Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā

    ๑. กุสลตฺติกวณฺณนา

    1. Kusalattikavaṇṇanā

    ๑. ปฎิจฺจวารวณฺณนา

    1. Paṭiccavāravaṇṇanā

    ๑. ปจฺจยานุโลมํ

    1. Paccayānulomaṃ

    (๑.) วิภงฺควาโร

    (1.) Vibhaṅgavāro

    ๕๓. อิทานิ ยา เอตา ปณฺณตฺติวาเร กุสลตฺติกํ นิสฺสาย เหตุปจฺจยาทิวเสน เอกูนปญฺญาสํ อาทิํ กตฺวา นยมตฺตํ ทเสฺสเนฺตน อปริมาณา ปุจฺฉา ทสฺสิตาฯ ตตฺถ กุสลากุสลาทีนํ สหุปฺปตฺติยา อภาวโต ยา ปุจฺฉา ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ อกุสโล ธโมฺม อุปฺปชฺชติ เหตุปจฺจยา’’ติ เอวํ วิสฺสชฺชนํ น ลภนฺติฯ ตา ปหาย ยา วิสฺสชฺชนํ ลภนฺติ, ตาเยว วิสฺสเชฺชตุํ อยํ กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ กุสโล ธโมฺม อุปฺปชฺชติ เหตุปจฺจยาติอาทินา นเยน ปฎิจฺจวารสฺส นิเทฺทสวาโร อารโทฺธฯ

    53. Idāni yā etā paṇṇattivāre kusalattikaṃ nissāya hetupaccayādivasena ekūnapaññāsaṃ ādiṃ katvā nayamattaṃ dassentena aparimāṇā pucchā dassitā. Tattha kusalākusalādīnaṃ sahuppattiyā abhāvato yā pucchā ‘‘kusalaṃ dhammaṃ paṭicca akusalo dhammo uppajjati hetupaccayā’’ti evaṃ vissajjanaṃ na labhanti. Tā pahāya yā vissajjanaṃ labhanti, tāyeva vissajjetuṃ ayaṃ kusalaṃ dhammaṃ paṭicca kusalo dhammo uppajjati hetupaccayātiādinā nayena paṭiccavārassa niddesavāro āraddho.

    ตตฺถ สิยา – สเจ อิมา เหตุปจฺจยาทิวเสน เอกูนปญฺญาสํ ปุจฺฉา สพฺพโส วิสฺสชฺชนํ น ลภนฺติ, อถ กสฺมา ทสฺสิตา? นนุ ยา ลภนฺติ, ตาเยว ทเสฺสตพฺพาติ? อาม, ทเสฺสตพฺพา สิยุํฯ ตถา ทสฺสิยมานา ปน สเพฺพสุ ติกทุกปฎฺฐานาทีสุ เอเกกสฺมิํ ติเก, ทุเก, ทุกติเก, ติกทุเก, ติกติเก, ทุกทุเก จ สเงฺขปํ อกตฺวา ทเสฺสตพฺพาเยว ภเวยฺยุํฯ กสฺมา? ยสฺมา ยา กุสลตฺติเก ลภนฺติ, น ตาเยว เวทนาตฺติกาทีสุฯ ธมฺมานุโลมปจฺจนีเย จ ติกปฎฺฐาเน วิตกฺกตฺติกปีติตฺติกานํ วิสฺสชฺชเน สพฺพาเปตา วิสฺสชฺชนํ ลภนฺติ, ตสฺมา อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉเทน เอเกกสฺมิํ ติเก ยตฺตกาหิ ปุจฺฉาหิ ภวิตพฺพํ สพฺพา กุสลตฺติเก ทสฺสิตาฯ เอวํ ทสฺสิตาสุ หิ ยา ตตฺถ วิสฺสชฺชนํ น ลภนฺติ, ตา ปหาย ยา ลภนฺติ, ตา วุจฺจมานา สกฺกา สุเขน วิชานิตุนฺติ สุเขน วิชานนตฺถํ สพฺพาปิ กุสลตฺติเก ทสฺสิตาฯ ยา ปเนตฺถ วิสฺสชฺชนํ น ลภนฺติ, ตา ปหาย ยา ลภนฺติ, ตาเยว วิสฺสชฺชิตาติ เวทิตพฺพาฯ

    Tattha siyā – sace imā hetupaccayādivasena ekūnapaññāsaṃ pucchā sabbaso vissajjanaṃ na labhanti, atha kasmā dassitā? Nanu yā labhanti, tāyeva dassetabbāti? Āma, dassetabbā siyuṃ. Tathā dassiyamānā pana sabbesu tikadukapaṭṭhānādīsu ekekasmiṃ tike, duke, dukatike, tikaduke, tikatike, dukaduke ca saṅkhepaṃ akatvā dassetabbāyeva bhaveyyuṃ. Kasmā? Yasmā yā kusalattike labhanti, na tāyeva vedanāttikādīsu. Dhammānulomapaccanīye ca tikapaṭṭhāne vitakkattikapītittikānaṃ vissajjane sabbāpetā vissajjanaṃ labhanti, tasmā ukkaṭṭhaparicchedena ekekasmiṃ tike yattakāhi pucchāhi bhavitabbaṃ sabbā kusalattike dassitā. Evaṃ dassitāsu hi yā tattha vissajjanaṃ na labhanti, tā pahāya yā labhanti, tā vuccamānā sakkā sukhena vijānitunti sukhena vijānanatthaṃ sabbāpi kusalattike dassitā. Yā panettha vissajjanaṃ na labhanti, tā pahāya yā labhanti, tāyeva vissajjitāti veditabbā.

    ตตฺถ กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจาติ จตุภูมกกุสลธเมฺมสุ เวทนากฺขนฺธาทิเภทํ เอกํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ ปฎิคนฺตฺวา สหุปฺปตฺติสงฺขาเตน สทิสภาเวน ปตฺวา, เตน สทฺธิํ เอกโต อุปฺปตฺติภาวํ อุปคนฺตฺวาติ อโตฺถฯ กุสโล ธโมฺมติ จตุภูมกกุสลธเมฺมสุเยว สญฺญากฺขนฺธาทิเภโท เอโก ธโมฺมฯ อุปฺปชฺชตีติ อุปฺปาทโต ยาว นิโรธคมนา อุทฺธํ ปชฺชติ, นิพฺพตฺตตีติปิ อโตฺถ ฯ อตฺตานํ ลภติ, อุปฺปาทาทโย ตโยปิ ขเณ ปาปุณาตีติ วุตฺตํ โหติฯ เหตุปจฺจยาติ กุสลเหตุนา เหตุปจฺจยภาวํ สาเธเนฺตนฯ

    Tattha kusalaṃ dhammaṃ paṭiccāti catubhūmakakusaladhammesu vedanākkhandhādibhedaṃ ekaṃ dhammaṃ paṭicca paṭigantvā sahuppattisaṅkhātena sadisabhāvena patvā, tena saddhiṃ ekato uppattibhāvaṃ upagantvāti attho. Kusalo dhammoti catubhūmakakusaladhammesuyeva saññākkhandhādibhedo eko dhammo. Uppajjatīti uppādato yāva nirodhagamanā uddhaṃ pajjati, nibbattatītipi attho . Attānaṃ labhati, uppādādayo tayopi khaṇe pāpuṇātīti vuttaṃ hoti. Hetupaccayāti kusalahetunā hetupaccayabhāvaṃ sādhentena.

    เอวํ ‘‘อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ ปุจฺฉาย ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วิสฺสชฺชนํ วตฺวา อิทานิ ยํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ โย ธโมฺม อุปฺปชฺชติ, ตํ ธมฺมํ ขนฺธวเสน ทเสฺสตุํ กุสลํ เอกํ ขนฺธนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอกนฺติ เวทนาทีสุ จตูสุ ยํกิญฺจิ เอกํฯ ตโย ขนฺธาติ โย โย ปจฺจยภาเวน คหิโต, ตํ ตํ ฐเปตฺวา อวเสสา ตโย ขนฺธาฯ ตโย ขเนฺธติ เวทนาทีสุ โย เอโก ขโนฺธ อุปฺปชฺชตีติ คหิโต, ตํ ฐเปตฺวา เสเส ตโยฯ เทฺว ขเนฺธติ เวทนาสญฺญาทุกาทีสุ ฉสุ ทุเกสุ เยเกจิ เทฺว ขเนฺธ ปฎิจฺจฯ เทฺว ขนฺธาติ เย เย ปจฺจยภาเวน คหิตา, เต เต ฐเปตฺวา อวเสสา เทฺว ขนฺธา กุสลเหตุนา เหตุปจฺจยภาวํ สาเธเนฺตน อุปฺปชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ

    Evaṃ ‘‘uppajjeyyā’’ti pucchāya ‘‘uppajjatī’’ti vissajjanaṃ vatvā idāni yaṃ dhammaṃ paṭicca yo dhammo uppajjati, taṃ dhammaṃ khandhavasena dassetuṃ kusalaṃ ekaṃ khandhantiādimāha. Tattha ekanti vedanādīsu catūsu yaṃkiñci ekaṃ. Tayo khandhāti yo yo paccayabhāvena gahito, taṃ taṃ ṭhapetvā avasesā tayo khandhā. Tayo khandheti vedanādīsu yo eko khandho uppajjatīti gahito, taṃ ṭhapetvā sese tayo. Dve khandheti vedanāsaññādukādīsu chasu dukesu yekeci dve khandhe paṭicca. Dve khandhāti ye ye paccayabhāvena gahitā, te te ṭhapetvā avasesā dve khandhā kusalahetunā hetupaccayabhāvaṃ sādhentena uppajjantīti attho.

    ยสฺมา ปน เอโก ขโนฺธ เอกเสฺสว ทฺวินฺนํเยว วา, เทฺว วา ปน เอกเสฺสว ปจฺจโย นาม นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘เอกํ ขนฺธํ ปฎิจฺจ เอโก ขโนฺธ, เอกํ ขนฺธํ ปฎิจฺจ เทฺว ขนฺธา, เทฺว ขเนฺธ ปฎิจฺจ เอโก ขโนฺธ’’ติ น วุตฺตํฯ กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ อพฺยากโต ธโมฺม อุปฺปชฺชตีติอาทีสุปิ วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ จิตฺตสมุฎฺฐานํ รูปนฺติ อิทํ ปฎิจฺจตฺถสฺส สหชาตตฺถตฺตา ยํ กุสเลน สหชาตเญฺจว เหตุปจฺจยญฺจ ลภติ, ตํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ปรโตปิ เอวรูเปสุ ฐาเนสุ อยเมว นโยฯ

    Yasmā pana eko khandho ekasseva dvinnaṃyeva vā, dve vā pana ekasseva paccayo nāma natthi, tasmā ‘‘ekaṃ khandhaṃ paṭicca eko khandho, ekaṃ khandhaṃ paṭicca dve khandhā, dve khandhe paṭicca eko khandho’’ti na vuttaṃ. Kusalaṃ dhammaṃ paṭicca abyākato dhammo uppajjatītiādīsupi vuttanayeneva attho veditabbo. Cittasamuṭṭhānaṃ rūpanti idaṃ paṭiccatthassa sahajātatthattā yaṃ kusalena sahajātañceva hetupaccayañca labhati, taṃ dassetuṃ vuttaṃ. Paratopi evarūpesu ṭhānesu ayameva nayo.

    วิปากาพฺยากตํ กิริยาพฺยากตนฺติ เอตฺถ เหตุปจฺจยาภาวโต อเหตุกํ, รูเปน สทฺธิํ อนุปฺปตฺติโต อารุปฺปวิปากญฺจ น คเหตพฺพํฯ ปฎิสนฺธิกฺขเณติ กฎตฺตารูปสงฺขาตสฺส อพฺยากตสฺส อพฺยากตํ ปฎิจฺจ อุปฺปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ วิปากาพฺยากตนฺติ ตสฺมิํ ขเณ วิชฺชมานาพฺยากตวเสน วุตฺตํฯ ขเนฺธ ปฎิจฺจ วตฺถุ, วตฺถุํ ปฎิจฺจ ขนฺธาติ อิทํ กฎตฺตารูปคฺคหเณน วตฺถุมฺหิ คหิเตปิ วตฺถุํ ปฎิจฺจ ขนฺธานํ อุปฺปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ

    Vipākābyākataṃ kiriyābyākatanti ettha hetupaccayābhāvato ahetukaṃ, rūpena saddhiṃ anuppattito āruppavipākañca na gahetabbaṃ. Paṭisandhikkhaṇeti kaṭattārūpasaṅkhātassa abyākatassa abyākataṃ paṭicca uppattidassanatthaṃ vuttaṃ. Vipākābyākatanti tasmiṃ khaṇe vijjamānābyākatavasena vuttaṃ. Khandhe paṭicca vatthu, vatthuṃ paṭicca khandhāti idaṃ kaṭattārūpaggahaṇena vatthumhi gahitepi vatthuṃ paṭicca khandhānaṃ uppattidassanatthaṃ vuttaṃ.

    เอกํ มหาภูตนฺติอาทิ รูปาพฺยากตํ ปฎิจฺจ รูปาพฺยากตสฺส อุปฺปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ เอกํ ขนฺธนฺติอาทีสุ วุตฺตนเยเนว ปเนตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพาฯ เอวํ รูปาพฺยากตมฺหิ ภูเต ปฎิจฺจ ภูตานํ อุปฺปตฺติํ วตฺวา อิทานิ ภูเต ปฎิจฺจ อุปาทารูปานํ อุปฺปตฺติํ ทเสฺสตุํ มหาภูเต ปฎิจฺจ จิตฺตสมุฎฺฐานนฺติอาทิ วุตฺตํฯ เอวํ สเนฺต อุปาทารูปนฺติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ, อิตรทฺวยํ กสฺมา วุตฺตนฺติ? มหาภูเตปิ ปฎิจฺจ อุปฺปตฺติทสฺสนตฺถํฯ ยญฺหิ เหฎฺฐา ‘‘จิตฺตสมุฎฺฐานญฺจ รูปํ กฎตฺตา จ รูป’’นฺติ ทสฺสิตํ, ตํ น เกวลํ ขเนฺธเยว จ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ, มหาภูเตปิ ปน ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชตีติ ทสฺสนตฺถมิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ จิตฺตสมุฎฺฐานํ ปวเตฺตเยว, กฎตฺตารูปํ ปฎิสนฺธิยมฺปิฯ อุปาทารูปนฺติ ตเสฺสว อุภยสฺส วิเสสนํฯ

    Ekaṃ mahābhūtantiādi rūpābyākataṃ paṭicca rūpābyākatassa uppattidassanatthaṃ vuttaṃ. Ekaṃ khandhantiādīsu vuttanayeneva panettha atthayojanā veditabbā. Evaṃ rūpābyākatamhi bhūte paṭicca bhūtānaṃ uppattiṃ vatvā idāni bhūte paṭicca upādārūpānaṃ uppattiṃ dassetuṃ mahābhūtepaṭicca cittasamuṭṭhānantiādi vuttaṃ. Evaṃ sante upādārūpanti ettakameva vattabbaṃ, itaradvayaṃ kasmā vuttanti? Mahābhūtepi paṭicca uppattidassanatthaṃ. Yañhi heṭṭhā ‘‘cittasamuṭṭhānañca rūpaṃ kaṭattā ca rūpa’’nti dassitaṃ, taṃ na kevalaṃ khandheyeva ca paṭicca uppajjati, mahābhūtepi pana paṭicca uppajjatīti dassanatthamidaṃ vuttanti veditabbaṃ. Tattha cittasamuṭṭhānaṃ pavatteyeva, kaṭattārūpaṃ paṭisandhiyampi. Upādārūpanti tasseva ubhayassa visesanaṃ.

    กุสเล ขเนฺธ จ มหาภูเต จ ปฎิจฺจาติ เอตฺถ จิตฺตสมุฎฺฐานาว มหาภูตา คหิตาฯ จิตฺตสมุฎฺฐานํ รูปนฺติ เอตฺถ ปน ภูตรูปมฺปิ อุปาทารูปมฺปิ คหิตํฯ ‘‘เอกํ มหาภูตํ ปฎิจฺจ ตโย มหาภูตา’’ติอาทินา นเยน หิ ภูตรูปมฺปิ ขเนฺธ จ มหาภูเต จ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติฯ มหาภูเต ปฎิจฺจ อุปาทารูปนฺติ วุตฺตนเยน อุปาทารูปมฺปิฯ อกุสลญฺจ อพฺยากตญฺจาติ ปญฺหาวิสฺสชฺชเนสุปิ เอเสว นโยฯ เอวํ เหตุปจฺจเย นว ปุจฺฉา วิสฺสชฺชิตาฯ เอตาเยว หิ เอตฺถ ลพฺภนฺติ, เสสา จตฺตาลีส โมฆปุจฺฉาติ น วิสฺสชฺชิตาฯ อิมินา อุปาเยน อารมฺมณปจฺจยาทีสุปิ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานํ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ ตตฺถ ปน วิจาเรตพฺพยุตฺตกเมว วิจารยิสฺสามฯ

    Kusale khandhe ca mahābhūte ca paṭiccāti ettha cittasamuṭṭhānāva mahābhūtā gahitā. Cittasamuṭṭhānaṃ rūpanti ettha pana bhūtarūpampi upādārūpampi gahitaṃ. ‘‘Ekaṃ mahābhūtaṃ paṭicca tayo mahābhūtā’’tiādinā nayena hi bhūtarūpampi khandhe ca mahābhūte ca paṭicca uppajjati. Mahābhūte paṭicca upādārūpanti vuttanayena upādārūpampi. Akusalañca abyākatañcāti pañhāvissajjanesupi eseva nayo. Evaṃ hetupaccaye nava pucchā vissajjitā. Etāyeva hi ettha labbhanti, sesā cattālīsa moghapucchāti na vissajjitā. Iminā upāyena ārammaṇapaccayādīsupi pucchāvissajjanānaṃ attho veditabbo. Tattha tattha pana vicāretabbayuttakameva vicārayissāma.

    ๕๔. อารมฺมณปจฺจเย ตาว รูปสฺส อารมฺมณปจฺจยวเสน อนุปฺปตฺติโต ตาสุ นวสุ รูปมิสฺสกา ปหาย ติโสฺสว ปุจฺฉา วิสฺสชฺชิตาฯ เตเนว จ การเณน ‘‘วตฺถุํ ปฎิจฺจ ขนฺธา’’ติ วตฺวา ‘‘ขเนฺธ ปฎิจฺจ วตฺถู’’ติ น วุตฺตํฯ น หิ ตํ อารมฺมณปจฺจเยน อุปฺปชฺชติฯ

    54. Ārammaṇapaccaye tāva rūpassa ārammaṇapaccayavasena anuppattito tāsu navasu rūpamissakā pahāya tissova pucchā vissajjitā. Teneva ca kāraṇena ‘‘vatthuṃ paṭicca khandhā’’ti vatvā ‘‘khandhe paṭicca vatthū’’ti na vuttaṃ. Na hi taṃ ārammaṇapaccayena uppajjati.

    ๕๕. อธิปติปจฺจเย วิปากาพฺยากตนฺติ โลกุตฺตรเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ เตเนเวตฺถ ‘‘ปฎิสนฺธิกฺขเณ’’ติ น คหิตํฯ เสสํ เหตุปจฺจยสทิสเมวฯ

    55. Adhipatipaccaye vipākābyākatanti lokuttarameva sandhāya vuttaṃ. Tenevettha ‘‘paṭisandhikkhaṇe’’ti na gahitaṃ. Sesaṃ hetupaccayasadisameva.

    ๕๖. อนนฺตรสมนฺตเรสุปิ รูปํ น ลพฺภตีติ อารมฺมณปจฺจเย วิย ติโสฺสว ปุจฺฉาฯ

    56. Anantarasamantaresupi rūpaṃ na labbhatīti ārammaṇapaccaye viya tissova pucchā.

    ๕๗. สหชาตปจฺจเย ปฎิสนฺธิกฺขเณติ ปญฺจโวกาเร ปฎิสนฺธิวเสน วุตฺตํฯ เหฎฺฐา ปน ปจฺจยวิภเงฺค ‘‘โอกฺกนฺติกฺขเณ’’ติ อาคตํ ตมฺปิ อิมินา สทฺธิํ อตฺถโต เอกํ, พฺยญฺชนมตฺตเมว เหตฺถ นานนฺติฯ อปิจ ‘‘ติณฺณํ สนฺนิปาตา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๘) วจนโต โอกฺกนฺตีติ ปญฺจโวการปฎิสนฺธิยาเวตํ นามํฯ ปฎิสนฺธีติ สพฺพภวสาธารณํฯ อิธ ปน ‘‘กฎตฺตา จ รูป’’นฺติอาทิวจนโต ปญฺจโวการปฎิสนฺธิเยว อธิเปฺปตาฯ สา หิ รูปสฺสปิ อรูปสฺสปิ ปจฺจยภาวเญฺจว ปจฺจยุปฺปนฺนภาวญฺจ สงฺคณฺหาติ, ตสฺมา ปริปุณฺณวิสฺสชฺชนา โหตีติ คหิตาฯ พาหิรํ เอกํ มหาภูตนฺติ อนินฺทฺริยพเทฺธสุ ปถวีปาสาณาทีสุ มหาภูตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ปจฺจยวิภงฺควารสฺมิญฺหิ จตฺตาโร มหาภูตาติ อชฺฌตฺติกญฺจ พาหิรญฺจ เอกโต กตฺวา คหิตํฯ สเงฺขปเทสนา หิ สาฯ อยํ ปน วิตฺถารเทสนา, ตสฺมา สพฺพํ วิภชิตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘พาหิรํ เอกํ มหาภูต’’นฺติอาทิมาหฯ อสญฺญสตฺตานํ เอกํ มหาภูตํ ปฎิจฺจาติ ทฺวิสนฺตติสมุฎฺฐานภูตวเสน วุตฺตํฯ มหาภูเต ปฎิจฺจ กฎตฺตารูปนฺติ อิทํ ปน กมฺมสมุฎฺฐานวเสเนว วุตฺตํฯ อุปาทารูปนฺติ อุตุสมุฎฺฐานวเสเนวฯ

    57. Sahajātapaccaye paṭisandhikkhaṇeti pañcavokāre paṭisandhivasena vuttaṃ. Heṭṭhā pana paccayavibhaṅge ‘‘okkantikkhaṇe’’ti āgataṃ tampi iminā saddhiṃ atthato ekaṃ, byañjanamattameva hettha nānanti. Apica ‘‘tiṇṇaṃ sannipātā gabbhassa avakkanti hotī’’ti (ma. ni. 1.408) vacanato okkantīti pañcavokārapaṭisandhiyāvetaṃ nāmaṃ. Paṭisandhīti sabbabhavasādhāraṇaṃ. Idha pana ‘‘kaṭattā ca rūpa’’ntiādivacanato pañcavokārapaṭisandhiyeva adhippetā. Sā hi rūpassapi arūpassapi paccayabhāvañceva paccayuppannabhāvañca saṅgaṇhāti, tasmā paripuṇṇavissajjanā hotīti gahitā. Bāhiraṃ ekaṃ mahābhūtanti anindriyabaddhesu pathavīpāsāṇādīsu mahābhūtaṃ sandhāya vuttaṃ. Paccayavibhaṅgavārasmiñhi cattāro mahābhūtāti ajjhattikañca bāhirañca ekato katvā gahitaṃ. Saṅkhepadesanā hi sā. Ayaṃ pana vitthāradesanā, tasmā sabbaṃ vibhajitvā dassento ‘‘bāhiraṃ ekaṃ mahābhūta’’ntiādimāha. Asaññasattānaṃ ekaṃ mahābhūtaṃ paṭiccāti dvisantatisamuṭṭhānabhūtavasena vuttaṃ. Mahābhūte paṭicca kaṭattārūpanti idaṃ pana kammasamuṭṭhānavaseneva vuttaṃ. Upādārūpanti utusamuṭṭhānavaseneva.

    ๕๘. อญฺญมญฺญปจฺจเย ขเนฺธ ปฎิจฺจ วตฺถุ, วตฺถุํ ปฎิจฺจ ขนฺธาติ จตุนฺนมฺปิ ขนฺธานํ เอกโต วตฺถุนา อญฺญมญฺญปจฺจยตํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ

    58. Aññamaññapaccaye khandhe paṭicca vatthu, vatthuṃ paṭicca khandhāti catunnampi khandhānaṃ ekato vatthunā aññamaññapaccayataṃ dassetuṃ vuttaṃ.

    ๕๙. นิสฺสยปจฺจเย ยสฺมา ปฎิจฺจโตฺถ นาม สหชาตโตฺถ, ตสฺมา ยา เหฎฺฐา ปจฺจยวิภงฺควาเร จกฺขายตนาทีนํ นิสฺสยปจฺจยตา ทสฺสิตา, น สา คหิตาฯ จกฺขายตนาทีนิ หิ ปุเรชาตานิ หุตฺวา ปจฺจยา โหนฺติ, อิธ สหชาตเมว ลพฺภติฯ เตเนว วุตฺตํ – ‘‘นิสฺสยปจฺจโย สหชาตปจฺจยสทิโส’’ติฯ

    59. Nissayapaccaye yasmā paṭiccattho nāma sahajātattho, tasmā yā heṭṭhā paccayavibhaṅgavāre cakkhāyatanādīnaṃ nissayapaccayatā dassitā, na sā gahitā. Cakkhāyatanādīni hi purejātāni hutvā paccayā honti, idha sahajātameva labbhati. Teneva vuttaṃ – ‘‘nissayapaccayo sahajātapaccayasadiso’’ti.

    ๖๐. อุปนิสฺสยปจฺจเย รูปสฺส อุปนิสฺสยปจฺจยาภาวา ตีเณว วิสฺสชฺชนานิ ลพฺภนฺติ, เตน วุตฺตํ ‘‘อารมฺมณปจฺจยสทิส’’นฺติฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ น สเพฺพ กุสลากุสลาพฺยากตา อารมฺมณูปนิสฺสยํ ลภนฺติ, เย ปน ลภนฺติ, เตสํ วเสเนตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    60. Upanissayapaccaye rūpassa upanissayapaccayābhāvā tīṇeva vissajjanāni labbhanti, tena vuttaṃ ‘‘ārammaṇapaccayasadisa’’nti. Tattha kiñcāpi na sabbe kusalākusalābyākatā ārammaṇūpanissayaṃ labhanti, ye pana labhanti, tesaṃ vasenetaṃ vuttanti veditabbaṃ.

    ๖๑. ปุเรชาตปจฺจเย วตฺถุํ ปุเรชาตปจฺจยาติ วตฺถุํ ปฎิจฺจ วตฺถุนา ปุเรชาตปจฺจยตํ สาเธเนฺตน อุปฺปชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ วิปากาพฺยากตํ เอกํ ขนฺธนฺติ เอตฺถ ยํ วิปากาพฺยากตสฺส วตฺถุ โอกฺกนฺติกฺขเณ สหชาตปจฺจโย โหติ, ตํ ปุเรชาตปจฺจยภาชนิยตฺตา อิธ น คเหตพฺพํฯ เยปิ กุสลาทโย อารุเปฺป ปุเรชาตปจฺจยํ น ลภนฺติ, เตปิ ปุเรชาตปจฺจยภาชนิยโตเยว อิธ น คเหตพฺพาฯ อารมฺมณํ ปน นิยมโต ปุเรชาตปจฺจยภาวํ น ลภติฯ รูปายตนาทีนิ หิ จกฺขุวิญฺญาณาทีนํเยว ปุเรชาตปจฺจยตํ สาเธนฺติ, มโนวิญฺญาณธาตุยา อตีตานาคตานิปิ อารมฺมณํ โหนฺติเยวฯ ตสฺมา อิธ น คหิตํฯ ขนฺธวเสน หิ อยํ เทสนา, น วิญฺญาณธาตุวเสนฯ ‘‘วิปากาพฺยากตํ เอกํ ขนฺธ’’นฺติ เทสนาย จ สพฺพาปิ วิญฺญาณธาตุโย คหิตา, น จกฺขุวิญฺญาณธาตุอาทโย เอวาติฯ

    61. Purejātapaccaye vatthuṃ purejātapaccayāti vatthuṃ paṭicca vatthunā purejātapaccayataṃ sādhentena uppajjantīti attho. Vipākābyākataṃ ekaṃ khandhanti ettha yaṃ vipākābyākatassa vatthu okkantikkhaṇe sahajātapaccayo hoti, taṃ purejātapaccayabhājaniyattā idha na gahetabbaṃ. Yepi kusalādayo āruppe purejātapaccayaṃ na labhanti, tepi purejātapaccayabhājaniyatoyeva idha na gahetabbā. Ārammaṇaṃ pana niyamato purejātapaccayabhāvaṃ na labhati. Rūpāyatanādīni hi cakkhuviññāṇādīnaṃyeva purejātapaccayataṃ sādhenti, manoviññāṇadhātuyā atītānāgatānipi ārammaṇaṃ hontiyeva. Tasmā idha na gahitaṃ. Khandhavasena hi ayaṃ desanā, na viññāṇadhātuvasena. ‘‘Vipākābyākataṃ ekaṃ khandha’’nti desanāya ca sabbāpi viññāṇadhātuyo gahitā, na cakkhuviññāṇadhātuādayo evāti.

    ปจฺฉาชาโต กุสลากุสลานํ ปจฺจโย น โหติ, อพฺยากตสฺสปิ อุปตฺถมฺภโกว น ชนโก, ตสฺมา ‘‘อุปฺปชฺชติ ปจฺฉาชาตปจฺจยา’’ติ เอวํ วตฺตโพฺพ เอกธโมฺมปิ นตฺถีติ ปจฺฉาชาตปจฺจยวเสน วิสฺสชฺชนํ น กตํฯ

    Pacchājāto kusalākusalānaṃ paccayo na hoti, abyākatassapi upatthambhakova na janako, tasmā ‘‘uppajjati pacchājātapaccayā’’ti evaṃ vattabbo ekadhammopi natthīti pacchājātapaccayavasena vissajjanaṃ na kataṃ.

    ๖๒. อาเสวนปจฺจเย กามํ สพฺพา กิริยา อาเสวนปจฺจยํ น ลภนฺติ, ลพฺภมานวเสน ปน ‘‘กิริยาพฺยากต’’นฺติ วุตฺตํฯ ตสฺมา ชวนกิริยาเวตฺถ คหิตาติ เวทิตพฺพาฯ

    62. Āsevanapaccaye kāmaṃ sabbā kiriyā āsevanapaccayaṃ na labhanti, labbhamānavasena pana ‘‘kiriyābyākata’’nti vuttaṃ. Tasmā javanakiriyāvettha gahitāti veditabbā.

    ๖๓. กมฺมปจฺจเย กุสลากุสเลสุ เอกกฺขณิโก กมฺมปจฺจโย เวทิตโพฺพ, ตถา กิริยาพฺยากเตฯ วิปากาพฺยากเต ปน นานากฺขณิโกปิ, ตถา ปฎิสนฺธิกฺขเณ มหาภูตานํฯ จิตฺตสมุฎฺฐานานํ ปน เอกกฺขณิโกฯ กฎตฺตารูปานํ นานากฺขณิโกว ตถา อสญฺญสตฺตรูปานํฯ กฎตฺตารูปํ ปเนตฺถ ชีวิตินฺทฺริยํฯ เสสํ น เอกนฺตโต กมฺมสมุฎฺฐานตฺตา อุปาทารูปนฺติ วุตฺตํฯ เอวํ สเนฺตปิ อิธ กมฺมสมุฎฺฐานเมว อธิเปฺปตํฯ

    63. Kammapaccaye kusalākusalesu ekakkhaṇiko kammapaccayo veditabbo, tathā kiriyābyākate. Vipākābyākate pana nānākkhaṇikopi, tathā paṭisandhikkhaṇe mahābhūtānaṃ. Cittasamuṭṭhānānaṃ pana ekakkhaṇiko. Kaṭattārūpānaṃ nānākkhaṇikova tathā asaññasattarūpānaṃ. Kaṭattārūpaṃ panettha jīvitindriyaṃ. Sesaṃ na ekantato kammasamuṭṭhānattā upādārūpanti vuttaṃ. Evaṃ santepi idha kammasamuṭṭhānameva adhippetaṃ.

    ๖๔. วิปากปจฺจเย กุสลากุสลํ กิริยญฺจ น ลพฺภตีติ อพฺยากตวเสเนว วิสฺสชฺชนํ กตํฯ จิตฺตสมุฎฺฐานนฺติ วิปากจิตฺตสมุฎฺฐานเมวฯ กฎตฺตารูปนฺติ ยถาลาภวเสน อินฺทฺริยรูปญฺจ วตฺถุรูปญฺจฯ อุปาทารูปนฺติ ตทวเสสํ ตสฺมิํ สมเย วิชฺชมานกํ อุปาทารูปํฯ

    64. Vipākapaccaye kusalākusalaṃ kiriyañca na labbhatīti abyākatavaseneva vissajjanaṃ kataṃ. Cittasamuṭṭhānanti vipākacittasamuṭṭhānameva. Kaṭattārūpanti yathālābhavasena indriyarūpañca vatthurūpañca. Upādārūpanti tadavasesaṃ tasmiṃ samaye vijjamānakaṃ upādārūpaṃ.

    ๖๕. อาหารปจฺจเย สเพฺพสมฺปิ กุสลาทีนํ ขนฺธานํ จิตฺตสมุฎฺฐานรูปสฺส จ อรูปาหารวเสน อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา, ตถา ปฎิสนฺธิกฺขเณ มหาภูตานํฯ จิตฺตสมุฎฺฐานนฺติ ภวงฺคาทิจิตฺตสมุฎฺฐานํฯ อาหารสมุฎฺฐานนฺติ กพฬีการาหารสมุฎฺฐานํ ฯ จิตฺตสมุฎฺฐานนฺติ กุสลากุสลจิตฺตสมุฎฺฐานเมวฯ ปจฺจยวิภงฺควาเร อาหารปฎิปาฎิยา ปฐมํ กพฬีกาโร อาหาโร ทสฺสิโต, อิธ ปน กุสลํ ธมฺมนฺติ ปุจฺฉาวเสน ปฐมํ อรูปาหารา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพาฯ

    65. Āhārapaccaye sabbesampi kusalādīnaṃ khandhānaṃ cittasamuṭṭhānarūpassa ca arūpāhāravasena uppatti veditabbā, tathā paṭisandhikkhaṇe mahābhūtānaṃ. Cittasamuṭṭhānanti bhavaṅgādicittasamuṭṭhānaṃ. Āhārasamuṭṭhānanti kabaḷīkārāhārasamuṭṭhānaṃ . Cittasamuṭṭhānanti kusalākusalacittasamuṭṭhānameva. Paccayavibhaṅgavāre āhārapaṭipāṭiyā paṭhamaṃ kabaḷīkāro āhāro dassito, idha pana kusalaṃ dhammanti pucchāvasena paṭhamaṃ arūpāhārā dassitāti veditabbā.

    ๖๖. อินฺทฺริยปจฺจเย ปจฺจยวิภเงฺค อินฺทฺริยปฎิปาฎิยา ปฐมํ จกฺขุนฺทฺริยาทีนิ ทสฺสิตานิ, อิธ ปน กุสลาทิปุจฺฉาวเสน ปฐมํ อรูปินฺทฺริยานํ ปจฺจยตา ทสฺสิตาฯ ตตฺถ กุสลาทีสุ ยถาลาภวเสน อรูปินฺทฺริยา คเหตพฺพาฯ อสญฺญสตฺตานํ ภูตรูเปสุปิ ชีวิตินฺทฺริยนฺติฯ

    66. Indriyapaccaye paccayavibhaṅge indriyapaṭipāṭiyā paṭhamaṃ cakkhundriyādīni dassitāni, idha pana kusalādipucchāvasena paṭhamaṃ arūpindriyānaṃ paccayatā dassitā. Tattha kusalādīsu yathālābhavasena arūpindriyā gahetabbā. Asaññasattānaṃ bhūtarūpesupi jīvitindriyanti.

    ๖๗. ฌานมคฺคปจฺจเยสุ เหตุปจฺจยสทิสเมว วิสฺสชฺชนํ, เตเนเวตฺถ ‘‘เหตุปจฺจยสทิส’’นฺติ วุตฺตํฯ

    67. Jhānamaggapaccayesu hetupaccayasadisameva vissajjanaṃ, tenevettha ‘‘hetupaccayasadisa’’nti vuttaṃ.

    ๖๘. สมฺปยุตฺตปจฺจเย วิสฺสชฺชนํ อารมฺมณปจฺจยคติกํ, เตเนเวตฺถ ‘‘อารมฺมณปจฺจยสทิส’’นฺติ วุตฺตํฯ

    68. Sampayuttapaccaye vissajjanaṃ ārammaṇapaccayagatikaṃ, tenevettha ‘‘ārammaṇapaccayasadisa’’nti vuttaṃ.

    ๖๙. วิปฺปยุตฺตปจฺจเย วตฺถุํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยาติ วตฺถุํ ปฎิจฺจ วิปฺปยุตฺตปจฺจยา, วตฺถุนา วิปฺปยุตฺตปจฺจยตํ สาเธเนฺตน อุปฺปชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ ขเนฺธ วิปฺปยุตฺตปจฺจยาติ ขเนฺธ ปฎิจฺจ วิปฺปยุตฺตปจฺจยา, ขเนฺธหิ วิปฺปยุตฺตปจฺจยตํ สาเธเนฺตหิ อุปฺปชฺชตีติ อโตฺถฯ ขนฺธา วตฺถุํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยาติ วตฺถุํ ปฎิจฺจ ขนฺธา วิปฺปยุตฺตปจฺจยาฯ วตฺถุนา วิปฺปยุตฺตปจฺจยตํ สาเธเนฺตน อุปฺปชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ จิตฺตสมุฎฺฐานรูปํ ขเนฺธ วิปฺปยุตฺตปจฺจยาติ ขเนฺธ ปฎิจฺจ วิปฺปยุตฺตปจฺจยา จิตฺตสมุฎฺฐานํ รูปํ ขเนฺธหิ วิปฺปยุตฺตปจฺจยตํ สาเธเนฺตหิ อุปฺปชฺชตีติ อโตฺถฯ เสสวิสฺสชฺชเนสุปิ วตฺถุํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยาติอาทีสุปิ วุตฺตนเยเนวโตฺถ เวทิตโพฺพฯ วิปากาพฺยากเต เจตฺถ วตฺถุคฺคหเณน จกฺขาทีนิ สงฺคหิตพฺพานิฯ เอกํ มหาภูตนฺติอาทิ รูปาพฺยากตสฺส ปจฺจยภาวํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ จิตฺตสมุฎฺฐานนฺติ อพฺยากตจิตฺตสมุฎฺฐานมฺปิ กุสลากุสลจิตฺตสมุฎฺฐานมฺปิฯ

    69. Vippayuttapaccaye vatthuṃ vippayuttapaccayāti vatthuṃ paṭicca vippayuttapaccayā, vatthunā vippayuttapaccayataṃ sādhentena uppajjantīti attho. Khandhe vippayuttapaccayāti khandhe paṭicca vippayuttapaccayā, khandhehi vippayuttapaccayataṃ sādhentehi uppajjatīti attho. Khandhā vatthuṃ vippayuttapaccayāti vatthuṃ paṭicca khandhā vippayuttapaccayā. Vatthunā vippayuttapaccayataṃ sādhentena uppajjantīti attho. Cittasamuṭṭhānarūpaṃ khandhe vippayuttapaccayāti khandhe paṭicca vippayuttapaccayā cittasamuṭṭhānaṃ rūpaṃ khandhehi vippayuttapaccayataṃ sādhentehi uppajjatīti attho. Sesavissajjanesupi vatthuṃ vippayuttapaccayātiādīsupi vuttanayenevattho veditabbo. Vipākābyākate cettha vatthuggahaṇena cakkhādīni saṅgahitabbāni. Ekaṃ mahābhūtantiādi rūpābyākatassa paccayabhāvaṃ dassetuṃ vuttaṃ. Cittasamuṭṭhānanti abyākatacittasamuṭṭhānampi kusalākusalacittasamuṭṭhānampi.

    ๗๐. อตฺถิปจฺจเย สพฺพํ สหชาตปจฺจยคติกํฯ เตเนเวตฺถ ‘‘สหชาตปจฺจยสทิส’’นฺติ วุตฺตํฯ

    70. Atthipaccaye sabbaṃ sahajātapaccayagatikaṃ. Tenevettha ‘‘sahajātapaccayasadisa’’nti vuttaṃ.

    ๗๑-๗๒. นตฺถิวิคตา อารมฺมณปจฺจยคติกา, อวิคตํ สหชาตคติกํฯ เตเนเวตฺถ ‘‘อารมฺมณปจฺจยสทิสํ, สหชาตปจฺจยสทิส’’นฺติ วุตฺตํ ฯ อิเม เตวีสติ ปจฺจยาติ สงฺขิปิตฺวา ทสฺสิตานํ วเสเนตํ วุตฺตํฯ วิตฺถาเรตพฺพาติ ยา ปุจฺฉา วิสฺสชฺชนํ ลภนฺติ, ตาสํ วเสน วิตฺถาเรตพฺพาฯ อยํ เหตุปจฺจยํ อาทิํ กตฺวา เอกมูลเก ปจฺจยานุโลเม ปฎิจฺจวารสฺส กุสลตฺติกวิสฺสชฺชเน อตฺถวณฺณนาฯ

    71-72. Natthivigatā ārammaṇapaccayagatikā, avigataṃ sahajātagatikaṃ. Tenevettha ‘‘ārammaṇapaccayasadisaṃ, sahajātapaccayasadisa’’nti vuttaṃ . Ime tevīsati paccayāti saṅkhipitvā dassitānaṃ vasenetaṃ vuttaṃ. Vitthāretabbāti yā pucchā vissajjanaṃ labhanti, tāsaṃ vasena vitthāretabbā. Ayaṃ hetupaccayaṃ ādiṃ katvā ekamūlake paccayānulome paṭiccavārassa kusalattikavissajjane atthavaṇṇanā.

    (๒.) สงฺขฺยาวาโร

    (2.) Saṅkhyāvāro

    ๗๓. อิทานิ เย เอตฺถ เหตุปจฺจยาทีสุ เอเกกสฺมิํ ปจฺจเย วิสฺสชฺชนวารา ลทฺธา, เต คณนวเสน ทเสฺสตุํ เหตุยา นวาติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ เหตุยา นวาติ เหตุปจฺจเย นว ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวารา โหนฺติฯ เสยฺยถิทํ – กุสเลน กุสลํ, กุสเลน อพฺยากตํ, กุสเลน กุสลาพฺยากตํ; อกุสเลน อกุสลํ, อกุสเลน อพฺยากตํ, อกุสเลน อกุสลาพฺยากตํ, อพฺยากเตน อพฺยากตํ, กุสลาพฺยากเตน อพฺยากตํ, อกุสลาพฺยากเตน อพฺยากตนฺติฯ

    73. Idāni ye ettha hetupaccayādīsu ekekasmiṃ paccaye vissajjanavārā laddhā, te gaṇanavasena dassetuṃ hetuyā navātiādi āraddhaṃ. Tattha hetuyā navāti hetupaccaye nava pucchāvissajjanavārā honti. Seyyathidaṃ – kusalena kusalaṃ, kusalena abyākataṃ, kusalena kusalābyākataṃ; akusalena akusalaṃ, akusalena abyākataṃ, akusalena akusalābyākataṃ, abyākatena abyākataṃ, kusalābyākatena abyākataṃ, akusalābyākatena abyākatanti.

    อารมฺมเณ ตีณีติ กุสเลน กุสลํ, อกุสเลน อกุสลํ, อพฺยากเตน อพฺยากตํฯ อธิปติยา นวาติ เหตุยา วุตฺตสทิสาวฯ ทฺวาทสสุ หิ ปจฺจเยสุ นว นวาติ วุตฺตํฯ สเพฺพสุปิ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานิ เหตุปจฺจยสทิสาเนวฯ วิภเงฺค ปน อตฺถิ วิเสโสฯ ทสสุ ปจฺจเยสุ ตีณิ ตีณีติ วุตฺตํฯ สเพฺพสุปิ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานิ อารมฺมณสทิสาเนวฯ วิภเงฺค ปน อตฺถิ วิเสโสฯ อญฺญมญฺญปจฺจยสฺมิญฺหิ อพฺยากตปทสฺส วิสฺสชฺชเน รูปมฺปิ ลพฺภติ, ตถา ปุเรชาตปจฺจเยฯ อาเสวนปจฺจเย วิปากานิ เจว วีถิจิตฺตานิ จ น ลพฺภนฺติฯ วิปาเก เอกนฺติ อพฺยากตเมวฯ เอวเมตฺถ สเงฺขปโต นว ตีณิ เอกนฺติ, ติวิโธว วารปริเจฺฉโทฯ วิตฺถารโต ทฺวาทส นวกา, ทส ติกา, เอกํ เอกกนฺติ สเพฺพสุปิ เตวีสติยา ปจฺจเยสุ เอกูนจตฺตาลีสาธิกํ วารสตํ โหติ, เอกูนจตฺตาลีสาธิกญฺจ ปุจฺฉาสตํฯ เอกูนจตฺตาลีสาธิกํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนสตนฺติปิ ตเสฺสว นามํฯ

    Ārammaṇetīṇīti kusalena kusalaṃ, akusalena akusalaṃ, abyākatena abyākataṃ. Adhipatiyā navāti hetuyā vuttasadisāva. Dvādasasu hi paccayesu nava navāti vuttaṃ. Sabbesupi pucchāvissajjanāni hetupaccayasadisāneva. Vibhaṅge pana atthi viseso. Dasasu paccayesu tīṇi tīṇīti vuttaṃ. Sabbesupi pucchāvissajjanāni ārammaṇasadisāneva. Vibhaṅge pana atthi viseso. Aññamaññapaccayasmiñhi abyākatapadassa vissajjane rūpampi labbhati, tathā purejātapaccaye. Āsevanapaccaye vipākāni ceva vīthicittāni ca na labbhanti. Vipāke ekanti abyākatameva. Evamettha saṅkhepato nava tīṇi ekanti, tividhova vāraparicchedo. Vitthārato dvādasa navakā, dasa tikā, ekaṃ ekakanti sabbesupi tevīsatiyā paccayesu ekūnacattālīsādhikaṃ vārasataṃ hoti, ekūnacattālīsādhikañca pucchāsataṃ. Ekūnacattālīsādhikaṃ pucchāvissajjanasatantipi tasseva nāmaṃ.

    ๗๔. เอวํ เหตุปจฺจยาทิเก เอกมูลเก คณนํ ทเสฺสตฺวา อิโต ปเรสุ ทุมูลกาทีสุ วิตฺถารเทสนํ สงฺขิปิตฺวา เอกมูลเก ทสฺสิตาย เทสนาย ลพฺภมานคณนเญฺญว อาทาย วารปริเจฺฉทํ ทเสฺสตุํ ทุมูลเก ตาว เหตุปจฺจยา อารมฺมเณ ตีณีติอาทิมาหฯ ตตฺริทํ ลกฺขณํ – พหุคณโนปิ ปจฺจโย อพหุคณเนน สทฺธิํ ยุโตฺต เตน สมานคณโนว โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เหตุปจฺจยา อารมฺมเณ ตีณี’’ติฯ เหตุอารมฺมณทุเก อารมฺมเณ วุตฺตานิ ตีเณว วิสฺสชฺชนานิ ลพฺภนฺตีติ อโตฺถฯ สมานคณโน ปน สมานคณเนน สทฺธิํ ยุโตฺต อปริหีนคณโนว โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เหตุปจฺจยา อธิปติยา นวา’’ติฯ เหตาธิปติทุเก นเวว วิสฺสชฺชนานิ ลพฺภนฺตีติ อโตฺถฯ วิปาเก เอกนฺติ เหตุวิปากทุเก วิปาเก วุตฺตํ เอกเมว วิสฺสชฺชนํ ลพฺภตีติ เอวํ ตาว ทุมูลเก วารปริเจฺฉโท เวทิตโพฺพฯ

    74. Evaṃ hetupaccayādike ekamūlake gaṇanaṃ dassetvā ito paresu dumūlakādīsu vitthāradesanaṃ saṅkhipitvā ekamūlake dassitāya desanāya labbhamānagaṇanaññeva ādāya vāraparicchedaṃ dassetuṃ dumūlake tāva hetupaccayā ārammaṇe tīṇītiādimāha. Tatridaṃ lakkhaṇaṃ – bahugaṇanopi paccayo abahugaṇanena saddhiṃ yutto tena samānagaṇanova hoti. Tena vuttaṃ ‘‘hetupaccayā ārammaṇe tīṇī’’ti. Hetuārammaṇaduke ārammaṇe vuttāni tīṇeva vissajjanāni labbhantīti attho. Samānagaṇano pana samānagaṇanena saddhiṃ yutto aparihīnagaṇanova hoti. Tena vuttaṃ ‘‘hetupaccayā adhipatiyā navā’’ti. Hetādhipatiduke naveva vissajjanāni labbhantīti attho. Vipāke ekanti hetuvipākaduke vipāke vuttaṃ ekameva vissajjanaṃ labbhatīti evaṃ tāva dumūlake vāraparicchedo veditabbo.

    ๗๕. ติมูลกาทีสุปิ อิทเมว ลกฺขณํฯ เตเนวาห – เหตุปจฺจยา อารมฺมณปจฺจยา อธิปติยา ตีณีติฯ เหตารมฺมณาธิปติ ติเก อารมฺมเณ วุตฺตานิ ตีเณว วิสฺสชฺชนานิ ลพฺภนฺตีติ อโตฺถฯ เอวํ สพฺพตฺถ นโย เนตโพฺพฯ

    75. Timūlakādīsupi idameva lakkhaṇaṃ. Tenevāha – hetupaccayā ārammaṇapaccayā adhipatiyā tīṇīti. Hetārammaṇādhipati tike ārammaṇe vuttāni tīṇeva vissajjanāni labbhantīti attho. Evaṃ sabbattha nayo netabbo.

    ๗๖-๗๙. ทฺวาทสมูลเก ปน วิปากปจฺจโย น ลพฺภติ, ตสฺมา อาเสวนปจฺจยา กเมฺม ตีณีติ วตฺวา วิปากํ อปรามสิตฺวา อาหาเร ตีณีติ วุตฺตํฯ เตรสมูลกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เต ปน สงฺขิปิตฺวา เตวีสติมูลโกเวตฺถ ทสฺสิโตฯ โส ทุวิโธ โหติ – สาเสวโน วา สวิปาโก วาฯ ตตฺถ ปฐมํ สาเสวโน ทสฺสิโต, โส ตีเณว วิสฺสชฺชนานิ ลภติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อาเสวนปจฺจยา อวิคเต ตีณี’’ติฯ สวิปาโก ปน อาเสวนํ น ลภติ, ตสฺมา ตํ ปหาย วิปากวเสน คณนาย ทสฺสนตฺถํ อนนฺตราเยว ‘‘เหตุปจฺจยา…เป.… วิปากปจฺจยา อาหาเร เอก’’นฺติ เอกํ นยํ ทเสฺสตฺวา ปจฺฉา เตวีสติมูลโกว ทสฺสิโตฯ เอเตสุ ปน ทฺวีสุ เตวีสติมูลเกสุ กิญฺจาปิ เอกสฺมิํ วิปากปจฺจโย นตฺถิ, เอกสฺมิํ อาเสวนปจฺจโย, ปจฺฉาชาตปจฺจโย ปน อุภยตฺถาปิฯ รุฬฺหีสเทฺทน ปเนเต เตวีสติมูลกาเตฺวว เวทิตพฺพาฯ เตสุ สาเสวเน อาเสวนสฺส วเสน สพฺพตฺถ ตีเณว วิสฺสชฺชนานิ, สวิปาเก วิปากปจฺจยสฺส วเสน เอกเมวาติ อยํ เหตุปจฺจยํ อาทิํ กตฺวา เอกมูลกาทีสุ คณนาฯ

    76-79. Dvādasamūlake pana vipākapaccayo na labbhati, tasmā āsevanapaccayā kamme tīṇīti vatvā vipākaṃ aparāmasitvā āhāre tīṇīti vuttaṃ. Terasamūlakādīsupi eseva nayo. Te pana saṅkhipitvā tevīsatimūlakovettha dassito. So duvidho hoti – sāsevano vā savipāko vā. Tattha paṭhamaṃ sāsevano dassito, so tīṇeva vissajjanāni labhati. Tena vuttaṃ ‘‘āsevanapaccayā avigate tīṇī’’ti. Savipāko pana āsevanaṃ na labhati, tasmā taṃ pahāya vipākavasena gaṇanāya dassanatthaṃ anantarāyeva ‘‘hetupaccayā…pe… vipākapaccayā āhāre eka’’nti ekaṃ nayaṃ dassetvā pacchā tevīsatimūlakova dassito. Etesu pana dvīsu tevīsatimūlakesu kiñcāpi ekasmiṃ vipākapaccayo natthi, ekasmiṃ āsevanapaccayo, pacchājātapaccayo pana ubhayatthāpi. Ruḷhīsaddena panete tevīsatimūlakātveva veditabbā. Tesu sāsevane āsevanassa vasena sabbattha tīṇeva vissajjanāni, savipāke vipākapaccayassa vasena ekamevāti ayaṃ hetupaccayaṃ ādiṃ katvā ekamūlakādīsu gaṇanā.

    ยํ ปเนตํ เหตุมูลกานนฺตรํ ‘‘อารมฺมเณ ฐิเตน สพฺพตฺถ ตีเณว ปญฺหา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อารมฺมณปจฺจยํ อาทิํ กตฺวา เอกมูลเกปิ ทุมูลกาทีสุปิ สพฺพตฺถ อารมฺมณปเท เจว อารมฺมเณน สทฺธิํ เสสปจฺจยโยชนาสุ จ ยตฺถ นวหิ ภวิตพฺพํ, ตตฺถ ตโยว ปญฺหา โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ วิปากปเท ปน วิปากปเทน สทฺธิํ เสสปจฺจยโยชนาสุ จ เอโกว ปโญฺห โหตีติฯ อิติ ยํ เหฎฺฐา อโวจุมฺห ‘‘พหุคณโนปิ ปจฺจโย อพหุคณเนน สทฺธิํ ยุโตฺต เตน สมานคณโน โหตี’’ติ, ตํ สุวุตฺตเมวฯ

    Yaṃ panetaṃ hetumūlakānantaraṃ ‘‘ārammaṇe ṭhitena sabbattha tīṇeva pañhā’’ti vuttaṃ, taṃ ārammaṇapaccayaṃ ādiṃ katvā ekamūlakepi dumūlakādīsupi sabbattha ārammaṇapade ceva ārammaṇena saddhiṃ sesapaccayayojanāsu ca yattha navahi bhavitabbaṃ, tattha tayova pañhā hontīti dassanatthaṃ vuttaṃ. Vipākapade pana vipākapadena saddhiṃ sesapaccayayojanāsu ca ekova pañho hotīti. Iti yaṃ heṭṭhā avocumha ‘‘bahugaṇanopi paccayo abahugaṇanena saddhiṃ yutto tena samānagaṇano hotī’’ti, taṃ suvuttameva.

    ๘๐-๘๕. อิทานิ เย อารมฺมณาทีนํ ปจฺจยานํ วเสน เอกมูลกาทโย ทเสฺสตพฺพา, เตสุ เอกมูลโก ตาว เหตุเอกมูลเกเนว สทิโสติ เอกสฺมิมฺปิ ปจฺจเย น ทสฺสิโตฯ อารมฺมณปจฺจยวเสน ปน ทุมูลเก คณนํ ทเสฺสตุํ อารมฺมณปจฺจยา เหตุยา ตีณิ, อธิปติยา ตีณิ…เป.… อวิคเต ตีณีติ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ ‘‘อารมฺมณปจฺจยา อธิปติยา ตีณิ…เป.… อวิคเต ตีณี’’ติ วตฺตเพฺพ เย เหตุปจฺจยาทโย ปจฺจยา พหุคณนา, เตสํ อูนตรคณเนหิ จ สมานคณเนหิ จ สทฺธิํ สํสนฺทเน ยา คณนา ลพฺภติ, ตํ ทเสฺสตุํ อารมฺมณปจฺจยสฺส ปุริมภาเค ฐิตมฺปิ เหตุปจฺจยํ ปจฺฉิมภาเคว ฐเปตฺวา ‘‘อารมฺมณปจฺจยา เหตุยา ตีณี’’ติ วุตฺตํฯ เตเนตํ อาวิ กโรติ – อารมฺมณปจฺจโย เยน เยน พหุตรคณเนน วา สมานคณเนน วา ปจฺจเยน สทฺธิํ ทุกติกาทิเภทํ คจฺฉติ, สพฺพตฺถ ตีเณว ปญฺหาวิสฺสชฺชนานิ เวทิตพฺพานิฯ วิปากปจฺจเยน ปน สทฺธิํ สํสนฺทเน เอกเมว ลพฺภติ, ตํ วิปากปจฺจยาทิกาย คณนาย อาวิ ภวิสฺสตีติ อิธ น ทสฺสิตํฯ ยา เจสา ทุมูลเก คณนา ทสฺสิตา, ติมูลกาทีสุปิ เอสาว คณนาติ อารมฺมณปจฺจยวเสน ติมูลกาทโย น วิตฺถาริตาฯ

    80-85. Idāni ye ārammaṇādīnaṃ paccayānaṃ vasena ekamūlakādayo dassetabbā, tesu ekamūlako tāva hetuekamūlakeneva sadisoti ekasmimpi paccaye na dassito. Ārammaṇapaccayavasena pana dumūlake gaṇanaṃ dassetuṃ ārammaṇapaccayā hetuyā tīṇi, adhipatiyā tīṇi…pe… avigate tīṇīti vuttaṃ. Ettha ca ‘‘ārammaṇapaccayā adhipatiyā tīṇi…pe… avigate tīṇī’’ti vattabbe ye hetupaccayādayo paccayā bahugaṇanā, tesaṃ ūnataragaṇanehi ca samānagaṇanehi ca saddhiṃ saṃsandane yā gaṇanā labbhati, taṃ dassetuṃ ārammaṇapaccayassa purimabhāge ṭhitampi hetupaccayaṃ pacchimabhāgeva ṭhapetvā ‘‘ārammaṇapaccayā hetuyā tīṇī’’ti vuttaṃ. Tenetaṃ āvi karoti – ārammaṇapaccayo yena yena bahutaragaṇanena vā samānagaṇanena vā paccayena saddhiṃ dukatikādibhedaṃ gacchati, sabbattha tīṇeva pañhāvissajjanāni veditabbāni. Vipākapaccayena pana saddhiṃ saṃsandane ekameva labbhati, taṃ vipākapaccayādikāya gaṇanāya āvi bhavissatīti idha na dassitaṃ. Yā cesā dumūlake gaṇanā dassitā, timūlakādīsupi esāva gaṇanāti ārammaṇapaccayavasena timūlakādayo na vitthāritā.

    อิทานิ อธิปติปจฺจยาทิวเสน ทุมูลกาทีสุ คณนํ ทเสฺสตุํ อธิปติปจฺจยา เหตุยา นวาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว ปจฺจยสนฺนิเวโส เวทิตโพฺพฯ ยถา จ อธิปติปจฺจยา เหตุยา นว, เอวํ เสเสสุปิ เหตุนา สมานคณนาสุ นเววฯ อิติ โย โย ปจฺจโย อาทิมฺหิ ติฎฺฐติ, เตน เตน สทฺธิํ สมานคณนานํ สํสนฺทเน อาทิมฺหิ ฐิตสฺส วเสน คณนา โหติฯ เตน ปน สทฺธิํ อูนตรคณนานํ สํสนฺทเน อูนตรคณนานํเยว วเสน คณนา โหตีติ เวทิตโพฺพฯ ยถา จ อารมฺมณปจฺจยวเสน เอวํ อธิปติปจฺจยวเสนาปิ ตโต ปเรสํ อนนฺตราทีนํ วเสนาปิ ติมูลกาทโย น วิตฺถาริตาฯ ตสฺมา ทุมูลเก ทสฺสิตคณนาวเสเนว สพฺพตฺถ สาเธตพฺพาฯ เตเนว วุตฺตํ ‘‘เอเกกํ ปจฺจยํ มูลกํ กาตุน สชฺฌายมเคฺคน คเณตพฺพา’’ติฯ

    Idāni adhipatipaccayādivasena dumūlakādīsu gaṇanaṃ dassetuṃ adhipatipaccayā hetuyā navātiādi vuttaṃ. Tatthāpi vuttanayeneva paccayasanniveso veditabbo. Yathā ca adhipatipaccayā hetuyā nava, evaṃ sesesupi hetunā samānagaṇanāsu naveva. Iti yo yo paccayo ādimhi tiṭṭhati, tena tena saddhiṃ samānagaṇanānaṃ saṃsandane ādimhi ṭhitassa vasena gaṇanā hoti. Tena pana saddhiṃ ūnataragaṇanānaṃ saṃsandane ūnataragaṇanānaṃyeva vasena gaṇanā hotīti veditabbo. Yathā ca ārammaṇapaccayavasena evaṃ adhipatipaccayavasenāpi tato paresaṃ anantarādīnaṃ vasenāpi timūlakādayo na vitthāritā. Tasmā dumūlake dassitagaṇanāvaseneva sabbattha sādhetabbā. Teneva vuttaṃ ‘‘ekekaṃ paccayaṃ mūlakaṃ kātuna sajjhāyamaggena gaṇetabbā’’ti.

    ปจฺจยานุโลมวณฺณนาฯ

    Paccayānulomavaṇṇanā.

    ปฎิจฺจวาโร

    Paṭiccavāro

    ปจฺจยปจฺจนียวณฺณนา

    Paccayapaccanīyavaṇṇanā

    ๘๖-๘๗. ปจฺจยปจฺจนียํ ปน ยสฺมา กุสลปเท น ลพฺภติ กุสลธมฺมสฺส เหตุปจฺจเยน วินา อนุปฺปตฺติโต, ตสฺมา อกุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจาติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ นเหตุปจฺจยาติ เหตุปจฺจยปฎิเกฺขโป เหตุปจฺจยํ วินา อเญฺญน ปจฺจเยน อุปฺปชฺชตีติ อโตฺถฯ วิจิกิจฺฉาสหคโต อุทฺธจฺจสหคโต โมโหติ อยญฺหิ สมฺปยุตฺตธมฺมานเญฺจว จิตฺตสมุฎฺฐานรูปสฺส จ สยํ เหตุปจฺจโย โหติ, อญฺญสฺส ปน สมฺปยุตฺตเหตุโน อภาวา น เหตุปจฺจยา อุปฺปชฺชตีติ ฐเปตฺวา เหตุปจฺจยํ เสเสหิ อตฺตโน อนุรูปปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชติฯ อิมินา นเยน สพฺพปจฺจยปฎิเกฺขเปสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อเหตุกํ วิปากาพฺยากตนฺติ อิทํ รูปสมุฎฺฐาปกวเสเนว เวทิตพฺพํฯ อเญฺญสุปิ เอวรูเปสุ เอเสว นโยฯ

    86-87. Paccayapaccanīyaṃ pana yasmā kusalapade na labbhati kusaladhammassa hetupaccayena vinā anuppattito, tasmā akusalaṃ dhammaṃ paṭiccātiādi āraddhaṃ. Tattha nahetupaccayāti hetupaccayapaṭikkhepo hetupaccayaṃ vinā aññena paccayena uppajjatīti attho. Vicikicchāsahagato uddhaccasahagato mohoti ayañhi sampayuttadhammānañceva cittasamuṭṭhānarūpassa ca sayaṃ hetupaccayo hoti, aññassa pana sampayuttahetuno abhāvā na hetupaccayā uppajjatīti ṭhapetvā hetupaccayaṃ sesehi attano anurūpapaccayehi uppajjati. Iminā nayena sabbapaccayapaṭikkhepesu attho veditabbo. Ahetukaṃ vipākābyākatanti idaṃ rūpasamuṭṭhāpakavaseneva veditabbaṃ. Aññesupi evarūpesu eseva nayo.

    ๘๘. นอธิปติปจฺจเย กามํ อธิปติปิ อตฺตนา สทฺธิํ ทุติยสฺส อธิปติโน อภาวา นอธิปติปจฺจยํ ลภติ, ยถา ปน วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคโต โมโห อเหตุโก, น ตถา อธิปตโย เอว นิราธิปติฯ ฉนฺทาทีสุ ปน อญฺญตรํ อธิปติํ อกตฺวา กุสลาทีนํ อุปฺปตฺติกาเล สเพฺพปิ กุสลาทโย นิราธิปติโนฯ ตสฺมา โมหํ วิย วิสุํ อธิปติมตฺตเมว อนุทฺธริตฺวา สพฺพสงฺคาหิกวเสน เอสา ‘‘เอกํ ขนฺธํ ปฎิจฺจ ตโย ขนฺธา’’ติอาทิกา เทสนา กตาติ เวทิตพฺพาฯ

    88. Naadhipatipaccaye kāmaṃ adhipatipi attanā saddhiṃ dutiyassa adhipatino abhāvā naadhipatipaccayaṃ labhati, yathā pana vicikicchuddhaccasahagato moho ahetuko, na tathā adhipatayo eva nirādhipati. Chandādīsu pana aññataraṃ adhipatiṃ akatvā kusalādīnaṃ uppattikāle sabbepi kusalādayo nirādhipatino. Tasmā mohaṃ viya visuṃ adhipatimattameva anuddharitvā sabbasaṅgāhikavasena esā ‘‘ekaṃ khandhaṃ paṭicca tayo khandhā’’tiādikā desanā katāti veditabbā.

    ๘๙. นานนฺตรนสมนนฺตเรสุ นารมฺมเณ วิย รูปเมว ปจฺจยุปฺปนฺนํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘นารมฺมณปจฺจยสทิส’’นฺติฯ สหชาตปจฺจโย ปริหีโนฯ ยถา เจส, ตถา นิสฺสยอตฺถิอวิคตปจฺจยาปิฯ กิํ การณา? เอเตหิ วินา กสฺสจิ อนุปฺปตฺติโตฯ สหชาตนิสฺสยอตฺถิอวิคตปจฺจเยปิ หิ ปจฺจกฺขาย เอโกปิ รูปารูปธโมฺม นุปฺปชฺชติ, ตสฺมา เต ปริหีนาฯ

    89. Nānantaranasamanantaresu nārammaṇe viya rūpameva paccayuppannaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘nārammaṇapaccayasadisa’’nti. Sahajātapaccayo parihīno. Yathā cesa, tathā nissayaatthiavigatapaccayāpi. Kiṃ kāraṇā? Etehi vinā kassaci anuppattito. Sahajātanissayaatthiavigatapaccayepi hi paccakkhāya ekopi rūpārūpadhammo nuppajjati, tasmā te parihīnā.

    ๙๐. นอญฺญมญฺญปจฺจยวิภเงฺค ปฎิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากเต ขเนฺธ ปฎิจฺจ กฎตฺตารูปนฺติ หทยวตฺถุวชฺชํ เวทิตพฺพํฯ

    90. Naaññamaññapaccayavibhaṅge paṭisandhikkhaṇe vipākābyākate khandhe paṭicca kaṭattārūpanti hadayavatthuvajjaṃ veditabbaṃ.

    ๙๑. นอุปนิสฺสยปจฺจยวิภเงฺค รูปเมว ปจฺจยุปฺปนฺนํ, ตญฺหิ อุปนิสฺสยํ น ลภติฯ อรูปํ ปน กิญฺจาปิ อารมฺมณูปนิสฺสยปกตูปนิสฺสเย น ลเภยฺย, อนนฺตรูปนิสฺสยมุตฺตกํ ปน นตฺถิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘นารมฺมณปจฺจยสทิส’’นฺติฯ

    91. Naupanissayapaccayavibhaṅge rūpameva paccayuppannaṃ, tañhi upanissayaṃ na labhati. Arūpaṃ pana kiñcāpi ārammaṇūpanissayapakatūpanissaye na labheyya, anantarūpanissayamuttakaṃ pana natthi. Tena vuttaṃ ‘‘nārammaṇapaccayasadisa’’nti.

    ๙๒. นปุเรชาเต จิตฺตสมุฎฺฐานรูปนฺติ ปญฺจโวการวเสน วุตฺตํฯ

    92. Napurejāte cittasamuṭṭhānarūpanti pañcavokāravasena vuttaṃ.

    ๙๓. นปจฺฉาชาตปจฺจยาติ เอตฺถ สหชาตปุเรชาตปจฺจยา สงฺคหํ คจฺฉนฺติฯ ตสฺมา สหชาตปจฺจยสทิสา เอตฺถ ปาฬิ, สา นอธิปติปจฺจเย วิตฺถาริตาติ อิธ สงฺขิตฺตาฯ นาเสวนปจฺจเย กุสลากุสลา ปฐมชวนวเสน เวทิตพฺพา, ตถา กิริยาพฺยากตํฯ ปาฬิ ปน อิธาปิ นอธิปติปจฺจเย วิตฺถาริตวเสน เวทิตพฺพาฯ เตเนวาห – ‘‘นปจฺฉาชาตปจฺจยมฺปิ นาเสวนปจฺจยมฺปิ นาธิปติปจฺจยสทิส’’นฺติฯ

    93. Napacchājātapaccayāti ettha sahajātapurejātapaccayā saṅgahaṃ gacchanti. Tasmā sahajātapaccayasadisā ettha pāḷi, sā naadhipatipaccaye vitthāritāti idha saṅkhittā. Nāsevanapaccaye kusalākusalā paṭhamajavanavasena veditabbā, tathā kiriyābyākataṃ. Pāḷi pana idhāpi naadhipatipaccaye vitthāritavasena veditabbā. Tenevāha – ‘‘napacchājātapaccayampi nāsevanapaccayampi nādhipatipaccayasadisa’’nti.

    ๙๔-๙๗. นกมฺมปจฺจเย วิปากเจตนา นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยํ ลภตีติ น คหิตาฯ นาหารปจฺจเย เอกจฺจํ รูปเมว ปจฺจยุปฺปนฺนํ, ตถา นอินฺทฺริยปจฺจเยฯ

    94-97. Nakammapaccaye vipākacetanā nānākkhaṇikakammapaccayaṃ labhatīti na gahitā. Nāhārapaccaye ekaccaṃ rūpameva paccayuppannaṃ, tathā naindriyapaccaye.

    ๙๘. นฌานปจฺจเย ปญฺจวิญฺญาณธมฺมา เจว เอกจฺจญฺจ รูปํ ปจฺจยุปฺปนฺนํฯ ปญฺจวิญฺญาณสฺมิญฺหิ เวทนา จ จิเตฺตกคฺคตา จ ทุพฺพลตฺตา อุปนิชฺฌานลกฺขณํ น ปาปุณนฺตีติ ฌานปจฺจเย น คหิตาฯ

    98. Najhānapaccaye pañcaviññāṇadhammā ceva ekaccañca rūpaṃ paccayuppannaṃ. Pañcaviññāṇasmiñhi vedanā ca cittekaggatā ca dubbalattā upanijjhānalakkhaṇaṃ na pāpuṇantīti jhānapaccaye na gahitā.

    ๙๙-๑๐๒. นมคฺคปจฺจเย อเหตุกวิปากกิริยเญฺจว เอกจฺจญฺจ รูปํ ปจฺจยุปฺปนฺนํฯ นสมฺปยุตฺตโนนตฺถิโนวิคเตสุ รูปเมว ปจฺจยุปฺปนฺนํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘นารมฺมณปจฺจยสทิส’’นฺติฯ

    99-102. Namaggapaccaye ahetukavipākakiriyañceva ekaccañca rūpaṃ paccayuppannaṃ. Nasampayuttanonatthinovigatesu rūpameva paccayuppannaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘nārammaṇapaccayasadisa’’nti.

    ๑๐๓. นเหตุยา เทฺวติ เอกมูลกคณนาย ยถาปาฬิเมว นิยฺยาติฯ

    103. Nahetuyā dveti ekamūlakagaṇanāya yathāpāḷimeva niyyāti.

    ๑๐๔. ทุมูลเก นเหตุปจฺจยา นารมฺมเณ เอกนฺติ เอตฺถ กิญฺจาปิ พหุคณเนน สทฺธิํ อูนตรคณนสฺส สํสนฺทเน อูนตรคณนวเสน นเหตุยา วิย ทฺวีหิ ภวิตพฺพํฯ นารมฺมณวเสน ปน อรูปธมฺมานํ ปริหีนตฺตา อพฺยากตํ ปฎิจฺจ รูปาพฺยากตสฺส อุปฺปตฺติํ สนฺธาย ‘‘เอก’’นฺติ วุตฺตํ ฯ สเพฺพสุ เอกเกสุปิ เอเสว นโยฯ เทฺวติ วุตฺตฎฺฐาเน ปน นเหตุยา ลทฺธวเสน วารทฺวยํ เวทิตพฺพํฯ

    104. Dumūlake nahetupaccayā nārammaṇe ekanti ettha kiñcāpi bahugaṇanena saddhiṃ ūnataragaṇanassa saṃsandane ūnataragaṇanavasena nahetuyā viya dvīhi bhavitabbaṃ. Nārammaṇavasena pana arūpadhammānaṃ parihīnattā abyākataṃ paṭicca rūpābyākatassa uppattiṃ sandhāya ‘‘eka’’nti vuttaṃ . Sabbesu ekakesupi eseva nayo. Dveti vuttaṭṭhāne pana nahetuyā laddhavasena vāradvayaṃ veditabbaṃ.

    ๑๐๕-๑๐๖. ติมูลกาทีสุ ปน สเพฺพสุ นารมฺมณปจฺจยสฺส อปริหีนตฺตา เอกเมว วิสฺสชฺชนนฺติ อยํ ปจฺจนีเย นเหตุปจฺจยํ อาทิํ กตฺวา เอกมูลกาทีสุ คณนาฯ

    105-106. Timūlakādīsu pana sabbesu nārammaṇapaccayassa aparihīnattā ekameva vissajjananti ayaṃ paccanīye nahetupaccayaṃ ādiṃ katvā ekamūlakādīsu gaṇanā.

    ๑๐๗-๑๓๐. นารมฺมณปจฺจยาทโย ปน เอกมูลเก ตาว ปุริเมน สทิสตฺตา อิธาปิ น ทสฺสิตาเยวฯ นารมฺมณปจฺจยวเสน ทุมูลเก นารมฺมณปจฺจยา, นเหตุยา เอกนฺติ นเหตุทุมูลเก วุตฺตเมวฯ นาธิปติยา ปญฺจาติ นารมฺมณปจฺจเย ลทฺธวเสน เวทิตพฺพาติ เอวํ สพฺพสํสนฺทเนสุ อูนตรคณนเสฺสว ปจฺจยสฺส วเสน คณนา เวทิตพฺพาฯ ยตฺถ ยตฺถ จ นารมฺมณปจฺจโย ปวิสติ, ตตฺถ ตตฺถ รูปเมว ปจฺจยุปฺปนฺนํฯ นานนฺตรนสมนนฺตรนอญฺญมญฺญนอุปนิสฺสยนาหารนอินฺทฺริยนสมฺปยุตฺตโนนตฺถิโนวิคตปจฺจยานํ ปวิฎฺฐฎฺฐาเนปิ เอเสว นโยฯ นาหารนอินฺทฺริยนฌานนมคฺคปจฺจยา สพฺพตฺถ สทิสวิสฺสชฺชนาฯ นสหชาตาทิจตุกฺกํ อิธาปิ ปริหีนเมวาติ อิทเมตฺถ ลกฺขณํฯ อิมินา ปน ลกฺขเณน สเพฺพสุ ทุมูลกาทีสุ ‘‘อยํ ปจฺจโย มูลํ, อยเมตฺถ ทุมูลโก, อยํ ติมูลโก, อยํ สพฺพมูลโก’’ติ สลฺลเกฺขตฺวา อูนตรคณนสฺส ปจฺจยสฺส วเสน คณนา เวทิตพฺพาติฯ

    107-130. Nārammaṇapaccayādayo pana ekamūlake tāva purimena sadisattā idhāpi na dassitāyeva. Nārammaṇapaccayavasena dumūlake nārammaṇapaccayā, nahetuyā ekanti nahetudumūlake vuttameva. Nādhipatiyā pañcāti nārammaṇapaccaye laddhavasena veditabbāti evaṃ sabbasaṃsandanesu ūnataragaṇanasseva paccayassa vasena gaṇanā veditabbā. Yattha yattha ca nārammaṇapaccayo pavisati, tattha tattha rūpameva paccayuppannaṃ. Nānantaranasamanantaranaaññamaññanaupanissayanāhāranaindriyanasampayuttanonatthinovigatapaccayānaṃ paviṭṭhaṭṭhānepi eseva nayo. Nāhāranaindriyanajhānanamaggapaccayā sabbattha sadisavissajjanā. Nasahajātādicatukkaṃ idhāpi parihīnamevāti idamettha lakkhaṇaṃ. Iminā pana lakkhaṇena sabbesu dumūlakādīsu ‘‘ayaṃ paccayo mūlaṃ, ayamettha dumūlako, ayaṃ timūlako, ayaṃ sabbamūlako’’ti sallakkhetvā ūnataragaṇanassa paccayassa vasena gaṇanā veditabbāti.

    ปจฺจยปจฺจนียวณฺณนาฯ

    Paccayapaccanīyavaṇṇanā.

    ปจฺจยานุโลมปจฺจนียวณฺณนา

    Paccayānulomapaccanīyavaṇṇanā

    ๑๓๑-๑๘๙. อิทานิ อนุโลมปจฺจนีเย คณนํ ทเสฺสตุํ เหตุปจฺจยา นารมฺมเณ ปญฺจาติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ เหตาธิปติมคฺคปจฺจเยสุ อนุโลมโต ฐิเตสุ สหชาตาทโย จตฺตาโร สพฺพฎฺฐานิกปจฺจยา, อาหารินฺทฺริยฌานมคฺคปจฺจยา จตฺตาโรติ อิเม อฎฺฐ ปจฺจนียโต น ลพฺภนฺติฯ เหตุปจฺจยาทิวเสน หิ อุปฺปชฺชมาโน ธโมฺม อิเม อฎฺฐ ปจฺจเย อลภโนฺต นาม นตฺถิฯ อารมฺมณอนนฺตรสมนนฺตรอุปนิสฺสยสมฺปยุตฺตนตฺถิวิคตปจฺจเยสุ ปน อนุโลมโต ฐิเตสุ อรูปฎฺฐานิกา ปจฺจนีกโต น ลพฺภนฺติฯ น หิ อารมฺมณปจฺจยาทีหิ อุปฺปชฺชมานา อนนฺตรสมนนฺตรปจฺจยาทโย น ลภนฺติฯ สหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยกมฺมาหารินฺทฺริยอตฺถิอวิคตปจฺจเยสุ ปน อนุโลมโต ฐิเตสุ จตฺตาโร สพฺพฎฺฐานิกาเยว, ปจฺจนีกโต น ลพฺภนฺติฯ เอเตสญฺหิ ปจฺจยานํ วเสน อุปฺปชฺชมาโน สพฺพฎฺฐานิเก อลภโนฺต นาม นตฺถิฯ ปจฺฉาชาตปจฺจยสฺส อนุโลมโต ฐานํ นาม นตฺถิฯ เอวํ เสเสสุ อนุโลมโต ฐิเตสุ เย จ ลพฺภนฺติ, เย จ น ลพฺภนฺติ, เต สลฺลเกฺขตฺวา สเพฺพสุปิ ทุมูลกาทีสุ นเยสุ เตสํ เตสํ ปจฺจยานํ สํสนฺทเน อูนตรคณนานํเยว วเสน คณนา เวทิตพฺพาติฯ

    131-189. Idāni anulomapaccanīye gaṇanaṃ dassetuṃ hetupaccayā nārammaṇe pañcātiādi āraddhaṃ. Tattha hetādhipatimaggapaccayesu anulomato ṭhitesu sahajātādayo cattāro sabbaṭṭhānikapaccayā, āhārindriyajhānamaggapaccayā cattāroti ime aṭṭha paccanīyato na labbhanti. Hetupaccayādivasena hi uppajjamāno dhammo ime aṭṭha paccaye alabhanto nāma natthi. Ārammaṇaanantarasamanantaraupanissayasampayuttanatthivigatapaccayesu pana anulomato ṭhitesu arūpaṭṭhānikā paccanīkato na labbhanti. Na hi ārammaṇapaccayādīhi uppajjamānā anantarasamanantarapaccayādayo na labhanti. Sahajātaaññamaññanissayakammāhārindriyaatthiavigatapaccayesu pana anulomato ṭhitesu cattāro sabbaṭṭhānikāyeva, paccanīkato na labbhanti. Etesañhi paccayānaṃ vasena uppajjamāno sabbaṭṭhānike alabhanto nāma natthi. Pacchājātapaccayassa anulomato ṭhānaṃ nāma natthi. Evaṃ sesesu anulomato ṭhitesu ye ca labbhanti, ye ca na labbhanti, te sallakkhetvā sabbesupi dumūlakādīsu nayesu tesaṃ tesaṃ paccayānaṃ saṃsandane ūnataragaṇanānaṃyeva vasena gaṇanā veditabbāti.

    ปจฺจยานุโลมปจฺจนียวณฺณนาฯ

    Paccayānulomapaccanīyavaṇṇanā.

    ปจฺจยปจฺจนียานุโลมวณฺณนา

    Paccayapaccanīyānulomavaṇṇanā

    ๑๙๐. อิทานิ ปจฺจนียานุโลเม คณนํ ทเสฺสตุํ นเหตุปจฺจยา อารมฺมเณ เทฺวติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ เหตุมฺหิ ปจฺจนีกโต ฐิเต ฐเปตฺวา อธิปติํ อวเสสา อนุโลมโต ลพฺภนฺติฯ ปจฺฉาชาโต ปน อนุโลมโต สพฺพเตฺถว น ลพฺภติ, เย นว ปจฺจยา ‘‘อรูปานเญฺญวา’’ติ วุตฺตา, เตสุ ปุเรชาตญฺจ อาเสวนญฺจ ฐเปตฺวา อวเสเสสุ สตฺตสุ ปจฺจนีกโต ฐิเตสุ เสสา อรูปฎฺฐานิกา อนุโลมโต น ลพฺภนฺติฯ โย หิ อารมฺมณาทีหิ นุปฺปชฺชติ, น โส อนนฺตราทโย ลภติฯ ปฎิสนฺธิวิปาโก ปน ปุเรชาตโต, สพฺพวิปาโก จ สทฺธิํ กิริยมโนธาตุยา อาเสวนโต อนุปฺปชฺชมาโนปิ อนนฺตราทโย ลภติ, ตสฺมา ‘‘ปุเรชาตญฺจ อาเสวนญฺจ ฐเปตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ

    190. Idāni paccanīyānulome gaṇanaṃ dassetuṃ nahetupaccayā ārammaṇe dvetiādi āraddhaṃ. Tattha hetumhi paccanīkato ṭhite ṭhapetvā adhipatiṃ avasesā anulomato labbhanti. Pacchājāto pana anulomato sabbattheva na labbhati, ye nava paccayā ‘‘arūpānaññevā’’ti vuttā, tesu purejātañca āsevanañca ṭhapetvā avasesesu sattasu paccanīkato ṭhitesu sesā arūpaṭṭhānikā anulomato na labbhanti. Yo hi ārammaṇādīhi nuppajjati, na so anantarādayo labhati. Paṭisandhivipāko pana purejātato, sabbavipāko ca saddhiṃ kiriyamanodhātuyā āsevanato anuppajjamānopi anantarādayo labhati, tasmā ‘‘purejātañca āsevanañca ṭhapetvā’’ti vuttaṃ.

    ปุเรชาตปจฺฉาชาตอาเสวนวิปากวิปฺปยุเตฺตสุ ปจฺจนีกโต ฐิเตสุ เอกํ ฐเปตฺวา อวเสสา อนุโลมโต ลพฺภนฺติฯ กมฺมปจฺจเย ปจฺจนีกโต ฐิเต ฐเปตฺวา วิปากปจฺจยํ อวเสสา อนุโลมโต ลพฺภนฺติฯ อาหารินฺทฺริเยสุ ปจฺจนีกโต ฐิเตสุ ฐเปตฺวา สพฺพฎฺฐานิเก เจว อญฺญมญฺญกมฺมาหารินฺทฺริยปจฺจเย จ อวเสสา อนุโลมโต น ลพฺภนฺติ, อิตเร ยุชฺชมานกวเสน ลพฺภนฺติฯ ฌานปจฺจเย ปจฺจนีกโต ฐิเตฯ เหตาธิปติอาเสวนมคฺคปจฺจยา อนุโลมโต น ลพฺภนฺติฯ มคฺคปจฺจเย ปจฺจนีกโต ฐิเต เหตาธิปติปจฺจยา อนุโลมโต น ลพฺภนฺติฯ วิปฺปยุตฺตปจฺจเย ปจฺจนีกโต ฐิเต ปุเรชาตปจฺจยํ ฐเปตฺวา อวเสสา อนุโลมโต ลพฺภนฺติฯ เอวํ เตสุ เตสุ ปจฺจเยสุ ปจฺจนีกโต ฐิเตสุ เย เย อนุโลมโต น ลพฺภนฺติ, เต เต ญตฺวา เตสํ เตสํ ปจฺจยานํ สํสนฺทเน อูนตรคณนานํ วเสน คณนา เวทิตพฺพาฯ

    Purejātapacchājātaāsevanavipākavippayuttesu paccanīkato ṭhitesu ekaṃ ṭhapetvā avasesā anulomato labbhanti. Kammapaccaye paccanīkato ṭhite ṭhapetvā vipākapaccayaṃ avasesā anulomato labbhanti. Āhārindriyesu paccanīkato ṭhitesu ṭhapetvā sabbaṭṭhānike ceva aññamaññakammāhārindriyapaccaye ca avasesā anulomato na labbhanti, itare yujjamānakavasena labbhanti. Jhānapaccaye paccanīkato ṭhite. Hetādhipatiāsevanamaggapaccayā anulomato na labbhanti. Maggapaccaye paccanīkato ṭhite hetādhipatipaccayā anulomato na labbhanti. Vippayuttapaccaye paccanīkato ṭhite purejātapaccayaṃ ṭhapetvā avasesā anulomato labbhanti. Evaṃ tesu tesu paccayesu paccanīkato ṭhitesu ye ye anulomato na labbhanti, te te ñatvā tesaṃ tesaṃ paccayānaṃ saṃsandane ūnataragaṇanānaṃ vasena gaṇanā veditabbā.

    ๑๙๑-๑๙๕. ทุมูลกาทีสุ จ นเยสุ ยํ ยํ ปจฺจยํ อาทิํ กตฺวา เย เย ทุกาทโย ทสฺสิตา, เต เต ลพฺภมานาลพฺภมานปจฺจยวเสน ยถา ยถา ทสฺสิตา, ตถา ตถา สาธุกํ สลฺลเกฺขตพฺพาฯ ตตฺถ ยํ นเหตุวเสน ทุมูลกาทโย นเย ทเสฺสเนฺตน นเหตุปจฺจยา นารมฺมณปจฺจยา…เป.… นาเสวนปจฺจยาติ วตฺวา ‘‘ยาว อาเสวนา สพฺพํ สทิส’’นฺติ วุตฺตํฯ ตสฺส, ‘‘นอญฺญมญฺญปจฺจยา สหชาเต เอก’’นฺติอาทีหิ สทิสตา เวทิตพฺพาฯ ยํ ปน ‘‘นกเมฺม คณิเต ปญฺจ คณฺหาตี’’ติ สีหฬภาสาย ลิขิตํ, ตสฺสโตฺถ – นเหตุปจฺจยํ อาทิํ กตฺวา นกมฺมปจฺจยาติ เอวํ นกมฺมปจฺจเยน ฆฎิเต สหชาเต เอกนฺติ เอวํ ทสฺสิตา ปเญฺจว ปจฺจยา อนุโลมโต ลพฺภนฺติ, น อเญฺญติฯ เอวํ อเญฺญสุปิ เอวรูเปสุ ฐาเนสุ พฺยญฺชนํ อนาทิยิตฺวา อธิเปฺปตโตฺถเยว คเหตโพฺพฯ เอวรูปญฺหิ พฺยญฺชนํ อตฺตโน สญฺญานิพนฺธนตฺถํ โปราเณหิ สกสกภาสาย ลิขิตํฯ

    191-195. Dumūlakādīsu ca nayesu yaṃ yaṃ paccayaṃ ādiṃ katvā ye ye dukādayo dassitā, te te labbhamānālabbhamānapaccayavasena yathā yathā dassitā, tathā tathā sādhukaṃ sallakkhetabbā. Tattha yaṃ nahetuvasena dumūlakādayo naye dassentena nahetupaccayā nārammaṇapaccayā…pe… nāsevanapaccayāti vatvā ‘‘yāva āsevanā sabbaṃ sadisa’’nti vuttaṃ. Tassa, ‘‘naaññamaññapaccayā sahajāte eka’’ntiādīhi sadisatā veditabbā. Yaṃ pana ‘‘nakamme gaṇite pañca gaṇhātī’’ti sīhaḷabhāsāya likhitaṃ, tassattho – nahetupaccayaṃ ādiṃ katvā nakammapaccayāti evaṃ nakammapaccayena ghaṭite sahajāte ekanti evaṃ dassitā pañceva paccayā anulomato labbhanti, na aññeti. Evaṃ aññesupi evarūpesu ṭhānesu byañjanaṃ anādiyitvā adhippetatthoyeva gahetabbo. Evarūpañhi byañjanaṃ attano saññānibandhanatthaṃ porāṇehi sakasakabhāsāya likhitaṃ.

    อปิจ อิมสฺมิํ ปจฺจนียานุโลเม ปจฺจยุปฺปนฺนธเมฺมสุปิ อตฺถิ ธโมฺม กมฺมปจฺจยํ ลภติ, น อินฺทฺริยปจฺจยํฯ โส อสเญฺญสุ เจว ปญฺจโวกาเร ปวเตฺต จ รูปชีวิตินฺทฺริยวเสน เวทิตโพฺพฯ อตฺถิ ธโมฺม มคฺคปจฺจยํ ลภติ, นเหตุปจฺจยํฯ โส วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหชาตโมหวเสน เวทิตโพฺพฯ อตฺถิ ธโมฺม ฌานปจฺจยํ ลภติ, นมคฺคปจฺจยํฯ โส มโนธาตุอเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุวเสน เวทิตโพฺพฯ ยตฺถ กฎตฺตารูปานิ นานากฺขณิกกมฺมวเสเนว กมฺมปจฺจยํ ลภนฺติ, ตตฺถ รูปธมฺมา เหตาธิปติวิปากินฺทฺริยฌานมคฺคปจฺจเย น ลภนฺติ, สพฺพฎฺฐานิกา ปจฺจนียา น โหนฺติฯ อเหตุเก อธิปติปจฺจโย นตฺถีติ อิเมสมฺปิ ปกิณฺณกานํ วเสเนตฺถ คณนวาโร อสโมฺมหโต เวทิตโพฺพฯ

    Apica imasmiṃ paccanīyānulome paccayuppannadhammesupi atthi dhammo kammapaccayaṃ labhati, na indriyapaccayaṃ. So asaññesu ceva pañcavokāre pavatte ca rūpajīvitindriyavasena veditabbo. Atthi dhammo maggapaccayaṃ labhati, nahetupaccayaṃ. So vicikicchuddhaccasahajātamohavasena veditabbo. Atthi dhammo jhānapaccayaṃ labhati, namaggapaccayaṃ. So manodhātuahetukamanoviññāṇadhātuvasena veditabbo. Yattha kaṭattārūpāni nānākkhaṇikakammavaseneva kammapaccayaṃ labhanti, tattha rūpadhammā hetādhipativipākindriyajhānamaggapaccaye na labhanti, sabbaṭṭhānikā paccanīyā na honti. Ahetuke adhipatipaccayo natthīti imesampi pakiṇṇakānaṃ vasenettha gaṇanavāro asammohato veditabbo.

    ตตฺรายํ นโย – นเหตุปจฺจยา อารมฺมเณ เทฺวติ เอตฺถ ตาว อเหตุกโมโห เจว อเหตุกวิปากกิริยา จ ปจฺจยุปฺปนฺนํ, ตสฺมา อกุสเลนากุสลํ, อพฺยากเตน อพฺยากตํ สนฺธาเยตฺถ เทฺวติ วุตฺตํฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ อาเสวเน ปน วิปากํ น ลพฺภติ, ตถา กิริยมโนธาตุฯ ตสฺมา กิริยาเหตุมโนวิญฺญาณธาตุวเสเนตฺถ อพฺยากเตน อพฺยากตํ เวทิตพฺพํฯ วิปาเก เอกนฺติ อพฺยากเตน อพฺยากตเมวฯ มเคฺค เอกนฺติ อกุสเลน อกุสลเมวฯ

    Tatrāyaṃ nayo – nahetupaccayā ārammaṇe dveti ettha tāva ahetukamoho ceva ahetukavipākakiriyā ca paccayuppannaṃ, tasmā akusalenākusalaṃ, abyākatena abyākataṃ sandhāyettha dveti vuttaṃ. Sesesupi eseva nayo. Āsevane pana vipākaṃ na labbhati, tathā kiriyamanodhātu. Tasmā kiriyāhetumanoviññāṇadhātuvasenettha abyākatena abyākataṃ veditabbaṃ. Vipāke ekanti abyākatena abyākatameva. Magge ekanti akusalena akusalameva.

    ๑๙๖-๑๙๗. นารมฺมณมูลเก เหตุยา ปญฺจาติ รูปเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ ตญฺหิ กุสลํ อกุสลํ อพฺยากตํ กุสลาพฺยากตํ อกุสลาพฺยากตญฺจาติ ปญฺจ โกฎฺฐาเส ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติฯ สพฺพปญฺจเกสุ เอเสว นโยฯ อญฺญมเญฺญ เอกนฺติ ภูตรูปานิ เจว วตฺถุญฺจ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตานิ หิ นารมฺมณปจฺจยา อญฺญมญฺญปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติฯ ติมูลเกปิ เอเสว นโยฯ

    196-197. Nārammaṇamūlake hetuyā pañcāti rūpameva sandhāya vuttaṃ. Tañhi kusalaṃ akusalaṃ abyākataṃ kusalābyākataṃ akusalābyākatañcāti pañca koṭṭhāse paṭicca uppajjati. Sabbapañcakesu eseva nayo. Aññamaññe ekanti bhūtarūpāni ceva vatthuñca sandhāya vuttaṃ. Tāni hi nārammaṇapaccayā aññamaññapaccayā uppajjanti. Timūlakepi eseva nayo.

    ๑๙๘-๒๐๒. นาธิปติมูลเก เหตุยา นวาติ อนุโลเม เหตุมฺหิ วุตฺตาเนวฯ ตีณีติอาทีนิปิ เหฎฺฐา อนุโลเม วุตฺตสทิสาเนวฯ ติมูลเก เทฺวติ เหฎฺฐา นเหตุปจฺจยา อารมฺมเณ วุตฺตสทิสาเนวฯ

    198-202. Nādhipatimūlake hetuyā navāti anulome hetumhi vuttāneva. Tīṇītiādīnipi heṭṭhā anulome vuttasadisāneva. Timūlake dveti heṭṭhā nahetupaccayā ārammaṇe vuttasadisāneva.

    ๒๐๓-๒๓๓. นปุเรชาตมูลเก เหตุยา สตฺตาติ เหฎฺฐา ‘‘อารุเปฺป กุสลํ เอกํ ขนฺธํ ปฎิจฺจา’’ติอาทินา นเยน ปุเรชาเต ทสฺสิตาเนวฯ สพฺพสตฺตเกสุ เอเสว นโยฯ นกมฺมมูลเก เหตุยา ตีณีติอาทีสุ เจตนาว ปจฺจยุปฺปนฺนาฯ ตสฺมา กุสลํ อกุสลํ อพฺยากตญฺจ ปฎิจฺจ อุปฺปตฺติํ สนฺธาย ตีณีติ วุตฺตํฯ อิมินา นเยน ‘‘เอกํ เทฺว ตีณิ ปญฺจ สตฺต นวา’’ติ อาคตฎฺฐาเนสุ คณนา เวทิตพฺพาฯ ‘‘จตฺตาริ ฉ อฎฺฐา’’ติ อิมา ปน ติโสฺส คณนา นเตฺถวาติฯ

    203-233. Napurejātamūlake hetuyā sattāti heṭṭhā ‘‘āruppe kusalaṃ ekaṃ khandhaṃ paṭiccā’’tiādinā nayena purejāte dassitāneva. Sabbasattakesu eseva nayo. Nakammamūlake hetuyā tīṇītiādīsu cetanāva paccayuppannā. Tasmā kusalaṃ akusalaṃ abyākatañca paṭicca uppattiṃ sandhāya tīṇīti vuttaṃ. Iminā nayena ‘‘ekaṃ dve tīṇi pañca satta navā’’ti āgataṭṭhānesu gaṇanā veditabbā. ‘‘Cattāri cha aṭṭhā’’ti imā pana tisso gaṇanā natthevāti.

    ปจฺจยปจฺจนียานุโลมวณฺณนาฯ

    Paccayapaccanīyānulomavaṇṇanā.

    นิฎฺฐิตา จ ปฎิจฺจวารสฺส อตฺถวณฺณนาฯ

    Niṭṭhitā ca paṭiccavārassa atthavaṇṇanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปฎฺฐานปาฬิ • Paṭṭhānapāḷi / ๑. กุสลตฺติกํ • 1. Kusalattikaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact