Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā

    ๑. กุสลตฺติกํ

    1. Kusalattikaṃ

    ๑. ปฎิจฺจวารวณฺณนา

    1. Paṭiccavāravaṇṇanā

    ๑. ปจฺจยานุโลมํ

    1. Paccayānulomaṃ

    (๑) วิภงฺควารวณฺณนา

    (1) Vibhaṅgavāravaṇṇanā

    ๕๓. ติกปทานํ ติกนฺตรปเทหิ วิสทิสตา ปากฎาเยวาติ วุตฺตํ ‘‘ติกปทนานตฺตมเตฺตน วินา’’ติฯ มูลาวสานวเสนาติ ‘‘เอกมูเลกาวสานํ นวา’’ติอาทินา วุตฺตมูลาวสานวเสนฯ ‘‘น ตาเยว เวทนาตฺติกาทีสู’’ติ เอตฺถ ยา สทิสตา ปฎิกฺขิตฺตา, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สทิสตํ สนฺธาย ‘น ตาเยวา’ติ วุตฺต’’นฺติ อาหฯ ยาติ ยา ปุจฺฉาฯ สพฺพปุจฺฉาสมาหรณนฺติ สพฺพาสํ เอกูนปญฺญาสาย ปุจฺฉานํ สมุจฺจยนํ อนวเสเสตฺวา กถนํฯ อิธ อิมสฺมิํ ปฎิจฺจวารุเทฺทเส กตฺตพฺพํฯ อาทิโต หิ อนวเสสโต วุเตฺต ปจฺฉา ยถารหํ ตเทกเทสวจนํ ยุตฺตํฯ น หิ ตตฺถ เอกูนปญฺญาส ปุจฺฉา วิสฺสชฺชนํ ลภนฺตีติ ตตฺถ ตสฺมิํ ธมฺมานุโลมปจฺจนีเย ปีติตฺติเก เอกูนปญฺญาส ปุจฺฉา วิสฺสชฺชนํ น หิ ลภนฺติ, อฎฺฐวีเส ปน ลภนฺตีติ อโตฺถฯ

    53. Tikapadānaṃ tikantarapadehi visadisatā pākaṭāyevāti vuttaṃ ‘‘tikapadanānattamattena vinā’’ti. Mūlāvasānavasenāti ‘‘ekamūlekāvasānaṃ navā’’tiādinā vuttamūlāvasānavasena. ‘‘Na tāyeva vedanāttikādīsū’’ti ettha yā sadisatā paṭikkhittā, taṃ dassetuṃ ‘‘sadisataṃ sandhāya ‘na tāyevā’ti vutta’’nti āha. ti yā pucchā. Sabbapucchāsamāharaṇanti sabbāsaṃ ekūnapaññāsāya pucchānaṃ samuccayanaṃ anavasesetvā kathanaṃ. Idha imasmiṃ paṭiccavāruddese kattabbaṃ. Ādito hi anavasesato vutte pacchā yathārahaṃ tadekadesavacanaṃ yuttaṃ. Na hi tattha ekūnapaññāsa pucchā vissajjanaṃ labhantīti tattha tasmiṃ dhammānulomapaccanīye pītittike ekūnapaññāsa pucchā vissajjanaṃ na hi labhanti, aṭṭhavīse pana labhantīti attho.

    เตน สหชาตปจฺจยภูเตนาติ เตน เวทนาทิเภเทน เอเกน ธเมฺมน สหชาตปจฺจโย โหเนฺตน, สหชาตปจฺจยตํ วา ปเตฺตน ปาปุณเนฺตนาติ อโตฺถฯ อนุญฺญาตํ วิย โหตีติ ยทิปิ อฎฺฐกถายํ ‘‘ยาว นิโรธคมนา’’ติอาทิวจเนหิ ขณตฺตยสมงฺคี อุปฺปชฺชตีติ อนุญฺญาตํ วิย โหติ, อุปฺปาทกฺขณสมงฺคีเยว ปน อุปฺปชฺชตีติ วุโตฺต ปฎิจฺจวาราทีนํ ฉนฺนํ วารานํ อุปฺปาทเมว คเหตฺวา ปวตฺตตฺตาฯ ตถา หิ เตสุ ปจฺฉาชาตปจฺจโย อนุโลมโต น ติฎฺฐติฯ

    Tena sahajātapaccayabhūtenāti tena vedanādibhedena ekena dhammena sahajātapaccayo hontena, sahajātapaccayataṃ vā pattena pāpuṇantenāti attho. Anuññātaṃ viya hotīti yadipi aṭṭhakathāyaṃ ‘‘yāva nirodhagamanā’’tiādivacanehi khaṇattayasamaṅgī uppajjatīti anuññātaṃ viya hoti, uppādakkhaṇasamaṅgīyeva pana uppajjatīti vutto paṭiccavārādīnaṃ channaṃ vārānaṃ uppādameva gahetvā pavattattā. Tathā hi tesu pacchājātapaccayo anulomato na tiṭṭhati.

    อิธ กุสลวจเนน คหิเต ขเนฺธ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อิมสฺมิํ ปฎิจฺจวาเร ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ กุสโล ธโมฺม อุปฺปชฺชตี’’ติ กุสลสเทฺทน คหิเต ขเนฺธ สนฺธาย วุตฺตํ จตูสุปิ กุสลขเนฺธสุ เอกโต อุปฺปชฺชมาเนสุ สามญฺญโต วุเตฺตสุ สหชาตาทิสาธารณปจฺจยวเสน อวิเสสโต สเพฺพ สเพฺพสํ ปจฺจยาติ อยเมว อิมสฺส ปจฺจโย, อิมเสฺสว อยํ ปจฺจโยติ จ นิยเมตฺวา วตฺตุํ น สกฺกาฯ เตน วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘เอกเสฺสว ทฺวินฺนํเยว วา’’ติอาทิฯ ‘‘สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตํ ธมฺมํ ปฎิจฺจา’’ติอาทีสุ ปน วิเสสนภาเวน เวทนาทีนํ วิสุํ คหิตตฺตา ‘‘เอกํ ขนฺธํ ปฎิจฺจ เทฺว ขนฺธา’’ติอาทิ วตฺตุํ สกฺกาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เวทนาตฺติกาทีสุ ปนา’’ติอาทิฯ ตถาติ อิมินา ‘‘เอเกกสฺสปิ ทุกาทิเภทานญฺจา’’ติ อิมํ อนุกฑฺฒติฯ

    Idha kusalavacanena gahite khandhe sandhāya vuttanti imasmiṃ paṭiccavāre ‘‘kusalaṃ dhammaṃ paṭicca kusalo dhammo uppajjatī’’ti kusalasaddena gahite khandhe sandhāya vuttaṃ catūsupi kusalakhandhesu ekato uppajjamānesu sāmaññato vuttesu sahajātādisādhāraṇapaccayavasena avisesato sabbe sabbesaṃ paccayāti ayameva imassa paccayo, imasseva ayaṃ paccayoti ca niyametvā vattuṃ na sakkā. Tena vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘ekasseva dvinnaṃyeva vā’’tiādi. ‘‘Sukhāya vedanāya sampayuttaṃ dhammaṃ paṭiccā’’tiādīsu pana visesanabhāvena vedanādīnaṃ visuṃ gahitattā ‘‘ekaṃ khandhaṃ paṭicca dve khandhā’’tiādi vattuṃ sakkā. Tena vuttaṃ ‘‘vedanāttikādīsu panā’’tiādi. Tathāti iminā ‘‘ekekassapi dukādibhedānañcā’’ti imaṃ anukaḍḍhati.

    เอตสฺมินฺติ ‘‘วิปากาพฺยากตํ กิริยาพฺยากต’’นฺติ เอวํ วิปากกิริยาพฺยากตคฺคหเณฯ ‘‘สพฺพสฺมิํ น คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, กตฺถ ปน คเหตพฺพนฺติ อาห ‘‘จิตฺตสมุฎฺฐานญฺจ รูปนฺติ เอเตฺถวา’’ติฯ เอวํ ปฐเม วาเกฺย อติพฺยาปิตํ ปริหริตฺวา ทุติเย อพฺยาปิตํ ปริหริตุํ ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ เอตฺถาติ ‘‘วิปากาพฺยากตํ กิริยาพฺยากต’’นฺติ เอตฺถ น คเหตพฺพํ ตสฺสปิ อารุเปฺป อุปฺปชฺชมานสฺส รูเปน วินา อุปฺปตฺติโตฯ เอตฺถ จ ยถา เหตุปจฺจยคฺคหเณเนว อเหตุกํ นิวตฺติตํ, เอวํ จิตฺตสมุฎฺฐานญฺจ รูปนฺติ รูปคฺคหเณเนว อารุเปฺป วิปาโกปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชมาเนน จิตฺตุปฺปาเทน สทฺธิํ น คหิโตฯ ตํ ปเนตํ อตฺถสิทฺธเมว อกตฺวา สรูปโต ปากฎตรํ กตฺวา ทเสฺสตุํ อฎฺฐกถายํ ‘‘วิปากาพฺยากต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ปฎิสนฺธิปจฺฉิมจิตฺตานิ ปเนตฺถ สติปิ รูปสฺส อนุปฺปาทเน ววตฺถานาภาวโต น คหิตานีติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Etasminti ‘‘vipākābyākataṃ kiriyābyākata’’nti evaṃ vipākakiriyābyākataggahaṇe. ‘‘Sabbasmiṃ na gahetabba’’nti vuttaṃ, kattha pana gahetabbanti āha ‘‘cittasamuṭṭhānañca rūpanti etthevā’’ti. Evaṃ paṭhame vākye atibyāpitaṃ pariharitvā dutiye abyāpitaṃ pariharituṃ ‘‘na kevala’’ntiādi vuttaṃ. Etthāti ‘‘vipākābyākataṃ kiriyābyākata’’nti ettha na gahetabbaṃ tassapi āruppe uppajjamānassa rūpena vinā uppattito. Ettha ca yathā hetupaccayaggahaṇeneva ahetukaṃ nivattitaṃ, evaṃ cittasamuṭṭhānañca rūpanti rūpaggahaṇeneva āruppe vipākopi tattha uppajjamānena cittuppādena saddhiṃ na gahito. Taṃ panetaṃ atthasiddhameva akatvā sarūpato pākaṭataraṃ katvā dassetuṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘vipākābyākata’’ntiādi vuttaṃ. Paṭisandhipacchimacittāni panettha satipi rūpassa anuppādane vavatthānābhāvato na gahitānīti daṭṭhabbaṃ.

    ปจฺจยภูตสฺสาติ ขนฺธานํ ปจฺจยภูตสฺส วตฺถุสฺส อคฺคหิตตาปตฺติํ นิวาเรตุํ, กถํ? ปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน, กตฺถ? ‘‘กฎตฺตา จ รูป’’นฺติ เอตสฺมิํ สามญฺญวจเน ‘‘ขเนฺธ ปฎิจฺจ วตฺถู’’ติ วุตฺตํ, เอวญฺหิสฺส ปจฺจยุปฺปนฺนตา ทสฺสิตา โหตีติฯ อญฺญมญฺญาเปกฺขํ วจนทฺวยนฺติ ‘‘ขเนฺธ ปฎิจฺจ วตฺถุ, วตฺถุํ ปฎิจฺจ ขนฺธา’’ติ ปททฺวยํ สนฺธาย วุตฺตํฯ สามเญฺญน คหิตนฺติ ‘‘กฎตฺตา จ รูป’’นฺติ อิมินา สามญฺญวจเนน, กฎตฺตารูปสามเญฺญน วา คหิตํฯ

    Paccayabhūtassāti khandhānaṃ paccayabhūtassa vatthussa aggahitatāpattiṃ nivāretuṃ, kathaṃ? Paccayuppannabhāvena, kattha? ‘‘Kaṭattā ca rūpa’’nti etasmiṃ sāmaññavacane ‘‘khandhe paṭicca vatthū’’ti vuttaṃ, evañhissa paccayuppannatā dassitā hotīti. Aññamaññāpekkhaṃ vacanadvayanti ‘‘khandhe paṭicca vatthu, vatthuṃ paṭicca khandhā’’ti padadvayaṃ sandhāya vuttaṃ. Sāmaññena gahitanti ‘‘kaṭattā ca rūpa’’nti iminā sāmaññavacanena, kaṭattārūpasāmaññena vā gahitaṃ.

    อุปาทารูปคฺคหเณน วินา ‘‘อุปาทารูป’’นฺติ อคฺคเหตฺวา เกวลํ จิตฺตสมุฎฺฐานรูปํ ‘‘กฎตฺตารูปํ’’อิเจฺจว คเหตฺวาติ อโตฺถฯ เอตสฺมิํ ปน ทสฺสเนติ ‘‘มหาภูเตปิ ปฎิจฺจ อุปฺปตฺติทสฺสนตฺถ’’นฺติ วุเตฺต เอตสฺมิํ อตฺถทสฺสเนฯ ขนฺธปจฺจยสหิตนฺติ ปฎิสนฺธิยํ กฎตฺตารูปํ, ปวตฺติยํ จิตฺตสมุฎฺฐานํ รูปํ วทติฯ อสหิตนฺติ ปน ปวตฺติยํ กฎตฺตารูปํ อาหารสมุฎฺฐานํ อุตุสมุฎฺฐานํ อนินฺทฺริยพทฺธํ อสญฺญภวสงฺคหิตญฺจ รูปํฯ ปฎิสนฺธิยมฺปีติ ปิ-สเทฺทน ปวตฺติยมฺปิ กฎตฺตารูปํ อญฺญญฺจ ตตฺถ อุปฺปชฺชนกํ อุปาทารูปนฺติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ กถํ ปเนตฺถ ภูเต ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชมานสฺส รูปสฺส เหตุปจฺจยา อุปฺปชฺชตีติ? ‘‘ขเนฺธ ปฎิจฺจ เหตุปจฺจยา อุปฺปชฺชมานํ รูปํ ภูเตปิ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอวํ ปทเมตํ, ภูตานํ วา เหตุปจฺจยโต นิพฺพตฺตตฺตา เอวํ วุตฺตํฯ การณการณมฺปิ หิ การณเนฺตฺวว วุจฺจติ ยถา ‘‘โจเรหิ คาโม ทโฑฺฒ’’ติฯ

    Upādārūpaggahaṇena vinā ‘‘upādārūpa’’nti aggahetvā kevalaṃ cittasamuṭṭhānarūpaṃ ‘‘kaṭattārūpaṃ’’icceva gahetvāti attho. Etasmiṃ pana dassaneti ‘‘mahābhūtepi paṭicca uppattidassanattha’’nti vutte etasmiṃ atthadassane. Khandhapaccayasahitanti paṭisandhiyaṃ kaṭattārūpaṃ, pavattiyaṃ cittasamuṭṭhānaṃ rūpaṃ vadati. Asahitanti pana pavattiyaṃ kaṭattārūpaṃ āhārasamuṭṭhānaṃ utusamuṭṭhānaṃ anindriyabaddhaṃ asaññabhavasaṅgahitañca rūpaṃ. Paṭisandhiyampīti pi-saddena pavattiyampi kaṭattārūpaṃ aññañca tattha uppajjanakaṃ upādārūpanti attho daṭṭhabbo. Kathaṃ panettha bhūte paṭicca uppajjamānassa rūpassa hetupaccayā uppajjatīti? ‘‘Khandhe paṭicca hetupaccayā uppajjamānaṃ rūpaṃ bhūtepi paṭicca uppajjatī’’ti evaṃ padametaṃ, bhūtānaṃ vā hetupaccayato nibbattattā evaṃ vuttaṃ. Kāraṇakāraṇampi hi kāraṇantveva vuccati yathā ‘‘corehi gāmo daḍḍho’’ti.

    ภูเต ปฎิจฺจ อุปาทารูปนฺติ ปทุทฺธาโร กโต, ‘‘มหาภูเต ปฎิจฺจ อุปาทารูป’’นฺติ ปน ปาโฐติ อฎฺฐกถายญฺจ ตเมว วุตฺตํฯ อยํ เหตฺถโตฺถ – ‘‘มหาภูเต ปฎิจฺจ อุปาทารูป’’นฺติ อิมสฺมิํ ปาเฐ วุตฺตนเยน อุปาทารูปมฺปิ กุสเล ขเนฺธ มหาภูเต จ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชตีติฯ โก ปน โส นโยติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘มหาภูเต…เป.… สนฺธายาหา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ อตฺถโต อยํ นโย วุโตฺตติ ‘‘มหาภูเต ปฎิจฺจ จิตฺตสมุฎฺฐานํ รูปํ กฎตฺตารูปํ อุปาทารูป’’นฺติ อิมินา อพฺยากเต ขเนฺธ มหาภูเต จ ปฎิจฺจ อุปาทารูปานํ อุปฺปตฺติวจเนน กุสเล ขเนฺธ มหาภูเต จ ปฎิจฺจ อุปาทารูปานํ อุปฺปตฺติ อตฺถโต วุโตฺต โหตีติ อโตฺถฯ

    Bhūte paṭicca upādārūpanti paduddhāro kato, ‘‘mahābhūte paṭicca upādārūpa’’nti pana pāṭhoti aṭṭhakathāyañca tameva vuttaṃ. Ayaṃ hetthattho – ‘‘mahābhūte paṭicca upādārūpa’’nti imasmiṃ pāṭhe vuttanayena upādārūpampi kusale khandhe mahābhūte ca paṭicca uppajjatīti. Ko pana so nayoti taṃ dassetuṃ ‘‘mahābhūte…pe… sandhāyāhā’’ti vuttaṃ. Tattha atthato ayaṃ nayo vuttoti ‘‘mahābhūte paṭicca cittasamuṭṭhānaṃ rūpaṃ kaṭattārūpaṃ upādārūpa’’nti iminā abyākate khandhe mahābhūte ca paṭicca upādārūpānaṃ uppattivacanena kusale khandhe mahābhūte ca paṭicca upādārūpānaṃ uppatti atthato vutto hotīti attho.

    ๕๔. รูเปน วินา ปจฺจยุปฺปนฺนํ น ลพฺภตีติ เอเตน ยา ปุจฺฉา อรูปมิสฺสกาวสานา, ตาปิ อิธ น คยฺหนฺติ, ปเคว รูปาวสานาติ ทเสฺสติฯ

    54. Rūpenavinā paccayuppannaṃ na labbhatīti etena yā pucchā arūpamissakāvasānā, tāpi idha na gayhanti, pageva rūpāvasānāti dasseti.

    ๕๗. ตาย สมานลกฺขณาติ ปญฺจกฺขนฺธปฎิสนฺธิตาย คพฺภเสยฺยกปฎิสนฺธิยา สมานลกฺขณาฯ ปริปุณฺณธมฺมานนฺติ ปริยตฺติวิภาคานํ ปญฺจกฺขนฺธธมฺมานํฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ สหชาตปจฺจยนิเทฺทเสฯ

    57. Tāya samānalakkhaṇāti pañcakkhandhapaṭisandhitāya gabbhaseyyakapaṭisandhiyā samānalakkhaṇā. Paripuṇṇadhammānanti pariyattivibhāgānaṃ pañcakkhandhadhammānaṃ. Etthāti etasmiṃ sahajātapaccayaniddese.

    จิตฺตกมฺมสมุฎฺฐานรูปนฺติ จิตฺตสมุฎฺฐานรูปํ กมฺมสมุฎฺฐานรูปญฺจฯ ปุน อาหารสมุฎฺฐานนฺติ เอตฺถ ปุนคหณํ อุตุสมุฎฺฐานาเปกฺขํฯ น หิ ตํ ปุเพฺพ พาหิรคฺคหเณน อคฺคหิตํ, อาหารสมุฎฺฐานํ ปน อคฺคหิตเมว, อุตุสมุฎฺฐานสฺส กสฺมา ปุนคหณนฺติ อาห ‘‘เอเตหี’’ติอาทิฯ ตตฺถาติ อสญฺญสเตฺตสุฯ ตสฺสาติ อุตุสมุฎฺฐานสฺสฯ อาทิมฺหีติ พาหิรอาหารสมุฎฺฐานอุตุสมุฎฺฐานอสญฺญสตฺตวเสน อาคตวาเรหิ ปฐมวาเรฯ อวิเสสวจนนฺติ พาหิราทิวิเสสํ อกตฺวา วุตฺตวจนํ, อรูปมฺปิ ปจฺจยํ ลภนฺตํ อตฺถํ เหตาทิเก ปจฺจเย ลภนฺตํ สห สงฺคณฺหิตฺวาติ โยชนาฯ ตสฺสาติ, ตตฺถาติ จ ปททฺวเยน ยถาวุตฺตํ ปฐมวารเมว ปจฺจามสติฯ ตํสมานคติกนฺติ จิตฺตสมุฎฺฐานคติกํฯ อิธาปีติ อิมสฺมิํ สหชาตปจฺจยนิเทฺทเสปิฯ กมฺมปจฺจยวิภเงฺค วิยาติ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยนิเทฺทเส วิยฯ ตถา หิ วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘ตํสมุฎฺฐานนฺติ อิมินา ปฎิสนฺธิกฺขเณ กฎตฺตารูปมฺปิ สงฺคณฺหาตี’’ติฯ อยญฺจ อตฺถวิเสโส เอตฺถ เอกํเสน อิจฺฉิตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น หิ…เป.… อตฺถี’’ติ อาหฯ

    Cittakammasamuṭṭhānarūpanti cittasamuṭṭhānarūpaṃ kammasamuṭṭhānarūpañca. Puna āhārasamuṭṭhānanti ettha punagahaṇaṃ utusamuṭṭhānāpekkhaṃ. Na hi taṃ pubbe bāhiraggahaṇena aggahitaṃ, āhārasamuṭṭhānaṃ pana aggahitameva, utusamuṭṭhānassa kasmā punagahaṇanti āha ‘‘etehī’’tiādi. Tatthāti asaññasattesu. Tassāti utusamuṭṭhānassa. Ādimhīti bāhiraāhārasamuṭṭhānautusamuṭṭhānaasaññasattavasena āgatavārehi paṭhamavāre. Avisesavacananti bāhirādivisesaṃ akatvā vuttavacanaṃ, arūpampi paccayaṃ labhantaṃ atthaṃ hetādike paccaye labhantaṃ saha saṅgaṇhitvāti yojanā. Tassāti, tatthāti ca padadvayena yathāvuttaṃ paṭhamavārameva paccāmasati. Taṃsamānagatikanti cittasamuṭṭhānagatikaṃ. Idhāpīti imasmiṃ sahajātapaccayaniddesepi. Kammapaccayavibhaṅge viyāti nānākkhaṇikakammapaccayaniddese viya. Tathā hi vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘taṃsamuṭṭhānanti iminā paṭisandhikkhaṇe kaṭattārūpampi saṅgaṇhātī’’ti. Ayañca atthaviseso ettha ekaṃsena icchitabboti dassento ‘‘na hi…pe… atthī’’ti āha.

    อวิเสเสตฺวาติ ‘‘อุตุสมุฎฺฐาน’’นฺติอาทินา วิเสสํ อกตฺวาฯ อุปาทารูปนฺติ วิเสเสตฺวาว กสฺมา ปน วุตฺตานีติ โยชนาฯ เหตุปจฺจยาทีสูติ อาทิ-สเทฺทน สหชาตปจฺจยาทิํ สงฺคณฺหาติฯ สหาติ จิตฺตสมุฎฺฐานรูปํ กฎตฺตารูปนฺติ เอวํ เอกโตฯ วิสุนฺติ จิตฺตสมุฎฺฐานํ รูปํ กฎตฺตารูปโต วิเสเสตฺวาฯ ตตฺถ พาหิรคฺคหณาทีหิ วิยาติ ยถา ‘‘พาหิรํ เอกํ มหาภูต’’นฺติอาทีสุ พาหิรอาหารสมุฎฺฐานอุตุสมุฎฺฐานคฺคหเณหิ มหาภูตานิ วิเสสิตานิ, เอวํ เอตฺถ ‘‘มหาภูเต ปฎิจฺจา’’ติ เอตสฺมิํ นิเทฺทเส มหาภูตานํ เกนจิ วิเสสเนน อวิเสสิตตฺตา จิตฺตสมุฎฺฐานรูปภาวกฎตฺตารูปภาเวหิ วิเสเสตฺวาว วุตฺตานีติ โยชนาฯ

    Avisesetvāti ‘‘utusamuṭṭhāna’’ntiādinā visesaṃ akatvā. Upādārūpanti visesetvāva kasmā pana vuttānīti yojanā. Hetupaccayādīsūti ādi-saddena sahajātapaccayādiṃ saṅgaṇhāti. Sahāti cittasamuṭṭhānarūpaṃ kaṭattārūpanti evaṃ ekato. Visunti cittasamuṭṭhānaṃ rūpaṃ kaṭattārūpato visesetvā. Tattha bāhiraggahaṇādīhi viyāti yathā ‘‘bāhiraṃ ekaṃ mahābhūta’’ntiādīsu bāhiraāhārasamuṭṭhānautusamuṭṭhānaggahaṇehi mahābhūtāni visesitāni, evaṃ ettha ‘‘mahābhūte paṭiccā’’ti etasmiṃ niddese mahābhūtānaṃ kenaci visesanena avisesitattā cittasamuṭṭhānarūpabhāvakaṭattārūpabhāvehi visesetvāva vuttānīti yojanā.

    อิทานิ อเญฺญนปิ การเณน เตสํ วิเสสิตพฺพตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โกจิ ปจฺจโยติ อิทํ ปฎฺฐาเน อาคตนิยาเมน รูปํ อุปนิสฺสยปจฺจยํ น ลภตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘เหตาทีสู’’ติฯ ตทวินาภาวโต ปน ตสฺส จิตฺตกมฺมานํ การณภาโว เวทิตโพฺพ, ยโต อิทฺธิจิตฺตนิพฺพตฺตานิ กมฺมปจฺจยานิ จาติ วุตฺตานิฯ นนุ จิตฺตํ อาหารอุตุสมุฎฺฐานานํ ปจฺจโย โหตีติ? สจฺจํ โหติ, โส ปน อุปตฺถมฺภกเตฺตน, น ชนกเตฺตนาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อาหาร…เป.… ชนก’’นฺติ ฯ กิํ ปน เตสํ ชนกนฺติ อาห ‘‘มหาภูตาเนว…เป.… ชนกานี’’ติฯ จิเตฺตน กมฺมุนา จ วินา อภาเว ยถากฺกมํ จิตฺตกมฺมสมุฎฺฐานอุปาทารูปานนฺติ อโตฺถฯ จิตฺตสมุฎฺฐานรูปกฎตฺตารูปภูตาเนวาติ จิตฺตกมฺมสมุฎฺฐานมหาภูตนิพฺพตฺตาเนว มหาภูตานํ เตสํ อาสนฺนการณตฺตาฯ อญฺญานีติ อุตุอาหารสมุฎฺฐานานิ อุปาทารูปานิ วทติฯ วิเสสนํ กตํ ‘‘จิตฺตสมุฎฺฐานํ รูปํ กฎตฺตารูปํ อุปาทารูป’’นฺติฯ สมานชาติเกน รูเปน อุตุนา อาหาเรน จาติ อโตฺถฯ ปากฎวิเสสนาเนวาติ อิทํ เยหิ มหาภูเตหิ ตานิ นิพฺพตฺตานิ, เตสํ ‘‘อาหารสมุฎฺฐานํ อุตุสมุฎฺฐาน’’นฺติ วิเสสิตตฺตา วุตฺตํฯ น วิเสสนํ อรหนฺติ น วิเสสิตพฺพานิ การณวิเสสเนเนว วิเสสสฺส สิทฺธตฺตา, ‘‘มหาภูเต ปฎิจฺจ อุปาทารูป’’เนฺตฺวว วตฺตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เอตานิ ปน จิตฺตชกมฺมชรูปานิฯ

    Idāni aññenapi kāraṇena tesaṃ visesitabbataṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Tattha nakoci paccayoti idaṃ paṭṭhāne āgataniyāmena rūpaṃ upanissayapaccayaṃ na labhatīti katvā vuttaṃ. Tenāha ‘‘hetādīsū’’ti. Tadavinābhāvato pana tassa cittakammānaṃ kāraṇabhāvo veditabbo, yato iddhicittanibbattāni kammapaccayāni cāti vuttāni. Nanu cittaṃ āhārautusamuṭṭhānānaṃ paccayo hotīti? Saccaṃ hoti, so pana upatthambhakattena, na janakattenāti dassento āha ‘‘āhāra…pe… janaka’’nti . Kiṃ pana tesaṃ janakanti āha ‘‘mahābhūtāneva…pe… janakānī’’ti. Cittena kammunā ca vinā abhāve yathākkamaṃ cittakammasamuṭṭhānaupādārūpānanti attho. Cittasamuṭṭhānarūpakaṭattārūpabhūtānevāti cittakammasamuṭṭhānamahābhūtanibbattāneva mahābhūtānaṃ tesaṃ āsannakāraṇattā. Aññānīti utuāhārasamuṭṭhānāni upādārūpāni vadati. Visesanaṃ kataṃ ‘‘cittasamuṭṭhānaṃ rūpaṃ kaṭattārūpaṃ upādārūpa’’nti. Samānajātikena rūpena utunā āhārena cāti attho. Pākaṭavisesanānevāti idaṃ yehi mahābhūtehi tāni nibbattāni, tesaṃ ‘‘āhārasamuṭṭhānaṃ utusamuṭṭhāna’’nti visesitattā vuttaṃ. Na visesanaṃ arahanti na visesitabbāni kāraṇavisesaneneva visesassa siddhattā, ‘‘mahābhūte paṭicca upādārūpa’’ntveva vattabbanti attho. Etāni pana cittajakammajarūpāni.

    สวิเสเสนาติ เยน วิเสเสน วิเสสิตา, ตํ ทเสฺสโนฺต จิตฺตํ สนฺธายาห ‘‘สหชาตาทิปจฺจยภาวโต’’ติ, อิตรํ ปน สนฺธาย ‘‘มูลการณภาวโต’’ติ, กมฺมูปนิสฺสยปจฺจยภาวโตติ อโตฺถฯ อิตรานีติ อาหารอุตุสมุฎฺฐานานิปิ อุปาทารูปานิฯ มหาภูตวิเสสเนเนว วิเสสิตานีติ ‘‘อาหารสมุฎฺฐานํ เอกํ มหาภูตํ ปฎิจฺจ อุตุสมุฎฺฐานํ เอกํ มหาภูตํ ปฎิจฺจา’’ติ มหาภูตวิเสสเนเนว ชนกปจฺจเยน อาหาเรน อุตุนา จ วิเสสิตานิฯ อิธาติ ‘‘จิตฺตสมุฎฺฐานํ รูปํ กฎตฺตารูปํ อุปาทารูป’’นฺติ อิมสฺมิํ วจเนฯ เอตฺถ หิ อุปาทารูปานํ จิตฺตกมฺมสมุฎฺฐานตาวจเนน ตํนิสฺสยานมฺปิ ตพฺภาโว ปกาสิโตติฯ อญฺญตรวิเสสนํ อุภยวิเสสนํ โหติ อุภเยสํ อวินิโพฺภเคน ปวตฺตนโตฯ

    Savisesenāti yena visesena visesitā, taṃ dassento cittaṃ sandhāyāha ‘‘sahajātādipaccayabhāvato’’ti, itaraṃ pana sandhāya ‘‘mūlakāraṇabhāvato’’ti, kammūpanissayapaccayabhāvatoti attho. Itarānīti āhārautusamuṭṭhānānipi upādārūpāni. Mahābhūtavisesaneneva visesitānīti ‘‘āhārasamuṭṭhānaṃ ekaṃ mahābhūtaṃ paṭicca utusamuṭṭhānaṃ ekaṃ mahābhūtaṃ paṭiccā’’ti mahābhūtavisesaneneva janakapaccayena āhārena utunā ca visesitāni. Idhāti ‘‘cittasamuṭṭhānaṃ rūpaṃ kaṭattārūpaṃ upādārūpa’’nti imasmiṃ vacane. Ettha hi upādārūpānaṃ cittakammasamuṭṭhānatāvacanena taṃnissayānampi tabbhāvo pakāsitoti. Aññataravisesanaṃ ubhayavisesanaṃ hoti ubhayesaṃ avinibbhogena pavattanato.

    ๕๘. ปุเพฺพติ เหตุปจฺจยาทีสุฯ วิสุํ ปจฺจยภาเวนาติ ‘‘ปฎิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตํ เอกํ ขนฺธํ ปฎิจฺจ ตโย ขนฺธา กฎตฺตา จ รูป’’นฺติอาทินา วตฺถุสฺส วิสุํ ปจฺจยภาเวนฯ เอตฺถ จ วิสุํเยว ปจฺจยภาเวน ทสฺสิตานีติ น สกฺกา วตฺตุํ, ‘‘ขเนฺธ ปฎิจฺจ วตฺถุ, วตฺถุํ ปฎิจฺจ ขนฺธา’’ติ ปจฺจยุปฺปนฺนภาโว วิย ขนฺธานํ เอกโตปิ ปจฺจยภาโว ทสฺสิโตฯ เตเนว หิ ตสฺมิํ อเตฺถ อตฺตโน อรุจิํ วิภาเวโนฺต อาห ‘‘อิมินา อธิปฺปาเยนาหา’’ติฯ โย ปนโตฺถ อตฺตโน รุจฺจติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ขเนฺธ ปฎิจฺจ วตฺถูติ อิทํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ขนฺธานํ ปจฺจยภูตานํ ปฎิจฺจฎฺฐผรณตาทสฺสนํ , วตฺถุสฺส ปจฺจยภูตสฺส ปฎิจฺจฎฺฐผรณตาทสฺสนํ, น ขนฺธานนฺติ สมฺพโนฺธฯ อิเธวาติ อิมสฺมิํ อญฺญมญฺญปจฺจเย เอวฯ เหตุปจฺจยาทีสุปิ อยเมว นโย, ตตฺถ หิ ปฎิจฺจฎฺฐผรณสฺส สมานตาฯ ทสฺสิตาย ปฎิจฺจฎฺฐทฺวยผรณตายฯ ขนฺธวตฺถูนญฺจ ทสฺสิตาเยวาติ ขนฺธวตฺถูนญฺจ เอกโต ปฎิจฺจฎฺฐผรณตา ทสฺสิตาเยวฯ

    58. Pubbeti hetupaccayādīsu. Visuṃ paccayabhāvenāti ‘‘paṭisandhikkhaṇe vipākābyākataṃ ekaṃ khandhaṃ paṭicca tayo khandhā kaṭattā ca rūpa’’ntiādinā vatthussa visuṃ paccayabhāvena. Ettha ca visuṃyeva paccayabhāvena dassitānīti na sakkā vattuṃ, ‘‘khandhe paṭicca vatthu, vatthuṃ paṭicca khandhā’’ti paccayuppannabhāvo viya khandhānaṃ ekatopi paccayabhāvo dassito. Teneva hi tasmiṃ atthe attano aruciṃ vibhāvento āha ‘‘iminā adhippāyenāhā’’ti. Yo panattho attano ruccati, taṃ dassetuṃ ‘‘khandhe paṭicca vatthūti idaṃ panā’’tiādi vuttaṃ. Khandhānaṃ paccayabhūtānaṃ paṭiccaṭṭhapharaṇatādassanaṃ , vatthussa paccayabhūtassa paṭiccaṭṭhapharaṇatādassanaṃ, na khandhānanti sambandho. Idhevāti imasmiṃ aññamaññapaccaye eva. Hetupaccayādīsupi ayameva nayo, tattha hi paṭiccaṭṭhapharaṇassa samānatā. Dassitāya paṭiccaṭṭhadvayapharaṇatāya. Khandhavatthūnañca dassitāyevāti khandhavatthūnañca ekato paṭiccaṭṭhapharaṇatā dassitāyeva.

    เอวมาทีติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘อกุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจา’’ติ เอวมาทิ สงฺคยฺหติฯ นนุ ภวิตพฺพนฺติ โยชนาฯ เหตุปจฺจยาทีหิ วิยาติ สทิสูทาหรณนฺติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘น หี’’ติอาทิมาหฯ ยํ ‘‘เอกํ, ตโย, เทฺว จ ขเนฺธ ปฎิจฺจา’’ติ วุตฺตํ ปจฺจยชาตนฺติ อโตฺถฯ ปจฺจยโฎฺฐ หิ ปฎิจฺจโฎฺฐฯ เตนาห ‘‘เต เหตุปจฺจยภูตา เอว น โหนฺตี’’ติฯ เอเตน น ปฎิจฺจฎฺฐผรณกสฺส เอกนฺติโก เหตุอาทิปจฺจยภาโวติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘เอส นโย อารมฺมณปจฺจยาทีสู’’ติฯ น หิ อารมฺมณปจฺจยภูโต ธโมฺม ปฎิจฺจฎฺฐํ ผรติฯ วุตฺตญฺจ ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ กุสโล ธโมฺม อุปฺปชฺชติ อารมฺมณปจฺจยา’’ติฯ

    Evamādīti ādi-saddena ‘‘akusalaṃ dhammaṃ paṭiccā’’ti evamādi saṅgayhati. Nanu bhavitabbanti yojanā. Hetupaccayādīhi viyāti sadisūdāharaṇanti taṃ dassento ‘‘na hī’’tiādimāha. Yaṃ ‘‘ekaṃ, tayo, dve ca khandhe paṭiccā’’ti vuttaṃ paccayajātanti attho. Paccayaṭṭho hi paṭiccaṭṭho. Tenāha ‘‘te hetupaccayabhūtā eva na hontī’’ti. Etena na paṭiccaṭṭhapharaṇakassa ekantiko hetuādipaccayabhāvoti dasseti. Tenāha ‘‘esa nayo ārammaṇapaccayādīsū’’ti. Na hi ārammaṇapaccayabhūto dhammo paṭiccaṭṭhaṃ pharati. Vuttañca ‘‘kusalaṃ dhammaṃ paṭicca kusalo dhammo uppajjati ārammaṇapaccayā’’ti.

    ปจฺจยนฺตเรนปิ อุปการกตามตฺตมฺปิ คเหตฺวา ปฎิจฺจวาเร วารนฺตเร จ เหตุอาทิปจฺจยา ทสฺสิตาติ อุปจเยน ยถาวุตฺตํ วิภาเวโนฺต ‘‘ปจฺจยวาเร จา’’ติอาทิมาหฯ ตํปจฺจยาติ วตฺถุปจฺจยา, ยถารหํ ปจฺจยภูตํ วตฺถุํ ลภิตฺวาติ อโตฺถฯ เตติ กุสเล ขเนฺธ ปฎิจฺจฯ เตสนฺติ มหาภูตานํ ขนฺธานํฯ ปจฺจยภาวาภาวโตติ อิทํ ขนฺธานํ เหตุสหชาตาทิปจฺจยภาวสฺส มหาภูเตสุ ทิฎฺฐตฺตา วุตฺตํฯ ยทิ เอวํ อญฺญมญฺญปจฺจยาปิ เต เตสํ ภเวยฺยุนฺติ ปรสฺส อาสงฺกนิราสงฺกํ กโรโนฺต ‘‘อญฺญมญฺญสโทฺท หี’’ติอาทิมาหฯ นิรเปโกฺขติ อญฺญนิรเปโกฺขฯ น หิ เหตุธโมฺม ธมฺมนฺตราเปโกฺข หุตฺวา เหตุปจฺจโย โหติ, สทฺทสีเสเนตฺถ อโตฺถ วุโตฺตฯ อญฺญตราเปโกฺขติ อตฺตนา สหการิการณภูตํ, อิตรํ วา ยํ กิญฺจิ อญฺญตรํ อเปกฺขตีติ อญฺญตราเปโกฺขฯ ยถาวุเตฺตตเรตราเปโกฺขติ อรูปกฺขนฺธาทิเภทํ ปาฬิยํ วุตฺตปฺปการํ อิตเรตรํ มิถุ ปจฺจยภูตํ อเปกฺขตีติ อิตเรตราเปโกฺขฯ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนา จ ขนฺธา มหาภูตา อิธ ยถาวุตฺตา ภเวยฺยุนฺติ กสฺมา วุตฺตํฯ น หิ ขนฺธา มหาภูตา อญฺญมญฺญํ อญฺญมญฺญปจฺจยภาเวน วุตฺตา, อถ ขนฺธา จ มหาภูตา จาติ วิสุํ วิสุํ คเยฺหยฺยุํ, เอวํ สติ ‘‘มหาภูตา ขนฺธานํ น โกจิ ปจฺจโย’’ติ น วตฺตพฺพํฯ

    Paccayantarenapi upakārakatāmattampi gahetvā paṭiccavāre vārantare ca hetuādipaccayā dassitāti upacayena yathāvuttaṃ vibhāvento ‘‘paccayavāre cā’’tiādimāha. Taṃpaccayāti vatthupaccayā, yathārahaṃ paccayabhūtaṃ vatthuṃ labhitvāti attho. Teti kusale khandhe paṭicca. Tesanti mahābhūtānaṃ khandhānaṃ. Paccayabhāvābhāvatoti idaṃ khandhānaṃ hetusahajātādipaccayabhāvassa mahābhūtesu diṭṭhattā vuttaṃ. Yadi evaṃ aññamaññapaccayāpi te tesaṃ bhaveyyunti parassa āsaṅkanirāsaṅkaṃ karonto ‘‘aññamaññasaddo hī’’tiādimāha. Nirapekkhoti aññanirapekkho. Na hi hetudhammo dhammantarāpekkho hutvā hetupaccayo hoti, saddasīsenettha attho vutto. Aññatarāpekkhoti attanā sahakārikāraṇabhūtaṃ, itaraṃ vā yaṃ kiñci aññataraṃ apekkhatīti aññatarāpekkho. Yathāvuttetaretarāpekkhoti arūpakkhandhādibhedaṃ pāḷiyaṃ vuttappakāraṃ itaretaraṃ mithu paccayabhūtaṃ apekkhatīti itaretarāpekkho. Paccayapaccayuppannā ca khandhā mahābhūtā idha yathāvuttā bhaveyyunti kasmā vuttaṃ. Na hi khandhā mahābhūtā aññamaññaṃ aññamaññapaccayabhāvena vuttā, atha khandhā ca mahābhūtā cāti visuṃ visuṃ gayheyyuṃ, evaṃ sati ‘‘mahābhūtā khandhānaṃ na koci paccayo’’ti na vattabbaṃ.

    ยสฺส สยํ ปจฺจโย, ตโต เตน ตนฺนิสฺสิเตน วาติ ยสฺส ธมฺมสฺส สยํ อตฺตนา ปจฺจโย โหติ, ตโต ธมฺมโต สยํ อุปฺปชฺชมานํ กถํ เตน ธเมฺมน ตนฺนิสฺสิเตน วา อญฺญมญฺญปจฺจเยน เอวํภูตํ ตํ ธมฺมชาตํ อญฺญมญฺญปจฺจยา อุปฺปชฺชตีติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ วุตฺตเมวตฺถํ อุทาหรเณน วิภาเวติ ‘‘ยถา’’ติอาทินาฯ ตตฺถ ‘‘ขเนฺธ ปฎิจฺจ ขนฺธา’’ติ อิทํ ‘‘เตน อญฺญมญฺญปจฺจเยน อุปฺปชฺชมาน’’นฺติ อิมสฺส อุทาหรณํ, ‘‘วตฺถุํ ปจฺจยา ขนฺธา’’ติ อิทํ ปน ‘‘ตนฺนิสฺสิเตน อญฺญมญฺญปจฺจเยน อุปฺปชฺชมาน’’นฺติ เอตสฺสฯ ตสฺมาติ วุตฺตเมว อตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติฯ อตฺตโน ปจฺจยสฺส ปจฺจยตฺตาภาวโตติ อตฺตโน ปจฺจยภูตสฺส อรูปกฺขนฺธสฺส ปจฺจยภาวาภาวโตฯ น หิ มหาภูตา ยโต ขนฺธโต อุปฺปนฺนา, เตสํ ปจฺจยา โหนฺติฯ ตทเปกฺขตฺตาติ อิตเรตรปจฺจยภาวาเปกฺขตฺตาฯ ขเนฺธ ปฎิจฺจ ปจฺจยา จาติ ปฎิจฺจวาเร วุตฺตนิยาเมเนว ขเนฺธ ปฎิจฺจ, ปจฺจยวาเร วุตฺตนิยาเมน ขเนฺธ ปจฺจยา จฯ นอญฺญมญฺญปจฺจยา จ วุตฺตาติ อญฺญมญฺญปจฺจยโต อญฺญสฺมา นิสฺสยปจฺจยาทิโต มหาภูตานํ อุปฺปตฺติ วุตฺตา จาติ อโตฺถฯ วตฺถุํ ปจฺจยา อุปฺปชฺชมานาติ วตฺถุํ ปุเรชาตปจฺจยํ กตฺวา อุปฺปชฺชมานาฯ ตนฺนิสฺสิเตน จ อญฺญมญฺญปจฺจเยนาติ ตํ วตฺถุํ นิสฺสิเตน ขเนฺธน อญฺญมญฺญปจฺจยภูเตน อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา ยถาวุเตฺตน การเณน วตฺถุํ ปจฺจยา…เป.… วุตฺตา, อิมินา ปริยาเยน ปน อุชุกํ ปวตฺติยํ วตฺถุสฺส อญฺญมญฺญปจฺจยภาโวติ อโตฺถฯ

    Yassasayaṃ paccayo, tato tena tannissitena vāti yassa dhammassa sayaṃ attanā paccayo hoti, tato dhammato sayaṃ uppajjamānaṃ kathaṃ tena dhammena tannissitena vā aññamaññapaccayena evaṃbhūtaṃ taṃ dhammajātaṃ aññamaññapaccayā uppajjatīti vattabbataṃ arahatīti vuttamevatthaṃ udāharaṇena vibhāveti ‘‘yathā’’tiādinā. Tattha ‘‘khandhe paṭicca khandhā’’ti idaṃ ‘‘tena aññamaññapaccayena uppajjamāna’’nti imassa udāharaṇaṃ, ‘‘vatthuṃ paccayā khandhā’’ti idaṃ pana ‘‘tannissitena aññamaññapaccayena uppajjamāna’’nti etassa. Tasmāti vuttameva atthaṃ kāraṇabhāvena paccāmasati. Attano paccayassa paccayattābhāvatoti attano paccayabhūtassa arūpakkhandhassa paccayabhāvābhāvato. Na hi mahābhūtā yato khandhato uppannā, tesaṃ paccayā honti. Tadapekkhattāti itaretarapaccayabhāvāpekkhattā. Khandhe paṭicca paccayā cāti paṭiccavāre vuttaniyāmeneva khandhe paṭicca, paccayavāre vuttaniyāmena khandhe paccayā ca. Naaññamaññapaccayā ca vuttāti aññamaññapaccayato aññasmā nissayapaccayādito mahābhūtānaṃ uppatti vuttā cāti attho. Vatthuṃ paccayā uppajjamānāti vatthuṃ purejātapaccayaṃ katvā uppajjamānā. Tannissitena ca aññamaññapaccayenāti taṃ vatthuṃ nissitena khandhena aññamaññapaccayabhūtena uppajjanti, tasmā yathāvuttena kāraṇena vatthuṃ paccayā…pe… vuttā, iminā pariyāyena pana ujukaṃ pavattiyaṃ vatthussa aññamaññapaccayabhāvoti attho.

    ๕๙. สา น คหิตาติ ยา ‘‘จกฺขายตนํ นิสฺสายา’’ติอาทินา จกฺขายตนาทีนํ นิสฺสยปจฺจยตา วุตฺตา, สา อิธ ปฎิจฺจวาเร น วุตฺตาติ อโตฺถ สหชาตโตฺถ ปฎิจฺจโตฺถติ กตฺวาฯ เตนาห ‘‘จกฺขายตนาทีนิ…เป.… อธิปฺปาโย’’ติฯ เยสํ ปน อรูปกฺขนฺธมหาภูตนามรูปจิตฺตเจตสิกมหาภูตรูปิธมฺมานํ วเสน ฉธา นิสฺสยปจฺจโย อิจฺฉิโต, เตสํ วเสน อิธ วิภโตฺต เอวฯ กถํ รูปิวเสน วิภโตฺตติ เจ? ‘‘วตฺถุํ ปฎิจฺจ ขนฺธา’’ติ หทยวตฺถุวเสน สรูปโต ทสฺสิโต เอวฯ อิตเรสมฺปิ วเสน ‘‘อพฺยากตํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ อพฺยากโต ธโมฺม อุปฺปชฺชติ นิสฺสยปจฺจยา’’ติ เอตฺถ ทสฺสิโตฯ ยถา หิ ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ กุสโล ธโมฺม อุปฺปชฺชติ อารมฺมณปจฺจยา’’ติอาทีสุ รูปายตนาทีนํ อสติปิ ปฎิจฺจฎฺฐผรเณ อารมฺมณปจฺจยภาโว ทสฺสิโต โหติ, เอวมิธาปิ จกฺขายตนาทีนํ นิสฺสยปจฺจยภาโว ทสฺสิโต โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘นิสฺสย…เป.… น คหิตานี’’ติฯ

    59. Sā na gahitāti yā ‘‘cakkhāyatanaṃ nissāyā’’tiādinā cakkhāyatanādīnaṃ nissayapaccayatā vuttā, sā idha paṭiccavāre na vuttāti attho sahajātattho paṭiccatthoti katvā. Tenāha ‘‘cakkhāyatanādīni…pe… adhippāyo’’ti. Yesaṃ pana arūpakkhandhamahābhūtanāmarūpacittacetasikamahābhūtarūpidhammānaṃ vasena chadhā nissayapaccayo icchito, tesaṃ vasena idha vibhatto eva. Kathaṃ rūpivasena vibhattoti ce? ‘‘Vatthuṃ paṭicca khandhā’’ti hadayavatthuvasena sarūpato dassito eva. Itaresampi vasena ‘‘abyākataṃ dhammaṃ paṭicca abyākato dhammo uppajjati nissayapaccayā’’ti ettha dassito. Yathā hi ‘‘kusalaṃ dhammaṃ paṭicca kusalo dhammo uppajjati ārammaṇapaccayā’’tiādīsu rūpāyatanādīnaṃ asatipi paṭiccaṭṭhapharaṇe ārammaṇapaccayabhāvo dassito hoti, evamidhāpi cakkhāyatanādīnaṃ nissayapaccayabhāvo dassito hoti. Tena vuttaṃ ‘‘nissaya…pe… na gahitānī’’ti.

    ๖๐. ทฺวีสุ อุปนิสฺสเยสูติ อนนฺตรปกตูปนิสฺสเยสุฯ กุสลาปิ ปน มหคฺคตาติ ปิ-สเทฺทน อพฺยากเต มหคฺคเต อากฑฺฒติ ‘‘กุสลาปิ มหคฺคตา อารมฺมณูปนิสฺสยํ น ลภนฺติ, ปเคว อพฺยากตา’’ติฯ กทาจิ น ลภนฺติ, ยทา ครุํ กตฺวา น ปวตฺตนฺตีติ อโตฺถฯ

    60. Dvīsuupanissayesūti anantarapakatūpanissayesu. Kusalāpi pana mahaggatāti pi-saddena abyākate mahaggate ākaḍḍhati ‘‘kusalāpi mahaggatā ārammaṇūpanissayaṃ na labhanti, pageva abyākatā’’ti. Kadāci na labhanti, yadā garuṃ katvā na pavattantīti attho.

    ๖๑. อญฺญตฺถ เหตุปจฺจยาทีสุฯ ปจฺจยํ อนิทฺทิสิตฺวาติ ปจฺจยํ ธมฺมํ สรูปโต อนิทฺทิสิตฺวาฯ น หิ เหตุปจฺจยนิเทฺทสาทีสุ อโลภาทิกุสลาทิสรูปวิเสสโต เหตุอาทิธมฺมา ทสฺสิตาฯ กุสลาทีสูติ อิทํ อโลภาทิวิเสสนํฯ เตน ยถา อโลภาทีสุ อยเมว ปจฺจโยติ นิยโม นตฺถิ, เอวํ ตพฺพิเสเสสุ กุสลาทีสูติ ทเสฺสติฯ อิธ ปน ปุเรชาตปจฺจเยฯ วตฺถุนวตฺถุธเมฺมสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํฯ ปุเรชาตปจฺจยา อุปฺปชฺชมานานนฺติ อิมินา ปฎิสนฺธิกฺขเณ, อารุเปฺป อุปฺปชฺชมาเน จ ขเนฺธ นิวเตฺตติฯ กสฺมา ปเนตฺถ วตฺถุปุเรชาตเมว คหิตํ, น อารมฺมณปุเรชาตนฺติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘อารมฺมณปุเรชาตมฺปิ หิ วตฺถุปุเรชาเต อวิชฺชมาเน น ลพฺภตี’’ติฯ ตสฺสาติ ปฎิสนฺธิวิปากสฺสฯ น อุทฺธโฎติ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฎํ กาตุํ ‘‘เนววิปาก…เป.… ตีณีติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ อลาภโตติ ยทิ ลเพฺภยฺย, ‘‘จตฺตารี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ ทเสฺสติฯ ตตฺถาติ วิปากตฺติเกฯ ตีณีติ ‘‘วิปากํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ วิปาโก ธโมฺม อุปฺปชฺชติ ปุเรชาตปจฺจยา, วิปากธมฺมธมฺมํ, เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมํ ปฎิจฺจา’’ติ อิมานิ ตีณิฯ

    61. Aññattha hetupaccayādīsu. Paccayaṃ aniddisitvāti paccayaṃ dhammaṃ sarūpato aniddisitvā. Na hi hetupaccayaniddesādīsu alobhādikusalādisarūpavisesato hetuādidhammā dassitā. Kusalādīsūti idaṃ alobhādivisesanaṃ. Tena yathā alobhādīsu ayameva paccayoti niyamo natthi, evaṃ tabbisesesu kusalādīsūti dasseti. Idha pana purejātapaccaye. Vatthunavatthudhammesūti niddhāraṇe bhummaṃ. Purejātapaccayā uppajjamānānanti iminā paṭisandhikkhaṇe, āruppe uppajjamāne ca khandhe nivatteti. Kasmā panettha vatthupurejātameva gahitaṃ, na ārammaṇapurejātanti codanaṃ manasi katvā āha ‘‘ārammaṇapurejātampi hi vatthupurejāte avijjamāne na labbhatī’’ti. Tassāti paṭisandhivipākassa. Na uddhaṭoti vuttamevatthaṃ pākaṭaṃ kātuṃ ‘‘nevavipāka…pe… tīṇīti vutta’’nti vuttaṃ. Alābhatoti yadi labbheyya, ‘‘cattārī’’ti vattabbaṃ siyāti dasseti. Tatthāti vipākattike. Tīṇīti ‘‘vipākaṃ dhammaṃ paṭicca vipāko dhammo uppajjati purejātapaccayā, vipākadhammadhammaṃ, nevavipākanavipākadhammadhammaṃ paṭiccā’’ti imāni tīṇi.

    ๖๓. ตทุปาทารูปานนฺติ เต มหาภูเต นิสฺสาย ปวตฺตอุปาทารูปานํฯ วทตีติ เอกกฺขณิกนานากฺขณิกกมฺมปจฺจยํ วทติ อวินิโพฺภควเสน ปวตฺตมานานํ เตสํ ปจฺจเยน วิเสสาภาวโตฯ ปวตฺติยํ กฎตฺตารูปานนฺติ วิเสสนํ ปฎิสนฺธิกฺขเณ กฎตฺตารูปานํ เอกกฺขณิกสฺสปิ กมฺมปจฺจยสฺส อิจฺฉิตตฺตาฯ เตเนว หิ อฎฺฐกถายํ ‘‘ตถา ปฎิสนฺธิกฺขเณ มหาภูตาน’’นฺติ ทุวิโธปิ กมฺมปจฺจโย วุโตฺตฯ

    63. Tadupādārūpānanti te mahābhūte nissāya pavattaupādārūpānaṃ. Vadatīti ekakkhaṇikanānākkhaṇikakammapaccayaṃ vadati avinibbhogavasena pavattamānānaṃ tesaṃ paccayena visesābhāvato. Pavattiyaṃ kaṭattārūpānanti visesanaṃ paṭisandhikkhaṇe kaṭattārūpānaṃ ekakkhaṇikassapi kammapaccayassa icchitattā. Teneva hi aṭṭhakathāyaṃ ‘‘tathā paṭisandhikkhaṇe mahābhūtāna’’nti duvidhopi kammapaccayo vutto.

    ๖๔. ยํ ยํ ปฎิสนฺธิยํ ลพฺภตีติ จกฺขุนฺทฺริยาทีสุ ยํ ยํ อินฺทฺริยรูปํ ปฎิสนฺธิยํ ลพฺภติ, ตสฺส ตสฺส วเสน อินฺทฺริยรูปญฺจ วตฺถุรูปญฺจ ‘‘กฎตฺตารูป’’นฺติ วุตฺตํฯ

    64. Yaṃ yaṃ paṭisandhiyaṃ labbhatīti cakkhundriyādīsu yaṃ yaṃ indriyarūpaṃ paṭisandhiyaṃ labbhati, tassa tassa vasena indriyarūpañca vatthurūpañca ‘‘kaṭattārūpa’’nti vuttaṃ.

    ๖๙. เกสญฺจีติ ปญฺจโวกาเร ปฎิสนฺธิกฺขนฺธาทีนํฯ เตสญฺหิ วตฺถุ นิยมโต วิปฺปยุตฺตปจฺจโย โหติฯ สมานวิปฺปยุตฺตปจฺจยาติ สทิสวิปฺปยุตฺตปจฺจยาฯ กุสลากุสลา หิ ขนฺธา เอกเจฺจ จ อพฺยากตา ยสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจยา โหนฺติ, น สยํ ตโต วิปฺปยุตฺตปจฺจยํ ลภนฺติ จิตฺตสมุฎฺฐานานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยาภาวโต วตฺถุนาว วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน อุปฺปชฺชนโตฯ เอกเจฺจ ปน อพฺยากตา ยสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจยา โหนฺติ, สยมฺปิ ตโต วิปฺปยุตฺตปจฺจยํ ลภนฺติ ยถา ปฎิสนฺธิกฺขเณ วตฺถุกฺขนฺธาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เกสญฺจิ ขนฺธา…เป.… นานาวิปฺปยุตฺตปจฺจยาปี’’ติฯ ปจฺจยํ ปจฺจยํ กโรตีติ ปจฺจยธมฺมํ วตฺถุํ ขเนฺธ จ อตฺตโน ปจฺจยภูตํ กโรติ, ยถาวุตฺตํ ปจฺจยธมฺมํ ปจฺจยํ กตฺวา ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ ตํกิริยากรณโตติ วิปฺปยุตฺตปจฺจยกิจฺจกรณโตฯ ปฎิจฺจ อุปฺปตฺติ นตฺถีติ ปฎิจฺจฎฺฐผรณํ นตฺถิ สหชาตโฎฺฐ ปฎิจฺจโฎฺฐติ กตฺวาฯ ‘‘ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เอตฺตกเมวาห, กิํ ปฎิจฺจ? ขเนฺธติ ปากโฎยมโตฺถติฯ เตนาห ‘‘กิํ ปน ปฎิจฺจา’’ติอาทิฯ ปจฺจาสตฺติญาเยน อนนฺตรสฺส วิธิ ปฎิเสโธ วา โหตีติ คเณฺหยฺยาติ ตํ นิวาเรตุํ วุตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนนฺตรตฺตา…เป.… วุตฺตํ โหตี’’ติ อาหฯ

    69. Kesañcīti pañcavokāre paṭisandhikkhandhādīnaṃ. Tesañhi vatthu niyamato vippayuttapaccayo hoti. Samānavippayuttapaccayāti sadisavippayuttapaccayā. Kusalākusalā hi khandhā ekacce ca abyākatā yassa vippayuttapaccayā honti, na sayaṃ tato vippayuttapaccayaṃ labhanti cittasamuṭṭhānānaṃ vippayuttapaccayābhāvato vatthunāva vippayuttapaccayena uppajjanato. Ekacce pana abyākatā yassa vippayuttapaccayā honti, sayampi tato vippayuttapaccayaṃ labhanti yathā paṭisandhikkhaṇe vatthukkhandhā. Tena vuttaṃ ‘‘kesañci khandhā…pe… nānāvippayuttapaccayāpī’’ti. Paccayaṃ paccayaṃ karotīti paccayadhammaṃ vatthuṃ khandhe ca attano paccayabhūtaṃ karoti, yathāvuttaṃ paccayadhammaṃ paccayaṃ katvā pavattatīti attho. Taṃkiriyākaraṇatoti vippayuttapaccayakiccakaraṇato. Paṭicca uppatti natthīti paṭiccaṭṭhapharaṇaṃ natthi sahajātaṭṭho paṭiccaṭṭhoti katvā. ‘‘Paṭicca uppajjantī’’ti ettakamevāha, kiṃ paṭicca? Khandheti pākaṭoyamatthoti. Tenāha ‘‘kiṃ pana paṭiccā’’tiādi. Paccāsattiñāyena anantarassa vidhi paṭisedho vā hotīti gaṇheyyāti taṃ nivāretuṃ vuttanti dassento ‘‘anantarattā…pe… vuttaṃ hotī’’ti āha.

    ๗๑-๗๒. สงฺขิปิตฺวา ทสฺสิตานํ วเสเนตํ วุตฺตนฺติ สงฺขิปิตฺวา ทสฺสิตานํ ปจฺจยานํ วเสน เอตํ ‘‘อิเม เตวีสติ ปจฺจยา’’ติอาทิวจนํ วาจนามคฺคํ ทเสฺสเนฺตหิปิ ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ อฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ เอเกนปีติ กุสลาทีสุ จ ปเทสุ เอเกนปิ ปเทน, ตสฺมิํ ตสฺมิํ วา ปจฺจยนิเทฺทเส วากฺยสงฺขาเตน เอเกนปิ ปเทนฯ ตโย ปจฺจยาติ เหตุอารมฺมณาธิปติปจฺจยาฯ เต จตฺตาโร ปจฺฉาชาตญฺจ วเชฺชตฺวาติ เอตฺถ ยถาวุเตฺต จตฺตาโร ปจฺจเย วิตฺถาริตตฺตา ‘‘วเชฺชตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ปจฺฉาชาตํ ปน สเพฺพน สพฺพํ อคฺคหิตตฺตาฯ เอตฺตกา หิ เอกูนวีสติ ปจฺจยา ยถาวุเตฺต ปจฺจเย วเชฺชตฺวา อวสิฎฺฐาฯ เย ปนาติ ปทการเก วทติฯ สงฺขิปิตฺวาติ ปทสฺส ‘‘ปาฬิยํ วิตฺถาริตํ อวิตฺถาริตญฺจ สพฺพํ สงฺคเหตฺวา วุตฺต’’นฺติ อตฺถํ วทนฺติฯ ‘‘เตวีสติ ปจฺจยา’’ติ ปาเฐน ภวิตพฺพํ ‘‘สพฺพํ สงฺคเหตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตาฯ ปจฺฉาชาตปจฺจโยเยว หิ วเชฺชตโพฺพติฯ เอวํ วาทนฺตเร วตฺตพฺพํ วตฺวา อิทานิ ปาฬิยา อวิปรีตํ อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘อาทิมฺหิ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    71-72. Saṅkhipitvā dassitānaṃ vasenetaṃ vuttanti saṅkhipitvā dassitānaṃ paccayānaṃ vasena etaṃ ‘‘ime tevīsati paccayā’’tiādivacanaṃ vācanāmaggaṃ dassentehipi pāḷiyaṃ vuttanti aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Ekenapīti kusalādīsu ca padesu ekenapi padena, tasmiṃ tasmiṃ vā paccayaniddese vākyasaṅkhātena ekenapi padena. Tayo paccayāti hetuārammaṇādhipatipaccayā. Te cattāro pacchājātañca vajjetvāti ettha yathāvutte cattāro paccaye vitthāritattā ‘‘vajjetvā’’ti vuttaṃ, pacchājātaṃ pana sabbena sabbaṃ aggahitattā. Ettakā hi ekūnavīsati paccayā yathāvutte paccaye vajjetvā avasiṭṭhā. Ye panāti padakārake vadati. Saṅkhipitvāti padassa ‘‘pāḷiyaṃ vitthāritaṃ avitthāritañca sabbaṃ saṅgahetvā vutta’’nti atthaṃ vadanti. ‘‘Tevīsati paccayā’’ti pāṭhena bhavitabbaṃ ‘‘sabbaṃ saṅgahetvā’’ti vuttattā. Pacchājātapaccayoyeva hi vajjetabboti. Evaṃ vādantare vattabbaṃ vatvā idāni pāḷiyā aviparītaṃ atthaṃ dassetuṃ ‘‘ādimhi panā’’tiādi vuttaṃ.

    วิภงฺควารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vibhaṅgavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    (๒) สงฺขฺยาวารวณฺณนา

    (2) Saṅkhyāvāravaṇṇanā

    ๗๓. ยถา อญฺญมญฺญปจฺจเย วิเสโส วิภเงฺค อตฺถีติ อิทํ เหตุปจฺจยาทิวิภงฺคโต วิเสสภาวสามเญฺญน วุตฺตํฯ น หิ ยาทิโส อญฺญมญฺญปจฺจยวิภเงฺค วิเสโส, ตาทิโส ปุเรชาตปจฺจยวิภเงฺคฯ ตถา หิ อญฺญมญฺญปจฺจเย ปฎิสนฺธิ ลพฺภติ, น ปุเรชาตปจฺจเยฯ ‘‘วิปากาพฺยากตํ เอกํ ขนฺธํ ปฎิจฺจา’’ติอาทิเก วิภเงฺคติ อิมินา ยสฺมิํ ปจฺจเย วิปากาพฺยากตํ อุทฺธฎํ, ตํ นิทสฺสนวเสน ทเสฺสติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา เหตุปจฺจยาทีสุ ‘‘วิปากาพฺยากตํ เอกํ ขนฺธํ ปฎิจฺจา’’ติอาทินา วิภเงฺค วิปากาพฺยากตํ อุทฺธฎํ อตฺถิ, เอวํ วิปากาพฺยากตาภาวํ อาเสวนปจฺจเย วิเสสํ ทเสฺสตีติฯ

    73. Yathāaññamaññapaccaye viseso vibhaṅge atthīti idaṃ hetupaccayādivibhaṅgato visesabhāvasāmaññena vuttaṃ. Na hi yādiso aññamaññapaccayavibhaṅge viseso, tādiso purejātapaccayavibhaṅge. Tathā hi aññamaññapaccaye paṭisandhi labbhati, na purejātapaccaye. ‘‘Vipākābyākataṃ ekaṃ khandhaṃ paṭiccā’’tiādike vibhaṅgeti iminā yasmiṃ paccaye vipākābyākataṃ uddhaṭaṃ, taṃ nidassanavasena dasseti. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā hetupaccayādīsu ‘‘vipākābyākataṃ ekaṃ khandhaṃ paṭiccā’’tiādinā vibhaṅge vipākābyākataṃ uddhaṭaṃ atthi, evaṃ vipākābyākatābhāvaṃ āsevanapaccaye visesaṃ dassetīti.

    ๗๔. เอตสฺมิํ อนุโลเมติ อิมสฺมิํ ปฎิจฺจวาเร ปจฺจยานุโลเมฯ สุทฺธิกนเยติ ปฐเม นเยฯ ทสฺสิตคณนโตติ ‘‘นว, ตีณิ, เอก’’นฺติ เอวํ สเงฺขปโต ทสฺสิตคณนโตฯ ตโต ปเรสุ นเยสูติ ตโต ปฐมนยโต ปเรสุ ทุติยาทินเยสุฯ อญฺญิสฺสาติ นวาทิเภทโต อญฺญิสฺสา คณนายฯ อพหุคณเนน ยุตฺตสฺส พหุคณนสฺส ปจฺจยสฺส, เตน อพหุคณเนนฯ สมานคณนตา จาติ -สโทฺท พฺยติเรโกฯ เตน ปจฺจนียโต อนุโลเม โย วิเสโส วุจฺจติ, ตํ โชเตติฯ เตนาห ‘‘อนุโลเมเยว ทฎฺฐพฺพา’’ติฯ อนุโลเมเยวาติ อวธารเณน นิวตฺติตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปจฺจนีเย…เป.… วกฺขตี’’ติ วุตฺตํฯ

    74. Etasmiṃ anulometi imasmiṃ paṭiccavāre paccayānulome. Suddhikanayeti paṭhame naye. Dassitagaṇanatoti ‘‘nava, tīṇi, eka’’nti evaṃ saṅkhepato dassitagaṇanato. Tato paresu nayesūti tato paṭhamanayato paresu dutiyādinayesu. Aññissāti navādibhedato aññissā gaṇanāya. Abahugaṇanena yuttassa bahugaṇanassa paccayassa, tena abahugaṇanena. Samānagaṇanatā cāti ca-saddo byatireko. Tena paccanīyato anulome yo viseso vuccati, taṃ joteti. Tenāha ‘‘anulomeyeva daṭṭhabbā’’ti. Anulomeyevāti avadhāraṇena nivattitaṃ dassetuṃ ‘‘paccanīye…pe… vakkhatī’’ti vuttaṃ.

    ๗๖-๗๙. เต ปน เตรสมูลกาทิเก นเย สาเสวนสวิปาเกสุ ทฺวีสุ ทฺวาวีสติมูลเกสุ สาเสวนเมว คเหตฺวา อิตรํ ปชหโนฺต อาห ‘‘ปจฺฉาชาตวิปากานํ ปริหีนตฺตา’’ติฯ วิโรธาภาเว สตีติ อิทํ ‘‘สิยา กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ อกุสโล ธโมฺม อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติอาทีสุ วิย ปริกปฺปวจนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘ปุจฺฉาย ทสฺสิตนเยนา’’ติฯ ตสฺส จ เตวีสติมูลกสฺสฯ นามนฺติ เตวีสติมูลกนฺติ นามํฯ ทฺวาวีสติ…เป.… วุตฺตนฺติ เอเตน ทฺวาวีสติมูลโกว ปรมตฺถโต ลพฺภติ, น เตวีสติมูลโกติ ทเสฺสติฯ

    76-79. Te pana terasamūlakādike naye sāsevanasavipākesu dvīsu dvāvīsatimūlakesu sāsevanameva gahetvā itaraṃ pajahanto āha ‘‘pacchājātavipākānaṃ parihīnattā’’ti. Virodhābhāve satīti idaṃ ‘‘siyā kusalaṃ dhammaṃ paṭicca akusalo dhammo uppajjeyyā’’tiādīsu viya parikappavacanaṃ sandhāya vuttaṃ. Tenāha ‘‘pucchāya dassitanayenā’’ti. Tassa ca tevīsatimūlakassa. Nāmanti tevīsatimūlakanti nāmaṃ. Dvāvīsati…pe… vuttanti etena dvāvīsatimūlakova paramatthato labbhati, na tevīsatimūlakoti dasseti.

    อญฺญปทานีติ เหตุอธิปติปทาทีนิฯ สุทฺธิกนโยติ ปฐมนโย, ยํ อฎฺฐกถายํ ‘‘เอกมูล’’นฺติ วุตฺตํฯ อารมฺมณมูลกาทีสุ น ลพฺภตีติ ทุมูลกาทีสุ ตํ น โยชียติฯ เหฎฺฐิมํ เหฎฺฐิมํ โสเธตฺวา เอว หิ อภิธมฺมปาฬิ ปวตฺตา, ตสฺมา ‘‘อารมฺมเณ…เป.… ปญฺหา’’ติ วุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถาติ ‘‘ตีณิเยว ปญฺหา’’ติ ปาเฐฯ ‘‘วตฺตุ อธิปฺปายานุวิธายี สทฺทปฺปโยโค’’ติ กตฺวา อธิปฺปายํ วิภาเวโนฺต อาห ‘‘ตโต อุทฺธํ คณนํ นิวาเรติ, น อโธ ปฎิกฺขิปตี’’ติฯ คณนาย อุปนิกฺขิตฺตปญฺญตฺติภาวโต เหฎฺฐาคณนํ อมุญฺจิตฺวาว อุปริคณนา สมฺภวตีติ อาห ‘‘ตีสุ เอกสฺส อโนฺตคธตาย จ ‘ตีณิเยวา’ติ วุตฺต’’นฺติฯ อตฺตโน วจนนฺติ ‘‘ตตฺริทํ ลกฺขณ’’นฺติอาทินา วุตฺตํ อตฺตโน วจนํฯ

    Aññapadānīti hetuadhipatipadādīni. Suddhikanayoti paṭhamanayo, yaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘ekamūla’’nti vuttaṃ. Ārammaṇamūlakādīsu na labbhatīti dumūlakādīsu taṃ na yojīyati. Heṭṭhimaṃ heṭṭhimaṃ sodhetvā eva hi abhidhammapāḷi pavattā, tasmā ‘‘ārammaṇe…pe… pañhā’’ti vuttanti sambandho. Tatthāti ‘‘tīṇiyeva pañhā’’ti pāṭhe. ‘‘Vattu adhippāyānuvidhāyī saddappayogo’’ti katvā adhippāyaṃ vibhāvento āha ‘‘tato uddhaṃ gaṇanaṃ nivāreti, na adho paṭikkhipatī’’ti. Gaṇanāya upanikkhittapaññattibhāvato heṭṭhāgaṇanaṃ amuñcitvāva uparigaṇanā sambhavatīti āha ‘‘tīsu ekassa antogadhatāya ca ‘tīṇiyevā’ti vutta’’nti. Attano vacananti ‘‘tatridaṃ lakkhaṇa’’ntiādinā vuttaṃ attano vacanaṃ.

    ๘๐-๘๕. อวิคตา…เป.… วุเตฺตปิ วิปลฺลาสโยชนํ อกตฺวาติ อธิปฺปาโยฯ สา ทสฺสิตา โหตีติ สา วิปลฺลาสโยชนํ อกตฺวา ทสฺสิยมานา ยทิปิ ทสฺสิตา โหติ, น เอวํ อาวิกรณวเสน ทสฺสิตา โหติ ตาทิสสฺส ลิงฺคนสฺส อภาวโต ยถา วิปลฺลาสโยชนายนฺติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘วิปลฺลาส…เป.… โหตี’’ติฯ เอวเมว อธิปฺปาโย โยเชตโพฺพติ ‘‘เย…เป.… ตํ ทเสฺสตุ’’นฺติ เอตฺถ ‘‘ยทิปิ อวิคตานนฺตร’’นฺติอาทินา ยถา อธิปฺปาโย โยชิโต, เอวเมว ‘‘เตเนตํ อาวิกโรตี’’ติ เอตฺถาปิ อธิปฺปาโย โยเชตโพฺพฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ยถา ตตฺถ ‘‘อูนตรคณเนหิ สมานคณเนหิ จ สทฺธิํ สํสนฺทเน อูนตรา สมานา จ คณนา โหตี’’ติ อยมโตฺถ ญาปนวเสน ทสฺสิโต, เอวมิธาปีติฯ เตน วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘อารมฺมณปจฺจโย เยน เยน พหุตรคณเนน วา สมานคณเนน วา ปจฺจเยน สทฺธิํ ติกทุกาทิเภทํ คจฺฉติ, สพฺพตฺถ ตีเณว ปญฺหวิสฺสชฺชนานิ เวทิตพฺพานี’’ติฯ น เกวลมตฺถวิเสสาวิกรณตฺถเมเวตฺถ ตถา โยชนา กตา, อถ โข เทสนากฺกโมเยว โสติ ทเสฺสตุํ ‘‘ปจฺจนียาทีสุปิ ปนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ มูลปทนฺติ อารมฺมณปจฺจยาทิกํ ตสฺมิํ ตสฺมิํ นเย มูลภูตํ ปทํฯ ตตฺถาติ ปจฺจนียาทีสุฯ เอตํ ลกฺขณนฺติ ‘‘ตตฺริทํ ลกฺขณ’’นฺติอาทินา วุตฺตลกฺขณํฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ปุเพฺพนาปรํ ปาฬิ เอวเมว ปวตฺตา, ตสฺมา เอวฯ เตน มูลปทํ อาทิมฺหิเยว ฐเปตฺวา เทสนา ญายาคตาติ ทเสฺสติฯ ยทิ เอวํ ลิงฺคเนน อตฺถวิเสสาวิกรณํ กถนฺติ อาห ‘‘น จ วิญฺญาเต อเตฺถ วจเนน ลิเงฺคน จ ปโยชนํ อตฺถี’’ติฯ

    80-85. Avigatā…pe… vuttepi vipallāsayojanaṃ akatvāti adhippāyo. Sā dassitā hotīti sā vipallāsayojanaṃ akatvā dassiyamānā yadipi dassitā hoti, na evaṃ āvikaraṇavasena dassitā hoti tādisassa liṅganassa abhāvato yathā vipallāsayojanāyanti adhippāyo. Tenāha ‘‘vipallāsa…pe… hotī’’ti. Evameva adhippāyo yojetabboti ‘‘ye…pe… taṃ dassetu’’nti ettha ‘‘yadipi avigatānantara’’ntiādinā yathā adhippāyo yojito, evameva ‘‘tenetaṃ āvikarotī’’ti etthāpi adhippāyo yojetabbo. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yathā tattha ‘‘ūnataragaṇanehi samānagaṇanehi ca saddhiṃ saṃsandane ūnatarā samānā ca gaṇanā hotī’’ti ayamattho ñāpanavasena dassito, evamidhāpīti. Tena vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘ārammaṇapaccayo yena yena bahutaragaṇanena vā samānagaṇanena vā paccayena saddhiṃ tikadukādibhedaṃ gacchati, sabbattha tīṇeva pañhavissajjanāni veditabbānī’’ti. Na kevalamatthavisesāvikaraṇatthamevettha tathā yojanā katā, atha kho desanākkamoyeva soti dassetuṃ ‘‘paccanīyādīsupi panā’’tiādimāha. Tattha mūlapadanti ārammaṇapaccayādikaṃ tasmiṃ tasmiṃ naye mūlabhūtaṃ padaṃ. Tatthāti paccanīyādīsu. Etaṃ lakkhaṇanti ‘‘tatridaṃ lakkhaṇa’’ntiādinā vuttalakkhaṇaṃ. Tasmāti yasmā pubbenāparaṃ pāḷi evameva pavattā, tasmā eva. Tena mūlapadaṃ ādimhiyeva ṭhapetvā desanā ñāyāgatāti dasseti. Yadi evaṃ liṅganena atthavisesāvikaraṇaṃ kathanti āha ‘‘na ca viññāte atthe vacanena liṅgena ca payojanaṃ atthī’’ti.

    ปจฺจยานุโลมวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paccayānulomavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปฎฺฐานปาฬิ • Paṭṭhānapāḷi / ๑. กุสลตฺติกํ • 1. Kusalattikaṃ

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๑. ปฎิจฺจวารวณฺณนา • 1. Paṭiccavāravaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact