddhaccānaṃ dassanena pahātabbabhāvasseva icchitattā.
ยญฺจ ‘‘อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชตี’’ติ อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาโท วุโตฺตติ ทเสฺสตุํ อธิปติปจฺจยนิเทฺทเส อุทฺธจฺจสฺส อนุทฺธรณํ การณภาเวน วุตฺตํ, ตมฺปิ อการณํ อญฺญถาปิ สาวเสสปาฐทสฺสนโตฯ ตถา หิ ‘‘อตีโต ธโมฺม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส, อนาคโต ธโมฺม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๒.๑๘.๒) เอเตสํ วิภเงฺค เจโตปริยญาณคฺคหณํ กตฺวา ‘‘ปจฺจุปฺปโนฺน ธโมฺม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺสา’’ติ อิมสฺส วิภเงฺค ลพฺภมานมฺปิ เจโตปริยญาณคฺคหณํ น กตํฯ
Yañca ‘‘uddhaccaṃ uppajjatī’’ti uddhaccasahagatacittuppādo vuttoti dassetuṃ adhipatipaccayaniddese uddhaccassa anuddharaṇaṃ kāraṇabhāvena vuttaṃ, tampi akāraṇaṃ aññathāpi sāvasesapāṭhadassanato. Tathā hi ‘‘atīto dhammo paccuppannassa dhammassa, anāgato dhammo paccuppannassa dhammassa ārammaṇapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 2.18.2) etesaṃ vibhaṅge cetopariyañāṇaggahaṇaṃ katvā ‘‘paccuppanno dhammo paccuppannassa dhammassā’’ti imassa vibhaṅge labbhamānampi cetopariyañāṇaggahaṇaṃ na kataṃ.
สหายภาโว จ ทสฺสเนน ปหาตพฺพานํ ภาวนาย ปหาตพฺพสฺส วิปากทานํ ปติ วิจาเรตโพฺพฯ กิํ อวิชฺชาทิ วิย ทานาทีนํ อุปฺปตฺติยา เอว วิกุปฺปาทนสมตฺถตาปาทเนน ทสฺสเนน ปหาตพฺพา ภาวนาย ปหาตพฺพานํ สหการิการณํ โหนฺติ, อุทาหุ กิเลโส วิย กมฺมสฺส ปฎิสนฺธิทาเน สตีติ, กิเญฺจตฺถ – ยทิ ปุริมนโย, โสตาปนฺนาทิเสกฺขสนฺตาเน ภาวนาย ปหาตพฺพสฺส กิริยภาโว อาปชฺชติ, สหายเวกเลฺลน อวิปากสภาวตาย อาปาทิตตฺตา ขีณตณฺหาวิชฺชามาเน สนฺตาเน ทานาทิ วิยฯ อถ ทุติโย, ภาวนาย ปหาตพฺพาภิมตสฺสาปิ ทสฺสเนน ปหาตพฺพภาโว อาปชฺชติ, ปฎิสนฺธิทาเน สติ อปายคมนียสภาวานติวตฺตนโตฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมว, ตสฺมา ปาฬิยา อฎฺฐกถาย จ อวิรุชฺฌนวเสเนตฺถ อตฺถวินิจฺฉโย วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
Sahāyabhāvo ca dassanena pahātabbānaṃ bhāvanāya pahātabbassa vipākadānaṃ pati vicāretabbo. Kiṃ avijjādi viya dānādīnaṃ uppattiyā eva vikuppādanasamatthatāpādanena dassanena pahātabbā bhāvanāya pahātabbānaṃ sahakārikāraṇaṃ honti, udāhu kileso viya kammassa paṭisandhidāne satīti, kiñcettha – yadi purimanayo, sotāpannādisekkhasantāne bhāvanāya pahātabbassa kiriyabhāvo āpajjati, sahāyavekallena avipākasabhāvatāya āpāditattā khīṇataṇhāvijjāmāne santāne dānādi viya. Atha dutiyo, bhāvanāya pahātabbābhimatassāpi dassanena pahātabbabhāvo āpajjati, paṭisandhidāne sati apāyagamanīyasabhāvānativattanato. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva, tasmā pāḷiyā aṭṭhakathāya ca avirujjhanavasenettha atthavinicchayo vuttanayeneva veditabbo.
สาติ อุทฺธจฺจเจตนาฯ วิญฺญาณปจฺจยภาเวติ สมฺปุณฺณวิปากวิญฺญาณปจฺจยภาเวฯ การณํ ทเสฺสโนฺตติ อวิกลผลุปฺปาทนาธิกาเร ตทภาวโต ยทิปิ อุทฺธจฺจเจตนา วิญฺญาณสฺส ปจฺจยภาเว อปเนตพฺพา, อวิชฺชาย ปน ปจฺจยุปฺปนฺนภาเว คเหตพฺพาติ อิมํ การณํ ทเสฺสโนฺตฯ สพฺพาปีติ วีสติปิฯ เตนาห ‘‘เอกวีสตีติ วตฺตพฺพ’’นฺติฯ ตนฺติ เยน การเณน สงฺขารคฺคหเณน อภิญฺญาเจตนาย อคฺคหณํ, ตํ การณํฯ อิตราวจนสฺสาปีติ อุทฺธจฺจเจตนาวจนสฺสาปิฯ กิํ ปน ตํ? วิญฺญาณสฺส ปจฺจยภาวาภาโว เอวฯ เภทาภาวาติ กายวจีสงฺขารวเสน วิภาคาภาวโตฯ สํโยโคติ ติกนฺตรปทวเสน สํโยชนํ, ตถา สงฺคโหติ อโตฺถฯ
Sāti uddhaccacetanā. Viññāṇapaccayabhāveti sampuṇṇavipākaviññāṇapaccayabhāve. Kāraṇaṃ dassentoti avikalaphaluppādanādhikāre tadabhāvato yadipi uddhaccacetanā viññāṇassa paccayabhāve apanetabbā, avijjāya pana paccayuppannabhāve gahetabbāti imaṃ kāraṇaṃ dassento. Sabbāpīti vīsatipi. Tenāha ‘‘ekavīsatīti vattabba’’nti. Tanti yena kāraṇena saṅkhāraggahaṇena abhiññācetanāya aggahaṇaṃ, taṃ kāraṇaṃ. Itarāvacanassāpīti uddhaccacetanāvacanassāpi. Kiṃ pana taṃ? Viññāṇassa paccayabhāvābhāvo eva. Bhedābhāvāti kāyavacīsaṅkhāravasena vibhāgābhāvato. Saṃyogoti tikantarapadavasena saṃyojanaṃ, tathā saṅgahoti attho.
สุขสญฺญาย คหณํ อสฺสาทนนฺติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘สุขสญฺญาย…เป.… ทเสฺสตี’’ติฯ ‘‘สุขสญฺญายา’’ติ จ อิทํ กรณเตฺถ กรณวจนํฯ วิปลฺลาโส หิ ทุเกฺข สุขสญฺญาฯ ยํ ปน อฎฺฐกถายํ ‘‘อญฺญาเณนา’’ติ วุตฺตํ, ตํ เหตุมฺหิ กรณวจนํ วิปลฺลาสสฺสาทนานํ อวิชฺชาย เหตุภาวทสฺสนโตฯ ‘‘รโถ เสตปริกฺขาโร’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๔) ปริวารโตฺถปิ ปริกฺขารสโทฺท โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ตณฺหาย ปริวาเร’’ติฯ ตณฺหาปริวาเรติ จ ตณฺหาย กิจฺจสาธเนน สงฺขารานํ สหการิการณภาวํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ปริกฺขารโฎฺฐ สงฺขารโฎฺฐ วิย ภูสนโฎฺฐ โหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สงฺขเต อลงฺกเต’’ติ อาหฯ ปริกฺขโรติ ยถา ผลทานสมตฺถา โหนฺติ, ตถา สงฺขโรติฯ อมรณตฺถาติ อมตตฺถา, นิพฺพานตฺถาติ อโตฺถฯ ทุกฺกรกิริยาติ ปญฺจาตปตปฺปนาทิทุกฺกรจริยาฯ เทวภาวาย ตโป เทวภาวตฺถํ ตโปฯ มาเรตีติ มโร เหตุอตฺถํ อโนฺตนีตํ กตฺวาฯ อมงฺคลมฺปิ มงฺคลปริยาเยน โวหรนฺติ มงฺคลิกาติ วุตฺตํ ‘‘ทิเฎฺฐ อทิฎฺฐสโทฺท วิยา’’ติ ยถา ‘‘อสิเว สิวา’’ติฯ
Sukhasaññāya gahaṇaṃ assādananti adhippāyenāha ‘‘sukhasaññāya…pe… dassetī’’ti. ‘‘Sukhasaññāyā’’ti ca idaṃ karaṇatthe karaṇavacanaṃ. Vipallāso hi dukkhe sukhasaññā. Yaṃ pana aṭṭhakathāyaṃ ‘‘aññāṇenā’’ti vuttaṃ, taṃ hetumhi karaṇavacanaṃ vipallāsassādanānaṃ avijjāya hetubhāvadassanato. ‘‘Ratho setaparikkhāro’’tiādīsu (saṃ. ni. 5.4) parivāratthopi parikkhārasaddo hotīti vuttaṃ ‘‘taṇhāya parivāre’’ti. Taṇhāparivāreti ca taṇhāya kiccasādhanena saṅkhārānaṃ sahakārikāraṇabhāvaṃ sandhāya vuttaṃ. Parikkhāraṭṭho saṅkhāraṭṭho viya bhūsanaṭṭho hotīti dassento ‘‘saṅkhate alaṅkate’’ti āha. Parikkharoti yathā phaladānasamatthā honti, tathā saṅkharoti. Amaraṇatthāti amatatthā, nibbānatthāti attho. Dukkarakiriyāti pañcātapatappanādidukkaracariyā. Devabhāvāya tapo devabhāvatthaṃ tapo. Māretīti maro hetuatthaṃ antonītaṃ katvā. Amaṅgalampi maṅgalapariyāyena voharanti maṅgalikāti vuttaṃ ‘‘diṭṭhe adiṭṭhasaddo viyā’’ti yathā ‘‘asive sivā’’ti.
ปปาตํ ปตนทุกฺขสทิสนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ชาติอาทิปปาตทุกฺข’’นฺติฯ อินฺททุทฺทพฺรหฺมกูฎสญฺญิตปพฺพตสิขรปฺปปาโต มรุปปาโตฯ ตํ ปุญฺญผลํ อโตฺถ ปโยชนํ เอตสฺสาติ ตทโตฺถฯ
Papātaṃ patanadukkhasadisanti katvā vuttaṃ ‘‘jātiādipapātadukkha’’nti. Indaduddabrahmakūṭasaññitapabbatasikharappapāto marupapāto. Taṃ puññaphalaṃ attho payojanaṃ etassāti tadattho.
ปริพฺพาชิกาย ตรุณิยาฯ อสวโส อเสริวิหารีฯ กิเลสาสุจิปคฺฆรเณน ปณฺฑิเตหิ ชิคุจฺฉนียํฯ ราคาทิปริฬาเหน, กฎุกวิปากตาย จ ทุกฺขํฯ อารภติ กโรติฯ สภยสฺสาปิ ปิสาจนครสฺส กามคุณสมิทฺธิยา สุขวิปลฺลาสเหตุภาโว วิยาติ โยชนาฯ ภินฺนชาติเยน อโวมิสฺสตา นิรนฺตรตาฯ ชราย มรเณน จ อญฺญถตฺตํ วิปริณาโมฯ
Paribbājikāya taruṇiyā. Asavaso aserivihārī. Kilesāsucipaggharaṇena paṇḍitehi jigucchanīyaṃ. Rāgādipariḷāhena, kaṭukavipākatāya ca dukkhaṃ. Ārabhati karoti. Sabhayassāpi pisācanagarassa kāmaguṇasamiddhiyā sukhavipallāsahetubhāvo viyāti yojanā. Bhinnajātiyena avomissatā nirantaratā. Jarāya maraṇena ca aññathattaṃ vipariṇāmo.
‘‘น ตาวาหํ ปาปิม ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ วจนโต ‘‘ตาต เอหิ, ตาว อิทํ รชฺชํ ปฎิปชฺชาหี’’ติอาทีสุ ยทิปิ ปริมาณนิยมนกมปทปูรณมตฺตาทีสุปิ ตาว-สโทฺท ทิสฺสติ, อิธ ปน วกฺขมานตฺตาเปโกฺข อธิเปฺปโตติ วุตฺตํ ‘‘ตาวาติ วตฺตพฺพนฺตราเปโกฺข นิปาโต’’ติฯ อวิชฺชาปจฺจยา ปน…เป.… ทเสฺสตีติ ปุเพฺพนาปรํ อฎฺฐกถายํ อวิรุชฺฌนมาหฯ
‘‘Na tāvāhaṃ pāpima parinibbāyissāmī’’ti vacanato ‘‘tāta ehi, tāva idaṃ rajjaṃ paṭipajjāhī’’tiādīsu yadipi parimāṇaniyamanakamapadapūraṇamattādīsupi tāva-saddo dissati, idha pana vakkhamānattāpekkho adhippetoti vuttaṃ ‘‘tāvāti vattabbantarāpekkho nipāto’’ti. Avijjāpaccayā pana…pe… dassetīti pubbenāparaṃ aṭṭhakathāyaṃ avirujjhanamāha.
ราคาทิอสฺสาทนกาเลสูติ ราคาทีนํ อสฺสาทนกาเลสุฯ ‘‘ราคทิฎฺฐิสมฺปยุตฺตายา’’ติ เอตฺถ ราคสมฺปยุตฺตาย ตาว อวิชฺชาย โยชนา โหตุ ราคสฺส อสฺสาทนภาวโต, ทิฎฺฐิสมฺปยุตฺตาย ปน กถนฺติ อาห ‘‘ตทวิปฺปยุตฺตา จ ทิฎฺฐี…เป.… เวทิตพฺพา’’ติฯ ตํสมฺปยุตฺตสงฺขารสฺสาติ ราคาทิสมฺปยุตฺตสงฺขารสฺสฯ อวิชฺชารมฺมณาทิตนฺติ อวิชฺชาย อารมฺมณาทิตํฯ อาทิ-สเทฺทน อารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสยปกตูปนิสฺสเย, อนนฺตราทิเก จ ปจฺจเย สงฺคณฺหาติฯ อนวิชฺชารมฺมณสฺสาติ น อวิชฺชารมฺมณสฺส อวิชฺชํ อนารพฺภ ปวตฺตสฺสฯ อารมฺมณาธิปติอนนฺตราทิปจฺจยวจเนสูติ อารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสยปจฺจยวจเนสุ อวุตฺตสฺส อนวิชฺชารมฺมณสฺส, อนนฺตราทิปจฺจยวจเนสุ อวุตฺตสฺส ปฐมชวนสฺส, ทฺวีสุปิ วุตฺตสฺส อวิชฺชารมฺมณสฺส ทุติยาทิชวนสฺสาติ โยเชตพฺพํฯ อนนฺตรปจฺจยลาภิโน อนนฺตราทินา, สหชาตสฺส เหตุอาทินา, อสหชาตสฺส อุปนิสฺสยาทินา สงฺขารสฺส อวิชฺชา ปจฺจโย โหตีติ อยมโตฺถ ‘‘ยํ กิญฺจี’’ติอาทินา ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํฯ สมติกฺกมภวปตฺถนาวเสนาติ อวิชฺชาสมติกฺกมตฺถาย อรูปาวจรชฺฌานานิ อุปฺปาเทนฺตสฺส, อวิชฺชาสมฺมูฬฺหตฺตา อรูปภวสมฺปตฺติโย ปเตฺถตฺวา ตาเนว ฌานานิ นิพฺพเตฺตนฺตสฺสาติ ปุญฺญาภิสงฺขาเร วุเตฺตน นเยน, วุตฺตนยานุสาเรนาติ อโตฺถฯ
Rāgādiassādanakālesūti rāgādīnaṃ assādanakālesu. ‘‘Rāgadiṭṭhisampayuttāyā’’ti ettha rāgasampayuttāya tāva avijjāya yojanā hotu rāgassa assādanabhāvato, diṭṭhisampayuttāya pana kathanti āha ‘‘tadavippayuttā ca diṭṭhī…pe… veditabbā’’ti. Taṃsampayuttasaṅkhārassāti rāgādisampayuttasaṅkhārassa. Avijjārammaṇāditanti avijjāya ārammaṇāditaṃ. Ādi-saddena ārammaṇādhipatiārammaṇūpanissayapakatūpanissaye, anantarādike ca paccaye saṅgaṇhāti. Anavijjārammaṇassāti na avijjārammaṇassa avijjaṃ anārabbha pavattassa. Ārammaṇādhipatianantarādipaccayavacanesūti ārammaṇādhipatiārammaṇūpanissayapaccayavacanesu avuttassa anavijjārammaṇassa, anantarādipaccayavacanesu avuttassa paṭhamajavanassa, dvīsupi vuttassa avijjārammaṇassa dutiyādijavanassāti yojetabbaṃ. Anantarapaccayalābhino anantarādinā, sahajātassa hetuādinā, asahajātassa upanissayādinā saṅkhārassa avijjā paccayo hotīti ayamattho ‘‘yaṃ kiñcī’’tiādinā dassitoti veditabbaṃ. Samatikkamabhavapatthanāvasenāti avijjāsamatikkamatthāya arūpāvacarajjhānāni uppādentassa, avijjāsammūḷhattā arūpabhavasampattiyo patthetvā tāneva jhānāni nibbattentassāti puññābhisaṅkhāre vuttena nayena, vuttanayānusārenāti attho.
เอกการณวาโท อาปชฺชติ ยถา ปกติอิสฺสรปชาปติปุริสกาลาทิวาทาฯ เอกสฺมิํเยว โลกสฺส การณภูเต สติ ตโต สกลาย ปวตฺติยา อนวเสสโต, สพฺพทา จ ปวตฺติตพฺพํ อเปกฺขิตพฺพสฺส การณนฺตรสฺส อภาวโตฯ น เจตํ อตฺถิ กเมเนว ปวตฺติยา ทสฺสนโตฯ การณนฺตราเปกฺขตาย ปน เอกการณวาโท อปหโต สิยา เอกสฺส จ อเนกสภาวตาภาวาฯ ยตฺตกา ตโต นิพฺพตฺตนฺติ, สเพฺพหิ เตหิ สมานสภาเวเหว ภวิตพฺพํ, น วิสทิเสหิ, อิตรถา ตสฺส เอกภาโว เอว น สิยาติ อิมมตฺถมาห ‘‘สพฺพสฺส…เป.… ปตฺติโต จา’’ติฯ ปาริเสเสนาติ เอกโต เอกํ, เอกโต อเนกํ, อเนกโต เอกนฺติ อิเมสุ ตีสุ ปกาเรสุ อวิชฺชมาเนสุ อนุปลพฺภมาเนสุ ปาริเสสญาเยนฯ อเนกโต อเนกนฺติ เอกสฺมิํ จตุเตฺถ เอว จ ปกาเร วิชฺชมาเนฯ ยทิทํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติอาทินา เอกเหตุผลทีปนํ, ตํ เอตฺถ เทสนาวิลาเสน, วิเนยฺยชฺฌาสยวเสน วา ธมฺมานํ ปธานปากฎาสาธารณภาววิภาวนตฺถนฺติ เอกเหตุผลทีปนํ น นุปปชฺชติ อุปปชฺชติเยวาติ ทเสฺสติ ‘‘ยสฺมา’’ติอาทินาฯ
Ekakāraṇavādoāpajjati yathā pakatiissarapajāpatipurisakālādivādā. Ekasmiṃyeva lokassa kāraṇabhūte sati tato sakalāya pavattiyā anavasesato, sabbadā ca pavattitabbaṃ apekkhitabbassa kāraṇantarassa abhāvato. Na cetaṃ atthi kameneva pavattiyā dassanato. Kāraṇantarāpekkhatāya pana ekakāraṇavādo apahato siyā ekassa ca anekasabhāvatābhāvā. Yattakā tato nibbattanti, sabbehi tehi samānasabhāveheva bhavitabbaṃ, na visadisehi, itarathā tassa ekabhāvo eva na siyāti imamatthamāha ‘‘sabbassa…pe… pattito cā’’ti. Pārisesenāti ekato ekaṃ, ekato anekaṃ, anekato ekanti imesu tīsu pakāresu avijjamānesu anupalabbhamānesu pārisesañāyena. Anekato anekanti ekasmiṃ catutthe eva ca pakāre vijjamāne. Yadidaṃ ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā, phassapaccayā vedanā’’tiādinā ekahetuphaladīpanaṃ, taṃ ettha desanāvilāsena, vineyyajjhāsayavasena vā dhammānaṃ padhānapākaṭāsādhāraṇabhāvavibhāvanatthanti ekahetuphaladīpanaṃ na nupapajjati upapajjatiyevāti dasseti ‘‘yasmā’’tiādinā.
ยถาผสฺสนฺติ สุขเวทนียาทิจกฺขุสมฺผสฺสาทิตํตํผสฺสานุรูปนฺติ วุตฺตํ โหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สุขเวทนีย’’นฺติอาทิํ วตฺวา ‘‘เวทนาววตฺถานโต’’ติ ปทสฺส อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘สมาเนสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สมาเนสูติ อวิสิเฎฺฐสุฯ ผสฺสวเสนาติ สุขเวทนียาทิผสฺสวเสนฯ วิปริยายาภาวโตติ พฺยตฺตยาภาวโตฯ น หิ กทาจิ สุขเวทนียํ ผสฺสํ ปฎิจฺจ ทุกฺขเวทนา, ทุกฺขาทิเวทนียํ วา ผสฺสํ ปฎิจฺจ สุขเวทนา อุปฺปชฺชติฯ สุขาทิจกฺขุสมฺผสฺสชาทีนนฺติ สุขาทีนํ, จกฺขุสมฺผสฺสชาทีนญฺจ เวทนานํฯ โอฬาริกสุขุมาทีติ อาทิ-สเทฺทน หีนปณีตาทิสงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ตตฺถ ยํ อุปาทาย ยา เวทนา ‘‘โอฬาริกา, หีนา’’ติ วา วุจฺจติ, น ตํเยว อุปาทาย ตสฺสา กทาจิปิ สุขุมตา ปณีตตา วา อตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘โอฬาริกสุขุมาทิสงฺกราภาวโต’’ติฯ ยถาวุตฺตสมฺผสฺสสฺสาติ สุขเวทนียาทิผสฺสสฺสฯ สุขเวทนียผสฺสโตเยว สุขเวทนา, น อิตรผสฺสโตฯ สุขเวทนียผสฺสโต สุขเวทนาว, น อิตรเวทนาฯ ตถา เสเสสุปีติ อุภยปทนิยมวเสน ยถาผสฺสํ เวทนาววตฺถานํ, ยถาเวทนํ ผสฺสววตฺถานนฺติ ปททฺวเยน การณนฺตราสมฺมิสฺสตา ผลสฺส, ผลนฺตราสมฺมิสฺสตา จ การณสฺส ทสฺสิตา ปฐมปเกฺข อสํกิณฺณตาววตฺถานนฺติ กตฺวาฯ ทุติยปเกฺข ปน ปจฺจยเภทภิเนฺนน การณวิเสเสน ผลวิเสโส, ผลวิเสเสน จ การณวิเสโส นิจฺฉียตีติ อยมโตฺถ ทสฺสิโต สนฺนิฎฺฐานํ ววตฺถานนฺติ กตฺวาฯ ปุริมสฺมิญฺจ ปเกฺข ธมฺมานํ อสงฺกรโต ววตฺถานํ วุตฺตํ, ทุติยสฺมิญฺจ ยถาววตฺถิตภาวชานนนฺติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ อุตุอาทโยติ อาทิ-สเทฺทน จิตฺตวิสมาจารา ปิตฺตวาตาทโยปิ สงฺคยฺหนฺติฯ เอกสฺมิํ โทเส กุปิเต อิตเรปิ โขภํ คจฺฉนฺติฯ สเนฺตสุปิ เตสุ เสมฺหปฎิกาเรน โรควูปสมโต เสโมฺห ปากโฎติ อโตฺถฯ
Yathāphassanti sukhavedanīyādicakkhusamphassāditaṃtaṃphassānurūpanti vuttaṃ hotīti dassento ‘‘sukhavedanīya’’ntiādiṃ vatvā ‘‘vedanāvavatthānato’’ti padassa atthaṃ dassetuṃ ‘‘samānesū’’tiādi vuttaṃ. Tattha samānesūti avisiṭṭhesu. Phassavasenāti sukhavedanīyādiphassavasena. Vipariyāyābhāvatoti byattayābhāvato. Na hi kadāci sukhavedanīyaṃ phassaṃ paṭicca dukkhavedanā, dukkhādivedanīyaṃ vā phassaṃ paṭicca sukhavedanā uppajjati. Sukhādicakkhusamphassajādīnanti sukhādīnaṃ, cakkhusamphassajādīnañca vedanānaṃ. Oḷārikasukhumādīti ādi-saddena hīnapaṇītādisaṅgaho daṭṭhabbo. Tattha yaṃ upādāya yā vedanā ‘‘oḷārikā, hīnā’’ti vā vuccati, na taṃyeva upādāya tassā kadācipi sukhumatā paṇītatā vā atthīti vuttaṃ ‘‘oḷārikasukhumādisaṅkarābhāvato’’ti. Yathāvuttasamphassassāti sukhavedanīyādiphassassa. Sukhavedanīyaphassatoyeva sukhavedanā, na itaraphassato. Sukhavedanīyaphassato sukhavedanāva, na itaravedanā. Tathā sesesupīti ubhayapadaniyamavasena yathāphassaṃ vedanāvavatthānaṃ, yathāvedanaṃ phassavavatthānanti padadvayena kāraṇantarāsammissatā phalassa, phalantarāsammissatā ca kāraṇassa dassitā paṭhamapakkhe asaṃkiṇṇatāvavatthānanti katvā. Dutiyapakkhe pana paccayabhedabhinnena kāraṇavisesena phalaviseso, phalavisesena ca kāraṇaviseso nicchīyatīti ayamattho dassito sanniṭṭhānaṃ vavatthānanti katvā. Purimasmiñca pakkhe dhammānaṃ asaṅkarato vavatthānaṃ vuttaṃ, dutiyasmiñca yathāvavatthitabhāvajānananti ayametesaṃ viseso. Utuādayoti ādi-saddena cittavisamācārā pittavātādayopi saṅgayhanti. Ekasmiṃ dose kupite itarepi khobhaṃ gacchanti. Santesupi tesu semhapaṭikārena rogavūpasamato semho pākaṭoti attho.
‘‘ภโว’’ติ วุตฺตานํ สงฺขารานํ การณสฺส ปการณํ, การณเมว วา ตณฺหาติ อาห ‘‘ตณฺหาย สงฺขารการณภาวสฺส วุตฺตตฺตา’’ติฯ ตสฺสาปีติ ตณฺหายปิฯ ตณฺหา หิ กามาสโว ภวาสโว จฯ กามาสวภวาสวา กามุปาทานํ, ทิฎฺฐาสโว อิตรุปาทานนฺติ อาห ‘‘จตุรุปาทานภูตา กามภวทิฎฺฐาสวา’’ติฯ เต จ ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ วจนโต อุปาทานญฺจ, ‘‘ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติ วจนโต ตณฺหา จ สงฺขารสฺส การณนฺติ ปากฎาฯ อนสฺสาทนีเยสุ อเนกาทีนวโวกิเณฺณสุ สงฺขาเรสุ อสฺสาทานุปสฺสนา อวิชฺชาย วินา น โหตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อสฺสาทานุปสฺสิโน…เป.… ทสฺสิตา โหตี’’ติฯ ขีณาสวสฺส สงฺขาราภาวโตติ พฺยติเรเกนปิ อวิชฺชาย สงฺขารการณภาวํ วิภาเวติฯ เอกเนฺตน หิ ขีณาสโวว วิทฺทสุฯ เอเตน พาลานํ เอว สมฺภวโต อวิชฺชาย อสาธารณตา วุตฺตาติ ทเสฺสติฯ วตฺถารมฺมณาทีนิ หิ อิตเรสมฺปิ สาธารณานิฯ วตฺถารมฺมณตณฺหุปาทานาทีนิ วิย อวิชฺชาปิ ปุญฺญาภิสงฺขาราทีนํ สาธารณการณนฺติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘ปุญฺญภวาที’’ติอาทิฯ ตตฺถ อาทิ-สเทฺทน อปุญฺญาเนญฺชภวา คเหตพฺพาฯ ปุญฺญภโวติ ปุญฺญาภิสงฺขารเหตุโก อุปปตฺติภโวฯ เอส นโย เสเสสุฯ เอตฺถ จ กิจฺจกรณฎฺฐานเภเทน กิจฺจวตี อวิชฺชา ภินฺทิตฺวา ทสฺสิตาฯ น หิ ยทวตฺถา อวิชฺชา ปุญฺญาภิสงฺขารานํ อุปนิสฺสโย, ตทวตฺถา เอว อิตเรสํ อุปนิสฺสโยติ สกฺกา วิญฺญาตุํฯ เอตฺถ จ ภวาทีนวปฺปฎิจฺฉาทนนฺติ อตฺถโต ปุญฺญาภิสงฺขาราทีนํ ตํตํภวสงฺขาตทุกฺขเหตุสภาวานภิสมยนิมิตฺตตาฯ
‘‘Bhavo’’ti vuttānaṃ saṅkhārānaṃ kāraṇassa pakāraṇaṃ, kāraṇameva vā taṇhāti āha ‘‘taṇhāya saṅkhārakāraṇabhāvassa vuttattā’’ti. Tassāpīti taṇhāyapi. Taṇhā hi kāmāsavo bhavāsavo ca. Kāmāsavabhavāsavā kāmupādānaṃ, diṭṭhāsavo itarupādānanti āha ‘‘caturupādānabhūtākāmabhavadiṭṭhāsavā’’ti. Te ca ‘‘upādānapaccayā bhavo’’ti vacanato upādānañca, ‘‘taṇhāpaccayā upādāna’’nti vacanato taṇhā ca saṅkhārassa kāraṇanti pākaṭā. Anassādanīyesu anekādīnavavokiṇṇesu saṅkhāresu assādānupassanā avijjāya vinā na hotīti dassento āha ‘‘assādānupassino…pe… dassitā hotī’’ti. Khīṇāsavassa saṅkhārābhāvatoti byatirekenapi avijjāya saṅkhārakāraṇabhāvaṃ vibhāveti. Ekantena hi khīṇāsavova viddasu. Etena bālānaṃ eva sambhavato avijjāya asādhāraṇatā vuttāti dasseti. Vatthārammaṇādīni hi itaresampi sādhāraṇāni. Vatthārammaṇataṇhupādānādīni viya avijjāpi puññābhisaṅkhārādīnaṃ sādhāraṇakāraṇanti codanaṃ manasi katvā āha ‘‘puññabhavādī’’tiādi. Tattha ādi-saddena apuññāneñjabhavā gahetabbā. Puññabhavoti puññābhisaṅkhārahetuko upapattibhavo. Esa nayo sesesu. Ettha ca kiccakaraṇaṭṭhānabhedena kiccavatī avijjā bhinditvā dassitā. Na hi yadavatthā avijjā puññābhisaṅkhārānaṃ upanissayo, tadavatthā eva itaresaṃ upanissayoti sakkā viññātuṃ. Ettha ca bhavādīnavappaṭicchādananti atthato puññābhisaṅkhārādīnaṃ taṃtaṃbhavasaṅkhātadukkhahetusabhāvānabhisamayanimittatā.
ฐานนฺติ ธรมานตา อธิเปฺปตาติ วุตฺตํ ‘‘ฐานวิรุโทฺธติ อตฺถิตาวิรุโทฺธ’’ติฯ ฐานาวิรุทฺธา จกฺขุรูปาทโยฯ ‘‘ปุริมจิตฺตญฺหี’’ติอาทินา ฐานวิรุโทฺธ จ อุทาหโฎติ อาห ‘‘น อิทํ เอกนฺติกํ สิยา’’ติฯ ‘‘จกฺขุรูปาทโย’’ติอาทินา หิ ปรโต ฐานาวิรุทฺธา อุทาหรียนฺตีติฯ ปุริมสิปฺปาทิสิกฺขา หิ ปจฺฉา ปวตฺตมานสิปฺปาทิกิริยานํ สโมธานาสมฺภวา ฐานวิโรโธติ ยถาวุตฺตมตฺถํ สมเตฺถตุํ ‘‘น จ สิปฺปาทีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตนฺติ ปฎิสนฺธิอาทิฐานํฯ อิธาติ ฐานสภาวกิจฺจาทิคฺคหเณฯ อาทิ-สเทฺทน อารมฺมณภูมิสนฺตานาทิวิรุทฺธา คเหตพฺพา, เต จ อนุโลมโต โคตฺรภุสฺส, โคตฺรภุโต มคฺคสฺส ลิงฺคปริวตฺตนาทิวเสน จ ปวตฺติยํ เวทิตพฺพาฯ นมนรุปฺปนวิโรธา สภาววิรุโทฺธ ปจฺจโยติ โยชนาฯ ตตฺถ นมนรุปฺปนนฺติ อรูปรูปภาวเมว ทเสฺสติฯ กมฺมํ เจตนาสภาวํ, รูปํ รุปฺปนสภาวนฺติ สภาววิรุทฺธํฯ มธุรมฺพิลรสาทีติ ขีรํ มธุรรสํ ปิตฺตุปสมนํ มธุรวิปากสภาวํ, ทธิ อมฺพิลรสํ ปิตฺตพฺรูหนํ กฎุกวิปากสภาวนฺติ อโต สภาววิโรธาฯ
Ṭhānanti dharamānatā adhippetāti vuttaṃ ‘‘ṭhānaviruddhoti atthitāviruddho’’ti. Ṭhānāviruddhā cakkhurūpādayo. ‘‘Purimacittañhī’’tiādinā ṭhānaviruddho ca udāhaṭoti āha ‘‘na idaṃ ekantikaṃ siyā’’ti. ‘‘Cakkhurūpādayo’’tiādinā hi parato ṭhānāviruddhā udāharīyantīti. Purimasippādisikkhā hi pacchā pavattamānasippādikiriyānaṃ samodhānāsambhavā ṭhānavirodhoti yathāvuttamatthaṃ samatthetuṃ ‘‘na ca sippādīna’’ntiādi vuttaṃ. Tattha tanti paṭisandhiādiṭhānaṃ. Idhāti ṭhānasabhāvakiccādiggahaṇe. Ādi-saddena ārammaṇabhūmisantānādiviruddhā gahetabbā, te ca anulomato gotrabhussa, gotrabhuto maggassa liṅgaparivattanādivasena ca pavattiyaṃ veditabbā. Namanaruppanavirodhā sabhāvaviruddho paccayoti yojanā. Tattha namanaruppananti arūparūpabhāvameva dasseti. Kammaṃ cetanāsabhāvaṃ, rūpaṃ ruppanasabhāvanti sabhāvaviruddhaṃ. Madhurambilarasādīti khīraṃ madhurarasaṃ pittupasamanaṃ madhuravipākasabhāvaṃ, dadhi ambilarasaṃ pittabrūhanaṃ kaṭukavipākasabhāvanti ato sabhāvavirodhā.
ทธิอาทีนีติ ทธิปลาลานิฯ ภูติณกสฺสาติ ภูติณกนามกสฺส โอสธิวิเสสสฺสฯ อวี นาม เอฬกา, ตา ปน เยภุเยฺยน รตฺตโลมกา โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘รตฺตา เอฬกา’’ติฯ วิปากานมฺปิ ปจฺจยภาวโต, อวิปากานมฺปิ ปจฺจยุปฺปนฺนภาวโต น วิปากธมฺมวิปากาเปกฺขา ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตาติ วุตฺตํ ‘‘วิปากาเยว เต จ นา’’ติฯ เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิฯ ตทวิปากานนฺติ ตสฺสา อวิชฺชาย อวิปากภูตานํฯ น น ยุชฺชติ ยุชฺชติ เอว ปจฺจยุปฺปนฺนตามตฺตสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ ตทวิรุทฺธานนฺติ ตาย อวิชฺชาย อวิรุทฺธานํฯ
Dadhiādīnīti dadhipalālāni. Bhūtiṇakassāti bhūtiṇakanāmakassa osadhivisesassa. Avī nāma eḷakā, tā pana yebhuyyena rattalomakā hontīti vuttaṃ ‘‘rattā eḷakā’’ti. Vipākānampi paccayabhāvato, avipākānampi paccayuppannabhāvato na vipākadhammavipākāpekkhā paccayapaccayuppannatāti vuttaṃ ‘‘vipākāyeva te ca nā’’ti. Tenāha ‘‘tasmā’’tiādi. Tadavipākānanti tassā avijjāya avipākabhūtānaṃ. Na na yujjati yujjati eva paccayuppannatāmattassa adhippetattā. Tadaviruddhānanti tāya avijjāya aviruddhānaṃ.
ปุพฺพาปริยววตฺถานนฺติ กายปวตฺติคติชาติอาทีนํ ยถารหํ ปุพฺพาปรภาเวน ปวตฺติ, สา ปน เกนจิ อกฎา อกฎวิธา ปฎินิยตสภาวาติ ทเสฺสตุํ นิยติวาทินา วุตฺตนิทสฺสนํ อาหรโนฺต ‘‘อเจฺฉชฺชสุตฺตาวุตาเภชฺชมณีนํ วิยา’’ติ อาหฯ ทุติยวิกเปฺป สงฺคตีติ อธิจฺจสมุปฺปาโท ยาทิจฺฉิกตา, ยํ สนฺธาย ‘‘ยทิจฺฉาย ปวตฺตนํ นิวตฺตนํ ยทิจฺฉายา’’ติอาทิ วุจฺจติฯ ภาโวติ ธมฺมานํ สภาวสิทฺธิตา, ยํ สนฺธาย วทนฺติ ‘‘กณฺฎกสฺส โกฎิติขิณภาวํ, กปิฎฺฐผลสฺส วฎฺฎภาวํ, มิคปกฺขีนํ วา วิจิตฺตวณฺณสณฺฐานาทิตํ โก อภิสงฺขโรติ, เกวลํ สภาวสิโทฺธวายํ วิเสโส’’ติฯ เตนาห ‘‘สเพฺพ สตฺตา, สเพฺพ ปาณา , สเพฺพ ภูตา, สเพฺพ ชีวา อวสา อพลา อวีริยา นิยติสงฺคติภาวปริณตา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘)ฯ เอเตหิ วิกปฺปเนหีติ จุติอาทีสุ สมฺมูฬฺหตาย ‘‘สโตฺต มรตี’’ติอาทิวิกปฺปเนหิ การณภูเตหิฯ อกุสลํ จิตฺตํ กตฺวาติ อโยนิโสมนสิการปริพฺรูหเนน จิตฺตํ อกุสลํ กตฺวาฯ
Pubbāpariyavavatthānanti kāyapavattigatijātiādīnaṃ yathārahaṃ pubbāparabhāvena pavatti, sā pana kenaci akaṭā akaṭavidhā paṭiniyatasabhāvāti dassetuṃ niyativādinā vuttanidassanaṃ āharanto ‘‘acchejjasuttāvutābhejjamaṇīnaṃ viyā’’ti āha. Dutiyavikappe saṅgatīti adhiccasamuppādo yādicchikatā, yaṃ sandhāya ‘‘yadicchāya pavattanaṃ nivattanaṃ yadicchāyā’’tiādi vuccati. Bhāvoti dhammānaṃ sabhāvasiddhitā, yaṃ sandhāya vadanti ‘‘kaṇṭakassa koṭitikhiṇabhāvaṃ, kapiṭṭhaphalassa vaṭṭabhāvaṃ, migapakkhīnaṃ vā vicittavaṇṇasaṇṭhānāditaṃ ko abhisaṅkharoti, kevalaṃ sabhāvasiddhovāyaṃ viseso’’ti. Tenāha ‘‘sabbe sattā, sabbe pāṇā , sabbe bhūtā, sabbe jīvā avasā abalā avīriyā niyatisaṅgatibhāvapariṇatā’’ti (dī. ni. 1.168). Etehi vikappanehīti cutiādīsu sammūḷhatāya ‘‘satto maratī’’tiādivikappanehi kāraṇabhūtehi. Akusalaṃ cittaṃ katvāti ayonisomanasikāraparibrūhanena cittaṃ akusalaṃ katvā.
สุตฺตาทิธมฺมนฺติ สุตฺตเคยฺยาทิปริยตฺติธมฺมํฯ ปริยตฺติธมฺมญฺหิ สมฺมเทว ชานโนฺต ปฎิปตฺติธมฺมํ ปริปูเรตฺวา ปฎิเวธธเมฺม ปติฎฺฐหติฯ ตนฺติ ตํ ชานนํ, นิพฺพานาภิสมโยติ อโตฺถฯ
Suttādidhammanti suttageyyādipariyattidhammaṃ. Pariyattidhammañhi sammadeva jānanto paṭipattidhammaṃ paripūretvā paṭivedhadhamme patiṭṭhahati. Tanti taṃ jānanaṃ, nibbānābhisamayoti attho.
สงฺขารปทนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṅkhārapadaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
วิญฺญาณปทนิเทฺทสวณฺณนา
Viññāṇapadaniddesavaṇṇanā
๒๒๗. ยถาวุตฺตสงฺขารปจฺจยาติ ปุญฺญาภิสงฺขาราทิวุตฺตปฺปการสงฺขารปจฺจยาฯ วิญฺญาณาทโย เวทนาปริโยสานา เอตรหิ วิปากวฎฺฎภูตา อิธาธิเปฺปตาติ อาห ‘‘ตํกมฺมนิพฺพตฺตเมว วิญฺญาณํ ภวิตุํ อรหตี’’ติฯ อยญฺจ อตฺถวณฺณนา ธาตุกถาปาฬิยา น สเมตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ธาตุกถายํ ปนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ธาตุกถายํ วจนโต สพฺพวิญฺญาณผสฺสเวทนาปริคฺคโห กโต ธาตุกถายนฺติ โยชนาฯ สปฺปเทสาติ สาวเสสา, วิปากา เอวาติ อธิปฺปาโยฯ วิญฺญาณาทีสุ หิ วิปาเกสุเยว อธิเปฺปเตสุ ยถา –
227. Yathāvuttasaṅkhārapaccayāti puññābhisaṅkhārādivuttappakārasaṅkhārapaccayā. Viññāṇādayo vedanāpariyosānā etarahi vipākavaṭṭabhūtā idhādhippetāti āha ‘‘taṃkammanibbattameva viññāṇaṃ bhavituṃ arahatī’’ti. Ayañca atthavaṇṇanā dhātukathāpāḷiyā na sametīti dassento ‘‘dhātukathāyaṃ panā’’tiādimāha. Tattha dhātukathāyaṃ vacanato sabbaviññāṇaphassavedanāpariggaho kato dhātukathāyanti yojanā. Sappadesāti sāvasesā, vipākā evāti adhippāyo. Viññāṇādīsu hi vipākesuyeva adhippetesu yathā –
‘‘วิปาเกหิ ธเมฺมหิ เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา, เต ธมฺมา อสงฺขตํ ขนฺธโต ฐเปตฺวา ปญฺจหิ ขเนฺธหิ ทฺวาทสหายตเนหิ เตรสหิ ธาตูหิ สงฺคหิตาฯ กติหิ อสงฺคหิตา? น เกหิจิ ขเนฺธหิ น เกหิจิ อายตเนหิ ปญฺจหิ ธาตูหิ อสงฺคหิตา’’ติ (ธาตุ. ๔๗๗) –
‘‘Vipākehi dhammehi ye dhammā vippayuttā, te dhammā asaṅkhataṃ khandhato ṭhapetvā pañcahi khandhehi dvādasahāyatanehi terasahi dhātūhi saṅgahitā. Katihi asaṅgahitā? Na kehici khandhehi na kehici āyatanehi pañcahi dhātūhi asaṅgahitā’’ti (dhātu. 477) –
วิปากวิปฺปยุตฺตานํ สงฺคหาสงฺคหา วิสฺสชฺชิตา, เอวมิธาปิ วิสฺสชฺชิตพฺพํ สิยาฯ เตนาห ‘‘วิปากา ธมฺมาติ อิมสฺส วิย วิสฺสชฺชนํ สิยา’’ติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา วิปฺปยุเตฺตน สงฺคหิตาสงฺคหิตปทนิเทฺทเส นิปฺปเทสาว วิญฺญาณผสฺสเวทนา คหิตา, ตสฺมาฯ ตตฺถาติ ธาตุกถายํฯ อภิธมฺมภาชนียวเสนาติ อิมสฺมิํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทวิภเงฺค อภิธมฺมภาชนียวเสนฯ เตนาห ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา จา’’ติอาทิฯ เตน ยถาวุตฺตอตฺถวณฺณนา สุตฺตนฺตภาชนียวเสน วุตฺตาติ ยถาทสฺสิตํ วิโรธํ ปริหรติฯ ยทิ อภิธมฺมภาชนียวเสน ธาตุกถาปาฬิ ปวตฺตา, อถ กสฺมา ‘‘กามภโว ปญฺจหิ ขเนฺธหิ เอกาทสหายตเนหิ สตฺตรสหิ ธาตูหิ สงฺคหิโตฯ รูปภโว ปญฺจหิ ขเนฺธหิ ปญฺจหายตเนหิ อฎฺฐหิ ธาตูหิ สงฺคหิโต’’ติอาทินา (ธาตุ. ๖๗-๖๘) อุปาทินฺนกฺขนฺธวเสน ภโว วิสฺสชฺชิโตติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘ภโว ปน…เป.… น อภิธมฺมภาชนียวเสน คหิโต’’ติฯ เอวญฺจ กตฺวาติ อภิธมฺมภาชนียวเสน อคฺคหิตตฺตา เอวฯ ตตฺถาติ ธาตุกถายํฯ วิปากเญฺหตนฺติ หิ-สโทฺท เหตุอโตฺถฯ ยสฺมา ยถาวุตฺตพาตฺติํสวิธวิญฺญาณํ วิปากํ, ตสฺมา ตํ สงฺขารปจฺจยนฺติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิญฺญาณสฺส วิปากตฺตา’’ติอาทิมาหฯ
Vipākavippayuttānaṃ saṅgahāsaṅgahā vissajjitā, evamidhāpi vissajjitabbaṃ siyā. Tenāha ‘‘vipākā dhammāti imassa viya vissajjanaṃ siyā’’ti. Tasmāti yasmā vippayuttena saṅgahitāsaṅgahitapadaniddese nippadesāva viññāṇaphassavedanā gahitā, tasmā. Tatthāti dhātukathāyaṃ. Abhidhammabhājanīyavasenāti imasmiṃ paṭiccasamuppādavibhaṅge abhidhammabhājanīyavasena. Tenāha ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā cā’’tiādi. Tena yathāvuttaatthavaṇṇanā suttantabhājanīyavasena vuttāti yathādassitaṃ virodhaṃ pariharati. Yadi abhidhammabhājanīyavasena dhātukathāpāḷi pavattā, atha kasmā ‘‘kāmabhavo pañcahi khandhehi ekādasahāyatanehi sattarasahi dhātūhi saṅgahito. Rūpabhavo pañcahi khandhehi pañcahāyatanehi aṭṭhahi dhātūhi saṅgahito’’tiādinā (dhātu. 67-68) upādinnakkhandhavasena bhavo vissajjitoti codanaṃ manasi katvā āha ‘‘bhavo pana…pe… na abhidhammabhājanīyavasena gahito’’ti. Evañca katvāti abhidhammabhājanīyavasena aggahitattā eva. Tatthāti dhātukathāyaṃ. Vipākañhetanti hi-saddo hetuattho. Yasmā yathāvuttabāttiṃsavidhaviññāṇaṃ vipākaṃ, tasmā taṃ saṅkhārapaccayanti imamatthaṃ dassento ‘‘viññāṇassa vipākattā’’tiādimāha.
‘‘โสมนสฺสสหคตาเนว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ อิทํ วิจาเรตพฺพํ อุเปกฺขาสหคตกุสลากุสลชวนานนฺตรมฺปิ โสมนสฺสสหคตตทารมฺมณสฺส อิจฺฉิตตฺตาฯ ตถา หิ อฎฺฐกถายํ ‘‘จตุนฺนํ ปน ทุเหตุกกุสลจิตฺตานํ อญฺญตรชวนสฺส ปริโยสาเน อเหตุกจิตฺตํ ตทารมฺมณภาเวน ปติฎฺฐาตี’’ติ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๔๙๘ วิปากุทฺธารกถา) วตฺวา ‘‘อิฎฺฐารมฺมเณ ปน สนฺตีรณมฺปิ ตทารมฺมณมฺปิ โสมนสฺสสหคตเมวา’’ติ วุตฺตํฯ กุสลากุสลญฺหิ อภิอิฎฺฐมฺปิ อารมฺมณํ ตถาภิสงฺขรเณน กทาจิ น มชฺฌตฺตํ กตฺวา น ปวตฺตติ, วิปากํ ปน ยถาสภาวโตว อารมฺมณรสํ อนุภวติฯ เตนาห ‘‘น สกฺกา วิปากํ วเญฺจตุ’’นฺติฯ กิริยชวนานํ ปน วิสยาภิสงฺขรณสฺส พลวภาวโต ตทนนฺตรานํ ตทารมฺมณานํ ยถาวิสยํ เวทนาวเสน ตทนุคุณตา อิจฺฉิตาฯ เย ปน กิริยชวนานนฺตรํ ตทารมฺมณํ น อิจฺฉนฺติ, เตสํ วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ ยํ ปน ‘‘ชวเนน ตทารมฺมณํ นิยเมตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ กุสลํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ จ วุตฺตํฯ ตสฺมา ยถาวุโตฺต วิจาเรตโพฺพฯ ติเหตุกชวนาวสาเน จ ทุเหตุกชวนาวสาเน จาติ สมุจฺจยโตฺถ จ-สโทฺทฯ เกจิ ปน วิภาคํ อกตฺวา ‘‘กุสลชวนาวสาเนปิ อเหตุกตทารมฺมณํ โหตีติ ‘เยภุเยฺยนา’ติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ โลภจิตฺตสฺส วา สตฺตานํ พหุลํ อุปฺปชฺชนโต ‘‘เยภุเยฺยนา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘สกิํ วา’’ติ วจนสิลิฎฺฐตาวเสน วุตฺตํ ยถา ‘‘อฎฺฐ วา ทส วา’’ติ ทเสฺสตุํ ‘‘ทิรตฺตติรตฺตาทีสุ วิย เวทิตพฺพ’’นฺติ อาหฯ วา-สทฺทสฺส อภาวาติ สุยฺยมานสฺส วา-สทฺทสฺส อภาเวน วุตฺตํฯ อตฺถโต ปน ตตฺถาปิ วา-สโทฺท ลพฺภเตวฯ ติรตฺตํ ปน วาสาทิเก ลพฺภมาเน ทิรเตฺต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทิรตฺตคฺคหณํ วิสุํ น โยเชตีติ อธิปฺปาเยน ‘‘วจนสิลิฎฺฐตามเตฺตนา’’ติ วุตฺตํฯ เกวลํ ‘‘ติรตฺต’’นฺติ วุเตฺต อญฺญตฺถ วาสาทินา อนฺตริตมฺปิ ติรตฺตํ คเณฺหยฺย, ทิรตฺตวิสิฎฺฐํ ปน ติรตฺตํ วุจฺจมานํ เตน อนนฺตริตเมว ติรตฺตํ ทีเปตีติ อาห ‘‘นิรนฺตรติรตฺตทสฺสนตฺถํ วา’’ติฯ พลวรูปาทิเก อารมฺมเณติ อติมหติ รูปาทิอารมฺมเณฯ ‘‘อธิปฺปาโย’’ติ เอเตน เอกจิตฺตกฺขณายุเกปิ วิสเย กทาจิ ตทารมฺมณํ อุปฺปเชฺชยฺยาติ ‘‘สกิํ เอวา’’ติอาทินา วุตฺตมตฺถํ อุลฺลิเงฺคติฯ ‘‘สพฺพทฺวาเรสุ ตทารมฺมเณ เทฺว เอว จิตฺตวารา อาคตา’’ติ วุตฺตตฺตา อยมฺปิ อโตฺถ วิจาเรตฺวา คเหตโพฺพฯ อนุรูปาย ปฎิสนฺธิยาติ อตฺตโน อตฺตโน อนุจฺฉวิเกน ปฎิสนฺธานกิเจฺจนฯ
‘‘Somanassasahagatāneva sandhāya vutta’’nti idaṃ vicāretabbaṃ upekkhāsahagatakusalākusalajavanānantarampi somanassasahagatatadārammaṇassa icchitattā. Tathā hi aṭṭhakathāyaṃ ‘‘catunnaṃ pana duhetukakusalacittānaṃ aññatarajavanassa pariyosāne ahetukacittaṃ tadārammaṇabhāvena patiṭṭhātī’’ti (dha. sa. aṭṭha. 498 vipākuddhārakathā) vatvā ‘‘iṭṭhārammaṇe pana santīraṇampi tadārammaṇampi somanassasahagatamevā’’ti vuttaṃ. Kusalākusalañhi abhiiṭṭhampi ārammaṇaṃ tathābhisaṅkharaṇena kadāci na majjhattaṃ katvā na pavattati, vipākaṃ pana yathāsabhāvatova ārammaṇarasaṃ anubhavati. Tenāha ‘‘na sakkā vipākaṃ vañcetu’’nti. Kiriyajavanānaṃ pana visayābhisaṅkharaṇassa balavabhāvato tadanantarānaṃ tadārammaṇānaṃ yathāvisayaṃ vedanāvasena tadanuguṇatā icchitā. Ye pana kiriyajavanānantaraṃ tadārammaṇaṃ na icchanti, tesaṃ vattabbameva natthi. Yaṃ pana ‘‘javanena tadārammaṇaṃ niyametabba’’nti vuttaṃ, taṃ kusalaṃ sandhāya vuttanti ca vuttaṃ. Tasmā yathāvutto vicāretabbo. Tihetukajavanāvasāne ca duhetukajavanāvasāne cāti samuccayattho ca-saddo. Keci pana vibhāgaṃ akatvā ‘‘kusalajavanāvasānepi ahetukatadārammaṇaṃ hotīti ‘yebhuyyenā’ti vutta’’nti vadanti. Lobhacittassa vā sattānaṃ bahulaṃ uppajjanato ‘‘yebhuyyenā’’ti vuttaṃ. ‘‘Sakiṃ vā’’ti vacanasiliṭṭhatāvasena vuttaṃ yathā ‘‘aṭṭha vā dasa vā’’ti dassetuṃ ‘‘dirattatirattādīsu viya veditabba’’nti āha. Vā-saddassa abhāvāti suyyamānassa vā-saddassa abhāvena vuttaṃ. Atthato pana tatthāpi vā-saddo labbhateva. Tirattaṃ pana vāsādike labbhamāne diratte vattabbameva natthīti dirattaggahaṇaṃ visuṃ na yojetīti adhippāyena ‘‘vacanasiliṭṭhatāmattenā’’ti vuttaṃ. Kevalaṃ ‘‘tiratta’’nti vutte aññattha vāsādinā antaritampi tirattaṃ gaṇheyya, dirattavisiṭṭhaṃ pana tirattaṃ vuccamānaṃ tena anantaritameva tirattaṃ dīpetīti āha ‘‘nirantaratirattadassanatthaṃ vā’’ti. Balavarūpādike ārammaṇeti atimahati rūpādiārammaṇe. ‘‘Adhippāyo’’ti etena ekacittakkhaṇāyukepi visaye kadāci tadārammaṇaṃ uppajjeyyāti ‘‘sakiṃ evā’’tiādinā vuttamatthaṃ ulliṅgeti. ‘‘Sabbadvāresu tadārammaṇe dve eva cittavārā āgatā’’ti vuttattā ayampi attho vicāretvā gahetabbo. Anurūpāya paṭisandhiyāti attano attano anucchavikena paṭisandhānakiccena.
‘‘กติ ปฎิสนฺธิโย, กติ ปฎิสนฺธิจิตฺตานี’’ติอาทินา ปฎิสนฺธิวิจาโร ปรโต วิตฺถารโต กถียตีติ อาห ‘‘ปฎิสนฺธิกถา มหาวิสยาติ กตฺวา ปวตฺติเมว ตาว ทเสฺสโนฺต’’ติฯ อเหตุกทฺวยาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน มหาวิปากมหคฺคตวิปาเก สงฺคณฺหาติฯ ทฺวารนิยมานิยมาวจนนฺติ ทฺวารสฺส นิยตานิยตาวจนํ, นิยตทฺวารํ อนิยตทฺวารนฺติ วา อวจนนฺติ อโตฺถฯ อนุปฺปตฺติโตติ น อุปฺปชฺชนโตฯ ยทิปิ ‘‘อนุรูปาย ปฎิสนฺธิยา’’ติ ปฎิสนฺธิปิ เหฎฺฐา คหิตา, ‘‘ปวตฺติยํ ปนา’’ติ อธิกตตฺตา ปน ปวตฺติเยว ปจฺจามฎฺฐาฯ ปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน ปฐมุทฺทิฎฺฐานิ สพฺพานิปิ โลกิยวิปากจิตฺตานิ อนฺวาเทสํ อรหนฺตีติ อาห ‘‘ตตฺรสฺสาติ ปวตฺติยํ พาตฺติํสวิธสฺสา’’ติฯ
‘‘Kati paṭisandhiyo, kati paṭisandhicittānī’’tiādinā paṭisandhivicāro parato vitthārato kathīyatīti āha ‘‘paṭisandhikathā mahāvisayāti katvā pavattimeva tāva dassento’’ti. Ahetukadvayādīnanti ādi-saddena mahāvipākamahaggatavipāke saṅgaṇhāti. Dvāraniyamāniyamāvacananti dvārassa niyatāniyatāvacanaṃ, niyatadvāraṃ aniyatadvāranti vā avacananti attho. Anuppattitoti na uppajjanato. Yadipi ‘‘anurūpāya paṭisandhiyā’’ti paṭisandhipi heṭṭhā gahitā, ‘‘pavattiyaṃ panā’’ti adhikatattā pana pavattiyeva paccāmaṭṭhā. Paccayuppannabhāvena paṭhamuddiṭṭhāni sabbānipi lokiyavipākacittāni anvādesaṃ arahantīti āha ‘‘tatrassāti pavattiyaṃ bāttiṃsavidhassā’’ti.
ยถา กามาวจรปฎิสนฺธิวิญฺญาณสงฺขาตสฺส พีชสฺส อภาเวปิ รูปภเว จกฺขุโสตินฺทฺริยปวตฺติอานุภาวโต จกฺขุโสตวิญฺญาณานํ สมฺภโว, เอวํ เตเนว การเณน สมฺปฎิจฺฉนาทีนมฺปิ ตตฺถ สมฺภโวติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อินฺทฺริยปวตฺติอานุภาวโต เอวา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ จกฺขุโสตทฺวารเภเทนาติ จกฺขุโสตทฺวารวิเสเสน ภวิตพฺพนฺติ สมฺพโนฺธฯ ตสฺสาติ จกฺขุโสตทฺวารสฺสฯ ทฺวารวนฺตาเปโกฺข ทฺวารภาโวติ อาห ‘‘วิญฺญาณวีถิเภทายตฺตตฺตา’’ติฯ ตสฺมิญฺจ สตีติ ตสฺมิํ ทฺวารเภเท วีถิเภเท จ สติฯ ภาโวติ อุปฺปตฺติฯ ชนกํ อนุพนฺธติ นามาติ ตํสทิเส ตโพฺพหารํ กตฺวา วุตฺตํฯ
Yathā kāmāvacarapaṭisandhiviññāṇasaṅkhātassa bījassa abhāvepi rūpabhave cakkhusotindriyapavattiānubhāvato cakkhusotaviññāṇānaṃ sambhavo, evaṃ teneva kāraṇena sampaṭicchanādīnampi tattha sambhavoti dassento ‘‘indriyapavattiānubhāvato evā’’tiādimāha. Tattha cakkhusotadvārabhedenāti cakkhusotadvāravisesena bhavitabbanti sambandho. Tassāti cakkhusotadvārassa. Dvāravantāpekkho dvārabhāvoti āha ‘‘viññāṇavīthibhedāyattattā’’ti. Tasmiñca satīti tasmiṃ dvārabhede vīthibhede ca sati. Bhāvoti uppatti. Janakaṃ anubandhati nāmāti taṃsadise tabbohāraṃ katvā vuttaṃ.
อิทํ ปน วตฺวาติ รูปารูปาวจรธเมฺม อารพฺภ ตทารมฺมณานุปฺปตฺติํ วตฺวาฯ ภาวนายาติ อกุสลภาวนาย สํกิเลสวฑฺฒเนน, สํกิลิฎฺฐสมาธาเนนาติ อโตฺถฯ ตถา หิ โลภโทสสหคตจิตฺตุปฺปาเทปิ สมาธิ ‘‘อวฎฺฐิติ อวิสาหาโร อวิเกฺขโป อวิสาหฎมานสตา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑) นิทฺทิโฎฺฐฯ อวตฺถุภาวทสฺสนตฺถนฺติ อฎฺฐานภาวทสฺสนตฺถํ, อนารมฺมณภาวทสฺสนตฺถนฺติ อโตฺถฯ
Idaṃ pana vatvāti rūpārūpāvacaradhamme ārabbha tadārammaṇānuppattiṃ vatvā. Bhāvanāyāti akusalabhāvanāya saṃkilesavaḍḍhanena, saṃkiliṭṭhasamādhānenāti attho. Tathā hi lobhadosasahagatacittuppādepi samādhi ‘‘avaṭṭhiti avisāhāro avikkhepo avisāhaṭamānasatā’’tiādinā (dha. sa. 11) niddiṭṭho. Avatthubhāvadassanatthanti aṭṭhānabhāvadassanatthaṃ, anārammaṇabhāvadassanatthanti attho.
‘‘เกน กตฺถา’’ติ ปทสฺส ‘‘เกน จิเตฺตน กสฺมิํ ภเว’’ติ สเงฺขเปน วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘เอกูนวีสตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เตน เตน จิเตฺตนาติ เตน เตน อเหตุกทฺวยาทิจิเตฺตน สทฺธิํ ปวตฺตมานา ปฎิสนฺธิกฺขเณ รูปารูปธมฺมา เอกูนวีสติ ปฎิสนฺธิโยติ โยชนาฯ เตน เตน จิเตฺตน สหชาตาทิปจฺจยตาย เหตุภูเตน, กรณภูเตน วาฯ ตตฺถ ตตฺถ ภเวฯ
‘‘Kena katthā’’ti padassa ‘‘kena cittena kasmiṃ bhave’’ti saṅkhepena vuttamatthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘ekūnavīsatī’’tiādi vuttaṃ. Tattha tena tena cittenāti tena tena ahetukadvayādicittena saddhiṃ pavattamānā paṭisandhikkhaṇe rūpārūpadhammā ekūnavīsati paṭisandhiyoti yojanā. Tena tena cittena sahajātādipaccayatāya hetubhūtena, karaṇabhūtena vā. Tattha tattha bhave.
อนุสฺสรณโตฺถ พฺยาปาโร อนุสฺสรณพฺยาปาโรฯ เกจีติ ธมฺมสิริเตฺถรํ สนฺธาย วทติฯ ตีสุ ชวนวาเรสุ…เป.… ภวิตพฺพนฺติ กมฺมาทิอุปฎฺฐานสฺส ปรโต ตีหิ ชวนวาเรหิ ปวตฺติตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อเนก…เป.… อภิปฺปลมฺพนญฺจ โหตี’’ติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา เอกชวนวารเสฺสว กมฺมาทิอุปฎฺฐาเนน มรณํ น สมฺภวติ, ตสฺมาฯ โผฎฺฐพฺพสฺสาติ ปหารโผฎฺฐพฺพสฺส ฯ ภวงฺคจิเตฺต วตฺตมาเน, อนฺตรนฺตรา ปญฺจทฺวารวีถิยา วา วตฺตมานาย โผฎฺฐพฺพสมาโยเค ปฐมํ กายทฺวาราวชฺชนุปฺปตฺติ ยุตฺตา, ตถาปิ กิสฺมิญฺจิ จินฺติยมาเน ตเมวารพฺภ เอกสฺมิํ ชวนวาเร ปวเตฺต ปจฺฉา กายทฺวาราวชฺชนุปฺปตฺติ สิยา จิตฺตสฺส ลหุปริวตฺติภาวโตติ เกจิวาทสฺส อธิปฺปาโยฯ ยถา นิทฺทายนฺตสฺส โผฎฺฐพฺพสมาโยเคน ปพุชฺฌนกาเล มโนทฺวาราวชฺชนเมว อาวเฎฺฎติ, น กายทฺวาราวชฺชนํฯ ‘‘ปญฺจหิ วิญฺญาเณหิ น ปฎิพุชฺฌตี’’ติ (วิภ. ๗๕๑) หิ วุตฺตํฯ เอวํสมฺปทํ วา เอตํ ทฎฺฐพฺพํฯ ลหุกปจฺจุปฎฺฐานนฺติ ลหุอุปฎฺฐานํฯ มโนทฺวารสฺส วิสโย กมฺมาทิโกฯ ลหุกตาติ ลหุปฎฺฐานตาฯ รูปานนฺติ จกฺขาทิรูปธมฺมานํฯ วิสยภาเวปีติ รูปายตนาทิวิสยสพฺภาเวปิฯ เยสํ วิสโย อตฺถีติ เยสํ นิปฺปริยาเยน วิสโย อตฺถิฯ ตํทสฺสนตฺถเมวาติ เตสํ สารมฺมณานํเยว ทสฺสนตฺถํฯ เตนาติ ตสฺมาฯ
Anussaraṇattho byāpāro anussaraṇabyāpāro. Kecīti dhammasirittheraṃ sandhāya vadati. Tīsu javanavāresu…pe… bhavitabbanti kammādiupaṭṭhānassa parato tīhi javanavārehi pavattitabbanti attho. Tenāha ‘‘aneka…pe… abhippalambanañca hotī’’ti. Tasmāti yasmā ekajavanavārasseva kammādiupaṭṭhānena maraṇaṃ na sambhavati, tasmā. Phoṭṭhabbassāti pahāraphoṭṭhabbassa . Bhavaṅgacitte vattamāne, antarantarā pañcadvāravīthiyā vā vattamānāya phoṭṭhabbasamāyoge paṭhamaṃ kāyadvārāvajjanuppatti yuttā, tathāpi kismiñci cintiyamāne tamevārabbha ekasmiṃ javanavāre pavatte pacchā kāyadvārāvajjanuppatti siyā cittassa lahuparivattibhāvatoti kecivādassa adhippāyo. Yathā niddāyantassa phoṭṭhabbasamāyogena pabujjhanakāle manodvārāvajjanameva āvaṭṭeti, na kāyadvārāvajjanaṃ. ‘‘Pañcahi viññāṇehi na paṭibujjhatī’’ti (vibha. 751) hi vuttaṃ. Evaṃsampadaṃ vā etaṃ daṭṭhabbaṃ. Lahukapaccupaṭṭhānanti lahuupaṭṭhānaṃ. Manodvārassa visayo kammādiko. Lahukatāti lahupaṭṭhānatā. Rūpānanti cakkhādirūpadhammānaṃ. Visayabhāvepīti rūpāyatanādivisayasabbhāvepi. Yesaṃ visayo atthīti yesaṃ nippariyāyena visayo atthi. Taṃdassanatthamevāti tesaṃ sārammaṇānaṃyeva dassanatthaṃ. Tenāti tasmā.
‘‘ภูมิจิตฺตุปฺปาทาทิวเสนา’’ติ อิทํ กมฺมํ สนฺธาย วุตฺตํ, กมฺมนิมิตฺตสฺสปิ วเสน ลพฺภเตว ตสฺส ฉฬารมฺมณภาวโตฯ คตินิมิตฺตสฺส ปน ปเภโท นีลาทิโกเยวฯ
‘‘Bhūmicittuppādādivasenā’’ti idaṃ kammaṃ sandhāya vuttaṃ, kammanimittassapi vasena labbhateva tassa chaḷārammaṇabhāvato. Gatinimittassa pana pabhedo nīlādikoyeva.
อนุปจฺฉิเนฺนสุ มเคฺคน อปฺปหีเนสุฯ ตญฺจ กมฺมาทิํฯ ภวนฺตรนินฺนาทิตา จิตฺตสนฺตานสฺส ภวปตฺถนาย ตถาภิสงฺขตตฺตาฯ ยสฺมิญฺหิ จิตฺตสนฺตาเน ปุญฺญาทิเจตนาย วิย ภวปตฺถนาย ปริภาวนา อนุปจฺฉินฺนา, ตเตฺถว ภวนฺตรปริยาปนฺนจิตฺตุปฺปตฺติฯ ตํ ปน จิตฺตํ ตถา อุปฺปชฺชมานํ ตาย วินามิตํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อนุปจฺฉินฺนกิเลสพลวินามิต’’นฺติฯ สพฺพตฺถาติ สุคติทุคฺคตีสุฯ อิตรายาติ สุคติปฎิสนฺธินินฺนาย จุติยาฯ ‘‘นิจฺฉินนฺตี’’ติ วุตฺตสฺส นิจฺฉยสฺส นิพนฺธนํ อาคมํ ทเสฺสโนฺต ‘‘นิมิตฺตสฺสาทคธิตํ วา’’ติอาทิมาหฯ
Anupacchinnesu maggena appahīnesu. Tañca kammādiṃ. Bhavantaraninnāditā cittasantānassa bhavapatthanāya tathābhisaṅkhatattā. Yasmiñhi cittasantāne puññādicetanāya viya bhavapatthanāya paribhāvanā anupacchinnā, tattheva bhavantarapariyāpannacittuppatti. Taṃ pana cittaṃ tathā uppajjamānaṃ tāya vināmitaṃ viya hotīti vuttaṃ ‘‘anupacchinnakilesabalavināmita’’nti. Sabbatthāti sugatiduggatīsu. Itarāyāti sugatipaṭisandhininnāya cutiyā. ‘‘Nicchinantī’’ti vuttassa nicchayassa nibandhanaṃ āgamaṃ dassento ‘‘nimittassādagadhitaṃ vā’’tiādimāha.
อกุสเล หิ ทุคฺคตูปนิสฺสเย นิยมิเต กุสลํ สุคตูปนิสฺสโยติ นิยมิตเมว โหตีติฯ
Akusale hi duggatūpanissaye niyamite kusalaṃ sugatūpanissayoti niyamitameva hotīti.
อนิฎฺฐํ อารมฺมณํ อาห ยโต ทุคฺคติปฎิสนฺธิ ทสฺสียตีติ อธิปฺปาโยฯ ยทิ เอวํ ‘‘ราคาทิเหตุภูต’’นฺติ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตมฺปิ หิ…เป.… โหตี’’ติฯ ตมฺปีติ อนิฎฺฐารมฺมณมฺปิฯ ยสฺมา ปน หีนํ อารมฺมณนฺติ อารมฺมณภูตกมฺมนิมิตฺตํ อธิเปฺปตํ, ตสฺมา ‘‘อกุสลวิปากชนกกมฺมสหชาตานํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กมฺมนิมิตฺตภูตญฺหิ อารมฺมณํ ยํ วิปากสฺส ชนกํ กมฺมํ, เตน สหชาตานํ, ตสฺส กมฺมสฺส สทิสาสนฺนชวนสหชาตานญฺจ ราคาทีนํ อารมฺมณปจฺจยสงฺขาโต เหตุ โหติ, โส เอว จสฺส หีนภาโวติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กมฺมวเสน อนิฎฺฐนฺติ หีนสฺส อกุสลกมฺมสฺส อารมฺมณโต อารมฺมณตาวเสน หีนนฺติ กตฺวา อนิฎฺฐํ, สภาเวน อิฎฺฐมฺปีติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘อญฺญถา จา’’ติอาทินา กมฺมนิมิตฺตารมฺมณสฺส อกุสลวิปากสฺส น สมฺภโวติ ทเสฺสติฯ อาสนฺนกตกมฺมารมฺมณสนฺตติยนฺติ อาสนฺนกตสฺส กมฺมสฺส อารมฺมณสนฺตาเนฯ ตํสทิสนฺติ ยถาวุตฺตกมฺมารมฺมณสทิสํฯ ปฎิสนฺธิอารมฺมณูปฎฺฐาปกนฺติ ปฎิสนฺธิยา อารมฺมณสฺส อุปฎฺฐาปกํฯ จุติอาสนฺนชวนานํ ปฎิสนฺธิชนกเตฺต อยมโตฺถ ลเพฺภยฺยาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘น จ ปฎิสนฺธิยา’’ติอาทิฯ ตํสมานวีถิยนฺติ ตาย ปฎิสนฺธิยา เอกวีถิยํฯ น อสฺสาทิตานีติ อสฺสาทนภูตาย ตณฺหาย น อามฎฺฐานิฯ
Aniṭṭhaṃ ārammaṇaṃ āha yato duggatipaṭisandhi dassīyatīti adhippāyo. Yadi evaṃ ‘‘rāgādihetubhūta’’nti kasmā vuttanti āha ‘‘tampi hi…pe… hotī’’ti. Tampīti aniṭṭhārammaṇampi. Yasmā pana hīnaṃ ārammaṇanti ārammaṇabhūtakammanimittaṃ adhippetaṃ, tasmā ‘‘akusalavipākajanakakammasahajātānaṃ vā’’tiādi vuttaṃ. Kammanimittabhūtañhi ārammaṇaṃ yaṃ vipākassa janakaṃ kammaṃ, tena sahajātānaṃ, tassa kammassa sadisāsannajavanasahajātānañca rāgādīnaṃ ārammaṇapaccayasaṅkhāto hetu hoti, so eva cassa hīnabhāvoti dassetuṃ ‘‘tañhī’’tiādi vuttaṃ. Kammavasena aniṭṭhanti hīnassa akusalakammassa ārammaṇato ārammaṇatāvasena hīnanti katvā aniṭṭhaṃ, sabhāvena iṭṭhampīti adhippāyo. ‘‘Aññathā cā’’tiādinā kammanimittārammaṇassa akusalavipākassa na sambhavoti dasseti. Āsannakatakammārammaṇasantatiyanti āsannakatassa kammassa ārammaṇasantāne. Taṃsadisanti yathāvuttakammārammaṇasadisaṃ. Paṭisandhiārammaṇūpaṭṭhāpakanti paṭisandhiyā ārammaṇassa upaṭṭhāpakaṃ. Cutiāsannajavanānaṃ paṭisandhijanakatte ayamattho labbheyyāti codanaṃ manasi katvā āha ‘‘na ca paṭisandhiyā’’tiādi. Taṃsamānavīthiyanti tāya paṭisandhiyā ekavīthiyaṃ. Na assāditānīti assādanabhūtāya taṇhāya na āmaṭṭhāni.
สมตฺตาติ ปริปุณฺณา, ปริยตฺตา วาฯ ‘‘มรณกาเล…เป.… สมาทินฺนา’’ติ วจนโต ยถาวุตฺตจุติอาสนฺนชวนานํ ปฎิสนฺธิทานํ สิทฺธนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘น จ ทุพฺพเลหี’’ติอาทิฯ ‘‘วกฺขติ จา’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ อุปจเยน ปากฎตรํ กโรติฯ ญาณวตฺถุวิภงฺควณฺณนายญฺหิ ‘‘ปญฺจหิ วิญฺญาเณหิ น กญฺจิ ธมฺมํ ปฎิวิชานาตี’’ติ ปทานํ อตฺถํ วิวรโนฺต วกฺขติ ‘‘สพฺพมฺปิ…เป.… ปฎิกฺขิตฺตานี’’ติฯ ตตฺถ ปฎิวิชานนาทีติ อาทิ-สเทฺทน อิริยาปถกปฺปนกายวจีกมฺมุปฎฺฐาปนกุสลากุสลธมฺมสมาทานสมาปชฺชนวุฎฺฐานานิ สงฺคณฺหาติฯ อุปปชฺชนสุปินทสฺสนาทีนํ มโนทฺวาริกจิเตฺตเนว ปวตฺติ ปากฎาติ ตานิ พหิ กโรโนฺต ‘‘จวนปริโยสานํ กิจฺจ’’นฺติ อาหฯ สหชวนกานีติ ชวนสหิตานิ, ปญฺจทฺวาริกชวเนหิ สทฺธินฺติ อโตฺถฯ
Samattāti paripuṇṇā, pariyattā vā. ‘‘Maraṇakāle…pe… samādinnā’’ti vacanato yathāvuttacutiāsannajavanānaṃ paṭisandhidānaṃ siddhanti codanaṃ sandhāyāha ‘‘na ca dubbalehī’’tiādi. ‘‘Vakkhati cā’’tiādinā vuttamevatthaṃ upacayena pākaṭataraṃ karoti. Ñāṇavatthuvibhaṅgavaṇṇanāyañhi ‘‘pañcahi viññāṇehi na kañci dhammaṃ paṭivijānātī’’ti padānaṃ atthaṃ vivaranto vakkhati ‘‘sabbampi…pe… paṭikkhittānī’’ti. Tattha paṭivijānanādīti ādi-saddena iriyāpathakappanakāyavacīkammupaṭṭhāpanakusalākusaladhammasamādānasamāpajjanavuṭṭhānāni saṅgaṇhāti. Upapajjanasupinadassanādīnaṃ manodvārikacitteneva pavatti pākaṭāti tāni bahi karonto ‘‘cavanapariyosānaṃ kicca’’nti āha. Sahajavanakānīti javanasahitāni, pañcadvārikajavanehi saddhinti attho.
ตตฺถาติ ‘‘ปญฺจหิ วิญฺญาเณหิ น กญฺจิ ธมฺมํ ปฎิวิชานาตี’’ติ ปาฬิวณฺณนายํฯ น กญฺจิ ธมฺมํ ปฎิวิชานาตีติ เอตฺถ น สเพฺพ รูปาทิธมฺมา ธมฺมคฺคหเณน คหิตาติ ยถาธิเปฺปตธมฺมทสฺสนตฺถํ ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมาติ (ธ. ป. ๑-๒) เอวํ วุตฺตํ เอกมฺปิ กุสลํ วา อกุสลํ วา น ปฎิวิชานาตี’’ติ อฎฺฐกถายํ วุตฺตนฺติ ทเสฺสตฺวา ตสฺส อตฺถํ วิวรโนฺต ‘‘เยส’’นฺติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – เยสํ กุสลากุสลธมฺมานํ ปฎิวิภาวนปฺปวตฺติยา สิทฺธา วิปากธมฺมตา โยนิโสมนสิการอโยนิโสมนสิการสมุฎฺฐานา, ยาย สุขํ วา ทุกฺขํ วา ตํสนฺตาเน อเนฺวติ อนุคจฺฉติ, ปญฺจวิญฺญาณานํ สา วิปากธมฺมตา ปฎิกฺขิตฺตา ปฎิเสธิตาติฯ ตาทิสเมวาติ กุสลากุสลธมฺมปฎิวิชานนสทิสเมวฯ ยทิ ปญฺจทฺวาเร ยถาวุตฺตกิจฺจสฺส กรเณ สหชวนกานิ วีถิจิตฺตานิ ปฎิกฺขิตฺตานิ, กถํ ตตฺถ จวนุปปชฺชนานิ สมฺภวนฺตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตทารมฺมณานนฺตรํ ปนา’’ติอาทิฯ นิปฺปริยาเยน มโนทฺวาริกภาโว มโนทฺวาราวชฺชนุปฺปตฺติปุพฺพโกติ ตทภาเวนาห ‘‘อิมินา อธิปฺปาเยนา’’ติฯ อวเสเสกจิตฺตกฺขณายุเก รูปาทิมฺหีติ โยชนาฯ
Tatthāti ‘‘pañcahi viññāṇehi na kañci dhammaṃ paṭivijānātī’’ti pāḷivaṇṇanāyaṃ. Na kañci dhammaṃ paṭivijānātīti ettha na sabbe rūpādidhammā dhammaggahaṇena gahitāti yathādhippetadhammadassanatthaṃ ‘‘manopubbaṅgamā dhammāti (dha. pa. 1-2) evaṃ vuttaṃ ekampi kusalaṃ vā akusalaṃ vā na paṭivijānātī’’ti aṭṭhakathāyaṃ vuttanti dassetvā tassa atthaṃ vivaranto ‘‘yesa’’ntiādimāha. Tassattho – yesaṃ kusalākusaladhammānaṃ paṭivibhāvanappavattiyā siddhā vipākadhammatā yonisomanasikāraayonisomanasikārasamuṭṭhānā, yāya sukhaṃ vā dukkhaṃ vā taṃsantāne anveti anugacchati, pañcaviññāṇānaṃ sā vipākadhammatā paṭikkhittā paṭisedhitāti. Tādisamevāti kusalākusaladhammapaṭivijānanasadisameva. Yadi pañcadvāre yathāvuttakiccassa karaṇe sahajavanakāni vīthicittāni paṭikkhittāni, kathaṃ tattha cavanupapajjanāni sambhavantīti codanaṃ sandhāyāha ‘‘tadārammaṇānantaraṃ panā’’tiādi. Nippariyāyena manodvārikabhāvo manodvārāvajjanuppattipubbakoti tadabhāvenāha ‘‘iminā adhippāyenā’’ti. Avasesekacittakkhaṇāyuke rūpādimhīti yojanā.
อุปจาโร วิย ทฎฺฐพฺพา สมานารมฺมณตฺตา, อุปปตฺตินิมิตฺตตฺตา จฯ เกจีติ ธมฺมสิริเตฺถรํ สนฺธาย วทติฯ มหคฺคตาวสานํ วทนฺตีติ ยถาปจฺจยํ มหคฺคตสมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐิตสฺส สา วีถิ อุปฺปชฺชติ, ตโต จุติจิตฺตํ โหตีติ วทนฺติฯ อตีตารมฺมณา เอกาทสวิธาติ นว กามาวจรสุคติจุติโย, เทฺว วิญฺญาณญฺจายตนเนวสญฺญานาสญฺญายตนอารุปฺปจุติโยติ เอวํ อตีตารมฺมณา เอกาทสวิธา สุคติจุติโยฯ ปญฺจ รูปาวจรา, วุตฺตาวเสสา เทฺว อรูปาวจราติ นวตฺตพฺพารมฺมณา สตฺตวิธา จุติโยฯ ทุคฺคติจุติ ปน ปรโต วุจฺจตีติ อิธ น คหิตาฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ทุคฺคติจุติยา ปน…เป.… น ทสฺสิตา’’ติฯ
Upacāro viya daṭṭhabbā samānārammaṇattā, upapattinimittattā ca. Kecīti dhammasirittheraṃ sandhāya vadati. Mahaggatāvasānaṃ vadantīti yathāpaccayaṃ mahaggatasamāpattiṃ samāpajjitvā vuṭṭhitassa sā vīthi uppajjati, tato cuticittaṃ hotīti vadanti. Atītārammaṇā ekādasavidhāti nava kāmāvacarasugaticutiyo, dve viññāṇañcāyatananevasaññānāsaññāyatanaāruppacutiyoti evaṃ atītārammaṇā ekādasavidhā sugaticutiyo. Pañca rūpāvacarā, vuttāvasesā dve arūpāvacarāti navattabbārammaṇā sattavidhā cutiyo. Duggaticuti pana parato vuccatīti idha na gahitā. Tathā hi vakkhati ‘‘duggaticutiyā pana…pe… na dassitā’’ti.
เอวมาทิเกติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘สุทฺธาย วา ชวนวีถิยา’’ติอาทิวจนํ สงฺคณฺหาติฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สุทฺธาย วาติ มหคฺคตกมฺมนิมิตฺตารมฺมณาย ชวนวีถิยา’’ติฯ ‘‘วิญฺญายตี’’ติ อิมินา ยทิปิ ‘‘ปถวีกสิณาที’’ติอาทิสเทฺทน อรูปาวจรชฺฌานารมฺมณสฺสาปิ สงฺคโห สมฺภวติ, ‘‘จกฺขุโสตานํ วา’’ติ ปน ทฺวารทฺวยเสฺสว วเสน วิกปฺปนฺตรกรณํ ยถาธิเปฺปตสฺส อตฺถสฺส ญาปกนฺติ ทเสฺสติฯ ญาปกญฺจ นาม อคติกา คตีติ ยถาวุตฺตํ ญาปกํ อสมฺภาเวโนฺต ‘‘อถาปี’’ติอาทิมาหฯ โย ยตฺถ สมฺภวติ, ตสฺส โยชนา ยถาสมฺภวโยชนา, ตายฯ อยมฺปิ ปฎิสนฺธีติ อารุปฺปจุติยา อนนฺตรํ ปฎิสนฺธิํ วทติฯ ตเตฺถวาติ ‘‘ปถวีกสิณาทิกํ วา นิมิตฺต’’นฺติ วุเตฺต ปฐเม วิกเปฺป เอวฯ เหฎฺฐิมา เหฎฺฐิมา ปฎิสนฺธิ นตฺถีติ โยชนาฯ เตนาติ ตสฺมาฯ ตโตติ จตุตฺถารุปฺปจุติโตฯ ตเตฺถวาติ จตุตฺถารุเปฺป เอวฯ อตีตารมฺมณา ปฎิสนฺธิ, ตโต จตุตฺถารุปฺปจุติโต กามาวจเร อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฎิสนฺธิฯ อิตราหีติ อารุปฺปจุตีหิฯ ทุติยา อารุปฺปปฎิสนฺธิ อตีตารมฺมณา, อิตรา นวตฺตพฺพารมฺมณาติ อาห ‘‘ยถาสมฺภว’’นฺติฯ อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา จ กามาวจรปฎิสนฺธีติ เอตฺถาปิ อิตราหีติ สมฺพโนฺธฯ สพฺพตฺถ จ ‘‘โยเชตพฺพา’’ติ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ อิมสฺส วิเสสสฺสาติ ‘‘เตนา’’ติอาทินา ยถาวุตฺตสฺส วิเสสสฺสฯ วิสุํ อุทฺธรณํ กตํ อธิกวจนมญฺญมตฺถํ โพเธตีติฯ
Evamādiketi ādi-saddena ‘‘suddhāya vā javanavīthiyā’’tiādivacanaṃ saṅgaṇhāti. Tathā hi vuttaṃ ‘‘suddhāya vāti mahaggatakammanimittārammaṇāya javanavīthiyā’’ti. ‘‘Viññāyatī’’ti iminā yadipi ‘‘pathavīkasiṇādī’’tiādisaddena arūpāvacarajjhānārammaṇassāpi saṅgaho sambhavati, ‘‘cakkhusotānaṃ vā’’ti pana dvāradvayasseva vasena vikappantarakaraṇaṃ yathādhippetassa atthassa ñāpakanti dasseti. Ñāpakañca nāma agatikā gatīti yathāvuttaṃ ñāpakaṃ asambhāvento ‘‘athāpī’’tiādimāha. Yo yattha sambhavati, tassa yojanā yathāsambhavayojanā, tāya. Ayampi paṭisandhīti āruppacutiyā anantaraṃ paṭisandhiṃ vadati. Tatthevāti ‘‘pathavīkasiṇādikaṃ vā nimitta’’nti vutte paṭhame vikappe eva. Heṭṭhimā heṭṭhimā paṭisandhi natthīti yojanā. Tenāti tasmā. Tatoti catutthāruppacutito. Tatthevāti catutthāruppe eva. Atītārammaṇā paṭisandhi, tato catutthāruppacutito kāmāvacare atītapaccuppannārammaṇā paṭisandhi. Itarāhīti āruppacutīhi. Dutiyā āruppapaṭisandhi atītārammaṇā, itarā navattabbārammaṇāti āha ‘‘yathāsambhava’’nti. Atītapaccuppannārammaṇā ca kāmāvacarapaṭisandhīti etthāpi itarāhīti sambandho. Sabbattha ca ‘‘yojetabbā’’ti sambandhitabbaṃ. Imassa visesassāti ‘‘tenā’’tiādinā yathāvuttassa visesassa. Visuṃ uddharaṇaṃ kataṃ adhikavacanamaññamatthaṃ bodhetīti.
อารมฺมณวเสน เอกวิธายาติ อตีตารมฺมณตาวเสน เอกวิธายฯ ทุวิธาติ อตีตารมฺมณา, ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา จาติ ทฺวิปฺปการาฯ ทุคฺคติจุติยา อารมฺมณวเสน ‘‘เอกวิธายา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํฯ อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตาย ทฺวิปฺปการา กามาวจรปฎิสนฺธิ, นวตฺตพฺพารมฺมณตาย เอกปฺปการา รูปาวจรปฎิสนฺธิ, นวตฺตพฺพาตีตารมฺมณตาย ทฺวิปฺปการา อารุปฺปปฎิสนฺธีติ อาห ‘‘ทฺวิเอกทฺวิปฺปการานํ กามรูปารุปฺปานํ วเสนา’’ติฯ ‘‘ตเถวา’’ติ อิมินา ‘‘ทฺวิเอกทฺวิปฺปการานํ กามรูปารุปฺปานํ วเสนา’’ติ ปททฺวยํ อากฑฺฒติฯ ทุวิธายาติ นวตฺตพฺพาตีตารมฺมณตาวเสน ทุวิธายฯ ปเจฺจกนฺติ วิสุํ วิสุํฯ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ กามารุปฺปานนฺติ เอตฺถายํ โยชนา – นวตฺตพฺพารมฺมณาย อารุปฺปจุติยา อนนฺตรา อตีตารมฺมณา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา จ เทฺว กามปฎิสนฺธี, นวตฺตพฺพารมฺมณา อตีตารมฺมณา จ เทฺว อารุปฺปปฎิสนฺธี, ตถา อตีตารมฺมณายปีติ อิมาสํ วเสน อฎฺฐวิธาฯ
Ārammaṇavasenaekavidhāyāti atītārammaṇatāvasena ekavidhāya. Duvidhāti atītārammaṇā, paccuppannārammaṇā cāti dvippakārā. Duggaticutiyā ārammaṇavasena ‘‘ekavidhāyā’’ti padaṃ ānetvā yojetabbaṃ. Atītapaccuppannārammaṇatāya dvippakārā kāmāvacarapaṭisandhi, navattabbārammaṇatāya ekappakārā rūpāvacarapaṭisandhi, navattabbātītārammaṇatāya dvippakārā āruppapaṭisandhīti āha ‘‘dviekadvippakārānaṃ kāmarūpāruppānaṃ vasenā’’ti. ‘‘Tathevā’’ti iminā ‘‘dviekadvippakārānaṃ kāmarūpāruppānaṃ vasenā’’ti padadvayaṃ ākaḍḍhati. Duvidhāyāti navattabbātītārammaṇatāvasena duvidhāya. Paccekanti visuṃ visuṃ. Dvinnaṃ dvinnaṃ kāmāruppānanti etthāyaṃ yojanā – navattabbārammaṇāya āruppacutiyā anantarā atītārammaṇā paccuppannārammaṇā ca dve kāmapaṭisandhī, navattabbārammaṇā atītārammaṇā ca dve āruppapaṭisandhī, tathā atītārammaṇāyapīti imāsaṃ vasena aṭṭhavidhā.
‘‘ทฺวิทฺวี’’ติ คาถาย วุตฺตเมวตฺถํ สุขคฺคหณตฺถํ สงฺคเหตฺวา ทเสฺสติฯ ยทิปิ ‘‘กมฺมสฺส กตตฺตา’’ติอาทินาปิ กมฺมสฺส วิปากานํ อุปนิสฺสยปจฺจยภาโว คหิโตเยว โหติ, ‘‘กุสลากุสลํ กมฺม’’นฺติอาทินา ปน วิสุํ อุปนิสฺสยปจฺจยภาโว ทสฺสียตีติ ‘‘กามาวจรสฺส…เป.… อาทินา นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว ทสฺสิตปฺปกาโร’’ติ อาหฯ
‘‘Dvidvī’’ti gāthāya vuttamevatthaṃ sukhaggahaṇatthaṃ saṅgahetvā dasseti. Yadipi ‘‘kammassa katattā’’tiādināpi kammassa vipākānaṃ upanissayapaccayabhāvo gahitoyeva hoti, ‘‘kusalākusalaṃ kamma’’ntiādinā pana visuṃ upanissayapaccayabhāvo dassīyatīti ‘‘kāmāvacarassa…pe… ādinā nānākkhaṇikakammapaccayabhāvo dassitappakāro’’ti āha.
อาทินา วิมิสฺสวิญฺญาเณนาติ เอกสฺส ภวสฺส อาทิภูเตน รูปวิมิเสฺสน ปฎิสนฺธิวิญฺญาเณนฯ อญฺญตฺถาติ สํเสทชโอปปาติกโยนิยํฯ อวจนํ ปฎิเกฺขปํ มญฺญมาโน ‘‘คนฺธรสาหารานํ ปฎิกฺขิตฺตตฺตา’’ติ วตฺวา สเพฺพน สพฺพํ รูปภเว เต นตฺถีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘จกฺขุโสตวตฺถุสตฺตกชีวิตฉกฺกภาเวปี’’ติฯ ปาฬิยนฺติ ธมฺมหทยวิภงฺคปาฬิยํฯ ปญฺจายตนานีติ จกฺขุโสตมนรูปธมฺมายตนานิฯ ปญฺจ ธาตุโยติ ตา เอว ปญฺจ ธาตุโยฯ วุตฺตญฺหิ – ‘‘รูปธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กตมานิ ปญฺจายตนานิ ปาตุภวนฺติ? จกฺขายตนํ รูปายตนํ โสตายตนํ มนายตนํ ธมฺมายตนํฯ อิมานิ ปญฺจายตนานิ ปาตุภวนฺติฯ กตมา ปญฺจ ธาตุโย ปาตุภวนฺติ? จกฺขุธาตุ…เป.… ธมฺมธาตุฯ อิมา ปญฺจ ธาตุโย ปาตุภวนฺตี’’ติ (วิภ. ๑๐๑๖)ฯ ฉ อายตนานิ สทฺทายตเนน สทฺธิํ ตานิเยวฯ นว ธาตุโยติ จกฺขุรูปจกฺขุวิญฺญาณโสตสทฺทโสตวิญฺญาณมโนธมฺมมโนวิญฺญาณธาตุโยฯ สพฺพสงฺคหวเสนาติ อนวเสสปริคฺคหวเสนฯ ตตฺถาติ รูปธาตุยํฯ ‘‘กถาวตฺถุมฺหิ จา’’ติอาทินา น เกวลํ ธมฺมหทยวิภงฺคปาฬิยํเยว, อถ โข ปกรณนฺตเรปิ คนฺธาทโย ปฎิกฺขิตฺตาติ ทเสฺสติฯ ตตฺถ ฆานายตนาทีนํ วิยาติ สทิสูทาหรณทสฺสนํฯ ยถา ฆานายตนาทีนํ ตตฺถ รูปภเว ภาโว อตฺถิ, ตา ปฎิกฺขิตฺตา, เอวํ คนฺธายตนาทีนญฺจาติฯ อตฺถิ ตตฺถ ฆานายตนนฺติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺสฯ ยญฺหิ ตตฺถ อายตนํ นตฺถิ, ตสฺส วเสนายํ โจทนาฯ ตโต ปรวาที ยํ ตตฺถ อชฺฌตฺติกานํ ติณฺณํ อายตนานํ ฆานาทิกํ สณฺฐานนิมิตฺตํ, ตเทว อายตนนฺติ ลทฺธิยา ‘‘อามนฺตา’’ติ ปฎิชานาติฯ พาหิรานํ คนฺธายตนาทีนํ วเสน ปุโฎฺฐ ยสฺมา ฆานปฺปสาทาทโย ตตฺถ น อิจฺฉติ, ตสฺมา เตสํ โคจรํ ปฎิเสเธโนฺต ‘‘น เหวํ วตฺตเพฺพ’’ติ ปฎิกฺขิปติฯ อาทิ-สเทฺทน ‘‘อตฺถิ ตตฺถ ชิวฺหายตนนฺติ? อามนฺตาฯ อตฺถิ ตตฺถ รสายตนนฺติ? น เหวํ วตฺตเพฺพ’’ติอาทินยปฺปวตฺตานํ อนุโลมปฎิโลมสํสนฺทนปญฺหาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อโผฎฺฐพฺพายตนานนฺติ โผฎฺฐพฺพายตนภาวรหิตานํ, อโผฎฺฐพฺพสภาวานนฺติ อโตฺถฯ
Ādinā vimissaviññāṇenāti ekassa bhavassa ādibhūtena rūpavimissena paṭisandhiviññāṇena. Aññatthāti saṃsedajaopapātikayoniyaṃ. Avacanaṃ paṭikkhepaṃ maññamāno ‘‘gandharasāhārānaṃ paṭikkhittattā’’ti vatvā sabbena sabbaṃ rūpabhave te natthīti adhippāyenāha ‘‘cakkhusotavatthusattakajīvitachakkabhāvepī’’ti. Pāḷiyanti dhammahadayavibhaṅgapāḷiyaṃ. Pañcāyatanānīti cakkhusotamanarūpadhammāyatanāni. Pañca dhātuyoti tā eva pañca dhātuyo. Vuttañhi – ‘‘rūpadhātuyā upapattikkhaṇe katamāni pañcāyatanāni pātubhavanti? Cakkhāyatanaṃ rūpāyatanaṃ sotāyatanaṃ manāyatanaṃ dhammāyatanaṃ. Imāni pañcāyatanāni pātubhavanti. Katamā pañca dhātuyo pātubhavanti? Cakkhudhātu…pe… dhammadhātu. Imā pañca dhātuyo pātubhavantī’’ti (vibha. 1016). Cha āyatanāni saddāyatanena saddhiṃ tāniyeva. Nava dhātuyoti cakkhurūpacakkhuviññāṇasotasaddasotaviññāṇamanodhammamanoviññāṇadhātuyo. Sabbasaṅgahavasenāti anavasesapariggahavasena. Tatthāti rūpadhātuyaṃ. ‘‘Kathāvatthumhi cā’’tiādinā na kevalaṃ dhammahadayavibhaṅgapāḷiyaṃyeva, atha kho pakaraṇantarepi gandhādayo paṭikkhittāti dasseti. Tattha ghānāyatanādīnaṃviyāti sadisūdāharaṇadassanaṃ. Yathā ghānāyatanādīnaṃ tattha rūpabhave bhāvo atthi, tā paṭikkhittā, evaṃ gandhāyatanādīnañcāti. Atthi tattha ghānāyatananti pucchā sakavādissa. Yañhi tattha āyatanaṃ natthi, tassa vasenāyaṃ codanā. Tato paravādī yaṃ tattha ajjhattikānaṃ tiṇṇaṃ āyatanānaṃ ghānādikaṃ saṇṭhānanimittaṃ, tadeva āyatananti laddhiyā ‘‘āmantā’’ti paṭijānāti. Bāhirānaṃ gandhāyatanādīnaṃ vasena puṭṭho yasmā ghānappasādādayo tattha na icchati, tasmā tesaṃ gocaraṃ paṭisedhento ‘‘na hevaṃ vattabbe’’ti paṭikkhipati. Ādi-saddena ‘‘atthi tattha jivhāyatananti? Āmantā. Atthi tattha rasāyatananti? Na hevaṃ vattabbe’’tiādinayappavattānaṃ anulomapaṭilomasaṃsandanapañhādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Aphoṭṭhabbāyatanānanti phoṭṭhabbāyatanabhāvarahitānaṃ, aphoṭṭhabbasabhāvānanti attho.
อิทานิ อนายตนสภาเว คนฺธรเส ปฎิชานิตฺวาปิ โทสํ วทโนฺต ‘‘ยทิ จา’’ติอาทิมาหฯ อวจเน นตฺถิ การณํ ยถาธมฺมสาสเน อภิธเมฺม, เตสํ วา นิสตฺตนิชฺชีวสภาวตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ ยถา จ ธาตุภาโว, เอวํ ธมฺมภาโว จ เตสํ เอกนฺติโก, ตถา อายตนภาโว จาติ สพฺพถาปิ ตตฺถ วิชฺชมานานํ คนฺธรสานํ อายตเนสุ อวจเน การณํ นตฺถีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ธมฺมภาโว จา’’ติอาทิมาหฯ อญฺญสฺส ปรมตฺถสฺส อภาวาฯ โกจิ อายตนสภาโวติ ธมฺมายตนเมว สนฺธาย วทติฯ เตน ยทิ รูปภเว คนฺธรสา วิชฺชนฺติ, ยถาวุตฺตการณโต คนฺธรสายตนภาเวน อวุจฺจมานาปิ ธมฺมายตนภาเวน วตฺตพฺพา สิยุํ, น จ วุตฺตาฯ ตสฺมา นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํ ‘‘นเตฺถว รูปภเว คนฺธรสา’’ติ ทเสฺสติฯ กิญฺจ รูปธาตุยํ คนฺธรสภาเวน อวุตฺตานํ, กามธาตุยํ วุตฺตานํ เตสํ กิํ คนฺธรสภาวโต อเญฺญน สภาเวน รูปธาตุยํ อตฺถิภาโว, อุทาหุ คนฺธรสภาเวนฯ ยทิ ปุริโม ปโกฺข ธมฺมายตเน เตสํ สงฺคโห สิยา อนายตนสภาวสฺส สภาวธมฺมสฺส อภาวา, อถ ทุติโย เตเนว การเณน เนสํ คนฺธรสายตนภาโว สิโทฺธติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยทิ จา’’ติอาทิมาหฯ ตสฺมาติ ยสฺมา คนฺธรสา ธมฺมหทยวิภเงฺค น วุตฺตา, กถาวตฺถุมฺหิ จ เตสํ ภาโว ปฎิกฺขิโตฺต, ผุสิตุํ อสกฺกุเณยฺยา ปถวีอาทโย วิย ฆายิตุํ สายิตุญฺจ อสกฺกุเณยฺยา เต นตฺถิ, ธาตุสเทฺทน จ เต คหิตา, ธมฺมภาโว จ เตสํ เอกนฺติโก, ตสฺมิญฺจ สติ สิโทฺธ อายตนภาโว, ตสฺมาฯ ตถาติ ปาฬิยํ อวุตฺตธเมฺม หาเปตฺวา จกฺขุสตฺตกาทิวเสนฯ เอวนฺติ จกฺขุสตฺตกาทิวเสน รูปคณนาย กริยมานายฯ ธมฺมตาติ ปาฬิธโมฺม , รูปภเว วา ปวตฺตนกรูปธมฺมตาฯ ‘‘น วิโลมิตา’’ติ อิมินา ยถาปฎิญฺญาตํ ธมฺมํ ทีปิตํ อุลฺลิเงฺคติฯ
Idāni anāyatanasabhāve gandharase paṭijānitvāpi dosaṃ vadanto ‘‘yadi cā’’tiādimāha. Avacane natthi kāraṇaṃ yathādhammasāsane abhidhamme, tesaṃ vā nisattanijjīvasabhāvattāti adhippāyo. Yathā ca dhātubhāvo, evaṃ dhammabhāvo ca tesaṃ ekantiko, tathā āyatanabhāvo cāti sabbathāpi tattha vijjamānānaṃ gandharasānaṃ āyatanesu avacane kāraṇaṃ natthīti dassento ‘‘dhammabhāvo cā’’tiādimāha. Aññassa paramatthassa abhāvā. Koci āyatanasabhāvoti dhammāyatanameva sandhāya vadati. Tena yadi rūpabhave gandharasā vijjanti, yathāvuttakāraṇato gandharasāyatanabhāvena avuccamānāpi dhammāyatanabhāvena vattabbā siyuṃ, na ca vuttā. Tasmā niṭṭhamettha gantabbaṃ ‘‘nattheva rūpabhave gandharasā’’ti dasseti. Kiñca rūpadhātuyaṃ gandharasabhāvena avuttānaṃ, kāmadhātuyaṃ vuttānaṃ tesaṃ kiṃ gandharasabhāvato aññena sabhāvena rūpadhātuyaṃ atthibhāvo, udāhu gandharasabhāvena. Yadi purimo pakkho dhammāyatane tesaṃ saṅgaho siyā anāyatanasabhāvassa sabhāvadhammassa abhāvā, atha dutiyo teneva kāraṇena nesaṃ gandharasāyatanabhāvo siddhoti imamatthaṃ dassento ‘‘yadi cā’’tiādimāha. Tasmāti yasmā gandharasā dhammahadayavibhaṅge na vuttā, kathāvatthumhi ca tesaṃ bhāvo paṭikkhitto, phusituṃ asakkuṇeyyā pathavīādayo viya ghāyituṃ sāyituñca asakkuṇeyyā te natthi, dhātusaddena ca te gahitā, dhammabhāvo ca tesaṃ ekantiko, tasmiñca sati siddho āyatanabhāvo, tasmā. Tathāti pāḷiyaṃ avuttadhamme hāpetvā cakkhusattakādivasena. Evanti cakkhusattakādivasena rūpagaṇanāya kariyamānāya. Dhammatāti pāḷidhammo , rūpabhave vā pavattanakarūpadhammatā. ‘‘Na vilomitā’’ti iminā yathāpaṭiññātaṃ dhammaṃ dīpitaṃ ulliṅgeti.
เอตฺถ จ รูปาวจรสตฺตานํ ฆานชิวฺหายตนาภาวโต วิชฺชมานาปิ คนฺธรสา อายตนกิจฺจํ น กโรนฺตีติ เต อนามสิตฺวา ปาฬิยํ ‘‘ปญฺจายตนานิ ปาตุภวนฺติ, ฉ อายตนานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘ตโย อาหารา’’ติ จ อโชฺฌหริตพฺพสฺส อาหารสฺส อภาเวน โอชฎฺฐมกรูปสมุฎฺฐาปนสงฺขาตสฺส อาหารกิจฺจสฺส อกรณโต, น สเพฺพน สพฺพํ คนฺธรสานํ โอชาย จ อภาวโตฯ อิติ วิสยิโน กิจฺจสฺส จ อภาเวน วิสโย, กิจฺจวา จ ธโมฺม น วุโตฺตฯ ยสฺมิญฺหิ ภเว วิสยี นตฺถิ, ตสฺมิํ ตํเหตุโก นิปฺปริยาเยน วิสยสฺส อายตนภาโว นตฺถีติ วิชฺชมานสฺสาปิ อวจนํ, ยถา รูปภเว ปถวีเตโชวาโยธาตูนํ โผฎฺฐพฺพายตนภาเวนฯ ยสฺส ปน ยตฺถ วจนํ, ตสฺส ตตฺถ วิสยีสพฺภาวเหตุโก นิปฺปริยาเยน อายตนภาโว วุโตฺต ทิโฎฺฐ ยถา ตเตฺถว รูปายตนสฺสฯ ยทิ วิสยีสพฺภาวเหตุโก วิสยสฺส นิปฺปริยาเยน อายตนภาโว, กถํ อสญฺญสตฺตานํ เทวานํ เทฺว อายตนานิ ปาตุภวนฺตีติฯ อสญฺญสตฺตานญฺหิ จกฺขายตนํ นตฺถิ, อจกฺขายตนภาเวน จ เนสํ รูปายตนํ อเญฺญสํ อวิสโยติ? นายํ วิโรโธฯ เยน อธิปฺปาเยน รูปธาตุยํ สญฺญีนํ คนฺธายตนาทีนํ อวจนํ, เตน รูปายตนสฺสาปิ อวจนนฺติ อสญฺญีนํ เอกํ อายตนํ วตฺตพฺพํฯ ยถาสกญฺหิ อินฺทฺริยโคจรภาวาเปกฺขาย เยสํ นิปฺปริยาเยน อายตนภาโว อตฺถิ, เตสุ นิทฺทิสิยมาเนสุ ตทภาวโต รูปธาตุยํ สญฺญีนํ คนฺธาทิเก วิสุํ อายตนภาเวน อวตฺวา ธมฺมสภาวานติวตฺตนโต, มโนวิญฺญาณสฺส จ วิสยภาวูปคมนโต ธมฺมายตนโนฺตคเธ กตฺวา ‘‘ปญฺจายตนานี’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํฯ เอตทตฺถญฺหิ ‘‘ธมฺมายตน’’นฺติ สามญฺญโต นามกรณํ, ปิฎฺฐิวฎฺฎกานิ วา ตานิ กตฺวา ‘‘ปญฺจายตนานี’’ติ วุตฺตํฯ เยน จ ปน อธิปฺปาเยน อสญฺญีนํ รูปายตนํ วุตฺตํ, เตน สญฺญีนมฺปิ คนฺธาทีนํ วิสุํ คหณํ กาตพฺพนฺติ อิมสฺส นยสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘อสญฺญสตฺตานํ เทวานํ เทฺว อายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ (วิภ. ๑๐๑๗) วุตฺตํฯ อสติปิ หิ อตฺตโน อินฺทฺริเย รูปสฺส วณฺณายตนสภาวาติกฺกโม นเตฺถวาติ ตํ รูปายตนเนฺตฺวว วุจฺจติฯ อิมินา จ นยทสฺสเนน คนฺธาทีนิ ตีณิ ปกฺขิปิตฺวา สญฺญีนํ อฎฺฐ อายตนานิ, อสญฺญีนํ ปญฺจาติ อยมโตฺถ ทสฺสิโต โหติฯ เอวเญฺจตํ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํฯ อญฺญถา รูปโลเก ผุสิตุมสกฺกุเณยฺยตาย ปถวีอาทีนํ วจีโฆโส เอว น สิยาฯ น หิ ปฎิฆฎฺฎนานิฆํสมนฺตเรน สทฺทปฺปวตฺติ อตฺถิ, น จ ผุสนสภาวานํ กตฺถจิ อผุสนสภาวตา สกฺกา วิญฺญาตุํฯ โผฎฺฐพฺพายตนสงฺขาตสฺส จ ภูตตฺตยสฺส อภาเว รูปภเว รูปายตนาทีนมฺปิ สมฺภโว เอว น สิยา, ตสฺมา ผุสิตุํ สกฺกุเณยฺยตายปิ ปถวีอาทีนํ ตตฺถ กายินฺทฺริยาภาเวน เตสํ โผฎฺฐพฺพภาโว น วุโตฺตฯ เอวญฺจ กตฺวา รูปธาตุยํ เตสํ สปฺปฎิฆวจนญฺจ สมตฺถิตํ โหติฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘อสญฺญสตฺตานํ อนิทสฺสนสปฺปฎิฆํ เอกํ มหาภูตํ ปฎิจฺจ เทฺว มหาภูตา’’ติอาทิ (ปฎฺฐา. ๒.๒๒.๑๗)ฯ ปฎิโฆ เหตฺถ ภูตตฺตยสฺส กายปฺปสาทํ ปติ ตํนิสฺสยภูตฆฎฺฎนทฺวาเรน อภิมุขภาโว, โส จ ผุสิตุํ อสกฺกุเณยฺยสภาวสฺส ฆฎฺฎนาย อภาวโต นตฺถิฯ นนุ ‘‘เทฺว อายตนานี’’ติ เอตฺถ ปริยายายตนํ อธิเปฺปตํ, อถ กสฺมา คนฺธายตนาทีนิปิ คเหตฺวา ‘‘ปญฺจายตนานี’’ติ น วุตฺตนฺติ? ‘‘นยทสฺสนวเสน เทสนา ปวตฺตา’’ติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ อถ วา ตตฺถ รูปายตนเสฺสว วจนํ กทาจิ อญฺญภูมิกานํ ปสาทสฺส วิสยภาวํ สนฺธาย, น ปน อิตเรสํ อภาวโตฯ นาปิ ปริยาเยน คนฺธายตนาทีนํ อายตนสภาวาภาวโตฯ อสญฺญีนญฺหิ รูปายตนํ สมานภูมิกานํ เวหปฺผลานํ, อุปริภูมิกานญฺจ สุทฺธวาสานํ ปสาทสฺส วิสยภาวํ คจฺฉติ, น ปน คนฺธรสาติ เตสํเยว ตตฺถาวจนํ ยุตฺตํฯ กถาวตฺถุมฺหิ จ นิปฺปริยาเยน คนฺธายตนาทีนํ อตฺถิภาวํ ปฎิชานนฺตํ สนฺธาย ปฎิเสโธ กโตฯ ยทิปิ เจตํ วจนํ ตตฺถ คนฺธายตนาทีนํ อภาววิภาวนํ น โหติ, อตฺถิภาวทีปนมฺปิ ปน อญฺญวจนํ นเตฺถวาติ? นยิทเมวํ อฎฺฐกถาสุ ตตฺถ เนสํ อตฺถิภาวสฺส นิทฺธาเรตฺวา วุตฺตตฺตาฯ ยญฺหิ อฎฺฐกถาวจนํ ปาฬิยา น วิรุชฺฌติ, ตํ ปาฬิ วิย ปมาณภูตํ อครหิตาย อาจริยปรมฺปราย ยาวชฺชตนา อาคตตฺตาฯ ตตฺถ สิยา – ยํ ปาฬิยา น วิรุชฺฌติ อฎฺฐกถาวจนํ, ตํ ปมาณํฯ อิทํ ปน วิรุชฺฌตีติ? นยิทเมวํ ยถา น วิรุชฺฌติ , ตถา ปฎิปาทิตตฺตาฯ จกฺขาทีนํ อายตนานํ, ตนฺนิสฺสยานญฺจ วิญฺญาณานํ สตฺตสุญฺญตาสนฺทสฺสนตฺถํ ภควโต ธาตุเทสนาติ อายตนภาเวน วุตฺตานํเยว ธาตุภาวทีปนโต ธาตุภาวสฺสาปิ เนสํ อวจนํ ยุชฺชติ เอว, ตสฺมา ยถา ปาฬิยา อวิโรโธ โหติ, ตถา จกฺขุทสกาทิวเสน อฎฺฐกถายํ รูปคณนา กตาติ น เอตฺถ ธมฺมตาวิโลมนาสงฺกาย โอกาโสติ เวทิตพฺพํฯ
Ettha ca rūpāvacarasattānaṃ ghānajivhāyatanābhāvato vijjamānāpi gandharasā āyatanakiccaṃ na karontīti te anāmasitvā pāḷiyaṃ ‘‘pañcāyatanāni pātubhavanti, cha āyatanānī’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Tayo āhārā’’ti ca ajjhoharitabbassa āhārassa abhāvena ojaṭṭhamakarūpasamuṭṭhāpanasaṅkhātassa āhārakiccassa akaraṇato, na sabbena sabbaṃ gandharasānaṃ ojāya ca abhāvato. Iti visayino kiccassa ca abhāvena visayo, kiccavā ca dhammo na vutto. Yasmiñhi bhave visayī natthi, tasmiṃ taṃhetuko nippariyāyena visayassa āyatanabhāvo natthīti vijjamānassāpi avacanaṃ, yathā rūpabhave pathavītejovāyodhātūnaṃ phoṭṭhabbāyatanabhāvena. Yassa pana yattha vacanaṃ, tassa tattha visayīsabbhāvahetuko nippariyāyena āyatanabhāvo vutto diṭṭho yathā tattheva rūpāyatanassa. Yadi visayīsabbhāvahetuko visayassa nippariyāyena āyatanabhāvo, kathaṃ asaññasattānaṃ devānaṃ dve āyatanāni pātubhavantīti. Asaññasattānañhi cakkhāyatanaṃ natthi, acakkhāyatanabhāvena ca nesaṃ rūpāyatanaṃ aññesaṃ avisayoti? Nāyaṃ virodho. Yena adhippāyena rūpadhātuyaṃ saññīnaṃ gandhāyatanādīnaṃ avacanaṃ, tena rūpāyatanassāpi avacananti asaññīnaṃ ekaṃ āyatanaṃ vattabbaṃ. Yathāsakañhi indriyagocarabhāvāpekkhāya yesaṃ nippariyāyena āyatanabhāvo atthi, tesu niddisiyamānesu tadabhāvato rūpadhātuyaṃ saññīnaṃ gandhādike visuṃ āyatanabhāvena avatvā dhammasabhāvānativattanato, manoviññāṇassa ca visayabhāvūpagamanato dhammāyatanantogadhe katvā ‘‘pañcāyatanānī’’ti pāḷiyaṃ vuttaṃ. Etadatthañhi ‘‘dhammāyatana’’nti sāmaññato nāmakaraṇaṃ, piṭṭhivaṭṭakāni vā tāni katvā ‘‘pañcāyatanānī’’ti vuttaṃ. Yena ca pana adhippāyena asaññīnaṃ rūpāyatanaṃ vuttaṃ, tena saññīnampi gandhādīnaṃ visuṃ gahaṇaṃ kātabbanti imassa nayassa dassanatthaṃ ‘‘asaññasattānaṃ devānaṃ dve āyatanāni pātubhavantī’’ti (vibha. 1017) vuttaṃ. Asatipi hi attano indriye rūpassa vaṇṇāyatanasabhāvātikkamo natthevāti taṃ rūpāyatanantveva vuccati. Iminā ca nayadassanena gandhādīni tīṇi pakkhipitvā saññīnaṃ aṭṭha āyatanāni, asaññīnaṃ pañcāti ayamattho dassito hoti. Evañcetaṃ sampaṭicchitabbaṃ. Aññathā rūpaloke phusitumasakkuṇeyyatāya pathavīādīnaṃ vacīghoso eva na siyā. Na hi paṭighaṭṭanānighaṃsamantarena saddappavatti atthi, na ca phusanasabhāvānaṃ katthaci aphusanasabhāvatā sakkā viññātuṃ. Phoṭṭhabbāyatanasaṅkhātassa ca bhūtattayassa abhāve rūpabhave rūpāyatanādīnampi sambhavo eva na siyā, tasmā phusituṃ sakkuṇeyyatāyapi pathavīādīnaṃ tattha kāyindriyābhāvena tesaṃ phoṭṭhabbabhāvo na vutto. Evañca katvā rūpadhātuyaṃ tesaṃ sappaṭighavacanañca samatthitaṃ hoti. Vuttañhi ‘‘asaññasattānaṃ anidassanasappaṭighaṃ ekaṃ mahābhūtaṃ paṭicca dve mahābhūtā’’tiādi (paṭṭhā. 2.22.17). Paṭigho hettha bhūtattayassa kāyappasādaṃ pati taṃnissayabhūtaghaṭṭanadvārena abhimukhabhāvo, so ca phusituṃ asakkuṇeyyasabhāvassa ghaṭṭanāya abhāvato natthi. Nanu ‘‘dve āyatanānī’’ti ettha pariyāyāyatanaṃ adhippetaṃ, atha kasmā gandhāyatanādīnipi gahetvā ‘‘pañcāyatanānī’’ti na vuttanti? ‘‘Nayadassanavasena desanā pavattā’’ti vuttovāyamattho. Atha vā tattha rūpāyatanasseva vacanaṃ kadāci aññabhūmikānaṃ pasādassa visayabhāvaṃ sandhāya, na pana itaresaṃ abhāvato. Nāpi pariyāyena gandhāyatanādīnaṃ āyatanasabhāvābhāvato. Asaññīnañhi rūpāyatanaṃ samānabhūmikānaṃ vehapphalānaṃ, uparibhūmikānañca suddhavāsānaṃ pasādassa visayabhāvaṃ gacchati, na pana gandharasāti tesaṃyeva tatthāvacanaṃ yuttaṃ. Kathāvatthumhi ca nippariyāyena gandhāyatanādīnaṃ atthibhāvaṃ paṭijānantaṃ sandhāya paṭisedho kato. Yadipi cetaṃ vacanaṃ tattha gandhāyatanādīnaṃ abhāvavibhāvanaṃ na hoti, atthibhāvadīpanampi pana aññavacanaṃ natthevāti? Nayidamevaṃ aṭṭhakathāsu tattha nesaṃ atthibhāvassa niddhāretvā vuttattā. Yañhi aṭṭhakathāvacanaṃ pāḷiyā na virujjhati, taṃ pāḷi viya pamāṇabhūtaṃ agarahitāya ācariyaparamparāya yāvajjatanā āgatattā. Tattha siyā – yaṃ pāḷiyā na virujjhati aṭṭhakathāvacanaṃ, taṃ pamāṇaṃ. Idaṃ pana virujjhatīti? Nayidamevaṃ yathā na virujjhati , tathā paṭipāditattā. Cakkhādīnaṃ āyatanānaṃ, tannissayānañca viññāṇānaṃ sattasuññatāsandassanatthaṃ bhagavato dhātudesanāti āyatanabhāvena vuttānaṃyeva dhātubhāvadīpanato dhātubhāvassāpi nesaṃ avacanaṃ yujjati eva, tasmā yathā pāḷiyā avirodho hoti, tathā cakkhudasakādivasena aṭṭhakathāyaṃ rūpagaṇanā katāti na ettha dhammatāvilomanāsaṅkāya okāsoti veditabbaṃ.
เอฬกสฺส ชาตกาเล อุณฺณา ชาติอุณฺณาติ ปฐโม อโตฺถฯ ตโต สุขุมตรตํ สนฺธาย ‘‘คพฺภํ…เป.… อิติปิ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ สมฺภวนสฺส เภโท วา สมฺภวเภโท, ปวตฺติเภโทติ อโตฺถฯ
Eḷakassa jātakāle uṇṇā jātiuṇṇāti paṭhamo attho. Tato sukhumatarataṃ sandhāya ‘‘gabbhaṃ…pe… itipi vadantī’’ti vuttaṃ. Sambhavanassa bhedo vā sambhavabhedo, pavattibhedoti attho.
รูปีพฺรเหฺมสูติ อธิกรเณ ภุมฺมํ, โอปปาติกโยนิเกสูติ นิทฺธารเณติ ทเสฺสโนฺต ‘‘โอปปาติกโยนิเกหิ รูปีพฺรเหฺม นิทฺธาเรตี’’ติ อาหฯ เตน ‘‘โอปปาติกโยนิเกสู’’ติ สามญฺญโต วุตฺตราสิโต ‘‘รูปีพฺรเหฺมสู’’ติ วิเสสํ นิทฺธาเรติฯ น สเมตีติ น สํสนฺทติ, วิรุชฺฌตีติ อโตฺถฯ ยาย ปาฬิยา น สเมติ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ธมฺมหทยวิภเงฺค หี’’ติอาทิมาหฯ
Rūpībrahmesūti adhikaraṇe bhummaṃ, opapātikayonikesūti niddhāraṇeti dassento ‘‘opapātikayonikehi rūpībrahme niddhāretī’’ti āha. Tena ‘‘opapātikayonikesū’’ti sāmaññato vuttarāsito ‘‘rūpībrahmesū’’ti visesaṃ niddhāreti. Na sametīti na saṃsandati, virujjhatīti attho. Yāya pāḷiyā na sameti, taṃ dassento ‘‘dhammahadayavibhaṅge hī’’tiādimāha.
เอกาทสาติ ปริปุณฺณายตนสฺส สทฺทายตนวชฺชานิ เอกาทสายตนานิฯ กสฺสจิ ทสายตนานีติ อนฺธสฺส จกฺขายตนวชฺชานิฯ กสฺสจิ อปรานิ ทสายตนานีติ พธิรสฺส โสตายตนวชฺชานิฯ กสฺสจิ นวายตนานีติ อนฺธพธิรสฺส จกฺขุโสตายตนวชฺชานิฯ กสฺสจิ สตฺตายตนานีติ คพฺภเสยฺยกสฺส รูปคนฺธรสกายโผฎฺฐพฺพมโนธมฺมายตนวเสน วุตฺตํฯ
Ekādasāti paripuṇṇāyatanassa saddāyatanavajjāni ekādasāyatanāni. Kassaci dasāyatanānīti andhassa cakkhāyatanavajjāni. Kassaci aparāni dasāyatanānīti badhirassa sotāyatanavajjāni. Kassaci navāyatanānīti andhabadhirassa cakkhusotāyatanavajjāni. Kassaci sattāyatanānīti gabbhaseyyakassa rūpagandharasakāyaphoṭṭhabbamanodhammāyatanavasena vuttaṃ.
‘‘น วุตฺตํ อฎฺฐายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ อิทํ ‘‘น หิ ปาฬิยํ…เป.… วุตฺตา’’ติ เอตสฺส อตฺถวิวรณํฯ จกฺขุโสตฆานวิกลสฺส หิ อุปปชฺชมานสฺส อเฎฺฐว อายตนานิ สิยุนฺติฯ สติ จ อฆานกุปปตฺติยํ ปุนปิ ‘‘กสฺสจิ อปรานิ ทสายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาฯ ตถา จ สติ ยถา อนฺธพธิรสฺส วเสน ‘‘กสฺสจิ นวายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ (วิภ. ๑๐๐๗) เอกวารํ วุตฺตํ, เอวํ อนฺธาฆานกสฺส, พธิราฆานกสฺส จ วเสน ‘‘กสฺสจิ อปรานิ นวายตนานิ, กสฺสจิ อปรานิ นวายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, เอวํ น วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘ตถา…เป.… น จ ตํ วุตฺต’’นฺติฯ เอวํ ธาตุปาตุภาวาทิปเญฺหสูติ ‘‘กสฺสจิ เอกาทส ธาตุโย ปาตุภวนฺติ, กสฺสจิ ทส ธาตุโย, กสฺสจิ อปรา ทส ธาตุโย, กสฺสจิ นว ธาตุโย, กสฺสจิ สตฺต ธาตุโย ปาตุภวนฺตี’’ติ (วิภ. ๑๐๐๗) เอวํ ธาตุปาตุภาวปโญฺห เวทิตโพฺพฯ อาทิ-สเทฺทน ‘‘กสฺสจิ จุทฺทสินฺทฺริยานิ ปาตุภวนฺตี’’ติอาทิ (วิภ. ๑๐๐๗) นยปฺปวตฺตา อินฺทฺริยปญฺหาทโย สงฺคหิตาฯ
‘‘Na vuttaṃ aṭṭhāyatanāni pātubhavantī’’ti idaṃ ‘‘na hi pāḷiyaṃ…pe… vuttā’’ti etassa atthavivaraṇaṃ. Cakkhusotaghānavikalassa hi upapajjamānassa aṭṭheva āyatanāni siyunti. Sati ca aghānakupapattiyaṃ punapi ‘‘kassaci aparāni dasāyatanāni pātubhavantī’’ti vattabbaṃ siyā. Tathā ca sati yathā andhabadhirassa vasena ‘‘kassaci navāyatanāni pātubhavantī’’ti (vibha. 1007) ekavāraṃ vuttaṃ, evaṃ andhāghānakassa, badhirāghānakassa ca vasena ‘‘kassaci aparāni navāyatanāni, kassaci aparāni navāyatanāni pātubhavantī’’ti vattabbaṃ siyā, evaṃ na vuttanti imamatthaṃ dasseti ‘‘tathā…pe… naca taṃ vutta’’nti. Evaṃ dhātupātubhāvādipañhesūti ‘‘kassaci ekādasa dhātuyo pātubhavanti, kassaci dasa dhātuyo, kassaci aparā dasa dhātuyo, kassaci nava dhātuyo, kassaci satta dhātuyo pātubhavantī’’ti (vibha. 1007) evaṃ dhātupātubhāvapañho veditabbo. Ādi-saddena ‘‘kassaci cuddasindriyāni pātubhavantī’’tiādi (vibha. 1007) nayappavattā indriyapañhādayo saṅgahitā.
เอตฺถ จ ยถา ‘‘สตฺตติ อุกฺกํสโต จ รูปานี’’ติ ปทํ ‘‘สํเสทโชปปาตีสู’’ติ เอตฺถ โยนิทฺวยวเสน โยชียติ, น เอวํ ‘‘อวกํสโต ติํสา’’ติ อิทํ, อิทํ ปน สํเสทชโยนิวเสเนว โยเชตพฺพํ, เอกโยคนิทฺทิฎฺฐสฺสาปิ เอกเทโส สมฺพนฺธํ ลภตีติฯ สํเสทชเสฺสว จ ชจฺจนฺธพธิรอฆานกนปุํสกสฺส ชิวฺหากายวตฺถุทสกานํ วเสน ติํส รูปานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ, น โอปปาติกสฺสาติ อยเมตฺถ อฎฺฐกถาย อธิปฺปาโยฯ เย ปน ‘‘โอปปาติกสฺส ชจฺจนฺธ…เป.… อุปฺปชฺชนฺตีติ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํฯ โส หิ ปมาทปาโฐฯ เอวญฺจ กตฺวา อายตนยมกวณฺณนาย ‘‘กามธาตุยํ ปน อฆานโก โอปปาติโก นตฺถิฯ ยทิ ภเวยฺย, ‘กสฺสจิ อฎฺฐายตนานิ ปาตุภวนฺตี’ติ วเทยฺยา’’ติ (ยม. อฎฺฐ. อายตนยมก ๑๘-๒๑) วกฺขติฯ อปเร ปนาหุ ‘‘กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺติ, ยาว ‘กสฺสจิ นวายตนานี’ติ ปาฬิ โอปปาติเก สนฺธาย วุตฺตาฯ ตสฺมา ปุเพฺพนาปรํ อฎฺฐกถายํ อวิโรโธ สิโทฺธ โหติ, ตถา จ ยถาวุตฺตปาฬิยา อยมตฺถวณฺณนา อญฺญทตฺถุ สํสนฺทติ สเมติเยวา’’ติฯ ยํ ปเนเก วทนฺติ ‘‘โอปปาติกคฺคหเณน สํเสทชาปิ สงฺคยฺหนฺติฯ ตถา หิ ธมฺมหทยวิภเงฺค ‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺตี’ติอาทีนํ (วิภ. ๑๐๐๗) อุเทฺทเส ‘โอปปาติกานํ เปตาน’นฺติอาทินา โอปปาติกคฺคหณเมว กตํ, น สํเสทชคฺคหณ’’นฺติ, ตํ ปริปุณฺณายตนานํเยว สํเสทชานํ โอปปาติเกสุ สงฺคหณวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘สํเสทชโยนิกา ปริปุณฺณายตนาปริปุณฺณายตนภาเวน โอปปาติกสงฺคหํ กตฺวา วุตฺตา’’ติ ‘‘ปธานาย วา โยนิยา สพฺพํ ปริปุณฺณายตนโยนิํ ทเสฺสตุํ ‘โอปปาติกาน’นฺติ วุตฺต’’นฺติ จฯ อฎฺฐกถายํ ปน โยนิทฺวยํ สรูเปเนว ปกาเสตุํ, สํเสทชโยนิวเสเนว จ อวกํสโต ปวตฺติํ ทเสฺสตุํ โอปปาติกโยนิยา อิตรํ อสงฺคเหตฺวา ‘‘สํเสทโชปปาตีสู’’ติ วุตฺตนฺติฯ สพฺพํ ตํ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํฯ
Ettha ca yathā ‘‘sattati ukkaṃsato ca rūpānī’’ti padaṃ ‘‘saṃsedajopapātīsū’’ti ettha yonidvayavasena yojīyati, na evaṃ ‘‘avakaṃsato tiṃsā’’ti idaṃ, idaṃ pana saṃsedajayonivaseneva yojetabbaṃ, ekayoganiddiṭṭhassāpi ekadeso sambandhaṃ labhatīti. Saṃsedajasseva ca jaccandhabadhiraaghānakanapuṃsakassa jivhākāyavatthudasakānaṃ vasena tiṃsa rūpāni uppajjantīti vuttaṃ, na opapātikassāti ayamettha aṭṭhakathāya adhippāyo. Ye pana ‘‘opapātikassa jaccandha…pe… uppajjantīti mahāaṭṭhakathāyaṃ vutta’’nti vadanti, taṃ na gahetabbaṃ. So hi pamādapāṭho. Evañca katvā āyatanayamakavaṇṇanāya ‘‘kāmadhātuyaṃ pana aghānako opapātiko natthi. Yadi bhaveyya, ‘kassaci aṭṭhāyatanāni pātubhavantī’ti vadeyyā’’ti (yama. aṭṭha. āyatanayamaka 18-21) vakkhati. Apare panāhu ‘‘kassaci ekādasāyatanāni pātubhavanti, yāva ‘kassaci navāyatanānī’ti pāḷi opapātike sandhāya vuttā. Tasmā pubbenāparaṃ aṭṭhakathāyaṃ avirodho siddho hoti, tathā ca yathāvuttapāḷiyā ayamatthavaṇṇanā aññadatthu saṃsandati sametiyevā’’ti. Yaṃ paneke vadanti ‘‘opapātikaggahaṇena saṃsedajāpi saṅgayhanti. Tathā hi dhammahadayavibhaṅge ‘kāmadhātuyā upapattikkhaṇe kassaci ekādasāyatanāni pātubhavantī’tiādīnaṃ (vibha. 1007) uddese ‘opapātikānaṃ petāna’ntiādinā opapātikaggahaṇameva kataṃ, na saṃsedajaggahaṇa’’nti, taṃ paripuṇṇāyatanānaṃyeva saṃsedajānaṃ opapātikesu saṅgahaṇavasena vuttanti veditabbaṃ. Tathā hi vakkhati ‘‘saṃsedajayonikā paripuṇṇāyatanāparipuṇṇāyatanabhāvena opapātikasaṅgahaṃ katvā vuttā’’ti ‘‘padhānāya vā yoniyā sabbaṃ paripuṇṇāyatanayoniṃ dassetuṃ ‘opapātikāna’nti vutta’’nti ca. Aṭṭhakathāyaṃ pana yonidvayaṃ sarūpeneva pakāsetuṃ, saṃsedajayonivaseneva ca avakaṃsato pavattiṃ dassetuṃ opapātikayoniyā itaraṃ asaṅgahetvā ‘‘saṃsedajopapātīsū’’ti vuttanti. Sabbaṃ taṃ vīmaṃsitvā gahetabbaṃ.
จุติปฎิสนฺธีนนฺติ อนนฺตราตีตจุติยา, ตทนนฺตราย มิสฺสามิสฺสเภทาย ปฎิสนฺธิยาฯ ขนฺธาทีหีติ ขนฺธารมฺมณคติเหตุเวทนาปีติวิตกฺกวิจาเรหิฯ มหคฺคตอชฺฌตฺตารมฺมณาย มหคฺคตอชฺฌตฺตารมฺมณา, อมหคฺคตพหิทฺธารมฺมณาย อมหคฺคตพหิทฺธารมฺมณาติ เอวมาทิโน อรูปภูมีสุเยว จุติปฎิสนฺธีนํ เภทาเภทวิเสสสฺส สมฺภวโต ‘‘นยมุขมตฺตํ ทเสฺสตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ เอกจฺจสุคตีติ มหคฺคตวชฺชสุคติ อธิเปฺปตาติ อาห ‘‘รูปารูปาวจราน’’นฺติอาทิฯ เกจิ ปน ‘‘ยถา มหคฺคตาวชฺชา, เอวํ อุตฺตรกุรุกวชฺชา’’ติปิ วทนฺติฯ เอกจฺจสุคติจุติยาติ วุตฺตสุคติจุติยาฯ ยทิปิ ‘‘อยํ นาม ทุคฺคติปฎิสนฺธิ น โหตี’’ติ นิยโม นตฺถิ, เทสนา ปน โสตปติตา คตาติ วทนฺติฯ นิยตโพธิสตฺตาเปกฺขาย วา เอวํ วุตฺตํฯ เตสญฺหิ เอกจฺจทุคฺคติปฎิสนฺธิ นตฺถิ อวีจิอาทีสุ อนุปปชฺชนโตฯ ‘‘เอกจฺจทุคฺคติจุติยา’’ติ เอตฺถาปิ อิมินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Cutipaṭisandhīnanti anantarātītacutiyā, tadanantarāya missāmissabhedāya paṭisandhiyā. Khandhādīhīti khandhārammaṇagatihetuvedanāpītivitakkavicārehi. Mahaggataajjhattārammaṇāya mahaggataajjhattārammaṇā, amahaggatabahiddhārammaṇāya amahaggatabahiddhārammaṇāti evamādino arūpabhūmīsuyeva cutipaṭisandhīnaṃ bhedābhedavisesassa sambhavato ‘‘nayamukhamattaṃ dassetvā’’ti vuttaṃ. Ekaccasugatīti mahaggatavajjasugati adhippetāti āha ‘‘rūpārūpāvacarāna’’ntiādi. Keci pana ‘‘yathā mahaggatāvajjā, evaṃ uttarakurukavajjā’’tipi vadanti. Ekaccasugaticutiyāti vuttasugaticutiyā. Yadipi ‘‘ayaṃ nāma duggatipaṭisandhi na hotī’’ti niyamo natthi, desanā pana sotapatitā gatāti vadanti. Niyatabodhisattāpekkhāya vā evaṃ vuttaṃ. Tesañhi ekaccaduggatipaṭisandhi natthi avīciādīsu anupapajjanato. ‘‘Ekaccaduggaticutiyā’’ti etthāpi iminā nayena attho veditabbo.
เอกจฺจสุคติปฎิสนฺธีติ ปน กามาวจรสุคติปฎิสนฺธิ เวทิตพฺพาฯ สยเมวาติ อตฺตนา เอวฯ ‘‘เภทวิเสโส เอว จ เอวํ วิตฺถาเรน ทสฺสิโต’’ติ อิทํ ‘‘อมหคฺคตพหิทฺธารมฺมณายา’’ติอาทิํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ‘‘จตุกฺขนฺธาย…เป.… ปฎิสนฺธิ โหตี’’ติ อิทํ ปน อเภทวิเสสทสฺสนเมวาติฯ เอเกกสฺมิํ เภเทติ ‘‘อมหคฺคตพหิทฺธารมฺมณายา’’ติ เอวมาทิเก เอเกกสฺมิํ ภาเคฯ ตตฺถ ตเตฺถวาติ ‘‘อมหคฺคตพหิทฺธารมฺมณาย มหคฺคตพหิทฺธารมฺมณา, อมหคฺคตชฺฌตฺตารมฺมณาย มหคฺคตชฺฌตฺตารมฺมณา’’ติอาทินา ตสฺมิํ ตสฺมิํ เภเท, ตตฺถ ตเตฺถว วา ภวาทิเก จวิตฺวา อุปปชฺชนฺตสฺส วเสน จุติปฎิสนฺธิโยชนา เวทิตพฺพาฯ ภุมฺมเตฺถ อยํ โต-สโทฺทติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตโต เหตุํ วินาติ ตตฺถ เหตุํ วินา’’ติ อาหฯ ตสฺสโตฺถ – ตสฺมิํ ปุริมภเว นิปฺผนฺนํ อวิชฺชาสงฺขาราทิกํ การณํ วินา น โหตีติฯ
Ekaccasugatipaṭisandhīti pana kāmāvacarasugatipaṭisandhi veditabbā. Sayamevāti attanā eva. ‘‘Bhedaviseso eva ca evaṃ vitthārena dassito’’ti idaṃ ‘‘amahaggatabahiddhārammaṇāyā’’tiādiṃ sandhāya vuttaṃ. ‘‘Catukkhandhāya…pe… paṭisandhi hotī’’ti idaṃ pana abhedavisesadassanamevāti. Ekekasmiṃ bhedeti ‘‘amahaggatabahiddhārammaṇāyā’’ti evamādike ekekasmiṃ bhāge. Tattha tatthevāti ‘‘amahaggatabahiddhārammaṇāya mahaggatabahiddhārammaṇā, amahaggatajjhattārammaṇāya mahaggatajjhattārammaṇā’’tiādinā tasmiṃ tasmiṃ bhede, tattha tattheva vā bhavādike cavitvā upapajjantassa vasena cutipaṭisandhiyojanā veditabbā. Bhummatthe ayaṃ to-saddoti dassento ‘‘tato hetuṃ vināti tattha hetuṃ vinā’’ti āha. Tassattho – tasmiṃ purimabhave nipphannaṃ avijjāsaṅkhārādikaṃ kāraṇaṃ vinā na hotīti.
อติมนฺทภาวูปคมนํ สกิจฺจาสมตฺถตาฯ ปญฺจทฺวาริกวิญฺญาณวเสน จุติ ปฎิสิทฺธา, น ตทนนฺตรวิญฺญาณวเสนฯ สฺวายมโตฺถ ‘‘ปญฺจนฺนํ ทฺวาราน’’นฺติอาทินา เหฎฺฐา อฎฺฐกถายมาคโตติ อาห ‘‘ปญฺจทฺวาริกวิญฺญาณานนฺตรมฺปิ หิ ปุเพฺพ จุติ ทสฺสิตา’’ติฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ จุติจิเตฺตน สทฺธิํ จกฺขายตนาทีนํ นิโรโธ โหตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยมเก จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปริณตตฺตาติ ปริปากวเสน ปริโยสานํ คตตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ ผสฺสาทโย ยถาวุตฺตเจตนาสหชาตผสฺสาทโยฯ ยถาอุปฎฺฐิเต กมฺมาทิอารมฺมเณ อเนกวารํ อุปฺปตฺติยา สนฺตานสฺส อภิสงฺขรณํ ตตฺถ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณปติฎฺฐานสฺส เหตุภาโวฯ
Atimandabhāvūpagamanaṃ sakiccāsamatthatā. Pañcadvārikaviññāṇavasena cuti paṭisiddhā, na tadanantaraviññāṇavasena. Svāyamattho ‘‘pañcannaṃ dvārāna’’ntiādinā heṭṭhā aṭṭhakathāyamāgatoti āha ‘‘pañcadvārikaviññāṇānantarampi hi pubbe cuti dassitā’’ti. Tattha yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. Cuticittena saddhiṃ cakkhāyatanādīnaṃ nirodho hotīti dassetuṃ ‘‘yamake cā’’tiādi vuttaṃ. Pariṇatattāti paripākavasena pariyosānaṃ gatattāti adhippāyo. Phassādayo yathāvuttacetanāsahajātaphassādayo. Yathāupaṭṭhite kammādiārammaṇe anekavāraṃ uppattiyā santānassa abhisaṅkharaṇaṃ tattha paṭisandhiviññāṇapatiṭṭhānassa hetubhāvo.
สนฺตานวเสน นิปฺปชฺชมานานํ นมนาทิกิริยานํ เอกสฺมิํ ปฎิสนฺธิวิญฺญาเณเยว อตฺถสิทฺธีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘นมน…เป.… ทเสฺสตี’’ติฯ ปถวิยํ สพลปโยเคหีติ ปถวิยา อาธารณภูตาย อตฺตโน พเลน ปโยเคน จ กรณภูเตนฯ
Santānavasena nippajjamānānaṃ namanādikiriyānaṃ ekasmiṃ paṭisandhiviññāṇeyeva atthasiddhīti dassento āha ‘‘namana…pe… dassetī’’ti. Pathaviyaṃ sabalapayogehīti pathaviyā ādhāraṇabhūtāya attano balena payogena ca karaṇabhūtena.
สทฺทเหตุโกติ สทฺทสฺส ปธานาทิภาวํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตาทิโส ปพฺพตกุจฺฉิอาทิปเทโสปิ ตสฺส เหตุเยวฯ ปทีปนฺตราทีติ อาทิ-สเทฺทน เตลวฎฺฎิอาทิเก สงฺคณฺหาติฯ ตโต สทฺทาทิปฺปวตฺติโต ปุเพฺพ อภาวาฯ ปฎิโฆสาทีนญฺหิ สทฺทาทิปฺปวตฺติโต สติ ปุริมสิทฺธิยํ เต สทฺทาทิปจฺจยเทสํ คเจฺฉยฺยุํ, น ปน เต อตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘ตโต ปุเพฺพ อภาวา’’ติฯ อุปเมเยฺยปิ เอวเมว อโตฺถ โยเชตโพฺพฯ ยถา จ เหตุเทสํ น คจฺฉติ เหตุสมุปฺปนฺนํ, เอวํ ตโต นาคจฺฉตีติ อาห ‘‘ตสฺมา น…เป.… อาคต’’นฺติฯ เต สทฺทาทโย ปจฺจยา เอเตสนฺติ ตปฺปจฺจยาฯ วุตฺตนเยนาติ อุปมายํ วุตฺตนเยเนวฯ ปุริมภวเหตุเทเส สนฺนิหิตํ หุตฺวา ปฎิสนฺธิวิญฺญาณํ ตโต อญฺญตฺร ภวนฺตเร ตํ อุปคนฺตฺวา ตปฺปจฺจยํ น โหตีติ อโตฺถฯ ปจฺจยโต นิพฺพตฺตมานํ ปจฺจยุปฺปนฺนํ อญฺญตฺร อคนฺตฺวา ปจฺจยเทสํ อนุปคตเมว หุตฺวา นิพฺพตฺตตีติ ปฐโม อโตฺถฯ ปฐมํ ปจฺจเยน สโมธานคตํ หุตฺวา ตโต อญฺญตฺร คนฺตฺวา ปจฺจยุปฺปนฺนวตฺถุภาวํ นาปชฺชตีติ ทุติโย อโตฺถฯ ยถาสมฺภวนฺติ ยาย ‘‘น ขีรโต ทธิ สมฺภูตํ สิยา, น ขีรสามิโน ทธิ สิยา’’ติ จ ขีรทธีสุ เอกนฺตํ เอกตาย นานตาย จ โทสโยชนา กตาฯ อิมินา นเยน พีชาทีสุ สพฺพเหตูสุ, องฺกุราทีสุ สพฺพเหตุสมุปฺปเนฺนสุ ยถาสมฺภวํ เหตุอนุรูปํ, เหตุสมุปนฺนานุรูปญฺจ โทสโยชนา กาตพฺพาฯ สนฺตานพเทฺธสุ ธเมฺมสุ เอกนฺตเอกตาปฎิเสเธน สสฺสตคาหสฺส ปฎิเสธิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘สยํกตํ สุขํ ทุกฺขนฺติ อิมํ ทิฎฺฐิํ นิวาเรตี’’ติฯ ตถา เอกนฺตนานตาปฎิเสเธน อุเจฺฉทคาโห ปฎิเสธิโต โหตีติ อาห ‘‘ปรํกตํ สุขํ ทุกฺขํ อโญฺญ กโรติ, อโญฺญ ปฎิสํเวเทตีติ อิมํ ทิฎฺฐิํ นิวาเรตี’’ติฯ เตน กตนาโส, อกตาคโม จ นิวตฺติโต โหตีติ อธิจฺจสมุปฺปนฺนทิฎฺฐินิวารเณเนว นิยติสภาววาทปฎิเสโธปิ กโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Saddahetukoti saddassa padhānādibhāvaṃ sandhāya vuttaṃ. Tādiso pabbatakucchiādipadesopi tassa hetuyeva. Padīpantarādīti ādi-saddena telavaṭṭiādike saṅgaṇhāti. Tato saddādippavattito pubbe abhāvā. Paṭighosādīnañhi saddādippavattito sati purimasiddhiyaṃ te saddādipaccayadesaṃ gaccheyyuṃ, na pana te atthīti vuttaṃ ‘‘tato pubbe abhāvā’’ti. Upameyyepi evameva attho yojetabbo. Yathā ca hetudesaṃ na gacchati hetusamuppannaṃ, evaṃ tato nāgacchatīti āha ‘‘tasmā na…pe… āgata’’nti. Te saddādayo paccayā etesanti tappaccayā. Vuttanayenāti upamāyaṃ vuttanayeneva. Purimabhavahetudese sannihitaṃ hutvā paṭisandhiviññāṇaṃ tato aññatra bhavantare taṃ upagantvā tappaccayaṃ na hotīti attho. Paccayato nibbattamānaṃ paccayuppannaṃ aññatra agantvā paccayadesaṃ anupagatameva hutvā nibbattatīti paṭhamo attho. Paṭhamaṃ paccayena samodhānagataṃ hutvā tato aññatra gantvā paccayuppannavatthubhāvaṃ nāpajjatīti dutiyo attho. Yathāsambhavanti yāya ‘‘na khīrato dadhi sambhūtaṃ siyā, na khīrasāmino dadhi siyā’’ti ca khīradadhīsu ekantaṃ ekatāya nānatāya ca dosayojanā katā. Iminā nayena bījādīsu sabbahetūsu, aṅkurādīsu sabbahetusamuppannesu yathāsambhavaṃ hetuanurūpaṃ, hetusamupannānurūpañca dosayojanā kātabbā. Santānabaddhesu dhammesu ekantaekatāpaṭisedhena sassatagāhassa paṭisedhitattā vuttaṃ ‘‘sayaṃkataṃsukhaṃ dukkhanti imaṃ diṭṭhiṃ nivāretī’’ti. Tathā ekantanānatāpaṭisedhena ucchedagāho paṭisedhito hotīti āha ‘‘paraṃkataṃ sukhaṃ dukkhaṃ añño karoti, añño paṭisaṃvedetīti imaṃ diṭṭhiṃ nivāretī’’ti. Tena katanāso, akatāgamo ca nivattito hotīti adhiccasamuppannadiṭṭhinivāraṇeneva niyatisabhāvavādapaṭisedhopi katoti daṭṭhabbaṃ.
ตตฺถาติ องฺกุราทิปฺปพนฺธสงฺขาเต ภูตุปาทารูปสนฺตาเนฯ ตนฺติ วิชฺชาปาฎวาทิฯ อญฺญสฺสาติ พาลกาเล กตวิชฺชาปริยาปุณนาทิโต อญฺญสฺสฯ สงฺขารโต อโญฺญ ตณฺหาทิโก อญฺญปจฺจโยฯ
Tatthāti aṅkurādippabandhasaṅkhāte bhūtupādārūpasantāne. Tanti vijjāpāṭavādi. Aññassāti bālakāle katavijjāpariyāpuṇanādito aññassa. Saṅkhārato añño taṇhādiko aññapaccayo.
นิยฺยาตนาทิ เอว ผลํ นิยฺยาตนาทิผลํ, อผลิตํ นิยฺยาตนาทิผลํ เอตสฺสาติ อผลิ…เป.… ผลํ, ยถาวุตฺตกิริยากรณํฯ
Niyyātanādi eva phalaṃ niyyātanādiphalaṃ, aphalitaṃ niyyātanādiphalaṃ etassāti aphali…pe… phalaṃ, yathāvuttakiriyākaraṇaṃ.
ปิณฺฑวเสนาติ อกตาวยววิภาคสฺส สมุทายสฺส วเสนฯ สพฺพตฺถาติ ปุญฺญาภิสงฺขาราทิเก สพฺพสฺมิํ ปจฺจยธเมฺม, ปฎิสนฺธิเภเท วา ปจฺจยุปฺปนฺนธเมฺมฯ พลวกมฺมสฺส วเสน โยเชตโพฺพฯ ภุโส นิสฺสโย หิ อุปนิสฺสโยฯ ‘‘อวิเสเสนา’’ติ วุเตฺตปิ กามาวจรปุญฺญาภิสงฺขาโร จกฺขุวิญฺญาณาทีนํ ปญฺจนฺนํ ปวเตฺต, อิตโร ปฐมชฺฌานวิปากาทีนํ ปวเตฺต จ ปฎิสนฺธิยญฺจ ปจฺจโย โหตีติ ปากโฎยมโตฺถติ ตํ อวิภชิตฺวา ‘‘สพฺพปุญฺญาภิสงฺขารํ สห สงฺคณฺหาติ’’เจฺจว วุตฺตํฯ ทฺวาทสากุสลเจตนาเภโทติ นยิทํ สมาสปทํ, สนฺธิวเสน ปเนตํ วุตฺตํฯ ทฺวาทสาติ จ ภุมฺมเตฺถ ปจฺจตฺตวจนํ, ทฺวาทสสุ อกุสลเจตนาสุฯ อกุสลเจตนาเภโทติ เอกาทสากุสลเจตนาปเภโท, ทฺวาทสากุสลเจตนาปเภโท จาติ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอวญฺหิ สติ น เอตฺถ กิญฺจิ วิจาเรตพฺพํ เหฎฺฐา วิตฺถาริตตฺตาฯ เกจิ ปน ‘‘ทฺวาทสากุสลเจตนาเภโทติ อิทํ ‘ฉนฺนํ ปวเตฺต’ติอาทินา โยเชตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ, เตสํ มเตน อุทฺธจฺจเจตนาย คหเณ ปโยชนํ วิจาเรตพฺพเมว ปฎิสนฺธิยาปิ ปจฺจยภาวสฺส วุตฺตตฺตาฯ เอกสฺสาติ เอตฺถ เอว-สโทฺท ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐติ อาห ‘‘เอกเสฺสว ปจฺจยภาวนิยโม’’ติฯ มิลาตมาลาทีนนฺติ มิลาตมาลกิลิฎฺฐวตฺถาทีนํฯ มโนปโทสิกานํ ตทญฺญวตฺถูนมฺปิ อนิฎฺฐตา กถํ น สิยา, สิยา เอวาติ อธิปฺปาโยฯ อฎฺฐกถายํ (วิภ. อฎฺฐ. ๒๒๗) ปน ปจุรตาภาวโต ตํ อนามสิตฺวา ‘‘ตถา กามาวจรเทวโลเกปี’’ติ วุตฺตํ ฯ เกจิ ปน ‘‘เทวโลเก อนิฎฺฐํ นาม ปริกปฺปนวเสน, สภาวโต ปน ตตฺถุปฺปนฺนํ อิฎฺฐเมวา’’ติ วทนฺติฯ
Piṇḍavasenāti akatāvayavavibhāgassa samudāyassa vasena. Sabbatthāti puññābhisaṅkhārādike sabbasmiṃ paccayadhamme, paṭisandhibhede vā paccayuppannadhamme. Balavakammassa vasena yojetabbo. Bhuso nissayo hi upanissayo. ‘‘Avisesenā’’ti vuttepi kāmāvacarapuññābhisaṅkhāro cakkhuviññāṇādīnaṃ pañcannaṃ pavatte, itaro paṭhamajjhānavipākādīnaṃ pavatte ca paṭisandhiyañca paccayo hotīti pākaṭoyamatthoti taṃ avibhajitvā ‘‘sabbapuññābhisaṅkhāraṃ saha saṅgaṇhāti’’cceva vuttaṃ. Dvādasākusalacetanābhedoti nayidaṃ samāsapadaṃ, sandhivasena panetaṃ vuttaṃ. Dvādasāti ca bhummatthe paccattavacanaṃ, dvādasasu akusalacetanāsu. Akusalacetanābhedoti ekādasākusalacetanāpabhedo, dvādasākusalacetanāpabhedo cāti attho veditabbo. Evañhi sati na ettha kiñci vicāretabbaṃ heṭṭhā vitthāritattā. Keci pana ‘‘dvādasākusalacetanābhedoti idaṃ ‘channaṃ pavatte’tiādinā yojetabba’’nti vadanti, tesaṃ matena uddhaccacetanāya gahaṇe payojanaṃ vicāretabbameva paṭisandhiyāpi paccayabhāvassa vuttattā. Ekassāti ettha eva-saddo luttaniddiṭṭhoti āha ‘‘ekasseva paccayabhāvaniyamo’’ti. Milātamālādīnanti milātamālakiliṭṭhavatthādīnaṃ. Manopadosikānaṃ tadaññavatthūnampi aniṭṭhatā kathaṃ na siyā, siyā evāti adhippāyo. Aṭṭhakathāyaṃ (vibha. aṭṭha. 227) pana pacuratābhāvato taṃ anāmasitvā ‘‘tathā kāmāvacaradevalokepī’’ti vuttaṃ . Keci pana ‘‘devaloke aniṭṭhaṃ nāma parikappanavasena, sabhāvato pana tatthuppannaṃ iṭṭhamevā’’ti vadanti.
‘‘เอกูนติํสเจตนาเภทมฺปี’’ติ อิมินา อุทฺธจฺจเจตนายปิ ปวตฺติวิปากทายิตํ อนุชานาติ, อฎฺฐกถาอธิปฺปายวเสน วา เอวมาหฯ ปญฺจทสนฺนํ อเหตุกวิปากวิญฺญาณานํ ปญฺจฎฺฐานานิ เทฺว อปเนตฺวา อวเสสานํ เตรสนฺนํฯ เทฺว เทฺว จกฺขุโสตสมฺปฎิจฺฉนวิญฺญาณานิ, ตีณิ สนฺตีรณานีติ นวนฺนํฯ เอกเทสปจฺจยภาเวนาติ เอกเทสสฺส วีสติเจตนาเภทสฺส กามาวจรจิตฺตสงฺขารสฺส ปจฺจยภาเวน เอกูนติํสเจตนาเภโท สมุทาโย วุโตฺตฯ เสฺววาติ อวยวคเตนาปิ วิเสเสน สมุทาโย โวหรียติ ยถา ‘‘อลงฺกโต ราชกุมาโร’’ติฯ
‘‘Ekūnatiṃsacetanābhedampī’’ti iminā uddhaccacetanāyapi pavattivipākadāyitaṃ anujānāti, aṭṭhakathāadhippāyavasena vā evamāha. Pañcadasannaṃ ahetukavipākaviññāṇānaṃ pañcaṭṭhānāni dve apanetvā avasesānaṃ terasannaṃ. Dve dve cakkhusotasampaṭicchanaviññāṇāni, tīṇi santīraṇānīti navannaṃ. Ekadesapaccayabhāvenāti ekadesassa vīsaticetanābhedassa kāmāvacaracittasaṅkhārassa paccayabhāvena ekūnatiṃsacetanābhedo samudāyo vutto. Svevāti avayavagatenāpi visesena samudāyo voharīyati yathā ‘‘alaṅkato rājakumāro’’ti.
ยตฺถาติ ปญฺจโวการภวํ สนฺธายาหฯ ตตฺถ หิ ‘‘กามาวจรสุคติยํ ตาว ฐิตสฺสา’’ติอาทินา (วิภ. อฎฺฐ. ๒๒๗) ปฎิสนฺธิยํ ปวตฺติยญฺจ วิปากสฺส วิตฺถารปฺปกาสนํ กตํฯ จตุตฺถชฺฌานภูมีติ เวหปฺผลภูมิํ วทติฯ เตนาห ‘‘อสญฺญารุปฺปวชฺชา’’ติฯ จตุตฺถชฺฌานเมว หิ ภาวนาวิเสสปฺปวตฺตํ อสญฺญภูมิํ อารุปฺปภูมิญฺจ นิปฺผาเทติ, จตุกฺกนยวเสน วา สํวณฺณนา วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ อฎฺฐ มหาวิปากา, ปริตฺตวิปาเกสุ ปจฺฉิโม, ปญฺจ รูปาวจรวิปากาติ เอวํ จุทฺทสนฺนํฯ สตฺตนฺนนฺติ เสสานํ ปริตฺตวิปากานํเยว สตฺตนฺนํฯ
Yatthāti pañcavokārabhavaṃ sandhāyāha. Tattha hi ‘‘kāmāvacarasugatiyaṃ tāva ṭhitassā’’tiādinā (vibha. aṭṭha. 227) paṭisandhiyaṃ pavattiyañca vipākassa vitthārappakāsanaṃ kataṃ. Catutthajjhānabhūmīti vehapphalabhūmiṃ vadati. Tenāha ‘‘asaññāruppavajjā’’ti. Catutthajjhānameva hi bhāvanāvisesappavattaṃ asaññabhūmiṃ āruppabhūmiñca nipphādeti, catukkanayavasena vā saṃvaṇṇanā vuttāti veditabbā. Aṭṭha mahāvipākā, parittavipākesu pacchimo, pañca rūpāvacaravipākāti evaṃ cuddasannaṃ. Sattannanti sesānaṃ parittavipākānaṃyeva sattannaṃ.
ภวาทโยติ ภวโยนิคติสตฺตาวาเสฯ ติณฺณํ วิญฺญาณานนฺติ ปุริมานํ ติณฺณํ อารุปฺปวิปากวิญฺญาณานํฯ ตีสูติ ปญฺจมาทีสุ ตีสุ วิญฺญาณฎฺฐิตีสุฯ วุตฺตนเยนาติ ‘‘กามภเว ปน ทุคฺคติยํ อฎฺฐนฺนมฺปิ ปริตฺตวิปากวิญฺญาณานํ ตเถว ปจฺจโย ปวเตฺต, โน ปฎิสนฺธิย’’นฺติอาทินา (วิภ. อฎฺฐ. ๒๒๗) วุตฺตนเยเนวฯ
Bhavādayoti bhavayonigatisattāvāse. Tiṇṇaṃ viññāṇānanti purimānaṃ tiṇṇaṃ āruppavipākaviññāṇānaṃ. Tīsūti pañcamādīsu tīsu viññāṇaṭṭhitīsu. Vuttanayenāti ‘‘kāmabhave pana duggatiyaṃ aṭṭhannampi parittavipākaviññāṇānaṃ tatheva paccayo pavatte, no paṭisandhiya’’ntiādinā (vibha. aṭṭha. 227) vuttanayeneva.
วิญฺญาณปทนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Viññāṇapadaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
นามรูปปทนิเทฺทสวณฺณนา
Nāmarūpapadaniddesavaṇṇanā
๒๒๘. ยทิปิ สุตฺตเนฺต อภิธเมฺม จ ปฎิจฺจสมุปฺปาทนิเทฺทเส รูปปทสฺส เทสนาเภโท นตฺถิ, อภิธเมฺม ปน ‘‘สพฺพํ รูปํ น เหตู’’ติอาทินา (ธ. ส. ๕๘๔) สุตฺตนฺตโต ตสฺส เทสนาเภโท อเตฺถวาติ อาห ‘‘สุตฺตนฺตา…เป.… เภโท’’ติฯ สเงฺขฺยเยฺยสุ ปริเจฺฉทโต คหิเตสุ อตฺถสิโทฺธ ตตฺถ สงฺขฺยาปริเจฺฉโทติ วุตฺตํ ‘‘อตฺถโต ปน วุตฺตเมว โหตี’’ติฯ
228. Yadipi suttante abhidhamme ca paṭiccasamuppādaniddese rūpapadassa desanābhedo natthi, abhidhamme pana ‘‘sabbaṃ rūpaṃ na hetū’’tiādinā (dha. sa. 584) suttantato tassa desanābhedo atthevāti āha ‘‘suttantā…pe… bhedo’’ti. Saṅkhyeyyesu paricchedato gahitesu atthasiddho tattha saṅkhyāparicchedoti vuttaṃ ‘‘atthato pana vuttameva hotī’’ti.
โอปปาติกสเตฺตสูติ วา สามญฺญโต สเพฺพ โอปปาติกา วุตฺตาฯ เตสุ พฺรหฺมกายิกาทิคฺคหเณน รูปาวจราว วุตฺตาติ ตทเญฺญ สนฺธาย เสสโอปปาติกานนฺติ เสสคฺคหณํ สาตฺถกเมวฯ วุตฺตนเยนาติ ‘‘เทฺว วา ตโย วา ทสกา, โอมโต อาทินา สหา’’ติอาทินา (วิภ. อฎฺฐ. ๒๒๗) รูปมิสฺสกวิญฺญาเณ วุตฺตนเยนฯ
Opapātikasattesūti vā sāmaññato sabbe opapātikā vuttā. Tesu brahmakāyikādiggahaṇena rūpāvacarāva vuttāti tadaññe sandhāya sesaopapātikānanti sesaggahaṇaṃ sātthakameva. Vuttanayenāti ‘‘dve vā tayo vā dasakā, omato ādinā sahā’’tiādinā (vibha. aṭṭha. 227) rūpamissakaviññāṇe vuttanayena.
‘‘เทฺว สนฺตติสีสานี’’ติ อารพฺภ ยาว ‘‘สตฺต สนฺตติสีสานี’’ติ (วิภ. อฎฺฐ. ๒๒๘) เอตฺตกํ อฎฺฐกถาปาฐํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สตฺตกปริโยสาน’’นฺติฯ เอเกกจิตฺตกฺขเณ ติกฺขตฺตุํ รูปุปฺปตฺติํ อนนุชานโนฺต อาห ‘‘อิมินาธิปฺปาเยนา’’ติฯ จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณเยว สพฺพํ รูปํ อุปฺปชฺชตีติ หิ อตฺตโน อธิปฺปาโยฯ
‘‘Dve santatisīsānī’’ti ārabbha yāva ‘‘satta santatisīsānī’’ti (vibha. aṭṭha. 228) ettakaṃ aṭṭhakathāpāṭhaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘sattakapariyosāna’’nti. Ekekacittakkhaṇe tikkhattuṃ rūpuppattiṃ ananujānanto āha ‘‘iminādhippāyenā’’ti. Cittassa uppādakkhaṇeyeva sabbaṃ rūpaṃ uppajjatīti hi attano adhippāyo.
‘‘รูปาชนกกมฺมช’’นฺติ อิทํ ภูตกถนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํ ปญฺจวิญฺญาณานํ อตํสภาวตาภาวาฯ รูปาชนกกมฺมชนฺติ วา จุติจิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ปฎิสนฺธิจิตฺตํ ปน ‘‘ปวตฺติย’’นฺติ อิมินาว นิวตฺติตํฯ ‘‘สเพฺพสมฺปิ จุติจิตฺตํ รูปํ น สมุฎฺฐาเปตี’’ติ (ธ. ส. มูลฎี. ๖๓๖) อฎฺฐสาลินีฎีกายํ วุโตฺตวายมโตฺถฯ ปญฺจวิญฺญาณกฺขเณ ตปฺปจฺจยา รูปุปฺปตฺติยา อภาเวน วุตฺตํ ‘‘ปญฺจวิญฺญาณปฺปวตฺติกาลํ สนฺธายา’’ติฯ ตตฺถาปิ อสหชาตวิญฺญาณปจฺจยา อเตฺถว รูปุปฺปตฺตีติ อาห ‘‘สหชาตวิญฺญาณปจฺจยญฺจา’’ติฯ ภวงฺคาทีติ ภวงฺคสมฺปฎิจฺฉนสนฺตีรณตทารมฺมณานิฯ อเญฺญนาติ ยถาวุตฺตกมฺมวิญฺญาณโต อเญฺญน อภิสงฺขารวิญฺญาเณนฯ รูปเมว หิ กุสลากุสลกิริยจิตฺตปฺปวตฺติกฺขเณ อภิสงฺขารวิญฺญาณปจฺจยา อุปฺปชฺชติ, น นามํ ภวงฺคํฯ ตํชนเกนาติ ภวงฺคาทิชนเกนฯ กมฺมวิญฺญาณปฺปจฺจยา วิปากจิตฺตปฺปวตฺติกาเล วิปากนามสฺส กมฺมสมุฎฺฐานรูปสฺส จ วเสนฯ สหชาตวิญฺญาณปจฺจยา ปน อิตรจิตฺตปฺปวตฺติกาเลปิ วิปาโก วิปากนามวเสน, จิตฺตสมุฎฺฐานรูปวเสน จ นามรูปสฺส สมฺภโว ทเสฺสตโพฺพติ อาห ‘‘สหชาต…เป.… โยเชตพฺพ’’นฺติฯ รูปสเทฺทน จ อตฺตโน เอกเทเสนาติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘สรูปานํ เอกเทโส เอกวิภตฺติย’’นฺติ (ปาณินี ๑.๒.๖๔) สทฺทลกฺขณํ สนฺธายาห ‘‘สรูปานํ เอกเทโส’’ติฯ อิจฺฉิโต หิ เอกเทสรูปานมฺปิ เอกเทโส ยถา ‘‘นิทสฺสิตวิปเกฺขหี’’ติฯ นิทสฺสิโต จ นิทสฺสิตวิปโกฺข จ นิทสฺสิตวิปโกฺขติ อยเญฺหตฺถ อโตฺถฯ ‘‘ฐาน’’นฺติ อิมินา เสสสทฺทสฺส อตฺถํ วทติฯ สรูเปน ฐปนญฺหิ อิธ เสสนํฯ
‘‘Rūpājanakakammaja’’nti idaṃ bhūtakathanamattaṃ daṭṭhabbaṃ pañcaviññāṇānaṃ ataṃsabhāvatābhāvā. Rūpājanakakammajanti vā cuticittaṃ sandhāya vuttaṃ. Paṭisandhicittaṃ pana ‘‘pavattiya’’nti imināva nivattitaṃ. ‘‘Sabbesampi cuticittaṃ rūpaṃ na samuṭṭhāpetī’’ti (dha. sa. mūlaṭī. 636) aṭṭhasālinīṭīkāyaṃ vuttovāyamattho. Pañcaviññāṇakkhaṇe tappaccayā rūpuppattiyā abhāvena vuttaṃ ‘‘pañcaviññāṇappavattikālaṃsandhāyā’’ti. Tatthāpi asahajātaviññāṇapaccayā attheva rūpuppattīti āha ‘‘sahajātaviññāṇapaccayañcā’’ti. Bhavaṅgādīti bhavaṅgasampaṭicchanasantīraṇatadārammaṇāni. Aññenāti yathāvuttakammaviññāṇato aññena abhisaṅkhāraviññāṇena. Rūpameva hi kusalākusalakiriyacittappavattikkhaṇe abhisaṅkhāraviññāṇapaccayā uppajjati, na nāmaṃ bhavaṅgaṃ. Taṃjanakenāti bhavaṅgādijanakena. Kammaviññāṇappaccayā vipākacittappavattikāle vipākanāmassa kammasamuṭṭhānarūpassa ca vasena. Sahajātaviññāṇapaccayā pana itaracittappavattikālepi vipāko vipākanāmavasena, cittasamuṭṭhānarūpavasena ca nāmarūpassa sambhavo dassetabboti āha ‘‘sahajāta…pe… yojetabba’’nti. Rūpasaddena ca attano ekadesenāti sambandho. ‘‘Sarūpānaṃ ekadeso ekavibhattiya’’nti (pāṇinī 1.2.64) saddalakkhaṇaṃ sandhāyāha ‘‘sarūpānaṃ ekadeso’’ti. Icchito hi ekadesarūpānampi ekadeso yathā ‘‘nidassitavipakkhehī’’ti. Nidassito ca nidassitavipakkho ca nidassitavipakkhoti ayañhettha attho. ‘‘Ṭhāna’’nti iminā sesasaddassa atthaṃ vadati. Sarūpena ṭhapanañhi idha sesanaṃ.
ยํ-ตํ-สทฺทานํ อพฺยภิจาริตสมฺพนฺธตฺตา อวุตฺตมฺปิ ตโต-สทฺทํ อาเนตฺวา อาห ‘‘ตโต ยุตฺตเมว อิทนฺติ โยเชตพฺพ’’นฺติฯ วิปากสฺส อชนกํ วิปากาชนกํ, นิสฺสนฺทผลมตฺตทายกกมฺมํ, ตํ สมุฎฺฐานํ เอตสฺสาติ วิปากาชนกกมฺมสมุฎฺฐานํฯ วุตฺตนเยนาติ ‘‘วตฺถุกายวเสน รูปโต เทฺว สนฺตติสีสานิ, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธา’’ติอาทินา (วิภ. อฎฺฐ. ๒๒๘) วุเตฺตน นเยนฯ อุภยนฺติ นามํ รูปญฺจฯ
Yaṃ-taṃ-saddānaṃ abyabhicāritasambandhattā avuttampi tato-saddaṃ ānetvā āha ‘‘tato yuttameva idanti yojetabba’’nti. Vipākassa ajanakaṃ vipākājanakaṃ, nissandaphalamattadāyakakammaṃ, taṃ samuṭṭhānaṃ etassāti vipākājanakakammasamuṭṭhānaṃ. Vuttanayenāti ‘‘vatthukāyavasena rūpato dve santatisīsāni, tayo ca arūpino khandhā’’tiādinā (vibha. aṭṭha. 228) vuttena nayena. Ubhayanti nāmaṃ rūpañca.
กมฺมารมฺมณปฎิสนฺธิอาทิกาเลติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน สมฺมสนาทิกาลสงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ตนฺติ อภิสงฺขารวิญฺญาณํฯ
Kammārammaṇapaṭisandhiādikāleti ettha ādi-saddena sammasanādikālasaṅgaho daṭṭhabbo. Tanti abhisaṅkhāraviññāṇaṃ.
ยทิปิ ‘‘อตฺถิ รูปํ จิตฺตสมุฎฺฐาน’’นฺติอาทิวจนโต (ธ. ส. ๕๘๔) รูปสฺสปิ วิญฺญาณปจฺจยตา สุตฺตโต ชานิตพฺพา, วิญฺญาณสนฺนิสฺสิตา อิฎฺฐานุภวนาทโย ตสฺมิํ สติ สพฺภาวโต, อสติ จ อภาวโต ยถา สเทฺธยฺยาทิวตฺถุมฺหิ สทฺธาทโยติ นามสฺสปิ ยุตฺติโต วิญฺญาณปจฺจยตา สิทฺธา, อฎฺฐกถายํ ปน วุตฺตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สุตฺตโต นามํ…เป.… ชานิตพฺพ’’นฺติ อาหฯ ยาวเทว ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมมตฺตตาวิภาวนมุเขน อวิปรีตโต ปวตฺตินิวตฺติสนฺทสฺสนํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทเทสนา, ตาวเทว จ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิมาห ฯ ยสฺมา ปน ปวตฺตินิวตฺติวิภาวนโต สจฺจเทสนาว ปจฺจยาการเทสนา, สจฺจเทสนา จ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํฯ ยถาห ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ เม ภิกฺขเว…เป.… พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติต’’นฺติอาทิ, ตสฺมา ‘‘วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ ปทสฺส สจฺจเทสนาภาวทีปเนน ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘นามรูปมตฺตตาวจเนเนว วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Yadipi ‘‘atthi rūpaṃ cittasamuṭṭhāna’’ntiādivacanato (dha. sa. 584) rūpassapi viññāṇapaccayatā suttato jānitabbā, viññāṇasannissitā iṭṭhānubhavanādayo tasmiṃ sati sabbhāvato, asati ca abhāvato yathā saddheyyādivatthumhi saddhādayoti nāmassapi yuttito viññāṇapaccayatā siddhā, aṭṭhakathāyaṃ pana vuttamatthaṃ dassento ‘‘suttato nāmaṃ…pe… jānitabba’’nti āha. Yāvadeva paccayapaccayuppannadhammamattatāvibhāvanamukhena aviparītato pavattinivattisandassanaṃ paṭiccasamuppādadesanā, tāvadeva ca dhammacakkappavattananti dassento ‘‘yasmā’’tiādimāha . Yasmā pana pavattinivattivibhāvanato saccadesanāva paccayākāradesanā, saccadesanā ca dhammacakkappavattanaṃ. Yathāha ‘‘idaṃ dukkhanti me bhikkhave…pe… bārāṇasiyaṃ isipatane migadāye anuttaraṃ dhammacakkaṃ pavattita’’ntiādi, tasmā ‘‘viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti padassa saccadesanābhāvadīpanena dhammacakkappavattanabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘nāmarūpamattatāvacaneneva vā’’tiādi vuttaṃ.
นามรูปปทนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nāmarūpapadaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
สฬายตนปทนิเทฺทสวณฺณนา
Saḷāyatanapadaniddesavaṇṇanā
๒๒๙. ยถาสมฺภวนฺติ สมฺภวานุรูปํฯ เตน จตุนฺนํ ตาว ภูตานํ สหชาตนิสฺสยอตฺถิอวิคตวเสน จกฺขายตนาทีนํ ปญฺจนฺนํ ปจฺจยภาโว, วตฺถูสุ ปน หทยวตฺถุโน ฉฎฺฐายตนสฺส ปฎิสนฺธิยํ สหชาตนิสฺสยอญฺญมญฺญวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน, ปวตฺติยํ ยสฺมา อนนฺตรจิเตฺตน สทฺธิํ อุปฺปนฺนเมว วตฺถุ ฐิติปฺปตฺติยา พลวภาเวน ตสฺส นิสฺสโย ภวิตุํ สโกฺกติ, น สหชาตํ, ตสฺมา ปุเรชาตนิสฺสยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสนฯ อิตรวตฺถูนํ ปญฺจวิญฺญาณสงฺขาตสฺส ฉฎฺฐายตนสฺส อินฺทฺริยปจฺจยวเสน จ, ชีวิตสฺส อินฺทฺริยอตฺถิอวิคตวเสน ปจฺจยภาโว วุโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ เอกปฺปกาเรเนวาติ ยถา จกฺขาทีนํ มนายตนสฺส ปฎินิยตทสฺสนาทิกิจฺจานุวิธานโต นิยโต เอกปฺปกาเรเนว ปจฺจยภาโว, น เอวํ รูปายตนาทีนํ, เตสํ ปน รูปารมฺมณาทินา ปการนฺตเรน ตสฺส ปจฺจยภาโวติ ‘‘อนิยมโต’’ติ วุตฺตํฯ เกจิ ปน ‘‘นิยมโต’’ติ ปทํ ‘‘สสนฺตติปริยาปนฺน’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺธิตฺวา อตฺถํ วทนฺติ ‘‘เอกเนฺตน สสนฺตติปริยาปนฺน’’นฺติฯ
229. Yathāsambhavanti sambhavānurūpaṃ. Tena catunnaṃ tāva bhūtānaṃ sahajātanissayaatthiavigatavasena cakkhāyatanādīnaṃ pañcannaṃ paccayabhāvo, vatthūsu pana hadayavatthuno chaṭṭhāyatanassa paṭisandhiyaṃ sahajātanissayaaññamaññavippayuttaatthiavigatavasena, pavattiyaṃ yasmā anantaracittena saddhiṃ uppannameva vatthu ṭhitippattiyā balavabhāvena tassa nissayo bhavituṃ sakkoti, na sahajātaṃ, tasmā purejātanissayavippayuttaatthiavigatavasena. Itaravatthūnaṃ pañcaviññāṇasaṅkhātassa chaṭṭhāyatanassa indriyapaccayavasena ca, jīvitassa indriyaatthiavigatavasena paccayabhāvo vuttoti daṭṭhabbo. Ekappakārenevāti yathā cakkhādīnaṃ manāyatanassa paṭiniyatadassanādikiccānuvidhānato niyato ekappakāreneva paccayabhāvo, na evaṃ rūpāyatanādīnaṃ, tesaṃ pana rūpārammaṇādinā pakārantarena tassa paccayabhāvoti ‘‘aniyamato’’ti vuttaṃ. Keci pana ‘‘niyamato’’ti padaṃ ‘‘sasantatipariyāpanna’’nti iminā sambandhitvā atthaṃ vadanti ‘‘ekantena sasantatipariyāpanna’’nti.
‘‘ฉฎฺฐายตนญฺจ มนายตนญฺจ ฉฎฺฐายตน’’นฺติ อิมินา วิคฺคเหน อตฺถโต, อิตเรหิ ทฺวีหิ สทฺทโตปิ อตฺถโตปิ สรูปตํ ทเสฺสติฯ ‘‘จกฺขาทีหิ สห ‘สฬายตน’นฺติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตนเยน เอกเสสํ กตฺวา มนายตนํ จกฺขาทีหิ สทฺธิํ ‘‘สฬายตน’’นฺติ ปาฬิยํ วุตฺตํ ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติฯ ยถาวุโตฺตติ ‘‘ฉฎฺฐายตนญฺจ มนายตนญฺจา’’ติอาทินา อตฺตนา วุตฺตปฺปกาโรฯ สพฺพตฺถาติ นามรูปสเทฺทน สฬายตนสเทฺทน จ สทฺทสรูปตาสุ, อตฺถสรูปตาสุ วาฯ ยทิ สุตฺตนฺตภาชนีเย วิปากฉฎฺฐายตนเมว อธิเปฺปตํ, อถ กสฺมา ‘‘อิตรํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อวิปากญฺหิ ตตฺถ อิตรนฺติ อธิเปฺปตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ปจฺจยนเย ปนา’’ติอาทิฯ
‘‘Chaṭṭhāyatanañca manāyatanañca chaṭṭhāyatana’’nti iminā viggahena atthato, itarehi dvīhi saddatopi atthatopi sarūpataṃ dasseti. ‘‘Cakkhādīhi saha ‘saḷāyatana’nti vutta’’nti vuttanayena ekasesaṃ katvā manāyatanaṃ cakkhādīhi saddhiṃ ‘‘saḷāyatana’’nti pāḷiyaṃ vuttaṃ ‘‘nāmarūpapaccayā saḷāyatana’’nti. Yathāvuttoti ‘‘chaṭṭhāyatanañca manāyatanañcā’’tiādinā attanā vuttappakāro. Sabbatthāti nāmarūpasaddena saḷāyatanasaddena ca saddasarūpatāsu, atthasarūpatāsu vā. Yadi suttantabhājanīye vipākachaṭṭhāyatanameva adhippetaṃ, atha kasmā ‘‘itaraṃ panā’’tiādi vuttaṃ. Avipākañhi tattha itaranti adhippetanti codanaṃ sandhāyāha ‘‘paccayanaye panā’’tiādi.
สหชาตาทีสุ เหตุอาหารินฺทฺริยปจฺจเย ปกฺขิปิตฺวา ทสธา, ตโต เอกํ อปเนตฺวา นวธา, ตโต เอกํ อปเนตฺวา อฎฺฐธา ปจฺจยภาโว เวทิตโพฺพฯ เอวเมตฺถ สาธารณวเสน อวกํโส, เหตุอาทิอสาธารณวเสน อุกฺกํโสติ ฌานาทีนมฺปิ วเสน เวทิตโพฺพฯ
Sahajātādīsu hetuāhārindriyapaccaye pakkhipitvā dasadhā, tato ekaṃ apanetvā navadhā, tato ekaṃ apanetvā aṭṭhadhā paccayabhāvo veditabbo. Evamettha sādhāraṇavasena avakaṃso, hetuādiasādhāraṇavasena ukkaṃsoti jhānādīnampi vasena veditabbo.
ปฎิสนฺธิยํ อรูปธมฺมา กมฺมชรูปสฺส อุปฺปาทกฺขเณ ปจฺจยา โหนฺตีติ ‘‘ปวเตฺต’’ติ วิเสเสติฯ ‘‘ปจฺฉาชาตวิปฺปยุตฺตาทโย เอวา’’ติ นิยเมน สหชาตปุเรชาตวิปฺปยุตฺตาทโย นิวเตฺตติฯ
Paṭisandhiyaṃ arūpadhammā kammajarūpassa uppādakkhaṇe paccayā hontīti ‘‘pavatte’’ti viseseti. ‘‘Pacchājātavippayuttādayo evā’’ti niyamena sahajātapurejātavippayuttādayo nivatteti.
‘‘อวเสสมนายตนสฺสา’’ติ อวเสสคฺคหณมฺปิ ปกรณโต วิสิฎฺฐวิสยเมวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ปญฺจกฺขนฺธภเว’’ติอาทิมาห, ยโต อฎฺฐกถายํ ‘‘วตฺถุรูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ยถาสมฺภวํ โยเชตโพฺพติ นามรูปสฺส ปฎิสนฺธิยํ สหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยอตฺถิอวิคตาทิปจฺจยภาโว สหชาตาทิสาธารณปจฺจยภาโว, สมฺปยุตฺตวิปากเหตุอาหารินฺทฺริยาทิปจฺจยภาโว สมฺปยุตฺตาทิอสาธารณปจฺจยภาโว นามสฺส, รูปสฺส ปน วิปฺปยุตฺตปจฺจยภาโว โยเชตโพฺพฯ
‘‘Avasesamanāyatanassā’’ti avasesaggahaṇampi pakaraṇato visiṭṭhavisayamevāti dassetuṃ ‘‘pañcakkhandhabhave’’tiādimāha, yato aṭṭhakathāyaṃ ‘‘vatthurūpa’’ntiādi vuttaṃ. Yathāsambhavaṃ yojetabboti nāmarūpassa paṭisandhiyaṃ sahajātaaññamaññanissayaatthiavigatādipaccayabhāvo sahajātādisādhāraṇapaccayabhāvo, sampayuttavipākahetuāhārindriyādipaccayabhāvo sampayuttādiasādhāraṇapaccayabhāvo nāmassa, rūpassa pana vippayuttapaccayabhāvo yojetabbo.
สฬายตนปทนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saḷāyatanapadaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
ผสฺสปทนิเทฺทสวณฺณนา
Phassapadaniddesavaṇṇanā
๒๓๐. ตทเภทวเสนาติ ตสฺส ผสฺสสฺส อเภทวเสน, ผสฺสภาวสามเญฺญนาติ อโตฺถฯ น ยุตฺตํ เอกเสฺสว วจนํฯ อญฺญสฺสาปีติ ยถาวุตฺตโต อญฺญสฺสาปิฯ สพฺพายตนโต หิ เอกสฺส ผสฺสสฺส อสมฺภวโจทนายํ ตปฺปสเงฺคน เอกายตนโต อเนกสฺสาปิ สมฺภโว นตฺถีติ โจทนา ‘‘อีทิสี ธมฺมตา นตฺถี’’ติ ญาปนตฺถาติ ทเสฺสติ ‘‘อญฺญสฺสาปี’’ติอาทินาฯ นิทสฺสนวเสนาติ อุทาหรณทสฺสนวเสน ฯ เอกผสฺสสฺส สมฺภวโตติ การณาปเทโสฯ เอกผสฺสสมฺภวสฺส ลพฺภมานตฺตา ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผโสฺส’’ติ ภควตา วุตฺตนฺติ ปริหารํ ทเสฺสโนฺตติ โยชนาฯ เสเสสูติ เอกนฺติอาทีสุฯ นวธา ปจฺจยเตฺต เอกํ วิปากมนายตนํ วิภาวเยฯ ตถา จาติ อารมฺมณปุเรชาตอตฺถิอวิคตวเสนฯ ยฺวายํ ปจฺจยภาโว ยาทิสานํ โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนานิ…เป.… สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ อาหฯ อตีตานาคตกาลวิมุตฺตานมฺปิ อารมฺมณมตฺตตาย สมฺภวโต อาห ‘‘อารมฺมณ…เป.… สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ ตตฺถ ตนฺติ รูปายตนาทิํฯ
230. Tadabhedavasenāti tassa phassassa abhedavasena, phassabhāvasāmaññenāti attho. Na yuttaṃ ekasseva vacanaṃ. Aññassāpīti yathāvuttato aññassāpi. Sabbāyatanato hi ekassa phassassa asambhavacodanāyaṃ tappasaṅgena ekāyatanato anekassāpi sambhavo natthīti codanā ‘‘īdisī dhammatā natthī’’ti ñāpanatthāti dasseti ‘‘aññassāpī’’tiādinā. Nidassanavasenāti udāharaṇadassanavasena . Ekaphassassa sambhavatoti kāraṇāpadeso. Ekaphassasambhavassa labbhamānattā ‘‘saḷāyatanapaccayā phasso’’ti bhagavatā vuttanti parihāraṃ dassentoti yojanā. Sesesūti ekantiādīsu. Navadhā paccayatte ekaṃ vipākamanāyatanaṃ vibhāvaye. Tathā cāti ārammaṇapurejātaatthiavigatavasena. Yvāyaṃ paccayabhāvo yādisānaṃ hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘paccuppannāni…pe… sandhāya vutta’’nti āha. Atītānāgatakālavimuttānampi ārammaṇamattatāya sambhavato āha ‘‘ārammaṇa…pe… sandhāya vutta’’nti. Tattha tanti rūpāyatanādiṃ.
ผสฺสปทนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Phassapadaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
เวทนาปทนิเทฺทสวณฺณนา
Vedanāpadaniddesavaṇṇanā
๒๓๑. อนนฺตราทีหีติ อนนฺตรสมนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตปจฺจเยหิฯ อุปนิสฺสเยติ อนนฺตรูปนิสฺสเยฯ อนนฺตรสมนนฺตรปจฺจยา หิ อนนฺตรตาวเสเนว อนนฺตรูปนิสฺสเย อโนฺตคธาฯ นตฺถิวิคตปจฺจยา ปน อนนฺตรสมนนฺตรปจฺจยธมฺมานํเยว ตถาภาวโต ตทโนฺตคธาฯ ตสฺสาติ อุปนิสฺสยสฺสฯ
231. Anantarādīhīti anantarasamanantarūpanissayanatthivigatapaccayehi. Upanissayeti anantarūpanissaye. Anantarasamanantarapaccayā hi anantaratāvaseneva anantarūpanissaye antogadhā. Natthivigatapaccayā pana anantarasamanantarapaccayadhammānaṃyeva tathābhāvato tadantogadhā. Tassāti upanissayassa.
สพฺพสฺสาติ วิปากสฺส, อวิปากสฺส จฯ ปฎิสนฺธิภวงฺคจุติจิตฺตสมฺปยุตฺตาย หิ เวทนาย สหชาตมโนสมฺผโสฺส วุตฺตนเยน อฎฺฐธา ปจฺจโย โหติฯ อนนฺตโร อนนฺตราทินา, อนานนฺตโร อุปนิสฺสยวเสเนว ปจฺจโย โหติฯ สมฺภวทสฺสนเญฺจตํ, น ตาสํ มโนทฺวาริกภาวทสฺสนนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Sabbassāti vipākassa, avipākassa ca. Paṭisandhibhavaṅgacuticittasampayuttāya hi vedanāya sahajātamanosamphasso vuttanayena aṭṭhadhā paccayo hoti. Anantaro anantarādinā, anānantaro upanissayavaseneva paccayo hoti. Sambhavadassanañcetaṃ, na tāsaṃ manodvārikabhāvadassananti daṭṭhabbaṃ.
เวทนาปทนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vedanāpadaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
ตณฺหาปทนิเทฺทสวณฺณนา
Taṇhāpadaniddesavaṇṇanā
๒๓๒. ยถา จ รสายนชานิ โอชาชีวิตานิ, เอวํ ตํนิมิตฺตํ สุขํ, ตทปเนยฺยํ ชราทิทุกฺขญฺจ ธมฺมารมฺมณภาเวน โยเชตพฺพํฯ
232. Yathā ca rasāyanajāni ojājīvitāni, evaṃ taṃnimittaṃ sukhaṃ, tadapaneyyaṃ jarādidukkhañca dhammārammaṇabhāvena yojetabbaṃ.
กมฺมผลาภิปตฺถนาวเสน สตฺตา กมฺมานิปิ อายูหนฺตีติ สาติสยํ ตณฺหาย วิปากเวทนา อุปนิสฺสโย, น ตถา อิตราติ อาห ‘‘วิปากา วิเสเสน…เป.… อวิเสเสน อิตรา จา’’ติฯ อิตราติ อวิปากาติ อโตฺถฯ ‘‘สุขมิเจฺจว ภาสิตา’’ติ อิทํ อิฎฺฐสภาวํเยว อุเปกฺขํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อนิฎฺฐสภาวํฯ เตนาห ‘‘อุเปกฺขา ปนา’’ติอาทิฯ สพฺพสฺสาติ อวีตราคสฺส วีตราคสฺส จ เวทนาวโต ปุคฺคลสฺสฯ
Kammaphalābhipatthanāvasena sattā kammānipi āyūhantīti sātisayaṃ taṇhāya vipākavedanā upanissayo, na tathā itarāti āha ‘‘vipākā visesena…pe… avisesena itarā cā’’ti. Itarāti avipākāti attho. ‘‘Sukhamicceva bhāsitā’’ti idaṃ iṭṭhasabhāvaṃyeva upekkhaṃ sandhāya vuttaṃ, na aniṭṭhasabhāvaṃ. Tenāha ‘‘upekkhā panā’’tiādi. Sabbassāti avītarāgassa vītarāgassa ca vedanāvato puggalassa.
เวทนาปจฺจยา เอวาติ อยํ นิยโม นิยมนฺตรนิวตฺตนปโรติ นาสฺส ปจฺจยนฺตรนิวตฺตนตฺถตา ทฎฺฐพฺพาฯ เอเตน ปจฺจยุปฺปนฺนนฺตรปฎิเกฺขโปปิ นิวตฺติโต โหติฯ
Vedanāpaccayā evāti ayaṃ niyamo niyamantaranivattanaparoti nāssa paccayantaranivattanatthatā daṭṭhabbā. Etena paccayuppannantarapaṭikkhepopi nivattito hoti.
ตณฺหาปทนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Taṇhāpadaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
อุปาทานปทนิเทฺทสวณฺณนา
Upādānapadaniddesavaṇṇanā
๒๓๓. ปุริมทิฎฺฐินฺติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๑) ปเคว อภินิวิฎฺฐํ สสฺสตคาหํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘อตฺตคฺคหณํ…เป.… ทฎฺฐพฺพ’’นฺติฯ อุปาทิยมานนฺติ คณฺหนฺตํฯ โลโกติ วา คหณนฺติ ยํ ‘‘โลโก สสฺสโต’’ติ คหณํ, สา ทิฎฺฐีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ทิฎฺฐุปาทานภูต’’นฺติฯ ‘‘ธมฺมสเงฺขป…เป.… ทิฎฺฐิมตฺตเมวา’’ติ อิทํ พฺยวหิตานํ ปทานํ สมฺพนฺธทสฺสนํฯ ตตฺถ สเงฺขปโต ตณฺหาทฬฺหตฺตํ, สเงฺขปโต ทิฎฺฐิมตฺตเมว จตฺตาริ อุปาทานานีติ อธิปฺปาโยฯ ธมฺมสเงฺขปวิตฺถารโตติ สมุทายภูตโต ธมฺมสเงฺขปวิตฺถารโต ตทวยวภูตํ สเงฺขปํ วิตฺถารญฺจ นิทฺธาเรติฯ
233. Purimadiṭṭhinti ‘‘sassato attā’’ti (dī. ni. 1.31) pageva abhiniviṭṭhaṃ sassatagāhaṃ sandhāya vuttaṃ. Tenāha ‘‘attaggahaṇaṃ…pe… daṭṭhabba’’nti. Upādiyamānanti gaṇhantaṃ. Lokoti vā gahaṇanti yaṃ ‘‘loko sassato’’ti gahaṇaṃ, sā diṭṭhīti attho. Tenāha ‘‘diṭṭhupādānabhūta’’nti. ‘‘Dhammasaṅkhepa…pe… diṭṭhimattamevā’’ti idaṃ byavahitānaṃ padānaṃ sambandhadassanaṃ. Tattha saṅkhepato taṇhādaḷhattaṃ, saṅkhepato diṭṭhimattameva cattāri upādānānīti adhippāyo. Dhammasaṅkhepavitthāratoti samudāyabhūtato dhammasaṅkhepavitthārato tadavayavabhūtaṃ saṅkhepaṃ vitthārañca niddhāreti.
สสฺสตคาหปุพฺพงฺคโม, อุเจฺฉทคาหปุพฺพงฺคโม จ อตฺตคาโหติ โยชนาฯ เตสนฺติ ยถาวุตฺตสสฺสตุเจฺฉทคาหานํ มูลภาเวน วิธายกตฺตา สามิภูโตฯ อาทินา วาติ ‘‘ปฐมํ อตฺตวาทุปาทาน’’นฺติอาทินา วา วาเกฺยนฯ
Sassatagāhapubbaṅgamo, ucchedagāhapubbaṅgamo ca attagāhoti yojanā. Tesanti yathāvuttasassatucchedagāhānaṃ mūlabhāvena vidhāyakattā sāmibhūto. Ādinā vāti ‘‘paṭhamaṃ attavādupādāna’’ntiādinā vā vākyena.
เยน ภวสฺสาเทน คธิตจิโตฺต ภวนิพฺพตฺตกํ กมฺมํ กตฺวา อุปปโนฺน, สา ภวนิกนฺติ สนฺตาเน จิรานุพนฺธา อภิณฺหุปฺปตฺติกา อุปปนฺนมตฺตสฺส อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘ยทิปิ…เป.… ปวตฺติตพฺพตฺตา’’ติฯ อรหตฺตมคฺควชฺฌตฺตา ภวราคสฺสปิ กามุปาทานภาโว อเตฺถวาติ อาห ‘‘ตณฺหาทฬฺหตฺตํ น โหตีติ มญฺญมาโน’’ติฯ ภวราโคปิ หิ สวิสเย ทฬฺหํ ปวตฺตตีติฯ สพฺพาปิ ตณฺหา กามุปาทานนฺติ เอตฺถาปิ ตสฺส อรหตฺตมคฺควชฺฌตา วุตฺตาติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํฯ
Yena bhavassādena gadhitacitto bhavanibbattakaṃ kammaṃ katvā upapanno, sā bhavanikanti santāne cirānubandhā abhiṇhuppattikā upapannamattassa uppajjatīti āha ‘‘yadipi…pe… pavattitabbattā’’ti. Arahattamaggavajjhattā bhavarāgassapi kāmupādānabhāvo atthevāti āha ‘‘taṇhādaḷhattaṃ na hotīti maññamāno’’ti. Bhavarāgopi hi savisaye daḷhaṃ pavattatīti. Sabbāpi taṇhā kāmupādānanti etthāpi tassa arahattamaggavajjhatā vuttāti ānetvā yojetabbaṃ.
อุปฺปตฺติฎฺฐานภูตา น อารมฺมณภูตาติ อธิปฺปาโยฯ เตนาติ ขนฺธานํ อาลยภาเวนฯ อารมฺมณานนฺตรปกตูปนิสฺสยาติ อารมฺมณูปนิสฺสยอนนฺตรูปนิสฺสยปกตูปนิสฺสยาฯ อนนฺตรปจฺจยาทีนนฺติ อนนฺตรสมนนฺตรอารมฺมณปจฺจยาทีนํฯ
Uppattiṭṭhānabhūtā na ārammaṇabhūtāti adhippāyo. Tenāti khandhānaṃ ālayabhāvena. Ārammaṇānantarapakatūpanissayāti ārammaṇūpanissayaanantarūpanissayapakatūpanissayā. Anantarapaccayādīnanti anantarasamanantaraārammaṇapaccayādīnaṃ.
อุปาทานปทนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Upādānapadaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
ภวปทนิเทฺทสวณฺณนา
Bhavapadaniddesavaṇṇanā
๒๓๔. ‘‘ภวตี’’ติ อิทํ อุปปตฺติภวนิพฺพจนํฯ ทฺวยสฺสาติ กมฺมุปปตฺติภวทฺวยสฺสฯ นิปฺผาทนผลํ ผลสฺส อุปฺปาทนสมตฺถตาฯ นิพฺพตฺตนํ นิปฺผาทนํฯ
234. ‘‘Bhavatī’’ti idaṃ upapattibhavanibbacanaṃ. Dvayassāti kammupapattibhavadvayassa. Nipphādanaphalaṃ phalassa uppādanasamatthatā. Nibbattanaṃ nipphādanaṃ.
‘‘ภควํมูลกา’’ติ (อ. นิ. ๘.๘๓; ๙.๑; ๑๐.๕๘; ๑๑.๑๙) วิย ‘‘สญฺญาวํภโว’’ติ วตฺตเพฺพ อตฺถิ-อเตฺถ วา วํ-สโทฺท ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐติ อาห ‘‘สญฺญาภโว’’ติฯ ตสฺส วา อเตฺถติ ตสฺส วนฺตุสทฺทสฺส อเตฺถ, อตฺถิ-อเตฺถติ อโตฺถฯ อการํ กตฺวาติ ยถา ‘‘ปีติสุขํ อสฺส อตฺถี’’ติ อเตฺถ อการํ กตฺวา อุปฺปาเทตฺวา ฌานํ ปีติสุขนฺติ วุจฺจติ, เอวํ สญฺญา อสฺส อตฺถีติ สโญฺญ, ภโว, โสว สญฺญภโวฯ เอกสฺมินฺติ รูปกฺขเนฺธ เอวฯ ปวตฺตตฺตาติ ปวตฺตกปวตฺตนฎฺฐานานํ อเภเทปิ อุปจารวเสน ภินฺนํ วิย กตฺวา ทเสฺสติฯ
‘‘Bhagavaṃmūlakā’’ti (a. ni. 8.83; 9.1; 10.58; 11.19) viya ‘‘saññāvaṃbhavo’’ti vattabbe atthi-atthe vā vaṃ-saddo luttaniddiṭṭhoti āha ‘‘saññābhavo’’ti. Tassa vā attheti tassa vantusaddassa atthe, atthi-attheti attho. Akāraṃ katvāti yathā ‘‘pītisukhaṃ assa atthī’’ti atthe akāraṃ katvā uppādetvā jhānaṃ pītisukhanti vuccati, evaṃ saññā assa atthīti sañño, bhavo, sova saññabhavo. Ekasminti rūpakkhandhe eva. Pavattattāti pavattakapavattanaṭṭhānānaṃ abhedepi upacāravasena bhinnaṃ viya katvā dasseti.
กมฺมสงฺขาตตนฺติ ‘‘กมฺม’’นฺติ วตฺตพฺพตํ, กมฺมโกฎฺฐาสตํ วาฯ ‘‘เจตนาหํ, ภิกฺขเว, กมฺมํ วทามี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๖.๖๓) สุเตฺตปิ เจตนาย กมฺมภาโว อาคโตวฯ นิปฺปริยาเยน ปน เจตนาว กมฺมภโวติ วุตฺตมตฺถํ อภิธมฺมปาฬิยาว สาเธโนฺต ‘‘วุตฺตญฺหี’’ติอาทิมาหฯ อิมาย หิ เวทนาสญฺญาวิญฺญาณกฺขเนฺธหิ, มนายตนมโนวิญฺญาณธาตูหิ, สงฺขารกฺขนฺธธมฺมายตนธมฺมธาตุเอกเทเสน จ กมฺมภวสฺส สมฺปยุตฺตตํ วทนฺติยา ธาตุกถาปาฬิยา ตสฺส เจตนาภาโว ทีปิโตติฯ
Kammasaṅkhātatanti ‘‘kamma’’nti vattabbataṃ, kammakoṭṭhāsataṃ vā. ‘‘Cetanāhaṃ, bhikkhave, kammaṃ vadāmī’’tiādinā (a. ni. 6.63) suttepi cetanāya kammabhāvo āgatova. Nippariyāyena pana cetanāva kammabhavoti vuttamatthaṃ abhidhammapāḷiyāva sādhento ‘‘vuttañhī’’tiādimāha. Imāya hi vedanāsaññāviññāṇakkhandhehi, manāyatanamanoviññāṇadhātūhi, saṅkhārakkhandhadhammāyatanadhammadhātuekadesena ca kammabhavassa sampayuttataṃ vadantiyā dhātukathāpāḷiyā tassa cetanābhāvo dīpitoti.
ธมฺมเภทโตติ เจตนาเจตนาสมฺปยุตฺตภาเวน, กุสลากุสลาพฺยากตภาเวน จ ธมฺมวิภาคโตฯ ‘‘ปุนวจน’’นฺติ อิมินาว ปุนรุตฺติโทสาปตฺติ ปฎิญฺญาตาติ ปรสฺส อาสงฺกํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สาตฺถกเมวิทํ ปุนวจนนฺติ เอตํ น ยุตฺตนฺติ เจ’’ติ อาหฯ ภเวกเทสภาเวนาติ กมฺมภวสฺส เอกเทสตฺตา สงฺขารานํฯ เตน เยสํ ธมฺมานํ สมุทาโย ภโว วุโตฺต, ตเทกเทสา สงฺขารา, สมุทาเยกเทสา จ อตฺถโต ภินฺนา เอวาติ วุตฺตเมเวตนฺติ ทเสฺสติฯ ปุน ยถาวุตฺตเมว เภทํ มนสิ กตฺวา อตฺถโต ปุนวจนาภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปเรน วา’’ติอาทิมาหฯ
Dhammabhedatoti cetanācetanāsampayuttabhāvena, kusalākusalābyākatabhāvena ca dhammavibhāgato. ‘‘Punavacana’’nti imināva punaruttidosāpatti paṭiññātāti parassa āsaṅkaṃ dassento ‘‘sātthakamevidaṃ punavacananti etaṃ na yuttanti ce’’ti āha. Bhavekadesabhāvenāti kammabhavassa ekadesattā saṅkhārānaṃ. Tena yesaṃ dhammānaṃ samudāyo bhavo vutto, tadekadesā saṅkhārā, samudāyekadesā ca atthato bhinnā evāti vuttamevetanti dasseti. Puna yathāvuttameva bhedaṃ manasi katvā atthato punavacanābhāvaṃ dassento ‘‘parena vā’’tiādimāha.
อโนฺตคเธติ กามภวาทิอโนฺตคเธ สญฺญาภวาทิเกฯ กามภวาทิเกติ กามรูปารูปภเวฯ
Antogadheti kāmabhavādiantogadhe saññābhavādike. Kāmabhavādiketi kāmarūpārūpabhave.
อุปาทานเภทนฺติ กามุปาทานาทิอุปาทานวิเสสํฯ
Upādānabhedanti kāmupādānādiupādānavisesaṃ.
เตนาติ สีลพฺพตุปาทาเนนฯ วกฺขมาเนนาติ ‘‘อิทํ สีลพฺพตํ นามา’’ติอาทินา (วิภ. อฎฺฐ. ๒๓๔) อฎฺฐกถายํ วกฺขมาเนน ปกาเรนฯ ปุราณํ พฺรหฺมณฺฑลิงฺคขนฺทปุราณาทิฯ ‘‘เสตวธยชฺชํ อารภเต ภูติกาโม’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๒.๖๕๐) ปสุมารณวิธานยุโตฺต ยญฺญวิธิ ปสุพนฺธวิธิฯ
Tenāti sīlabbatupādānena. Vakkhamānenāti ‘‘idaṃ sīlabbataṃ nāmā’’tiādinā (vibha. aṭṭha. 234) aṭṭhakathāyaṃ vakkhamānena pakārena. Purāṇaṃ brahmaṇḍaliṅgakhandapurāṇādi. ‘‘Setavadhayajjaṃ ārabhate bhūtikāmo’’tiādinā (visuddhi. mahāṭī. 2.650) pasumāraṇavidhānayutto yaññavidhi pasubandhavidhi.
อตฺตโน สุทฺธิมคฺคปรามาสมตฺตตฺตา สีลพฺพตุปาทานสฺส อตฺตวาทุปาทานนิมิตฺตํ วุตฺตํฯ
Attano suddhimaggaparāmāsamattattā sīlabbatupādānassa attavādupādānanimittaṃ vuttaṃ.
มคฺคปจฺจยา โหนฺติ มิจฺฉานิยฺยานสภาวตฺตาฯ อนนฺตรสฺส ปน กามกมฺมภวสฺส อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตาเสวนปจฺจเยหิ อุปาทานสฺส ปจฺจยภาโว ปากโฎเยวาติ น วุโตฺตฯ
Maggapaccayā honti micchāniyyānasabhāvattā. Anantarassa pana kāmakammabhavassa anantarasamanantaraanantarūpanissayanatthivigatāsevanapaccayehi upādānassa paccayabhāvo pākaṭoyevāti na vutto.
ภวปทนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhavapadaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
ชาติชรามรณาทิปทนิเทฺทสวณฺณนา
Jātijarāmaraṇādipadaniddesavaṇṇanā
๒๓๕. อุปปตฺติภวุปฺปตฺตีติ อุปปตฺติภเว, อุปปตฺติภวภาเวน วา อุปาทินฺนกฺขนฺธานํ อุปฺปตฺติฯ ชายมานสฺส ขนฺธสฺสฯ ชาติ นิพฺพตฺติวิกาโรฯ อุปปตฺติภโวปิ ชาติยา ปจฺจโยฯ กสฺมา? อุปปตฺติภเว อสติ ชาติยา อภาวาติ โยชนาฯ ‘‘ชายมานรูปปทฎฺฐานตา’’ติอาทินาปิ ตสฺส ชาติยา ปจฺจยภาวํเยว วิภาเวติฯ
235. Upapattibhavuppattīti upapattibhave, upapattibhavabhāvena vā upādinnakkhandhānaṃ uppatti. Jāyamānassa khandhassa. Jāti nibbattivikāro. Upapattibhavopi jātiyā paccayo. Kasmā? Upapattibhave asati jātiyā abhāvāti yojanā. ‘‘Jāyamānarūpapadaṭṭhānatā’’tiādināpi tassa jātiyā paccayabhāvaṃyeva vibhāveti.
สติปิ สุกฺกโสณิตาทิเก ปิตุคตวิเสสาทิการเณ พาหิเร ปจฺจเย ตสฺส ปน อนิยตตฺตา, หีนปณีตาทิวิเสสสฺส จ อธิเปฺปตตฺตา วุตฺตํ ‘‘อชฺฌตฺต…เป.… อภาวา’’ติฯ
Satipi sukkasoṇitādike pitugatavisesādikāraṇe bāhire paccaye tassa pana aniyatattā, hīnapaṇītādivisesassa ca adhippetattā vuttaṃ ‘‘ajjhatta…pe… abhāvā’’ti.
ชาติชรามรณาทิปทนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Jātijarāmaraṇādipadaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
ภวจกฺกกถาวณฺณนา
Bhavacakkakathāvaṇṇanā
๒๔๒. สมฺพนฺธํ อิตํ คตนฺติ สมิตํฯ เตนาห ‘‘สงฺคต’’นฺติฯ
242. Sambandhaṃ itaṃ gatanti samitaṃ. Tenāha ‘‘saṅgata’’nti.
ภวจฺฉโนฺท ภวราโคฯ ตสฺสารุปฺปกถาสวนนฺติ ตสฺส พาลภาวสฺส อยุตฺตการิตาย อนุจฺฉวิกกถาสวนํฯ เอเตน ปรูปวาทเหตุกาทิทุกฺขํ ทเสฺสติ, ‘‘กมฺมการณาทสฺสน’’นฺติ อิมินา ทณฺฑเหตุกํ, อิตเรน ทุคฺคตินิพฺพตฺติเหตุกํ ฯ คเมนฺตีติ ญาเปนฺติฯ ผเลนาปิ หิ อพฺยภิจารินา เหตุ ญายติ, วุฎฺฐินิมิเตฺตน วิย มโหเฆน อุปริเทเส วุฎฺฐินิปาโตฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โพเธนฺตี’’ติฯ
Bhavacchando bhavarāgo. Tassāruppakathāsavananti tassa bālabhāvassa ayuttakāritāya anucchavikakathāsavanaṃ. Etena parūpavādahetukādidukkhaṃ dasseti, ‘‘kammakāraṇādassana’’nti iminā daṇḍahetukaṃ, itarena duggatinibbattihetukaṃ . Gamentīti ñāpenti. Phalenāpi hi abyabhicārinā hetu ñāyati, vuṭṭhinimittena viya mahoghena uparidese vuṭṭhinipāto. Tena vuttaṃ ‘‘bodhentī’’ti.
วิเสสนิวตฺติอโตฺถ มตฺตสโทฺท ‘‘อวิตกฺกวิจารมตฺตา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๖) วิยฯ อปฺปหีนาวิชฺชา การณลาเภ อุปฺปตฺติอรหตาย สมีเปเยวาติ อาห ‘‘สนฺนิหิตภาวกรเณนา’’ติฯ เวเทตีติ เวทยติฯ ตสฺส อตฺถวจนํ อนุภวตีติฯ เวทํ วา ญาณํ กโรติ อุปฺปาเทตีติ เวเทติฯ ตสฺส อตฺถวจนํ ชานาตีติฯ เวทิยตีติ ปน กมฺมกตฺตุกมฺมานํ วเสน นิเทฺทโสติ ตสฺสปิ อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ชานาติ, ญายติ จา’’ติ อาหฯ จ-สทฺทโตฺถติ สมุจฺจยโตฺถ, พฺรหฺมาทินา จ การเกน, อตฺตนา จ เวทเกน รหิตนฺติ อโตฺถฯ จ-สทฺทตฺถสมาสนฺติ ทฺวนฺทสมาสมาหฯ
Visesanivattiattho mattasaddo ‘‘avitakkavicāramattā’’tiādīsu (dha. sa. tikamātikā 6) viya. Appahīnāvijjā kāraṇalābhe uppattiarahatāya samīpeyevāti āha ‘‘sannihitabhāvakaraṇenā’’ti. Vedetīti vedayati. Tassa atthavacanaṃ anubhavatīti. Vedaṃ vā ñāṇaṃ karoti uppādetīti vedeti. Tassa atthavacanaṃ jānātīti. Vediyatīti pana kammakattukammānaṃ vasena niddesoti tassapi atthaṃ dassento ‘‘jānāti, ñāyati cā’’ti āha. Ca-saddatthoti samuccayattho, brahmādinā ca kārakena, attanā ca vedakena rahitanti attho. Ca-saddatthasamāsanti dvandasamāsamāha.
จตุพฺพิธมฺปิ วา สุญฺญตนฺติ ธุวภาวาทิสุญฺญตํ, อตฺตาทิสุญฺญตญฺจ สนฺธาย วทติฯ
Catubbidhampi vā suññatanti dhuvabhāvādisuññataṃ, attādisuññatañca sandhāya vadati.
ปุพฺพนฺตโตติ อตีตโกฎฺฐาสโตฯ เวทนาวสานมฺปิ ภวจกฺกํ ปริปุณฺณเมวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘เวทนา วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อวิชฺชาคหเณน วา ตณฺหุปาทานานิ, สงฺขารคฺคหเณน ภโว, วิญฺญาณาทิคฺคหเณน ชาติชรามรณานิ โสกาทโย จ คหิตาติ เอวมฺปิ เวทนาวสานํ ภวจกฺกนฺติ ยุตฺตเมเวตํฯ ตณฺหามูลเก จาติ ตณฺหุปาทานคฺคหเณน อวิชฺชา คหิตาติอาทินา โยเชตพฺพํฯ เตนาห ‘‘ทฺวินฺนํ…เป.… โหตี’’ติฯ ตตฺถ ทฺวินฺนนฺติ ปุริมปจฺฉิมานํ อุภินฺนํ เหตุผลวชฺชานํฯ วิปรีตาภินิเวสํ กโรนฺตีติ นิมิตฺตํ กตฺตุอุปจาเรน วทติฯ อนุปเจฺฉทเมว ปกาเสตีติ โยชนาฯ
Pubbantatoti atītakoṭṭhāsato. Vedanāvasānampi bhavacakkaṃ paripuṇṇamevāti dassetuṃ ‘‘vedanā vā’’tiādi vuttaṃ. Avijjāgahaṇena vā taṇhupādānāni, saṅkhāraggahaṇena bhavo, viññāṇādiggahaṇena jātijarāmaraṇāni sokādayo ca gahitāti evampi vedanāvasānaṃ bhavacakkanti yuttamevetaṃ. Taṇhāmūlake cāti taṇhupādānaggahaṇena avijjā gahitātiādinā yojetabbaṃ. Tenāha ‘‘dvinnaṃ…pe… hotī’’ti. Tattha dvinnanti purimapacchimānaṃ ubhinnaṃ hetuphalavajjānaṃ. Viparītābhinivesaṃ karontīti nimittaṃ kattuupacārena vadati. Anupacchedameva pakāsetīti yojanā.
เหตุผลสนฺธิ, ผลเหตุสนฺธิ, ปุนปิ เหตุผลสนฺธีติ เอวํ เหตุอาทิปุพฺพกา เหตุผลเหตุปุพฺพกาฯ เหตุผลเหตุผลวเสนาติ อวิชฺชาทิเหตุ, วิญฺญาณาทิผล, ตณฺหาทิเหตุ, ชาติผลวเสนฯ อุปสคฺควิเสเสน อตฺถวิเสโส โหตีติ ‘‘อากิรียนฺตี’’ติ ปทสฺส ปกาสียนฺตีติ อโตฺถ วุโตฺตฯ กิเลสกมฺมวิปากาติ อวิชฺชาทิเก เวทนาปริโยสาเน วทติฯ วิปากกิเลสกเมฺมหีติ วิญฺญาณาทีหิ ภวปริโยสาเนหิฯ ปุน กมฺมสฺส วิปากสมฺพโนฺธ วุตฺตนยตฺตา น คหิโตฯ ‘‘วฎฺฎานี’’ติ จ อิทํ ‘‘ตีณิ วฎฺฎานี’’ติ วิคฺคหวเสน ลพฺภมานํ คเหตฺวา วุตฺตํฯ
Hetuphalasandhi, phalahetusandhi, punapi hetuphalasandhīti evaṃ hetuādipubbakā hetuphalahetupubbakā. Hetuphalahetuphalavasenāti avijjādihetu, viññāṇādiphala, taṇhādihetu, jātiphalavasena. Upasaggavisesena atthaviseso hotīti ‘‘ākirīyantī’’ti padassa pakāsīyantīti attho vutto. Kilesakammavipākāti avijjādike vedanāpariyosāne vadati. Vipākakilesakammehīti viññāṇādīhi bhavapariyosānehi. Puna kammassa vipākasambandho vuttanayattā na gahito. ‘‘Vaṭṭānī’’ti ca idaṃ ‘‘tīṇi vaṭṭānī’’ti viggahavasena labbhamānaṃ gahetvā vuttaṃ.
‘‘ปุริมกมฺมภวสฺมิํ โมโห’’ติอาทินา (วิภ. อฎฺฐ. ๒๔๒) อฎฺฐกถาย อาคตตฺตา อาสนฺนปจฺจกฺขตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อิมิสฺสา’’ติฯ วิภงฺคปาฬิยา วเสน ทสฺสิตํ, ตสฺมา น อฎฺฐกถาย ปุพฺพาปรวิโรโธ ยถาปาฐํ อตฺถสฺส ปกาสิตตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ ตตฺถ เจตนาสมฺปยุตฺตานญฺจ เจตนาย จ สงฺขารภาเวน กมฺมภวภาเวน จ วตฺตพฺพเมวาติ ปาฬิทฺวยาธิปฺปายวิวรณวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ภวสฺสาติ อุปปตฺติภวสฺสฯ ‘‘ภโว’’ติ วุตฺตา เจตนาสมฺปยุตฺตาติ สมฺพโนฺธฯ คหณนฺติ นิกามนวเสน อารมฺมณสฺส คหณํฯ เตนาห ‘‘กามุปาทานํ กิเจฺจนาหา’’ติฯ อิตรานิ กิเจฺจนาหาติ โยชนาฯ ตีสุ อตฺถวิกเปฺปสูติ ‘‘ตํ กมฺมํ กโรโต ปุริมา เจตนาโย’’ติอาทินา วุเตฺตสุ ตีสุ อายูหนเจตนานํ อตฺถวิกเปฺปสุฯ นนุ จ ตติเย อตฺถวิกเปฺป อายูหนสฺส อวสาเน เจตนา น วุตฺตาติ? ยทิปิ สรูปโต น วุตฺตา, ‘‘ตํสมฺปยุตฺตา’’ติ ปน สทฺทโต ปธานภาเวน วุตฺตสฺส อายูหนสฺส อปฺปธานภาเวน วุตฺตา อวสาเน ปจฺฉโต วุตฺตา วิย โหตีติ อิมํ ปริยายํ สนฺธาย ‘‘ตีสุปิ…เป.… อวสาเน’’ติ วุตฺตํฯ
‘‘Purimakammabhavasmiṃ moho’’tiādinā (vibha. aṭṭha. 242) aṭṭhakathāya āgatattā āsannapaccakkhataṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘imissā’’ti. Vibhaṅgapāḷiyā vasena dassitaṃ, tasmā na aṭṭhakathāya pubbāparavirodho yathāpāṭhaṃ atthassa pakāsitattāti adhippāyo. Tattha cetanāsampayuttānañca cetanāya ca saṅkhārabhāvena kammabhavabhāvena ca vattabbamevāti pāḷidvayādhippāyavivaraṇavasena dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ. Bhavassāti upapattibhavassa. ‘‘Bhavo’’ti vuttā cetanāsampayuttāti sambandho. Gahaṇanti nikāmanavasena ārammaṇassa gahaṇaṃ. Tenāha ‘‘kāmupādānaṃ kiccenāhā’’ti. Itarāni kiccenāhāti yojanā. Tīsu atthavikappesūti ‘‘taṃ kammaṃ karoto purimā cetanāyo’’tiādinā vuttesu tīsu āyūhanacetanānaṃ atthavikappesu. Nanu ca tatiye atthavikappe āyūhanassa avasāne cetanā na vuttāti? Yadipi sarūpato na vuttā, ‘‘taṃsampayuttā’’ti pana saddato padhānabhāvena vuttassa āyūhanassa appadhānabhāvena vuttā avasāne pacchato vuttā viya hotīti imaṃ pariyāyaṃ sandhāya ‘‘tīsupi…pe… avasāne’’ti vuttaṃ.
นิปฺปริยาเยน ปน เยสุ อายูหนสฺส อวสาเน เจตนา วุตฺตา, เต ทเสฺสตุํ ‘‘ทฺวีสุ…เป.… อาหา’’ติ วุตฺตํฯ ตติเย อตฺถวิกเปฺป วุเตฺต อายูหนสงฺขาเร ตํสมฺปยุตฺตาติ อาหาติ โยชนาฯ กมฺมสฺส ปจฺจยภูตนฺติ สงฺขารปจฺจยํฯ เตน ‘‘กมฺมกรณกาเล’’ติ เอตฺถ กมฺม-สเทฺทน สพฺพสฺสปิ สงฺขารสฺส คหิตตํ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘น กมฺมสมฺปยุตฺตเมวา’’ติฯ
Nippariyāyena pana yesu āyūhanassa avasāne cetanā vuttā, te dassetuṃ ‘‘dvīsu…pe… āhā’’ti vuttaṃ. Tatiye atthavikappe vutte āyūhanasaṅkhāre taṃsampayuttāti āhāti yojanā. Kammassa paccayabhūtanti saṅkhārapaccayaṃ. Tena ‘‘kammakaraṇakāle’’ti ettha kamma-saddena sabbassapi saṅkhārassa gahitataṃ dasseti. Tenāha ‘‘na kammasampayuttamevā’’ti.
กมฺมาเนวาติ กมฺมานิเยวฯ วิปากธมฺมตาย กมฺมสริกฺขกาฯ สหชาตโกฎิยา, อุปนิสฺสยโกฎิยา จ ตสฺส กมฺมสฺส อุปการกาติ ตทุปการกาฯ สํขิปฺปนฺตีติ สํขิปียนฺติ สํยูหียนฺติฯ ‘‘สํขิปฺปนฺติ เอตฺถา’’ติ อธิกรณสาธนวเสน สเงฺขปสทฺทสฺส อตฺถํ วตฺวา ปุน กมฺมสาธนวเสน วตฺตุํ ‘‘สํขิปียตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Kammānevāti kammāniyeva. Vipākadhammatāya kammasarikkhakā. Sahajātakoṭiyā, upanissayakoṭiyā ca tassa kammassa upakārakāti tadupakārakā. Saṃkhippantīti saṃkhipīyanti saṃyūhīyanti. ‘‘Saṃkhippanti etthā’’ti adhikaraṇasādhanavasena saṅkhepasaddassa atthaṃ vatvā puna kammasādhanavasena vattuṃ ‘‘saṃkhipīyatī’’tiādi vuttaṃ.
ตตฺถาปีติ ‘‘กมฺม’’นฺติ วุตฺตกมฺมสมฺภาเรปิฯ คมนธมฺมนฺติ ภงฺคุปคมนธมฺมํฯ เตน อิตฺตรนฺติ ภงฺคปรนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เตนาติ วินสฺสนธมฺมตาทีปเกน อิตฺตรสเทฺทนฯ นิสฺสารตํ อตฺตสาราภาวํ ทีเปติฯ เอวํ ‘‘อิตฺตร’’นฺติอาทินา อนิจฺจํ จลํ อิตฺตรํ อทฺธุวนฺติ จตุนฺนํ ปทานํ อตฺถวิเสสวาจิตํ ทเสฺสติฯ ฐานโสติ เอตฺถ วุตฺตฎฺฐานํ นาม ปจฺจโยฯ อญฺญมฺปีติ อญฺญตฺถ วุตฺตํฯ ตสฺส ตสฺส ผลสฺสฯ ธมฺมมตฺตสมฺภเว สติ วฎฺฎุปเจฺฉเท สตีติ โยชนาฯ เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน สมุจฺจยเตฺถ จ-สเทฺท สติฯ
Tatthāpīti ‘‘kamma’’nti vuttakammasambhārepi. Gamanadhammanti bhaṅgupagamanadhammaṃ. Tena ittaranti bhaṅgaparanti vuttaṃ hoti. Tenāti vinassanadhammatādīpakena ittarasaddena. Nissārataṃ attasārābhāvaṃ dīpeti. Evaṃ ‘‘ittara’’ntiādinā aniccaṃ calaṃ ittaraṃ addhuvanti catunnaṃ padānaṃ atthavisesavācitaṃ dasseti. Ṭhānasoti ettha vuttaṭṭhānaṃ nāma paccayo. Aññampīti aññattha vuttaṃ. Tassa tassa phalassa. Dhammamattasambhave sati vaṭṭupacchede satīti yojanā. Evanti vuttappakārena samuccayatthe ca-sadde sati.
สจฺจานิเยว ปภโวติ สมานาธิกรณปกฺขํ สนฺธายาห ‘‘สจฺจปฺปภวโตติ สจฺจโต’’ติฯ ‘‘ยสฺส ปหานตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ เอวํภูตํ อริยสจฺจํ วิเสสํ อกตฺวาฯ
Saccāniyeva pabhavoti samānādhikaraṇapakkhaṃ sandhāyāha ‘‘saccappabhavatoti saccato’’ti. ‘‘Yassa pahānatthaṃ bhagavati brahmacariyaṃ vussatī’’ti evaṃbhūtaṃ ariyasaccaṃ visesaṃ akatvā.
เตหิ โสกาทีหิฯ ‘‘โสกโทมนสฺสุปายาสา อวิชฺชาย อวิโยคิโน’’ติอาทินา ปุเพฺพ วุตฺตนเยน สิทฺธาย อวิชฺชายฯ อตฺตโนเยวาติ ปจฺจยุปฺปนฺนํ อนเปกฺขิตฺวา อตฺตโนเยว ปวตฺตสงฺขาตกิจฺจโตฯ
Tehi sokādīhi. ‘‘Sokadomanassupāyāsā avijjāya aviyogino’’tiādinā pubbe vuttanayena siddhāya avijjāya. Attanoyevāti paccayuppannaṃ anapekkhitvā attanoyeva pavattasaṅkhātakiccato.
โสกาทโยปิ หีติ เอตฺถ หิ-สโทฺท เหตุอโตฺถฯ ยสฺมา ‘‘โสกาทโย ปจฺจยายตฺตา อวสวตฺติโน’’ติ อิทํ ‘‘ชาติปจฺจยา…เป.… สมฺภวนฺตี’’ติ เอเตน วจเนน สิทฺธํ, ตสฺมา ตํ ‘‘อตฺตา โสจตี’’ติอาทิทสฺสนนิวารณนฺติ อโตฺถฯ
Sokādayopi hīti ettha hi-saddo hetuattho. Yasmā ‘‘sokādayo paccayāyattā avasavattino’’ti idaṃ ‘‘jātipaccayā…pe… sambhavantī’’ti etena vacanena siddhaṃ, tasmā taṃ ‘‘attā socatī’’tiādidassananivāraṇanti attho.
สติ จ ปริคฺคเห รชฺชํ วิย คติโย อเนกานตฺถานุพนฺธนา, ตาหิ จ วิญฺญาณสฺส อุปทฺทุตตาติ ทเสฺสตุํ ‘‘สงฺขารปริคฺคหิตํ…เป.… รเชฺช’’ติ วุตฺตนฺติ เอวํ วา เอตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ยถาอุปฎฺฐิตานิ กมฺมาทีนิ จุติอาสนฺนชวเนหิ ปริกเปฺปตฺวา วิย คหิตานิ ปฎิสนฺธิวิญฺญาเณนปิ ปริกปฺปิตานิ วิย โหนฺติ, ตํ ปนสฺส ปริกปฺปนํ อตฺถโต อารมฺมณกรณเมวาติ วุตฺตํ ‘‘ปริ…เป.… โต’’ติฯ สงฺกปฺปนํ วา ปริกปฺปนนฺติ วุตฺตํ ‘‘วิตเกฺกน วิตกฺกนโต’’ติฯ สสมฺภารจกฺขุอาทโย สฬายตนสฺส ปติฎฺฐาวิเสโสฯ
Sati ca pariggahe rajjaṃ viya gatiyo anekānatthānubandhanā, tāhi ca viññāṇassa upaddutatāti dassetuṃ ‘‘saṅkhārapariggahitaṃ…pe… rajje’’ti vuttanti evaṃ vā ettha attho daṭṭhabbo. Yathāupaṭṭhitāni kammādīni cutiāsannajavanehi parikappetvā viya gahitāni paṭisandhiviññāṇenapi parikappitāni viya honti, taṃ panassa parikappanaṃ atthato ārammaṇakaraṇamevāti vuttaṃ ‘‘pari…pe… to’’ti. Saṅkappanaṃ vā parikappananti vuttaṃ ‘‘vitakkena vitakkanato’’ti. Sasambhāracakkhuādayo saḷāyatanassa patiṭṭhāviseso.
ยทาการาย ชาติยา ยทาการํ ชรามรณํ สมฺภวติ, สมฺภวนฺตญฺจ ยถานุปุพฺพํ ปวตฺตํ, โส อโตฺถ ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตโฎฺฐ, สหิตสฺส สมุทิตสฺส ปุคฺคลสฺส ชีรณภิชฺชนาวตฺถา ธมฺมา ชรามรณาปเทเสน วุตฺตา, สา จ เนสํ อวตฺถา ชาติปุพฺพิกา, เต จ สมุทิตา เอว ปวตฺตนฺตีติ เอวํ ชาติโต ชรามรณสฺส สมฺภูตสมุทาคตโฎฺฐ เวทิตโพฺพฯ ชาติโต ชรามรณํ น น โหติ โหติเยว เอกเนฺตน ชาตสฺส ชรามรณสมฺภวโต, น จ ชาติํ วินา โหติ อชาตสฺส ตทภาวโตติ ชรามรณสฺส ชาติปจฺจยตํ อนฺวยพฺยติเรเกหิ วิภาเวติ ‘‘น ชาติโต’’ติอาทินาฯ อิตฺถนฺติ ชาติปจฺจยา ชรามรณสฺส นิพฺพตฺตาการํ วทติฯ
Yadākārāya jātiyā yadākāraṃ jarāmaraṇaṃ sambhavati, sambhavantañca yathānupubbaṃ pavattaṃ, so attho jātipaccayasambhūtasamudāgataṭṭho, sahitassa samuditassa puggalassa jīraṇabhijjanāvatthā dhammā jarāmaraṇāpadesena vuttā, sā ca nesaṃ avatthā jātipubbikā, te ca samuditā eva pavattantīti evaṃ jātito jarāmaraṇassa sambhūtasamudāgataṭṭho veditabbo. Jātito jarāmaraṇaṃ na na hoti hotiyeva ekantena jātassa jarāmaraṇasambhavato, na ca jātiṃ vinā hoti ajātassa tadabhāvatoti jarāmaraṇassa jātipaccayataṃ anvayabyatirekehi vibhāveti ‘‘na jātito’’tiādinā. Itthanti jātipaccayā jarāmaraṇassa nibbattākāraṃ vadati.
นิโรธา นิโรธสงฺขาตนฺติ ปจฺจยนิโรธา ปจฺจยุปฺปนฺนนิโรธสงฺขาตํฯ อนุโลมเทสนาย จ เวมชฺฌโต ปฎฺฐายาติ โยชนาฯ
Nirodhā nirodhasaṅkhātanti paccayanirodhā paccayuppannanirodhasaṅkhātaṃ. Anulomadesanāya ca vemajjhato paṭṭhāyāti yojanā.
อปุญฺญาภิสงฺขาเรกเทโส สราโค ราเคน สหเชกโฎฺฐติ กตฺวาฯ สโพฺพปิ อปุญฺญาภิสงฺขาโร สราโค ปหาเนกฎฺฐภาวโตฯ ยสฺมา ปน อกุสลธโมฺม อกุสลธมฺมสฺส สภาโค, อนกุสลธโมฺม วิสภาโค, ยถารหํ ปจฺจโย จ โหติ, ตสฺมา ‘‘อปฎิปกฺขภาวโต, ราคปฺปวฑฺฒโก’’ติ จ วุตฺตํ ฯ ‘‘ตเทว วิญฺญาณํ สนฺธาวติ สํสรตี’’ติ มิจฺฉาภินิเวสสพฺภาวโต สํสรณกิริยายปิ สพฺยาปารตา วิญฺญาณสฺส วุตฺตาฯ สพฺยาปารตาภินิเวสพลวตาย, สงฺกนฺติอภินิเวสพลวตายาติ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํฯ ‘‘อสหวตฺตนโต, สหวตฺตนโต’’ติ เอเตน อสหวุตฺติ วินิโพฺภโค, สหวุตฺติ อวินิโพฺภโคติ ทเสฺสติฯ
Apuññābhisaṅkhārekadeso sarāgo rāgena sahajekaṭṭhoti katvā. Sabbopi apuññābhisaṅkhāro sarāgo pahānekaṭṭhabhāvato. Yasmā pana akusaladhammo akusaladhammassa sabhāgo, anakusaladhammo visabhāgo, yathārahaṃ paccayo ca hoti, tasmā ‘‘apaṭipakkhabhāvato, rāgappavaḍḍhako’’ti ca vuttaṃ . ‘‘Tadeva viññāṇaṃ sandhāvati saṃsaratī’’ti micchābhinivesasabbhāvato saṃsaraṇakiriyāyapi sabyāpāratā viññāṇassa vuttā. Sabyāpāratābhinivesabalavatāya, saṅkantiabhinivesabalavatāyāti paccekaṃ yojetabbaṃ. ‘‘Asahavattanato, sahavattanato’’ti etena asahavutti vinibbhogo, sahavutti avinibbhogoti dasseti.
สภาวาธิคมนิมิตฺตตา โอภาสนํฯ จกฺขาทิสนฺนิสฺสเยน หิ ปญฺจวิญฺญาณานิ รูปาทิสภาวํ อุปลภนฺติฯ อิตเร ผุสนสงฺคติสนฺนิปาตฎฺฐาฯ ฉนฺนนฺติ ฉนฺนมฺปิ สมฺผสฺสานํฯ
Sabhāvādhigamanimittatā obhāsanaṃ. Cakkhādisannissayena hi pañcaviññāṇāni rūpādisabhāvaṃ upalabhanti. Itare phusanasaṅgatisannipātaṭṭhā. Channanti channampi samphassānaṃ.
อาทานนฺติ อุปสเทฺทน วินาปิ ทฬฺหคาโห อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘อาทานโฎฺฐ จตุนฺนมฺปิ อุปาทานานํ สมาโน’’ติฯ คหณนฺติ นิกามนวเสน วิสยสฺส ปฎิจฺฉนฺนนฺติ วุตฺตํ ‘‘คหณโฎฺฐ กามุปาทานสฺสา’’ติฯ อิตเรสนฺติ ทิฎฺฐุปาทานาทีนํฯ ตสฺมาติ วิภตฺติยา อลุตฺตภาวโตฯ เตนาติ ขิปนสเทฺทนฯ หานิ วา ขีณภาโว ขโยติ ‘‘ขยโฎฺฐ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ทฺวินฺนนฺติ ชรามรณานํฯ มรณูปนยนรสตฺตา วา ชรายปิ มรณโฎฺฐ เอว ทสฺสิโตฯ
Ādānanti upasaddena vināpi daḷhagāho adhippetoti āha ‘‘ādānaṭṭho catunnampi upādānānaṃ samāno’’ti. Gahaṇanti nikāmanavasena visayassa paṭicchannanti vuttaṃ ‘‘gahaṇaṭṭho kāmupādānassā’’ti. Itaresanti diṭṭhupādānādīnaṃ. Tasmāti vibhattiyā aluttabhāvato. Tenāti khipanasaddena. Hāni vā khīṇabhāvo khayoti ‘‘khayaṭṭho vā’’tiādi vuttaṃ. Dvinnanti jarāmaraṇānaṃ. Maraṇūpanayanarasattā vā jarāyapi maraṇaṭṭho eva dassito.
นียนฺติ คเมนฺตีติ นยา, เอกตฺตาทโยฯ เกหิ นียนฺติ? อวิชฺชาทิอเตฺถหีติ อิมมตฺถมาห ‘‘อวิชฺชาที’’ติอาทินาฯ เสน ภาเวนาติ สเกน อวิชฺชาทิภาเวน, ตํ อมุญฺจิตฺวา เอวฯ น หิ อวิชฺชาทิวินิมุตฺตํ เอกตฺตํ นาม กิญฺจิ ปรมตฺถโต อตฺถิฯ เสน ภาเวนาติ วา สเกน เอกตฺตาทิภาเวนฯ อวิชฺชาทีสุ วิญฺญายมาโน เหตุผลธมฺมานํ เอกสนฺตติปติตาทิสงฺขาโต เอกตฺตาทิภาโว เตเนว สภาเวน ญายติ, น อวิชฺชาทิภาเวนาติฯ เต หิ เนตพฺพาติ เตสํ นยาฯ อตฺถา เอว วา อวิชฺชาทโยฯ อเนเกปิ สมานา ธมฺมา เยน สนฺตานานุปเจฺฉเทน ‘‘เอก’’นฺติ ญายนฺติ โวหรียนฺติ, โส ตตฺถ กรณภาเวน วตฺตพฺพตํ อรหติ, ตถา อิตเรปีติ อาห ‘‘เอกตฺตาทีหิ จ อตฺถา ‘เอก’นฺติอาทินา นียนฺตี’’ติฯ ตตฺถ นียนฺตีติ ญายนฺติ, ปญฺญาปียนฺติ จฯ ปุริมปจฺฉิมานํ ธมฺมานํ นิโรธุปฺปาทนิรนฺตรตาย นามกายสฺส, สมฺพนฺธวุตฺติตาย รูปกายสฺส, อุภยสฺส จ อญฺญมญฺญสนฺนิสฺสิตตาย ทุวิเญฺญยฺยนานโต เอกีภูตสฺส วิย ฆนภาวปฺปพโนฺธ เหตุผลภาเวน สมฺพโนฺธ สมฺมา ตาโนติ สนฺตาโน, ตสฺส อนุปเจฺฉโท ตถาปวตฺติ เอกตฺตนฺติ อาห ‘‘สนฺตานานุปเจฺฉโท เอกตฺต’’นฺติฯ
Nīyanti gamentīti nayā, ekattādayo. Kehi nīyanti? Avijjādiatthehīti imamatthamāha ‘‘avijjādī’’tiādinā. Sena bhāvenāti sakena avijjādibhāvena, taṃ amuñcitvā eva. Na hi avijjādivinimuttaṃ ekattaṃ nāma kiñci paramatthato atthi. Sena bhāvenāti vā sakena ekattādibhāvena. Avijjādīsu viññāyamāno hetuphaladhammānaṃ ekasantatipatitādisaṅkhāto ekattādibhāvo teneva sabhāvena ñāyati, na avijjādibhāvenāti. Te hi netabbāti tesaṃ nayā. Atthā eva vā avijjādayo. Anekepi samānā dhammā yena santānānupacchedena ‘‘eka’’nti ñāyanti voharīyanti, so tattha karaṇabhāvena vattabbataṃ arahati, tathā itarepīti āha ‘‘ekattādīhi ca atthā ‘eka’ntiādinā nīyantī’’ti. Tattha nīyantīti ñāyanti, paññāpīyanti ca. Purimapacchimānaṃ dhammānaṃ nirodhuppādanirantaratāya nāmakāyassa, sambandhavuttitāya rūpakāyassa, ubhayassa ca aññamaññasannissitatāya duviññeyyanānato ekībhūtassa viya ghanabhāvappabandho hetuphalabhāvena sambandho sammā tānoti santāno, tassa anupacchedo tathāpavatti ekattanti āha ‘‘santānānupacchedo ekatta’’nti.
สมฺพนฺธรหิตสฺสาติ เหตุผลภาเวน อญฺญมญฺญสมฺพนฺธภาวรหิตสฺสฯ สตฺตนฺตโรติ อโญฺญ สโตฺตฯ อุเจฺฉททิฎฺฐิมุปาทิยตีติ ยถานุรูปการณโต ผลปฺปวตฺติํ อสมนุปสฺสโนฺต นานาสนฺตาเน วิย อสมฺพนฺธนานตฺตทสฺสนโต เหตุภาวรหิตานํ นิปฺปโยชนานํ ปุริมุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ นิโรเธ เหตุนิยมาภาวโต เอกเนฺตน อุปฺปตฺติ น ยุตฺตา, ตถา สนฺตาเนน อุปฺปตฺติ, สทิสภาเวน อุปฺปตฺติ, สมานชาติเทสปริณามวยรูปพลสณฺฐานานํ อุปฺปตฺติ น ยุตฺตาติอาทีนิ วิกเปฺปโนฺต อุเจฺฉททิฎฺฐิํ คณฺหาติฯ
Sambandharahitassāti hetuphalabhāvena aññamaññasambandhabhāvarahitassa. Sattantaroti añño satto. Ucchedadiṭṭhimupādiyatīti yathānurūpakāraṇato phalappavattiṃ asamanupassanto nānāsantāne viya asambandhanānattadassanato hetubhāvarahitānaṃ nippayojanānaṃ purimuppannānaṃ dhammānaṃ nirodhe hetuniyamābhāvato ekantena uppatti na yuttā, tathā santānena uppatti, sadisabhāvena uppatti, samānajātidesapariṇāmavayarūpabalasaṇṭhānānaṃ uppatti na yuttātiādīni vikappento ucchedadiṭṭhiṃ gaṇhāti.
กสฺมา อุปฺปตฺติ น สิยาติ วาลิกาหิ วิย ติเลหิปิ เตลสฺส, อุจฺฉุโต วิย คาวิโตปิ ขีรสฺส อญฺญาภาวโต เกน การเณน เตหิ เตสํ อุปฺปตฺติ น สิยา, อิตเรหิ เอว จ เนสํ อุปฺปตฺติ โหตีติฯ ตสฺมาติ อญฺญสฺส อญฺญโต อุปฺปตฺติยํ สพฺพสฺส สพฺพโส อุปฺปตฺติยา ภวิตพฺพํ, น เจตํ อตฺถิ, ตสฺมาฯ ยสฺมา นิยติวาที อนุรูปา เหตุโต ผลุปฺปตฺติํ น อิจฺฉติ, สภาวสิทฺธเมว จ ธมฺมปฺปวตฺติํ อิจฺฉติ, ตสฺมา ‘‘อวิชฺชมาเนปิ เหตุมฺหี’’ติ วุตฺตํฯ สภาวสิทฺธา เอว หิ อเจฺฉชฺชสุตฺตาวุตาเภชฺชมณิ วิย กมลงฺฆนรหิตา ตถา ตถา สรีรินฺทฺริยสุขาทิภาวปริณามาย นิยติยาว กายา สมาคจฺฉนฺติ, ยโต คติชาติพนฺธา, อปวโคฺค จ โหตีติ นิยติวาโทฯ เตนาห ‘‘นิยตตาย…เป.… ปวตฺตนฺตี’’ติฯ นิยติอโตฺถ วุโตฺตเยวฯ
Kasmā uppatti na siyāti vālikāhi viya tilehipi telassa, ucchuto viya gāvitopi khīrassa aññābhāvato kena kāraṇena tehi tesaṃ uppatti na siyā, itarehi eva ca nesaṃ uppatti hotīti. Tasmāti aññassa aññato uppattiyaṃ sabbassa sabbaso uppattiyā bhavitabbaṃ, na cetaṃ atthi, tasmā. Yasmā niyativādī anurūpā hetuto phaluppattiṃ na icchati, sabhāvasiddhameva ca dhammappavattiṃ icchati, tasmā ‘‘avijjamānepi hetumhī’’ti vuttaṃ. Sabhāvasiddhā eva hi acchejjasuttāvutābhejjamaṇi viya kamalaṅghanarahitā tathā tathā sarīrindriyasukhādibhāvapariṇāmāya niyatiyāva kāyā samāgacchanti, yato gatijātibandhā, apavaggo ca hotīti niyativādo. Tenāha ‘‘niyatatāya…pe… pavattantī’’ti. Niyatiattho vuttoyeva.
เอตสฺส อตฺถสฺส สาธกํ สุตฺตํฯ อากุลเมว, อากุลภาโว วา อากุลกํฯ ชฎิตาติ เหฎฺฐุปริยวเสน ปวตฺตมาเนหิ กิเลสกมฺมวิปาเกหิ ชาตชฎาฯ นีฑนฺติ กุลาวกํฯ สํสารนฺติ อิธ สมฺปตฺติภวปฺปพนฺธมาห อปายาทิปเทหิ ทุคฺคติปฺปพนฺธสฺส วุตฺตตฺตาฯ
Etassa atthassa sādhakaṃ suttaṃ. Ākulameva, ākulabhāvo vā ākulakaṃ. Jaṭitāti heṭṭhupariyavasena pavattamānehi kilesakammavipākehi jātajaṭā. Nīḍanti kulāvakaṃ. Saṃsāranti idha sampattibhavappabandhamāha apāyādipadehi duggatippabandhassa vuttattā.
ภวจกฺกกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhavacakkakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttantabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๒๔๓. ตํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทํฯ เอเกกจิตฺตาวรุทฺธนฺติ อภิธมฺมภาชนีเย วิย เอเกกสฺมิํ จิเตฺต อวรุทฺธํ อโนฺตคธํ อกตฺวาฯ อสหชาตานญฺจ ‘‘อสหชาตานํ, สหชาตานญฺจา’’ติ เอวํ ปฐมปเท เอกเสสนิเทฺทโส ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณ’’นฺติ อสหชาตาเยว ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนา ทสฺสิตา วิปากวิญฺญาณเสฺสว อธิเปฺปตตฺตาฯ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ (วิภ. ๒๒๕) จ เอวมาทีสุ อสหชาตา, สหชาตา จฯ ‘‘เอเกเกน นเยนา’’ติ ปุราตโน ปาโฐ, เอตรหิ ปน ‘‘เอเกเกน จตุเกฺกน’’ อิเจฺจว พหูสุ โปตฺถเกสุ ปาโฐฯ นยจตุกฺกวาราติ นเยสุ จตุกฺกานํ วารา, อวิชฺชามูลกาทีสุ นวสุ นเยสุ ปเจฺจกํ ปจฺจยจตุกฺกาทีนํ จตุนฺนํ จตุกฺกานํ ‘‘นามปจฺจยา ฉฎฺฐายตน’’นฺติอาทิวิเสสภินฺนา จตฺตาโร วาราติ อโตฺถฯ ววตฺถิตาติ ยถาวุตฺตวิเสเสน อสํกิณฺณาฯ จตุกฺกานนฺติ วารจตุกฺกานํ วารโสฬสกสฺส นยภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ
243. Taṃ paṭiccasamuppādaṃ. Ekekacittāvaruddhanti abhidhammabhājanīye viya ekekasmiṃ citte avaruddhaṃ antogadhaṃ akatvā. Asahajātānañca ‘‘asahajātānaṃ, sahajātānañcā’’ti evaṃ paṭhamapade ekasesaniddeso daṭṭhabbo. ‘‘Saṅkhārapaccayā viññāṇa’’nti asahajātāyeva paccayapaccayuppannā dassitā vipākaviññāṇasseva adhippetattā. ‘‘Avijjāpaccayā saṅkhārā, viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti (vibha. 225) ca evamādīsu asahajātā, sahajātā ca. ‘‘Ekekena nayenā’’ti purātano pāṭho, etarahi pana ‘‘ekekena catukkena’’ icceva bahūsu potthakesu pāṭho. Nayacatukkavārāti nayesu catukkānaṃ vārā, avijjāmūlakādīsu navasu nayesu paccekaṃ paccayacatukkādīnaṃ catunnaṃ catukkānaṃ ‘‘nāmapaccayā chaṭṭhāyatana’’ntiādivisesabhinnā cattāro vārāti attho. Vavatthitāti yathāvuttavisesena asaṃkiṇṇā. Catukkānanti vāracatukkānaṃ vārasoḷasakassa nayabhāvatoti adhippāyo.
๑. ปจฺจยจตุกฺกวณฺณนา
1. Paccayacatukkavaṇṇanā
ปจฺจยสหิตปจฺจยุปฺปนฺนานิ องฺคภาเวน วุตฺตานิ, น เกวลํ ปจฺจยาฯ ตสฺมา ‘‘ฉฎฺฐายตนปจฺจยา ผโสฺส’’ติ เอตฺถ น ฉฎฺฐายตนสฺส องฺคตาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘น, ตสฺส อนงฺคตฺตา’’ติฯ เอวญฺจ กตฺวาติ ปจฺจยสหิตสฺส ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส องฺคภาวโตฯ ตีสุ ปกาเรสูติ ‘‘ปฐโม สพฺพสงฺคาหิกเฎฺฐนา’’ติอาทินา (วิภ. อฎฺฐ. ๒๔๓) อฎฺฐกถายํ วุเตฺตสุ ตีสุปิ ปกาเรสุฯ ปจฺจยวิเสสาทีติ เอตฺถ นามํ, ฉฎฺฐายตนญฺจ ปจฺจยวิเสโสฯ อาทิ-สเทฺทน โยนิวิเสโส, อายตนานํ อปาริปูริปาริปูริภววิเสโส จ คหิโตฯ เต หิ ทุติยวาราทีนํ นานตฺตกราฯ อตฺถวิเสเสนาติ ยทิปิ อญฺญตฺถ ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผโสฺส’’ติ สฬายตนปจฺจโย วุโตฺต, ตถาปิ สหชาตาทินามสนฺนิสฺสเยน ปวตฺตนโต นามมตฺตปจฺจยาปิ โส โหตีติ ปฎิจฺจสมุปฺปาทสฺส นานานยวิจิตฺตตานุมิตสฺส คมฺภีรภาวสฺส วิภาวนสงฺขาเตน, อนวเสสนามปจฺจยทสฺสนสงฺขาเตน จ อตฺถวิเสเสนฯ ตถา หิ ‘‘เยหิ, อานนฺท, อากาเรหิ เยหิ ลิเงฺคหิ เยหิ นิมิเตฺตหิ เยหิ อุเทฺทเสหิ นามกายสฺส ปญฺญตฺติ โหติ, เตสุ อากาเรสุ…เป.… อุเทฺทเสสุ อสติ อปิ นุ โข รูปกาเย อธิวจนสมฺผโสฺส ปญฺญาเยถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๑๔) ผสฺสสฺส นามปจฺจยตาวิภาวนวเสน มหานิทานเทสนา ปวตฺตาฯ ตถา ‘‘นามรูปปจฺจยา ผโสฺสติ อิจฺจสฺส วจนีย’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๙๗) ‘‘นามรูปปจฺจยา’’ติ วทเนฺตน ‘‘นามปจฺจยา’’ติปิ วุตฺตเมว โหตีติฯ
Paccayasahitapaccayuppannāni aṅgabhāvena vuttāni, na kevalaṃ paccayā. Tasmā ‘‘chaṭṭhāyatanapaccayā phasso’’ti ettha na chaṭṭhāyatanassa aṅgatā. Tena vuttaṃ ‘‘na, tassa anaṅgattā’’ti. Evañca katvāti paccayasahitassa paccayuppannassa aṅgabhāvato. Tīsu pakāresūti ‘‘paṭhamo sabbasaṅgāhikaṭṭhenā’’tiādinā (vibha. aṭṭha. 243) aṭṭhakathāyaṃ vuttesu tīsupi pakāresu. Paccayavisesādīti ettha nāmaṃ, chaṭṭhāyatanañca paccayaviseso. Ādi-saddena yoniviseso, āyatanānaṃ apāripūripāripūribhavaviseso ca gahito. Te hi dutiyavārādīnaṃ nānattakarā. Atthavisesenāti yadipi aññattha ‘‘saḷāyatanapaccayā phasso’’ti saḷāyatanapaccayo vutto, tathāpi sahajātādināmasannissayena pavattanato nāmamattapaccayāpi so hotīti paṭiccasamuppādassa nānānayavicittatānumitassa gambhīrabhāvassa vibhāvanasaṅkhātena, anavasesanāmapaccayadassanasaṅkhātena ca atthavisesena. Tathā hi ‘‘yehi, ānanda, ākārehi yehi liṅgehi yehi nimittehi yehi uddesehi nāmakāyassa paññatti hoti, tesu ākāresu…pe… uddesesu asati api nu kho rūpakāye adhivacanasamphasso paññāyethā’’ti (dī. ni. 2.114) phassassa nāmapaccayatāvibhāvanavasena mahānidānadesanā pavattā. Tathā ‘‘nāmarūpapaccayā phassoti iccassa vacanīya’’nti (dī. ni. 2.97) ‘‘nāmarūpapaccayā’’ti vadantena ‘‘nāmapaccayā’’tipi vuttameva hotīti.
วารจตุเกฺก ‘‘สงฺขาโร’’ติ วุตฺตํ, โสกาทโย น วุตฺตา, ปุริมสฺมิํ วารทฺวเย รูปํ น วุตฺตํ, วารตฺตเย สฬายตนํ น วุตฺตนฺติ โยเชตพฺพํฯ
Vāracatukke ‘‘saṅkhāro’’ti vuttaṃ, sokādayo na vuttā, purimasmiṃ vāradvaye rūpaṃ na vuttaṃ, vārattaye saḷāyatanaṃ na vuttanti yojetabbaṃ.
สพฺพ…เป.… รณโตติ สพฺพสฺส วิญฺญาณสฺส ปวตฺติฎฺฐานภูตสพฺพภวสาธารณโต, วิญฺญาณสฺส วา ปวตฺติฎฺฐานภูตสพฺพภวสาธารณโตฯ สมานํ ผลํ สมาโน ปจฺจโย สหชาตาทิปจฺจเยหิ อุปกตฺตพฺพโต, อุปการกโต จฯ ตสฺส วิญฺญาณสฺสฯ วิญฺญาณาหรณนฺติ วิปากวิญฺญาณนิพฺพตฺตนํฯ อสฺส วิญฺญาณสฺสฯ
Sabba…pe… raṇatoti sabbassa viññāṇassa pavattiṭṭhānabhūtasabbabhavasādhāraṇato, viññāṇassa vā pavattiṭṭhānabhūtasabbabhavasādhāraṇato. Samānaṃ phalaṃ samāno paccayo sahajātādipaccayehi upakattabbato, upakārakato ca. Tassa viññāṇassa. Viññāṇāharaṇanti vipākaviññāṇanibbattanaṃ. Assa viññāṇassa.
คติสูจโกติ หิ-สทฺทํ โลเก คติอตฺถํ วทนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ ‘‘วิคต’’นฺติ เอตฺถ วิ-สโทฺท ปฎิเสธทีปโกติ เทฺว ปฎิเสธา ปกติํ ญาเปนฺตีติ อาห ‘‘วิคตตานิวารณวเสน คติ เอว โหตี’’ติฯ
Gatisūcakoti hi-saddaṃ loke gatiatthaṃ vadantīti katvā vuttaṃ. ‘‘Vigata’’nti ettha vi-saddo paṭisedhadīpakoti dve paṭisedhā pakatiṃ ñāpentīti āha ‘‘vigatatānivāraṇavasena gati eva hotī’’ti.
ติธา จตุธา ปญฺจธา วาติ เอตฺถ สญฺญามนสิการาทโย สหชาตนิสฺสยอตฺถิปจฺจยวเสน ติธา, ผสฺสเจตนาทโย เตสเญฺจว อาหาราทีนญฺจ วเสน จตุธา, เวทนาวิตกฺกาทโย เตสเญฺจว ฌานินฺทฺริยาทีนญฺจ วเสน ปญฺจธาฯ ยถา สมาธิ, เอวํ วีริยมฺปิ ทฎฺฐพฺพํฯ ตมฺปิ หิ อธิปตินฺทฺริยมคฺคปจฺจเยหิ ฉธา ปจฺจโย โหติฯ
Tidhā catudhā pañcadhā vāti ettha saññāmanasikārādayo sahajātanissayaatthipaccayavasena tidhā, phassacetanādayo tesañceva āhārādīnañca vasena catudhā, vedanāvitakkādayo tesañceva jhānindriyādīnañca vasena pañcadhā. Yathā samādhi, evaṃ vīriyampi daṭṭhabbaṃ. Tampi hi adhipatindriyamaggapaccayehi chadhā paccayo hoti.
‘‘วจนวเสนา’’ติ อิมินา อิมสฺมิํ จตุเกฺก สหชาตปจฺจยํ ธุรํ กตฺวา เทสนา ปวตฺตาติ เตสํ อธิปฺปาโยติ ทเสฺสติฯ อโตฺถติ ปจฺจยธโมฺมฯ กตฺถจีติ กิสฺมิญฺจิ วาเร อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ยถาสเกหิ ปจฺจโย น น โหติฯ ‘‘อตฺถโต’’ติ จ ปาโฐฯ ‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’’ติอาทิ น วตฺตพฺพํ สิยา, วุตฺตญฺจ ตํฯ ตสฺมา สหชาตปจฺจยวเสเนว ปฐมจตุโกฺก วุโตฺตติ น คเหตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘น จ ตํ น วุตฺต’’นฺติอาทิฯ อิมสฺส จ ‘‘ภวปจฺจยา ชาตีติอาทิ น วตฺตพฺพํ สิยา’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ ปจฺจยวจนเมวาติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา’’ติอาทีสุ วุตฺตปจฺจยวจนเมว จฯ เตสนฺติ เตสํ อาจริยานํฯ อโยเชตฺวา วุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ กถํ ปน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สามเญฺญน…เป.… สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ เอตฺถ จ ‘‘สหชาตสูจก’’นฺติอาทินา ยถาธิเปฺปตสฺส อตฺถสฺส วจนโต อสิทฺธิมาห, ‘‘สหชาตโต’’ติอาทินา ปน อตฺถาปตฺติโตฯ อสมฺภเว หิ อญฺญสฺส อตฺถโต สิเชฺฌยฺย วจนโต วา อตฺถโต วา อธิเปฺปตตฺถสาธนาติฯ
‘‘Vacanavasenā’’ti iminā imasmiṃ catukke sahajātapaccayaṃ dhuraṃ katvā desanā pavattāti tesaṃ adhippāyoti dasseti. Atthoti paccayadhammo. Katthacīti kismiñci vāre attano paccayuppannassa yathāsakehi paccayo na na hoti. ‘‘Atthato’’ti ca pāṭho. ‘‘Bhavapaccayā jātī’’tiādi na vattabbaṃ siyā, vuttañca taṃ. Tasmā sahajātapaccayavaseneva paṭhamacatukko vuttoti na gahetabbanti dasseti. Tenāha ‘‘na ca taṃ na vutta’’ntiādi. Imassa ca ‘‘bhavapaccayā jātītiādi na vattabbaṃ siyā’’ti iminā sambandho veditabbo. Paccayavacanamevāti ‘‘avijjāpaccayā’’tiādīsu vuttapaccayavacanameva ca. Tesanti tesaṃ ācariyānaṃ. Ayojetvā vuttanti sambandho. Kathaṃ pana vuttanti āha ‘‘sāmaññena…pe… sandhāyavutta’’nti. Ettha ca ‘‘sahajātasūcaka’’ntiādinā yathādhippetassa atthassa vacanato asiddhimāha, ‘‘sahajātato’’tiādinā pana atthāpattito. Asambhave hi aññassa atthato sijjheyya vacanato vā atthato vā adhippetatthasādhanāti.
อญฺญตฺถาติ อญฺญสฺมิํ สุเตฺตฯ อตีตทฺธํ นิทฺธาเรตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนานาคเตหิ สทฺธิํ อทฺธตฺตยทสฺสนตฺถํฯ ตํเทสนาปริคฺคหตฺถนฺติ มหานิทานเทสนาปริคฺคหตฺถํฯ โส จ อุภินฺนํ เทสนานํ อญฺญมญฺญํ สํสนฺทนภาวทสฺสนตฺถํฯ เอวํ สพฺพญฺญุพุทฺธภาสิตา เทสนา อญฺญทตฺถุ สํสนฺทตีติฯ
Aññatthāti aññasmiṃ sutte. Atītaddhaṃ niddhāretvā paccuppannānāgatehi saddhiṃ addhattayadassanatthaṃ. Taṃdesanāpariggahatthanti mahānidānadesanāpariggahatthaṃ. So ca ubhinnaṃ desanānaṃ aññamaññaṃ saṃsandanabhāvadassanatthaṃ. Evaṃ sabbaññubuddhabhāsitā desanā aññadatthu saṃsandatīti.
อิมสฺสาติ อิมสฺส ตติยวารสฺสฯ
Imassāti imassa tatiyavārassa.
อปราเปกฺขตาย, อปริกิลิฎฺฐุปปตฺติตาย, อสุจิอมกฺขิตตาย กามาวจรเทวานํ, สเพฺพสญฺจ พฺรหฺมานํ ตถา อุปปชฺชนโต จ โอปปาติกโยนิยา ปธานตา เวทิตพฺพาฯ สงฺคหนิทสฺสนวเสนาติ โอปปาติกโยนิยา เอว สํเสทชโยนิยา สงฺคหสฺส นิทสฺสนวเสน อุทาหรณวเสนฯ อารมฺมณปจฺจยสฺสาปิ ผสฺสสฺส สติปิ ปวตฺติเหตุภาเว โส ปน สหชาตาทิปจฺจยภูตสฺส อชฺฌตฺติกสฺส ฉฎฺฐายตนสฺส วิย น สาติสโยติ วุตฺตํ ‘‘อารมฺมณปจฺจโย เจตฺถ ปวตฺตโก น โหตี’’ติฯ
Aparāpekkhatāya, aparikiliṭṭhupapattitāya, asuciamakkhitatāya kāmāvacaradevānaṃ, sabbesañca brahmānaṃ tathā upapajjanato ca opapātikayoniyā padhānatā veditabbā. Saṅgahanidassanavasenāti opapātikayoniyā eva saṃsedajayoniyā saṅgahassa nidassanavasena udāharaṇavasena. Ārammaṇapaccayassāpi phassassa satipi pavattihetubhāve so pana sahajātādipaccayabhūtassa ajjhattikassa chaṭṭhāyatanassa viya na sātisayoti vuttaṃ ‘‘ārammaṇapaccayo cettha pavattako na hotī’’ti.
เกสญฺจีติ ปริปุณฺณายตนานํ คพฺภเสยฺยกานํฯ ‘‘ปจฺฉิม…เป.… สทา สมฺภวตี’’ติ อิทํ คพฺภเสยฺยกานํ วิย อิตรโยนิกานํ กเมน อายตนุปฺปตฺติ นตฺถีติ วุตฺตํฯ ตถา จาห อฎฺฐกถายํ ‘‘สหุปฺปตฺติทีปนโต’’ติฯ
Kesañcīti paripuṇṇāyatanānaṃ gabbhaseyyakānaṃ. ‘‘Pacchima…pe… sadā sambhavatī’’ti idaṃ gabbhaseyyakānaṃ viya itarayonikānaṃ kamena āyatanuppatti natthīti vuttaṃ. Tathā cāha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘sahuppattidīpanato’’ti.
ปจฺจยจตุกฺกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paccayacatukkavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. เหตุจตุกฺกวณฺณนา
2. Hetucatukkavaṇṇanā
๒๔๔. อภาวโตติ ภาวาภาวโตฯ ยญฺหิ ชาติกฺขณมเตฺตเยว ภวติ, น ตโต ปรํ, ตํ ชาติยา อวิคตปจฺจโย สิยา อวิคตปจฺจยนิยมสพฺภาวโตฯ ภโว ปน ยสฺมา ชาติกฺขณโต ปรมฺปิ ภวติ, ตสฺมา น โส ตสฺสา อวิคตปจฺจโย โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตโต อุทฺธํ ภาวโตติ อโตฺถ’’ติฯ ภเวติ ภวปเท, ภเว วา นิปฺผาเทตเพฺพฯ เอส นโย ชาติอาทีสูติ เอตฺถาปิฯ ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทินา ‘‘อวิคตปจฺจยสฺส อภาวโต, นิยมาภาวโต จา’’ติ วุตฺตานํ เหตูนํ วุตฺตนเยน อพฺยาปิภาววิภาวเนน อการณตํ ทเสฺสติ อยาวภาวิโน ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส, ปจฺจยธมฺมสฺส จ อวิคตปจฺจยภาวทสฺสนโตฯ สงฺขารกฺขเนฺธติอาทิ มคฺคโสธนวเสน วุตฺตํฯ ตสฺส ปริหารํ สยเมว วทติฯ โส ขโณ เอตสฺส อตฺถีติ ตงฺขณิโก, น ตงฺขณิโก อตงฺขณิโก, ตสฺส สพฺภาวา, อยาวภาวิกสพฺภาวาติ อโตฺถฯ ยถา ปน เหตู โหนฺติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สงฺขตลกฺขณานํ ปนา’’ติอาทิมาหฯ
244. Abhāvatoti bhāvābhāvato. Yañhi jātikkhaṇamatteyeva bhavati, na tato paraṃ, taṃ jātiyā avigatapaccayo siyā avigatapaccayaniyamasabbhāvato. Bhavo pana yasmā jātikkhaṇato parampi bhavati, tasmā na so tassā avigatapaccayo hoti. Tena vuttaṃ ‘‘tato uddhaṃ bhāvatoti attho’’ti. Bhaveti bhavapade, bhave vā nipphādetabbe. Esa nayo jātiādīsūti etthāpi. ‘‘Yathā panā’’tiādinā ‘‘avigatapaccayassa abhāvato, niyamābhāvato cā’’ti vuttānaṃ hetūnaṃ vuttanayena abyāpibhāvavibhāvanena akāraṇataṃ dasseti ayāvabhāvino paccayuppannassa, paccayadhammassa ca avigatapaccayabhāvadassanato. Saṅkhārakkhandhetiādi maggasodhanavasena vuttaṃ. Tassa parihāraṃ sayameva vadati. So khaṇo etassa atthīti taṅkhaṇiko, na taṅkhaṇiko ataṅkhaṇiko, tassa sabbhāvā, ayāvabhāvikasabbhāvāti attho. Yathā pana hetū honti, taṃ dassetuṃ ‘‘saṅkhatalakkhaṇānaṃ panā’’tiādimāha.
เอวนฺติ เอวํ ยถาวุตฺตนเย สติ, เอวํ สเนฺตติ อโตฺถฯ ‘‘น หิ…เป.… อตฺถี’’ติ อิมินา ชาติอาทีนํ อวิคตปจฺจยวเสน ปจฺจยุปฺปนฺนภาโว วิย ปจฺจยภาโวปิ นตฺถีติ ทเสฺสติฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘อสภาวธมฺมตฺตา’’ติฯ
Evanti evaṃ yathāvuttanaye sati, evaṃ santeti attho. ‘‘Na hi…pe… atthī’’ti iminā jātiādīnaṃ avigatapaccayavasena paccayuppannabhāvo viya paccayabhāvopi natthīti dasseti. Tattha kāraṇamāha ‘‘asabhāvadhammattā’’ti.
กถํ ปน อสภาวธมฺมานํ ชาติอาทีนํ ปจฺจยุปฺปนฺนตา, ปจฺจยตา จาติ อาห ‘‘ชายมานานํ ปนา’’ติอาทิฯ ตสฺสาติ ชาติชรามรณสฺสฯ วตฺตพฺพปเทโสติ ‘‘ฐเปตฺวา’’ติ วตฺตพฺพปเทโสฯ โก ปน โสติ? ยถาวุตฺตํ นามํ, นามรูปญฺจ สงฺขารกฺขเนฺธน รูปกฺขเนฺธน จ ชรามรณานํ สงฺคหิตตฺตา ฯ ‘‘โย ภโว ชาติยา ปจฺจโย’’ติ เอเตน ภวสงฺคหิตานิปิ ชาติอาทีนิ ชาติยา อปฺปจฺจยตฺตา เอว ‘‘ฐเปตฺวา’’ติ น วุตฺตานีติ ทเสฺสติ, ปจฺจยภาวาสงฺกา เอว เนสํ ตสฺสา นตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ เตเนว ฐเปตพฺพคเหตพฺพวิเสเส สตีติ สาสงฺกํ วทติฯ
Kathaṃ pana asabhāvadhammānaṃ jātiādīnaṃ paccayuppannatā, paccayatā cāti āha ‘‘jāyamānānaṃ panā’’tiādi. Tassāti jātijarāmaraṇassa. Vattabbapadesoti ‘‘ṭhapetvā’’ti vattabbapadeso. Ko pana soti? Yathāvuttaṃ nāmaṃ, nāmarūpañca saṅkhārakkhandhena rūpakkhandhena ca jarāmaraṇānaṃ saṅgahitattā . ‘‘Yo bhavo jātiyā paccayo’’ti etena bhavasaṅgahitānipi jātiādīni jātiyā appaccayattā eva ‘‘ṭhapetvā’’ti na vuttānīti dasseti, paccayabhāvāsaṅkā eva nesaṃ tassā natthīti adhippāyo. Teneva ṭhapetabbagahetabbavisese satīti sāsaṅkaṃ vadati.
เหตุจตุกฺกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Hetucatukkavaṇṇanā niṭṭhitā.
๔. อญฺญมญฺญจตุกฺกวณฺณนา
4. Aññamaññacatukkavaṇṇanā
๒๔๖. ปจฺจยุปฺปนฺนสฺสาติ ปจฺจยุปฺปนฺนภาวิโนฯ วิสุํ ฐิตสฺสาติ ภเวน อสงฺคหิตสฺสฯ สปฺปเทสเมว คหิตํ อิธ เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยเสฺสว อธิเปฺปตตฺตา นิรุฬฺหตฺตา จฯ ปจฺจยุปฺปนฺนํ ฐเปตฺวา ปจฺจยภูตํเยว นามํ คหิตํ, อวิคตปจฺจยนิยมาภาโว วิย ภเว อุปาทานสฺส อญฺญมญฺญปจฺจยนิยมาภาโวติ โยชนาฯ วุตฺตนเยนาติ ‘‘สงฺขตลกฺขณานํ ปนา’’ติอาทินา วุตฺตนเยนฯ
246. Paccayuppannassāti paccayuppannabhāvino. Visuṃ ṭhitassāti bhavena asaṅgahitassa. Sappadesameva gahitaṃ idha vedanādikkhandhattayasseva adhippetattā niruḷhattā ca. Paccayuppannaṃ ṭhapetvā paccayabhūtaṃyeva nāmaṃ gahitaṃ, avigatapaccayaniyamābhāvo viya bhave upādānassa aññamaññapaccayaniyamābhāvoti yojanā. Vuttanayenāti ‘‘saṅkhatalakkhaṇānaṃ panā’’tiādinā vuttanayena.
อญฺญมญฺญปจฺจโย วิย อญฺญมญฺญปจฺจโยติ อยมโตฺถ อิธาธิเปฺปโตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อญฺญมญฺญ…เป.… อธิเปฺปโต สิยา’’ติ อาหฯ ตถา จ วทนฺติ ‘‘อญฺญมญฺญเญฺจตฺถ น ปฎฺฐาเน อาคตอญฺญมญฺญวเสน คเหตพฺพ’’นฺติฯ จกฺขายตนุปจยาทีนนฺติ อุปรูปริ จิตานิ วิย อุปฺปนฺนจกฺขายตนาทีนิ, จกฺขายตนาทีนํ วา อุปตฺถมฺภกานิ จกฺขายตนุปจยาทีนิฯ
Aññamaññapaccayo viya aññamaññapaccayoti ayamattho idhādhippetoti dassento ‘‘aññamañña…pe… adhippeto siyā’’ti āha. Tathā ca vadanti ‘‘aññamaññañcettha na paṭṭhāne āgataaññamaññavasena gahetabba’’nti. Cakkhāyatanupacayādīnanti uparūpari citāni viya uppannacakkhāyatanādīni, cakkhāyatanādīnaṃ vā upatthambhakāni cakkhāyatanupacayādīni.
อญฺญมญฺญจตุกฺกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Aññamaññacatukkavaṇṇanā niṭṭhitā.
สงฺขาราทิมูลกนยมาติกาวณฺณนา
Saṅkhārādimūlakanayamātikāvaṇṇanā
๒๔๗. ยทิปิ สามญฺญโต คตวิเสโส, ตถาปิ สามญฺญคฺคหเณน นยคโต วิเสโส สรูปโต ทสฺสิโต โหตีติ ‘‘นามปจฺจยา อวิชฺชา’’ติ วตฺวาปิ นามวิเสสานํ ตสฺสา ปจฺจยภาโว ทเสฺสตโพฺพติ อาห ‘‘นามวิเสสานํ…เป.… วุตฺตา’’ติฯ ‘‘ยเทว ปน นาม’’นฺติอาทิ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ นามคฺคหเณน อคฺคหิโตปิ ชาติอาทิ ภวคฺคหเณน คหิโตติ ทสฺสิโตวายมโตฺถติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ภวคฺคหเณน จา’’ติอาทิฯ อิธาปีติ ‘‘ภวปจฺจยา อวิชฺชา’’ติ อิธาปิฯ น สิยาติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา อวิชฺชา’’ติ วุตฺตํ น สิยาฯ ตสฺมาติ ยสฺมา สามญฺญโจทิตํ วิเสสโจทิตเมว น โหติ, ตสฺมาฯ โสติ ภโวฯ เตนาติ สภาวาสภาวธมฺมสงฺคหเณนฯ
247. Yadipi sāmaññato gataviseso, tathāpi sāmaññaggahaṇena nayagato viseso sarūpato dassito hotīti ‘‘nāmapaccayā avijjā’’ti vatvāpi nāmavisesānaṃ tassā paccayabhāvo dassetabboti āha ‘‘nāmavisesānaṃ…pe… vuttā’’ti. ‘‘Yadeva pana nāma’’ntiādi kasmā vuttaṃ, nanu nāmaggahaṇena aggahitopi jātiādi bhavaggahaṇena gahitoti dassitovāyamatthoti codanaṃ sandhāyāha ‘‘bhavaggahaṇena cā’’tiādi. Idhāpīti ‘‘bhavapaccayā avijjā’’ti idhāpi. Nasiyāti ‘‘avijjāpaccayā avijjā’’ti vuttaṃ na siyā. Tasmāti yasmā sāmaññacoditaṃ visesacoditameva na hoti, tasmā. Soti bhavo. Tenāti sabhāvāsabhāvadhammasaṅgahaṇena.
อุปาทานสฺสปิ ภเวกเทสตฺตา วุตฺตํ ‘‘อุปาทานปจฺจยา…เป.… อคฺคหิเต’’ติฯ ‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ อิทํ วจนํ สนฺธายาห ‘‘ภวสโทฺท…เป.… วุจฺจมาโน’’ติฯ ‘‘นามปจฺจยา อวิชฺชา’’ติ เอตฺถ ปจฺจยุปฺปนฺนํ ฐเปตฺวา ปจฺจยสฺส คหณโต อวิชฺชาวินิมุตฺตา เอว จตฺตาโร ขนฺธา นามสเทฺทน วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘น นามสโทฺท นิรวเสสโพธโก’’ติฯ น เจตฺถ เอกํสโต การณํ มคฺคิตพฺพํฯ เยน ภว-สโทฺท นิรวเสสโพธโก, น นาม-สโทฺทติ อาห ‘‘เอวํสภาวา หิ เอตา นิรุตฺติโย’’ติฯ อิมินา อธิปฺปาเยนาติ ภวสโทฺท นิรวเสสโพธโก อุปาทินฺนจตุกฺขนฺธวิสยตฺตาติ อิมินา อธิปฺปาเยนฯ ชายมานาทิธมฺมวิการภาวโต ชายมานาทิกฺขนฺธปฎิพทฺธา ชาติอาทโย วุเจฺจยฺยุํ, น ปน ชาติอาทิปฎิพทฺธา ชายมานาทิกฺขนฺธาติ น เอกจิตฺตกฺขเณ ชาติอาทีนํ อวิชฺชาย ปจฺจยภาโว สมฺภวตีติ อิมมตฺถมาห ‘‘ชายมานานํ ปนา’’ติอาทินาฯ นานาจิตฺตกฺขเณ ปน ชาติอาทโย อวิชฺชาย อุปนิสฺสยปจฺจโย โหนฺตีติ ‘‘เอกจิตฺตกฺขเณ’’ติ วิเสสิตํฯ เตเนวาติ อสมฺภเวเนวฯ
Upādānassapi bhavekadesattā vuttaṃ ‘‘upādānapaccayā…pe… aggahite’’ti. ‘‘Bhavapaccayā jātī’’ti idaṃ vacanaṃ sandhāyāha ‘‘bhavasaddo…pe… vuccamāno’’ti. ‘‘Nāmapaccayā avijjā’’ti ettha paccayuppannaṃ ṭhapetvā paccayassa gahaṇato avijjāvinimuttā eva cattāro khandhā nāmasaddena vuccantīti āha ‘‘na nāmasaddo niravasesabodhako’’ti. Na cettha ekaṃsato kāraṇaṃ maggitabbaṃ. Yena bhava-saddo niravasesabodhako, na nāma-saddoti āha ‘‘evaṃsabhāvā hi etā niruttiyo’’ti. Iminā adhippāyenāti bhavasaddo niravasesabodhako upādinnacatukkhandhavisayattāti iminā adhippāyena. Jāyamānādidhammavikārabhāvato jāyamānādikkhandhapaṭibaddhā jātiādayo vucceyyuṃ, na pana jātiādipaṭibaddhā jāyamānādikkhandhāti na ekacittakkhaṇe jātiādīnaṃ avijjāya paccayabhāvo sambhavatīti imamatthamāha ‘‘jāyamānānaṃ panā’’tiādinā. Nānācittakkhaṇe pana jātiādayo avijjāya upanissayapaccayo hontīti ‘‘ekacittakkhaṇe’’ti visesitaṃ. Tenevāti asambhaveneva.
มาติกาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mātikāvaṇṇanā niṭṭhitā.
อกุสลนิเทฺทสวณฺณนา
Akusalaniddesavaṇṇanā
๒๔๘-๙. ตนฺติ ทิฎฺฐุปาทานํฯ อิตรสฺสาติ กามุปาทานสฺสฯ ตณฺหาคหเณนาติ ‘‘ตณฺหาปจฺจยา’’ติ เอตฺถ ตณฺหาคหเณน คหิตตฺตาฯ ยทิ เอวํ นามคฺคหเณน คหิตา ตณฺหา กสฺมา ปุน วุตฺตาติ อาห ‘‘นาเม วิย วิเสสปจฺจยตฺตาภาวา’’ติฯ ‘‘นามปจฺจยา ฉฎฺฐายตน’’นฺติ เอตฺถ หิ กามตณฺหาปิ นาเม สงฺคหิตาติ นามสฺส ยถารหํ ฉฎฺฐายตนสฺส ปจฺจยภาโว วุโตฺตติ อตฺถิ ตตฺถ วิเสสปจฺจยตฺตํ, อุปาทานสฺส ปน ภวสงฺคโหปิ อตฺถีติ ‘‘ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติ เอเตน ‘‘กามุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ เอตสฺส นเตฺถว วิเสโสติ วุตฺตํ ‘‘นาเม วิย วิเสสปจฺจยตฺตาภาวา’’ติฯ ตณฺหา เอติสฺสา ปจฺจโยติ ตณฺหาปจฺจยา, ทิฎฺฐิ ฯ ภวสฺส ปจฺจยภูตาติ ทุวิธสฺสปิ ภวสฺส การณภูตาฯ อุภเยนปิ อุปาทานสฺส ภวนิเทฺทเส ฐเปตพฺพตํเยว วิภาเวติฯ ปจฺจยุปฺปนฺนํ ปจฺจโย จ เอกเมวาติ ‘‘ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตปจฺจยุปฺปนฺนํ, ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ เอตฺถ วุตฺตปจฺจโย จ เอโก เอวโตฺถ, ตสฺมา ปจฺจโย วิสุํ ปจฺจยุปฺปนฺนโต ภินฺนํ กตฺวา น วิภโตฺตฯ
248-9. Tanti diṭṭhupādānaṃ. Itarassāti kāmupādānassa. Taṇhāgahaṇenāti ‘‘taṇhāpaccayā’’ti ettha taṇhāgahaṇena gahitattā. Yadi evaṃ nāmaggahaṇena gahitā taṇhā kasmā puna vuttāti āha ‘‘nāme viya visesapaccayattābhāvā’’ti. ‘‘Nāmapaccayā chaṭṭhāyatana’’nti ettha hi kāmataṇhāpi nāme saṅgahitāti nāmassa yathārahaṃ chaṭṭhāyatanassa paccayabhāvo vuttoti atthi tattha visesapaccayattaṃ, upādānassa pana bhavasaṅgahopi atthīti ‘‘taṇhāpaccayā upādāna’’nti etena ‘‘kāmupādānapaccayā bhavo’’ti etassa nattheva visesoti vuttaṃ ‘‘nāme viya visesapaccayattābhāvā’’ti. Taṇhā etissā paccayoti taṇhāpaccayā, diṭṭhi . Bhavassa paccayabhūtāti duvidhassapi bhavassa kāraṇabhūtā. Ubhayenapi upādānassa bhavaniddese ṭhapetabbataṃyeva vibhāveti. Paccayuppannaṃ paccayo ca ekamevāti ‘‘taṇhāpaccayā upādāna’’nti ettha vuttapaccayuppannaṃ, ‘‘upādānapaccayā bhavo’’ti ettha vuttapaccayo ca eko evattho, tasmā paccayo visuṃ paccayuppannato bhinnaṃ katvā na vibhatto.
๒๕๒. อุปตฺถมฺภกสมุฎฺฐาปนปจฺฉาชาตปจฺจยวเสนาติ อุปตฺถมฺภกสฺส จิตฺตสมุฎฺฐานรูปสฺส สมุฎฺฐาปนวเสน, ปจฺฉาชาตปจฺจยวเสน จฯ
252. Upatthambhakasamuṭṭhāpanapacchājātapaccayavasenāti upatthambhakassa cittasamuṭṭhānarūpassa samuṭṭhāpanavasena, pacchājātapaccayavasena ca.
๒๕๔. ปญฺจนฺนนฺติ จกฺขายตนาทีนํ ปญฺจนฺนํฯ สหชาตาทิปจฺจโยติ สหชาตนิสฺสยอตฺถิอวิคตาทิปจฺจโยฯ วตฺถุสงฺขาตํ รูปํฯ ปุเรชาตาทิปจฺจโยติ ปุเรชาตนิสฺสยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจโยฯ ปจฺฉาชาตาทิปจฺจโยติ ปจฺฉาชาตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจโยฯ ฉฎฺฐสฺส สหชาตาทีติ อาทิ-สเทฺทน อญฺญมญฺญนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตาทโย คหิตาฯ
254. Pañcannanti cakkhāyatanādīnaṃ pañcannaṃ. Sahajātādipaccayoti sahajātanissayaatthiavigatādipaccayo. Vatthusaṅkhātaṃ rūpaṃ. Purejātādipaccayoti purejātanissayavippayuttaatthiavigatapaccayo. Pacchājātādipaccayoti pacchājātavippayuttaatthiavigatapaccayo. Chaṭṭhassa sahajātādīti ādi-saddena aññamaññanissayasampayuttaatthiavigatādayo gahitā.
๒๖๔. ยสฺสาติ ‘‘ยสฺส จ โหตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ ‘‘ยสฺสา’’ติ ปทํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘โหตีติ โยเชตพฺพ’’นฺติฯ
264. Yassāti ‘‘yassa ca hotī’’ti ettha vuttaṃ ‘‘yassā’’ti padaṃ sandhāya vuttaṃ. Tenāha ‘‘hotīti yojetabba’’nti.
๒๘๐. ตสฺสาติ ‘‘พลวกิเลสภูตาย วิจิกิจฺฉายา’’ติ (วิภ. อฎฺฐ. ๒๘๐) ปทสฺสฯ เตนาติ ‘‘ตณฺหาฎฺฐาเน’’ติ ปเทนฯ จิตฺตุปฺปาทกณฺฑาทีสูติ อาทิ-สเทฺทน อิมสฺมิํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทวิภเงฺค สุตฺตนฺตภาชนียาทิํ สงฺคณฺหาติฯ
280. Tassāti ‘‘balavakilesabhūtāya vicikicchāyā’’ti (vibha. aṭṭha. 280) padassa. Tenāti ‘‘taṇhāṭṭhāne’’ti padena. Cittuppādakaṇḍādīsūti ādi-saddena imasmiṃ paṭiccasamuppādavibhaṅge suttantabhājanīyādiṃ saṅgaṇhāti.
อกุสลนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Akusalaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
กุสลาพฺยากตนิเทฺทสวณฺณนา
Kusalābyākataniddesavaṇṇanā
๓๐๖. สพฺยาปารานีติ สอุสฺสาหานิ, วิปากธมฺมานีติ อโตฺถฯ ปริหีนํ อวิชฺชาฎฺฐานํ เอเตสนฺติ ปริหีนาวิชฺชาฎฺฐานาฯ
306. Sabyāpārānīti saussāhāni, vipākadhammānīti attho. Parihīnaṃ avijjāṭṭhānaṃ etesanti parihīnāvijjāṭṭhānā.
สนฺธายาติ อธิปฺปายํ วิภาเวโนฺต วิย วทติ, สรูเปเนว ปน ‘‘น จ จกฺขุวิญฺญาณาทีนิ รูปํ สมุฎฺฐาเปนฺตี’’ติ (วิภ. อฎฺฐ. ๓๐๖) อฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ นามรูปํ น น ลพฺภตีติ โยชนาฯ
Sandhāyāti adhippāyaṃ vibhāvento viya vadati, sarūpeneva pana ‘‘na ca cakkhuviññāṇādīni rūpaṃ samuṭṭhāpentī’’ti (vibha. aṭṭha. 306) aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Nāmarūpaṃ na na labbhatīti yojanā.
กุสลาพฺยากตนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kusalābyākataniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
อวิชฺชามูลกกุสลนิเทฺทสวณฺณนา
Avijjāmūlakakusalaniddesavaṇṇanā
๓๓๔. กุสลผเลติ กุสลวิปากปฎิสนฺธิวิญฺญาณสฺส คหิตตฺตา ตสฺส สาทุรสวิสรุกฺขพีชสทิสตา วุตฺตาฯ
334. Kusalaphaleti kusalavipākapaṭisandhiviññāṇassa gahitattā tassa sādurasavisarukkhabījasadisatā vuttā.
ยทิปิ ‘‘สงฺขารเหตุก’’นฺติอาทินา โยชนา ลพฺภติ, อวิคตจตุกฺกาทีนิ ปน น ลพฺภนฺติ ยถาลาภโยชนาย ทสฺสิตตฺตาฯ
Yadipi ‘‘saṅkhārahetuka’’ntiādinā yojanā labbhati, avigatacatukkādīni pana na labbhanti yathālābhayojanāya dassitattā.
อวิชฺชามูลกกุสลนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Avijjāmūlakakusalaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
กุสลมูลกวิปากนิเทฺทสวณฺณนา
Kusalamūlakavipākaniddesavaṇṇanā
๓๔๓. กมฺมํ วิย ปจฺจโย โหติ วิปากภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ วิปากสฺส กมฺมํ ปจฺจโย โหนฺตํ สาติสยํ โหตีติ ตสฺส นิปฺปริยายตา, ตํสมฺปยุตฺตานํ ปริยายตา สิยาติ อธิปฺปาเยน ‘‘ปริยาเยน อุปนิสฺสยปจฺจโยติ วุตฺตานี’’ติ อาหฯ ‘‘กุสโล ธโมฺม อพฺยากตสฺส ธมฺมสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๒๓), อกุสโล ธโมฺม อพฺยากตสฺส ธมฺมสฺส (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๒๓), วิปากธมฺมธโมฺม เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๓.๑๐๓) ปน วจนโต นิปฺปริยาเยน สเพฺพปิ กุสลากุสลา ธมฺมา วิปากสฺส อุปนิสฺสยปจฺจโย โหตีติ อยมโตฺถ ทิสฺสติฯ ‘‘กุสลมูลํ อกุสลมูล’’นฺติ อิเมสํ อนฺวาเทโสปิ ปจฺจยสทฺทาเปกฺขาย ‘‘เอสา’’ติ ปุลฺลิงฺควเสน วุโตฺตติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เอสาติ…เป.… โยเชตพฺพ’’นฺติฯ
343. Kammaṃ viya paccayo hoti vipākabhāvatoti adhippāyo. Vipākassa kammaṃ paccayo hontaṃ sātisayaṃ hotīti tassa nippariyāyatā, taṃsampayuttānaṃ pariyāyatā siyāti adhippāyena ‘‘pariyāyena upanissayapaccayoti vuttānī’’ti āha. ‘‘Kusalo dhammo abyākatassa dhammassa upanissayapaccayena paccayo (paṭṭhā. 1.1.423), akusalo dhammo abyākatassa dhammassa (paṭṭhā. 1.1.423), vipākadhammadhammo nevavipākanavipākadhammadhammassa upanissayapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.3.103) pana vacanato nippariyāyena sabbepi kusalākusalā dhammā vipākassa upanissayapaccayo hotīti ayamattho dissati. ‘‘Kusalamūlaṃ akusalamūla’’nti imesaṃ anvādesopi paccayasaddāpekkhāya ‘‘esā’’ti pulliṅgavasena vuttoti dassento āha ‘‘esāti…pe… yojetabba’’nti.
‘‘มนสิกาโรปี’’ติอาทินา อปฺปหีนาวิชฺชานมฺปิ กิริยาย กุสลากุสลมูลานิ, อวิชฺชา จ อุปนิสฺสยา น โหนฺตีติ ทเสฺสติฯ กมฺมวฎฺฎวิปากวฎฺฎภูตานิเยว สงฺขารวิญฺญาณานิ ปจฺฉิมนเย อธิเปฺปตานีติ วุตฺตํ ‘‘กิริยานิ ปน…เป.… คจฺฉนฺตี’’ติฯ เตสํ ปจฺจยานํ วเสน อเนกปฺปการโตติ อธิปฺปาโยติ โยชนาฯ
‘‘Manasikāropī’’tiādinā appahīnāvijjānampi kiriyāya kusalākusalamūlāni, avijjā ca upanissayā na hontīti dasseti. Kammavaṭṭavipākavaṭṭabhūtāniyeva saṅkhāraviññāṇāni pacchimanaye adhippetānīti vuttaṃ ‘‘kiriyāni pana…pe… gacchantī’’ti. Tesaṃ paccayānaṃ vasena anekappakāratoti adhippāyoti yojanā.
นวาทิเภทานนฺติ นวอฎฺฐสตฺตฉาติ เอวํปเภทานํฯ จตุนฺนํ จตุกฺกานนฺติ ปุริมนเย ปจฺฉิมนเย จ อาคตานํ ยถาลาภํ จตุนฺนํ จตุนฺนํ จตุกฺกานํฯ ‘‘กุสลากุสลานํ ปน วิปาเก จา’’ติ จ-สเทฺทน กุสลากุสเล จาติ สมุเจฺจตโพฺพติ อาห ‘‘กุสล…เป.… วตฺตพฺพ’’นฺติฯ มูลปเทกปจฺจยตาวเสนาติ มูลปทสฺส เอกปจฺจยภาววเสน อุปนิสฺสยปจฺจยตาวเสนฯ เอกเสฺสว นยสฺสาติ กุสลากุสเลสุ อวิชฺชามูลกสฺส, วิปาเกสุ กุสลากุสลมูลกสฺสาติ เอวํ เอกเสฺสว นยสฺส วเสนฯ ธมฺมปจฺจยเภเทติ ธมฺมสฺส ปจฺจยภูตสฺส, ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส วา ปจฺจยภาเวน เภเทติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อวิชฺชาทีน’’นฺติอาทิํ วตฺวา ปุน ตเมว ‘‘ตํตํจิตฺตุปฺปาทา’’ติอาทินา ปการนฺตเรน วิภาเวติฯ
Navādibhedānanti navaaṭṭhasattachāti evaṃpabhedānaṃ. Catunnaṃ catukkānanti purimanaye pacchimanaye ca āgatānaṃ yathālābhaṃ catunnaṃ catunnaṃ catukkānaṃ. ‘‘Kusalākusalānaṃ pana vipāke cā’’ti ca-saddena kusalākusale cāti samuccetabboti āha ‘‘kusala…pe… vattabba’’nti. Mūlapadekapaccayatāvasenāti mūlapadassa ekapaccayabhāvavasena upanissayapaccayatāvasena. Ekasseva nayassāti kusalākusalesu avijjāmūlakassa, vipākesu kusalākusalamūlakassāti evaṃ ekasseva nayassa vasena. Dhammapaccayabhedeti dhammassa paccayabhūtassa, paccayuppannassa vā paccayabhāvena bhedeti imamatthaṃ dassento ‘‘avijjādīna’’ntiādiṃ vatvā puna tameva ‘‘taṃtaṃcittuppādā’’tiādinā pakārantarena vibhāveti.
กุสลมูลกวิปากนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kusalamūlakavipākaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
ปฎิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭiccasamuppādavibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๖. ปฎิจฺจสมุปฺปาทวิภโงฺค • 6. Paṭiccasamuppādavibhaṅgo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā
๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ อุเทฺทสวารวณฺณนา • 1. Suttantabhājanīyaṃ uddesavāravaṇṇanā
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา • 2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๖. ปฎิจฺจสมุปฺปาทวิภโงฺค • 6. Paṭiccasamuppādavibhaṅgo