Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยสงฺคห-อฎฺฐกถา • Vinayasaṅgaha-aṭṭhakathā |
๒๐. ปฎิคฺคหณวินิจฺฉยกถา
20. Paṭiggahaṇavinicchayakathā
๑๐๔. ขาทนียาทิปฎิคฺคาโหติ อโชฺฌหริตพฺพสฺส ยสฺส กสฺสจิ ขาทนียสฺส วา โภชนียสฺส วา ปฎิคฺคหณํฯ ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – ปญฺจหิ อเงฺคหิ ปฎิคฺคหณํ รุหติ, ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส อุจฺจารณมตฺตํ โหติ, หตฺถปาโส ปญฺญายติ, อภิหาโร ปญฺญายติ, เทโว วา มนุโสฺส วา ติรจฺฉานคโต วา กาเยน กายปฎิพเทฺธน นิสฺสคฺคิเยน วา เทติ, ตเญฺจ ภิกฺขุ กาเยน วา กายปฎิพเทฺธน วา ปฎิคฺคณฺหาติฯ เอวํ ปญฺจหเงฺคหิ ปฎิคฺคหณํ รุหติฯ
104.Khādanīyādipaṭiggāhoti ajjhoharitabbassa yassa kassaci khādanīyassa vā bhojanīyassa vā paṭiggahaṇaṃ. Tatrāyaṃ vinicchayo – pañcahi aṅgehi paṭiggahaṇaṃ ruhati, thāmamajjhimassa purisassa uccāraṇamattaṃ hoti, hatthapāso paññāyati, abhihāro paññāyati, devo vā manusso vā tiracchānagato vā kāyena kāyapaṭibaddhena nissaggiyena vā deti, tañce bhikkhu kāyena vā kāyapaṭibaddhena vā paṭiggaṇhāti. Evaṃ pañcahaṅgehi paṭiggahaṇaṃ ruhati.
ตตฺถ ฐิตนิสินฺนนิปนฺนานํ วเสน เอวํ หตฺถปาโส เวทิตโพฺพ – สเจ ภิกฺขุ นิสิโนฺน โหติ, อาสนสฺส ปจฺฉิมนฺตโต ปฎฺฐาย, สเจ ฐิโต, ปณฺหิอนฺตโต ปฎฺฐาย, สเจ นิปโนฺน, เยน ปเสฺสน นิปโนฺน, ตสฺส ปาริมนฺตโต ปฎฺฐาย, ทายกสฺส นิสินฺนสฺส วา ฐิตสฺส วา นิปนฺนสฺส วา ฐเปตฺวา ปสาริตหตฺถํ ยํ อาสนฺนตรํ องฺคํ, ตสฺส โอริมเนฺตน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อฑฺฒเตยฺยหโตฺถ หตฺถปาโส นามฯ
Tattha ṭhitanisinnanipannānaṃ vasena evaṃ hatthapāso veditabbo – sace bhikkhu nisinno hoti, āsanassa pacchimantato paṭṭhāya, sace ṭhito, paṇhiantato paṭṭhāya, sace nipanno, yena passena nipanno, tassa pārimantato paṭṭhāya, dāyakassa nisinnassa vā ṭhitassa vā nipannassa vā ṭhapetvā pasāritahatthaṃ yaṃ āsannataraṃ aṅgaṃ, tassa orimantena paricchinditvā aḍḍhateyyahattho hatthapāso nāma.
สเจ ปน ทายกปฎิคฺคาหเกสุ เอโก อากาเส โหติ, เอโก ภูมิยํ, ภูมฎฺฐสฺส จ สีเสน, อากาสฎฺฐสฺส จ ฐเปตฺวา ทาตุํ วา คเหตุํ วา ปสาริตหตฺถํ ยํ อาสนฺนตรํ องฺคํ, ตสฺส โอริมเนฺตน หตฺถปาสปมาณํ ปริจฺฉินฺทิตพฺพํฯ สเจปิ เอโก กูเป โหติ, เอโก กูปตเฎ, เอโก วา ปน รุเกฺข, เอโก ปถวิยํ, วุตฺตนเยเนว หตฺถปาสปมาณํ ปริจฺฉินฺทิตพฺพํฯ เอวรูเป หตฺถปาเส ฐตฺวา สเจปิ ปกฺขี มุขตุณฺฑเกน วา หตฺถี วา โสณฺฑาย คเหตฺวา ปุปฺผํ วา ผลํ วา เทติ, ปฎิคฺคหณํ รุหติฯ สเจ ปน อฑฺฒฎฺฐมรตนสฺสปิ หตฺถิโน ขเนฺธ นิสิโนฺน เตน โสณฺฑาย ทียมานํ คณฺหาติ, วฎฺฎติเยวฯ หตฺถาทีสุ เยน เกนจิ สรีราวยเวน อนฺตมโส ปาทงฺคุลิยาปิ ทียมานํ กาเยน ทินฺนํ นาม โหติฯ ปฎิคฺคหเณปิ เอเสว นโยฯ เยน เกนจิ หิ สรีราวยเวน คหิตํ กาเยน คหิตเมว โหติฯ สเจปิ นตฺถุกรณิยํ ทียมานํ นาสาปุเฎน อกลฺลโก วา มุเขน ปฎิคฺคณฺหาติ, อาโภคเมว เหตฺถ ปมาณํฯ
Sace pana dāyakapaṭiggāhakesu eko ākāse hoti, eko bhūmiyaṃ, bhūmaṭṭhassa ca sīsena, ākāsaṭṭhassa ca ṭhapetvā dātuṃ vā gahetuṃ vā pasāritahatthaṃ yaṃ āsannataraṃ aṅgaṃ, tassa orimantena hatthapāsapamāṇaṃ paricchinditabbaṃ. Sacepi eko kūpe hoti, eko kūpataṭe, eko vā pana rukkhe, eko pathaviyaṃ, vuttanayeneva hatthapāsapamāṇaṃ paricchinditabbaṃ. Evarūpe hatthapāse ṭhatvā sacepi pakkhī mukhatuṇḍakena vā hatthī vā soṇḍāya gahetvā pupphaṃ vā phalaṃ vā deti, paṭiggahaṇaṃ ruhati. Sace pana aḍḍhaṭṭhamaratanassapi hatthino khandhe nisinno tena soṇḍāya dīyamānaṃ gaṇhāti, vaṭṭatiyeva. Hatthādīsu yena kenaci sarīrāvayavena antamaso pādaṅguliyāpi dīyamānaṃ kāyena dinnaṃ nāma hoti. Paṭiggahaṇepi eseva nayo. Yena kenaci hi sarīrāvayavena gahitaṃ kāyena gahitameva hoti. Sacepi natthukaraṇiyaṃ dīyamānaṃ nāsāpuṭena akallako vā mukhena paṭiggaṇhāti, ābhogameva hettha pamāṇaṃ.
๑๐๕. กฎจฺฉุอาทีสุ ปน เยน เกนจิ อุปกรเณน ทินฺนํ กายปฎิพเทฺธน ทินฺนํ นาม โหติฯ ปฎิคฺคหเณปิ เอเสว นโยฯ เยน เกนจิ หิ สรีรสมฺพเทฺธน ปตฺตถาลกาทินา คหิตํ กายปฎิพเทฺธน คหิตเมว โหติฯ กายโต ปน กายปฎิพทฺธโต จ โมเจตฺวา หตฺถปาเส ฐิตสฺส กาเย วา กายปฎิพเทฺธ วา ปาติยมานมฺปิ นิสฺสคฺคิเยน ปโยเคน ทินฺนํ นาม โหติฯ เอโก พหูนิ ภตฺตพฺยญฺชนภาชนานิ สีเส กตฺวา ภิกฺขุสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ฐิตโกว ‘‘คณฺหถา’’ติ วทติ, น ตาว อภิหาโร ปญฺญายติ, ตสฺมา น คเหตพฺพํฯ สเจ ปน อีสกมฺปิ โอนมติ, ภิกฺขุนา หตฺถํ ปสาเรตฺวา เหฎฺฐิมภาชนํ เอกเทเสนปิ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํฯ เอตฺตาวตา สพฺพภาชนานิ ปฎิคฺคหิตานิ โหนฺติฯ ตโต ปฎฺฐาย โอโรเปตฺวา อุคฺฆาเฎตฺวา วา ยํ อิจฺฉติ, ตํ คเหตุํ วฎฺฎติฯ ภตฺตปจฺฉิอาทิมฺหิ ปน เอกภาชเน วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ
105. Kaṭacchuādīsu pana yena kenaci upakaraṇena dinnaṃ kāyapaṭibaddhena dinnaṃ nāma hoti. Paṭiggahaṇepi eseva nayo. Yena kenaci hi sarīrasambaddhena pattathālakādinā gahitaṃ kāyapaṭibaddhena gahitameva hoti. Kāyato pana kāyapaṭibaddhato ca mocetvā hatthapāse ṭhitassa kāye vā kāyapaṭibaddhe vā pātiyamānampi nissaggiyena payogena dinnaṃ nāma hoti. Eko bahūni bhattabyañjanabhājanāni sīse katvā bhikkhussa santikaṃ āgantvā ṭhitakova ‘‘gaṇhathā’’ti vadati, na tāva abhihāro paññāyati, tasmā na gahetabbaṃ. Sace pana īsakampi onamati, bhikkhunā hatthaṃ pasāretvā heṭṭhimabhājanaṃ ekadesenapi sampaṭicchitabbaṃ. Ettāvatā sabbabhājanāni paṭiggahitāni honti. Tato paṭṭhāya oropetvā ugghāṭetvā vā yaṃ icchati, taṃ gahetuṃ vaṭṭati. Bhattapacchiādimhi pana ekabhājane vattabbameva natthi.
กาเชน ภตฺตํ หรโนฺตปิ สเจ กาชํ โอนเมตฺวา เทติ, วฎฺฎติฯ ติํสหโตฺถ เวณุ โหติ, เอกสฺมิํ อเนฺต คุฬกุโมฺภ พโทฺธ, เอกสฺมิํ สปฺปิกุโมฺภ, ตเญฺจ ปฎิคฺคณฺหาติ, สพฺพํ ปฎิคฺคหิตเมวฯ อุจฺฉุยนฺตโทณิโต ปคฺฆรนฺตเมว ‘‘รสํ คณฺหถา’’ติ วทติ, อภิหาโร น ปญฺญายตีติ น คเหตโพฺพฯ สเจ ปน กสฎํ ฉเฑฺฑตฺวา หเตฺถน อุสฺสิญฺจิตฺวา เทติ, วฎฺฎติฯ พหู ปตฺตา มเญฺจ วา ปีเฐ วา กฎสาเร วา โทณิยํ วา ผลเก วา ฐปิตา โหนฺติ, ยตฺถ ฐิตสฺส ทายโก หตฺถปาเส โหติ, ตตฺถ ฐตฺวา ปฎิคฺคหณสญฺญาย มญฺจาทีนิ องฺคุลิยาปิ ผุสิตฺวา ฐิเตน วา นิสิเนฺนน วา นิปเนฺนน วา ยํ เตสุ ปเตฺตสุ ทียติ, ตํ สพฺพํ ปฎิคฺคหิตํ โหติฯ สเจปิ ‘‘ปฎิคฺคเหสฺสามี’’ติ มญฺจาทีนิ อภิรุหิตฺวา นิสีทติ, วฎฺฎติเยวฯ
Kājena bhattaṃ harantopi sace kājaṃ onametvā deti, vaṭṭati. Tiṃsahattho veṇu hoti, ekasmiṃ ante guḷakumbho baddho, ekasmiṃ sappikumbho, tañce paṭiggaṇhāti, sabbaṃ paṭiggahitameva. Ucchuyantadoṇito paggharantameva ‘‘rasaṃ gaṇhathā’’ti vadati, abhihāro na paññāyatīti na gahetabbo. Sace pana kasaṭaṃ chaḍḍetvā hatthena ussiñcitvā deti, vaṭṭati. Bahū pattā mañce vā pīṭhe vā kaṭasāre vā doṇiyaṃ vā phalake vā ṭhapitā honti, yattha ṭhitassa dāyako hatthapāse hoti, tattha ṭhatvā paṭiggahaṇasaññāya mañcādīni aṅguliyāpi phusitvā ṭhitena vā nisinnena vā nipannena vā yaṃ tesu pattesu dīyati, taṃ sabbaṃ paṭiggahitaṃ hoti. Sacepi ‘‘paṭiggahessāmī’’ti mañcādīni abhiruhitvā nisīdati, vaṭṭatiyeva.
ปถวิยํ ปน สเจปิ กุจฺฉิยา กุจฺฉิํ อาหจฺจ ฐิตา โหนฺติ, ยํ ยํ องฺคุลิยา วา สูจิยา วา ผุสิตฺวา นิสิโนฺน โหติ, ตตฺถ ตตฺถ ทียมานเมว ปฎิคฺคหิตํ โหติฯ ยตฺถ กตฺถจิ มหากฎสารหตฺถตฺถรณาทีสุ ฐปิตปเตฺต ปฎิคฺคหณํ น รุหตีติ วุตฺตํ, ตํ หตฺถปาสาติกฺกมํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, หตฺถปาเส ปน สติ ยตฺถ กตฺถจิ วฎฺฎติ อญฺญตฺร ตตฺถชาตกาฯ ตตฺถชาตเก ปน ปทุมินิปเณฺณ วา กิํสุกปณฺณาทิมฺหิ วา น วฎฺฎติฯ น หิ ตํ กายปฎิพทฺธสงฺขฺยํ คจฺฉติฯ ยถา จ ตตฺถชาตเก, เอวํ ขาณุเก พนฺธิตฺวา ฐปิตมญฺจาทิมฺหิ อสํหาริเม ผลเก วา ปาสาเณ วา น รุหติเยวฯ เตปิ หิ ตตฺถชาตกสงฺขฺยุปคา โหนฺติฯ ภูมิยํ อตฺถเตสุ สุขุเมสุ ตินฺติณิกาทิปเณฺณสุ ปฎิคฺคหณํ น รุหติฯ น หิ ตานิ สนฺธาเรตุํ สมตฺถานีติฯ มหเนฺตสุ ปน ปทุมินิปณฺณาทีสุ รุหติฯ สเจ หตฺถปาสํ อติกฺกมฺมฐิโต ทีฆทณฺฑเกน อุฬุเงฺกน เทติ, ‘‘อาคนฺตฺวา เทหี’’ติ วตฺตโพฺพฯ วจนํ อสุตฺวา วา อนาทิยิตฺวา วา ปเตฺต อากิรติเยว, ปุน ปฎิคฺคเหตพฺพํฯ ทูเร ฐตฺวา ภตฺตปิณฺฑํ ขิปเนฺตปิ เอเสว นโยฯ
Pathaviyaṃ pana sacepi kucchiyā kucchiṃ āhacca ṭhitā honti, yaṃ yaṃ aṅguliyā vā sūciyā vā phusitvā nisinno hoti, tattha tattha dīyamānameva paṭiggahitaṃ hoti. Yattha katthaci mahākaṭasārahatthattharaṇādīsu ṭhapitapatte paṭiggahaṇaṃ na ruhatīti vuttaṃ, taṃ hatthapāsātikkamaṃ sandhāya vuttanti veditabbaṃ, hatthapāse pana sati yattha katthaci vaṭṭati aññatra tatthajātakā. Tatthajātake pana paduminipaṇṇe vā kiṃsukapaṇṇādimhi vā na vaṭṭati. Na hi taṃ kāyapaṭibaddhasaṅkhyaṃ gacchati. Yathā ca tatthajātake, evaṃ khāṇuke bandhitvā ṭhapitamañcādimhi asaṃhārime phalake vā pāsāṇe vā na ruhatiyeva. Tepi hi tatthajātakasaṅkhyupagā honti. Bhūmiyaṃ atthatesu sukhumesu tintiṇikādipaṇṇesu paṭiggahaṇaṃ na ruhati. Na hi tāni sandhāretuṃ samatthānīti. Mahantesu pana paduminipaṇṇādīsu ruhati. Sace hatthapāsaṃ atikkammaṭhito dīghadaṇḍakena uḷuṅkena deti, ‘‘āgantvā dehī’’ti vattabbo. Vacanaṃ asutvā vā anādiyitvā vā patte ākiratiyeva, puna paṭiggahetabbaṃ. Dūre ṭhatvā bhattapiṇḍaṃ khipantepi eseva nayo.
๑๐๖. สเจ ปตฺตถวิกโต นีหริยมาเน ปเตฺต รชนจุณฺณานิ โหนฺติ, สติ อุทเก โธวิตโพฺพ, อสติ รชนจุณฺณํ ปุญฺฉิตฺวา ปฎิคฺคเหตฺวา วา ปิณฺฑาย จริตพฺพํฯ สเจ ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส ปเตฺต รชํ ปตติ, ปฎิคฺคเหตฺวา ภิกฺขา คณฺหิตพฺพา, อปฺปฎิคฺคเหตฺวา คณฺหโต วินยทุกฺกฎํ, ตํ ปน ปุน ปฎิคฺคเหตฺวา ภุญฺชโต อนาปตฺติฯ สเจ ปน ‘‘ปฎิคฺคเหตฺวา เทถา’’ติ วุเตฺต วจนํ อสุตฺวา วา อนาทิยิตฺวา วา ภิกฺขํ เทนฺติเยว, วินยทุกฺกฎํ นตฺถิ, ปุน ปฎิคฺคเหตฺวา อญฺญา ภิกฺขา คเหตพฺพาฯ สเจ มหาวาโต ตโต ตโต รชํ ปาเตติ, น สกฺกา โหติ ภิกฺขํ คเหตุํ, ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส ทสฺสามี’’ติ สุทฺธจิเตฺตน อาโภคํ กตฺวา คณฺหิตุํ วฎฺฎติฯ เอวํ ปิณฺฑาย จริตฺวา วิหารํ วา อาสนสาลํ วา คนฺตฺวา ตํ อนุปสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา ปุน เตน ทินฺนํ วา ตสฺส วิสฺสาเสน วา ปฎิคฺคเหตฺวา ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ภิกฺขาจาเร สรชํ ปตฺตํ ภิกฺขุสฺส เทติ, โส วตฺตโพฺพ ‘‘อิมํ ปฎิคฺคเหตฺวา ภิกฺขํ วา คเณฺหยฺยาสิ ปริภุเญฺชยฺยาสิ วา’’ติ, เตน ตถา กาตพฺพํฯ สเจ รชํ อุปริ อุปฺปิลวติ, กญฺชิกํ ปวาเหตฺวา เสสํ ภุญฺชิตพฺพํฯ สเจ อโนฺตปวิฎฺฐํ โหติ, ปฎิคฺคเหตพฺพํฯ อนุปสมฺปเนฺน อสติ หตฺถโต อโมเจเนฺตเนว ยตฺถ อนุปสมฺปโนฺน อตฺถิ, ตตฺถ เนตฺวา ปฎิคฺคเหตพฺพํฯ สุกฺขภเตฺต ปติตรชํ อปเนตฺวา ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ สเจ อติสุขุมํ โหติ, อุปริ ภเตฺตน สทฺธิํ อปเนตพฺพํ, ปฎิคฺคเหตฺวา วา ภุญฺชิตพฺพํฯ ยาคุํ วา สูปํ วา ปุรโต ฐเปตฺวา อาลุเฬนฺตานํ ภาชนโต ผุสิตานิ อุคฺคนฺตฺวา ปเตฺต ปตนฺติ, ปโตฺต ปฎิคฺคเหตโพฺพฯ
106. Sace pattathavikato nīhariyamāne patte rajanacuṇṇāni honti, sati udake dhovitabbo, asati rajanacuṇṇaṃ puñchitvā paṭiggahetvā vā piṇḍāya caritabbaṃ. Sace piṇḍāya carantassa patte rajaṃ patati, paṭiggahetvā bhikkhā gaṇhitabbā, appaṭiggahetvā gaṇhato vinayadukkaṭaṃ, taṃ pana puna paṭiggahetvā bhuñjato anāpatti. Sace pana ‘‘paṭiggahetvā dethā’’ti vutte vacanaṃ asutvā vā anādiyitvā vā bhikkhaṃ dentiyeva, vinayadukkaṭaṃ natthi, puna paṭiggahetvā aññā bhikkhā gahetabbā. Sace mahāvāto tato tato rajaṃ pāteti, na sakkā hoti bhikkhaṃ gahetuṃ, ‘‘anupasampannassa dassāmī’’ti suddhacittena ābhogaṃ katvā gaṇhituṃ vaṭṭati. Evaṃ piṇḍāya caritvā vihāraṃ vā āsanasālaṃ vā gantvā taṃ anupasampannassa datvā puna tena dinnaṃ vā tassa vissāsena vā paṭiggahetvā bhuñjituṃ vaṭṭati. Sace bhikkhācāre sarajaṃ pattaṃ bhikkhussa deti, so vattabbo ‘‘imaṃ paṭiggahetvā bhikkhaṃ vā gaṇheyyāsi paribhuñjeyyāsi vā’’ti, tena tathā kātabbaṃ. Sace rajaṃ upari uppilavati, kañjikaṃ pavāhetvā sesaṃ bhuñjitabbaṃ. Sace antopaviṭṭhaṃ hoti, paṭiggahetabbaṃ. Anupasampanne asati hatthato amocenteneva yattha anupasampanno atthi, tattha netvā paṭiggahetabbaṃ. Sukkhabhatte patitarajaṃ apanetvā bhuñjituṃ vaṭṭati. Sace atisukhumaṃ hoti, upari bhattena saddhiṃ apanetabbaṃ, paṭiggahetvā vā bhuñjitabbaṃ. Yāguṃ vā sūpaṃ vā purato ṭhapetvā āluḷentānaṃ bhājanato phusitāni uggantvā patte patanti, patto paṭiggahetabbo.
๑๐๗. อุฬุเงฺกน อาหริตฺวา เทนฺตานํ ปฐมตรํ อุฬุงฺกโต เถวา ปเตฺต ปตนฺติ, สุปติตา, อภิหฎตฺตา โทโส นตฺถิฯ สเจปิ จรุเกน ภเตฺต อากิริยมาเน จรุกโต มสิ วา ฉาริกา วา ปตติ, อภิหฎตฺตา เนวตฺถิ โทโสฯ อนนฺตรสฺส ภิกฺขุโน ทียมานํ ปตฺตโต อุปฺปติตฺวา อิตรสฺส ปเตฺต ปตติ, สุปติตํฯ ปฎิคฺคหิตเมว หิ ตํ โหติฯ สเจ ชชฺฌริสาขาทิํ ผาเลตฺวา เอกสฺส ภิกฺขุโน เทนฺตานํ สาขโต ผุสิตานิ อญฺญสฺส ปเตฺต ปตนฺติ, ปโตฺต ปฎิคฺคเหตโพฺพ, ยสฺส ปตฺตสฺส อุปริ ผาเลนฺติ, ตสฺส ปเตฺต ปติเตสุ ทาตุกามตาย อภิหฎตฺตา โทโส นตฺถิฯ ปายาสสฺส ปูเรตฺวา ปตฺตํ เทนฺติ, อุณฺหตฺตา เหฎฺฐา คเหตุํ น สโกฺกติ, มุขวฎฺฎิยาปิ คเหตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ตถาปิ น สโกฺกติ, อาธารเกน คเหตโพฺพฯ อาสนสาลาย ปตฺตํ คเหตฺวา นิสิโนฺน ภิกฺขุ นิทฺทํ โอกฺกโนฺต โหติ, เนว อาหริยมานํ, น ทียมานํ ชานาติ, อปฺปฎิคฺคหิตํ โหติฯ สเจ ปน อาโภคํ กตฺวา นิสิโนฺน โหติ, วฎฺฎติฯ สเจปิ โส หเตฺถน อาธารกํ มุญฺจิตฺวา ปาเทน เปเลฺลตฺวา นิทฺทายติ, วฎฺฎติเยวฯ ปาเทน อาธารกํ อกฺกมิตฺวา ปฎิคฺคณฺหนฺตสฺส ปน ชาครนฺตสฺสปิ อนาทรปฎิคฺคหณํ โหติ, ตสฺมา น กตฺตพฺพํฯ เกจิ ‘‘เอวํ อาธารเกน ปฎิคฺคหณํ กายปฎิพทฺธปฎิพเทฺธน ปฎิคฺคหณํ นาม โหติ , ตสฺมา น วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติ, ตํ วจนมตฺตเมว, อตฺถโต ปน สพฺพเมฺปตํ กายปฎิพทฺธเมว โหติฯ กายสํสเคฺคปิ เจส นโย ทสฺสิโตฯ ยมฺปิ ภิกฺขุสฺส ทียมานํ ปตติ, ตมฺปิ สามํ คเหตฺวา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ
107. Uḷuṅkena āharitvā dentānaṃ paṭhamataraṃ uḷuṅkato thevā patte patanti, supatitā, abhihaṭattā doso natthi. Sacepi carukena bhatte ākiriyamāne carukato masi vā chārikā vā patati, abhihaṭattā nevatthi doso. Anantarassa bhikkhuno dīyamānaṃ pattato uppatitvā itarassa patte patati, supatitaṃ. Paṭiggahitameva hi taṃ hoti. Sace jajjharisākhādiṃ phāletvā ekassa bhikkhuno dentānaṃ sākhato phusitāni aññassa patte patanti, patto paṭiggahetabbo, yassa pattassa upari phālenti, tassa patte patitesu dātukāmatāya abhihaṭattā doso natthi. Pāyāsassa pūretvā pattaṃ denti, uṇhattā heṭṭhā gahetuṃ na sakkoti, mukhavaṭṭiyāpi gahetuṃ vaṭṭati. Sace tathāpi na sakkoti, ādhārakena gahetabbo. Āsanasālāya pattaṃ gahetvā nisinno bhikkhu niddaṃ okkanto hoti, neva āhariyamānaṃ, na dīyamānaṃ jānāti, appaṭiggahitaṃ hoti. Sace pana ābhogaṃ katvā nisinno hoti, vaṭṭati. Sacepi so hatthena ādhārakaṃ muñcitvā pādena pelletvā niddāyati, vaṭṭatiyeva. Pādena ādhārakaṃ akkamitvā paṭiggaṇhantassa pana jāgarantassapi anādarapaṭiggahaṇaṃ hoti, tasmā na kattabbaṃ. Keci ‘‘evaṃ ādhārakena paṭiggahaṇaṃ kāyapaṭibaddhapaṭibaddhena paṭiggahaṇaṃ nāma hoti , tasmā na vaṭṭatī’’ti vadanti, taṃ vacanamattameva, atthato pana sabbampetaṃ kāyapaṭibaddhameva hoti. Kāyasaṃsaggepi cesa nayo dassito. Yampi bhikkhussa dīyamānaṃ patati, tampi sāmaṃ gahetvā paribhuñjituṃ vaṭṭati.
ตตฺริทํ สุตฺตํ –
Tatridaṃ suttaṃ –
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยํ ทียมานํ ปตติ, ตํ สามํ คเหตฺวา ปริภุญฺชิตุํ, ปริจฺจตฺตํ ตํ, ภิกฺขเว, ทายเกหี’’ติ (จูฬว. ๒๗๓)ฯ
‘‘Anujānāmi, bhikkhave, yaṃ dīyamānaṃ patati, taṃ sāmaṃ gahetvā paribhuñjituṃ, pariccattaṃ taṃ, bhikkhave, dāyakehī’’ti (cūḷava. 273).
อิทญฺจ ปน สุตฺตํ เนยฺยตฺถํ, ตสฺมา เอวเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพ – ยํ ทียมานํ ทายกสฺส หตฺถโต ปริคฬิตฺวา สุทฺธาย วา ภูมิยา ปทุมินิปเณฺณ วา วตฺถกฎสารกาทีสุ วา ปตติ, ตํ สามํ คเหตฺวา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ ยํ ปน สรชาย ภูมิยํ ปตติ, ตํ รชํ ปุญฺฉิตฺวา วา โธวิตฺวา วา ปฎิคฺคเหตฺวา วา ปริภุญฺชิตพฺพํฯ สเจ ปวฎฺฎนฺตํ อญฺญสฺส ภิกฺขุโน สนฺติกํ คจฺฉติ, เตน อาหราเปตุมฺปิ วฎฺฎติฯ สเจ ตํ ภิกฺขุํ วทติ ‘‘ตฺวํเยว ขาทา’’ติ, ตสฺสปิ ขาทิตุํ วฎฺฎติ, อนาณเตฺตน ปน เตน น คเหตพฺพํฯ ‘‘อนาณเตฺตนปิ อิตรสฺส ทสฺสามีติ คเหตุํ วฎฺฎตี’’ติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ กสฺมา ปเนตํ อิตรสฺส ภิกฺขุโน คเหตุํ น วฎฺฎตีติ? ภควตา อนนุญฺญาตตฺตาฯ ภควตา หิ ‘‘สามํ คเหตฺวา ปริภุญฺชิตุ’’นฺติ วทเนฺตน ยเสฺสว ตํ ทียมานํ ปตติ, ตสฺส อปฺปฎิคฺคหิตกมฺปิ ตํ คเหตฺวา ปริโภโค อนุญฺญาโตฯ ‘‘ปริจฺจตฺตํ ตํ, ภิกฺขเว, ทายเกหี’’ติ วจเนน ปเนตฺถ ปรสนฺตกภาโว ทีปิโต, ตสฺมา อญฺญสฺส สามํ คเหตฺวา ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎติ, ตสฺส ปน อาณตฺติยา วฎฺฎตีติ อยํ กิเรตฺถ อธิปฺปาโยฯ ยสฺมา จ เอตํ อปฺปฎิคฺคหิตกตฺตา อนุญฺญาตํ, ตสฺมา ยถาฐิตํเยว อนามสิตฺวา เกนจิ ปิทหิตฺวา ฐปิตํ ทุติยทิวเสปิ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติ, สนฺนิธิปจฺจยา อนาปตฺติ, ปฎิคฺคเหตฺวา ปน ปริภุญฺชิตพฺพํฯ ตํ ทิวสํเยว หิ ตสฺส สามํ คเหตฺวา ปริโภโค อนุญฺญาโต, น ตโต ปรนฺติ อยมฺปิ กิเรตฺถ อธิปฺปาโยฯ
Idañca pana suttaṃ neyyatthaṃ, tasmā evamettha adhippāyo veditabbo – yaṃ dīyamānaṃ dāyakassa hatthato parigaḷitvā suddhāya vā bhūmiyā paduminipaṇṇe vā vatthakaṭasārakādīsu vā patati, taṃ sāmaṃ gahetvā paribhuñjituṃ vaṭṭati. Yaṃ pana sarajāya bhūmiyaṃ patati, taṃ rajaṃ puñchitvā vā dhovitvā vā paṭiggahetvā vā paribhuñjitabbaṃ. Sace pavaṭṭantaṃ aññassa bhikkhuno santikaṃ gacchati, tena āharāpetumpi vaṭṭati. Sace taṃ bhikkhuṃ vadati ‘‘tvaṃyeva khādā’’ti, tassapi khādituṃ vaṭṭati, anāṇattena pana tena na gahetabbaṃ. ‘‘Anāṇattenapi itarassa dassāmīti gahetuṃ vaṭṭatī’’ti kurundiyaṃ vuttaṃ. Kasmā panetaṃ itarassa bhikkhuno gahetuṃ na vaṭṭatīti? Bhagavatā ananuññātattā. Bhagavatā hi ‘‘sāmaṃ gahetvā paribhuñjitu’’nti vadantena yasseva taṃ dīyamānaṃ patati, tassa appaṭiggahitakampi taṃ gahetvā paribhogo anuññāto. ‘‘Pariccattaṃ taṃ, bhikkhave, dāyakehī’’ti vacanena panettha parasantakabhāvo dīpito, tasmā aññassa sāmaṃ gahetvā paribhuñjituṃ na vaṭṭati, tassa pana āṇattiyā vaṭṭatīti ayaṃ kirettha adhippāyo. Yasmā ca etaṃ appaṭiggahitakattā anuññātaṃ, tasmā yathāṭhitaṃyeva anāmasitvā kenaci pidahitvā ṭhapitaṃ dutiyadivasepi paribhuñjituṃ vaṭṭati, sannidhipaccayā anāpatti, paṭiggahetvā pana paribhuñjitabbaṃ. Taṃ divasaṃyeva hi tassa sāmaṃ gahetvā paribhogo anuññāto, na tato paranti ayampi kirettha adhippāyo.
๑๐๘. อิทานิ อโพฺพหาริกนโย วุจฺจติฯ ภุญฺชนฺตานญฺหิ ทนฺตา ขียนฺติ, นขา ขียนฺติ, ปตฺตสฺส วโณฺณ ขียติ, สพฺพํ อโพฺพหาริกํฯ สตฺถเกน อุจฺฉุอาทีสุ ผาลิเตสุ มลํ ปญฺญายติ, เอตํ นวสมุฎฺฐิตํ นาม, ปฎิคฺคเหตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํฯ สตฺถกํ โธวิตฺวา ผาลิเตสุ มลํ น ปญฺญายติ, โลหคนฺธมตฺตํ โหติ, ตํ อโพฺพหาริกํฯ ยมฺปิ สตฺถกํ คเหตฺวา ปริหรนฺติ , เตน ผาลิเตปิ เอเสว นโยฯ น หิ ตํ ปริโภคตฺถาย ปริหรนฺตีติฯ มูลเภสชฺชาทีนิ ปิสนฺตานํ วา โกเฎฺฎนฺตานํ วา นิสทนิสทโปตกอุทุกฺขลมุสลาทีนิ ขียนฺติ, ปริหรณกวาสิํ ตาเปตฺวา เภสชฺชตฺถาย ตเกฺก วา ขีเร วา ปกฺขิปนฺติ, ตตฺถ นีลิกา ปญฺญายติ, สตฺถเก วุตฺตสทิโสว วินิจฺฉโยฯ อามกตกฺกาทีสุ ปน สยํ น ปกฺขิปิตพฺพา, ปกฺขิปติ เจ, สามํปากโต น มุจฺจติฯ เทเว วสฺสเนฺต ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส สรีรโต วา จีวรโต วา กิลิฎฺฐอุทกํ ปเตฺต ปตติ, ปฎิคฺคเหตพฺพํฯ รุกฺขมูลาทีสุ ภุญฺชนฺตสฺส ปติเตปิ เอเสว นโยฯ สเจ ปน สตฺตาหํ วสฺสเนฺต เทเว สุทฺธํ อุทกํ โหติ, อโพฺภกาสโต วา ปตติ, วฎฺฎติฯ
108. Idāni abbohārikanayo vuccati. Bhuñjantānañhi dantā khīyanti, nakhā khīyanti, pattassa vaṇṇo khīyati, sabbaṃ abbohārikaṃ. Satthakena ucchuādīsu phālitesu malaṃ paññāyati, etaṃ navasamuṭṭhitaṃ nāma, paṭiggahetvā paribhuñjitabbaṃ. Satthakaṃ dhovitvā phālitesu malaṃ na paññāyati, lohagandhamattaṃ hoti, taṃ abbohārikaṃ. Yampi satthakaṃ gahetvā pariharanti , tena phālitepi eseva nayo. Na hi taṃ paribhogatthāya pariharantīti. Mūlabhesajjādīni pisantānaṃ vā koṭṭentānaṃ vā nisadanisadapotakaudukkhalamusalādīni khīyanti, pariharaṇakavāsiṃ tāpetvā bhesajjatthāya takke vā khīre vā pakkhipanti, tattha nīlikā paññāyati, satthake vuttasadisova vinicchayo. Āmakatakkādīsu pana sayaṃ na pakkhipitabbā, pakkhipati ce, sāmaṃpākato na muccati. Deve vassante piṇḍāya carantassa sarīrato vā cīvarato vā kiliṭṭhaudakaṃ patte patati, paṭiggahetabbaṃ. Rukkhamūlādīsu bhuñjantassa patitepi eseva nayo. Sace pana sattāhaṃ vassante deve suddhaṃ udakaṃ hoti, abbhokāsato vā patati, vaṭṭati.
๑๐๙. สามเณรสฺส โอทนํ เทเนฺตน ตสฺส ปตฺตคตํ อจฺฉุปเนฺตเนว ทาตโพฺพ, ปโตฺต วาสฺส ปฎิคฺคเหตโพฺพฯ อปฺปฎิคฺคหิเต โอทนํ ฉุปิตฺวา ปุน อตฺตโน ปเตฺต โอทนํ คณฺหนฺตสฺส อุคฺคหิตโก โหติฯ สเจ ปน ทาตุกาโม หุตฺวา ‘‘อาหร, สามเณร, ปตฺตํ, โอทนํ คณฺหาหี’’ติ วทติ, อิตโร ‘‘อลํ มยฺห’’นฺติ ปฎิกฺขิปติ, ปุน ‘‘ตเวตํ มยา ปริจฺจตฺต’’นฺติ จ วุเตฺต ‘‘น มยฺหํ เอเตนโตฺถ’’ติ วทติ, สตกฺขตฺตุมฺปิ ปริจฺจชตุ, ยาว อตฺตโน หตฺถคตํ, ตาว ปฎิคฺคหิตเมว โหติฯ สเจ ปน อาธารเก ฐิตํ นิรเปโกฺข ‘‘คณฺหาหี’’ติ วทติ, ปุน ปฎิคฺคเหตพฺพํฯ สาเปโกฺข อาธารเก ปตฺตํ ฐเปตฺวา ‘‘เอโตฺต ปูวํ วา ภตฺตํ วา คณฺหาหี’’ติ สามเณรํ วทติ, สามเณโร หตฺถํ โธวิตฺวา สเจปิ สตกฺขตฺตุํ คเหตฺวา อตฺตโน ปตฺตคตํ อผุสโนฺตว อตฺตโน ปเตฺต ปกฺขิปติ, ปุน ปฎิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิฯ ยทิ ปน อตฺตโน ปตฺตคตํ ผุสิตฺวา ตโต คณฺหาติ, สามเณรสนฺตเกน สํสฎฺฐํ โหติ, ปุน ปฎิคฺคเหตพฺพํฯ เกจิ ปน ‘‘สเจปิ คยฺหมานํ ฉิชฺชิตฺวา ตตฺถ ปตติ, ปุน ปฎิคฺคเหตพฺพ’’นฺติ วทนฺติฯ ตํ ‘‘เอกํ ภตฺตปิณฺฑํ คณฺห, เอกํ ปูวํ คณฺห, อิมสฺส คุฬปิณฺฑสฺส เอตฺตกํ ปเทสํ คณฺหา’’ติ เอวํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วุเตฺต เวทิตพฺพํ, อิธ ปน ปริเจฺฉโท นตฺถิ, ตสฺมา ยํ สามเณรสฺส ปเตฺต ปตติ, ตเทว ปฎิคฺคหณํ วิชหติ, หตฺถคตํ ปน ยาว สามเณโร วา ‘‘อล’’นฺติ น โอรมติ, ภิกฺขุ วา น วาเรติ, ตาว ภิกฺขุเสฺสว สนฺตกํ, ตสฺมา ปฎิคฺคหณํ น วิชหติฯ สเจ อตฺตโน วา ภิกฺขูนํ วา ยาคุปจนกภาชเน เกสญฺจิ อตฺถาย ภตฺตํ ปกฺขิปติ, ‘‘สามเณร, ภาชนสฺส อุปริ หตฺถํ กโรหี’’ติ วตฺวา ตสฺส หเตฺถ ปกฺขิปิตพฺพํฯ ตสฺส หตฺถโต ภาชเน ปติตญฺหิ ทุติยทิวเส ภาชนสฺส อกปฺปิยภาวํ น กโรติ ปริจฺจตฺตตฺตาฯ สเจ เอวํ อกตฺวา ปกฺขิปติ, ปตฺตมิว ภาชนํ นิรามิสํ กตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํฯ
109. Sāmaṇerassa odanaṃ dentena tassa pattagataṃ acchupanteneva dātabbo, patto vāssa paṭiggahetabbo. Appaṭiggahite odanaṃ chupitvā puna attano patte odanaṃ gaṇhantassa uggahitako hoti. Sace pana dātukāmo hutvā ‘‘āhara, sāmaṇera, pattaṃ, odanaṃ gaṇhāhī’’ti vadati, itaro ‘‘alaṃ mayha’’nti paṭikkhipati, puna ‘‘tavetaṃ mayā pariccatta’’nti ca vutte ‘‘na mayhaṃ etenattho’’ti vadati, satakkhattumpi pariccajatu, yāva attano hatthagataṃ, tāva paṭiggahitameva hoti. Sace pana ādhārake ṭhitaṃ nirapekkho ‘‘gaṇhāhī’’ti vadati, puna paṭiggahetabbaṃ. Sāpekkho ādhārake pattaṃ ṭhapetvā ‘‘etto pūvaṃ vā bhattaṃ vā gaṇhāhī’’ti sāmaṇeraṃ vadati, sāmaṇero hatthaṃ dhovitvā sacepi satakkhattuṃ gahetvā attano pattagataṃ aphusantova attano patte pakkhipati, puna paṭiggahaṇakiccaṃ natthi. Yadi pana attano pattagataṃ phusitvā tato gaṇhāti, sāmaṇerasantakena saṃsaṭṭhaṃ hoti, puna paṭiggahetabbaṃ. Keci pana ‘‘sacepi gayhamānaṃ chijjitvā tattha patati, puna paṭiggahetabba’’nti vadanti. Taṃ ‘‘ekaṃ bhattapiṇḍaṃ gaṇha, ekaṃ pūvaṃ gaṇha, imassa guḷapiṇḍassa ettakaṃ padesaṃ gaṇhā’’ti evaṃ paricchinditvā vutte veditabbaṃ, idha pana paricchedo natthi, tasmā yaṃ sāmaṇerassa patte patati, tadeva paṭiggahaṇaṃ vijahati, hatthagataṃ pana yāva sāmaṇero vā ‘‘ala’’nti na oramati, bhikkhu vā na vāreti, tāva bhikkhusseva santakaṃ, tasmā paṭiggahaṇaṃ na vijahati. Sace attano vā bhikkhūnaṃ vā yāgupacanakabhājane kesañci atthāya bhattaṃ pakkhipati, ‘‘sāmaṇera, bhājanassa upari hatthaṃ karohī’’ti vatvā tassa hatthe pakkhipitabbaṃ. Tassa hatthato bhājane patitañhi dutiyadivase bhājanassa akappiyabhāvaṃ na karoti pariccattattā. Sace evaṃ akatvā pakkhipati, pattamiva bhājanaṃ nirāmisaṃ katvā paribhuñjitabbaṃ.
๑๑๐. ทายกา ยาคุกุฎํ ฐเปตฺวา คตา, ตํ ทหรสามเณโร ปฎิคฺคณฺหาเปตุํ น สโกฺกติ, ภิกฺขุ ปตฺตํ อุปนาเมติ, สามเณโร กุฎสฺส คีวํ ปตฺตสฺส มุขวฎฺฎิยํ ฐเปตฺวา อาวเชฺชติ, ปตฺตคตา ยาคุ ปฎิคฺคหิตาว โหติฯ อถ วา ภิกฺขุ ภูมิยํ หตฺถํ ฐเปติ, สามเณโร ปวเฎฺฎตฺวา หตฺถํ อาโรเปติ, วฎฺฎติฯ ปูวปจฺฉิภตฺตปจฺฉิอุจฺฉุภาราทีสุปิ เอเสว นโยฯ สเจ ปฎิคฺคหณูปคํ ภารํ เทฺว ตโย สามเณรา เทนฺติ, เอเกน วา พลวตา อุกฺขิตฺตํ เทฺว ตโย ภิกฺขู คณฺหนฺติ, วฎฺฎติฯ มญฺจสฺส วา ปีฐสฺส วา ปาเท เตลฆฎํ วา ผาณิตฆฎํ วา ลเคฺคนฺติ, ภิกฺขุสฺส มเญฺจปิ ปีเฐปิ นิสีทิตุํ วฎฺฎติ, อุคฺคหิตกํ นาม น โหติฯ
110. Dāyakā yāgukuṭaṃ ṭhapetvā gatā, taṃ daharasāmaṇero paṭiggaṇhāpetuṃ na sakkoti, bhikkhu pattaṃ upanāmeti, sāmaṇero kuṭassa gīvaṃ pattassa mukhavaṭṭiyaṃ ṭhapetvā āvajjeti, pattagatā yāgu paṭiggahitāva hoti. Atha vā bhikkhu bhūmiyaṃ hatthaṃ ṭhapeti, sāmaṇero pavaṭṭetvā hatthaṃ āropeti, vaṭṭati. Pūvapacchibhattapacchiucchubhārādīsupi eseva nayo. Sace paṭiggahaṇūpagaṃ bhāraṃ dve tayo sāmaṇerā denti, ekena vā balavatā ukkhittaṃ dve tayo bhikkhū gaṇhanti, vaṭṭati. Mañcassa vā pīṭhassa vā pāde telaghaṭaṃ vā phāṇitaghaṭaṃ vā laggenti, bhikkhussa mañcepi pīṭhepi nisīdituṃ vaṭṭati, uggahitakaṃ nāma na hoti.
นาคทนฺตเก วา องฺกุสเก วา เทฺว เตลฆฎา ลคฺคิตา โหนฺติ อุปริ ปฎิคฺคหิตโก, เหฎฺฐา อปฺปฎิคฺคหิตโกฯ อุปริมํ คเหตุํ วฎฺฎติ, เหฎฺฐา ปฎิคฺคหิตโก, อุปริ อปฺปฎิคฺคหิตโก, อุปริมํ คเหตฺวา อิตรํ คณฺหโต อุปริโม อุคฺคหิตโก โหติฯ เหฎฺฐามเญฺจ อปฺปฎิคฺคหิตกํ เตลถาลกํ โหติ, ตเญฺจ สมฺมชฺชโนฺต สมฺมุญฺชนิยา ฆเฎฺฎติ, อุคฺคหิตกํ น โหติ, ‘‘ปฎิคฺคหิตกํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อปฺปฎิคฺคหิตกํ คเหตฺวา ญตฺวา ปุน ฐเปติ, อุคฺคหิตกํ น โหติ, พหิ นีหริตฺวา สญฺชานาติ, พหิ อฎฺฐเปตฺวา หริตฺวา ตเตฺถว ฐเปตพฺพํ, นตฺถิ โทโสฯ สเจ ปน ปุเพฺพ วิวริตฺวา ฐปิตํ, น ปิทหิตพฺพํฯ ยถา ปุเพฺพ ฐิตํ, ตเถว ฐเปตพฺพํฯ สเจ พหิ ฐเปติ, ปุน น ฉุปิตพฺพํฯ
Nāgadantake vā aṅkusake vā dve telaghaṭā laggitā honti upari paṭiggahitako, heṭṭhā appaṭiggahitako. Uparimaṃ gahetuṃ vaṭṭati, heṭṭhā paṭiggahitako, upari appaṭiggahitako, uparimaṃ gahetvā itaraṃ gaṇhato uparimo uggahitako hoti. Heṭṭhāmañce appaṭiggahitakaṃ telathālakaṃ hoti, tañce sammajjanto sammuñjaniyā ghaṭṭeti, uggahitakaṃ na hoti, ‘‘paṭiggahitakaṃ gaṇhissāmī’’ti appaṭiggahitakaṃ gahetvā ñatvā puna ṭhapeti, uggahitakaṃ na hoti, bahi nīharitvā sañjānāti, bahi aṭṭhapetvā haritvā tattheva ṭhapetabbaṃ, natthi doso. Sace pana pubbe vivaritvā ṭhapitaṃ, na pidahitabbaṃ. Yathā pubbe ṭhitaṃ, tatheva ṭhapetabbaṃ. Sace bahi ṭhapeti, puna na chupitabbaṃ.
๑๑๑. ปฎิคฺคหิตเก เตลาทิมฺหิ กณฺณิกา อุเฎฺฐติ, สิงฺคิเวราทิมฺหิ ฆนจุณฺณํ, ตํสมุฎฺฐานเมว นาม ตํ, ปุน ปฎิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิฯ ตาลํ วา นาฬิเกรํ วา อารุโฬฺห โยเตฺตน ผลปิณฺฑิํ โอตาเรตฺวา อุปริ ฐิโตว ‘‘คณฺหถา’’ติ วทติ, น คเหตพฺพํฯ สเจ อโญฺญ ภูมิยํ ฐิโต โยตฺตปาสเก คเหตฺวา อุกฺขิปิตฺวา เทติ, วฎฺฎติฯ สผลํ มหาสาขํ กปฺปิยํ กาเรตฺวา ปฎิคฺคณฺหาติ, ผลานิ ปฎิคฺคหิตาเนว โหนฺติ, ยถาสุขํ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ อโนฺตวติยํ ฐตฺวา วติํ ฉินฺทิตฺวา อุจฺฉุํ วา ติมฺพรูสกํ วา เทนฺติ, หตฺถปาเส สติ วฎฺฎติฯ ทณฺฑเกสุ อปหริตฺวา นิคฺคตํ คณฺหนฺตสฺส วฎฺฎติ, ปหริตฺวา นิคฺคเต อฎฺฐกถาสุ โทโส น ทสฺสิโตฯ มยํ ปน ‘‘ยํ ฐานํ ปหฎํ, ตโต สยํปติตมิว โหตี’’ติ ตกฺกยาม, ตมฺปิ ฐตฺวา คจฺฉเนฺต ยุชฺชติ สุงฺกฆาตโต ปวเฎฺฎตฺวา พหิปติตภณฺฑํ วิยฯ วติํ วา ปาการํ วา ลงฺฆาเปตฺวา เทนฺติ, สเจ ปน อปุถุโล ปากาโร, อโนฺตปากาเร พหิปากาเร จ ฐิตสฺส หตฺถปาโส ปโหติ, หตฺถสตมฺปิ อุทฺธํ คนฺตฺวา สมฺปตฺตํ คเหตุํ วฎฺฎติฯ
111. Paṭiggahitake telādimhi kaṇṇikā uṭṭheti, siṅgiverādimhi ghanacuṇṇaṃ, taṃsamuṭṭhānameva nāma taṃ, puna paṭiggahaṇakiccaṃ natthi. Tālaṃ vā nāḷikeraṃ vā āruḷho yottena phalapiṇḍiṃ otāretvā upari ṭhitova ‘‘gaṇhathā’’ti vadati, na gahetabbaṃ. Sace añño bhūmiyaṃ ṭhito yottapāsake gahetvā ukkhipitvā deti, vaṭṭati. Saphalaṃ mahāsākhaṃ kappiyaṃ kāretvā paṭiggaṇhāti, phalāni paṭiggahitāneva honti, yathāsukhaṃ paribhuñjituṃ vaṭṭati. Antovatiyaṃ ṭhatvā vatiṃ chinditvā ucchuṃ vā timbarūsakaṃ vā denti, hatthapāse sati vaṭṭati. Daṇḍakesu apaharitvā niggataṃ gaṇhantassa vaṭṭati, paharitvā niggate aṭṭhakathāsu doso na dassito. Mayaṃ pana ‘‘yaṃ ṭhānaṃ pahaṭaṃ, tato sayaṃpatitamiva hotī’’ti takkayāma, tampi ṭhatvā gacchante yujjati suṅkaghātato pavaṭṭetvā bahipatitabhaṇḍaṃ viya. Vatiṃ vā pākāraṃ vā laṅghāpetvā denti, sace pana aputhulo pākāro, antopākāre bahipākāre ca ṭhitassa hatthapāso pahoti, hatthasatampi uddhaṃ gantvā sampattaṃ gahetuṃ vaṭṭati.
ภิกฺขุ คิลานํ สามเณรํ ขเนฺธน วหติ, โส ผลาผลํ ทิสฺวา คเหตฺวา ขเนฺธ นิสิโนฺนว เทติ , วฎฺฎติฯ อปโร ภิกฺขุํ วหโนฺต ขเนฺธ นิสินฺนสฺส ภิกฺขุโน เทติ, วฎฺฎติเยวฯ ภิกฺขุ ผลินิํ สาขํ ฉายตฺถาย คเหตฺวา คจฺฉติ, ผลานิ ขาทิตุํ จิเตฺต อุปฺปเนฺน ปฎิคฺคหาเปตฺวา ขาทิตุํ วฎฺฎติฯ มจฺฉิกวารณตฺถํ กปฺปิยํ กาเรตฺวา ปฎิคฺคณฺหาติ, ขาทิตุกาโม เจ โหติ, มูลปฎิคฺคหณเมว วฎฺฎติ, ขาทนฺตสฺส นตฺถิ โทโสฯ ภิกฺขุ ปฎิคฺคหณารหํ ภณฺฑํ มนุสฺสานํ ยาเน ฐเปตฺวา มคฺคํ คจฺฉติ, ยานํ กทฺทเม ลคฺคติ, ทหโร จกฺกํ คเหตฺวา อุกฺขิปติ, วฎฺฎติ, อุคฺคหิตกํ นาม น โหติฯ นาวาย ฐเปตฺวา นาวํ อริเตฺตน วา ปาเชติ, หเตฺถน วา กฑฺฒติ, วฎฺฎติฯ อุฬุเมฺปปิ เอเสว นโยฯ จาฎิยํ วา กุณฺฑเก วา ฐเปตฺวาปิ ตํ อนุปสมฺปเนฺนน คาหาเปตฺวา อนุปสมฺปนฺนํ พาหายํ คเหตฺวา ตริตุํ วฎฺฎติฯ ตสฺมิมฺปิ อสติ อนุปสมฺปนฺนํ คาหาเปตฺวา ตํ พาหายํ คเหตฺวา ตริตุํ วฎฺฎติฯ
Bhikkhu gilānaṃ sāmaṇeraṃ khandhena vahati, so phalāphalaṃ disvā gahetvā khandhe nisinnova deti , vaṭṭati. Aparo bhikkhuṃ vahanto khandhe nisinnassa bhikkhuno deti, vaṭṭatiyeva. Bhikkhu phaliniṃ sākhaṃ chāyatthāya gahetvā gacchati, phalāni khādituṃ citte uppanne paṭiggahāpetvā khādituṃ vaṭṭati. Macchikavāraṇatthaṃ kappiyaṃ kāretvā paṭiggaṇhāti, khāditukāmo ce hoti, mūlapaṭiggahaṇameva vaṭṭati, khādantassa natthi doso. Bhikkhu paṭiggahaṇārahaṃ bhaṇḍaṃ manussānaṃ yāne ṭhapetvā maggaṃ gacchati, yānaṃ kaddame laggati, daharo cakkaṃ gahetvā ukkhipati, vaṭṭati, uggahitakaṃ nāma na hoti. Nāvāya ṭhapetvā nāvaṃ arittena vā pājeti, hatthena vā kaḍḍhati, vaṭṭati. Uḷumpepi eseva nayo. Cāṭiyaṃ vā kuṇḍake vā ṭhapetvāpi taṃ anupasampannena gāhāpetvā anupasampannaṃ bāhāyaṃ gahetvā tarituṃ vaṭṭati. Tasmimpi asati anupasampannaṃ gāhāpetvā taṃ bāhāyaṃ gahetvā tarituṃ vaṭṭati.
อุปาสกา คมิกภิกฺขูนํ ปาเถยฺยตณฺฑุเล เทนฺติ, สามเณรา ภิกฺขูนํ ตณฺฑุเล คเหตฺวา อตฺตโน ตณฺฑุเล คเหตุํ น สโกฺกนฺติ, ภิกฺขู เตสํ ตณฺฑุเล คณฺหนฺติ, สามเณรา อตฺตนา คหิตตณฺฑุเลสุ ขีเณสุ อิตเรหิ ตณฺฑุเลหิ ยาคุํ ปจิตฺวา สเพฺพสํ ปตฺตานิ ปฎิปาฎิยา ฐเปตฺวา ยาคุํ อากิรนฺติ, ปณฺฑิโต สามเณโร อตฺตโน ปตฺตํ คเหตฺวา เถรสฺส เทติ, เถรสฺส ปตฺตํ ทุติยเตฺถรสฺสาติ เอวํ สพฺพานิปิ ปริวเตฺตติ, สเพฺพหิ สามเณรสฺส สนฺตกํ ภุตฺตํ โหติ, วฎฺฎติฯ สเจปิ สามเณโร อปณฺฑิโต โหติ, อตฺตโน ปเตฺต ยาคุํ สยเมว ปาตุํ อารภติ, ‘‘อาวุโส, ตุยฺหํ ยาคุํ มยฺหํ เทหี’’ติ เถเรหิ ปฎิปาฎิยา ยาจิตฺวาปิ ปิวิตุํ วฎฺฎติ, สเพฺพหิ สามเณรสฺส สนฺตกเมว ภุตฺตํ โหติ, เนว อุคฺคหิตปจฺจยา, น สนฺนิธิปจฺจยา วชฺชํ ผุสนฺติฯ เอตฺถ ปน มาตาปิตูนํ เตลาทีนิ, ฉายาทีนํ อตฺถาย สาขาทีนิ จ หรนฺตานํ อิเมสญฺจ วิเสโส น ทิสฺสติ, ตสฺมา การณํ อุปปริกฺขิตพฺพํฯ
Upāsakā gamikabhikkhūnaṃ pātheyyataṇḍule denti, sāmaṇerā bhikkhūnaṃ taṇḍule gahetvā attano taṇḍule gahetuṃ na sakkonti, bhikkhū tesaṃ taṇḍule gaṇhanti, sāmaṇerā attanā gahitataṇḍulesu khīṇesu itarehi taṇḍulehi yāguṃ pacitvā sabbesaṃ pattāni paṭipāṭiyā ṭhapetvā yāguṃ ākiranti, paṇḍito sāmaṇero attano pattaṃ gahetvā therassa deti, therassa pattaṃ dutiyattherassāti evaṃ sabbānipi parivatteti, sabbehi sāmaṇerassa santakaṃ bhuttaṃ hoti, vaṭṭati. Sacepi sāmaṇero apaṇḍito hoti, attano patte yāguṃ sayameva pātuṃ ārabhati, ‘‘āvuso, tuyhaṃ yāguṃ mayhaṃ dehī’’ti therehi paṭipāṭiyā yācitvāpi pivituṃ vaṭṭati, sabbehi sāmaṇerassa santakameva bhuttaṃ hoti, neva uggahitapaccayā, na sannidhipaccayā vajjaṃ phusanti. Ettha pana mātāpitūnaṃ telādīni, chāyādīnaṃ atthāya sākhādīni ca harantānaṃ imesañca viseso na dissati, tasmā kāraṇaṃ upaparikkhitabbaṃ.
๑๑๒. สามเณโร ภตฺตํ ปจิตุกาโม ตณฺฑุเล โธวิตฺวา นิจฺจาเลตุํ น สโกฺกติ, ภิกฺขุนา ตณฺฑุเล จ ภาชนญฺจ ปฎิคฺคเหตฺวา ตณฺฑุเล โธวิตฺวา นิจฺจาเลตฺวา ภาชนํ อุทฺธนํ อาโรเปตพฺพํ, อคฺคิ น กาตโพฺพ, ปกฺกกาเล วิวริตฺวา ปกฺกภาโว ชานิตโพฺพฯ สเจ ทุปฺปกฺกํ โหติ, ปากตฺถาย ปิทหิตุํ น วฎฺฎติ, รชสฺส วา ฉาริกาย วา อปตนตฺถาย วฎฺฎติ, ปกฺกกาเล โอโรปิตุํ ภุญฺชิตุมฺปิ วฎฺฎติ, ปุน ปฎิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิฯ สามเณโร ปฎิพโล ปจิตุํ, ขโณ ปนสฺส นตฺถิ กตฺถจิ คนฺตุกาโม, ภิกฺขุนา สตณฺฑุโลทกํ ภาชนํ ปฎิคฺคเหตฺวา อุทฺธนํ อาโรเปตฺวา ‘‘อคฺคิํ ชาเลตฺวา คจฺฉา’’ติ วตฺตโพฺพฯ ตโต ปรํ ปุริมนเยเนว สพฺพํ กาตุํ วฎฺฎติฯ ภิกฺขุ ยาคุอตฺถาย สุทฺธภาชนํ อาโรเปตฺวา อุทกํ ตาเปติ, วฎฺฎติฯ ตเตฺต อุทเก สามเณโร ตณฺฑุเล ปกฺขิปติ, ตโต ปฎฺฐาย ภิกฺขุนา อคฺคิ น กาตโพฺพ, ปกฺกยาคุํ ปฎิคฺคเหตฺวา ปาตุํ วฎฺฎติฯ สามเณโร ยาคุํ ปจติ, หตฺถกุกฺกุจฺจโก ภิกฺขุ กีฬโนฺต ภาชนํ อามสติ, ปิธานํ อามสติ, อุคฺคตํ เผณํ ฉินฺทิตฺวา ปหรติ, ตเสฺสว ปาตุํ น วฎฺฎติ, ทุรุปจิณฺณํ นาม โหติฯ สเจ ปน ทพฺพิํ วา อุฬุงฺกํ วา คเหตฺวา อนุกฺขิปโนฺต อาโลเฬติ, สเพฺพสํ น วฎฺฎติ, สามํปากเญฺจว โหติ ทุรุปจิณฺณญฺจฯ สเจ อุกฺขิปติ, อุคฺคหิตกมฺปิ โหติฯ
112. Sāmaṇero bhattaṃ pacitukāmo taṇḍule dhovitvā niccāletuṃ na sakkoti, bhikkhunā taṇḍule ca bhājanañca paṭiggahetvā taṇḍule dhovitvā niccāletvā bhājanaṃ uddhanaṃ āropetabbaṃ, aggi na kātabbo, pakkakāle vivaritvā pakkabhāvo jānitabbo. Sace duppakkaṃ hoti, pākatthāya pidahituṃ na vaṭṭati, rajassa vā chārikāya vā apatanatthāya vaṭṭati, pakkakāle oropituṃ bhuñjitumpi vaṭṭati, puna paṭiggahaṇakiccaṃ natthi. Sāmaṇero paṭibalo pacituṃ, khaṇo panassa natthi katthaci gantukāmo, bhikkhunā sataṇḍulodakaṃ bhājanaṃ paṭiggahetvā uddhanaṃ āropetvā ‘‘aggiṃ jāletvā gacchā’’ti vattabbo. Tato paraṃ purimanayeneva sabbaṃ kātuṃ vaṭṭati. Bhikkhu yāguatthāya suddhabhājanaṃ āropetvā udakaṃ tāpeti, vaṭṭati. Tatte udake sāmaṇero taṇḍule pakkhipati, tato paṭṭhāya bhikkhunā aggi na kātabbo, pakkayāguṃ paṭiggahetvā pātuṃ vaṭṭati. Sāmaṇero yāguṃ pacati, hatthakukkuccako bhikkhu kīḷanto bhājanaṃ āmasati, pidhānaṃ āmasati, uggataṃ pheṇaṃ chinditvā paharati, tasseva pātuṃ na vaṭṭati, durupaciṇṇaṃ nāma hoti. Sace pana dabbiṃ vā uḷuṅkaṃ vā gahetvā anukkhipanto āloḷeti, sabbesaṃ na vaṭṭati, sāmaṃpākañceva hoti durupaciṇṇañca. Sace ukkhipati, uggahitakampi hoti.
๑๑๓. ภิกฺขุนา ปิณฺฑาย จริตฺวา อาธารเก ปโตฺต ฐปิโต โหติฯ ตตฺร เจ อโญฺญ โลลภิกฺขุ กีฬโนฺต ปตฺตํ อามสติ, ปตฺตปิธานํ อามสติ, ตเสฺสว ตโต ลทฺธภตฺตํ น วฎฺฎติฯ สเจ น ปตฺตํ อุกฺขิปิตฺวา ฐเปติ, สเพฺพสํ น วฎฺฎติฯ ตตฺถชาตกผลินิสาขาย วา วลฺลิยา วา คเหตฺวา จาเลติ, ตเสฺสว ตโต ลทฺธผลํ น วฎฺฎติ, ทุรุปจิณฺณทุกฺกฎญฺจ อาปชฺชติฯ ‘‘ผลรุกฺขํ ปน อปสฺสยิตุํ วา ตตฺถ กณฺฎกํ วา พนฺธิตุํ วฎฺฎติ, ทุรุปจิณฺณํ น โหตี’’ติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ อรเญฺญ ปติตํ ปน อมฺพผลาทิํ ทิสฺวา ‘‘สามเณรสฺส ทสฺสามี’’ติ อาหริตฺวา ทาตุํ วฎฺฎติฯ สีหวิฆาสาทิํ ทิสฺวาปิ ‘‘สามเณรสฺส ทสฺสามี’’ติ ปฎิคฺคเหตฺวา วา อปฺปฎิคฺคเหตฺวา วา อาหริตฺวา ทาตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน สโกฺกติ วิตกฺกํ โสเธตุํ, ตโต ลทฺธํ ขาทิตุมฺปิ วฎฺฎติ, เนว อามกมํสปฎิคฺคหณปจฺจยา, น อุคฺคหิตกปจฺจยา วชฺชํ ผุสติฯ มาตาปิตูนํ อตฺถาย เตลาทีนิ คเหตฺวา คจฺฉโต อนฺตรามเคฺค พฺยาธิ อุปฺปชฺชติ, ตโต ยํ อิจฺฉติ, ตํ ปฎิคฺคเหตฺวา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน มูเลปิ ปฎิคฺคหิตํ โหติ, ปุน ปฎิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิฯ มาตาปิตูนํ ตณฺฑุเล อาหริตฺวา เทติ, เต ตโตเยว ยาคุอาทีนิ สมฺปาเทตฺวา ตสฺส เทนฺติ, วฎฺฎติ, สนฺนิธิปจฺจยา อุคฺคหิตปจฺจยา วา โทโส นตฺถิฯ
113. Bhikkhunā piṇḍāya caritvā ādhārake patto ṭhapito hoti. Tatra ce añño lolabhikkhu kīḷanto pattaṃ āmasati, pattapidhānaṃ āmasati, tasseva tato laddhabhattaṃ na vaṭṭati. Sace na pattaṃ ukkhipitvā ṭhapeti, sabbesaṃ na vaṭṭati. Tatthajātakaphalinisākhāya vā valliyā vā gahetvā cāleti, tasseva tato laddhaphalaṃ na vaṭṭati, durupaciṇṇadukkaṭañca āpajjati. ‘‘Phalarukkhaṃ pana apassayituṃ vā tattha kaṇṭakaṃ vā bandhituṃ vaṭṭati, durupaciṇṇaṃ na hotī’’ti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Araññe patitaṃ pana ambaphalādiṃ disvā ‘‘sāmaṇerassa dassāmī’’ti āharitvā dātuṃ vaṭṭati. Sīhavighāsādiṃ disvāpi ‘‘sāmaṇerassa dassāmī’’ti paṭiggahetvā vā appaṭiggahetvā vā āharitvā dātuṃ vaṭṭati. Sace pana sakkoti vitakkaṃ sodhetuṃ, tato laddhaṃ khāditumpi vaṭṭati, neva āmakamaṃsapaṭiggahaṇapaccayā, na uggahitakapaccayā vajjaṃ phusati. Mātāpitūnaṃ atthāya telādīni gahetvā gacchato antarāmagge byādhi uppajjati, tato yaṃ icchati, taṃ paṭiggahetvā paribhuñjituṃ vaṭṭati. Sace pana mūlepi paṭiggahitaṃ hoti, puna paṭiggahaṇakiccaṃ natthi. Mātāpitūnaṃ taṇḍule āharitvā deti, te tatoyeva yāguādīni sampādetvā tassa denti, vaṭṭati, sannidhipaccayā uggahitapaccayā vā doso natthi.
๑๑๔. ภิกฺขุ ปิทหิตฺวา อุทกํ ตาเปติ, ยาว ปริกฺขยา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปเนตฺถ ฉาริกา ปตติ, ปฎิคฺคเหตพฺพํฯ ทีฆสณฺฑาเสน ถาลกํ คเหตฺวา เตลํ ปจนฺตสฺส ฉาริกา ปตติ, หเตฺถน อมุญฺจเนฺตเนว ปจิตฺวา โอตาเรตฺวา ปฎิคฺคเหตพฺพํฯ สเจ องฺคาราปิ ทารูนิปิ ปฎิคฺคเหตฺวา ฐปิตานิ, มูลปฎิคฺคหณเมว วฎฺฎติฯ ภิกฺขุ อุจฺฉุํ ขาทติ, สามเณโร ‘‘มยฺหมฺปิ เทถา’’ติ วทติ, ‘‘อิโต ฉินฺทิตฺวา คณฺหา’’ติ วุโตฺต คณฺหาติ, อวเสเส ปุน ปฎิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิฯ คุฬปิณฺฑํ ขาทนฺตสฺสปิ เอเสว นโยฯ วุโตฺตกาสโต ฉินฺทิตฺวา คหิตาวเสสญฺหิ อชหิตปฎิคฺคหณเมว โหติฯ ภิกฺขุ คุฬํ ภาเชโนฺต ปฎิคฺคเหตฺวา โกฎฺฐาเส กโรติ, ภิกฺขูปิ สามเณราปิ อาคนฺตฺวา เอกคฺคหเณเนว เอกเมกํ โกฎฺฐาสํ คณฺหนฺติ, คหิตาวเสสํ ปฎิคฺคหิตเมว โหติฯ สเจ โลลสามเณโร คณฺหิตฺวา คณฺหิตฺวา ปุน ฐเปติ, ตสฺส คหิตาวเสสํ อปฺปฎิคฺคหิตกเมว โหติฯ
114. Bhikkhu pidahitvā udakaṃ tāpeti, yāva parikkhayā paribhuñjituṃ vaṭṭati. Sace panettha chārikā patati, paṭiggahetabbaṃ. Dīghasaṇḍāsena thālakaṃ gahetvā telaṃ pacantassa chārikā patati, hatthena amuñcanteneva pacitvā otāretvā paṭiggahetabbaṃ. Sace aṅgārāpi dārūnipi paṭiggahetvā ṭhapitāni, mūlapaṭiggahaṇameva vaṭṭati. Bhikkhu ucchuṃ khādati, sāmaṇero ‘‘mayhampi dethā’’ti vadati, ‘‘ito chinditvā gaṇhā’’ti vutto gaṇhāti, avasese puna paṭiggahaṇakiccaṃ natthi. Guḷapiṇḍaṃ khādantassapi eseva nayo. Vuttokāsato chinditvā gahitāvasesañhi ajahitapaṭiggahaṇameva hoti. Bhikkhu guḷaṃ bhājento paṭiggahetvā koṭṭhāse karoti, bhikkhūpi sāmaṇerāpi āgantvā ekaggahaṇeneva ekamekaṃ koṭṭhāsaṃ gaṇhanti, gahitāvasesaṃ paṭiggahitameva hoti. Sace lolasāmaṇero gaṇhitvā gaṇhitvā puna ṭhapeti, tassa gahitāvasesaṃ appaṭiggahitakameva hoti.
ภิกฺขุ ธูมวฎฺฎิํ ปฎิคฺคเหตฺวา ธูมํ ปิวติ, มุขญฺจ กโณฺฐ จ มโนสิลาย ลิโตฺต วิย โหติ, ยาวกาลิกํ ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติ, ยาวกาลิเกน ยาวชีวิกสํสเคฺค โทโส นตฺถิฯ ปตฺตํ วา รชนํ วา ปจนฺตสฺส กณฺณนาสจฺฉิเทฺทหิ ธูโม ปวิสติ, พฺยาธิปจฺจยา ปุปฺผํ วา ผลํ วา อุปสิงฺฆติ, อโพฺพหาริกตฺตา วฎฺฎติฯ ภตฺตุคฺคาโร ตาลุํ อาหจฺจ อโนฺตเยว ปวิสติ, อวิสยตฺตา วฎฺฎติ, มุขํ ปวิฎฺฐํ ปน อโชฺฌหรโต วิกาเล อาปตฺติฯ ทนฺตนฺตเร ลคฺคสฺส อามิสสฺส รโส ปวิสติ, อาปตฺติเยวฯ สเจ สุขุมํ อามิสํ โหติ, รโส น ปญฺญายติ, อโพฺพหาริกปกฺขํ ภชติฯ อุปกเฎฺฐ กาเล นิรุทกฎฺฐาเน ภตฺตํ ภุญฺชิตฺวา กกฺขาเรตฺวา เทฺว ตโย เขฬปิเณฺฑ ปาเตตฺวา อุทกฎฺฐานํ คนฺตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตพฺพํฯ ปฎิคฺคเหตฺวา ฐปิตสิงฺคิเวราทีนํ องฺกุรา นิกฺขมนฺติ, ปุน ปฎิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิฯ โลเณ อสติ สมุโทฺททเกน โลณกิจฺจํ กาตุํ วฎฺฎติ, ปฎิคฺคเหตฺวา ฐปิตโลโณทกํ โลณํ โหติ, โลณํ วา อุทกํ โหติ, รโส วา ผาณิตํ โหติ, ผาณิตํ วา รโส โหติ, มูลปฎิคฺคหณเมว วฎฺฎติฯ
Bhikkhu dhūmavaṭṭiṃ paṭiggahetvā dhūmaṃ pivati, mukhañca kaṇṭho ca manosilāya litto viya hoti, yāvakālikaṃ bhuñjituṃ vaṭṭati, yāvakālikena yāvajīvikasaṃsagge doso natthi. Pattaṃ vā rajanaṃ vā pacantassa kaṇṇanāsacchiddehi dhūmo pavisati, byādhipaccayā pupphaṃ vā phalaṃ vā upasiṅghati, abbohārikattā vaṭṭati. Bhattuggāro tāluṃ āhacca antoyeva pavisati, avisayattā vaṭṭati, mukhaṃ paviṭṭhaṃ pana ajjhoharato vikāle āpatti. Dantantare laggassa āmisassa raso pavisati, āpattiyeva. Sace sukhumaṃ āmisaṃ hoti, raso na paññāyati, abbohārikapakkhaṃ bhajati. Upakaṭṭhe kāle nirudakaṭṭhāne bhattaṃ bhuñjitvā kakkhāretvā dve tayo kheḷapiṇḍe pātetvā udakaṭṭhānaṃ gantvā mukhaṃ vikkhāletabbaṃ. Paṭiggahetvā ṭhapitasiṅgiverādīnaṃ aṅkurā nikkhamanti, puna paṭiggahaṇakiccaṃ natthi. Loṇe asati samuddodakena loṇakiccaṃ kātuṃ vaṭṭati, paṭiggahetvā ṭhapitaloṇodakaṃ loṇaṃ hoti, loṇaṃ vā udakaṃ hoti, raso vā phāṇitaṃ hoti, phāṇitaṃ vā raso hoti, mūlapaṭiggahaṇameva vaṭṭati.
หิมกรกา อุทกคติกา เอวฯ ปาริหาริเกน กตกฎฺฐินา อุทกํ ปสาเทนฺติ, ตํ อโพฺพหาริกํ, อามิเสน สทฺธิํ วฎฺฎติฯ อามิสคติเกหิ กปิตฺถผลาทีหิ ปสาทิตํ ปุเรภตฺตเมว วฎฺฎติฯ โปกฺขรณีอาทีสุ อุทกํ พหลํ โหติ, วฎฺฎติฯ สเจ ปน มุเข หเตฺถ จ ลคฺคติ, น วฎฺฎติ, ปฎิคฺคเหตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํฯ เขเตฺตสุ กสิตฎฺฐาเน พหลํ อุทกํ โหติ, ปฎิคฺคเหตพฺพํฯ สเจ สนฺทิตฺวา กนฺทราทีนิ ปวิสิตฺวา นทิํ ปูเรติ, วฎฺฎติฯ กกุธโสพฺภาทโย โหนฺติ รุกฺขโต ปติเตหิ ปุเปฺผหิ สญฺฉโนฺนทกาฯ สเจ ปุปฺผรโส น ปญฺญายติ, ปฎิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิฯ ปริตฺตํ อุทกํ โหติ, รโส ปญฺญายติ, ปฎิคฺคเหตพฺพํฯ ปพฺพตกนฺทราทีสุ กาฬวณฺณปณฺณจฺฉนฺนอุทเกปิ เอเสว นโยฯ
Himakarakā udakagatikā eva. Pārihārikena katakaṭṭhinā udakaṃ pasādenti, taṃ abbohārikaṃ, āmisena saddhiṃ vaṭṭati. Āmisagatikehi kapitthaphalādīhi pasāditaṃ purebhattameva vaṭṭati. Pokkharaṇīādīsu udakaṃ bahalaṃ hoti, vaṭṭati. Sace pana mukhe hatthe ca laggati, na vaṭṭati, paṭiggahetvā paribhuñjitabbaṃ. Khettesu kasitaṭṭhāne bahalaṃ udakaṃ hoti, paṭiggahetabbaṃ. Sace sanditvā kandarādīni pavisitvā nadiṃ pūreti, vaṭṭati. Kakudhasobbhādayo honti rukkhato patitehi pupphehi sañchannodakā. Sace puppharaso na paññāyati, paṭiggahaṇakiccaṃ natthi. Parittaṃ udakaṃ hoti, raso paññāyati, paṭiggahetabbaṃ. Pabbatakandarādīsu kāḷavaṇṇapaṇṇacchannaudakepi eseva nayo.
ปานียฆเฎ สเรณุกานิ วา สวณฺฎขีรานิ วา ปุปฺผานิ ปกฺขิตฺตานิ โหนฺติ, ปฎิคฺคเหตพฺพํ, ปุปฺผานิ วา ปฎิคฺคเหตฺวา ปกฺขิปิตพฺพานิฯ ปาฎลิมลฺลิกา ปกฺขิตฺตา โหนฺติ, วาสมตฺตํ ติฎฺฐติ, ตํ อโพฺพหาริกํฯ ทุภิยทิวเสปิ อามิเสน สทฺธิํ วฎฺฎติฯ ภิกฺขุนา ฐปิตปุปฺผวาสิตกปานียโต สามเณโร ปานียํ คเหตฺวา ปีตาวเสสกํ ตเตฺถว อากิรติ, ปฎิคฺคเหตพฺพํฯ ปทุมสราทีสุ อุทกํ สนฺถริตฺวา ฐิตํ ปุปฺผเรณุํ ฆเฎน วิกฺขเมฺภตฺวา อุทกํ คเหตุํ วฎฺฎติฯ กปฺปิยํ การาเปตฺวา ปฎิคฺคเหตฺวา ฐปิตํ ทนฺตกฎฺฐํ โหติ, สเจ ตสฺส รสํ ปิวิตุกาโม , มูลปฎิคฺคหณเมว วฎฺฎติ, อปฺปฎิคฺคเหตฺวา ฐปิตํ ปฎิคฺคเหตพฺพํฯ อชานนฺตสฺส รเส ปวิเฎฺฐปิ อาปตฺติเยวฯ อจิตฺตกญฺหิ อิทํ สิกฺขาปทํฯ
Pānīyaghaṭe sareṇukāni vā savaṇṭakhīrāni vā pupphāni pakkhittāni honti, paṭiggahetabbaṃ, pupphāni vā paṭiggahetvā pakkhipitabbāni. Pāṭalimallikā pakkhittā honti, vāsamattaṃ tiṭṭhati, taṃ abbohārikaṃ. Dubhiyadivasepi āmisena saddhiṃ vaṭṭati. Bhikkhunā ṭhapitapupphavāsitakapānīyato sāmaṇero pānīyaṃ gahetvā pītāvasesakaṃ tattheva ākirati, paṭiggahetabbaṃ. Padumasarādīsu udakaṃ santharitvā ṭhitaṃ pupphareṇuṃ ghaṭena vikkhambhetvā udakaṃ gahetuṃ vaṭṭati. Kappiyaṃ kārāpetvā paṭiggahetvā ṭhapitaṃ dantakaṭṭhaṃ hoti, sace tassa rasaṃ pivitukāmo , mūlapaṭiggahaṇameva vaṭṭati, appaṭiggahetvā ṭhapitaṃ paṭiggahetabbaṃ. Ajānantassa rase paviṭṭhepi āpattiyeva. Acittakañhi idaṃ sikkhāpadaṃ.
๑๑๕. มหาภูเตสุ กิํ วฎฺฎติ, กิํ น วฎฺฎตีติ? ขีรํ ตาว วฎฺฎติ, กปฺปิยมํสขีรํ วา โหตุ อกปฺปิยมํสขีรํ วา, ปิวนฺตสฺส อนาปตฺติฯ อสฺสุ เขโฬ สิงฺฆาณิกา มุตฺตํ กรีสํ เสมฺหํ ทนฺตมลํ อกฺขิคูถโก กณฺณคูถโก สรีเร อุฎฺฐิตโลณนฺติ อิทํ สพฺพํ วฎฺฎติฯ ยํ ปเนตฺถ ฐานโต จวิตฺวา ปเตฺต วา หเตฺถ วา ปตติ, ตํ ปฎิคฺคเหตพฺพํ, องฺคลคฺคํ ปฎิคฺคหิตกเมวฯ อุณฺหปายาสํ ภุญฺชนฺตสฺส เสโท องฺคุลิอนุสาเรน เอกาพโทฺธว หุตฺวา ปายาเส สนฺติฎฺฐติ, ปิณฺฑาย วา จรนฺตสฺส หตฺถโต ปตฺตสฺส มุขวฎฺฎิโต วา ปตฺตตลํ โอโรหติ, เอตฺถ ปฎิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ, ฌามมหาภูเต อิทํ นาม น วฎฺฎตีติ นตฺถิ, ทุชฺฌาปิตํ ปน น วฎฺฎติฯ สุชฺฌาปิตํ ปน มนุสฺสฎฺฐิมฺปิ จุณฺณํ กตฺวา เลเห อุปเนตุํ วฎฺฎติฯ จตฺตาริ มหาวิกฎานิ อสติ กปฺปิยการเก สามํ คเหตฺวา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎนฺติฯ เอตฺถ จ ทุพฺพโจปิ อสมโตฺถปิ กปฺปิยการโก อสนฺตปเกฺขเยว ติฎฺฐติฯ ฉาริกาย อสติ สุกฺขทารุํ ฌาเปตฺวา ฉาริกา คเหตพฺพาฯ สุกฺขทารุมฺหิ อสติ อลฺลทารุํ รุกฺขโต ฉินฺทิตฺวาปิ กาตุํ วฎฺฎติฯ อิทํ ปน จตุพฺพิธมฺปิ มหาวิกฎํ กาโลทิสฺสํ นาม, สปฺปทฎฺฐกฺขเณเยว วฎฺฎติฯ
115. Mahābhūtesu kiṃ vaṭṭati, kiṃ na vaṭṭatīti? Khīraṃ tāva vaṭṭati, kappiyamaṃsakhīraṃ vā hotu akappiyamaṃsakhīraṃ vā, pivantassa anāpatti. Assu kheḷo siṅghāṇikā muttaṃ karīsaṃ semhaṃ dantamalaṃ akkhigūthako kaṇṇagūthako sarīre uṭṭhitaloṇanti idaṃ sabbaṃ vaṭṭati. Yaṃ panettha ṭhānato cavitvā patte vā hatthe vā patati, taṃ paṭiggahetabbaṃ, aṅgalaggaṃ paṭiggahitakameva. Uṇhapāyāsaṃ bhuñjantassa sedo aṅgulianusārena ekābaddhova hutvā pāyāse santiṭṭhati, piṇḍāya vā carantassa hatthato pattassa mukhavaṭṭito vā pattatalaṃ orohati, ettha paṭiggahaṇakiccaṃ natthi, jhāmamahābhūte idaṃ nāma na vaṭṭatīti natthi, dujjhāpitaṃ pana na vaṭṭati. Sujjhāpitaṃ pana manussaṭṭhimpi cuṇṇaṃ katvā lehe upanetuṃ vaṭṭati. Cattāri mahāvikaṭāni asati kappiyakārake sāmaṃ gahetvā paribhuñjituṃ vaṭṭanti. Ettha ca dubbacopi asamatthopi kappiyakārako asantapakkheyeva tiṭṭhati. Chārikāya asati sukkhadāruṃ jhāpetvā chārikā gahetabbā. Sukkhadārumhi asati alladāruṃ rukkhato chinditvāpi kātuṃ vaṭṭati. Idaṃ pana catubbidhampi mahāvikaṭaṃ kālodissaṃ nāma, sappadaṭṭhakkhaṇeyeva vaṭṭati.
อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห
Iti pāḷimuttakavinayavinicchayasaṅgahe
ปฎิคฺคหณวินิจฺฉยกถา สมตฺตาฯ
Paṭiggahaṇavinicchayakathā samattā.