Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    วินยปิฎเก

    Vinayapiṭake

    วินยวินิจฺฉย-ฎีกา (ทุติโย ภาโค)

    Vinayavinicchaya-ṭīkā (dutiyo bhāgo)

    ปาฎิเทสนียกถาวณฺณนา

    Pāṭidesanīyakathāvaṇṇanā

    ๑๘๓๐-๑. เอวํ นาติสเงฺขปวิตฺถารนเยน เทฺวนวุติ ปาจิตฺติยานิ ทเสฺสตฺวา ตทนนฺตรํ นิทฺทิเฎฺฐ ปาฎิเทสนีเย ทเสฺสตุมาห ‘‘โย จนฺตรฆร’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ อนฺตรฆรนฺติ รถิกาทิมาหฯ ยถาห ‘‘อนฺตรฆรํ นาม รถิกา พฺยูหํ สิงฺฆาฎกํ ฆร’’นฺติฯ

    1830-1. Evaṃ nātisaṅkhepavitthāranayena dvenavuti pācittiyāni dassetvā tadanantaraṃ niddiṭṭhe pāṭidesanīye dassetumāha ‘‘yo cantaraghara’’ntiādi. Tattha antaragharanti rathikādimāha. Yathāha ‘‘antaragharaṃ nāma rathikā byūhaṃ siṅghāṭakaṃ ghara’’nti.

    โย ปน ภิกฺขุ อนฺตรฆรํ ปวิฎฺฐาย อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา หตฺถโต ยํ กิญฺจิ ขาทนํ, โภชนมฺปิ วา สหตฺถา ปฎิคฺคเณฺหยฺย, ตสฺส ภิกฺขุโน คหเณ ทุกฺกฎํ, โภเค อโชฺฌหาเร ปาฎิเทสนียํ สิยาติ โยชนาฯ

    Yo pana bhikkhu antaragharaṃ paviṭṭhāya aññātikāya bhikkhuniyā hatthato yaṃ kiñci khādanaṃ, bhojanampi vā sahatthā paṭiggaṇheyya, tassa bhikkhuno gahaṇe dukkaṭaṃ, bhoge ajjhohāre pāṭidesanīyaṃ siyāti yojanā.

    อิโต ปฎฺฐาย จตโสฺส คาถา อุปฺปฎิปาฎิยา โปตฺถเกสุ ลิขิตา, ตาสํ อยํ ปฎิปาฎิ – ‘‘เอตฺถนฺตรฆร’’นฺติ ตติยา, ‘‘ตสฺมา ภิกฺขุนิยา’’ติ จตุตฺถี, ‘‘รถิกาทีสู’’ติ ปญฺจมี , ‘‘รถิกายปิ วา’’ติ ฉฎฺฐีฯ ปฎิปาฎิ ปนายํ มาติกฎฺฐกถกฺกเมน เวทิตพฺพาฯ อิมาย ปฎิปาฎิยา ตาสํ อตฺถวณฺณนา โหติ –

    Ito paṭṭhāya catasso gāthā uppaṭipāṭiyā potthakesu likhitā, tāsaṃ ayaṃ paṭipāṭi – ‘‘etthantaraghara’’nti tatiyā, ‘‘tasmā bhikkhuniyā’’ti catutthī, ‘‘rathikādīsū’’ti pañcamī , ‘‘rathikāyapi vā’’ti chaṭṭhī. Paṭipāṭi panāyaṃ mātikaṭṭhakathakkamena veditabbā. Imāya paṭipāṭiyā tāsaṃ atthavaṇṇanā hoti –

    ๑๘๓๒-๓. ปุริมคาถาทฺวเยน ปทภาชนาคตสามญฺญวินิจฺฉยํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อฎฺฐกถาคตํ วิเสสํ ทเสฺสตุมาห ‘‘เอตฺถา’’ติอาทิฯ ตตฺถ เอตฺถาติ อิมสฺมิํ ปฐมปาฎิเทสนียสิกฺขาปเทฯ ตสฺสาติ อญฺญาติกภิกฺขุนิยาฯ วากฺยโตติ ‘‘อนฺตรฆรํ ปวิฎฺฐายา’’ติ วจนโตฯ หิ-สโทฺท เหตุมฺหิฯ ยสฺมา ภิกฺขุสฺส ฐิตฎฺฐานํ นปฺปมาณนฺติ อฎฺฐกถาย (ปาจิ. อฎฺฐ. ๕๕๓) วณฺณิตํ, ตสฺมา อารามาทีสุ ฐตฺวา เทนฺติยา ภิกฺขุนิยา หตฺถโต วีถิอาทีสุ ฐตฺวา โย ปฎิคฺคเณฺหยฺย เจ, เอวํ ปฎิคฺคณฺหโต ตสฺส ภิกฺขุโน น โทโสติ โยชนาฯ ปริโภคสฺส ปฎิคฺคหณมูลกตฺตา น โทโส‘‘ปฎิคฺคณฺหโต’’ติ อิมินา ปริโภเค ปาฎิเทสนียาภาโว จ ทีปิโต โหติฯ

    1832-3. Purimagāthādvayena padabhājanāgatasāmaññavinicchayaṃ dassetvā idāni aṭṭhakathāgataṃ visesaṃ dassetumāha ‘‘etthā’’tiādi. Tattha etthāti imasmiṃ paṭhamapāṭidesanīyasikkhāpade. Tassāti aññātikabhikkhuniyā. Vākyatoti ‘‘antaragharaṃ paviṭṭhāyā’’ti vacanato. Hi-saddo hetumhi. Yasmā bhikkhussa ṭhitaṭṭhānaṃ nappamāṇanti aṭṭhakathāya (pāci. aṭṭha. 553) vaṇṇitaṃ, tasmā ārāmādīsu ṭhatvā dentiyā bhikkhuniyā hatthato vīthiādīsu ṭhatvā yo paṭiggaṇheyya ce, evaṃ paṭiggaṇhato tassa bhikkhuno na dosoti yojanā. Paribhogassa paṭiggahaṇamūlakattā na doso. ‘‘Paṭiggaṇhato’’ti iminā paribhoge pāṭidesanīyābhāvo ca dīpito hoti.

    ๑๘๓๔. สเจ ภิกฺขุนี รถิกาทีสุ ฐตฺวา โภชนํ เทติ, ภิกฺขุ อนฺตราราเม ฐตฺวา ปฎิคฺคณฺหาติ เจ, ตสฺส อาปตฺตีติ โยชนาฯ คาถาพนฺธวเสน ‘‘ภิกฺขุนิ โภชน’’นฺติ รสฺสตฺตํฯ อาปตฺตีติ จ ปฎิคฺคหณปริโภเคสุ ทุกฺกฎปาฎิเทสนียาปตฺติโย สนฺธาย วุตฺตํฯ

    1834. Sace bhikkhunī rathikādīsu ṭhatvā bhojanaṃ deti, bhikkhu antarārāme ṭhatvā paṭiggaṇhāti ce, tassa āpattīti yojanā. Gāthābandhavasena ‘‘bhikkhuni bhojana’’nti rassattaṃ. Āpattīti ca paṭiggahaṇaparibhogesu dukkaṭapāṭidesanīyāpattiyo sandhāya vuttaṃ.

    ๑๘๓๕. รถิกาทีสุ ฐตฺวา ภิกฺขุนี โภชนํ เทติ เจ, ตํ รถิกายปิ วา…เป.… อยํ นโยติ โยชนาฯ ตตฺถ รถิกาติ รจฺฉาฯ พฺยูหนฺติ อนิพฺพิชฺฌิตฺวา ฐิตา คตปจฺจาคตรจฺฉาฯ สนฺธิ นาม ฆรสนฺธิฯ สิงฺฆาฎกนฺติ จตุโกฺกณํ วา ติโกณํ วา มคฺคสโมธานฎฺฐานํฯ อยํ นโยติ ‘‘อาปตฺตี’’ติ อนนฺตรคาถาย วุตฺตนโยฯ

    1835. Rathikādīsu ṭhatvā bhikkhunī bhojanaṃ deti ce, taṃ rathikāyapi vā…pe… ayaṃ nayoti yojanā. Tattha rathikāti racchā. Byūhanti anibbijjhitvā ṭhitā gatapaccāgataracchā. Sandhi nāma gharasandhi. Siṅghāṭakanti catukkoṇaṃ vā tikoṇaṃ vā maggasamodhānaṭṭhānaṃ. Ayaṃ nayoti ‘‘āpattī’’ti anantaragāthāya vuttanayo.

    ๑๘๓๗. อามิเสน อสมฺภินฺนรสํ สนฺธาย อิทํ ทุกฺกฎํ ภาสิตํฯ อามิเสน สมฺภิเนฺน เอกรเส ยามกาลิกาทิมฺหิ ปฎิคฺคเหตฺวา อโชฺฌหาเร ปาฎิเทสนียาปตฺติ สิยาติ โยชนาฯ

    1837. Āmisena asambhinnarasaṃ sandhāya idaṃ dukkaṭaṃ bhāsitaṃ. Āmisena sambhinne ekarase yāmakālikādimhi paṭiggahetvā ajjhohāre pāṭidesanīyāpatti siyāti yojanā.

    ๑๘๓๘. เอกโตอุปสมฺปนฺนหตฺถโตติ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนาย หตฺถโตฯ ยถาห ‘‘เอกโตอุปสมฺปนฺนายาติ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนายา’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๕๕๓)ฯ ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนาย ปน ยถาวตฺถุกเมวาติฯ

    1838.Ekatoupasampannahatthatoti bhikkhunīnaṃ santike upasampannāya hatthato. Yathāha ‘‘ekatoupasampannāyāti bhikkhunīnaṃ santike upasampannāyā’’ti (pāci. aṭṭha. 553). Bhikkhūnaṃ santike upasampannāya pana yathāvatthukamevāti.

    ๑๘๓๙. อญฺญาติกาย ญาติกสญฺญิสฺส, ตเถว วิมติสฺส จ ทุกฺกฎนฺติ โยชนาฯ

    1839. Aññātikāya ñātikasaññissa, tatheva vimatissa ca dukkaṭanti yojanā.

    ๑๘๔๐. อญฺญาติกาย ทาเปนฺติยา ภูมิยา นิกฺขิปิตฺวา ททมานาย วา อนฺตรารามาทีสุ ฐตฺวา เทนฺติยา ปฎิคฺคณฺหโต ภิกฺขุสฺส อนาปตฺตีติ โยชนาฯ อนฺตรารามาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน ภิกฺขุนุปสฺสยติตฺถิยเสยฺยาปฎิกฺกมนาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ปฎิกฺกมนํ นาม โภชนสาลาฯ

    1840. Aññātikāya dāpentiyā bhūmiyā nikkhipitvā dadamānāya vā antarārāmādīsu ṭhatvā dentiyā paṭiggaṇhato bhikkhussa anāpattīti yojanā. Antarārāmādīsūti ettha ādi-saddena bhikkhunupassayatitthiyaseyyāpaṭikkamanādiṃ saṅgaṇhāti. Paṭikkamanaṃ nāma bhojanasālā.

    ๑๘๔๑. คามโต พหิ นีหริตฺวา เทตีติ โยชนาฯ

    1841. Gāmato bahi nīharitvā detīti yojanā.

    ๑๘๔๒. หตฺถโตติ เอตฺถ ‘‘คหเณ’’ติ เสโสฯ ตถาติ อนาปตฺติฯ สมุฎฺฐานํ อิทํ สิกฺขาปทํ เอฬกโลเมน สมํ มตนฺติ โยชนาฯ

    1842.Hatthatoti ettha ‘‘gahaṇe’’ti seso. Tathāti anāpatti. Samuṭṭhānaṃ idaṃ sikkhāpadaṃ eḷakalomena samaṃ matanti yojanā.

    ปฐมปาฎิเทสนียกถาวณฺณนาฯ

    Paṭhamapāṭidesanīyakathāvaṇṇanā.

    ๑๘๔๓-๔. อวุเตฺตติ วกฺขมานนเยน อวุเตฺตฯ เอเกนปิ จ ภิกฺขุนาติ สมฺพโนฺธฯ อปสกฺกาติ อปคจฺฉฯ อาทิ-อตฺถวาจินา อิติ-สเทฺทน ‘‘อปสกฺก ตาว, ภคินิ, ยาว ภิกฺขู ภุญฺชนฺตี’’ติ วากฺยเสโส สงฺคหิโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ อิมินา อปสาทนากาโร สนฺทสฺสิโตฯ ‘‘เอเกนปิ จ ภิกฺขุนา’’ติ อิมินา อวกํโส ทสฺสิโตฯ อุกฺกํโส ปน ‘‘เตหิ ภิกฺขูหิ สา ภิกฺขุนี อปสาเทตพฺพา’’ติ ปาฬิโตปิ ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘อามิส’’นฺติ สามญฺญวจเนปิ ปญฺจนฺนํ โภชนานํ อญฺญตรเสฺสว คหณํฯ ยถาห ‘‘ปญฺจนฺนํ โภชนานํ อญฺญตเรนา’’ติฯ โภเคติ จ เอกโตอุปสมฺปนฺนนฺติ จ วุตฺตตฺถเมวฯ

    1843-4.Avutteti vakkhamānanayena avutte. Ekenapi ca bhikkhunāti sambandho. Apasakkāti apagaccha. Ādi-atthavācinā iti-saddena ‘‘apasakka tāva, bhagini, yāva bhikkhū bhuñjantī’’ti vākyaseso saṅgahitoti daṭṭhabbo. Iminā apasādanākāro sandassito. ‘‘Ekenapi ca bhikkhunā’’ti iminā avakaṃso dassito. Ukkaṃso pana ‘‘tehi bhikkhūhi sā bhikkhunī apasādetabbā’’ti pāḷitopi daṭṭhabbo. ‘‘Āmisa’’nti sāmaññavacanepi pañcannaṃ bhojanānaṃ aññatarasseva gahaṇaṃ. Yathāha ‘‘pañcannaṃ bhojanānaṃ aññatarenā’’ti. Bhogeti ca ekatoupasampannanti ca vuttatthameva.

    ๑๘๔๕. ตเถวาติ ทุกฺกฎํฯ ตตฺถาติ อนุปสมฺปนฺนายฯ

    1845.Tathevāti dukkaṭaṃ. Tatthāti anupasampannāya.

    ๑๘๔๖. อตฺตโน ภเตฺต ทิเนฺนปิ อิมินา สิกฺขาปเทน อนาปตฺติ, ปุริมสิกฺขาปเทน ปน อาปตฺติสมฺภวา ‘‘น เทตี’’ติ วุตฺตํฯ ยถาห ‘‘อตฺตโน ภตฺตํ ทาเปติ, น เทตีติ เอตฺถ สเจปิ อตฺตโน ภตฺตํ เทติ, อิมินา สิกฺขาปเทน อนาปตฺติเยว, ปุริมสิกฺขาปเทน อาปตฺตี’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๕๕๘)ฯ ตถาติ อนาปตฺติฯ อุภยสิกฺขาปเทหิปิ อนาปตฺติํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ปเทติ เจ’’ติฯ ยถาห ‘‘อเญฺญสํ ภตฺตํ เทติ, น ทาเปตีติ เอตฺถ ปน สเจปิ ทาเปยฺย, อิมินา สิกฺขาปเทน อาปตฺติ ภเวยฺย, เทนฺติยา ปน เนว อิมินา, น ปุริเมน อาปตฺตี’’ติฯ

    1846. Attano bhatte dinnepi iminā sikkhāpadena anāpatti, purimasikkhāpadena pana āpattisambhavā ‘‘na detī’’ti vuttaṃ. Yathāha ‘‘attano bhattaṃ dāpeti, na detīti ettha sacepi attano bhattaṃ deti, iminā sikkhāpadena anāpattiyeva, purimasikkhāpadena āpattī’’ti (pāci. aṭṭha. 558). Tathāti anāpatti. Ubhayasikkhāpadehipi anāpattiṃ dassetumāha ‘‘padeti ce’’ti. Yathāha ‘‘aññesaṃ bhattaṃ deti, na dāpetīti ettha pana sacepi dāpeyya, iminā sikkhāpadena āpatti bhaveyya, dentiyā pana neva iminā, na purimena āpattī’’ti.

    ๑๘๔๗. ภิกฺขุนี ยํ น ทินฺนํ, ตํ ทาเปติ, ยตฺถ วา น ทินฺนํ, ตตฺถ ทาเปติ, ตมฺปิ สเพฺพสํ มิตฺตามิตฺตานํ สมํ ทาเปติ, ตตฺถาปิ อนาปตฺติฯ

    1847. Bhikkhunī yaṃ na dinnaṃ, taṃ dāpeti, yattha vā na dinnaṃ, tattha dāpeti, tampi sabbesaṃ mittāmittānaṃ samaṃ dāpeti, tatthāpi anāpatti.

    ๑๘๔๘. สิกฺขมานา วา สามเณริกา วา ‘‘อิธ สูปํ เทถ, โอทนํ เทถา’’ติ โวสาสนฺตี วิธานํ กโรนฺตี ฐิตา, ตํ อนปสาเทนฺตสฺส อนาปตฺติฯ ปเญฺจว โภชนานิ วินา อญฺญํ โวสาสนฺติํ ภิกฺขุนิํ อนปสาเทนฺตสฺส อนาปตฺติฯ อนปสาเทนฺตสฺส อุมฺมตฺตกาทิโนปิ อนาปตฺตีติ โยชนาฯ

    1848. Sikkhamānā vā sāmaṇerikā vā ‘‘idha sūpaṃ detha, odanaṃ dethā’’ti vosāsantī vidhānaṃ karontī ṭhitā, taṃ anapasādentassa anāpatti. Pañceva bhojanāni vinā aññaṃ vosāsantiṃ bhikkhuniṃ anapasādentassa anāpatti. Anapasādentassa ummattakādinopi anāpattīti yojanā.

    ๑๘๔๙. สมุฎฺฐานนฺติ เอตฺถ ‘‘อิมสฺสา’’ติ เสโสฯ โภชนํ กิริยํ, โวสาสนฺติยา อนิวารณํ อกิริยนฺติ เอวมิทํ กฺริยากฺริยํ

    1849.Samuṭṭhānanti ettha ‘‘imassā’’ti seso. Bhojanaṃ kiriyaṃ, vosāsantiyā anivāraṇaṃ akiriyanti evamidaṃ kriyākriyaṃ.

    ทุติยปาฎิเทสนียกถาวณฺณนาฯ

    Dutiyapāṭidesanīyakathāvaṇṇanā.

    ๑๘๕๐-๑. เสกฺขนฺติ สมฺมเตติ ‘‘เสกฺขสมฺมตํ นาม กุลํ ยํ กุลํ สทฺธาย วฑฺฒติ, โภเคน หายติ, เอวรูปสฺส กุลสฺส ญตฺติทุติเยน กเมฺมน เสกฺขสมฺมุติ ทินฺนา โหตี’’ติ (ปาจิ. ๕๖๗) วุตฺตํ อิทํ กุลํ เสกฺขสมฺมตํ นามฯ เตนาห ‘‘ลทฺธสมฺมุติเก กุเล’’ติฯ ลทฺธา สมฺมุติ เยนาติ วิคฺคโหฯ ฆรูปจารํ โอกฺกเนฺต นิมนฺติโตปิ อนิมนฺติโตว โหตีติ อาห ‘‘ฆรูปจาโรกฺกมนา ปุเพฺพวา’’ติฯ ยถาห ‘‘อนิมนฺติโต นาม อชฺชตนาย วา สฺวาตนาย วา อนิมนฺติโต, ฆรูปจารํ โอกฺกมเนฺต นิมเนฺตติ, เอโส อนิมนฺติโต นามา’’ติ (ปาจิ. ๕๖๗)ฯ

    1850-1.Sekkhanti sammateti ‘‘sekkhasammataṃ nāma kulaṃ yaṃ kulaṃ saddhāya vaḍḍhati, bhogena hāyati, evarūpassa kulassa ñattidutiyena kammena sekkhasammuti dinnā hotī’’ti (pāci. 567) vuttaṃ idaṃ kulaṃ sekkhasammataṃ nāma. Tenāha ‘‘laddhasammutike kule’’ti. Laddhā sammuti yenāti viggaho. Gharūpacāraṃ okkante nimantitopi animantitova hotīti āha ‘‘gharūpacārokkamanā pubbevā’’ti. Yathāha ‘‘animantito nāma ajjatanāya vā svātanāya vā animantito, gharūpacāraṃ okkamante nimanteti, eso animantito nāmā’’ti (pāci. 567).

    ‘‘อคิลาโน นาม โย สโกฺกติ ปิณฺฑาย จริตุ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ภิกฺขาย จริตุํ สมโตฺถ อคิลาโน นามฯ คเหตฺวาติ สหตฺถา ปฎิคฺคเหตฺวาฯ ‘‘อามิส’’นฺติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ ยถาห ‘‘ขาทนียํ วา โภชนียํ วา สหตฺถา ปฎิคฺคเหตฺวา’’ติ (ปาจิ. ๕๖๗)ฯ คหเณติ เอตฺถ ‘‘อาหารตฺถายา’’ติ เสโสฯ

    ‘‘Agilāno nāma yo sakkoti piṇḍāya caritu’’nti vuttattā bhikkhāya carituṃ samattho agilāno nāma. Gahetvāti sahatthā paṭiggahetvā. ‘‘Āmisa’’nti iminā sambandho. Yathāha ‘‘khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā sahatthā paṭiggahetvā’’ti (pāci. 567). Gahaṇeti ettha ‘‘āhāratthāyā’’ti seso.

    ๑๘๕๓. ตตฺถาติ อเสกฺขสมฺมเต กุเลฯ ตเถว ปริทีปิตนฺติ ทุกฺกฎํ ปริทีปิตํฯ

    1853.Tatthāti asekkhasammate kule. Tatheva paridīpitanti dukkaṭaṃ paridīpitaṃ.

    ๑๘๕๔. นิมนฺติตสฺส วาติ เอตฺถ วา-สเทฺทน นิมนฺติตสฺส อวเสสํ คณฺหาติฯ ยถาห ‘‘นิมนฺติตสฺส วา คิลานสฺส วา เสสกํ ภุญฺชตี’’ติฯ อเญฺญสํ ภิกฺขา ตตฺถ ทียตีติ โยชนาฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ เสกฺขสมฺมเต กุเลฯ

    1854.Nimantitassa vāti ettha -saddena nimantitassa avasesaṃ gaṇhāti. Yathāha ‘‘nimantitassa vā gilānassa vā sesakaṃ bhuñjatī’’ti. Aññesaṃ bhikkhā tattha dīyatīti yojanā. Tatthāti tasmiṃ sekkhasammate kule.

    ๑๘๕๕. ยตฺถ กตฺถจีติ อาสนสาลาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิฯ นิจฺจภตฺตาทิเก วาปีติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน สลากภตฺตปกฺขิกอุโปสถิกปาฎิปทิกภตฺตานํ คหณํฯ

    1855.Yatthakatthacīti āsanasālādīsu yattha katthaci. Niccabhattādike vāpīti ettha ādi-saddena salākabhattapakkhikauposathikapāṭipadikabhattānaṃ gahaṇaṃ.

    ๑๘๕๖. ทฺวาเรติ เอตฺถ ‘‘ฐเปตฺวา’’ติ เสโสฯ สมฺปเตฺตติ เอตฺถ ‘‘ปจฺฉา’’ติ เสโสฯ ยถาห ‘‘สเจปิ อนาคเต ภิกฺขุมฺหิ ปฐมํเยว นีหริตฺวา ทฺวาเร ฐเปตฺวา ปจฺฉา สมฺปตฺตสฺส เทนฺติ, วฎฺฎตี’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๕๖๙)ฯ

    1856.Dvāreti ettha ‘‘ṭhapetvā’’ti seso. Sampatteti ettha ‘‘pacchā’’ti seso. Yathāha ‘‘sacepi anāgate bhikkhumhi paṭhamaṃyeva nīharitvā dvāre ṭhapetvā pacchā sampattassa denti, vaṭṭatī’’ti (pāci. aṭṭha. 569).

    ๑๘๕๗. มหาปจฺจริยา(ปอาจิ. อฎฺฐ. ๕๖๙) คตวินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ภิกฺขุ’’นฺติอาทิฯ สมุฎฺฐาเนฬกูปมนฺติ สมุฎฺฐานโต เอฬกโลมสิกฺขาปทสทิสนฺติ อโตฺถฯ

    1857.Mahāpaccariyā(paāci. aṭṭha. 569) gatavinicchayaṃ dassetumāha ‘‘bhikkhu’’ntiādi. Samuṭṭhāneḷakūpamanti samuṭṭhānato eḷakalomasikkhāpadasadisanti attho.

    ตติยปาฎิเทสนียกถาวณฺณนาฯ

    Tatiyapāṭidesanīyakathāvaṇṇanā.

    ๑๘๕๘-๙. ‘‘ปญฺจนฺนํ ปฎิสํวิทิตํ, เอตํ อปฺปฎิสํวิทิตํ นามา’’ติ วจนโต จ อิธาปิ ‘‘สหธมฺมิกญาปิต’’นฺติ วกฺขมานตฺตา จ อคหฎฺฐ-สเทฺทน ปริพฺพาชกานํ คหณํฯ วุตฺตเมว นยํ โวหารนฺตเรน ทเสฺสตุมาห ‘‘อิตฺถิยา ปุริเสน วา’’ติฯ ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ อารญฺญกานิ เสนาสนานี’’ติ (ปาจิ. ๕๗๓) วจนโต อารามนฺติ อารญฺญการามมาหฯ สเจ เอวมาโรจิตํ ปฎิสํวิทิตนฺติ หิ วุตฺตํ ปทภาชเนติ (ปาจิ. ๕๗๓) โยชนาฯ ปฎิสํวิทิตนฺติ ปเคว นิเวทิตํฯ

    1858-9. ‘‘Pañcannaṃ paṭisaṃviditaṃ, etaṃ appaṭisaṃviditaṃ nāmā’’ti vacanato ca idhāpi ‘‘sahadhammikañāpita’’nti vakkhamānattā ca agahaṭṭha-saddena paribbājakānaṃ gahaṇaṃ. Vuttameva nayaṃ vohārantarena dassetumāha ‘‘itthiyā purisena vā’’ti. ‘‘Yāni kho pana tāni āraññakāni senāsanānī’’ti (pāci. 573) vacanato ārāmanti āraññakārāmamāha. Sace evamārocitaṃ paṭisaṃviditanti hi vuttaṃ padabhājaneti (pāci. 573) yojanā. Paṭisaṃviditanti pageva niveditaṃ.

    ๑๘๖๐. ปจฺฉา ยถาโรจิตํ ตเมว วา ตสฺส จ ปริวารํ กตฺวา อญฺญํ พหุํ วา อาหรียตุ, ตมฺปิ ปฎิสํเวทิตํ นามาติ โยชนาฯ

    1860. Pacchā yathārocitaṃ tameva vā tassa ca parivāraṃ katvā aññaṃ bahuṃ vā āharīyatu, tampi paṭisaṃveditaṃ nāmāti yojanā.

    ๑๘๖๑. ยาคุยา วิทิตํ กตฺวาติ เอตฺถ ‘‘ตํ ฐเปตฺวา’’ติ อิทํ สามตฺถิยา ลพฺภติฯ อิทมฺปิ วิทิตํ กุรุนฺทิยํ วฎฺฎตีติ วุตฺตนฺติ โยชนาฯ

    1861.Yāguyā viditaṃ katvāti ettha ‘‘taṃ ṭhapetvā’’ti idaṃ sāmatthiyā labbhati. Idampi viditaṃ kurundiyaṃ vaṭṭatīti vuttanti yojanā.

    ๑๘๖๒. ปนาติ อปิ-สทฺทโตฺถฯ อญฺญานิปิ กุลานีติ โยชนาฯ เอตฺถ ‘‘อสุกํ นาม กุลํ ปฎิสํเวทิตํ กตฺวา ขาทนียาทีนิ คเหตฺวา คจฺฉตีติ สุตฺวา’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๕๗๓) อฎฺฐกถาเสโสฯ เตนาติ กตปฎิสํเวทิเตนฯ ตมฺปิ จ สพฺพํ วฎฺฎตีติ โยชนาฯ

    1862.Panāti api-saddattho. Aññānipi kulānīti yojanā. Ettha ‘‘asukaṃ nāma kulaṃ paṭisaṃveditaṃ katvā khādanīyādīni gahetvā gacchatīti sutvā’’ti (pāci. aṭṭha. 573) aṭṭhakathāseso. Tenāti katapaṭisaṃveditena. Tampi ca sabbaṃ vaṭṭatīti yojanā.

    ๑๘๖๓. เอวํ ยํ อนาโรจิตนฺติ ‘‘อารามํ วา อุปจารํ วา ปวิสิตฺวา’’ติอาทินา นเยน ยํ ปฐมํ อนิเวทิตํฯ ‘‘เอว’’นฺติ อิทํ ‘‘ยํ อารามมนาภต’’นฺติ อิมินาปิ โยเชตพฺพํฯ เอวนฺติ ‘‘ตสฺส ปริวารํ กตฺวา’’ติอาทินา ปกาเรนฯ ‘‘ตํ อสํวิทิตํ นามา’’ติ อิทํ ‘‘สหธมฺมิกญาปิต’’นฺติ อิมินาปิ โยเชตพฺพํฯ ยถาห ‘‘ปญฺจนฺนํ ปฎิสํวิทิตํ, เอตํ อปฺปฎิสํวิทิตํ นามา’’ติ (ปาจิ. ๕๗๓)ฯ อฎฺฐกถายญฺจ ‘‘ปญฺจนฺนํ ปฎิสํวิทิตนฺติ ปญฺจสุ สหธมฺมิเกสุ ยํ กิญฺจิ เปเสตฺวา ‘ขาทนียํ วา โภชนียํ วา อาหริสฺสามา’ติ ปฎิสํวิทิตํ กตมฺปิ อปฺปฎิสํวิทิตเมวาติ อโตฺถ’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๕๗๓) วุตฺตํฯ

    1863.Evaṃ yaṃ anārocitanti ‘‘ārāmaṃ vā upacāraṃ vā pavisitvā’’tiādinā nayena yaṃ paṭhamaṃ aniveditaṃ. ‘‘Eva’’nti idaṃ ‘‘yaṃ ārāmamanābhata’’nti imināpi yojetabbaṃ. Evanti ‘‘tassa parivāraṃ katvā’’tiādinā pakārena. ‘‘Taṃ asaṃviditaṃ nāmā’’ti idaṃ ‘‘sahadhammikañāpita’’nti imināpi yojetabbaṃ. Yathāha ‘‘pañcannaṃ paṭisaṃviditaṃ, etaṃ appaṭisaṃviditaṃ nāmā’’ti (pāci. 573). Aṭṭhakathāyañca ‘‘pañcannaṃ paṭisaṃviditanti pañcasu sahadhammikesu yaṃ kiñci pesetvā ‘khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā āharissāmā’ti paṭisaṃviditaṃ katampi appaṭisaṃviditamevāti attho’’ti (pāci. aṭṭha. 573) vuttaṃ.

    ๑๘๖๔. การาเปตฺวาติ เอตฺถ ‘‘ปฎิสํวิทิต’’นฺติ เสโสฯ

    1864.Kārāpetvāti ettha ‘‘paṭisaṃvidita’’nti seso.

    ๑๘๖๕. ภิกฺขุนา วา คนฺตฺวา อนฺตรามเคฺค คเหตพฺพนฺติ โยชนาฯ เอวมกตฺวาติ ‘‘พหิอารามํ เปเสตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตวิธานํ อกตฺวาฯ อุปจารโตติ เอตฺถ ภุมฺมเตฺถ โต-ปจฺจโย เวทิตโพฺพฯ

    1865. Bhikkhunā vā gantvā antarāmagge gahetabbanti yojanā. Evamakatvāti ‘‘bahiārāmaṃ pesetvā’’tiādinā vuttavidhānaṃ akatvā. Upacāratoti ettha bhummatthe to-paccayo veditabbo.

    ๑๘๖๘. ‘‘ปฎิสํวิทิเต’’ติอาทีนํ ปทานํ ‘‘อนาปเตฺต วา’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ ปฎิสํวิทิเตติ เอตฺถ ‘‘คิลานสฺสา’’ติ เสโสฯ ปฎิสํวิทิเต อนาปตฺติ, คิลานสฺสาปิ อนาปตฺติ, อปฺปฎิสํวิทิเตปิ ตสฺส ปฎิสํวิทิตสฺส อวเสสเก วา คิลานสฺส อวเสสเก วา อนาปตฺติ เอวาติ สมฺพโนฺธ ฯ ยถาห อนาปตฺติวาเร ‘‘ปฎิสํวิทิตสฺส วา คิลานสฺส วา เสสกํ ภุญฺชตี’’ติ (ปาจิ. ๕๗๕)ฯ พหาราเม ปฎิคฺคเหตฺวา อโนฺตเยว ภุญฺชโต อสฺส อนาปตฺตีติ โยชนาฯ คเหตฺวา วาติ เอตฺถ วา-สโทฺท ‘‘ตสฺสา’’ติอาทีสุปิ โยเชตโพฺพฯ

    1868.‘‘Paṭisaṃvidite’’tiādīnaṃ padānaṃ ‘‘anāpatte vā’’ti iminā sambandho. Paṭisaṃviditeti ettha ‘‘gilānassā’’ti seso. Paṭisaṃvidite anāpatti, gilānassāpi anāpatti, appaṭisaṃviditepi tassa paṭisaṃviditassa avasesake vā gilānassa avasesake vā anāpatti evāti sambandho . Yathāha anāpattivāre ‘‘paṭisaṃviditassa vā gilānassa vā sesakaṃ bhuñjatī’’ti (pāci. 575). Bahārāme paṭiggahetvā antoyeva bhuñjato assa anāpattīti yojanā. Gahetvā vāti ettha -saddo ‘‘tassā’’tiādīsupi yojetabbo.

    ๑๘๖๙. ตตฺถาติ ตสฺมิํ อารญฺญการาเมฯ ขาทโต อนาปตฺติ เอวาติ โยชนา, ตตฺถ ‘‘อเญฺญน กปฺปิยํ กตฺวา ทินฺนานี’’ติ เสโสฯ

    1869.Tatthāti tasmiṃ āraññakārāme. Khādato anāpatti evāti yojanā, tattha ‘‘aññena kappiyaṃ katvā dinnānī’’ti seso.

    จตุตฺถปาฎิเทสนียกถาวณฺณนาฯ

    Catutthapāṭidesanīyakathāvaṇṇanā.

    อิติ วินยตฺถสารสนฺทีปนิยา วินยวินิจฺฉยวณฺณนาย

    Iti vinayatthasārasandīpaniyā vinayavinicchayavaṇṇanāya

    ปาฎิเทสนียกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pāṭidesanīyakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact