Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๘. ปติลีนสุตฺตวณฺณนา
8. Patilīnasuttavaṇṇanā
๓๘. อฎฺฐเม อนฺตวา โลโกติ เอกปเสฺสน วฑฺฒิตํ กสิณนิมิตฺตํ ‘‘โลโก’’ติ คาเหน วา ตเกฺกน วา อุปฺปนฺนทิฎฺฐิฯ ลาภี หิ ฌานจกฺขุนา ปสฺสิตฺวา คณฺหาติ, อิตโร ตกฺกมเตฺตนฯ อนนฺตวาติ สมนฺตโต วฑฺฒิตํ อปฺปมาณํ กสิณนิมิตฺตํ ‘‘โลโก’’ติ คาเหน วา ตเกฺกน วา อุปฺปนฺนทิฎฺฐิฯ ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ ชีโว สรีรญฺจ เอกเมว วตฺถูติ อุปฺปนฺนทิฎฺฐิฯ วิสฺสฎฺฐานีติ สกปริจฺจชนวเสน นิสฺสฎฺฐานิฯ วนฺตานีติ อิทํ ปุน อนาทิยนภาวทสฺสนวเสน วุตฺตํฯ จตฺตมฺปิ หิ เกจิ คณฺหนฺติ, นยิทเมวนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘วนฺตานี’’ติ วุตฺตํฯ น หิ ยํ เยน วนฺตํ, น โส ตํ ปุน อาทียติฯ วนฺตมฺปิ กิญฺจิ สสนฺตติลคฺคํ สิยา, นยิทเมวนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘มุตฺตานี’’ติ วุตฺตํฯ เตเนวาห ‘‘ฉินฺนพนฺธนานิ กตานี’’ติ, สนฺตติโต วินิโมจนวเสน ฉินฺนพนฺธนานิ กตานีติ อโตฺถฯ มุตฺตมฺปิ กิญฺจิ มุตฺตพนฺธนํ วิย ผลํ กุหิญฺจิ ติฎฺฐติ, น เอวมิทนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปหีนานี’’ติ วุตฺตํฯ ยถา กิญฺจิ ทุนฺนิสฺสฎฺฐํ ปุน อาทาย สมฺมเทว นิสฺสฎฺฐํ ‘‘ปฎินิสฺสฎฺฐ’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ วิปสฺสนาย นิสฺสฎฺฐานิ อาทินฺนสทิสานิ มเคฺคน ปหีนานิ ปฎินิสฺสฎฺฐานิ นาม โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปฎินิสฺสฎฺฐานี’’ติ วุตฺตํฯ เตเนวาห ‘‘ยถา น ปุน จิตฺตํ อาโรหนฺติ, เอวํ ปฎินิสฺสชฺชิตานี’’ติฯ
38. Aṭṭhame antavā lokoti ekapassena vaḍḍhitaṃ kasiṇanimittaṃ ‘‘loko’’ti gāhena vā takkena vā uppannadiṭṭhi. Lābhī hi jhānacakkhunā passitvā gaṇhāti, itaro takkamattena. Anantavāti samantato vaḍḍhitaṃ appamāṇaṃ kasiṇanimittaṃ ‘‘loko’’ti gāhena vā takkena vā uppannadiṭṭhi. Taṃ jīvaṃ taṃ sarīranti jīvo sarīrañca ekameva vatthūti uppannadiṭṭhi. Vissaṭṭhānīti sakapariccajanavasena nissaṭṭhāni. Vantānīti idaṃ puna anādiyanabhāvadassanavasena vuttaṃ. Cattampi hi keci gaṇhanti, nayidamevanti dassanatthaṃ ‘‘vantānī’’ti vuttaṃ. Na hi yaṃ yena vantaṃ, na so taṃ puna ādīyati. Vantampi kiñci sasantatilaggaṃ siyā, nayidamevanti dassanatthaṃ ‘‘muttānī’’ti vuttaṃ. Tenevāha ‘‘chinnabandhanāni katānī’’ti, santatito vinimocanavasena chinnabandhanāni katānīti attho. Muttampi kiñci muttabandhanaṃ viya phalaṃ kuhiñci tiṭṭhati, na evamidanti dassanatthaṃ ‘‘pahīnānī’’ti vuttaṃ. Yathā kiñci dunnissaṭṭhaṃ puna ādāya sammadeva nissaṭṭhaṃ ‘‘paṭinissaṭṭha’’nti vuccati, evaṃ vipassanāya nissaṭṭhāni ādinnasadisāni maggena pahīnāni paṭinissaṭṭhāni nāma hontīti dassanatthaṃ ‘‘paṭinissaṭṭhānī’’ti vuttaṃ. Tenevāha ‘‘yathā na puna cittaṃ ārohanti, evaṃ paṭinissajjitānī’’ti.
กาเมสนาติ กามานํ เอสนา, กามสงฺขาตา วา เอสนา กาเมสนาฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘ตตฺถ กตมา กาเมสนา? โย กาเมสุ กามจฺฉโนฺท กามราโค กามนนฺที กามปิปาสา กามมุจฺฉา กามโชฺฌสานํ, อยํ วุจฺจติ กาเมสนา’’ติ, ตสฺมา กามราโค ‘‘กาเมสนา’’ติ เวทิตโพฺพฯ เตเนวาห ‘‘กาเมสนา…เป.… อนาคามิมเคฺคน ปหีนา’’ติฯ ภวานํ เอสนา ภเวสนาฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ตตฺถ กตมา ภเวสนา? โย ภเวสุ ภวจฺฉโนฺท…เป.… ภวโชฺฌสานํ, อยํ วุจฺจติ ภเวสนา’’ติ, ตสฺมา ภเวสนราโค รูปารูปภวปตฺถนาติ เวทิตโพฺพฯ เตเนวาห ‘‘ภเวสนา ปน อรหตฺตมเคฺคน ปหียตี’’ติฯ
Kāmesanāti kāmānaṃ esanā, kāmasaṅkhātā vā esanā kāmesanā. Vuttañhetaṃ ‘‘tattha katamā kāmesanā? Yo kāmesu kāmacchando kāmarāgo kāmanandī kāmapipāsā kāmamucchā kāmajjhosānaṃ, ayaṃ vuccati kāmesanā’’ti, tasmā kāmarāgo ‘‘kāmesanā’’ti veditabbo. Tenevāha ‘‘kāmesanā…pe… anāgāmimaggena pahīnā’’ti. Bhavānaṃ esanā bhavesanā. Vuttampi cetaṃ ‘‘tattha katamā bhavesanā? Yo bhavesu bhavacchando…pe… bhavajjhosānaṃ, ayaṃ vuccati bhavesanā’’ti, tasmā bhavesanarāgo rūpārūpabhavapatthanāti veditabbo. Tenevāha ‘‘bhavesanā pana arahattamaggena pahīyatī’’ti.
พฺรหฺมจริยสฺส เอสนา พฺรหฺมจริเยสนาฯ สา จ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส, ทิฎฺฐิคติกสมฺมตพฺรหฺมจริยสฺส จ คเวสนวเสน ทฺวิปฺปการาติ อาห ‘‘พฺรหฺมจริยํ เอสิสฺสามี’’ติอาทิฯ ทิฎฺฐิคติกสมฺมตสฺส พฺรหฺมจริยสฺส เอสนาปิ หิ พฺรหฺมจริเยสนาติ วุจฺจติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Brahmacariyassa esanā brahmacariyesanā. Sā ca maggabrahmacariyassa, diṭṭhigatikasammatabrahmacariyassa ca gavesanavasena dvippakārāti āha ‘‘brahmacariyaṃ esissāmī’’tiādi. Diṭṭhigatikasammatassa brahmacariyassa esanāpi hi brahmacariyesanāti vuccati. Vuttampi cetaṃ –
‘‘ตตฺถ กตมา พฺรหฺมจริเยสนา? สสฺสโต โลโกติ วา, อสสฺสโต โลโกติ วา, อนฺตวา โลโกติ วา, อนนฺตวา โลโกติ วา, ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ วา, อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺติ วา, โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, ยา เอวรูปา ทิฎฺฐิ ทิฎฺฐิคตํ ทิฎฺฐิคหนํ ทิฎฺฐิกนฺตารํ ทิฎฺฐิวิสูกายิกํ ทิฎฺฐิวิปฺผนฺทิตํ ทิฎฺฐิสํโยชนํ คาโห ปติฎฺฐาโห อภินิเวโส ปรามาโส กุมฺมโคฺค มิจฺฉาปโถ มิจฺฉตฺตํ ติตฺถายตนํ วิปริเยสคฺคาโห, อยํ วุจฺจติ พฺรหฺมจริเยสนา’’ติ (วิภ. ๙๑๙)ฯ
‘‘Tattha katamā brahmacariyesanā? Sassato lokoti vā, asassato lokoti vā, antavā lokoti vā, anantavā lokoti vā, taṃ jīvaṃ taṃ sarīranti vā, aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīranti vā, hoti tathāgato paraṃ maraṇāti vā, na hoti tathāgato paraṃ maraṇāti vā, hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇāti vā, neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇāti vā, yā evarūpā diṭṭhi diṭṭhigataṃ diṭṭhigahanaṃ diṭṭhikantāraṃ diṭṭhivisūkāyikaṃ diṭṭhivipphanditaṃ diṭṭhisaṃyojanaṃ gāho patiṭṭhāho abhiniveso parāmāso kummaggo micchāpatho micchattaṃ titthāyatanaṃ vipariyesaggāho, ayaṃ vuccati brahmacariyesanā’’ti (vibha. 919).
ตสฺมา ทิฎฺฐิคติกสมฺมตสฺส พฺรหฺมจริยสฺส เอสนา ทิฎฺฐพฺรหฺมจริเยสนาติ เวทิตพฺพาฯ เตเนวาห ‘‘ทิฎฺฐิพฺรหฺมจริเยสนา ปน โสตาปตฺติมเคฺคเนว ปฎิปฺปสฺสมฺภตี’’ติฯ เอตฺตาวตา จ ราคทิฎฺฐิโย เอสนาติ ทสฺสิตํ โหติฯ น เกวลญฺจ ราคทิฎฺฐิโย เอว เอสนา, ตเทกฎฺฐํ กมฺมมฺปิฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Tasmā diṭṭhigatikasammatassa brahmacariyassa esanā diṭṭhabrahmacariyesanāti veditabbā. Tenevāha ‘‘diṭṭhibrahmacariyesanā pana sotāpattimaggeneva paṭippassambhatī’’ti. Ettāvatā ca rāgadiṭṭhiyo esanāti dassitaṃ hoti. Na kevalañca rāgadiṭṭhiyo eva esanā, tadekaṭṭhaṃ kammampi. Vuttampi cetaṃ –
‘‘ตตฺถ กตมา กาเมสนา? กามราโค ตเทกฎฺฐํ อกุสลํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมํ, อยํ วุจฺจติ กาเมสนาฯ ตตฺถ กตมา ภเวสนา? ภวราโค ตเทกฎฺฐํ อกุสลํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมํ, อยํ วุจฺจติ ภเวสนาฯ ตตฺถ กตมา พฺรหฺมจริเยสนา? อนฺตคฺคาหิกา ทิฎฺฐิ ตเทกฎฺฐํ อกุสลํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมํ, อยํ วุจฺจติ พฺรหฺมจริเยสนา’’ติ (วิภ. ๙๑๙)ฯ
‘‘Tattha katamā kāmesanā? Kāmarāgo tadekaṭṭhaṃ akusalaṃ kāyakammaṃ vacīkammaṃ manokammaṃ, ayaṃ vuccati kāmesanā. Tattha katamā bhavesanā? Bhavarāgo tadekaṭṭhaṃ akusalaṃ kāyakammaṃ vacīkammaṃ manokammaṃ, ayaṃ vuccati bhavesanā. Tattha katamā brahmacariyesanā? Antaggāhikā diṭṭhi tadekaṭṭhaṃ akusalaṃ kāyakammaṃ vacīkammaṃ manokammaṃ, ayaṃ vuccati brahmacariyesanā’’ti (vibha. 919).
นววิธมาโนติ ‘‘เสยฺยสฺส เสโยฺยหมสฺมี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๔.๑๐๘; ธ. ส. ๑๑๒๑; วิภ. ๘๖๖; มหานิ. ๒๑) อาคโต นววิธมาโนฯ
Navavidhamānoti ‘‘seyyassa seyyohamasmī’’tiādinā (saṃ. ni. 4.108; dha. sa. 1121; vibha. 866; mahāni. 21) āgato navavidhamāno.
‘‘กาเมสนา’’ติอาทิคาถาย ปน พฺรหฺมจริเยสนา สหาติ พฺรหฺมจริเยสนาย สทฺธิํฯ วิภตฺติโลเปน หิ อยํ นิเทฺทโสฯ กรณเตฺถ วา เอตํ ปจฺจตฺตวจนํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘พฺรหฺมจริเยสนาย สทฺธิํ กาเมสนา ภเวสนาติ ติโสฺส เอสนา’’ติฯ ตาสุ พฺรหฺมจริเยสนํ สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘อิติสจฺจปรามาโส, ทิฎฺฐิฎฺฐานา สมุสฺสยา’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ – อิติ เอวํ สจฺจนฺติ ปรามาโส อิติสจฺจปรามาโสฯ อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ ทิฎฺฐิยา ปวตฺติอาการํ ทเสฺสติฯ ทิฎฺฐิโย เอว สพฺพานตฺถเหตุภาวโต ทิฎฺฐิฎฺฐานาฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิปรมาหํ, ภิกฺขเว, วชฺชํ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐)ฯ ตา เอว จ อุปรูปริ วุทฺธิยา มานโลภาทิกิเลสสมุสฺสยเนน วฎฺฎทุกฺขสมุสฺสยเนน จ สมุสฺสยา, ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติ มิจฺฉาภินิวิสมานา สพฺพานตฺถเหตุกา กิเลสทุกฺขูปจยโต เหตุภูตา จ ทิฎฺฐิโย พฺรหฺมจริเยสนาติ วุตฺตํ โหติฯ เอเตน ปวตฺติอาการโต นิพฺพตฺติโต จ พฺรหฺมจริเยสนา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพาฯ
‘‘Kāmesanā’’tiādigāthāya pana brahmacariyesanā sahāti brahmacariyesanāya saddhiṃ. Vibhattilopena hi ayaṃ niddeso. Karaṇatthe vā etaṃ paccattavacanaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti ‘‘brahmacariyesanāya saddhiṃ kāmesanā bhavesanāti tisso esanā’’ti. Tāsu brahmacariyesanaṃ sarūpato dassetuṃ ‘‘itisaccaparāmāso, diṭṭhiṭṭhānā samussayā’’ti vuttaṃ. Tassattho – iti evaṃ saccanti parāmāso itisaccaparāmāso. Idameva saccaṃ moghamaññanti diṭṭhiyā pavattiākāraṃ dasseti. Diṭṭhiyo eva sabbānatthahetubhāvato diṭṭhiṭṭhānā. Vuttañhetaṃ – ‘‘micchādiṭṭhiparamāhaṃ, bhikkhave, vajjaṃ vadāmī’’ti (a. ni. 1.310). Tā eva ca uparūpari vuddhiyā mānalobhādikilesasamussayanena vaṭṭadukkhasamussayanena ca samussayā, ‘‘idameva saccaṃ moghamañña’’nti micchābhinivisamānā sabbānatthahetukā kilesadukkhūpacayato hetubhūtā ca diṭṭhiyo brahmacariyesanāti vuttaṃ hoti. Etena pavattiākārato nibbattito ca brahmacariyesanā dassitāti veditabbā.
สพฺพราควิรตฺตสฺสาติ สเพฺพหิ กามภวราเคหิ วิรตฺตสฺสฯ ตโต เอว ตณฺหากฺขยสงฺขาเต นิพฺพาเน วิมุตฺตตฺตา ตณฺหากฺขยวิมุตฺติโน อรหโตฯ เอสนา ปฎินิสฺสฎฺฐาติ กาเมสนา, ภเวสนา สพฺพโส นิสฺสฎฺฐา ปหีนาฯ ทิฎฺฐิฎฺฐานา สมูหตาติ พฺรหฺมจริเยสนาสงฺขาตา ทิฎฺฐิฎฺฐานา จ ปฐมมเคฺคเนว สมุคฺฆาติตาฯ เอวมฺปิ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา เวทิตพฺพาฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Sabbarāgavirattassāti sabbehi kāmabhavarāgehi virattassa. Tato eva taṇhākkhayasaṅkhāte nibbāne vimuttattā taṇhākkhayavimuttino arahato. Esanā paṭinissaṭṭhāti kāmesanā, bhavesanā sabbaso nissaṭṭhā pahīnā. Diṭṭhiṭṭhānā samūhatāti brahmacariyesanāsaṅkhātā diṭṭhiṭṭhānā ca paṭhamamaggeneva samugghātitā. Evampi imissā gāthāya atthavaṇṇanā veditabbā. Sesaṃ suviññeyyameva.
ปติลีนสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Patilīnasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๘. ปติลีนสุตฺตํ • 8. Patilīnasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๘. ปติลีนสุตฺตวณฺณนา • 8. Patilīnasuttavaṇṇanā